00:00:00 → 00:00:02 ยุคแม่นะยุคฉันน่ะทำมาหากินอย่างเดียวไม่
00:00:02 → 00:00:05 มีเวลานั่งคิดว่าซึมเศร้าหรือเปล่าแม่ไม่
00:00:05 → 00:00:07 เข้าใจหนูแล้วเขาก็ไม่เลือกที่จะคุยกับ
00:00:07 → 00:00:10 แม่เพราะทุกคำที่พูดคือแม่ตัดสินไหมดเลย
00:00:10 → 00:00:12 ผมวางแผนไว้หมดะลูกผมเรียนอนุบาลที่ไหน
00:00:12 → 00:00:15 ประถมที่ไหนมัธยมที่ไหนมหาลัยที่ไหน
00:00:15 → 00:00:17 ปริญญาโทเรียนที่ไหนถ้าลูกเธอไม่เรียน
00:00:17 → 00:00:21 อันเนี้ยเธอจะไม่รักเเหรอเบอกไม่รัก
00:00:21 → 00:00:24 ครับอย่าเอาความผิดพลาดของตัวเองไปแก้ไข
00:00:24 → 00:00:25 ที่
00:00:25 → 00:00:30 ลูกลูกนะ 5 ขวบตบหัวแม่ถีบแม่อุ้ยแล้วแม่
00:00:30 → 00:00:32 ก็บอกไม่เป็นไรครูเงาะอ้าวพี่เลี้ยงลูก
00:00:32 → 00:00:35 แบบเพื่อนเงาะบอกว่าพี่คะหนูไม่เคยให้
00:00:35 → 00:00:39 เพื่อนถีบหน้าหนูสักทีค่ะร้อยละ 90 ของ
00:00:39 → 00:00:42 เด็กที่มีปัญหาต้องแก้ที่พ่อ
00:00:42 → 00:00:46 แม่ตีลูกเนี่ยตีไม่ได้อย่างลูกพี่เเคยว่า
00:00:46 → 00:00:49 พี่บอกว่าตีแปลว่าทำร้ายร่างกายเราจะเห็น
00:00:49 → 00:00:51 ยุคนี้มันจะมีเรียกกันว่าสิษย์หนูสิทธิ์
00:00:51 → 00:00:54 หนูกันเยอะอ่ะหนูมีสิทธิ์ในร่างกายของหนู
00:00:54 → 00:00:56 หนูไม่ได้อยากเกิดมามีบางคนเป็นแบบนี้เอ
00:00:56 → 00:00:59 ใช่เออพ่อแม่มีอะไรกันหนูก็เลยเกิดมาอ
00:01:00 → 00:01:03 ถ่ายรูปลง IG ตัวเองเด็กรุ่นใหม่นะโป๊มาก
00:01:03 → 00:01:05 เดี๋ยวก็ควักนมออกมาเดี๋ยวก็ควักก้นออกมา
00:01:05 → 00:01:07 แบบเนี้ยหนูคิดว่าเขาจะเข้ามาด้วยสมองหนู
00:01:07 → 00:01:10 เหรอลูกเไม่เจาะถึงสมองหนูหรอกลูกเไม่
00:01:10 → 00:01:12 หยุดที่หัวนี้หนูเหยุดที่หัวอื่นคุณผู้
00:01:12 → 00:01:15 ใหญ่ฟังไว้ทางนี้เลยนะคะถ้าคุณจะโน้มน้าว
00:01:15 → 00:01:18 ใจใครเด็กกลุ่มนี้คือเาโตมากับยุค YouTube
00:01:18 → 00:01:21 ที่รอ 5 วินาทีแล้วรอไม่ได้อ่ะเร็วมาก
00:01:21 → 00:01:23 เมื่อไหร่เมื่อไหร่เบอกว่าเด็กยุคหลังๆ
00:01:23 → 00:01:25 อ่ะความอดทนในการ
00:01:25 → 00:01:29 รอต่ำกว่าปลาทองแล้วนะคะ
00:01:29 → 00:01:34 [เพลง]
00:01:34 → 00:01:36 วันนี้เราคุยเรื่องของช่องว่างระหว่างวัย
00:01:37 → 00:01:40 กันดีกว่านะคะยุคนี้เนี่ยเป็นเยอะมากเด็ก
00:01:40 → 00:01:43 คุยกับผู้ใหญ่ไม่รู้เรื่องในครอบครัวมี
00:01:43 → 00:01:46 ปัญหาลูกหรือว่าปัญหาพ่อกับพ่อกับแม่ปู่
00:01:46 → 00:01:50 ย่าตายายลามไปถึงที่ทำงานเพราะว่าเเรชที่
00:01:50 → 00:01:53 มันแตกต่างกันเรานะฮดิฉันอยากเรียกว่าเรา
00:01:53 → 00:01:55 พี่ตั๊กอยากเรียกว่าเราเพราะถือว่าเป็นคน
00:01:55 → 00:01:58 รุ่นใหญ่คนมองว่าเอ๊ยคนรุ่นใหญ่เนี่ยหัว
00:01:58 → 00:02:02 โบราณโอ้ยมนุษย์ป้าเดี๋ยวก็เป็นมนุษย์ลุง
00:02:02 → 00:02:05 ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือน
00:02:05 → 00:02:08 กันวันนี้เราจะคุยเรื่องช่องว่างระหว่าง
00:02:08 → 00:02:12 วัยนะคะก่อนติดตามตั๊กทก็อย่าลืมกดไลค์กด
00:02:12 → 00:02:14 แชร์กด Subscribe เป็นกำลังใจให้พี่ตั๊ก
00:02:14 → 00:02:18 ทางช่องไ do ด้วยครูเงาะคะสวัสดีค่ะครู
00:02:18 → 00:02:22 เงาะเจนอะไรคะเจน x ค่ะ x แต่ว่าเป็น x
00:02:22 → 00:02:25 พิเศษออ่ามันมีเจน x พิเศษด้วยนะพี่ตั๊ก
00:02:25 → 00:02:28 รู้เปล่าคือในแต่ละเจนเนี่ยอย่างสมมุติ
00:02:28 → 00:02:31 เจน x เนี่ยเควัดตั้งแต่ปี 2000 โดยบวกลบ
00:02:31 → 00:02:33 นิดหน่อยนะคะ
00:02:33 → 00:02:36 2507 เป็นต้นไปจนถึง
00:02:36 → 00:02:40 2523 อ่าช่วงนี้เเรียกเป็นเจน x แต่มัน
00:02:40 → 00:02:44 จะมีช่องเจนพิเศษคือบวกลบลงไปอ่ะอย่างลา 5
00:02:44 → 00:02:48 คือมันเขาเรียกว่าเป็นเจนเนลโอเนลคือเป็น
00:02:48 → 00:02:52 x ที่ผสมมีเชื้อของ x กับ y คือเจนกลุ่ม
00:02:52 → 00:02:56 เนี้ยจะเป็นกลุ่มที่อยู่ในยุคตอนเด็กโตมา
00:02:56 → 00:03:00 แบบอาลอกแต่พอโตมาเนี่ยอยู่ในดิจิตอล
00:03:00 → 00:03:04 มันมันพิเศษเลยใช่เป็นเจนที่แบบว่าเคยต่อ
00:03:04 → 00:03:07 ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญมาก่อนเล่นแคสเซ็ต
00:03:07 → 00:03:10 เพลงยืดแช่ช่องฟรีซผ่านมาหมดแต่พอมาถึง
00:03:11 → 00:03:13 ยุคนึงเราก็มาเป็นยุคดิจิตอละเข้ามายุค
00:03:13 → 00:03:18 Twitter ไปกับเาไปในยุคเอ่อ IG tiktok
00:03:18 → 00:03:20 เราก็ยังอยู่กับเขาได้เเลยเรียกเจนตรง
00:03:20 → 00:03:23 เนี้ยเเรียกเจนพิเศษบวกงนอยู่ในเจนพิเศษ
00:03:23 → 00:03:27 ใช่เขาบอกว่าเป็นเจนที่จะได้ความเป็น x
00:03:27 → 00:03:30 แล้วก็ได้ความเป็น Y มาผสมคือได้มีความ
00:03:30 → 00:03:34 ชิลแบบเด็กสายวายแต่มีความแบบเป๊ะเชะเด๊ะ
00:03:34 → 00:03:36 อะไรบางอย่างอ่ามีสิ่งที่เรายึดเหนี่ยว
00:03:36 → 00:03:39 เหมือนคน genx พี่นี่เก่ามากเลยเี้ boomer
00:03:39 → 00:03:43 สมัยนั้นพี่เป็นปลายๆของเบี้บูมถูกมั้ยคะ
00:03:43 → 00:03:46 ใช่ก็ก็ถือว่าปลายไม่ถือว่าต้นมากแต่คน
00:03:46 → 00:03:50 เี้ boomer มันต่างจากคนเค้าเรียกว่าคนใน
00:03:50 → 00:03:53 ยุคปัจจุบันมันจะมีพ่อแม่ในยุคเอ่อเี้
00:03:53 → 00:03:56 boomer ซึ่งมีลูกค่ะโอ้โหพูดกันไม่รู้
00:03:56 → 00:03:59 เรื่องเลยถูกๆๆเพราะว่าแต่ละเจนน่ะพี่
00:03:59 → 00:04:02 ตั๊กเราจะมีค่านิยมไม่เหมือนกันคือเอา
00:04:02 → 00:04:04 จริงๆมนุษย์เราอ่ะมันคือผลลัพธ์ของข้อมูล
00:04:04 → 00:04:07 เราทุกคนคือผลลัพธ์ของข้อมูลที่เราได้รับ
00:04:07 → 00:04:10 ป้อนมาทีนี้เจนเบบี้บูมเนี่ยโตมากับอะไร
00:04:10 → 00:04:13 คะขยันซื่อสัตย์ประหยัดอดทนโอ้ถูกมั้ยคะ
00:04:13 → 00:04:16 จริงจริๆเป็นกลุ่มที่ได้รับความเชื่อใน
00:04:16 → 00:04:19 เรื่องของความดีเป็นอันดับต้นอืจะต้องทำ
00:04:19 → 00:04:22 งานจะต้องโอ้โหเบบี้บูมนี้ถ้าทำงานที่ไหน
00:04:22 → 00:04:25 จะ royalty มากจะซื่อสัตย์ในที่ทำงานนั้น
00:04:25 → 00:04:30 ๆจะอดทนสูงมากนในขณะเดียวกันเ x เนี่ยจะ
00:04:30 → 00:04:33 เป็นเจนที่โตมาในยุค Superman อ่ะอ่าฉัน
00:04:33 → 00:04:36 จะต้องเก่งฉันจะต้องเป็นเเตในเรื่องใด
00:04:36 → 00:04:39 เรื่องหนึ่งอ่าในขณะที่เจนไนเขาให้ค่ากับ
00:04:39 → 00:04:41 พวกไอดอลอือ่ามันเป็นยุคไอดอลแล้วะเป็น
00:04:42 → 00:04:44 แบบอารมณ์แบบอีลอนมาสกล่าวว่าอะไรอย่าง
00:04:44 → 00:04:47 เงี้ยค่ะเจนวายกูก็อยากจะกล่าวว่ากับเขา
00:04:47 → 00:04:49 ด้วยอะไรอย่างเงี้ยแล้วเขโตมาในยุคแบบ
00:04:49 → 00:04:52 อายุน้อย 100 ล้านน่ะพี่แล้วบางทีแบบกู
00:04:53 → 00:04:54 อายุน้อย 100 นยังไม่ถึงเลยอย่างเงี้ย
00:04:54 → 00:04:57 ประมาประมาณักอายุอายุสักเท่าไหร่นะเจน W
00:04:57 → 00:05:02 เนี่ยเตัดตั้งแต่ปี 2005 524 ถึง 2540
00:05:02 → 00:05:05 ค่ะจาก Gen Y ไปจนถึงเซเซ genz เนี่ยนะ
00:05:05 → 00:05:08 คะเจซเนี่ย 2540 เป็นต้นไปเนี่ยเป็นต้นไป
00:05:08 → 00:05:13 ก็จะมีเจนพิเศษอีกที่ค่อมระหว่าง C กับ Y
00:05:13 → 00:05:15 ค่ะอ่าเขาก็จะมีความกลุ่มนี้ก็จะเป็น
00:05:16 → 00:05:18 กลุ่มพิเศษของเขาขึ้นมาอีกที่สามารถถ้า
00:05:18 → 00:05:21 อยู่เอ่อในองค์กรเขาก็จะเป็นคนเชื่อมใจ
00:05:21 → 00:05:24 ระหว่างคน Gen Y กับ gen c ออ่าเหมือน
00:05:24 → 00:05:26 อย่างของเจนพิเศษของ x กับ Y อย่างกลุ่ม
00:05:26 → 00:05:28 เงาะเนี่ยก็จะเป็นกลุ่มที่ถ้าอยู่ในองค์
00:05:28 → 00:05:31 กรก็จะสามารถเชื่อมใจ Gen X ได้กับ Gen
00:05:31 → 00:05:34 Y ได้คือฉันเข้าใจความอิสระของเธอ Y และ
00:05:34 → 00:05:37 ฉันเข้าใจความเปชของเธอ X อย่างเงี้ยค่ะ
00:05:37 → 00:05:40 โอ้โหมันมันซับซ้อนนะมันซับซ้อนมันมีมั้
00:05:40 → 00:05:42 คนยุคเี้ boomer แต่ทำไมมันนิสัยไปเหมือน
00:05:42 → 00:05:46 Gen X มีมีอีกพวกนี้น่ากลัวมีอีกเา
00:05:46 → 00:05:49 เรียกเจนอะไรมั้คะเนซเป็น C ตัว C ไม่ใช่
00:05:49 → 00:05:53 ซไม่ใช่ Zebra นะคะเป็น C เลยคือเป็นพวก
00:05:53 → 00:05:57 ใช่ Cat เป็นพวกกลุ่มเี้บูมกับกลุ่ม Gen
00:05:57 → 00:06:02 X ที่ชั้นสนใจเรื่องเทคโนโลยีอ่าฉันเป็น
00:06:02 → 00:06:06 คนที่แบบฉันจะเป็นคนทันสมัยนะก็ดีเอ่ะมี
00:06:06 → 00:06:08 ค่ะกับอีกกลุ่มนึงเขาบอกว่าไม่ต้องมาแปะ
00:06:08 → 00:06:13 ป้ายฉันฉันชื่อว่า penal คือเป็นกลุ่มคน
00:06:13 → 00:06:16 ที่เรียกว่าเหมือนไม้ยืนต้นน่ะค่ะฉันจะ
00:06:16 → 00:06:18 อยู่ได้ทุกยุคอย่ามาแปะป้ายฉันว่าฉันเป็น
00:06:18 → 00:06:21 คนแก่ฉันคือคนที่เข้ากับเด็กได้อย่าง
00:06:21 → 00:06:24 อิลอนมาสกเนี่ยเขาบอกว่าห้ามแปะป้ายเขาเ
00:06:24 → 00:06:26 ค่ะเอเอมม่าวัดสันนี่เขาบอกอย่ามาแปะป้าย
00:06:26 → 00:06:29 ฉันฉันคุยกับใครก็ได้ฉันนั่งคุยกับเด็กก็
00:06:29 → 00:06:31 ได้ฉันนั่งคุยกับใครก็ได้อ้าพี่อยากเป็น
00:06:31 → 00:06:33 อย่างงี้บ้างเป็นแต่สิ่งสำคัญคือคนที่จะ
00:06:33 → 00:06:36 เป็นแบบนี้ได้จะมีคุณลักษณะพิเศษคือ
00:06:36 → 00:06:39 empathy หรือความเข้าใจคนสูงจะเข้าใจว่า
00:06:39 → 00:06:42 อ๋อเค้าเป็นแบบเนี้ยอ๋อเคคิดแบบเนี้ยก็เ
00:06:42 → 00:06:45 โตมาแบบเยก็เรื่องของเค้าก็ยากเนาะใช่ทำ
00:06:45 → 00:06:47 ยากเพราะว่ามันจะเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะฉัน
00:06:47 → 00:06:49 ให้ไอเดียฉันนะแต่ฉันเคารพการตัดสินใจของ
00:06:49 → 00:06:53 เธอค่ะแล้วฉันจะไม่ไปสิงเธออืแต่คนส่วน
00:06:53 → 00:06:56 ใหญ่มันชอบสิงกันชอบสิงฉันชอบเอาความคิด
00:06:56 → 00:06:58 ฉันไปให้เธอเบี้บูมก็จะบอกเด็กรุ่นใหม่
00:06:58 → 00:07:01 ว่าทำไมพวกเธอเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเออ
00:07:01 → 00:07:04 เดี๋ยวทำงานนิดนึงไม่รู้จักความอดทนนี่
00:07:04 → 00:07:06 แหละเรากำลังจะสิงเค้าใช่มั้ยเพราะเราเอา
00:07:06 → 00:07:10 ตัวเราเข้าไปเปรียบอ่ายุคแม่นะอย่างเงี้ย
00:07:10 → 00:07:13 แม่อุยซึมเศร้าอะไรยุคฉันไม่มีเวลาซึม
00:07:13 → 00:07:15 เศร้าหรอกยุคฉันน่ะทำมาหากินอย่างเดียว
00:07:15 → 00:07:17 ไม่มีเวลานั่งคิดว่าซึมเศร้าหรือเปล่า
00:07:17 → 00:07:20 เห็นมั้ยคะในขณะที่เด็กบแม่ไม่เข้าใจหนู
00:07:20 → 00:07:22 แล้วเขาก็ไม่เลือกที่จะคุยกับแม่เพราะทุก
00:07:22 → 00:07:25 คำที่พูดคือแม่ตัดสินหนูหมดเลยโอนี่พอครู
00:07:25 → 00:07:27 เงาะพูดปุ๊บพี่เห็นภาพเลยทันทีว่าพี่เคย
00:07:27 → 00:07:31 เป็นอย่างงั้นนะออแล้วเราก็เออทำไมสมัย
00:07:31 → 00:07:32 ชันมันเป็นอย่างงี้ทำไมเธอต้องเป็นอย่าง
00:07:33 → 00:07:35 งั้นแล้วเด็กรุ่นใหม่เราไม่สามารถจะอยู่
00:07:35 → 00:07:37 กับเขาได้ถ้าเราคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะ
00:07:37 → 00:07:41 ฉนั้นข้อดีข้อเสียของคนรุ่นใหม่ค่ะคือ
00:07:41 → 00:07:43 อย่างเด็กรุ่นใหม่เนี่ยข้อดีของเขาเขา
00:07:43 → 00:07:45 เป็นคนที่เข้าถึงข้อมูลได้เยอะเขาเก่งใน
00:07:45 → 00:07:48 เรื่องเทคโนโลยีมากเขาจะไปแบบปุ๊บๆๆๆหา
00:07:48 → 00:07:51 ข้อมูลแล้วเขาเป็นคนที่โตมาในยุคที่ข่าว
00:07:51 → 00:07:54 ปลอมมันเยอะเขาก็เลือกที่จะเสพแล้วว่า
00:07:54 → 00:07:56 เฮ้ยอันนี้จริงหรือเปล่าอย่างเด็กใน
00:07:56 → 00:07:58 ออฟฟิศเงาเนี่ยสมมุติใครแชร์รายการปุ๊บ
00:07:58 → 00:08:00 มันจะกลาไปรีเช็คเลยอ่าว่าอันเนี้ยเป็น
00:08:00 → 00:08:04 เฟกหรือแฟกอ่าถ้าอแล้วมันก็จะบอกเอ้ยอัน
00:08:04 → 00:08:06 นี้ข้อมูลเฟกนะครับห้ามเผยแพร่เด็กพวก
00:08:06 → 00:08:09 เนี้ยค่ะเขากลัวโดนหลอกเขาก็จะเข้าข้อมูล
00:08:09 → 00:08:12 เยอะฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่ครีเอทีฟมีความ
00:08:13 → 00:08:15 สร้างสรรค์เยอะเขามีแหล่งข้อมูลเยอะเรา
00:08:15 → 00:08:18 อย่าไปบอกเว่าพวกเธอนะต้องทำเหมือนชันเรา
00:08:18 → 00:08:20 จะไม่ได้ข้อดีของมันสมองของเด็กกลุ่มนี้
00:08:20 → 00:08:23 เลยแต่ข้อเสียเ้ามีไมมเราก็ต้องรู้อีก
00:08:23 → 00:08:27 เด็กกลุ่มนี้คือเโตมากับยุค YouTube ที่
00:08:27 → 00:08:30 รอ 5 วินีแล้วรอไม่ได้อ่ะเร็วมากเมื่อ
00:08:30 → 00:08:34 ไหร่เมมคะแล้วดูจะเร็วขึ้นเรื่อยๆกับเด็ก
00:08:34 → 00:08:36 ที่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆใช่แล้วเบอกว่าเด็ก
00:08:36 → 00:08:39 ยุคหลังๆอ่ะความอดทนในการรอเนี่ยต่ำกว่า
00:08:39 → 00:08:41 ปลาทองแล้วนะคะเพราะงั้นเราจะเห็นว่าเด็ก
00:08:41 → 00:08:45 รุ่นใหม่ๆนะก็ถ้าเา้าคบกับใครหรือแต่งงาน
00:08:45 → 00:08:47 กใครเก็จะเปลี่ยนได้ทันทีใช่เพราะเขา
00:08:47 → 00:08:50 สุขนิยมเขาถูกสอนมาว่าต้องอยู่บนความสุข
00:08:50 → 00:08:53 เห็นมั้แต่ละยุคถูกสอนไม่เหมือนกันไม่ผิด
00:08:53 → 00:08:56 นะค่ะไม่ผิดคือมันคือสิ่งที่เขาให้ค่าณ
00:08:56 → 00:09:00 วันนั้นอย่างยุคนึงก็เราต้องอดทนค่ะบางคน
00:09:00 → 00:09:02 ก็อดทนแบบดาวพระศุขเหลือเกินอย่างเงี้ย
00:09:02 → 00:09:06 ค่ะถูกฝ้าถูกโบยก็ยังอยู่กับผู้ชายที่ไม่
00:09:06 → 00:09:08 เอาไหนอย่างเงี้ยค่ะในขณะที่ยุคนี้เขาก็
00:09:09 → 00:09:12 จะบอกว่าเฮ้ยเราสามารถอยู่บนตัวเองดูแล
00:09:12 → 00:09:14 ตัวเองได้นะอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งสำหรับ
00:09:14 → 00:09:18 ง้องมองว่ามันไม่ผิดเลยกับใครก็ตามอ่ะเอา
00:09:18 → 00:09:21 ที่สะดวกใจเถอะค่ะถ้าคุณสะดวกใจแบบนี้ก็
00:09:21 → 00:09:24 ถ้านี่คือช้อยส์ที่คุณแต่คุณต้องรับผิด
00:09:24 → 00:09:27 ชอบชีวิตตัวเองนะคุณจะมาบอกว่าฉันเลือก
00:09:27 → 00:09:29 แบบนี้แล้วมานั่งโทษฟ้าโทษดินไม่ได้แล้ว
00:09:29 → 00:09:32 นะเพราะว่าคุณรับผิดชอบชีวิตตัวเองที
00:09:32 → 00:09:35 เนี้ยผู้ใหญ่อ่ะจะต้องอยู่ใน mindset ที่
00:09:35 → 00:09:39 ว่าเออชีวิตเว่ะให้ได้เชื่อมั้ยพี่ตั๊ก
00:09:39 → 00:09:41 หลังจากที่เงอะทำเกี่ยวกับเรื่องของ
00:09:41 → 00:09:43 มนุษย์เรื่องจิตวิทยามนุษย์เรื่องการสื่อ
00:09:43 → 00:09:48 สารน่ะคนส่วนใหญ่ที่ชอบควบคุมคนอื่นมาจาก
