00:00:00 → 00:00:03 Single Being podcast about Living
00:00:03 → 00:00:07 your Best Single Life โดยหมอผิง
00:00:07 → 00:00:11 แพทย์หญิงธิดาการรุจิพัฒนกุล
00:00:11 → 00:00:15 ซึ่งหัวข้อในวันนี้ค่ะเป็นเรื่องที่หมอ
00:00:15 → 00:00:17 ว่าค่อนข้างสำคัญเลยนะคะแล้วก็โดยเฉพาะคน
00:00:17 → 00:00:19 ที่รู้สึกว่าแบบเฮ้ยฉันเบิร์น Out อ่ะฉัน
00:00:19 → 00:00:22 เหนื่อยง่ายคนที่ต้องใช้สมองเยอะนะคะหรือ
00:00:22 → 00:00:25 ว่าใช้สมองแล้วก็พอตกเย็นเนี่ยมันแบบมัน
00:00:25 → 00:00:28 มึนมันคิดงานไม่ออกรู้สึกสมองมันล้านะคะ
00:00:28 → 00:00:30 ต้องฟังเลยค่ะเพราะว่าตอนที่หมอนำมาเล่า
00:00:30 → 00:00:33 ในวันเนี้ยคือเรื่องของ Brain Break นะ
00:00:33 → 00:00:36 คะซึ่ง Brain bak คืออะไรนะคะแล้วก็มัน
00:00:36 → 00:00:38 มีวิทยาศาสตร์เนี่ยอธิบายเรื่องอย่างนี้
00:00:38 → 00:00:40 ได้ยังไงนะคะแล้วมันไม่ใช่แค่การป้องกัน
00:00:41 → 00:00:43 ล้าแต่ว่ามันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ
00:00:43 → 00:00:46 งานได้ยังไงแล้วก็ทริปส่วนตัวที่หมอจะมา
00:00:46 → 00:00:48 แชร์ให้ฟังด้วย
00:00:49 → 00:00:53 ค่ะดีที่อยู่เดียว Presented by ไทย
00:00:53 → 00:00:57 ประกัน
00:00:57 → 00:01:00 ชีวิตสวัสดีค่ะคุณผู้ฟังพบกันอีกครั้งนะ
00:01:00 → 00:01:02 คะกับหมอผิงแพทย์หญิงธิดาการรุจิพัฒนกุล
00:01:03 → 00:01:06 และ Single be พแสที่อยากให้คุณสนุกแล้ว
00:01:06 → 00:01:08 ก็มีความสุขทุกๆครั้งที่ฟังค่ะไม่ว่าจะ
00:01:08 → 00:01:11 ฟังอยู่คนเดียวหรือฟังอยู่กับใครขับรถ
00:01:11 → 00:01:14 อยู่หรือว่าทำอะไรอยู่นะคะก็อยากจะให้ฟัง
00:01:14 → 00:01:17 แล้วก็ได้สาระดีๆนะคะแล้วก็ฟังกันเพลินๆ
00:01:17 → 00:01:19 ด้วยซึ่งหัวข้อในวันนี้ค่ะเป็นเรื่องที่
00:01:19 → 00:01:22 หมอว่าค่อนข้างสำคัญเลยนะคะแล้วก็นำไปใช้
00:01:22 → 00:01:24 ได้หลากหลายไม่ว่าคุณผู้ฟังเนี่ยจะเป็น
00:01:24 → 00:01:26 นักเรียนนักศึกษาหรือว่าคนทำงานนะคะโดย
00:01:26 → 00:01:29 เฉพาะคนที่รู้สึกว่าแบบเฮ้ยฉันเบิร์น Out
00:01:29 → 00:01:31 อ่ะฉันเหนื่อยง่ายคนที่ต้องใช้สมองเยอะนะ
00:01:31 → 00:01:34 คะหรือว่าใช้สมองแล้วก็พอตกเย็นเนี่ยมัน
00:01:34 → 00:01:37 แบบมันมึนมันคิดงานไม่ออกรู้สึกสมองมัน
00:01:37 → 00:01:40 ล้านะคะต้องฟังเลยค่ะเพราะว่าตอนที่หมอนำ
00:01:40 → 00:01:42 มาเล่าในวันเนี้ยคือเรื่องของ Brain