00:09:48 → 00:09:51 ลึกๆไม่เชื่อมั่นในตัวเองนะเหมือนเป็นคน
00:09:52 → 00:09:54 มั่นใจในตัวเองนะเช่นอย่างสมมุติว่าเอ่อ
00:09:54 → 00:09:56 แม่บางคนที่คอนโทรลลูกเธอต้องเรียนอัน
00:09:56 → 00:09:58 นั้นสิเธอต้องสอบแบบนี้เธอต้องใช้ชีวิต
00:09:58 → 00:09:59 แบบนี้
00:10:00 → 00:10:02 เพราะเขาไม่เชื่อว่าถ้าลูกพลาดอ่ะฉันจะ
00:10:02 → 00:10:06 รับได้อืเเปกป้องหวงแหนจิตใจตัวเองมากๆ
00:10:06 → 00:10:09 ที่ไม่ให้ตัวเองเจ็บเลยจริงๆไม่ได้ปกป้อง
00:10:09 → 00:10:12 ลูกปกป้องตัวเองใช่ใช่แต่รักนะรักลูกมากๆ
00:10:12 → 00:10:15 นะคะคือเเขจะทำทำบนความเข้าใจว่าเขารัก
00:10:15 → 00:10:18 แต่ว่าทั้งหมดเนี้ยคือถ้าเธอพลาดฉันจะเฮิ
00:10:18 → 00:10:21 แล้วฉันคิดว่าฉันรับไม่ไหวฉะนั้นฉันควบ
00:10:21 → 00:10:23 คุมการเฮิของตัวเองโดยการควบคุมเธอไปสิง
00:10:24 → 00:10:27 เธออย่างเงี้ยค่ะแต่ในขณะที่แม่ที่มั่นใจ
00:10:27 → 00:10:30 ในตัวเองมากๆเนี่ยจะมีความรู้สึกเอาเลย
00:10:30 → 00:10:32 ลูกเขาก็จะให้องค์ความรู้ให้ความคิดแม่
00:10:32 → 00:10:34 มองแบบนี้นะแม่มองว่ามุมนี้หนูช่า่งน้ำ
00:10:34 → 00:10:37 หนักเอาเองและรับผลของชีวิตตัวเองเองนะ
00:10:37 → 00:10:40 อ่าเด็กก็จะมีอิสระทางความคิดทีนี้พอเด็ก
00:10:40 → 00:10:42 ออกไปทำอะไรปุ๊บเขาก็จะรับผิดชอบแล้ว
00:10:42 → 00:10:44 เพราะว่าเขาจะรู้สึกว่าแม่ให้เครดิตเขา
00:10:44 → 00:10:47 แล้วอ่ะค่ะเขาก็จะพยายามทำให้มันดีที่สุด
00:10:47 → 00:10:50 ต่อให้หนูพลาดกลับบ้านได้เลยลูกแม่มีดูแล
00:10:50 → 00:10:54 หนูได้คือแม่ไม่ห่วงฉะนั้นน่ะเจ้านายก็ดี
00:10:54 → 00:10:57 ครอบครัวก็ดีคนไหนที่คอนโทรลคนอื่นมากๆมา
00:10:57 → 00:11:00 จากความไม่มั่นใจในตัวเองทั้สิ้นงๆเคยเจอ
00:11:01 → 00:11:03 ผู้ชายคนนึงอ่ะเขาพ่อเขาเป็นซึมเศร้าก็
00:11:03 → 00:11:06 คุมลูกจนลูกก็เป็นซึมเศร้านะลูกชายเนี่ย
00:11:06 → 00:11:09 สิงเลยซิ้งเลยแล้วปรากฏว่าอะไรรู้มั้ยพี่
00:11:09 → 00:11:12 ตั๊กมันถ่ายทอดนะของพวกเนี้ยปรากฏเด็กผู้
00:11:12 → 00:11:14 ชายเด็กหนุ่มคนเนี้ยมีลูกของตัวเองละ
00:11:14 → 00:11:18 ภรรยาท้องมาเล่าให้เงาะฟังบอกว่าคูณเงาะ
00:11:18 → 00:11:20 ครับผมวางแผนไว้หมดแล้วะลูกผมเรียนอนุบาล
00:11:20 → 00:11:24 ที่ไหนปถมที่ไหนอ้าวเออมัธยมที่ไหนมหาลัย
00:11:24 → 00:11:27 ที่ไหนปริญญาโทเรียนที่ไหนวางถึงปริญญาโท
00:11:27 → 00:11:29 งก็บอกว่าเอ้าแล้วทลุลูกเธอไม่เรียน
00:11:29 → 00:11:32 อันเนี้ยเธอจะไม่รักเค้าเหรอสิงต่อไปกัน
00:11:32 → 00:11:35 อีกเออเคบอกไม่รักครับเค้าพูดคำนี้เลยนะ
00:11:35 → 00:11:38 มันต้องเรียนแบบที่ผมต้องการโอ้ยงก็เลย
00:11:38 → 00:11:41 บอกว่าแล้วทำไมเธอไม่เรียนเองเธอเรียนจบ
00:11:41 → 00:11:44 อะไรปริญญาตรีอ่ะทำไมไม่ไปเรียนปริญญาโท
00:11:44 → 00:11:47 เองอย่าเอาความผิดพลาดของตัวเองไปแก้ไข
00:11:47 → 00:11:50 ที่ลูกแก้ไขที่ตัวเองเพราะไม่งั้นนะเธอก็
00:11:50 → 00:11:53 จะเป็นแบบที่พ่อเธอทำกับเธอแล้วเธอก็จะไป
00:11:53 → 00:11:56 ทำกับลูกเธอจะให้มรดกทางความคิดเนี้ยส่ง
00:11:56 → 00:12:00 ไปอีกนานแค่ไหนไอ้คำว่าซึมเศร้าเป็นโรค
00:12:00 → 00:12:02 พันธุกรรมมันไม่ใช่มันเป็นโรคพฤติกรรม
00:12:02 → 00:12:05 เพราะว่าเนี่ยพฤติกรรมเยแหละที่เธอส่งมอบ
00:12:05 → 00:12:07 ให้เป็นมรดกทำาความคิดให้กับลูกวันนี้นะ
00:12:07 → 00:12:11 พี่ตั๊กเงาะทำลิ่งคนเหมือนคนมาหามาเรียน
00:12:11 → 00:12:16 พวกแบบแก้ปมอะไรต่างๆนานาร้อยละ 99 มาจาก
00:12:16 → 00:12:20 ปัญหาครอบครัวหมดเลยอือืมาจากการเลี้ยงดู
00:12:20 → 00:12:24 ที่รักนะไม่ใช่ไม่รักรักแต่ไม่รู้อือไม่
00:12:24 → 00:12:26 รู้วิธีพูดไม่รู้จะบอกลูกให้ลูกดีไงอ่ะ
00:12:26 → 00:12:29 เปรียบเทียบซะเลยดีกว่าดูบ้านนั้นิดูบ้าน
00:12:29 → 00:12:32 นี้ซิมันง่ายดีอ่ะเหมือนอย่างคนสมัยก่อน
00:12:32 → 00:12:37 เนี่ยเตีลูกนะแต่เไม่สอนค่ะอ่าใช่ตีอย่า
00:12:37 → 00:12:40 ทำอีกนะใช่ไปตรงนั้นไม่ได้เ๋เดี๋ยวผีหลอก
00:12:40 → 00:12:42 คือมันผิดหมดเลยพี่ว่ามันผิดหมดเลยนะไม่
00:12:42 → 00:12:44 บอกความจริงกันแต่เด็กรุ่นใหม่ไอ้อย่าง
00:12:44 → 00:12:47 ลูกสาวพี่เ้ามีลูก 3-4 ขวบเขก็จะสอนเบอก
00:12:47 → 00:12:51 ว่าผิดหมดเลยอคุณแม่บางทีเราก็แอบเคืองนะ
00:12:51 → 00:12:53 เอ๊ะมันผิดตรงไหนวะอ้อเพอครูเงาะพูดเนี่ย
00:12:54 → 00:12:57 พี่เริ่มเข้าใจค่ะตีลูกเนี่ยตีไม่ได้
00:12:57 → 00:13:00 อย่างลูกพี่เคเคยว่าพี่บอกว่าตีแปลว่าทำ
00:13:00 → 00:13:04 ร้ายร่างกายอืเมื่อตอนเธอเด็กๆฉันก็ตีเธอ
00:13:04 → 00:13:07 ค่ะคุณแม่ก็ตีตีด้วยตีนี่เถือว่าทำร้าย
00:13:07 → 00:13:11 ร่างกายโอ้โหพอพูดี่บางทีเราเราก็เราก็
00:13:11 → 00:13:13 เครียดเงมองงาะมองอย่างงี้นะพี่ตั๊กเงา
00:13:13 → 00:13:17 มองว่าเราบางทีอ่ะมันสุดโตงพอบทตีก็ตีบท
00:13:17 → 00:13:21 ไม่ตีก็ไม่ตีเลย่ะในความเป็นจริงอ่ะงาเคย
00:13:21 → 00:13:24 อ่านบทความที่จิตแพทย์วัยรุ่นน่ะเขาบอก
00:13:24 → 00:13:28 ว่าเราหลงงมงายกับวัฒนธรรมตะวันตกจนมาก
00:13:28 → 00:13:31 เกินไปอืวัฒนธรรมมตะวันตกเไม่ให้ตีลูกเลย
00:13:31 → 00:13:34 คือบางครั้งค่ะมันไม่ได้ต้องสุดโต่งขนาด
00:13:34 → 00:13:36 นั้นน่ะเพราะว่าพอไม่ได้ตีลูกเลยเรา
00:13:36 → 00:13:39 เลี้ยงลูกแบบเพื่อนอ่าลูกจะตบหัวเรียกพ่อ
00:13:39 → 00:13:42 ว่ายูเงี้ยครูเงาะเคยนะมีเด็กคนนึงนะพี่
00:13:42 → 00:13:47 ตั๊กแบบลูกนะ 5 ขวบตบหัวแม่ถีบแม่อุ้ย
00:13:47 → 00:13:49 แล้วแม่ก็บอกไม่เป็นไรครูเงาะพี่เลี้ยง
00:13:49 → 00:13:53 ลูกแบบเพื่อนอุยเงาะบอกว่าพี่คะหนูไม่เคย
00:13:53 → 00:13:55 ให้เพื่อนถีบหน้าหนูสักทีค่ะพี่มีเพื่อน
00:13:55 → 00:13:59 พันไหนคะให้เพื่อนถีบหน้าได้คะนะคะความ
00:13:59 → 00:14:02 เคารพเป็นพื้นฐานของมนุษย์คุณต้องสอนเขา
00:14:02 → 00:14:04 ว่าไม่ได้หนูไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับแม่
00:14:04 → 00:14:08 ไม่ได้นะคะช่วงเด็กตอนเล็กๆเนี่ยยิ่งต้อง
00:14:08 → 00:14:11 สั่งสอนควรไม่ควรไม่ใช่ให้เขาคิดเองเพราะ
00:14:11 → 00:14:13 เขายังคิดไม่ได้สมองส่วนหน้าทำงานหลัง
00:14:13 → 00:14:16 อายุ 25 นะคะสมองผิดชอบชั่วดีมนุษย์เนี่ย
00:14:16 → 00:14:19 ทำงานเต็มที่หลังอายุ 25 นะคะ 25 เหรอใช่
00:14:19 → 00:14:21 ค่ะเริ่มทำงานตั้งแต่ 7 ขวบฉะนั้นถ้าเรา
00:14:21 → 00:14:24 อ่ะให้ความถูกผิดกับเคตีอย่าตีด้วยอารมณ์
00:14:24 → 00:14:26 มีนักเรียนครูเงาะคนนึงคุณพ่อเเป็นนัก
00:14:26 → 00:14:29 เลี้ยงลูกเลยนะเป็นแบบอยู่ในสื่อเลยอ่ะ
00:14:29 → 00:14:32 ค่ะเป็นนายแพทย์เด็กคนนี้บอกว่าพ่อผมก็ตี
00:14:32 → 00:14:35 ผมนะครับแต่ตีบนความผิดจริงๆว่าตอนนั้นผม
00:14:35 → 00:14:37 ทำเรื่องที่เสี่ยงต่อชีวิตเลยแบบไปเล่น
00:14:37 → 00:14:39 แบบปลั๊กไฟแบบอันตรายคุณพ่อก็เอามือมา
00:14:40 → 00:14:42 อย่าเงี้ยแล้วก็ตีตีเบาๆตีแค่ให้รู้ว่าทำ
00:14:42 → 00:14:45 โทษไม่ได้ตีด้วยอารมณ์ตีให้รู้ว่าห้ามทำ
00:14:45 → 00:14:48 แบบนี้อีกหลังจากนั้นผมไม่กล้าเอามือไป
00:14:48 → 00:14:51 แหย่ปลั๊กไฟอีกเลยผมไม่ได้รู้สึกมีปม
00:14:51 → 00:14:55 เพราะเพราะผมรู้ว่าผมผิดค่ะตีที่มีปมอ่ะ
00:14:55 → 00:14:59 คือตีด้วยขณะที่พ่อแม่กำลังโกรธตีในขณะ
00:14:59 → 00:15:02 น่ะที่ตัวเองอ่ะใช้อารมณ์และความรุนแรง
00:15:02 → 00:15:04 อันเนี้ยไม่ควรทำนะคะการทำโทษมีหลายแบบ
00:15:05 → 00:15:07 ไม่จำเป็นต้องตีทุกอย่างอาจจะแบบเอ่อลง
00:15:07 → 00:15:09 โทษแบบนั้นแบบนี้หรืออะไรก็ตามห้ามเล่น
00:15:09 → 00:15:13 นี่นู่นนั่นแต่คุณต้องวางหมากได้จริงๆคุณ
00:15:13 → 00:15:16 หมอจิตแพทย์วัยรุ่นเด็กคนนึงบอกว่ามีบ้าน
00:15:16 → 00:15:18 หนึเนี่ยเลี้ยงลูกแบบไม่ตีลูกเลยนะแบบผม
00:15:18 → 00:15:21 เป็นเพื่อนกันเรียก ui ปรากฏว่ามันมีช่วง
00:15:21 → 00:15:23 นึงใช่มั้คะที่มันมีเรื่องการเมืองในบ้าน
00:15:23 → 00:15:26 น่ะที่ลูกเชื่อฝั่งนึงพ่อเชื่อฝั่งนึง
00:15:26 → 00:15:29 แล้วเถียงกันไปเถียงกันมาพ่อก็ทนไม่ไหว
00:15:29 → 00:15:32 พ่อก็ตีไปที่แขนลูกลูกต่อยพ่อเลยอุยบอกยู
00:15:32 → 00:15:35 ไม่มีสิทธิ์มาตีไออุยอย่างเงี้ยคุณหมอบอก
00:15:35 → 00:15:38 ว่าแล้วไม่ได้เจ้าเดียวนะมาหลายเเคสมาก
00:15:38 → 00:15:42 เพราะว่าทุกคนติดโรคฝรั่งเราจะต้องไม่ตี
00:15:43 → 00:15:46 ไม่ได้โอมันต้องเดินสายกลางกันถูกต้องค่ะ
00:15:46 → 00:15:49 เราต้องรู้คือถ้าอ่ะพี่ตั๊กเคยโดนคุณพ่อ
00:15:49 → 00:15:51 คุณแม่ตีมั้ยตอนนี้ตีเราก็ไม่ได้คิดว่า
00:15:51 → 00:15:54 เป็นปมในวงเล็บถ้าเขาตีตอนที่เราผิดจริงๆ
00:15:54 → 00:15:57 ถูกมยแล้วเราก็ไม่รู้สึกว่าเราจะโกรธใช่
00:15:57 → 00:15:59 [เพลง]
00:15:59 → 00:16:01 เราจะเห็นยุคนี้มันจะมีเรียกกันว่าศิษย์
00:16:01 → 00:16:03 หนูศิษย์หนูกันเยอะอเคยได้ยินใช่มั้ยพี่
00:16:03 → 00:16:06 ตาก็มันศิษย์ชั้นอะไรอย่างเงี้ยเราต้อง
00:16:06 → 00:16:09 พูดให้ครบของฐานพาราดอภาพคือสิทธิหน้าที่
00:16:09 → 00:16:13 บทบาทเสรีภาพค่ะมันถึงจะมาครบอยากมี
00:16:13 → 00:16:15 เสรีภาพรู้จักหน้าที่ตัวเองหรือยังอ่ารู้
00:16:15 → 00:16:18 จักบทบาทของตัวเองหรือยังพ่อพ่อมีบทบาท
00:16:18 → 00:16:20 อะไรทำหน้าที่ของพ่อหรือยังแม่มีบทบาท
00:16:20 → 00:16:22 อะไรทำหน้าที่ของแม่หรือยังลูกมีบทบาท
00:16:22 → 00:16:24 อะไรทำหน้าที่ของลูกหรือยังคุณถึงจะได้
00:16:24 → 00:16:26 สิทธิ์ในการทำสิ่งต่างๆอย่างอิสระและ
00:16:26 → 00:16:30 เสรีภาพอือเห็นมั้ยแต่คนบางคนจะเอาแค่กู
00:16:30 → 00:16:33 จะเอาเสรีภาพแต่กูไม่เอาหน้าที่อือย่าง
00:16:33 → 00:16:35 งี้มันไม่ได้มันยืนไม่ได้มันเป็นฐานฐาน
00:16:35 → 00:16:38 รากของของของสังคมและต้องปลูกฝังในบ้าน
00:16:38 → 00:16:40 ก่อนอย่างง้อเนี่ยตอนเด็กๆเนี่ยอ่ะจะได้
00:16:40 → 00:16:44 ดูช่อง 9 การ์ตูนสมัยก่อนนะฮะอ่าน้าต๋อย
00:16:44 → 00:16:46 เซมเบ้อย่างเงี้ใช่มคะจะได้ดูก็ต้องเธอ
00:16:46 → 00:16:49 ต้องถูบ้านก่อนอเราก็รู้หน้าที่เราเราถู
00:16:49 → 00:16:52 บ้านเสร็จอ่ะมานั่งดูและหนังดูทีวีได้เขา
00:16:52 → 00:16:55 ก็จะให้เสรีภาพของเราตามหน้าที่พ่อแม่ก็
00:16:55 → 00:16:58 มีหน้าที่หาเลี้ยงลูกลูกก็ไปเรียนหนังสือ
00:16:58 → 00:17:01 ทำหน้าที่ของลูกให้ถูกต้องบ้านมันก็เป็น
00:17:01 → 00:17:03 บ้านมีเด็กบางคนนั่งเล่นเกมทั้งวันแล้ว
00:17:03 → 00:17:06 แม่ก็บอกว่าอย่าเล่นนะลูกเดี๋ยวมันทำให้
00:17:06 → 00:17:09 สายตาหนูพังนะสมองหนูมันจะไม่ดีร่างกาย
00:17:09 → 00:17:13 หนูอหนูมีสิทธิ์ในร่างกายของหนูออเหรอเ
00:17:13 → 00:17:14 ตอบอย่างงั้นเลยใชเอใช่เพเด็กยุคนี้อย่าง
00:17:14 → 00:17:17 ที่บอกนะคะว่ามันจะมีแบบมันรับสื่อแบบ
00:17:17 → 00:17:19 ตื้นเขินน่ะค่ะโอเออพอบอกว่าศิทธิ์ก็เอา
00:17:19 → 00:17:21 แต่สิทธิ์เออเวลาเจองี้ทำไงเนี่ยพ่อแม่ทำ
00:17:21 → 00:17:24 ไงอ้าเราก็ต้องบอกคืออันดับแรกนะถ้าลูก
00:17:24 → 00:17:26 กล้าพูดแบบนี้แปลว่าที่ผ่านมาพ่อแม่ไม่
00:17:26 → 00:17:29 ได้วางสีเสาหลักอย่างถูกต้องสิทธิบทหน้า
00:17:29 → 00:17:32 ที่เสรีภาพไม่ได้วางไว้ถูกละเราต้องย้อน
00:17:32 → 00:17:34 กลับมาที่ตัวเราเองแล้วด้วยว่าโอถ้าลูก
00:17:34 → 00:17:36 กล้าขึ้นเสียงกับเราเพราะว่าถ้าบ้าน
00:17:36 → 00:17:38 เลี้ยงลูกมาดีลูกจะไม่ขึ้นเสียงกับพ่อแม่
00:17:38 → 00:17:41 นะใช่มั้ยคะถ้าเพูดว่าก็มันศิทธิ์ของหนู
00:17:41 → 00:17:43 ไหนเรามาคุยเรื่องศิทธิ์กันหน่อยสิลูกคำ
00:17:43 → 00:17:45 ว่าสิทธิ์คืออะไรอ่าหนูรู้มมว่ามันไม่ได้
00:17:45 → 00:17:47 มีแค่สิทธิ์ถ้าหนูต้องการสิทธิ์หนูต้องมี
00:17:47 → 00:17:50 หน้าที่บทบาทเสรีภาพกว่าเราจะได้เสรีภาพ
00:17:50 → 00:17:52 หรือสิทธิเนี่ยมันจะต้องมีบทบาทและหน้า
00:17:52 → 00:17:56 ที่หนูบอกว่านี่คือร่างกายของหนูมันจริงม
00:17:56 → 00:17:59 ร่างกายนี้เกิดจากอะไรลูกหนูกินน้ำเข้าไป
00:17:59 → 00:18:02 เนี่ยเลือดเนี่ยมาจากน้ำที่หนูดื่มนะ
00:18:02 → 00:18:04 อาหารที่ออกมาเป็นผมงอกออกมาได้เนี่ยก็
00:18:04 → 00:18:07 คืออาหารที่หนูกินทุกมื้อแสดงว่าอันเนี้ย
00:18:07 → 00:18:10 มันไม่ใช่สิทธิ์ของหนูอย่างเดียวมันคือ
00:18:10 → 00:18:14 สิทธิ์ของแม่ด้วยเออที่เรากินอาหารในบ้าน
00:18:14 → 00:18:18 เนี้ยออกมาเป็นร่างกายเนี้ยอืฉะนั้นที่
00:18:18 → 00:18:21 แม่พูดแม่พูดด้วยความรักแลแม่ห่วงหนูนะคะ
00:18:21 → 00:18:23 แม่ห่วงลูกของแม่อยากให้ลูกของแม่มีมี
00:18:23 → 00:18:26 สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเรามาตั้งกฎกัน
00:18:26 → 00:18:29 เล่นแม่ให้ได้ 2 ชั่วโมงไม่เกินเกิน 2
00:18:29 → 00:18:33 ชั่วโมงแม่จะขอยึดอันนี้ไม่ให้เล่นหนูมอง
00:18:33 → 00:18:37 ว่าไงอ่ะถ้าหนูงอแงเราไม่รับกฎนี้แปลว่า
00:18:37 → 00:18:39 กฎนี้เราก็ต้องไม่มีการเล่นในบ้านเลยมัน
00:18:39 → 00:18:42 ต้องมีไม้แข็งด้วยอแต่ทั้งหมดเนี้ยเราก็
00:18:42 → 00:18:44 ต้องพูดกันด้วยความรักว่าเข้าใจใช่มว่า
00:18:44 → 00:18:48 แม่รักหนูมากๆอืแล้วถ้าหนูเป็นอะไรไปแม่
00:18:48 → 00:18:51 ก็เสียใจแต่มันชีวิตของหนูมันชีวิตของหนู
00:18:51 → 00:18:53 ไม่ได้น่ะสิลูกเพราะอาหารที่หนูกินทุก
00:18:53 → 00:18:57 มื้อเนี้ยมันก็คืออาหารที่แม่หามาเนาะ
00:18:57 → 00:19:01 จริงมั้ยใช่ใช่มลูกงั้นวันนี้เราต้องเข้า
00:19:01 → 00:19:04 ใจหน้าที่แม่มีหน้าที่แต่แม่แต่แม่ก็ต้อง
00:19:04 → 00:19:06 พูดเป็นนะถูกต้องพี่แม่ไปไม่เป็นก็งง
00:19:06 → 00:19:08 เหมือกันนะลูกก็ไม่มันก็ไม่ยอมรับใช่
00:19:08 → 00:19:10 เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีคือไม่ไม่ไม่เข้าใจ
00:19:10 → 00:19:13 การสื่อสารน่ะใช่คีย์ของการสื่อสารปลาย
00:19:13 → 00:19:17 ทางคืออะไรให้เราพูดเจตนาเช่นจะโกรธแค่
00:19:17 → 00:19:21 ไหนรู้ใช่มว่าแม่รักรู้ใช่มว่าอยากให้หนู
00:19:21 → 00:19:24 ได้ดีอ่าเนี่ยกลับไปที่ตรงนี้ให้ได้กลับ
00:19:24 → 00:19:26 ไปตรงนี้ให้ได้อยากให้หนูมีสุขภาพร่างกาย
00:19:26 → 00:19:30 ที่แข็งแรงต้องพูดบนประโยของเขาไม่ใช่บน
00:19:30 → 00:19:33 ประโยชน์ของแม่ค่ะอ่าถ้าเราบอกทำไมฉัน
00:19:33 → 00:19:36 เป็นแม่แกข้าวที่ก็ของฉันเริ่มลำเลิกแล้ว
00:19:36 → 00:19:38 แบบทีนี้เห็นมั้ยคะหนูเข้าใจให้มันถูกลูก
00:19:38 → 00:19:42 ว่ามันไม่มีคำว่าอะไรของใครหรอกแม่ก็เป็น
00:19:42 → 00:19:45 แม่ของหนูแม่วันนี้แม่จะไปแบบนอนกับผู้
00:19:45 → 00:19:48 ชายกี่คนก็ได้ไม่ได้เพราะว่าแม่มีหน้าที่
00:19:48 → 00:19:51 ที่ต้องเป็นแม่ที่ดีของหนูอืงั้นแม่ก็
00:19:51 → 00:19:52 ต้องทำหน้าที่ของแม่หนูก็ต้องทำหน้าที่
00:19:52 → 00:19:54 ของหนูคือเราต้องให้เหตุผลกันแบบเนี้ยพี่
00:19:55 → 00:19:57 ตั๊กเด็กมันถึงจะได้แบบเอ่อฟังแล้วเข้าใจ
00:19:57 → 00:20:00 ว่าหนูหนูใช้คนี้ไม่ได้หนูไม่ได้อยากเกิด
00:20:00 → 00:20:03 มามีบางคนเป็นแบบนี้เอใช่เออพ่อแม่มีอะไร
00:20:03 → 00:20:06 กันหนูก็เลยเกิดมาแม่ก็คุมนะลูกมึงก็มา
00:20:06 → 00:20:11 อยู่ดีถูกมั้ยคะฉะนั้นนะสิ่งที่การเกิด
00:20:11 → 00:20:14 อ่ะมันไม่ใช่แค่สามีภรรยาเขามีอะไรกัน
00:20:14 → 00:20:16 แล้วเกิดนะลูกคนบางคนเมีอะไรกันก็ไม่เกิด
00:20:16 → 00:20:19 การเกิดมันมีเหตุมากกว่านั้นลูกเออฉะนั้น
00:20:19 → 00:20:22 ถ้าหนูไม่อยากเกิดหนูแม่แนะนำนิพพานลูกนะ
00:20:22 → 00:20:25 คะแต่หนูเกิดมาเพราะเหตุของหนูฉะนั้นไม่
00:20:25 → 00:20:28 มีการกล่าวอ้างไม่มีใครอยู่ๆบังเอิญเกิด
00:20:28 → 00:20:29 มา
00:20:29 → 00:20:32 ด้วยบังเอิญมีใครบางคนจับลงอ่ะมาเกิดคน
00:20:32 → 00:20:35 นี้เถอะเรามีเหตุที่สัมพันธ์ที่ต้องเกิด
00:20:35 → 00:20:38 ด้วยกันฉะนั้นไม่มีอะไรไม่สัมพันธ์ซึ่ง
00:20:38 → 00:20:40 กันและกันหนูจะมาบอกว่านี้เป็นสิทธิ์ของ
00:20:40 → 00:20:42 หนูอย่างเดียวไม่ได้เพราะนั่นแปลว่าหนูก็
00:20:42 → 00:20:45 จะต้องทำมาหากินเองดูแลตัวเองซึ่งแม่ก็
00:20:45 → 00:20:47 ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นอย่างเงี้ยคือ
00:20:47 → 00:20:50 มันต้องคุยกันแบบเนี้ยค่ะออแต่ทั้งหมด
00:20:50 → 00:20:53 ทั้งมวลคือแม่ต้องมีการควบคุมอารมณ์ที่ดี
00:20:53 → 00:20:56 บางคนบางบ้านก็สุดโต่งพอกดคือกฎแต่ไม่มี
00:20:56 → 00:21:00 คำว่ามนุษย์กับลูกเลยอืไม่หยวนกันสัก
00:21:00 → 00:21:02 หน่อยหรอไม่กอดกันสักหน่อยหรอไม่บอกรัก
00:21:02 → 00:21:05 กันสักหน่อยหรอค่ะฉะนั้นบ้านแต่ละบ้านถ้า
00:21:05 → 00:21:08 ถ้ามันมีทั้งกดด้วยแล้วมันมีทั้งหัวใจลง
00:21:08 → 00:21:11 ไปด้วยอ่ะเช่นพ่อแม่คุยกับลูกได้ไม่ตัด
00:21:11 → 00:21:15 สินลูกคียเลยนะพี่ตั๊กเข้าใจอารมณ์ชื่นชม
00:21:15 → 00:21:18 เนื้อแท้อืแก้ไขปรับปรุงอืแต่คนส่วนใหญ่
00:21:18 → 00:21:20 อ่ะจะชอบกระโดดเข้าไปแก้ไขปรับปรุงก่อน
00:21:20 → 00:21:22 ไม่เข้าใจอารมณ์ยังไม่เข้าใจเลยยังไม่
00:21:22 → 00:21:26 ชื่นชมเขเลย 2 ตัวเคือน้ำหล่อเลี้ยงใจและ
00:21:26 → 00:21:29 ทำให้ลูกอ่ะเป็นพวกเดียวกับเราออแล้วเจะ
00:21:29 → 00:21:32 ปรึกษาเราเลยสมมุติลูกไปโรงเรียนมีโดน
00:21:32 → 00:21:36 บูลลี่กลับมาค่ะพ่อแม่ส่วนใหญ่เจนมาละไป
00:21:36 → 00:21:40 ละโอ๊ยเป็นชั้นนะอ่าเป็นแม่นะอย่างงั้น
00:21:40 → 00:21:42 อย่างงี้ที่ล้างแก้อย่างงั้นอย่างงี้เรา
00:21:42 → 00:21:45 รีบแก้ไขปรับปรุงละทำไงหรอเป็นไงหนูรู้
00:21:45 → 00:21:47 สึกไงลูกเข้าใจอารมณ์เค้าก่อนแล้วหนูรู้
00:21:47 → 00:21:51 สึกไงเครียดใช่มเออเป็นแม่แม่ก็เครียดเออ
00:21:51 → 00:21:53 เป็นพวกก่อนเป็นพวกเก่อนรู้สึกกับเาก่อน
00:21:53 → 00:21:55 ให้เค้ารู้สึกจริงๆอย่าไปบอกโอ๊ยเรื่อง
00:21:55 → 00:21:59 แค่นี้ขี้หมูขี้หมาไม่มีงานทำทำสิค่อยมา
00:21:59 → 00:22:01 ปวดกบานอะไรอย่าเงี้ยบางคนพ่อแม่ก็เป็น
00:22:01 → 00:22:04 แบบเนี้ยก็นั่นคือปัญหาพ่อแม่แต่เี่ปัญหา
00:22:04 → 00:22:06 เคเนี่ยใหญ่ของเค้าอย่าทำเรื่องใหญ่ของ
00:22:06 → 00:22:09 เขาให้เป็นเรื่องเล็กของเราอืเเรื่องใหญ่
00:22:09 → 00:22:12 วันนี้เราก็แบบโอเหรอหนูโอ้โหเครียดใช่่
00:22:12 → 00:22:14 มั้ยลูกอ่าเข้าใจอารมณ์ปุ๊บชื่นชมก่อน
00:22:14 → 00:22:17 ขอบคุณมากที่มาเล่าให้แม่ฟังขอบคุณที่ไว้
00:22:17 → 00:22:20 ใจแม่อยากให้แม่ช่วยอะไรให้ถามแบบนี้เลย
00:22:20 → 00:22:22 อยากให้แม่ช่วยอะไรหนูไม่รู้องั้นแม่แนะ
00:22:22 → 00:22:25 นำนะหนูลองพิจารณาเอาเองนะแม่มองว่าหนู
00:22:25 → 00:22:28 สามารถทำแบบนี้ได้นะสามารถบอกคุณครูได้
00:22:28 → 00:22:29 หรือหรือหนูสามารถบอกเพื่อนได้เลยว่าเฮ้ย
00:22:29 → 00:22:32 ห้ามทำแบบนี้นะเว้ยเราไม่ชอบนะหนูพูดได้
00:22:32 → 00:22:35 ตามลำดับแบบนี้ถ้ามันไม่ไหวจริงๆค่อยๆให้
00:22:35 → 00:22:38 เรื่องไต่ไปตามลำดับหนูมองว่าไงมั่งอย่าง
00:22:38 → 00:22:40 เงี้ยเด็กจะได้รู้สึกว่าฉันเป็นส่วนหนึ่ง
00:22:40 → 00:22:42 กับความคิดแม่ resect แม่ให้เกียรติความ
00:22:42 → 00:22:46 คิดหนูมีอะไรเคก็จะเล่าให้เราฟังใช่ออ
00:22:46 → 00:22:48 ปัญหาทุกวันนี้ที่เราสอนลูกกันไม่ได้อ่ะ
00:22:48 → 00:22:51 เพราะเราไม่เคยเป็นฝั่งเดียวกับเาเลยใช่
00:22:51 → 00:22:53 เรากระโดดตัดสินเ้าด้วยว่ากูอาบน้ำร้อนมา
00:22:54 → 00:22:57 ก่อนเด็กมันก็จะเถียงว่าทำไมต้องอาบน้ำ
00:22:57 → 00:23:00 ร้อนในเมื่อน้ำอุ่นมีอ่าอ่าถูกมั้ยคะผ่าม
00:23:00 → 00:23:01 เลยทีนี้ไม่รู้จะไปยเด็กก็เลยไปปรึกษา
00:23:01 → 00:23:03 เพื่อนแทนซึ่งเพื่อนก็กระปกกระเปลี้ยไป
00:23:03 → 00:23:06 ด้วยกันออเนี่ยเราเราจะผลักเค้าออกหรือ
00:23:07 → 00:23:09 ดึงเขาเข้าขึ้นอยู่กับวิธีการสื่อสารเรา
00:23:09 → 00:23:12 หมดเลยอ่างทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่พ่อ
00:23:12 → 00:23:16 แม่ถูกต้องการเลี้ยงดูจริงนะฮะหลายคนมาก
00:23:16 → 00:23:19 นะพี่ตั๊กส่งลูกมาหาให้มาเปลี่ยนแบบงาจะ
00:23:19 → 00:23:22 มีหลักสูตรสำหรับเด็กวัยรุ่นนะคะที่ให้
00:23:22 → 00:23:25 เด็กมั่นใจในตัวเองเคารพตัวเองพ่อแม่จะมา
00:23:25 → 00:23:27 แบบอยากให้เขาคมั่นใจค่ะครูเงาะอย่างงั้น
00:23:27 → 00:23:31 อย่างงี้อย่างงี้งั้นครูเงาะบอกว่าขอ 2
00:23:31 → 00:23:33 ช่วโมงติวคุณพ่อคุณแม่ก่อนอเพราะว่าครู
00:23:33 → 00:23:35 เงาะให้เครื่องมือไปแล้วแล้วกลับไปที่
00:23:35 → 00:23:38 บ้านแล้วไปไปทำลายทำลายเครื่องมือโดยที่
00:23:38 → 00:23:42 ไม่ได้เจตนาอ๋อด้วยความรักอ่ะคเช่นเปรียบ
00:23:42 → 00:23:45 เทียบลูกมาถึงปุ๊บเนี่ยค่ะมันไม่มั่นใจใน
00:23:45 → 00:23:47 ตัวเองเลยค่ะครูเงาะอย่างเงี้ยแล้วพูดต่อ
00:23:47 → 00:23:50 หน้าเด็กอันเนี้ยลงจิตใต้สำนึกเด็กเลย
00:23:50 → 00:23:52 เด็กจะมั่นใจตัวเองยากมากแล้วครูเงาะบอก
00:23:52 → 00:23:55 อ่ะไหนคุณแม่ลองแสดงความคิดเห็นไม่ค่ะไม่
00:23:55 → 00:23:57 ค่ะ
00:23:57 → 00:24:00 อแม่ต้องทำให้เห็นเป็นให้ดูอยู่ให้สัมผัส
00:24:00 → 00:24:03 ออถ้าแม่อยากให้เขามั่นใจแม่มั่นใจให้
00:24:03 → 00:24:06 เขาคเห็นหรือยังเออไม่ใช่ว่าแม่แบบนึกมึง
00:24:06 → 00:24:09 ต้องมั่นใจแทนกูนะอย่างงี้ไม่ใช่อย่าง
00:24:09 → 00:24:12 เงี้ยงั้นร้อยละ 90 ของเด็กที่มีปัญหา
00:24:12 → 00:24:15 ต้องแก้ที่พ่อแม่ค่ะยกตัวอย่างอย่างเด็ก
00:24:15 → 00:24:17 รุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เนี่ยนะฮะเราก็จะเห็น
00:24:17 → 00:24:19 ตามโรงเรียนอะไรเนี่ยนะโอ้โหเขาคก็ออก
00:24:19 → 00:24:21 มาเรียกร้องสิทธิกันอันนี้คือเด็กรุ่น
00:24:21 → 00:24:24 รุ่นใหม่เนี่ยนะฮะไม่สนใจเรื่องการแต่ง
00:24:24 → 00:24:27 เนื้อแต่งตัวหรือกฎระเบียบอะไรต่างๆโอ
00:24:27 → 00:24:30 แล้วอย่าอย่างงี้ทำไงบางคนทำผมสีแจ๊ดเลย
00:24:30 → 00:24:34 โอเคนะฮะไปโรงเรียนหรือไปที่ทำงานหรือ
00:24:34 → 00:24:37 แต่งตัวเซ็กซี่มาทำงานตรงเนี้ยโอเคเงาะ
00:24:37 → 00:24:41 ว่าไงคือเราต้องคุยกันด้วยเหตุผลหมดเลย
00:24:41 → 00:24:44 ค่ะยุคเนี้ยค่ะงายกตัวอย่างเด็กในออฟฟิศ
00:24:44 → 00:24:48 เงาก็มีที่บางทีแรงเค้าเรียกแรงอ่าเค้าจะ
00:24:48 → 00:24:51 แบบเหมือนเค้าอาจจะไม่ได้ทันคิดแล้วคือ
00:24:51 → 00:24:53 อย่างเช่นอย่างยกตัวอย่างเค้าใส่รองเท้า
00:24:53 → 00:24:56 แตะมาทำงานใช่มั้ยคะเค้าใส่รองเท้าแตะมา
00:24:56 → 00:24:58 ทำงานแบบเดินแล้วเบอกว่าก็หนูก็ทำงานเต็ม
00:24:58 → 00:25:01 ศักยภาพเกี่ยวอะไรกับรองเท้าในมุมเเจะ
00:25:01 → 00:25:05 เป็นแบบนี้ใช่มั้ยคะฮูงก็บอกว่าจริงการทำ
00:25:05 → 00:25:08 งานของเราอ่ะมันเป็นเรื่องของสมองจริงคือ
00:25:08 → 00:25:11 เป็นพวกเดียวกับเขาก่อนค่ะแล้วครูก็เชื่อ
00:25:11 → 00:25:12 ในสมองของหนูด้วยเพราะว่าหนูเป็นเด็กที่
00:25:12 → 00:25:15 ครีเอทีฟมากคือก่อนหน้าเนี้ยเราต้องสร้าง
00:25:15 → 00:25:17 เข้าใจอารมณ์ชื่นชมเนื้อแท้มาก่อนเพราะ
00:25:17 → 00:25:20 ถ้าเรากระโดดสอนเลยเขาจะมีกำแพงอระหว่าง
00:25:20 → 00:25:22 ทางเนี่ยเราชื่นชมเมาตลอดค่ะเพราฉะนั้น
00:25:22 → 00:25:24 เวลาที่เขาพูดเขาจะไม่ต้านกับเราตั้งแต่
00:25:24 → 00:25:26 ต้นงก็จะเรียกเ้ามาคุยบอกว่าอย่างงี้
00:25:26 → 00:25:30 ลูกเวลาละหนูดูสีฟ Jobs หนูว่าสีฟ Jobs
00:25:31 → 00:25:34 เท่มยเท่เนาะ Apple เนี่ย iPhone เา้านี่
00:25:34 → 00:25:37 นะโอ้โห Apple Store เขานี่เท่มยเท่เนาะ
00:25:37 → 00:25:41 เห็นทุกคนมยว่าเขาแต่งตัวมีธีมเห็นมยว่า
00:25:41 → 00:25:44 มันไม่ใช่แค่สมองนะลูกคนเรามันตัดสินจาก
00:25:44 → 00:25:46 ภาพลักเนี่ยเคเห็นกัน 7 วินาทเคตัดสินคุณ
00:25:46 → 00:25:49 แล้ว 7 วินทีแล้วตัดสินจากกายภาพเนี่ยถึง
00:25:49 → 00:25:52 ถึง 55% ของการตัดสินเขาไม่ได้ตัดสินที่
00:25:52 → 00:25:56 สมองหนูลูกเตัดสินที่กายภาพใช่แล้วถ้าเรา
00:25:56 → 00:25:59 เดินไปใน Apple ST แล้วทุกคนครีบรองเท้า
00:25:59 → 00:26:01 แตะแต่งตัวยังไงก็ได้อีหลอกขอกแขกมาเรา
00:26:01 → 00:26:03 เริ่มไม่เชื่อถือแล้วถูกป่ะอืเออแล้ววัน
00:26:04 → 00:26:06 เนี้ยหนูทำอ่ะหนูมีสมองของหนูครูเชื่อแต่
00:26:06 → 00:26:09 วันเนี้ยหนูอยู่ในองค์กรที่สอนเรื่องของ
00:26:09 → 00:26:11 บุคคลิกภาพเรื่องของ mindset เรื่องของ
00:26:11 → 00:26:14 การสื่อสารหนูกำลังสื่อสารอะไรให้โลก
00:26:14 → 00:26:16 เนี้ยรู้อืถ้าหนูเดินเข้ามาในองค์กรบอก
00:26:16 → 00:26:18 โอ้เนี่ยเหรอพนักงานครูเง้อโอ้โหแต่งตัว
00:26:18 → 00:26:21 เนี่ยเหรอจะไปสอนบุคคลิกภาพใครอ่าใช่มัน
00:26:21 → 00:26:23 ก็ส่งผลใช่มั้ยลูกฉะนั้นครูเอาอย่างงี้ดี
00:26:23 → 00:26:26 กว่าหนูใส่รองเท้านี้เพราะอยากสบายใช่มย
00:26:26 → 00:26:29 ได้งั้นหนูเอาพวกสลิปเปอร์พวกรองเท้าใส่
00:26:29 → 00:26:32 อยู่บ้านน่ะมาใส่ในที่ทำงานได้แต่ช่วงจาก
00:26:32 → 00:26:34 บ้านมาเข้าที่ทำงานแต่งตัวให้สุภาพให้ครู
00:26:34 → 00:26:37 หน่อยหนูคิดว่าไงอ๋อถ้าเป็นประเด็นนี้หนู
00:26:37 → 00:26:40 เข้าใจเลยครูอเราให้เหตุผลเขาแบบเนี้ยอ่ะ
00:26:40 → 00:26:44 อย่างมีอีเด็กอีกคนนึงเปรี้ยวแซ่บมากถ่าย
00:26:44 → 00:26:47 รูปถ่ายรูปลง IG ตัวเองเด็กรุ่นใหม่นะ
00:26:47 → 00:26:51 โโป๊มากเดี๋ยวก็แก้มก้นเดี๋ยวก็ล่องอก
00:26:51 → 00:26:53 อะไรอย่างเงี้ยเราก็ต้องรู้ละอ่าคุณผู้
00:26:53 → 00:26:55 ใหญ่ฟังไว้ทางนี้เลยนะคะถ้าคุณจะโน้มน้า
00:26:55 → 00:26:58 ใจใบคนที่ชอบเปรียมซิงซ่าเใช่ถ้าเราจะ
00:26:58 → 00:27:01 โน้มเน้าใจใครเราอย่าไปโน้มเน้าบนคำว่า
00:27:01 → 00:27:04 หัวโบราณแบบที่ว่ามันไม่ดีนะแต่งตัวแบบ
00:27:04 → 00:27:06 นี้ไม่ดีคุณต้องหาให้เจอว่าเขาต้องการ
00:27:06 → 00:27:09 อะไรในชีวิตเราดูแล้วไอ้เด็กคนเนี้ยมัน
00:27:09 → 00:27:11 อยากมีแฟนดีๆเก็เรียกมันสมมติสมมุติชื่อ
00:27:11 → 00:27:15 น้องเอแล้วกันนะเอเออยากมีคู่คู่ครองที่
00:27:15 → 00:27:19 ดีใช่มั้ยลูกอืมแล้วสิ่งที่เอนำเสนอกับ
00:27:19 → 00:27:23 โลกอ่ะเอนำเสนออะไรอ่าเอเดี๋ยวก็ควักนม
00:27:23 → 00:27:26 ออกมาเดี๋ยวก็ควักก้นออกมาแบบเนี้ยหนูคิด
00:27:26 → 00:27:28 ว่าเขาจะเข้ามาด้วยสมองหนูเหรอลูกเไม่
00:27:28 → 00:27:31 เจาะถึงสมองหนูหรอกลูกเหยุดเไม่หยุดที่
00:27:31 → 00:27:34 หัวนี้หูเหยุดที่หัวอื่นนึกออกมั้ยคะหนู
00:27:34 → 00:27:38 ทำตัวแบบเนี้ยหนูเรียกแขกเองนะลงรูปที่
00:27:38 → 00:27:41 ตัวเองทำงานบ้างความเซ็กซี่อ่ะไปให้เขา
00:27:41 → 00:27:45 ค้นหาไม่ใช่เปิดประจานขายอืถ้าเราเรียก
00:27:45 → 00:27:48 แบบมาดูกูมีนมนะอย่างเงี้ยเาก็ไม่ได้เข้า
00:27:48 → 00:27:50 มาที่สมองหนูหรอกลูกเขาเข้ามาเพราะสิ่ง
00:27:50 → 00:27:53 ที่หนูเรียกขายฉะนั้นเนี่ยหนูอยากให้โลก
00:27:53 → 00:27:55 เห็นหนูอย่างไรมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่หนู
00:27:55 → 00:27:59 อ่ะแสดงออกกับโลกแล้วพอทันที่เขเปลี่ยนคน
00:27:59 → 00:28:02 ที่มาหาเขเป็นหมอมั่งละอ่าเห็นมอ่าทำ
00:28:02 → 00:28:04 ธุรกิจนักธุรกิจมั่งเพราะหลังจากนั้นเขา
00:28:04 → 00:28:06 ก็เปลี่ยนเลยเพราะเราไม่ได้แบบคือไม่ได้
00:28:06 → 00:28:08 ไปด่าเราบอกเฮ้ยเซ็กซี่ครูเข้าใจผู้หญิง
00:28:08 → 00:28:11 นะความเซ็กซี่แต่หนูจะขายอะไรล่ะหนูจะเอา
00:28:11 → 00:28:15 คนมาแค่มาแซ่บกันเฉยๆเราใช้ภาษาเขาเลยนะ
00:28:15 → 00:28:17 ฮะจะเอามาแค่แซ่บหรือจะเอามาเป็นพ่อของ
00:28:17 → 00:28:20 ลูกอืจะเอามาเป็นคู่ครองกัลยาณมิตรร่วม
00:28:20 → 00:28:22 เดินทางไปสู่ปลายทางด้วยกันหนูเอาคนแบบ
00:28:22 → 00:28:25 ไหนเออฉะนั้นหนูจะเอาคนแบบไหนหนูก็ต้อง
00:28:25 → 00:28:28 แสดงออกแบบนั้นอืเออฉะนั้นเด็กมันก็ฟัง
00:28:28 → 00:28:31 ครูไม่ได้ห้ามโป๊บางทีแต่งตัวเซ็กซี่ผู้
00:28:31 → 00:28:33 หญิงอมันมีเสน่ห์ลูกแต่ว่ามันต้องมีจุด
00:28:33 → 00:28:35 ท้าทายบ้างไม่ใช่มีจุดที่แบบเขาไม่ต้อง
00:28:35 → 00:28:38 เดาอะไรเราเลยอ่ะลูกนะคะฉะนั้นมันแบบนี้
00:28:38 → 00:28:40 ลูกผู้ชายเขาจะเข้าหาผู้หญิงเนี่ยเขาเข้า