00:01:42 → 00:01:44 Break นะคะซึ่ง Brain Break คืออะไรนะ
00:01:45 → 00:01:47 คะแล้วก็มันมีวิทยาศาสตร์เนี่ยอธิบาย
00:01:47 → 00:01:49 เรื่องอย่างนี้ได้ยังไงนะคะแล้วมันไม่ใช่
00:01:49 → 00:01:52 แค่การป้องกันล้าแต่ว่ามันช่วยเพิ่ม
00:01:52 → 00:01:54 ประสิทธิภาพการทำงานได้ยังไงแล้วก็ทริป
00:01:54 → 00:01:57 ส่วนตัวที่หมอจะมาแชร์ให้ฟังด้วยค่ะเริ่ม
00:01:57 → 00:02:00 จากเรื่องแรกก่อนเลยนะคะว่าเป็นเบกเนี่ย
00:02:00 → 00:02:02 คืออะไรคือเราต้องเข้าใจว่ามันคือการพัก
00:02:02 → 00:02:06 สมองในช่วงเวลาสั้นๆระหว่างการทำงานคุณ
00:02:06 → 00:02:09 ผู้ฟังลองนึกภาพรถแข่ง Formula 1 น่ะค่ะ
00:02:09 → 00:02:12 เวลามันแข่งในสนามเนี่ยมันจะต้องมีจุดที่
00:02:12 → 00:02:15 เขาแบบเข้าพิ Stop ไปพักเป็นระยะๆะแล้วก็
00:02:15 → 00:02:19 ค่อยไปแข่งต่อใช่มั้ยคะนั่นน่ะค่ะสมองเรา
00:02:19 → 00:02:21 ก็เหมือนกันหรือเหมือนตอนที่เรายกเวทเวลา
00:02:21 → 00:02:24 เรายกเวทเนี่ยเราอาจจะยกเซตนึง 12 ทีเรา
00:02:24 → 00:02:26 ก็จะต้องมีการพักระหว่างเซตเพื่อให้กล้าม
00:02:26 → 00:02:28 เนื้อมันได้พักใช่มั้ยคะจะเห็นได้ว่าไม่
00:02:28 → 00:02:31 ว่าจะรถมูล่าหรือว่าการยกเวทเนี่ยมันต้อง
00:02:31 → 00:02:34 มีการพักแต่ทำไมเวลาเราทำงานโดยเฉพาะเวลา
00:02:34 → 00:02:36 เราเข้า Flow state เนี่ยเรามักจะแบบทำ
00:02:36 → 00:02:39 งานยาวๆไม่ยอมพักนะคะซึ่งตรงนั้นแหละมัน
00:02:39 → 00:02:42 จะทำให้เราเนี่ยประสิทธิภาพการทำงานแย่ลง
00:02:42 → 00:02:44 ดังนั้นเนี่ยการ Brain Break เนี่ยคือ
00:02:44 → 00:02:48 เทคนิคในการพักอย่างมีกลยุทธ์นะคะเพื่อ
00:02:48 → 00:02:50 ให้สมองเนี่ยทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
00:02:50 → 00:02:54 ทำไมต้องพักนะคะคือจริงๆร่างกายเรามันมี
00:02:54 → 00:02:57 จังหวะของมันค่ะเหมือนอย่างเวลาเรานอนเรา
00:02:57 → 00:03:00 ตื่นเนี่ยมันก็จะมีจังหวะของการนอนการ
00:03:00 → 00:03:03 ตื่นตามช่วงเวลาตัวสมองเราเองอ่ะมันก็มี
00:03:03 → 00:03:06 จังหวะเช่นกันนะมันเรียกว่าเป็น ultradent
00:03:06 → 00:03:09 rit เป็นจังหวะที่ตัวสมองเราอ่ะมันจะ
00:03:09 → 00:03:11 สามารถที่จะเซลล์สมองมันจะทำงานได้ดีมาก
00:03:11 → 00:03:14 แบบพีคขึ้นมาเลยแล้วมันก็จะต้องมีจังหวะ
00:03:14 → 00:03:17 ที่มันลดลงประสิทธิภาพการทำงานลดลงซึ่ง
00:03:17 → 00:03:20 ไอ้จังหวะการพีคโฟกัสเนี่ยคุณผู้ฟังคิด
00:03:20 → 00:03:22 ว่าคนเราเนี่ยสามารถที่จะโฟกัสทำงานได้
00:03:22 → 00:03:25 แบบมีประสิทธิภาพเต็มที่ได้กี่นาทีคะเอา
00:03:25 → 00:03:29 ของตัวเองก็ได้อ่าวิทยาศาสตร์บอกว่าได้
00:03:29 → 00:03:31 ไม่เกิน 90 นาทีค่ะซึ่งใครที่บอกว่าอุ้ย
00:03:31 → 00:03:34 ไม่จริงฉันแบบทำงานได้ยาวๆ 2-3 ชั่วโมง
00:03:34 → 00:03:36 อะไรอย่างงี้อันนี้อาจจะกำลังหลอกตัวเอง
00:03:36 → 00:03:38 อยู่นะคะเพราะว่าจริงๆการลากยาวๆโดยไม่
00:03:38 → 00:03:41 พักเลยเกินกว่า 90 นาทีเนี่ยเขาบอกว่า
00:03:41 → 00:03:44 ประสิทธิภาพการทำงานของสมองเนี่ยมันจะลด
00:03:44 → 00:03:47 ลงมันจะเกิดเรื่องของการล้าของสมองขึ้น
00:03:47 → 00:03:50 ดังนั้นเนี่ยการที่เราเบรคเป็นระยะๆะ
00:03:50 → 00:03:53 เนี่ยมันจะช่วยป้องกันการล้าได้มีงาน
00:03:53 → 00:03:55 วิจัยสนับสนุนนะคะจากมหาวิทยาลัยอิลินอย
00:03:55 → 00:03:58 ของสหรัฐอเมริกาเขาให้กลุ่มตัวอย่างเนี่ย
00:03:58 → 00:04:02 มาทำงานนะคะกลุ่มนึงเนี่ยไม่ได้ให้เบรค
00:04:02 → 00:04:04 เลยและอีกกลุ่มนึงเนี่ยให้ทำ Brain Break
00:04:04 → 00:04:07 เป็นระยะๆะเาก็พบว่ากลุ่มที่ได้เบรคเป็น
00:04:07 → 00:04:09 ระยะเนี่ยจะ perform หรือทำได้ดีกว่านะคะ
00:04:09 → 00:04:12 ทำ tas ต่างๆได้ดีกว่าดังนั้นการที่เรา
00:04:12 → 00:04:15 เนี่ยตั้งเวลาให้พักมันไม่ใช่แค่การป้อง
00:04:15 → 00:04:18 กันการล้าแต่มันเป็นการ optimize ทำให้
00:04:18 → 00:04:21 สมองเราเนี่ยทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
00:04:21 → 00:04:24 นะคะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเพิ่ม
00:04:24 → 00:04:26 creativity บางคนอาจจะสังเกตว่าเออบางที
00:04:26 → 00:04:29 เราคิดงานไปคิดงานมามันคิดไม่ออกนะพอเรา
00:04:29 → 00:04:33 เราเบรคปึ๊บอยู่ๆมันก็แบบอ้าคิดออกแล้ว
00:04:33 → 00:04:35 ขึ้นมาบางทีมันคิดออกเมื่อเราหยุดคิดอ่า
00:04:36 → 00:04:38 ดังนั้นเนี่ยการที่เราพักมันก็จะเพิ่ม
00:04:38 → 00:04:40 productivity เพิ่ม creativity นะคะแล้ว
00:04:40 → 00:04:44 ก็ป้องกันการ burn Out ด้วยนะคะก็คือพัก
00:04:44 → 00:04:47 ก่อนที่มันจะพังนอกจากการป้องกันเรื่อง
00:04:47 → 00:04:49 ของสมองแล้วอ่ะการที่เรามีเวลาพักเป็น
00:04:49 → 00:04:52 ระยะๆะก็ยังช่วยลดในเรื่องของการล้าของตา
00:04:52 → 00:04:54 การปวดเมื่อยกล้ามเนื้อนะคะโดยเฉพาะถ้า
00:04:55 → 00:04:57 เราพักแล้วเรามีการขยับร่างกายร่วมด้วยนะ