00:28:40 → 00:28:44 ด้วยภาพลักษณ์แต่เขาจะอยู่ด้วยความนับถือ
00:28:44 → 00:28:48 และ resp ฉะนั้นถ้าวันเนี้ยเอ่อมามาด้วย
00:28:48 → 00:28:50 ภาพลักษณ์เนี่ยแล้วหนูให้ภาพลักษณ์เขไป
00:28:50 → 00:28:52 แล้วหนูไปมีอะไรกับเขาเลยเนี่ยสมมุตินะเค
00:28:52 → 00:28:55 ยังไม่ทันได้เคารพคุณค่าของหนูเลยเไปแล้ว
00:28:55 → 00:28:57 ลูกเพราะไม่มีจุดท้าทายแต่ถ้าเข้ามาอุ๊ย
00:28:57 → 00:29:00 หนูเป็นคคนดีด้วยทำมาหากินมีเป้าหมาย
00:29:00 → 00:29:03 ชีวิตมีจุดยืนของตัวเองแล้วดันเซ็กซี่อีก
00:29:03 → 00:29:06 ตรงเแหละลูกเขาจะเลือกเราและเราก็สามารถ
00:29:06 → 00:29:08 เลือกเขาได้ค่ะอย่าเงี้ยพอเราสอนปุ๊บเขา
00:29:08 → 00:29:11 ก็จะโอว่ะจริงค่ะครูอย่างเงี้ยเงาะก็เลย
00:29:11 → 00:29:13 คุยกับเด็กรุ่นในออฟฟิศเงาะเด็กรุ่นใหม่
00:29:13 → 00:29:16 เยอะพูดถึงเรื่องเด็กในออฟฟิศเนี่ยเอ่อ
00:29:16 → 00:29:20 เด็กนปัจจุบันค่ะไม่ค่อยทนน่ะครูเงาะทำ
00:29:20 → 00:29:22 งานไม่ค่อยทนครูเงาะเจอเหล่านี้มบางที
00:29:22 → 00:29:25 อยู่ๆเอ้าไม่แฮปปี้ไปละเดือนนึงบางทียัง
00:29:25 → 00:29:28 ไม่ทันชนเ้าไม่อดทนหรือเปล่าคือเเคโตมาใน
00:29:28 → 00:29:32 ค่านิยมว่าต้องสบายอ่ะสุขนิยมโอเคสุขนิยม
00:29:32 → 00:29:34 เด็กมันยังคิดอะไรไม่ออกก็คิดว่าเงินคือ
00:29:34 → 00:29:37 สุขนิยมตื่นไม่ต้องตื่นเช้าอยู่ใกล้บ้าน
00:29:37 → 00:29:39 สุขนิยมสุนิยมใช่มั้ยคะอะไรอีกที่จะ
00:29:40 → 00:29:43 สุขนิยมก็ได้ทำงานที่เอ่อแฟนซีหน่อยแบบ
00:29:43 → 00:29:45 แซ่บๆหน่อยอะไรอย่างเงี้ยเขาก็จะรู้สึก
00:29:45 → 00:29:47 ว่านี่คือความสุขของเขามาตั้งแต่แรกงอจะ
00:29:47 → 00:29:51 ชวนเด็กถามหาเป้าหมายชีวิตก่อนเลยอือะไร
00:29:51 → 00:29:53 คือเป้าหมายของหนูอะไรชีวิตที่ตายตาหลับ
00:29:53 → 00:29:56 ของหนูหนูทำงานเพื่ออะไรหนูเห็นแียพของ
00:29:56 → 00:29:59 หนูแบบไหนอ่าตรงบริษัทของครูจะช่วย
00:30:00 → 00:30:02 สนับสนุนหนูไปสู่เป้าหมายหนูอะไรได้บ้าง
00:30:02 → 00:30:05 ค่ะเช่นเขาบอกว่าหนูอยากได้ทำงานท้าทาย
00:30:05 → 00:30:07 อ้าเชิงทำงานโอเคแล้วพ่อแม่ล่ะลูก
00:30:07 → 00:30:09 ครอบครัวหนูอยากเป็นไงหนูอยากเลี้ยงดูที่
00:30:09 → 00:30:13 บ้านได้แล้วหนูอยากภูมิใจในงานของหนูยัง
00:30:13 → 00:30:16 ไงไม่ใช่แค่ถ่ายตัดต่อแต่หนูได้ตัดงานที่
00:30:16 → 00:30:19 มันแบบคนดูแล้วได้ประโยชน์อ่ะเออพอเขา
00:30:19 → 00:30:21 เริ่มเห็นว่าสิ่งที่เขาอยากได้มันไม่ใช่
00:30:21 → 00:30:24 แค่กินอร่อยนอนหลับแล้วอ่ะแต่เขาอยาก
00:30:24 → 00:30:26 สร้างความภาคภูมิใจอย่างเงี้ยค่ะพอเขา
00:30:26 → 00:30:29 เห็นตรงนี้ปุ๊บเเนี่ยมีเด็กในออฟฟิศเงาะ
00:30:29 → 00:30:31 คนนึงก็แบบเพื่อนมาบอกให้หนูไปย้ายที่ทำ
00:30:31 → 00:30:34 งานครูเงาะเพราะว่ามันจะได้อัพเงินเดือน
00:30:34 → 00:30:37 แต่หนูคิดไม่ออกว่าถ้าหนูไปที่อื่นอ่ะหนู
00:30:37 → 00:30:39 จะได้ทำงานที่หนูรู้สึกภูมิใจแบบนี้หรือ
00:30:39 → 00:30:42 เปล่าอือ่าฉะนั้นเราสามารถดึงให้เขาอยู่
00:30:42 → 00:30:45 ได้ในวันที่เราพาเขาให้เห็นเป้าหมายที่
00:30:45 → 00:30:47 ใหญ่กว่าแค่ตัวเองค่ะอย่างเงี้ยค่ะเราก็
00:30:47 → 00:30:49 จะชวนคุยกันมีเด็กประเภทนึงเ้าเรียกว่า
00:30:49 → 00:30:53 เด็กปีนเกลียวอ่าโอฉันเจ๋งแหมฉันเก่งมาก
00:30:53 → 00:30:56 เลยฉันไม่สนหรอกรุ่นพี่รุ่นน้องรุ่นแม่
00:30:56 → 00:30:59 ฉันไม่สนเด็กเหล่านี้แก้ยังไงอคูเงเอา
00:30:59 → 00:31:01 จริงๆนะพี่ตั๊กเด็กพวกปีนเกลียวหรือมั่น
00:31:01 → 00:31:05 มั่นหน้าเนี่ยนะลึกๆไม่มั่นใจในตัวเอง
00:31:05 → 00:31:08 ทั้งนั้นอ๋อเมีจุดด้อยของเค้าใช่เค้า
00:31:08 → 00:31:11 พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองฉะนั้นถ้าจะให้
00:31:11 → 00:31:13 พูดจริงๆคนพวกเนี้ยขาดความนับถือตัวเอง
00:31:13 → 00:31:16 ขาดความรักตัวเองแบบลึกซึ้งขาดความเมตตา
00:31:16 → 00:31:19 ตัวเองอืแล้วกลัวเจ็บพอความกลัวเจ็บจึง
00:31:19 → 00:31:23 ต้องแสดงออกว่ากูไม่แคร์อืเพื่อที่จะให้
00:31:23 → 00:31:25 ป้องกันตัวเองไว้ไม่ให้ใครเข้ามาในพื้น
00:31:25 → 00:31:28 ที่เขตแดนของตัวเองค่ะถ้าเป็นลักษณะเนี้ย
00:31:28 → 00:31:30 ให้ความเมตตาเยอะๆแทบจะการันตีได้เลยว่า
00:31:30 → 00:31:32 เขาจะต้องมีอิชชู่กับครอบครัวถ้าเด็กที่
00:31:32 → 00:31:35 มีความปีนเกลียวนะจะต้องถูกกดดันมาว่า
00:31:35 → 00:31:38 ต้องเก่งต้องพิสูจน์ตัวเองอะไรบางอย่าง
00:31:38 → 00:31:40 จากครอบครัวตัวเองเงี้ยค่ะจนบาดแผลมันทำ
00:31:40 → 00:31:43 ให้เขาไม่กล้าที่จะนบางทีบางทีเป็นกับ
00:31:43 → 00:31:46 ครอบครัวก็มีเคยเเคยเห็นอยู่คนนึงแม่กับ
00:31:46 → 00:31:50 ลูกเนี่ยมันต่างไวกันมากแล้วก็จะไม่ไม่
00:31:50 → 00:31:53 เคารพแม่ฉันเก่งฉันเจ๋งฉันดีกว่านะก็จะ
00:31:53 → 00:31:55 ไม่เคารพพูดกันไม่รู้เรื่องเพราะงั้นเด็ก
00:31:56 → 00:31:58 เหลนี้คือเด็กที่อาจจะมีปมในใจเพราะว่า
00:31:58 → 00:32:00 พ่อแม่อาจจะไม่ได้ให้การยอมรับเพราะว่า
00:32:00 → 00:32:02 เอาจริงๆเงาะกับแม่ก็ห่างกันเยอะแม่มี
00:32:02 → 00:32:05 เงาะตอนเขาอายุ 43 แต่เงาะเข้ากับแม่ได้
00:32:05 → 00:32:08 ดีมากเลยเพราะ 1 อย่างแม่ให้เกียรติลูก
00:32:08 → 00:32:11 เงาะอยากจะเรียนอันนี้ญาติบอกเรียนทำไม
00:32:11 → 00:32:15 นิเทศเรียนมาก็ไม่มีงานทำหรอกอ่าเราหัว
00:32:15 → 00:32:18 ใช้ได้่ะไปเรียนฝั่งสายวิทย์มั้ยเนี่ยดู
00:32:18 → 00:32:21 ลูกน้าสิคือเขาหวังดีลูกน้าเรียนจบนิเทศ
00:32:21 → 00:32:23 มายังไม่มีงานทำเลยอย่างเงี้ยในใจเราก็
00:32:23 → 00:32:26 แบบก็หนูไม่ใช่ลูกน้าน่ะค่ะแต่เราก็ไม่
00:32:26 → 00:32:28 ได้พูดนะคะเดี๋ยวเตบย้อนเเหงือเราขึ้นมา
00:32:28 → 00:32:31 นะคะูครูเงาะก็แบบคิดในใจเงาะก็คิดในใจ
00:32:31 → 00:32:35 ว่าแบบอ่ะค่ะยิ้มๆแต่สิ่งที่เงาะไม่เคย
00:32:35 → 00:32:37 ได้ยินจากแม่เลยคือการบังคับแม่บอกแล้ว
00:32:37 → 00:32:40 แต่เงาะเลยลูกอเงาะเงาะรู้ดีว่าเงาะ
00:32:40 → 00:32:43 ต้องการอะไรแล้วแม่เงาะจบแค่ป 4 พี่ตั๊ก
00:32:43 → 00:32:45 โหไม่น่าครูเงาะก็เลยประสบความสำเร็จเนา
00:32:45 → 00:32:48 เคไว้ใจเรามากออยิ่งไว้ใจเท่าไหร่เรายิ่ง
00:32:48 → 00:32:52 ต้องรักษาตัวเองให้ถูกต้องออเออยิ่งเาให้
00:32:52 → 00:32:54 เกียรติเราเรายิ่งไม่ทำตัวเกกเมเหลกเกเร
00:32:54 → 00:32:57 เพื่อให้สมกับแต่ถามว่ามีมั้ยตอนสมัยวัย
00:32:57 → 00:32:59 รุ่นกินเหล้าอะไรอย่าเงี้ยกินแม่ไม่เคย
00:32:59 → 00:33:03 รู้โออแหละโอกินสุดฤทธิ์กลับบ้านเช้าเมา
00:33:03 → 00:33:06 อ้วกแตกในรถอะไรเงี้เคยมาก่อนนะคะแต่ทั้ง
00:33:06 → 00:33:09 หมดอ่ะมันจะอยู่ในขอบเขตที่เรารู้ว่าแบบ
00:33:09 → 00:33:11 นี้เราประคองตัวเองได้จะไม่มีเรื่องผู้
00:33:11 → 00:33:13 ชายเรื่องยาเสพติดอะไรอย่างงั้นน่ะไม่มี
00:33:14 → 00:33:17 เพราะเขาไว้ใจเรามากอืพอมันเป็นแบบเยค่ะ 1
00:33:17 → 00:33:20 แล้วแม่เงานอกจากเข้าใจลูกชื่นชมนี่คือ
00:33:20 → 00:33:24 สิ่งที่แม่ทำมาตลอดเงาะมันกล้าอาหารเงาะ
00:33:24 → 00:33:27 มันพอเ้าอย่างงี้ปุ๊บเรามั่นใจในตัวเอง
00:33:27 → 00:33:30 ค่ะเราได้จากในครอบครัวอืแต่ถ้าแม่ลูกคู่
00:33:30 → 00:33:33 ไหนนะคะต่อให้อายุใกล้กันแต่แบบทำแบบฉัน
00:33:33 → 00:33:36 สิดูฉันสิดูแม่สิทำอย่างงั้นสิทำอย่างงี้
00:33:36 → 00:33:39 สิเด็กจะไม่ได้ยินว่าแม่ห่วงเลยนะทั้งๆ
00:33:39 → 00:33:41 ที่แม่พูดด้วยความรักแต่เด็กจะได้ยินว่า
00:33:41 → 00:33:44 หนูไม่เคยดีพอสำหรับแม่เลยใช่มยอืแล้ว
00:33:44 → 00:33:46 เค้าไม่มีใครในโลกหรอกอยากอยู่กับคนที่ทำ
00:33:46 → 00:33:50 ให้เขารู้สึกต่ำต้อยอ่ะค่ะอ๋อไม่น่าเถึง
00:33:50 → 00:33:52 จะปีนเกลียวกันตลอใช่แล้วเก็ต้องพิสูจน์
00:33:52 → 00:33:54 ตัวเองว่าหนูรู้มากกว่าแม่หนูรู้มากกว่า
00:33:54 → 00:33:57 แม่อ่าใช่อ่าอย่างเงี้ยค่ะพอพูดถึงผู้
00:33:57 → 00:34:00 ใหญ่ผู้ใหญ่บางคนก็มักจะติดความเชื่อแบบ
00:34:00 → 00:34:03 เดิมๆของตัวเองไม่ยอมเปิดรับอะไรใหม่ๆ
00:34:03 → 00:34:05 เชื่อยังไงก็เชื่ออย่างงั้นคนเหล่านี้จะ
00:34:05 → 00:34:08 เปลี่ยนความคิดได้ยังไงทุกยุคมีสิ่งที่
00:34:08 → 00:34:11 เหมือนกัน 1 อย่างคือต้องการการถูกมอง
00:34:11 → 00:34:15 เห็นและถูกได้ยินอืใช่มั้ยคะฉะนั้นถ้าพ่อ
00:34:15 → 00:34:18 แม่กำลังบ่นอยู่แล้วลูกบอกแม่หัวโบราณนี่
00:34:18 → 00:34:20 เขายิ่งกำแพงหนักเลยโบราณก็เลี้ยงมึงมา
00:34:20 → 00:34:23 นี่แหละใช่มั้ยคะเอ่อแม่วิธีเก่าของแม่
00:34:23 → 00:34:25 มันใช้ไม่ได้ใช้ไม่ได้หลก็ฉันเลี้ยงแกมา
00:34:25 → 00:34:28 สิ่งที่เราจะต้องทำคือเข้าใจอารมณ์ชื่นชม
00:34:28 → 00:34:30 เนื้อแท้เหมือนเดิมเลยกลับไปเรื่องนี้เลย
00:34:30 → 00:34:32 ถูกต้องสมมุติว่าเงาะจะไปหาแม่แล้วแม่
00:34:32 → 00:34:36 กำลังบ่นๆๆๆรู้เลยว่าแม่ห่วงแม่ห่วงเงาะ
00:34:36 → 00:34:39 ใช่มมอืขอบคุณนะที่แม่เป็นห่วงหนูอย่าง
00:34:39 → 00:34:41 งี้แม่แม่กังวลว่าหนูจะไปอย่างงี้อย่าง
00:34:41 → 00:34:43 งี้แม่สบายใจได้นี่คือหลักฐานที่จะทำให้
00:34:44 → 00:34:46 เห็นว่ามันจะเป็นแบบนี้นะแทนที่เราจะบอก
00:34:46 → 00:34:49 แม่ไม่เข้าใจหรอกเด็กวัยรุ่นเทำกันแบบนี้
00:34:49 → 00:34:52 อย่างเงี้ยเราอย่าไปปัดเออกแต่เราเข้าใจ
00:34:52 → 00:34:55 เงาะรู้ว่าแม่เป็นห่วงเงาะอือืขอบคุณนะ
00:34:55 → 00:34:57 ที่แม่เป็นห่วงค่ะเงาะจะดูแลตัวเองแบบนี้
00:34:58 → 00:35:00 1 2 3 4 ให้แม่สบายใจได้เลยนะเดี๋ยว
00:35:00 → 00:35:02 เงไปถึงตรงนั้นเงจะโทรหาแม่ก่อนเลยอย่าง
00:35:02 → 00:35:05 เงี้ยค่ะแล้วแม่เองก็จะต้องรู้ว่าหมายถึง
00:35:05 → 00:35:08 คนเจนเก่าก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุก
00:35:08 → 00:35:10 เรื่องอีกต่อไปแล้วอ่ะเออมันมีมันมี
00:35:10 → 00:35:12 เรื่องที่เราต้องยอมรับว่าเขารู้มากกว่า
00:35:12 → 00:35:14 แล้วก็ต้องอนุญาตให้เราก็ต้องฟังเด็กนะ
00:35:15 → 00:35:16 เหมือนการเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้าอะไรเนี่ยนะ
00:35:16 → 00:35:19 คะพี่ก็เจอมากับตัวเองบางทีเนี่ยเราก็เลย
00:35:19 → 00:35:23 ต้องหยุดเราก็เลยรู้ว่าเฮ้ยคนสมัยเราเี้
00:35:23 → 00:35:25 boomer เนี่ยก็ไม่ได้ถูกเสมอไปเหมือนที่
00:35:25 → 00:35:28 พี่พูดเมื่อกี้กับคนรุ่นใหม่บางทีเราเอา
00:35:28 → 00:35:30 มาใช้กับเค้าไม่ได้เหมือนเรามีหลานคนนึง
00:35:30 → 00:35:33 เนี่ยใชบางทีเราก็เฮิตที่มีบ้านที่มัน
00:35:33 → 00:35:36 สามารถจะอยู่อีกกี่คนก็ได้ค่ะเขาคก็ไม่
00:35:36 → 00:35:39 อยากอยู่กับเราอ่าตอนแรกพี่ก็ไม่เข้าใจ
00:35:39 → 00:35:43 ค่ะเด็กอายุ 27 เนี่ยก็อยากจะไปอยู่ของ
00:35:43 → 00:35:47 ตัวเองอแล้วก็เลี้ยงลูกของตัวเองโดยที่ก็
00:35:47 → 00:35:52 เป็นแม่เลี้ยงเดียวโดยที่ไม่สนแม่บ้านฉัน
00:35:52 → 00:35:55 จะทำเองฉันจะส่งลูกเองแต่ก็ไม่ทำงานเราก็
00:35:55 → 00:35:57 ก็ก็ช่วยเขาอยู่ก็ยังทำงานไม่ได้นะเพราะ
00:35:57 → 00:35:59 ดูแลตัวเองแต่ในเวลาเดียวกันบางทีเราก็
00:35:59 → 00:36:03 แอบเฮิตนิดๆว่าทำไมเค้าไม่ขอความช่วย
00:36:03 → 00:36:06 เหลือเราอืมทำไมเ้าไม่อยากให้เราไปยุ่ง
00:36:06 → 00:36:10 กับเา้ามากอืทำไมเราต้องเจอเค้าเดือระหอื
00:36:10 → 00:36:13 ก็ดูโหดนะดูโหดนะบางทีเราก็อยากเออไปคุย
00:36:13 → 00:36:17 ด้วยทำไมต้องเดือนลหทำไมถึงไม่ให้เราช่วย
00:36:17 → 00:36:19 เหลืออะไรเลยอยากทำอะไรด้วยตัวเองอืแล้ว
00:36:19 → 00:36:23 เวลาเลี้ยงหลานเลี้ยงเลี้ยงเด็กสมัยก่อน
00:36:23 → 00:36:26 ค่ะแม่พ่อแม่เราจะทาแป้งเราทาแป้ง 4 ตัว
00:36:26 → 00:36:32 หอมๆ No ทามไม่ได้อ่าแป้งทำให้เกิดภูมิ
00:36:32 → 00:36:35 แพ้อ่ะทุกอย่างมันขัดกันสมัยก่อนหมดเลย
00:36:35 → 00:36:37 เนาะอันนีู้ครูเงาะเคยเคยเคยได้ยินมั้ย
00:36:37 → 00:36:40 เพราะงั้นคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่เนี่ยมัน
00:36:40 → 00:36:43 สอนกันไม่ได้อ่ะยินใช่คูเงาะรู้สึกอย่าง
00:36:43 → 00:36:44 งั้นมั้ยคือมันมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
00:36:44 → 00:36:46 เพราะว่าเราก็จะเลี้ยงบนชุดความเชื่อของ
00:36:46 → 00:36:49 เราเขาก็จะไปอ่านตำราของยุคใหม่ของเขา
00:36:49 → 00:36:51 แล้วก็เลี้ยงบนความเชื่อเคก็จะสุดโต่ง
00:36:51 → 00:36:54 เค้าเลยนะเขาจะเชื่อความคิดของเขาค่ะอ่า
00:36:54 → 00:36:58 ซึ่งถ้าถ้าจะจะผ่อนลงมาอ่ะพี่ตั๊กเคยถาม
00:36:58 → 00:37:01 มั้ยคะว่าทำไมต้องเดือนละหนน่ะลูกเคยถามเ
00:37:01 → 00:37:07 มั้ยคะเออไม่เคยถามอ่าอาจจะต้องถามว่ามัน
00:37:07 → 00:37:10 เป็นมันมันเกิดจากอะไรเเคบอกเไม่ว่างอ้า
00:37:10 → 00:37:13 ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรคงไม่คงไม่ว่างจริง
00:37:13 → 00:37:15 ๆเบอกเค้าเลี้ยงลูกเลี้ยงอะไรอย่างเงี้ย
00:37:15 → 00:37:16 แล้วเราไปหาได้
00:37:16 → 00:37:19 มั้ยก็ไม่ว่างไงเราเค้าไม่ว่างหรือเราไม่
00:37:20 → 00:37:22 ว่างเค้าไม่ว่างเ้าไม่ว่าไม่แต่ถ้าสมมุติ
00:37:22 → 00:37:24 เค้าเลี้ยงลูกอ่ะก็คืองานหลักก็คือเลงแต่
00:37:24 → 00:37:27 แต่แต่พอทำอย่างงี้มาร่วมปีนะค่ะพี่ก็
00:37:27 → 00:37:31 เกิดความเคยชินแล้วะชินแล้วเราก็ทำเหมือน
00:37:31 → 00:37:34 ที่ครูเงาะว่าพยายามเอาใจเราเข้าไปเพราะ
00:37:34 → 00:37:39 เราเราเคยสอนเค้าแรงๆแล้วบางทีเราตีเา
00:37:39 → 00:37:41 เหมือนเราก็อาจจะแอบไปบงการชีวิตเา้าบ้าง
00:37:41 → 00:37:46 เพราะต้องการให้เค้าเป็น้าเป็นกรอบที่
00:37:46 → 00:37:50 เราฟังไว้วางไว้วางไว้ค่ะแต่ไอ้กรอบเนี่ย
00:37:50 → 00:37:53 ทุกอย่างที่เราบอกมันมันผิดหมดเลยอ่าเค้า
00:37:53 → 00:37:55 ไม่ทำเลยสักอย่างเนี่ยมันคือข้อเท็จจริง
00:37:55 → 00:37:58 ที่บอกอยากจะบอกคุณพ่อคุณแม่แหหลายคนมาก
00:37:58 → 00:38:01 ว่าเราวางไว้ให้ตายแค่ไหนอ่ะใช่เค้าก็จะ