00:04:57 → 00:05:01 คะซึ่งมาถึงเทคนิคค่ะเทคนิคที่จะนำไปใช้
00:05:01 → 00:05:04 สำหรับการทำ Bin Break นะคะแบบ practical
00:05:04 → 00:05:07 เลยเนี่ยมันจะมีอยู่ 2 แบบขึ้นอยู่กับว่า
00:05:07 → 00:05:09 คุณผู้ฟังเนี่ยเป็นคนที่เวลาทำงานแล้ว
00:05:09 → 00:05:13 เค้าเรียกว่ารำมวยนานมยบางคนเนี่ยกว่าจะ
00:05:13 → 00:05:16 แบบเหมือนโฟกัสได้กว่าจะเข้าสู่ Flow
00:05:16 → 00:05:18 state ที่แบบทำงานได้แบบคิดต่อเนื่องได้
00:05:18 → 00:05:22 ดีๆเนี่ยใช้เวลาในการแบบรำมวยนานเนาะอัน
00:05:22 → 00:05:25 นั้นก็จะใช้เทคนิคที่ 2 แต่ถ้าใครที่แบบ
00:05:25 → 00:05:28 สามารถโฟกัสได้เร็วพอเข้าเปิดไฟล์ Excel
00:05:28 → 00:05:31 ปุ๊บปึ๊บๆๆๆเข้าโสสเลยอย่างเงี้ยอันเนี้ย
00:05:31 → 00:05:34 หมอแนะนำเป็น pomodoro เทคนินะคะ pomodoro
00:05:34 → 00:05:37 เนี่ยเป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่ามะเขือเทศ
00:05:37 → 00:05:40 คุณผู้ฟังเคยเห็นไอ้ตัวนาฬิกาที่มันเป็น
00:05:41 → 00:05:43 รูปมะเขือเทศที่เขาเอาไว้ตั้งเวลาเวลาทำ
00:05:43 → 00:05:45 ครัวมั้ยคะเทคนิคเนี้ยมันมาจากอันนี้ก็
00:05:45 → 00:05:48 คือว่าให้เราเนี่ยตั้งเวลาเซต Timer ไว้
00:05:49 → 00:05:50 นะคะซึ่งปัจจุบันเราไม่ต้องไปซื้อนาฬิกา
00:05:50 → 00:05:52 เนาะปัจจุบันก็ใช้มือถือเอาก็ได้เซต Timer
00:05:53 → 00:05:56 ไว้ 25 นาทีค่ะอ่ะแต่ก่อนจะไปเซต Timer
00:05:56 → 00:05:59 นะคุณผู้ฟังต้องแตกทางานที่จะทำในวันนั้น
00:05:59 → 00:06:01 ก่อนเช่นสมมุติวันเนี้ยเราตั้งใจจจะทำ
00:06:01 → 00:06:04 อะไรบ้างก็ให้เขียนมาว่าจะทำอะไรบ้าง 1 2
00:06:04 → 00:06:08 3 4 5 6 7 8 เราก็ค่อยๆไล่ทำทีละทา
00:06:08 → 00:06:12 นะคะโดยเราตั้งเวลาในการทำงานเนี่ย 25
00:06:12 → 00:06:16 นาทีค่ะพอ 25 นาทีปึ๊บหยุดเลยนะคะหยุดทัน
00:06:16 → 00:06:19 ทีแต่ในช่วง 25 นาทีที่ทำเนี่ยให้ทำแบบ
00:06:19 → 00:06:21 ต่อเนื่องไม่ให้มีอะไรรบกวนไม่ใช่ว่าทำ
00:06:21 → 00:06:24 แล้วก็ไปเช็คอีเมลทำแล้วก็ไปเล่นกับหมา
00:06:25 → 00:06:28 อะไรงี้ไม่ได้นะคะต้องทำต่อเนื่อง 25
00:06:28 → 00:06:31 นาทีโดยไม่มีรบกวนนะคะอาจจะแบบปิดโนติของ
00:06:32 → 00:06:34 มือถือหรืออะไรต่างๆด้วยนะคะแล้วทำต่อ
00:06:34 → 00:06:37 เนื่อง 25 นาที 25 นาทีปุ๊บต่อให้ยังทำ
00:06:37 → 00:06:40 ได้ดีอยู่ก็ต้องบังคับตัวเองให้หยุดค่ะ
00:06:40 → 00:06:44 หยุดเลย 5 นาทีนะคะแล้วระหว่างที่หยุด 5
00:06:44 → 00:06:46 นาทีเนี่ยพยายามอาจจะมองออกไปนอกหน้าต่าง
00:06:47 → 00:06:50 อาจจะลุกขึ้นยืดตัวเดินหรือใครชอบฟังเพลง
00:06:50 → 00:06:52 ก็เปิดเพลงเต้นหรืออะไรก็ตามให้มันมีการ
00:06:52 → 00:06:55 ขยับร่างกายออกจากเก้าอี้นั่งจากนั้นนะคะ
00:06:55 → 00:06:59 ก็กลับมาทำต่ออีก 25 นาทีแล้วก็พักอีก 5
00:06:59 → 00:07:03 นาทีทำแบบนี้ค่ะ 4 รอบพอครบ 4 รอบปึ๊บ
00:07:03 → 00:07:06 สำคัญมากต้องพักยาว 30 นาทีบ้างละทำแบบเ
00:07:06 → 00:07:09 เป็นรอบไปเรื่อยๆนะคะก็จะช่วยให้เราเนี่ย
00:07:09 → 00:07:12 ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากๆแต่ถ้าสำหรับคน
00:07:12 → 00:07:14 ที่บอกว่าอ่ะรำมวยนานเนาะกว่าจะสามารถ
00:07:14 → 00:07:17 เข้าสู่ Flow state ได้ใช้เวลานานเราจะ
00:07:17 → 00:07:21 ปรับเวลาค่ะเป็น 50 10 ก็คือใช้เวลาใน
00:07:21 → 00:07:24 การโฟกัสกว่าจะเข้าทำงานได้เนี่ยแล้วก็ทำ
00:07:24 → 00:07:27 งานยาวไป 5050 นาทีแล้วก็พัก 10 นาทีนะคะ
00:07:27 → 00:07:29 วิธีเนี้ยก็จะเหมาะกับคนที่แบบแบบต้องใช้
00:07:29 → 00:07:32 เวลานานหน่อยนะคะส่วนทิปส่วนตัวนะคะของ
00:07:32 → 00:07:37 หมอเนี่ยหมอว่าสำคัญเลยคือสิ่งแวดล้อมคือ
00:07:37 → 00:07:39 เราจะทำงานได้ดีหรือคิดได้ดีสมองเราจะไม่
00:07:39 → 00:07:42 ล้าเนี่ยสิ่งแวดล้อมมันต้องเอื้อนะคะไม่
00:07:42 → 00:07:46 ว่าจะโต๊ะเก้าอี้อุณหภูมิแสงสว่างแล้วก็
00:07:46 → 00:07:49 ไม่มีสิ่งเร้าที่มันกวนใจ 2 เนี่ยการแตก
00:07:50 → 00:07:54 งานเป็นทาเนี่ยสำคัญสมมุติเราจะทำพีชเสนอ
00:07:54 → 00:07:57 เจ้านายอันเนี้ยยังไม่เรียกแตกงานเป็นทส
00:07:57 → 00:08:01 คุณต้องแตกออกมาเป็นว่า 1 หาข้อมูล 2
00:08:01 → 00:08:03 วิเคราะห์หรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะก็คือแตก
00:08:03 → 00:08:05 ออกมาเป็นแทสไปเรื่อยๆมันถึงจะค่อยๆได้
00:08:05 → 00:08:08 ติ๊กทำทีละอย่างไปนะคะแล้วก็ 3 สำหรับหมอ
00:08:08 → 00:08:11 เลยเนี่ยบอกว่าการได้ขยับร่างกายระหว่าง
00:08:11 → 00:08:13 เบรกอ่ะช่วยได้มากในเรื่องของการลดการปวด
00:08:13 → 00:08:16 เมื่อยแล้วก็ช่วยให้เราแบบเหมือนมันได้
00:08:16 → 00:08:19 พักจริงๆนะคะถ้าเราพักแค่แบบ 5 นาทีพัก
00:08:19 → 00:08:21 แบบเออนั่งหลับตาอะไรเงี้ยมองว่ามันไม่
00:08:21 → 00:08:25 ได้ผลเท่ากับเราลุกขึ้นมาใช้ร่างกายนะคะ
00:08:25 → 00:08:27 แล้วก็อีกอันนึงที่หมอว่าสำคัญมากๆเลย