00:38:01 → 00:38:03 เลือกทางของเคเองอยู่ดีเค้าเลือกทางของเค
00:38:03 → 00:38:05 ฉะนั้นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ให้ได้คือความ
00:38:05 → 00:38:09 รักใช่ความคิดใช่การศึกษาจบแล้วที่เหลือ
00:38:09 → 00:38:11 ลูกเลือกแรกพี่ไม่เข้าใจเลยนะครูเงาะแรก
00:38:11 → 00:38:14 พี่ไม่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่แต่ว่าพี่พี่ถาม
00:38:14 → 00:38:16 แทนเผื่อคนอื่นด้วยเพราะว่าเชื่อว่าเป็น
00:38:17 → 00:38:18 อย่างนี้หลายบ้านบ้านพี่คนรู้จักก็เป็น
00:38:18 → 00:38:22 อย่างเงี้ยแม่สมัยพี่เนี่ยชอบตีกรอบให้
00:38:22 → 00:38:25 ลูกลูกแล้ววาดฝันว่าลูกจะต้องแต่งงานกับ
00:38:25 → 00:38:27 คนแบบนี้ลูกจะต้องเป็นอย่างงี้แล้วมันมัน
00:38:27 → 00:38:29 ไม่ไม่ใช่สักอย่างใช่เคก็อยากไปใช้ชีวิต
00:38:29 → 00:38:32 ของเขาคเคก็อยากเลือกทางแต่สิ่งที่พ่อแม่
00:38:32 → 00:38:35 เป็นห่วงคือเขาจะเป็นยังไงเาจะดูแลตัวเอง
00:38:35 → 00:38:39 ได้มั้ยเจะลำบากมั้ยเจะไปเจออะไรไอ้พ่อ
00:38:39 → 00:38:41 แม่มันจะห่วงอย่างงี้อ่ะคูเงาะว่ามั้ยใช่
00:38:41 → 00:38:44 เนี่ยคือคือมันมันจะเป็นคำที่พ่อแม่พูด
00:38:44 → 00:38:47 ด้วยเจตนาเนี้ยแต่ลูกจะได้ยินอีกเจตนานึง
00:38:47 → 00:38:50 ถูกใช่พ่อแม่จะบอกว่าสมมุติว่าเห็นลูกทำ
00:38:50 → 00:38:52 อะไรตั้งแต่เด็กทำไม่ได้อ่ะแม่เข้าไปทำ
00:38:52 → 00:38:55 ให้เพราะแม่จะมองว่าเป็นอย่างงี้ใช่มั้ย
00:38:55 → 00:38:58 คะแม่จะมองว่าเออถ้าั้ฉันทำทำให้ก็เร็วดี
00:38:58 → 00:39:02 อ่าแล้วก็เออมันจะได้ไม่เสียเวลา่หรือถ้า
00:39:02 → 00:39:05 ลูกร้องไห้เอ่อมันเป็นหน้าที่ฉันที่ต้อง
00:39:05 → 00:39:06 ทำให้เขาหยุดให้ได้เพราะถ้าเกิดฉันทำให้
00:39:06 → 00:39:08 เขาคหยุดไม่ได้เดี๋ยวฉันไม่ใช่แม่ที่ดี
00:39:08 → 00:39:11 บางคนคิดแบบนั้นแต่เด็กไม่ได้ยินแบบนั้น
00:39:11 → 00:39:13 ทันทีที่เขาทำไม่ได้แม่เข้าไปชาร์จปุ๊บออ
00:39:14 → 00:39:16 งั้นฉันคงไม่ต้องพยายามอะไรแล้วแหละเพราะ
00:39:16 → 00:39:18 คนอย่างฉันก็คงทำอะไรดีสู้แม่ไม่ได้ใช่
00:39:18 → 00:39:22 อ้อรู้แล้วพี่เวลาพี่ไปบ้านเ้าพี่จะชอบไป
00:39:22 → 00:39:25 ยุ่งไงอ่าเอขนาดมีแม่บ้านแล้วพี่ก็ยังไป
00:39:25 → 00:39:28 ยุ่งตอนหลังเบอกเไม่เอาแม่บ้านเคคงอยากจะ
00:39:28 → 00:39:30 ฝึกวิธีพี่ก็ชอบไปหยิบไปจับไปเช็ดไปจัด
00:39:30 → 00:39:34 อาหารเบอกคุณแม่มาทีไรก็ก็มาเหนื่อยทุกที
00:39:34 → 00:39:37 ก็เลยเจอกันข้างนอกแล้วกันเออเออมันมันก็
00:39:37 → 00:39:39 แปลกแต่ว่าพอมาถึงวันนี้พี่เริ่มมีความ
00:39:39 → 00:39:42 เคยชินแล้วก็เริ่มไม่เรียกว่าชินดีกว่า
00:39:42 → 00:39:45 เรียกว่าเริ่มเข้าใจเค้าอจริงๆเลยคำนี้
00:39:45 → 00:39:48 เลยพี่ัสำคัญเพราะว่าเวลาเราเราเสียใจนี่
00:39:48 → 00:39:50 มันอยู่ในใจเราทุกอย่างมันอยู่ในใจเไม่
00:39:50 → 00:39:53 ได้รู้สึกอะไรเลยใช่ใช่ค่ะซถ้าเกิดสมมุติ
00:39:53 → 00:39:56 ว่าวันนึงเราอยากจะสมานลอยแผลนี้นะคะหรือ
00:39:56 → 00:39:58 มันอาจจะไม่ใช่แผลหรอกแต่ว่าสมานอะไรบาง
00:39:58 → 00:40:01 อย่างง่ายมากเลยแค่เราเดินไปเราอาจจะบอก
00:40:01 → 00:40:05 ว่าเออวันก่อนคุณแม่ไปคุยกับูเงาะมาก็ได้
00:40:05 → 00:40:06 แล้วคุณแม่รู้แล้วว่าคุณแม่พลาดอะไรกับ
00:40:06 → 00:40:09 หนูมั่งอืออย่างเงี้ยลอบแบให้เขาก่อนเลย
00:40:09 → 00:40:13 ว่าเออแม่ขอโทษว่ะอืเพราะเจตนาแม่คือเข้า
00:40:13 → 00:40:15 มาอยากจะช่วยแต่ในมุมหนูคือมันเหมือนแม่
00:40:15 → 00:40:17 ไปบอกว่าหนูยังทำได้ดีไม่พออะไรอย่าง
00:40:17 → 00:40:20 เงี้ยทำดีไม่พอใช่ๆหนูๆอาจจะตีความแบบ
00:40:20 → 00:40:22 นั้นถ้าหนแม่ทำให้หนูเข้าใจแบบนั้นแม่ขอ
00:40:22 → 00:40:25 โทษแล้วแม่พอเข้าใจเสร็จปุ๊บอย่าลืมชื่น
00:40:25 → 00:40:28 ชมแล้วแม่ขอชื่นชมหนูว่าที่ผ่านมาหนูทำ
00:40:28 → 00:40:31 เต็มที่จริงๆในฐานะคุณแม่คนนึงที่หนู
00:40:31 → 00:40:34 เลี้ยงลูกด้วยตัวของหนูเองไม่ว่าหนูจะ
00:40:34 → 00:40:37 อ่านตำราแค่ไหนเชื่อตัวเองมากๆลูกหนูมี
00:40:37 → 00:40:39 อะไรที่ดีเหนือกว่าตำราเหล่านั้นเดี๋ยว
00:40:39 → 00:40:43 หนูจะรู้มากกว่าตำราแล้วแม่ก็บอกหนูได้
00:40:43 → 00:40:45 แค่นี้จริงๆเพราะว่าไม่มีใครรู้จักลูกตัว
00:40:45 → 00:40:48 เองได้ดีกไปกว่าหนูต่อให้หนูหนูคิดว่าหนู
00:40:48 → 00:40:50 รู้จักลูกของหนูดีแต่เดี๋ยววันนึงเขาจะ
00:40:50 → 00:40:53 รู้จักตัวเองดีกว่าหนูเหมือนที่หนูรู้จัก
00:40:53 → 00:40:55 ตัวเองดีกว่าที่แม่รู้จักหนูฉะนั้นแม่
00:40:55 → 00:40:57 เคารพการตัดสินใจของหนูทั้งหมดเพราะว่า
00:40:57 → 00:40:59 เด็กรุ่นใหม่พี่เชื่อว่าคงมีหลายบ้านที่
00:40:59 → 00:41:02 เป็นอย่างงี้เคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วลูก
00:41:02 → 00:41:05 ก็มักจะไม่อยากอยู่ในครอบครัวอยากจะแยก
00:41:05 → 00:41:08 ออกไปอยู่ใช่เพงั้นวันนี้ครูเงาะก็คงให้
00:41:08 → 00:41:12 ไอเดียว่ามันก็ต้องคุยกันคุยกันแล้วก็ทุก
00:41:12 → 00:41:14 คยอมรับการตัดสินใจของเขาเข้าใจเจตนาของ
00:41:14 → 00:41:17 กันและกันลูกเข้าใจเจตนาแม่ถ้าลูกบอกว่า
00:41:17 → 00:41:20 คุณแม่หนูรู้ว่าคุณแม่ห่วงหนูหนูรู้ว่า
00:41:20 → 00:41:22 คุณแม่คิดถึงหลานอยากมาอย่างงี้อย่างี้
00:41:22 → 00:41:24 ใช่ไมอะไรอย่าเงี้ยหนูขอบคุณนะทีเนี้หนู
00:41:24 → 00:41:26 อยากให้ตรงเนี้ยหนูอยากลองผิดด้วยตัวหนู
00:41:26 → 00:41:30 เองอ่ะถ้าเพูดคำเพี่ตัก็จะแบบถอยเออกมา
00:41:30 → 00:41:32 แต่ถ้าบอกคุณแม่ไม่ต้องยุ่งบางทีเราก็จะ
00:41:32 → 00:41:35 เฮินะอเราจะเใชอ่าเหมือนกันในกณีกรณีกับ
00:41:35 → 00:41:37 ลูกเราก็ต้องบอกว่าเออแม่รู้ว่าหนูอยากดู
00:41:37 → 00:41:40 แลด้วยตัวเองโอแม่เข้าใจว่ะแม่ขอโทษจริงๆ
00:41:40 → 00:41:43 ที่แม่อาจจะแบบห่วงเกินไปเลยทำให้หนูคิด
00:41:43 → 00:41:46 ว่าแม่ไม่ไว้ใจจริงๆไม่ใช่นะแม่ไว้ใจมาก
00:41:46 → 00:41:49 แค่ลืมตัวอ่ะแม่จะถอยแล้วแม่ resp การตัด
00:41:49 → 00:41:53 สินใจของหนูสุดท้ายแล้วคนรุ่นใหม่ก็ที่จะ
00:41:53 → 00:41:56 อยู่คนรุ่นเก่าได้เราก็คงจะต้องปรับตัว
00:41:56 → 00:41:58 ให้เข้ากันเพื่อจะอยู่ร่วมกันได้อย่ามี
00:41:58 → 00:42:01 ความสุขอยากให้ครูเงาะเนี่ยสรุปอีกสักที
00:42:01 → 00:42:04 นะคะว่าคนต่างวัยที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
00:42:04 → 00:42:07 เนี่ยเราควรจะปรับและเข้าใจ 3 หลักนี้ยัง
00:42:07 → 00:42:11 ไงบ้าง 3 หลักก็คือเข้าใจอารมณ์ชื่นชม
00:42:11 → 00:42:15 เนื้อแท้แก้ไขปรับปรุงนะคะเข้าใจเขาก่อน
00:42:15 → 00:42:19 ว่าเขรู้สึกอะไรเาแคร์อะไรเขาต้องการอะไร
00:42:19 → 00:42:22 หรือเจตนาของเขาจริงๆคืออะไรแม้กระทั่ง
00:42:22 → 00:42:25 เขาอาจจะบอกแม่อย่าเพิ่งเข้ามาเราเฮิตะ
00:42:25 → 00:42:27 ด้วยพฤติกรรมแต่มองไปที่เจตนาออกออเขาไม่
00:42:27 → 00:42:30 อยากกวนเราหรือเปล่าเขาอยากจะลุยด้วยตัว
00:42:30 → 00:42:34 ของเขาเองหรือเปล่าอ่าเราเข้าใจอารมณ์เ 2
00:42:34 → 00:42:36 ชื่นชมเนื้อแท้เขาได้เฮ้ยเห็นความแข็ง
00:42:36 → 00:42:39 แกร่งของเขามยเห็นความเป็นนักสู้เมื่อเรา
00:42:39 → 00:42:42 มี 2 ข้อเยเขาจะรู้สึกปลอดภัยกับเราแล้ว
00:42:42 → 00:42:45 ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญแม่เห็นหนูจริง
00:42:45 → 00:42:48 ๆในแบบที่หนูเป็นแล้วหลังจากเยเราจะยื่น
00:42:48 → 00:42:50 มือไปช่วยเหลือแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่เรา
00:42:50 → 00:42:52 พลาดอยากจะขอโทษอะไรเอาไว้เป็นอันดับสุด
00:42:52 → 00:42:54 ท้ายนะเราอยากจะบอกให้เา้าเปลี่ยน
00:42:54 → 00:42:57 พฤติกรรมอะไรก็ได้สามารถเก็บไว้หลังหลจาก
00:42:57 → 00:43:00 ที่เราทำ 2 อันเนี้ดีมากพอแล้วอันนี้ใช้
00:43:00 → 00:43:02 ได้กับทุกเจนนะคะไม่ว่าเด็กจะใช้กับผู้
00:43:03 → 00:43:04 ใหญ่หรือผู้ใหญ่ใช้กับเด็กผู้ใหญ่และเด็ก
00:43:04 → 00:43:07 ทุกคนต้องการใครสักคนที่เข้าใจเราจริงๆ
00:43:07 → 00:43:10 แล้วเห็นคุณค่าของเราจริงๆคะขอบคุณครู
00:43:10 → 00:43:13 เงาะค่ะค่ะขอบคุณค่ะ
00:43:13 → 00:43:17 พี่ชมรายการต Talk แล้วก็อย่าลืมนะคะกด
00:43:17 → 00:43:20 ไลคกดแชร์กด Subscribe ทางช่องไ doot
00:43:20 → 00:43:23 ทั้งทางช่อง YouTube และ Facebook ด้วยนะ
00:43:23 → 00:43:26 คะแล้วก็อย่าลืมกดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะ
00:43:26 → 00:43:29 คะจะได้ไม่พลาดสาระดีๆจากช่อง Live doot
00:43:29 → 00:43:33 ของเราอย่าลืมนะคะ
00:00:00 → 00:00:02 ยุคแม่นะยุคฉันน่ะทำมาหากินอย่างเดียวไม่
00:00:02 → 00:00:05 มีเวลานั่งคิดว่าซึมเศร้าหรือเปล่าแม่ไม่
00:00:05 → 00:00:07 เข้าใจหนูแล้วเขาก็ไม่เลือกที่จะคุยกับ
00:00:07 → 00:00:10 แม่เพราะทุกคำที่พูดคือแม่ตัดสินไหมดเลย
00:00:10 → 00:00:12 ผมวางแผนไว้หมดะลูกผมเรียนอนุบาลที่ไหน
00:00:12 → 00:00:15 ประถมที่ไหนมัธยมที่ไหนมหาลัยที่ไหน
00:00:15 → 00:00:17 ปริญญาโทเรียนที่ไหนถ้าลูกเธอไม่เรียน
00:00:17 → 00:00:21 อันเนี้ยเธอจะไม่รักเเหรอเบอกไม่รัก
00:00:21 → 00:00:24 ครับอย่าเอาความผิดพลาดของตัวเองไปแก้ไข
00:00:24 → 00:00:25 ที่
00:00:25 → 00:00:30 ลูกลูกนะ 5 ขวบตบหัวแม่ถีบแม่อุ้ยแล้วแม่
00:00:30 → 00:00:32 ก็บอกไม่เป็นไรครูเงาะอ้าวพี่เลี้ยงลูก
00:00:32 → 00:00:35 แบบเพื่อนเงาะบอกว่าพี่คะหนูไม่เคยให้
00:00:35 → 00:00:39 เพื่อนถีบหน้าหนูสักทีค่ะร้อยละ 90 ของ
00:00:39 → 00:00:42 เด็กที่มีปัญหาต้องแก้ที่พ่อ
00:00:42 → 00:00:46 แม่ตีลูกเนี่ยตีไม่ได้อย่างลูกพี่เเคยว่า
00:00:46 → 00:00:49 พี่บอกว่าตีแปลว่าทำร้ายร่างกายเราจะเห็น
00:00:49 → 00:00:51 ยุคนี้มันจะมีเรียกกันว่าสิษย์หนูสิทธิ์
00:00:51 → 00:00:54 หนูกันเยอะอ่ะหนูมีสิทธิ์ในร่างกายของหนู
00:00:54 → 00:00:56 หนูไม่ได้อยากเกิดมามีบางคนเป็นแบบนี้เอ
00:00:56 → 00:00:59 ใช่เออพ่อแม่มีอะไรกันหนูก็เลยเกิดมาอ
00:01:00 → 00:01:03 ถ่ายรูปลง IG ตัวเองเด็กรุ่นใหม่นะโป๊มาก
00:01:03 → 00:01:05 เดี๋ยวก็ควักนมออกมาเดี๋ยวก็ควักก้นออกมา
00:01:05 → 00:01:07 แบบเนี้ยหนูคิดว่าเขาจะเข้ามาด้วยสมองหนู
00:01:07 → 00:01:10 เหรอลูกเไม่เจาะถึงสมองหนูหรอกลูกเไม่
00:01:10 → 00:01:12 หยุดที่หัวนี้หนูเหยุดที่หัวอื่นคุณผู้
00:01:12 → 00:01:15 ใหญ่ฟังไว้ทางนี้เลยนะคะถ้าคุณจะโน้มน้าว
00:01:15 → 00:01:18 ใจใครเด็กกลุ่มนี้คือเาโตมากับยุค YouTube
00:01:18 → 00:01:21 ที่รอ 5 วินาทีแล้วรอไม่ได้อ่ะเร็วมาก
00:01:21 → 00:01:23 เมื่อไหร่เมื่อไหร่เบอกว่าเด็กยุคหลังๆ
00:01:23 → 00:01:25 อ่ะความอดทนในการ
00:01:25 → 00:01:29 รอต่ำกว่าปลาทองแล้วนะคะ
00:01:29 → 00:01:34 [เพลง]
00:01:34 → 00:01:36 วันนี้เราคุยเรื่องของช่องว่างระหว่างวัย
00:01:37 → 00:01:40 กันดีกว่านะคะยุคนี้เนี่ยเป็นเยอะมากเด็ก
00:01:40 → 00:01:43 คุยกับผู้ใหญ่ไม่รู้เรื่องในครอบครัวมี
00:01:43 → 00:01:46 ปัญหาลูกหรือว่าปัญหาพ่อกับพ่อกับแม่ปู่
00:01:46 → 00:01:50 ย่าตายายลามไปถึงที่ทำงานเพราะว่าเเรชที่
00:01:50 → 00:01:53 มันแตกต่างกันเรานะฮดิฉันอยากเรียกว่าเรา
00:01:53 → 00:01:55 พี่ตั๊กอยากเรียกว่าเราเพราะถือว่าเป็นคน
00:01:55 → 00:01:58 รุ่นใหญ่คนมองว่าเอ๊ยคนรุ่นใหญ่เนี่ยหัว
00:01:58 → 00:02:02 โบราณโอ้ยมนุษย์ป้าเดี๋ยวก็เป็นมนุษย์ลุง
00:02:02 → 00:02:05 ต่างฝ่ายต่างมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือน
00:02:05 → 00:02:08 กันวันนี้เราจะคุยเรื่องช่องว่างระหว่าง
00:02:08 → 00:02:12 วัยนะคะก่อนติดตามตั๊กทก็อย่าลืมกดไลค์กด
00:02:12 → 00:02:14 แชร์กด Subscribe เป็นกำลังใจให้พี่ตั๊ก
00:02:14 → 00:02:18 ทางช่องไ do ด้วยครูเงาะคะสวัสดีค่ะครู
00:02:18 → 00:02:22 เงาะเจนอะไรคะเจน x ค่ะ x แต่ว่าเป็น x
00:02:22 → 00:02:25 พิเศษออ่ามันมีเจน x พิเศษด้วยนะพี่ตั๊ก
00:02:25 → 00:02:28 รู้เปล่าคือในแต่ละเจนเนี่ยอย่างสมมุติ
00:02:28 → 00:02:31 เจน x เนี่ยเควัดตั้งแต่ปี 2000 โดยบวกลบ
00:02:31 → 00:02:33 นิดหน่อยนะคะ
00:02:33 → 00:02:36 2507 เป็นต้นไปจนถึง
00:02:36 → 00:02:40 2523 อ่าช่วงนี้เเรียกเป็นเจน x แต่มัน
00:02:40 → 00:02:44 จะมีช่องเจนพิเศษคือบวกลบลงไปอ่ะอย่างลา 5
00:02:44 → 00:02:48 คือมันเขาเรียกว่าเป็นเจนเนลโอเนลคือเป็น
00:02:48 → 00:02:52 x ที่ผสมมีเชื้อของ x กับ y คือเจนกลุ่ม
00:02:52 → 00:02:56 เนี้ยจะเป็นกลุ่มที่อยู่ในยุคตอนเด็กโตมา
00:02:56 → 00:03:00 แบบอาลอกแต่พอโตมาเนี่ยอยู่ในดิจิตอล
00:03:00 → 00:03:04 มันมันพิเศษเลยใช่เป็นเจนที่แบบว่าเคยต่อ
00:03:04 → 00:03:07 ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญมาก่อนเล่นแคสเซ็ต
00:03:07 → 00:03:10 เพลงยืดแช่ช่องฟรีซผ่านมาหมดแต่พอมาถึง
00:03:11 → 00:03:13 ยุคนึงเราก็มาเป็นยุคดิจิตอละเข้ามายุค
00:03:13 → 00:03:18 Twitter ไปกับเาไปในยุคเอ่อ IG tiktok
00:03:18 → 00:03:20 เราก็ยังอยู่กับเขาได้เเลยเรียกเจนตรง
00:03:20 → 00:03:23 เนี้ยเเรียกเจนพิเศษบวกงนอยู่ในเจนพิเศษ
00:03:23 → 00:03:27 ใช่เขาบอกว่าเป็นเจนที่จะได้ความเป็น x
00:03:27 → 00:03:30 แล้วก็ได้ความเป็น Y มาผสมคือได้มีความ
00:03:30 → 00:03:34 ชิลแบบเด็กสายวายแต่มีความแบบเป๊ะเชะเด๊ะ
00:03:34 → 00:03:36 อะไรบางอย่างอ่ามีสิ่งที่เรายึดเหนี่ยว
00:03:36 → 00:03:39 เหมือนคน genx พี่นี่เก่ามากเลยเี้ boomer
00:03:39 → 00:03:43 สมัยนั้นพี่เป็นปลายๆของเบี้บูมถูกมั้ยคะ
00:03:43 → 00:03:46 ใช่ก็ก็ถือว่าปลายไม่ถือว่าต้นมากแต่คน
00:03:46 → 00:03:50 เี้ boomer มันต่างจากคนเค้าเรียกว่าคนใน
00:03:50 → 00:03:53 ยุคปัจจุบันมันจะมีพ่อแม่ในยุคเอ่อเี้
00:03:53 → 00:03:56 boomer ซึ่งมีลูกค่ะโอ้โหพูดกันไม่รู้
00:03:56 → 00:03:59 เรื่องเลยถูกๆๆเพราะว่าแต่ละเจนน่ะพี่
00:03:59 → 00:04:02 ตั๊กเราจะมีค่านิยมไม่เหมือนกันคือเอา