00:08:27 → 00:08:30 เนี่ยคือการเติมน้ำมันที่ดีให้กับสมองอ่ะ
00:08:30 → 00:08:33 ค่ะคือถ้าเราอ่ะก่อนจะไปทำงานสำคัญหรือ
00:08:33 → 00:08:35 ว่าวันที่เราอยากจะทำงานให้แบบสมองมันพีค
00:08:35 → 00:08:38 ๆอ่ะสำคัญมากเลยคือเราต้องให้แบบพลังงาน
00:08:38 → 00:08:42 ที่ดีกับสมองนะคะไม่ว่าจะเป็นโปรตีนดีนะ
00:08:42 → 00:08:46 โปรตีนดีจากป้าจากไก่จากไข่จากเต้าหู้จาก
00:08:46 → 00:08:48 ถั่วนะคะแล้วก็ไขมันดีนะคะไม่ว่าจะเป็น
00:08:48 → 00:08:51 อะโวคาโดน้ำมันมะกอกนะคะแล้วก็แป้งเชิง
00:08:51 → 00:08:55 ซ้อนนะคะคือถ้าเราไปกินแป้งขัดขาวแบบแป้ง
00:08:55 → 00:08:58 ขาวน้ำตาลขาวแล้วกินเยอะแบบโหลดเข้าไป
00:08:58 → 00:09:00 เยอะเนี่ยมันก็อาจจะทำให้น้ำตาลในเลือด
00:09:00 → 00:09:03 เนี่ยมันสูงหรือว่าสมองเราเนี่ยมันจะเกิด
00:09:03 → 00:09:06 การล้าหรือว่ามันจะเพลียได้ดังนั้นเนี่ย
00:09:06 → 00:09:09 กินกำลังดีแล้วก็เน้นโปรตีนดีแป้งเชิง
00:09:09 → 00:09:12 ซ้อนไขมันดีอันเนี้ยจะเป็นพลังงานที่ดี
00:09:12 → 00:09:15 ให้กับสมองนะคะก็หวังว่านะคะเทคนิคที่หมอ
00:09:15 → 00:09:17 เล่าในวันนี้ทั้งหมดนะคะไม่ว่าจะเป็นการ
00:09:17 → 00:09:20 Brain เบกการเติมอาหารดีให้กับสมองเนี่ย
00:09:20 → 00:09:22 จะทำให้คุณผู้ฟังเนี่ยมี productivity
00:09:22 → 00:09:24 ที่เพิ่มขึ้นแต่ถ้าใครนะอยากจะแบบเพิ่ม
00:09:24 → 00:09:26 productivity ของตัวเองนะคะอยากจะแบบทำ
00:09:26 → 00:09:29 งานให้เก่งขึ้นอีกนะจริงๆ Single beeing
00:09:29 → 00:09:31 เราอ่ะมี Playlist productivity Hack
00:09:31 → 00:09:34 นะคะอยู่ใน YouTube สามารถที่จะไปดูได้
00:09:34 → 00:09:37 ค่ะคือในนั้นเนี่ยก็จะมีทั้งเรื่องของ CEN
00:09:37 → 00:09:39 pity mindset เรื่องของ Brain Fox
00:09:39 → 00:09:41 สมองล้าแก้ยังไงนะคะเอาเป็นว่าฟังจบลิส
00:09:41 → 00:09:45 เนี่ยอัจฉริยะข้ามคืนได้เลยทีเดียวนะ
00:09:45 → 00:09:48 คะขอบคุณมากนะคะที่ฟังกันมาในวันนี้นะคะ
00:09:48 → 00:09:50 แล้วก็ที่สำคัญที่สุดค่ะขอบคุณไทยประกัน
00:09:50 → 00:09:53 ชีวิตค่ะแล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้าค่ะ
00:09:53 → 00:09:55 สวัสดี
00:09:55 → 00:09:59 ค่ะ Single Being podcast about
00:09:59 → 00:10:03 Living your Best Single Life โดย
00:10:03 → 00:10:07 หมอผิงแพทย์หญิงธิดากรรุจิพัฒนกุล
00:10:07 → 00:10:12 ดีที่อยู่เดียว Presented by ไทยประกัน
00:10:12 → 00:10:15 ชีวิต