00:04:02 → 00:04:04 จริงๆมนุษย์เราอ่ะมันคือผลลัพธ์ของข้อมูล
00:04:04 → 00:04:07 เราทุกคนคือผลลัพธ์ของข้อมูลที่เราได้รับ
00:04:07 → 00:04:10 ป้อนมาทีนี้เจนเบบี้บูมเนี่ยโตมากับอะไร
00:04:10 → 00:04:13 คะขยันซื่อสัตย์ประหยัดอดทนโอ้ถูกมั้ยคะ
00:04:13 → 00:04:16 จริงจริๆเป็นกลุ่มที่ได้รับความเชื่อใน
00:04:16 → 00:04:19 เรื่องของความดีเป็นอันดับต้นอืจะต้องทำ
00:04:19 → 00:04:22 งานจะต้องโอ้โหเบบี้บูมนี้ถ้าทำงานที่ไหน
00:04:22 → 00:04:25 จะ royalty มากจะซื่อสัตย์ในที่ทำงานนั้น
00:04:25 → 00:04:30 ๆจะอดทนสูงมากนในขณะเดียวกันเ x เนี่ยจะ
00:04:30 → 00:04:33 เป็นเจนที่โตมาในยุค Superman อ่ะอ่าฉัน
00:04:33 → 00:04:36 จะต้องเก่งฉันจะต้องเป็นเเตในเรื่องใด
00:04:36 → 00:04:39 เรื่องหนึ่งอ่าในขณะที่เจนไนเขาให้ค่ากับ
00:04:39 → 00:04:41 พวกไอดอลอือ่ามันเป็นยุคไอดอลแล้วะเป็น
00:04:42 → 00:04:44 แบบอารมณ์แบบอีลอนมาสกล่าวว่าอะไรอย่าง
00:04:44 → 00:04:47 เงี้ยค่ะเจนวายกูก็อยากจะกล่าวว่ากับเขา
00:04:47 → 00:04:49 ด้วยอะไรอย่างเงี้ยแล้วเขโตมาในยุคแบบ
00:04:49 → 00:04:52 อายุน้อย 100 ล้านน่ะพี่แล้วบางทีแบบกู
00:04:53 → 00:04:54 อายุน้อย 100 นยังไม่ถึงเลยอย่างเงี้ย
00:04:54 → 00:04:57 ประมาประมาณักอายุอายุสักเท่าไหร่นะเจน W
00:04:57 → 00:05:02 เนี่ยเตัดตั้งแต่ปี 2005 524 ถึง 2540
00:05:02 → 00:05:05 ค่ะจาก Gen Y ไปจนถึงเซเซ genz เนี่ยนะ
00:05:05 → 00:05:08 คะเจซเนี่ย 2540 เป็นต้นไปเนี่ยเป็นต้นไป
00:05:08 → 00:05:13 ก็จะมีเจนพิเศษอีกที่ค่อมระหว่าง C กับ Y
00:05:13 → 00:05:15 ค่ะอ่าเขาก็จะมีความกลุ่มนี้ก็จะเป็น
00:05:16 → 00:05:18 กลุ่มพิเศษของเขาขึ้นมาอีกที่สามารถถ้า
00:05:18 → 00:05:21 อยู่เอ่อในองค์กรเขาก็จะเป็นคนเชื่อมใจ
00:05:21 → 00:05:24 ระหว่างคน Gen Y กับ gen c ออ่าเหมือน
00:05:24 → 00:05:26 อย่างของเจนพิเศษของ x กับ Y อย่างกลุ่ม
00:05:26 → 00:05:28 เงาะเนี่ยก็จะเป็นกลุ่มที่ถ้าอยู่ในองค์
00:05:28 → 00:05:31 กรก็จะสามารถเชื่อมใจ Gen X ได้กับ Gen
00:05:31 → 00:05:34 Y ได้คือฉันเข้าใจความอิสระของเธอ Y และ
00:05:34 → 00:05:37 ฉันเข้าใจความเปชของเธอ X อย่างเงี้ยค่ะ
00:05:37 → 00:05:40 โอ้โหมันมันซับซ้อนนะมันซับซ้อนมันมีมั้
00:05:40 → 00:05:42 คนยุคเี้ boomer แต่ทำไมมันนิสัยไปเหมือน
00:05:42 → 00:05:46 Gen X มีมีอีกพวกนี้น่ากลัวมีอีกเา
00:05:46 → 00:05:49 เรียกเจนอะไรมั้คะเนซเป็น C ตัว C ไม่ใช่
00:05:49 → 00:05:53 ซไม่ใช่ Zebra นะคะเป็น C เลยคือเป็นพวก
00:05:53 → 00:05:57 ใช่ Cat เป็นพวกกลุ่มเี้บูมกับกลุ่ม Gen
00:05:57 → 00:06:02 X ที่ชั้นสนใจเรื่องเทคโนโลยีอ่าฉันเป็น
00:06:02 → 00:06:06 คนที่แบบฉันจะเป็นคนทันสมัยนะก็ดีเอ่ะมี
00:06:06 → 00:06:08 ค่ะกับอีกกลุ่มนึงเขาบอกว่าไม่ต้องมาแปะ
00:06:08 → 00:06:13 ป้ายฉันฉันชื่อว่า penal คือเป็นกลุ่มคน
00:06:13 → 00:06:16 ที่เรียกว่าเหมือนไม้ยืนต้นน่ะค่ะฉันจะ
00:06:16 → 00:06:18 อยู่ได้ทุกยุคอย่ามาแปะป้ายฉันว่าฉันเป็น
00:06:18 → 00:06:21 คนแก่ฉันคือคนที่เข้ากับเด็กได้อย่าง
00:06:21 → 00:06:24 อิลอนมาสกเนี่ยเขาบอกว่าห้ามแปะป้ายเขาเ
00:06:24 → 00:06:26 ค่ะเอเอมม่าวัดสันนี่เขาบอกอย่ามาแปะป้าย
00:06:26 → 00:06:29 ฉันฉันคุยกับใครก็ได้ฉันนั่งคุยกับเด็กก็
00:06:29 → 00:06:31 ได้ฉันนั่งคุยกับใครก็ได้อ้าพี่อยากเป็น
00:06:31 → 00:06:33 อย่างงี้บ้างเป็นแต่สิ่งสำคัญคือคนที่จะ
00:06:33 → 00:06:36 เป็นแบบนี้ได้จะมีคุณลักษณะพิเศษคือ
00:06:36 → 00:06:39 empathy หรือความเข้าใจคนสูงจะเข้าใจว่า
00:06:39 → 00:06:42 อ๋อเค้าเป็นแบบเนี้ยอ๋อเคคิดแบบเนี้ยก็เ
00:06:42 → 00:06:45 โตมาแบบเยก็เรื่องของเค้าก็ยากเนาะใช่ทำ
00:06:45 → 00:06:47 ยากเพราะว่ามันจะเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะฉัน
00:06:47 → 00:06:49 ให้ไอเดียฉันนะแต่ฉันเคารพการตัดสินใจของ
00:06:49 → 00:06:53 เธอค่ะแล้วฉันจะไม่ไปสิงเธออืแต่คนส่วน
00:06:53 → 00:06:56 ใหญ่มันชอบสิงกันชอบสิงฉันชอบเอาความคิด
00:06:56 → 00:06:58 ฉันไปให้เธอเบี้บูมก็จะบอกเด็กรุ่นใหม่
00:06:58 → 00:07:01 ว่าทำไมพวกเธอเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเออ
00:07:01 → 00:07:04 เดี๋ยวทำงานนิดนึงไม่รู้จักความอดทนนี่
00:07:04 → 00:07:06 แหละเรากำลังจะสิงเค้าใช่มั้ยเพราะเราเอา
00:07:06 → 00:07:10 ตัวเราเข้าไปเปรียบอ่ายุคแม่นะอย่างเงี้ย
00:07:10 → 00:07:13 แม่อุยซึมเศร้าอะไรยุคฉันไม่มีเวลาซึม
00:07:13 → 00:07:15 เศร้าหรอกยุคฉันน่ะทำมาหากินอย่างเดียว
00:07:15 → 00:07:17 ไม่มีเวลานั่งคิดว่าซึมเศร้าหรือเปล่า
00:07:17 → 00:07:20 เห็นมั้ยคะในขณะที่เด็กบแม่ไม่เข้าใจหนู
00:07:20 → 00:07:22 แล้วเขาก็ไม่เลือกที่จะคุยกับแม่เพราะทุก
00:07:22 → 00:07:25 คำที่พูดคือแม่ตัดสินหนูหมดเลยโอนี่พอครู
00:07:25 → 00:07:27 เงาะพูดปุ๊บพี่เห็นภาพเลยทันทีว่าพี่เคย
00:07:27 → 00:07:31 เป็นอย่างงั้นนะออแล้วเราก็เออทำไมสมัย
00:07:31 → 00:07:32 ชันมันเป็นอย่างงี้ทำไมเธอต้องเป็นอย่าง
00:07:33 → 00:07:35 งั้นแล้วเด็กรุ่นใหม่เราไม่สามารถจะอยู่
00:07:35 → 00:07:37 กับเขาได้ถ้าเราคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะ
00:07:37 → 00:07:41 ฉนั้นข้อดีข้อเสียของคนรุ่นใหม่ค่ะคือ
00:07:41 → 00:07:43 อย่างเด็กรุ่นใหม่เนี่ยข้อดีของเขาเขา
00:07:43 → 00:07:45 เป็นคนที่เข้าถึงข้อมูลได้เยอะเขาเก่งใน
00:07:45 → 00:07:48 เรื่องเทคโนโลยีมากเขาจะไปแบบปุ๊บๆๆๆหา
00:07:48 → 00:07:51 ข้อมูลแล้วเขาเป็นคนที่โตมาในยุคที่ข่าว
00:07:51 → 00:07:54 ปลอมมันเยอะเขาก็เลือกที่จะเสพแล้วว่า
00:07:54 → 00:07:56 เฮ้ยอันนี้จริงหรือเปล่าอย่างเด็กใน
00:07:56 → 00:07:58 ออฟฟิศเงาเนี่ยสมมุติใครแชร์รายการปุ๊บ
00:07:58 → 00:08:00 มันจะกลาไปรีเช็คเลยอ่าว่าอันเนี้ยเป็น
00:08:00 → 00:08:04 เฟกหรือแฟกอ่าถ้าอแล้วมันก็จะบอกเอ้ยอัน
00:08:04 → 00:08:06 นี้ข้อมูลเฟกนะครับห้ามเผยแพร่เด็กพวก
00:08:06 → 00:08:09 เนี้ยค่ะเขากลัวโดนหลอกเขาก็จะเข้าข้อมูล
00:08:09 → 00:08:12 เยอะฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่ครีเอทีฟมีความ
00:08:13 → 00:08:15 สร้างสรรค์เยอะเขามีแหล่งข้อมูลเยอะเรา
00:08:15 → 00:08:18 อย่าไปบอกเว่าพวกเธอนะต้องทำเหมือนชันเรา
00:08:18 → 00:08:20 จะไม่ได้ข้อดีของมันสมองของเด็กกลุ่มนี้
00:08:20 → 00:08:23 เลยแต่ข้อเสียเ้ามีไมมเราก็ต้องรู้อีก
00:08:23 → 00:08:27 เด็กกลุ่มนี้คือเโตมากับยุค YouTube ที่
00:08:27 → 00:08:30 รอ 5 วินีแล้วรอไม่ได้อ่ะเร็วมากเมื่อ
00:08:30 → 00:08:34 ไหร่เมมคะแล้วดูจะเร็วขึ้นเรื่อยๆกับเด็ก
00:08:34 → 00:08:36 ที่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆใช่แล้วเบอกว่าเด็ก
00:08:36 → 00:08:39 ยุคหลังๆอ่ะความอดทนในการรอเนี่ยต่ำกว่า
00:08:39 → 00:08:41 ปลาทองแล้วนะคะเพราะงั้นเราจะเห็นว่าเด็ก
00:08:41 → 00:08:45 รุ่นใหม่ๆนะก็ถ้าเา้าคบกับใครหรือแต่งงาน
00:08:45 → 00:08:47 กใครเก็จะเปลี่ยนได้ทันทีใช่เพราะเขา
00:08:47 → 00:08:50 สุขนิยมเขาถูกสอนมาว่าต้องอยู่บนความสุข
00:08:50 → 00:08:53 เห็นมั้แต่ละยุคถูกสอนไม่เหมือนกันไม่ผิด
00:08:53 → 00:08:56 นะค่ะไม่ผิดคือมันคือสิ่งที่เขาให้ค่าณ
00:08:56 → 00:09:00 วันนั้นอย่างยุคนึงก็เราต้องอดทนค่ะบางคน
00:09:00 → 00:09:02 ก็อดทนแบบดาวพระศุขเหลือเกินอย่างเงี้ย
00:09:02 → 00:09:06 ค่ะถูกฝ้าถูกโบยก็ยังอยู่กับผู้ชายที่ไม่
00:09:06 → 00:09:08 เอาไหนอย่างเงี้ยค่ะในขณะที่ยุคนี้เขาก็
00:09:09 → 00:09:12 จะบอกว่าเฮ้ยเราสามารถอยู่บนตัวเองดูแล
00:09:12 → 00:09:14 ตัวเองได้นะอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งสำหรับ
00:09:14 → 00:09:18 ง้องมองว่ามันไม่ผิดเลยกับใครก็ตามอ่ะเอา
00:09:18 → 00:09:21 ที่สะดวกใจเถอะค่ะถ้าคุณสะดวกใจแบบนี้ก็
00:09:21 → 00:09:24 ถ้านี่คือช้อยส์ที่คุณแต่คุณต้องรับผิด
00:09:24 → 00:09:27 ชอบชีวิตตัวเองนะคุณจะมาบอกว่าฉันเลือก
00:09:27 → 00:09:29 แบบนี้แล้วมานั่งโทษฟ้าโทษดินไม่ได้แล้ว
00:09:29 → 00:09:32 นะเพราะว่าคุณรับผิดชอบชีวิตตัวเองที
00:09:32 → 00:09:35 เนี้ยผู้ใหญ่อ่ะจะต้องอยู่ใน mindset ที่
00:09:35 → 00:09:39 ว่าเออชีวิตเว่ะให้ได้เชื่อมั้ยพี่ตั๊ก
00:09:39 → 00:09:41 หลังจากที่เงอะทำเกี่ยวกับเรื่องของ
00:09:41 → 00:09:43 มนุษย์เรื่องจิตวิทยามนุษย์เรื่องการสื่อ
00:09:43 → 00:09:48 สารน่ะคนส่วนใหญ่ที่ชอบควบคุมคนอื่นมาจาก
00:09:48 → 00:09:51 ลึกๆไม่เชื่อมั่นในตัวเองนะเหมือนเป็นคน
00:09:52 → 00:09:54 มั่นใจในตัวเองนะเช่นอย่างสมมุติว่าเอ่อ
00:09:54 → 00:09:56 แม่บางคนที่คอนโทรลลูกเธอต้องเรียนอัน
00:09:56 → 00:09:58 นั้นสิเธอต้องสอบแบบนี้เธอต้องใช้ชีวิต
00:09:58 → 00:09:59 แบบนี้
00:10:00 → 00:10:02 เพราะเขาไม่เชื่อว่าถ้าลูกพลาดอ่ะฉันจะ
00:10:02 → 00:10:06 รับได้อืเเปกป้องหวงแหนจิตใจตัวเองมากๆ
00:10:06 → 00:10:09 ที่ไม่ให้ตัวเองเจ็บเลยจริงๆไม่ได้ปกป้อง
00:10:09 → 00:10:12 ลูกปกป้องตัวเองใช่ใช่แต่รักนะรักลูกมากๆ
00:10:12 → 00:10:15 นะคะคือเเขจะทำทำบนความเข้าใจว่าเขารัก
00:10:15 → 00:10:18 แต่ว่าทั้งหมดเนี้ยคือถ้าเธอพลาดฉันจะเฮิ
00:10:18 → 00:10:21 แล้วฉันคิดว่าฉันรับไม่ไหวฉะนั้นฉันควบ
00:10:21 → 00:10:23 คุมการเฮิของตัวเองโดยการควบคุมเธอไปสิง
00:10:24 → 00:10:27 เธออย่างเงี้ยค่ะแต่ในขณะที่แม่ที่มั่นใจ
00:10:27 → 00:10:30 ในตัวเองมากๆเนี่ยจะมีความรู้สึกเอาเลย
00:10:30 → 00:10:32 ลูกเขาก็จะให้องค์ความรู้ให้ความคิดแม่
00:10:32 → 00:10:34 มองแบบนี้นะแม่มองว่ามุมนี้หนูช่า่งน้ำ
00:10:34 → 00:10:37 หนักเอาเองและรับผลของชีวิตตัวเองเองนะ
00:10:37 → 00:10:40 อ่าเด็กก็จะมีอิสระทางความคิดทีนี้พอเด็ก
00:10:40 → 00:10:42 ออกไปทำอะไรปุ๊บเขาก็จะรับผิดชอบแล้ว
00:10:42 → 00:10:44 เพราะว่าเขาจะรู้สึกว่าแม่ให้เครดิตเขา
00:10:44 → 00:10:47 แล้วอ่ะค่ะเขาก็จะพยายามทำให้มันดีที่สุด
00:10:47 → 00:10:50 ต่อให้หนูพลาดกลับบ้านได้เลยลูกแม่มีดูแล
00:10:50 → 00:10:54 หนูได้คือแม่ไม่ห่วงฉะนั้นน่ะเจ้านายก็ดี
00:10:54 → 00:10:57 ครอบครัวก็ดีคนไหนที่คอนโทรลคนอื่นมากๆมา
00:10:57 → 00:11:00 จากความไม่มั่นใจในตัวเองทั้สิ้นงๆเคยเจอ
00:11:01 → 00:11:03 ผู้ชายคนนึงอ่ะเขาพ่อเขาเป็นซึมเศร้าก็
00:11:03 → 00:11:06 คุมลูกจนลูกก็เป็นซึมเศร้านะลูกชายเนี่ย
00:11:06 → 00:11:09 สิงเลยซิ้งเลยแล้วปรากฏว่าอะไรรู้มั้ยพี่
00:11:09 → 00:11:12 ตั๊กมันถ่ายทอดนะของพวกเนี้ยปรากฏเด็กผู้
00:11:12 → 00:11:14 ชายเด็กหนุ่มคนเนี้ยมีลูกของตัวเองละ
00:11:14 → 00:11:18 ภรรยาท้องมาเล่าให้เงาะฟังบอกว่าคูณเงาะ
00:11:18 → 00:11:20 ครับผมวางแผนไว้หมดแล้วะลูกผมเรียนอนุบาล
00:11:20 → 00:11:24 ที่ไหนปถมที่ไหนอ้าวเออมัธยมที่ไหนมหาลัย
00:11:24 → 00:11:27 ที่ไหนปริญญาโทเรียนที่ไหนวางถึงปริญญาโท
00:11:27 → 00:11:29 งก็บอกว่าเอ้าแล้วทลุลูกเธอไม่เรียน
00:11:29 → 00:11:32 อันเนี้ยเธอจะไม่รักเค้าเหรอสิงต่อไปกัน
00:11:32 → 00:11:35 อีกเออเคบอกไม่รักครับเค้าพูดคำนี้เลยนะ
00:11:35 → 00:11:38 มันต้องเรียนแบบที่ผมต้องการโอ้ยงก็เลย
00:11:38 → 00:11:41 บอกว่าแล้วทำไมเธอไม่เรียนเองเธอเรียนจบ
00:11:41 → 00:11:44 อะไรปริญญาตรีอ่ะทำไมไม่ไปเรียนปริญญาโท
00:11:44 → 00:11:47 เองอย่าเอาความผิดพลาดของตัวเองไปแก้ไข
00:11:47 → 00:11:50 ที่ลูกแก้ไขที่ตัวเองเพราะไม่งั้นนะเธอก็
00:11:50 → 00:11:53 จะเป็นแบบที่พ่อเธอทำกับเธอแล้วเธอก็จะไป
00:11:53 → 00:11:56 ทำกับลูกเธอจะให้มรดกทางความคิดเนี้ยส่ง
00:11:56 → 00:12:00 ไปอีกนานแค่ไหนไอ้คำว่าซึมเศร้าเป็นโรค
00:12:00 → 00:12:02 พันธุกรรมมันไม่ใช่มันเป็นโรคพฤติกรรม
00:12:02 → 00:12:05 เพราะว่าเนี่ยพฤติกรรมเยแหละที่เธอส่งมอบ
00:12:05 → 00:12:07 ให้เป็นมรดกทำาความคิดให้กับลูกวันนี้นะ
00:12:07 → 00:12:11 พี่ตั๊กเงาะทำลิ่งคนเหมือนคนมาหามาเรียน
00:12:11 → 00:12:16 พวกแบบแก้ปมอะไรต่างๆนานาร้อยละ 99 มาจาก
00:12:16 → 00:12:20 ปัญหาครอบครัวหมดเลยอือืมาจากการเลี้ยงดู
00:12:20 → 00:12:24 ที่รักนะไม่ใช่ไม่รักรักแต่ไม่รู้อือไม่
00:12:24 → 00:12:26 รู้วิธีพูดไม่รู้จะบอกลูกให้ลูกดีไงอ่ะ
00:12:26 → 00:12:29 เปรียบเทียบซะเลยดีกว่าดูบ้านนั้นิดูบ้าน
00:12:29 → 00:12:32 นี้ซิมันง่ายดีอ่ะเหมือนอย่างคนสมัยก่อน
00:12:32 → 00:12:37 เนี่ยเตีลูกนะแต่เไม่สอนค่ะอ่าใช่ตีอย่า
00:12:37 → 00:12:40 ทำอีกนะใช่ไปตรงนั้นไม่ได้เ๋เดี๋ยวผีหลอก
00:12:40 → 00:12:42 คือมันผิดหมดเลยพี่ว่ามันผิดหมดเลยนะไม่
00:12:42 → 00:12:44 บอกความจริงกันแต่เด็กรุ่นใหม่ไอ้อย่าง
00:12:44 → 00:12:47 ลูกสาวพี่เ้ามีลูก 3-4 ขวบเขก็จะสอนเบอก
00:12:47 → 00:12:51 ว่าผิดหมดเลยอคุณแม่บางทีเราก็แอบเคืองนะ
00:12:51 → 00:12:53 เอ๊ะมันผิดตรงไหนวะอ้อเพอครูเงาะพูดเนี่ย
00:12:54 → 00:12:57 พี่เริ่มเข้าใจค่ะตีลูกเนี่ยตีไม่ได้
00:12:57 → 00:13:00 อย่างลูกพี่เคเคยว่าพี่บอกว่าตีแปลว่าทำ
00:13:00 → 00:13:04 ร้ายร่างกายอืเมื่อตอนเธอเด็กๆฉันก็ตีเธอ
00:13:04 → 00:13:07 ค่ะคุณแม่ก็ตีตีด้วยตีนี่เถือว่าทำร้าย
00:13:07 → 00:13:11 ร่างกายโอ้โหพอพูดี่บางทีเราเราก็เราก็
00:13:11 → 00:13:13 เครียดเงมองงาะมองอย่างงี้นะพี่ตั๊กเงา
00:13:13 → 00:13:17 มองว่าเราบางทีอ่ะมันสุดโตงพอบทตีก็ตีบท
00:13:17 → 00:13:21 ไม่ตีก็ไม่ตีเลย่ะในความเป็นจริงอ่ะงาเคย
00:13:21 → 00:13:24 อ่านบทความที่จิตแพทย์วัยรุ่นน่ะเขาบอก
00:13:24 → 00:13:28 ว่าเราหลงงมงายกับวัฒนธรรมตะวันตกจนมาก
00:13:28 → 00:13:31 เกินไปอืวัฒนธรรมมตะวันตกเไม่ให้ตีลูกเลย
00:13:31 → 00:13:34 คือบางครั้งค่ะมันไม่ได้ต้องสุดโต่งขนาด
00:13:34 → 00:13:36 นั้นน่ะเพราะว่าพอไม่ได้ตีลูกเลยเรา
00:13:36 → 00:13:39 เลี้ยงลูกแบบเพื่อนอ่าลูกจะตบหัวเรียกพ่อ
00:13:39 → 00:13:42 ว่ายูเงี้ยครูเงาะเคยนะมีเด็กคนนึงนะพี่
00:13:42 → 00:13:47 ตั๊กแบบลูกนะ 5 ขวบตบหัวแม่ถีบแม่อุ้ย
00:13:47 → 00:13:49 แล้วแม่ก็บอกไม่เป็นไรครูเงาะพี่เลี้ยง
00:13:49 → 00:13:53 ลูกแบบเพื่อนอุยเงาะบอกว่าพี่คะหนูไม่เคย
00:13:53 → 00:13:55 ให้เพื่อนถีบหน้าหนูสักทีค่ะพี่มีเพื่อน
00:13:55 → 00:13:59 พันไหนคะให้เพื่อนถีบหน้าได้คะนะคะความ
00:13:59 → 00:14:02 เคารพเป็นพื้นฐานของมนุษย์คุณต้องสอนเขา
00:14:02 → 00:14:04 ว่าไม่ได้หนูไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับแม่
00:14:04 → 00:14:08 ไม่ได้นะคะช่วงเด็กตอนเล็กๆเนี่ยยิ่งต้อง
00:14:08 → 00:14:11 สั่งสอนควรไม่ควรไม่ใช่ให้เขาคิดเองเพราะ
00:14:11 → 00:14:13 เขายังคิดไม่ได้สมองส่วนหน้าทำงานหลัง
00:14:13 → 00:14:16 อายุ 25 นะคะสมองผิดชอบชั่วดีมนุษย์เนี่ย
00:14:16 → 00:14:19 ทำงานเต็มที่หลังอายุ 25 นะคะ 25 เหรอใช่
00:14:19 → 00:14:21 ค่ะเริ่มทำงานตั้งแต่ 7 ขวบฉะนั้นถ้าเรา
00:14:21 → 00:14:24 อ่ะให้ความถูกผิดกับเคตีอย่าตีด้วยอารมณ์
00:14:24 → 00:14:26 มีนักเรียนครูเงาะคนนึงคุณพ่อเเป็นนัก
00:14:26 → 00:14:29 เลี้ยงลูกเลยนะเป็นแบบอยู่ในสื่อเลยอ่ะ
00:14:29 → 00:14:32 ค่ะเป็นนายแพทย์เด็กคนนี้บอกว่าพ่อผมก็ตี
00:14:32 → 00:14:35 ผมนะครับแต่ตีบนความผิดจริงๆว่าตอนนั้นผม
00:14:35 → 00:14:37 ทำเรื่องที่เสี่ยงต่อชีวิตเลยแบบไปเล่น
00:14:37 → 00:14:39 แบบปลั๊กไฟแบบอันตรายคุณพ่อก็เอามือมา
00:14:40 → 00:14:42 อย่าเงี้ยแล้วก็ตีตีเบาๆตีแค่ให้รู้ว่าทำ
00:14:42 → 00:14:45 โทษไม่ได้ตีด้วยอารมณ์ตีให้รู้ว่าห้ามทำ
00:14:45 → 00:14:48 แบบนี้อีกหลังจากนั้นผมไม่กล้าเอามือไป
00:14:48 → 00:14:51 แหย่ปลั๊กไฟอีกเลยผมไม่ได้รู้สึกมีปม
00:14:51 → 00:14:55 เพราะเพราะผมรู้ว่าผมผิดค่ะตีที่มีปมอ่ะ
00:14:55 → 00:14:59 คือตีด้วยขณะที่พ่อแม่กำลังโกรธตีในขณะ
00:14:59 → 00:15:02 น่ะที่ตัวเองอ่ะใช้อารมณ์และความรุนแรง
00:15:02 → 00:15:04 อันเนี้ยไม่ควรทำนะคะการทำโทษมีหลายแบบ
00:15:05 → 00:15:07 ไม่จำเป็นต้องตีทุกอย่างอาจจะแบบเอ่อลง
00:15:07 → 00:15:09 โทษแบบนั้นแบบนี้หรืออะไรก็ตามห้ามเล่น
00:15:09 → 00:15:13 นี่นู่นนั่นแต่คุณต้องวางหมากได้จริงๆคุณ
00:15:13 → 00:15:16 หมอจิตแพทย์วัยรุ่นเด็กคนนึงบอกว่ามีบ้าน
00:15:16 → 00:15:18 หนึเนี่ยเลี้ยงลูกแบบไม่ตีลูกเลยนะแบบผม
00:15:18 → 00:15:21 เป็นเพื่อนกันเรียก ui ปรากฏว่ามันมีช่วง
00:15:21 → 00:15:23 นึงใช่มั้คะที่มันมีเรื่องการเมืองในบ้าน
00:15:23 → 00:15:26 น่ะที่ลูกเชื่อฝั่งนึงพ่อเชื่อฝั่งนึง
00:15:26 → 00:15:29 แล้วเถียงกันไปเถียงกันมาพ่อก็ทนไม่ไหว
00:15:29 → 00:15:32 พ่อก็ตีไปที่แขนลูกลูกต่อยพ่อเลยอุยบอกยู
00:15:32 → 00:15:35 ไม่มีสิทธิ์มาตีไออุยอย่างเงี้ยคุณหมอบอก
00:15:35 → 00:15:38 ว่าแล้วไม่ได้เจ้าเดียวนะมาหลายเเคสมาก
00:15:38 → 00:15:42 เพราะว่าทุกคนติดโรคฝรั่งเราจะต้องไม่ตี
00:15:43 → 00:15:46 ไม่ได้โอมันต้องเดินสายกลางกันถูกต้องค่ะ
00:15:46 → 00:15:49 เราต้องรู้คือถ้าอ่ะพี่ตั๊กเคยโดนคุณพ่อ
00:15:49 → 00:15:51 คุณแม่ตีมั้ยตอนนี้ตีเราก็ไม่ได้คิดว่า
00:15:51 → 00:15:54 เป็นปมในวงเล็บถ้าเขาตีตอนที่เราผิดจริงๆ
00:15:54 → 00:15:57 ถูกมยแล้วเราก็ไม่รู้สึกว่าเราจะโกรธใช่
00:15:57 → 00:15:59 [เพลง]
00:15:59 → 00:16:01 เราจะเห็นยุคนี้มันจะมีเรียกกันว่าศิษย์
00:16:01 → 00:16:03 หนูศิษย์หนูกันเยอะอเคยได้ยินใช่มั้ยพี่
00:16:03 → 00:16:06 ตาก็มันศิษย์ชั้นอะไรอย่างเงี้ยเราต้อง
00:16:06 → 00:16:09 พูดให้ครบของฐานพาราดอภาพคือสิทธิหน้าที่
00:16:09 → 00:16:13 บทบาทเสรีภาพค่ะมันถึงจะมาครบอยากมี
00:16:13 → 00:16:15 เสรีภาพรู้จักหน้าที่ตัวเองหรือยังอ่ารู้
00:16:15 → 00:16:18 จักบทบาทของตัวเองหรือยังพ่อพ่อมีบทบาท
00:16:18 → 00:16:20 อะไรทำหน้าที่ของพ่อหรือยังแม่มีบทบาท
00:16:20 → 00:16:22 อะไรทำหน้าที่ของแม่หรือยังลูกมีบทบาท
00:16:22 → 00:16:24 อะไรทำหน้าที่ของลูกหรือยังคุณถึงจะได้
00:16:24 → 00:16:26 สิทธิ์ในการทำสิ่งต่างๆอย่างอิสระและ
00:16:26 → 00:16:30 เสรีภาพอือเห็นมั้ยแต่คนบางคนจะเอาแค่กู
00:16:30 → 00:16:33 จะเอาเสรีภาพแต่กูไม่เอาหน้าที่อือย่าง
00:16:33 → 00:16:35 งี้มันไม่ได้มันยืนไม่ได้มันเป็นฐานฐาน
00:16:35 → 00:16:38 รากของของของสังคมและต้องปลูกฝังในบ้าน
00:16:38 → 00:16:40 ก่อนอย่างง้อเนี่ยตอนเด็กๆเนี่ยอ่ะจะได้
00:16:40 → 00:16:44 ดูช่อง 9 การ์ตูนสมัยก่อนนะฮะอ่าน้าต๋อย
00:16:44 → 00:16:46 เซมเบ้อย่างเงี้ใช่มคะจะได้ดูก็ต้องเธอ
00:16:46 → 00:16:49 ต้องถูบ้านก่อนอเราก็รู้หน้าที่เราเราถู
00:16:49 → 00:16:52 บ้านเสร็จอ่ะมานั่งดูและหนังดูทีวีได้เขา
00:16:52 → 00:16:55 ก็จะให้เสรีภาพของเราตามหน้าที่พ่อแม่ก็
00:16:55 → 00:16:58 มีหน้าที่หาเลี้ยงลูกลูกก็ไปเรียนหนังสือ
00:16:58 → 00:17:01 ทำหน้าที่ของลูกให้ถูกต้องบ้านมันก็เป็น
00:17:01 → 00:17:03 บ้านมีเด็กบางคนนั่งเล่นเกมทั้งวันแล้ว
00:17:03 → 00:17:06 แม่ก็บอกว่าอย่าเล่นนะลูกเดี๋ยวมันทำให้
00:17:06 → 00:17:09 สายตาหนูพังนะสมองหนูมันจะไม่ดีร่างกาย
00:17:09 → 00:17:13 หนูอหนูมีสิทธิ์ในร่างกายของหนูออเหรอเ
00:17:13 → 00:17:14 ตอบอย่างงั้นเลยใชเอใช่เพเด็กยุคนี้อย่าง
00:17:14 → 00:17:17 ที่บอกนะคะว่ามันจะมีแบบมันรับสื่อแบบ
00:17:17 → 00:17:19 ตื้นเขินน่ะค่ะโอเออพอบอกว่าศิทธิ์ก็เอา
00:17:19 → 00:17:21 แต่สิทธิ์เออเวลาเจองี้ทำไงเนี่ยพ่อแม่ทำ
00:17:21 → 00:17:24 ไงอ้าเราก็ต้องบอกคืออันดับแรกนะถ้าลูก
00:17:24 → 00:17:26 กล้าพูดแบบนี้แปลว่าที่ผ่านมาพ่อแม่ไม่
00:17:26 → 00:17:29 ได้วางสีเสาหลักอย่างถูกต้องสิทธิบทหน้า
00:17:29 → 00:17:32 ที่เสรีภาพไม่ได้วางไว้ถูกละเราต้องย้อน
00:17:32 → 00:17:34 กลับมาที่ตัวเราเองแล้วด้วยว่าโอถ้าลูก
00:17:34 → 00:17:36 กล้าขึ้นเสียงกับเราเพราะว่าถ้าบ้าน
00:17:36 → 00:17:38 เลี้ยงลูกมาดีลูกจะไม่ขึ้นเสียงกับพ่อแม่
00:17:38 → 00:17:41 นะใช่มั้ยคะถ้าเพูดว่าก็มันศิทธิ์ของหนู
00:17:41 → 00:17:43 ไหนเรามาคุยเรื่องศิทธิ์กันหน่อยสิลูกคำ
00:17:43 → 00:17:45 ว่าสิทธิ์คืออะไรอ่าหนูรู้มมว่ามันไม่ได้
00:17:45 → 00:17:47 มีแค่สิทธิ์ถ้าหนูต้องการสิทธิ์หนูต้องมี
00:17:47 → 00:17:50 หน้าที่บทบาทเสรีภาพกว่าเราจะได้เสรีภาพ
00:17:50 → 00:17:52 หรือสิทธิเนี่ยมันจะต้องมีบทบาทและหน้า
00:17:52 → 00:17:56 ที่หนูบอกว่านี่คือร่างกายของหนูมันจริงม
00:17:56 → 00:17:59 ร่างกายนี้เกิดจากอะไรลูกหนูกินน้ำเข้าไป
00:17:59 → 00:18:02 เนี่ยเลือดเนี่ยมาจากน้ำที่หนูดื่มนะ
00:18:02 → 00:18:04 อาหารที่ออกมาเป็นผมงอกออกมาได้เนี่ยก็
00:18:04 → 00:18:07 คืออาหารที่หนูกินทุกมื้อแสดงว่าอันเนี้ย
00:18:07 → 00:18:10 มันไม่ใช่สิทธิ์ของหนูอย่างเดียวมันคือ
00:18:10 → 00:18:14 สิทธิ์ของแม่ด้วยเออที่เรากินอาหารในบ้าน
00:18:14 → 00:18:18 เนี้ยออกมาเป็นร่างกายเนี้ยอืฉะนั้นที่
00:18:18 → 00:18:21 แม่พูดแม่พูดด้วยความรักแลแม่ห่วงหนูนะคะ
00:18:21 → 00:18:23 แม่ห่วงลูกของแม่อยากให้ลูกของแม่มีมี
00:18:23 → 00:18:26 สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเรามาตั้งกฎกัน
00:18:26 → 00:18:29 เล่นแม่ให้ได้ 2 ชั่วโมงไม่เกินเกิน 2
00:18:29 → 00:18:33 ชั่วโมงแม่จะขอยึดอันนี้ไม่ให้เล่นหนูมอง
00:18:33 → 00:18:37 ว่าไงอ่ะถ้าหนูงอแงเราไม่รับกฎนี้แปลว่า
00:18:37 → 00:18:39 กฎนี้เราก็ต้องไม่มีการเล่นในบ้านเลยมัน
00:18:39 → 00:18:42 ต้องมีไม้แข็งด้วยอแต่ทั้งหมดเนี้ยเราก็
00:18:42 → 00:18:44 ต้องพูดกันด้วยความรักว่าเข้าใจใช่มว่า
00:18:44 → 00:18:48 แม่รักหนูมากๆอืแล้วถ้าหนูเป็นอะไรไปแม่
00:18:48 → 00:18:51 ก็เสียใจแต่มันชีวิตของหนูมันชีวิตของหนู
00:18:51 → 00:18:53 ไม่ได้น่ะสิลูกเพราะอาหารที่หนูกินทุก
00:18:53 → 00:18:57 มื้อเนี้ยมันก็คืออาหารที่แม่หามาเนาะ
00:18:57 → 00:19:01 จริงมั้ยใช่ใช่มลูกงั้นวันนี้เราต้องเข้า
00:19:01 → 00:19:04 ใจหน้าที่แม่มีหน้าที่แต่แม่แต่แม่ก็ต้อง
00:19:04 → 00:19:06 พูดเป็นนะถูกต้องพี่แม่ไปไม่เป็นก็งง
00:19:06 → 00:19:08 เหมือกันนะลูกก็ไม่มันก็ไม่ยอมรับใช่
00:19:08 → 00:19:10 เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีคือไม่ไม่ไม่เข้าใจ
00:19:10 → 00:19:13 การสื่อสารน่ะใช่คีย์ของการสื่อสารปลาย
00:19:13 → 00:19:17 ทางคืออะไรให้เราพูดเจตนาเช่นจะโกรธแค่
00:19:17 → 00:19:21 ไหนรู้ใช่มว่าแม่รักรู้ใช่มว่าอยากให้หนู
00:19:21 → 00:19:24 ได้ดีอ่าเนี่ยกลับไปที่ตรงนี้ให้ได้กลับ
00:19:24 → 00:19:26 ไปตรงนี้ให้ได้อยากให้หนูมีสุขภาพร่างกาย
00:19:26 → 00:19:30 ที่แข็งแรงต้องพูดบนประโยของเขาไม่ใช่บน
00:19:30 → 00:19:33 ประโยชน์ของแม่ค่ะอ่าถ้าเราบอกทำไมฉัน
00:19:33 → 00:19:36 เป็นแม่แกข้าวที่ก็ของฉันเริ่มลำเลิกแล้ว
00:19:36 → 00:19:38 แบบทีนี้เห็นมั้ยคะหนูเข้าใจให้มันถูกลูก
00:19:38 → 00:19:42 ว่ามันไม่มีคำว่าอะไรของใครหรอกแม่ก็เป็น
00:19:42 → 00:19:45 แม่ของหนูแม่วันนี้แม่จะไปแบบนอนกับผู้
00:19:45 → 00:19:48 ชายกี่คนก็ได้ไม่ได้เพราะว่าแม่มีหน้าที่
00:19:48 → 00:19:51 ที่ต้องเป็นแม่ที่ดีของหนูอืงั้นแม่ก็
00:19:51 → 00:19:52 ต้องทำหน้าที่ของแม่หนูก็ต้องทำหน้าที่
00:19:52 → 00:19:54 ของหนูคือเราต้องให้เหตุผลกันแบบเนี้ยพี่
00:19:55 → 00:19:57 ตั๊กเด็กมันถึงจะได้แบบเอ่อฟังแล้วเข้าใจ
00:19:57 → 00:20:00 ว่าหนูหนูใช้คนี้ไม่ได้หนูไม่ได้อยากเกิด
00:20:00 → 00:20:03 มามีบางคนเป็นแบบนี้เอใช่เออพ่อแม่มีอะไร
00:20:03 → 00:20:06 กันหนูก็เลยเกิดมาแม่ก็คุมนะลูกมึงก็มา
00:20:06 → 00:20:11 อยู่ดีถูกมั้ยคะฉะนั้นนะสิ่งที่การเกิด
00:20:11 → 00:20:14 อ่ะมันไม่ใช่แค่สามีภรรยาเขามีอะไรกัน
00:20:14 → 00:20:16 แล้วเกิดนะลูกคนบางคนเมีอะไรกันก็ไม่เกิด
00:20:16 → 00:20:19 การเกิดมันมีเหตุมากกว่านั้นลูกเออฉะนั้น
00:20:19 → 00:20:22 ถ้าหนูไม่อยากเกิดหนูแม่แนะนำนิพพานลูกนะ
00:20:22 → 00:20:25 คะแต่หนูเกิดมาเพราะเหตุของหนูฉะนั้นไม่
00:20:25 → 00:20:28 มีการกล่าวอ้างไม่มีใครอยู่ๆบังเอิญเกิด
00:20:28 → 00:20:29 มา
00:20:29 → 00:20:32 ด้วยบังเอิญมีใครบางคนจับลงอ่ะมาเกิดคน
00:20:32 → 00:20:35 นี้เถอะเรามีเหตุที่สัมพันธ์ที่ต้องเกิด
00:20:35 → 00:20:38 ด้วยกันฉะนั้นไม่มีอะไรไม่สัมพันธ์ซึ่ง
00:20:38 → 00:20:40 กันและกันหนูจะมาบอกว่านี้เป็นสิทธิ์ของ
00:20:40 → 00:20:42 หนูอย่างเดียวไม่ได้เพราะนั่นแปลว่าหนูก็
00:20:42 → 00:20:45 จะต้องทำมาหากินเองดูแลตัวเองซึ่งแม่ก็
00:20:45 → 00:20:47 ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นอย่างเงี้ยคือ
00:20:47 → 00:20:50 มันต้องคุยกันแบบเนี้ยค่ะออแต่ทั้งหมด
00:20:50 → 00:20:53 ทั้งมวลคือแม่ต้องมีการควบคุมอารมณ์ที่ดี
00:20:53 → 00:20:56 บางคนบางบ้านก็สุดโต่งพอกดคือกฎแต่ไม่มี
00:20:56 → 00:21:00 คำว่ามนุษย์กับลูกเลยอืไม่หยวนกันสัก
00:21:00 → 00:21:02 หน่อยหรอไม่กอดกันสักหน่อยหรอไม่บอกรัก
00:21:02 → 00:21:05 กันสักหน่อยหรอค่ะฉะนั้นบ้านแต่ละบ้านถ้า
00:21:05 → 00:21:08 ถ้ามันมีทั้งกดด้วยแล้วมันมีทั้งหัวใจลง
00:21:08 → 00:21:11 ไปด้วยอ่ะเช่นพ่อแม่คุยกับลูกได้ไม่ตัด
00:21:11 → 00:21:15 สินลูกคียเลยนะพี่ตั๊กเข้าใจอารมณ์ชื่นชม
00:21:15 → 00:21:18 เนื้อแท้อืแก้ไขปรับปรุงอืแต่คนส่วนใหญ่
00:21:18 → 00:21:20 อ่ะจะชอบกระโดดเข้าไปแก้ไขปรับปรุงก่อน
00:21:20 → 00:21:22 ไม่เข้าใจอารมณ์ยังไม่เข้าใจเลยยังไม่
00:21:22 → 00:21:26 ชื่นชมเขเลย 2 ตัวเคือน้ำหล่อเลี้ยงใจและ
00:21:26 → 00:21:29 ทำให้ลูกอ่ะเป็นพวกเดียวกับเราออแล้วเจะ
00:21:29 → 00:21:32 ปรึกษาเราเลยสมมุติลูกไปโรงเรียนมีโดน
00:21:32 → 00:21:36 บูลลี่กลับมาค่ะพ่อแม่ส่วนใหญ่เจนมาละไป
00:21:36 → 00:21:40 ละโอ๊ยเป็นชั้นนะอ่าเป็นแม่นะอย่างงั้น
00:21:40 → 00:21:42 อย่างงี้ที่ล้างแก้อย่างงั้นอย่างงี้เรา
00:21:42 → 00:21:45 รีบแก้ไขปรับปรุงละทำไงหรอเป็นไงหนูรู้
00:21:45 → 00:21:47 สึกไงลูกเข้าใจอารมณ์เค้าก่อนแล้วหนูรู้
00:21:47 → 00:21:51 สึกไงเครียดใช่มเออเป็นแม่แม่ก็เครียดเออ
00:21:51 → 00:21:53 เป็นพวกก่อนเป็นพวกเก่อนรู้สึกกับเาก่อน
00:21:53 → 00:21:55 ให้เค้ารู้สึกจริงๆอย่าไปบอกโอ๊ยเรื่อง
00:21:55 → 00:21:59 แค่นี้ขี้หมูขี้หมาไม่มีงานทำทำสิค่อยมา
00:21:59 → 00:22:01 ปวดกบานอะไรอย่าเงี้ยบางคนพ่อแม่ก็เป็น
00:22:01 → 00:22:04 แบบเนี้ยก็นั่นคือปัญหาพ่อแม่แต่เี่ปัญหา
00:22:04 → 00:22:06 เคเนี่ยใหญ่ของเค้าอย่าทำเรื่องใหญ่ของ
00:22:06 → 00:22:09 เขาให้เป็นเรื่องเล็กของเราอืเเรื่องใหญ่
00:22:09 → 00:22:12 วันนี้เราก็แบบโอเหรอหนูโอ้โหเครียดใช่่
00:22:12 → 00:22:14 มั้ยลูกอ่าเข้าใจอารมณ์ปุ๊บชื่นชมก่อน
00:22:14 → 00:22:17 ขอบคุณมากที่มาเล่าให้แม่ฟังขอบคุณที่ไว้
00:22:17 → 00:22:20 ใจแม่อยากให้แม่ช่วยอะไรให้ถามแบบนี้เลย
00:22:20 → 00:22:22 อยากให้แม่ช่วยอะไรหนูไม่รู้องั้นแม่แนะ
00:22:22 → 00:22:25 นำนะหนูลองพิจารณาเอาเองนะแม่มองว่าหนู
00:22:25 → 00:22:28 สามารถทำแบบนี้ได้นะสามารถบอกคุณครูได้
00:22:28 → 00:22:29 หรือหรือหนูสามารถบอกเพื่อนได้เลยว่าเฮ้ย
00:22:29 → 00:22:32 ห้ามทำแบบนี้นะเว้ยเราไม่ชอบนะหนูพูดได้
00:22:32 → 00:22:35 ตามลำดับแบบนี้ถ้ามันไม่ไหวจริงๆค่อยๆให้
00:22:35 → 00:22:38 เรื่องไต่ไปตามลำดับหนูมองว่าไงมั่งอย่าง
00:22:38 → 00:22:40 เงี้ยเด็กจะได้รู้สึกว่าฉันเป็นส่วนหนึ่ง
00:22:40 → 00:22:42 กับความคิดแม่ resect แม่ให้เกียรติความ
00:22:42 → 00:22:46 คิดหนูมีอะไรเคก็จะเล่าให้เราฟังใช่ออ
00:22:46 → 00:22:48 ปัญหาทุกวันนี้ที่เราสอนลูกกันไม่ได้อ่ะ
00:22:48 → 00:22:51 เพราะเราไม่เคยเป็นฝั่งเดียวกับเาเลยใช่
00:22:51 → 00:22:53 เรากระโดดตัดสินเ้าด้วยว่ากูอาบน้ำร้อนมา
00:22:54 → 00:22:57 ก่อนเด็กมันก็จะเถียงว่าทำไมต้องอาบน้ำ
00:22:57 → 00:23:00 ร้อนในเมื่อน้ำอุ่นมีอ่าอ่าถูกมั้ยคะผ่าม
00:23:00 → 00:23:01 เลยทีนี้ไม่รู้จะไปยเด็กก็เลยไปปรึกษา
00:23:01 → 00:23:03 เพื่อนแทนซึ่งเพื่อนก็กระปกกระเปลี้ยไป
00:23:03 → 00:23:06 ด้วยกันออเนี่ยเราเราจะผลักเค้าออกหรือ
00:23:07 → 00:23:09 ดึงเขาเข้าขึ้นอยู่กับวิธีการสื่อสารเรา
00:23:09 → 00:23:12 หมดเลยอ่างทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่พ่อ
00:23:12 → 00:23:16 แม่ถูกต้องการเลี้ยงดูจริงนะฮะหลายคนมาก
00:23:16 → 00:23:19 นะพี่ตั๊กส่งลูกมาหาให้มาเปลี่ยนแบบงาจะ
00:23:19 → 00:23:22 มีหลักสูตรสำหรับเด็กวัยรุ่นนะคะที่ให้
00:23:22 → 00:23:25 เด็กมั่นใจในตัวเองเคารพตัวเองพ่อแม่จะมา
00:23:25 → 00:23:27 แบบอยากให้เขาคมั่นใจค่ะครูเงาะอย่างงั้น
00:23:27 → 00:23:31 อย่างงี้อย่างงี้งั้นครูเงาะบอกว่าขอ 2
00:23:31 → 00:23:33 ช่วโมงติวคุณพ่อคุณแม่ก่อนอเพราะว่าครู
00:23:33 → 00:23:35 เงาะให้เครื่องมือไปแล้วแล้วกลับไปที่
00:23:35 → 00:23:38 บ้านแล้วไปไปทำลายทำลายเครื่องมือโดยที่
00:23:38 → 00:23:42 ไม่ได้เจตนาอ๋อด้วยความรักอ่ะคเช่นเปรียบ
00:23:42 → 00:23:45 เทียบลูกมาถึงปุ๊บเนี่ยค่ะมันไม่มั่นใจใน
00:23:45 → 00:23:47 ตัวเองเลยค่ะครูเงาะอย่างเงี้ยแล้วพูดต่อ
00:23:47 → 00:23:50 หน้าเด็กอันเนี้ยลงจิตใต้สำนึกเด็กเลย
00:23:50 → 00:23:52 เด็กจะมั่นใจตัวเองยากมากแล้วครูเงาะบอก
00:23:52 → 00:23:55 อ่ะไหนคุณแม่ลองแสดงความคิดเห็นไม่ค่ะไม่
00:23:55 → 00:23:57 ค่ะ
00:23:57 → 00:24:00 อแม่ต้องทำให้เห็นเป็นให้ดูอยู่ให้สัมผัส
00:24:00 → 00:24:03 ออถ้าแม่อยากให้เขามั่นใจแม่มั่นใจให้
00:24:03 → 00:24:06 เขาคเห็นหรือยังเออไม่ใช่ว่าแม่แบบนึกมึง
00:24:06 → 00:24:09 ต้องมั่นใจแทนกูนะอย่างงี้ไม่ใช่อย่าง
00:24:09 → 00:24:12 เงี้ยงั้นร้อยละ 90 ของเด็กที่มีปัญหา
00:24:12 → 00:24:15 ต้องแก้ที่พ่อแม่ค่ะยกตัวอย่างอย่างเด็ก
00:24:15 → 00:24:17 รุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เนี่ยนะฮะเราก็จะเห็น
00:24:17 → 00:24:19 ตามโรงเรียนอะไรเนี่ยนะโอ้โหเขาคก็ออก
00:24:19 → 00:24:21 มาเรียกร้องสิทธิกันอันนี้คือเด็กรุ่น
00:24:21 → 00:24:24 รุ่นใหม่เนี่ยนะฮะไม่สนใจเรื่องการแต่ง
00:24:24 → 00:24:27 เนื้อแต่งตัวหรือกฎระเบียบอะไรต่างๆโอ
00:24:27 → 00:24:30 แล้วอย่าอย่างงี้ทำไงบางคนทำผมสีแจ๊ดเลย
00:24:30 → 00:24:34 โอเคนะฮะไปโรงเรียนหรือไปที่ทำงานหรือ
00:24:34 → 00:24:37 แต่งตัวเซ็กซี่มาทำงานตรงเนี้ยโอเคเงาะ
00:24:37 → 00:24:41 ว่าไงคือเราต้องคุยกันด้วยเหตุผลหมดเลย
00:24:41 → 00:24:44 ค่ะยุคเนี้ยค่ะงายกตัวอย่างเด็กในออฟฟิศ
00:24:44 → 00:24:48 เงาก็มีที่บางทีแรงเค้าเรียกแรงอ่าเค้าจะ
00:24:48 → 00:24:51 แบบเหมือนเค้าอาจจะไม่ได้ทันคิดแล้วคือ
00:24:51 → 00:24:53 อย่างเช่นอย่างยกตัวอย่างเค้าใส่รองเท้า
00:24:53 → 00:24:56 แตะมาทำงานใช่มั้ยคะเค้าใส่รองเท้าแตะมา
00:24:56 → 00:24:58 ทำงานแบบเดินแล้วเบอกว่าก็หนูก็ทำงานเต็ม
00:24:58 → 00:25:01 ศักยภาพเกี่ยวอะไรกับรองเท้าในมุมเเจะ
00:25:01 → 00:25:05 เป็นแบบนี้ใช่มั้ยคะฮูงก็บอกว่าจริงการทำ
00:25:05 → 00:25:08 งานของเราอ่ะมันเป็นเรื่องของสมองจริงคือ
00:25:08 → 00:25:11 เป็นพวกเดียวกับเขาก่อนค่ะแล้วครูก็เชื่อ
00:25:11 → 00:25:12 ในสมองของหนูด้วยเพราะว่าหนูเป็นเด็กที่
00:25:12 → 00:25:15 ครีเอทีฟมากคือก่อนหน้าเนี้ยเราต้องสร้าง
00:25:15 → 00:25:17 เข้าใจอารมณ์ชื่นชมเนื้อแท้มาก่อนเพราะ
00:25:17 → 00:25:20 ถ้าเรากระโดดสอนเลยเขาจะมีกำแพงอระหว่าง
00:25:20 → 00:25:22 ทางเนี่ยเราชื่นชมเมาตลอดค่ะเพราฉะนั้น
00:25:22 → 00:25:24 เวลาที่เขาพูดเขาจะไม่ต้านกับเราตั้งแต่
00:25:24 → 00:25:26 ต้นงก็จะเรียกเ้ามาคุยบอกว่าอย่างงี้
00:25:26 → 00:25:30 ลูกเวลาละหนูดูสีฟ Jobs หนูว่าสีฟ Jobs
00:25:31 → 00:25:34 เท่มยเท่เนาะ Apple เนี่ย iPhone เา้านี่
00:25:34 → 00:25:37 นะโอ้โห Apple Store เขานี่เท่มยเท่เนาะ
00:25:37 → 00:25:41 เห็นทุกคนมยว่าเขาแต่งตัวมีธีมเห็นมยว่า
00:25:41 → 00:25:44 มันไม่ใช่แค่สมองนะลูกคนเรามันตัดสินจาก
00:25:44 → 00:25:46 ภาพลักเนี่ยเคเห็นกัน 7 วินาทเคตัดสินคุณ
00:25:46 → 00:25:49 แล้ว 7 วินทีแล้วตัดสินจากกายภาพเนี่ยถึง
00:25:49 → 00:25:52 ถึง 55% ของการตัดสินเขาไม่ได้ตัดสินที่
00:25:52 → 00:25:56 สมองหนูลูกเตัดสินที่กายภาพใช่แล้วถ้าเรา
00:25:56 → 00:25:59 เดินไปใน Apple ST แล้วทุกคนครีบรองเท้า
00:25:59 → 00:26:01 แตะแต่งตัวยังไงก็ได้อีหลอกขอกแขกมาเรา
00:26:01 → 00:26:03 เริ่มไม่เชื่อถือแล้วถูกป่ะอืเออแล้ววัน
00:26:04 → 00:26:06 เนี้ยหนูทำอ่ะหนูมีสมองของหนูครูเชื่อแต่
00:26:06 → 00:26:09 วันเนี้ยหนูอยู่ในองค์กรที่สอนเรื่องของ
00:26:09 → 00:26:11 บุคคลิกภาพเรื่องของ mindset เรื่องของ
00:26:11 → 00:26:14 การสื่อสารหนูกำลังสื่อสารอะไรให้โลก
00:26:14 → 00:26:16 เนี้ยรู้อืถ้าหนูเดินเข้ามาในองค์กรบอก
00:26:16 → 00:26:18 โอ้เนี่ยเหรอพนักงานครูเง้อโอ้โหแต่งตัว
00:26:18 → 00:26:21 เนี่ยเหรอจะไปสอนบุคคลิกภาพใครอ่าใช่มัน
00:26:21 → 00:26:23 ก็ส่งผลใช่มั้ยลูกฉะนั้นครูเอาอย่างงี้ดี
00:26:23 → 00:26:26 กว่าหนูใส่รองเท้านี้เพราะอยากสบายใช่มย
00:26:26 → 00:26:29 ได้งั้นหนูเอาพวกสลิปเปอร์พวกรองเท้าใส่
00:26:29 → 00:26:32 อยู่บ้านน่ะมาใส่ในที่ทำงานได้แต่ช่วงจาก
00:26:32 → 00:26:34 บ้านมาเข้าที่ทำงานแต่งตัวให้สุภาพให้ครู
00:26:34 → 00:26:37 หน่อยหนูคิดว่าไงอ๋อถ้าเป็นประเด็นนี้หนู
00:26:37 → 00:26:40 เข้าใจเลยครูอเราให้เหตุผลเขาแบบเนี้ยอ่ะ
00:26:40 → 00:26:44 อย่างมีอีเด็กอีกคนนึงเปรี้ยวแซ่บมากถ่าย
00:26:44 → 00:26:47 รูปถ่ายรูปลง IG ตัวเองเด็กรุ่นใหม่นะ
00:26:47 → 00:26:51 โโป๊มากเดี๋ยวก็แก้มก้นเดี๋ยวก็ล่องอก
00:26:51 → 00:26:53 อะไรอย่างเงี้ยเราก็ต้องรู้ละอ่าคุณผู้
00:26:53 → 00:26:55 ใหญ่ฟังไว้ทางนี้เลยนะคะถ้าคุณจะโน้มน้า
00:26:55 → 00:26:58 ใจใบคนที่ชอบเปรียมซิงซ่าเใช่ถ้าเราจะ
00:26:58 → 00:27:01 โน้มเน้าใจใครเราอย่าไปโน้มเน้าบนคำว่า
00:27:01 → 00:27:04 หัวโบราณแบบที่ว่ามันไม่ดีนะแต่งตัวแบบ
00:27:04 → 00:27:06 นี้ไม่ดีคุณต้องหาให้เจอว่าเขาต้องการ
00:27:06 → 00:27:09 อะไรในชีวิตเราดูแล้วไอ้เด็กคนเนี้ยมัน
00:27:09 → 00:27:11 อยากมีแฟนดีๆเก็เรียกมันสมมติสมมุติชื่อ
00:27:11 → 00:27:15 น้องเอแล้วกันนะเอเออยากมีคู่คู่ครองที่
00:27:15 → 00:27:19 ดีใช่มั้ยลูกอืมแล้วสิ่งที่เอนำเสนอกับ
00:27:19 → 00:27:23 โลกอ่ะเอนำเสนออะไรอ่าเอเดี๋ยวก็ควักนม
00:27:23 → 00:27:26 ออกมาเดี๋ยวก็ควักก้นออกมาแบบเนี้ยหนูคิด
00:27:26 → 00:27:28 ว่าเขาจะเข้ามาด้วยสมองหนูเหรอลูกเไม่
00:27:28 → 00:27:31 เจาะถึงสมองหนูหรอกลูกเหยุดเไม่หยุดที่
00:27:31 → 00:27:34 หัวนี้หูเหยุดที่หัวอื่นนึกออกมั้ยคะหนู
00:27:34 → 00:27:38 ทำตัวแบบเนี้ยหนูเรียกแขกเองนะลงรูปที่
00:27:38 → 00:27:41 ตัวเองทำงานบ้างความเซ็กซี่อ่ะไปให้เขา
00:27:41 → 00:27:45 ค้นหาไม่ใช่เปิดประจานขายอืถ้าเราเรียก
00:27:45 → 00:27:48 แบบมาดูกูมีนมนะอย่างเงี้ยเาก็ไม่ได้เข้า
00:27:48 → 00:27:50 มาที่สมองหนูหรอกลูกเขาเข้ามาเพราะสิ่ง
00:27:50 → 00:27:53 ที่หนูเรียกขายฉะนั้นเนี่ยหนูอยากให้โลก
00:27:53 → 00:27:55 เห็นหนูอย่างไรมันขึ้นอยู่กับสิ่งที่หนู
00:27:55 → 00:27:59 อ่ะแสดงออกกับโลกแล้วพอทันที่เขเปลี่ยนคน
00:27:59 → 00:28:02 ที่มาหาเขเป็นหมอมั่งละอ่าเห็นมอ่าทำ
00:28:02 → 00:28:04 ธุรกิจนักธุรกิจมั่งเพราะหลังจากนั้นเขา
00:28:04 → 00:28:06 ก็เปลี่ยนเลยเพราะเราไม่ได้แบบคือไม่ได้
00:28:06 → 00:28:08 ไปด่าเราบอกเฮ้ยเซ็กซี่ครูเข้าใจผู้หญิง
00:28:08 → 00:28:11 นะความเซ็กซี่แต่หนูจะขายอะไรล่ะหนูจะเอา
00:28:11 → 00:28:15 คนมาแค่มาแซ่บกันเฉยๆเราใช้ภาษาเขาเลยนะ
00:28:15 → 00:28:17 ฮะจะเอามาแค่แซ่บหรือจะเอามาเป็นพ่อของ
00:28:17 → 00:28:20 ลูกอืจะเอามาเป็นคู่ครองกัลยาณมิตรร่วม
00:28:20 → 00:28:22 เดินทางไปสู่ปลายทางด้วยกันหนูเอาคนแบบ
00:28:22 → 00:28:25 ไหนเออฉะนั้นหนูจะเอาคนแบบไหนหนูก็ต้อง
00:28:25 → 00:28:28 แสดงออกแบบนั้นอืเออฉะนั้นเด็กมันก็ฟัง
00:28:28 → 00:28:31 ครูไม่ได้ห้ามโป๊บางทีแต่งตัวเซ็กซี่ผู้
00:28:31 → 00:28:33 หญิงอมันมีเสน่ห์ลูกแต่ว่ามันต้องมีจุด
00:28:33 → 00:28:35 ท้าทายบ้างไม่ใช่มีจุดที่แบบเขาไม่ต้อง
00:28:35 → 00:28:38 เดาอะไรเราเลยอ่ะลูกนะคะฉะนั้นมันแบบนี้
00:28:38 → 00:28:40 ลูกผู้ชายเขาจะเข้าหาผู้หญิงเนี่ยเขาเข้า
00:28:40 → 00:28:44 ด้วยภาพลักษณ์แต่เขาจะอยู่ด้วยความนับถือ
00:28:44 → 00:28:48 และ resp ฉะนั้นถ้าวันเนี้ยเอ่อมามาด้วย
00:28:48 → 00:28:50 ภาพลักษณ์เนี่ยแล้วหนูให้ภาพลักษณ์เขไป
00:28:50 → 00:28:52 แล้วหนูไปมีอะไรกับเขาเลยเนี่ยสมมุตินะเค
00:28:52 → 00:28:55 ยังไม่ทันได้เคารพคุณค่าของหนูเลยเไปแล้ว
00:28:55 → 00:28:57 ลูกเพราะไม่มีจุดท้าทายแต่ถ้าเข้ามาอุ๊ย
00:28:57 → 00:29:00 หนูเป็นคคนดีด้วยทำมาหากินมีเป้าหมาย
00:29:00 → 00:29:03 ชีวิตมีจุดยืนของตัวเองแล้วดันเซ็กซี่อีก
00:29:03 → 00:29:06 ตรงเแหละลูกเขาจะเลือกเราและเราก็สามารถ
00:29:06 → 00:29:08 เลือกเขาได้ค่ะอย่าเงี้ยพอเราสอนปุ๊บเขา
00:29:08 → 00:29:11 ก็จะโอว่ะจริงค่ะครูอย่างเงี้ยเงาะก็เลย
00:29:11 → 00:29:13 คุยกับเด็กรุ่นในออฟฟิศเงาะเด็กรุ่นใหม่
00:29:13 → 00:29:16 เยอะพูดถึงเรื่องเด็กในออฟฟิศเนี่ยเอ่อ
00:29:16 → 00:29:20 เด็กนปัจจุบันค่ะไม่ค่อยทนน่ะครูเงาะทำ
00:29:20 → 00:29:22 งานไม่ค่อยทนครูเงาะเจอเหล่านี้มบางที
00:29:22 → 00:29:25 อยู่ๆเอ้าไม่แฮปปี้ไปละเดือนนึงบางทียัง
00:29:25 → 00:29:28 ไม่ทันชนเ้าไม่อดทนหรือเปล่าคือเเคโตมาใน
00:29:28 → 00:29:32 ค่านิยมว่าต้องสบายอ่ะสุขนิยมโอเคสุขนิยม
00:29:32 → 00:29:34 เด็กมันยังคิดอะไรไม่ออกก็คิดว่าเงินคือ
00:29:34 → 00:29:37 สุขนิยมตื่นไม่ต้องตื่นเช้าอยู่ใกล้บ้าน
00:29:37 → 00:29:39 สุขนิยมสุนิยมใช่มั้ยคะอะไรอีกที่จะ
00:29:40 → 00:29:43 สุขนิยมก็ได้ทำงานที่เอ่อแฟนซีหน่อยแบบ
00:29:43 → 00:29:45 แซ่บๆหน่อยอะไรอย่างเงี้ยเขาก็จะรู้สึก
00:29:45 → 00:29:47 ว่านี่คือความสุขของเขามาตั้งแต่แรกงอจะ
00:29:47 → 00:29:51 ชวนเด็กถามหาเป้าหมายชีวิตก่อนเลยอือะไร
00:29:51 → 00:29:53 คือเป้าหมายของหนูอะไรชีวิตที่ตายตาหลับ
00:29:53 → 00:29:56 ของหนูหนูทำงานเพื่ออะไรหนูเห็นแียพของ
00:29:56 → 00:29:59 หนูแบบไหนอ่าตรงบริษัทของครูจะช่วย
00:30:00 → 00:30:02 สนับสนุนหนูไปสู่เป้าหมายหนูอะไรได้บ้าง
00:30:02 → 00:30:05 ค่ะเช่นเขาบอกว่าหนูอยากได้ทำงานท้าทาย
00:30:05 → 00:30:07 อ้าเชิงทำงานโอเคแล้วพ่อแม่ล่ะลูก
00:30:07 → 00:30:09 ครอบครัวหนูอยากเป็นไงหนูอยากเลี้ยงดูที่
00:30:09 → 00:30:13 บ้านได้แล้วหนูอยากภูมิใจในงานของหนูยัง
00:30:13 → 00:30:16 ไงไม่ใช่แค่ถ่ายตัดต่อแต่หนูได้ตัดงานที่
00:30:16 → 00:30:19 มันแบบคนดูแล้วได้ประโยชน์อ่ะเออพอเขา
00:30:19 → 00:30:21 เริ่มเห็นว่าสิ่งที่เขาอยากได้มันไม่ใช่
00:30:21 → 00:30:24 แค่กินอร่อยนอนหลับแล้วอ่ะแต่เขาอยาก
00:30:24 → 00:30:26 สร้างความภาคภูมิใจอย่างเงี้ยค่ะพอเขา
00:30:26 → 00:30:29 เห็นตรงนี้ปุ๊บเเนี่ยมีเด็กในออฟฟิศเงาะ
00:30:29 → 00:30:31 คนนึงก็แบบเพื่อนมาบอกให้หนูไปย้ายที่ทำ
00:30:31 → 00:30:34 งานครูเงาะเพราะว่ามันจะได้อัพเงินเดือน
00:30:34 → 00:30:37 แต่หนูคิดไม่ออกว่าถ้าหนูไปที่อื่นอ่ะหนู
00:30:37 → 00:30:39 จะได้ทำงานที่หนูรู้สึกภูมิใจแบบนี้หรือ
00:30:39 → 00:30:42 เปล่าอือ่าฉะนั้นเราสามารถดึงให้เขาอยู่
00:30:42 → 00:30:45 ได้ในวันที่เราพาเขาให้เห็นเป้าหมายที่
00:30:45 → 00:30:47 ใหญ่กว่าแค่ตัวเองค่ะอย่างเงี้ยค่ะเราก็
00:30:47 → 00:30:49 จะชวนคุยกันมีเด็กประเภทนึงเ้าเรียกว่า
00:30:49 → 00:30:53 เด็กปีนเกลียวอ่าโอฉันเจ๋งแหมฉันเก่งมาก
00:30:53 → 00:30:56 เลยฉันไม่สนหรอกรุ่นพี่รุ่นน้องรุ่นแม่
00:30:56 → 00:30:59 ฉันไม่สนเด็กเหล่านี้แก้ยังไงอคูเงเอา
00:30:59 → 00:31:01 จริงๆนะพี่ตั๊กเด็กพวกปีนเกลียวหรือมั่น
00:31:01 → 00:31:05 มั่นหน้าเนี่ยนะลึกๆไม่มั่นใจในตัวเอง
00:31:05 → 00:31:08 ทั้งนั้นอ๋อเมีจุดด้อยของเค้าใช่เค้า
00:31:08 → 00:31:11 พยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองฉะนั้นถ้าจะให้
00:31:11 → 00:31:13 พูดจริงๆคนพวกเนี้ยขาดความนับถือตัวเอง
00:31:13 → 00:31:16 ขาดความรักตัวเองแบบลึกซึ้งขาดความเมตตา
00:31:16 → 00:31:19 ตัวเองอืแล้วกลัวเจ็บพอความกลัวเจ็บจึง
00:31:19 → 00:31:23 ต้องแสดงออกว่ากูไม่แคร์อืเพื่อที่จะให้
00:31:23 → 00:31:25 ป้องกันตัวเองไว้ไม่ให้ใครเข้ามาในพื้น
00:31:25 → 00:31:28 ที่เขตแดนของตัวเองค่ะถ้าเป็นลักษณะเนี้ย
00:31:28 → 00:31:30 ให้ความเมตตาเยอะๆแทบจะการันตีได้เลยว่า
00:31:30 → 00:31:32 เขาจะต้องมีอิชชู่กับครอบครัวถ้าเด็กที่
00:31:32 → 00:31:35 มีความปีนเกลียวนะจะต้องถูกกดดันมาว่า
00:31:35 → 00:31:38 ต้องเก่งต้องพิสูจน์ตัวเองอะไรบางอย่าง
00:31:38 → 00:31:40 จากครอบครัวตัวเองเงี้ยค่ะจนบาดแผลมันทำ
00:31:40 → 00:31:43 ให้เขาไม่กล้าที่จะนบางทีบางทีเป็นกับ
00:31:43 → 00:31:46 ครอบครัวก็มีเคยเเคยเห็นอยู่คนนึงแม่กับ
00:31:46 → 00:31:50 ลูกเนี่ยมันต่างไวกันมากแล้วก็จะไม่ไม่
00:31:50 → 00:31:53 เคารพแม่ฉันเก่งฉันเจ๋งฉันดีกว่านะก็จะ
00:31:53 → 00:31:55 ไม่เคารพพูดกันไม่รู้เรื่องเพราะงั้นเด็ก
00:31:56 → 00:31:58 เหลนี้คือเด็กที่อาจจะมีปมในใจเพราะว่า
00:31:58 → 00:32:00 พ่อแม่อาจจะไม่ได้ให้การยอมรับเพราะว่า
00:32:00 → 00:32:02 เอาจริงๆเงาะกับแม่ก็ห่างกันเยอะแม่มี
00:32:02 → 00:32:05 เงาะตอนเขาอายุ 43 แต่เงาะเข้ากับแม่ได้
00:32:05 → 00:32:08 ดีมากเลยเพราะ 1 อย่างแม่ให้เกียรติลูก
00:32:08 → 00:32:11 เงาะอยากจะเรียนอันนี้ญาติบอกเรียนทำไม
00:32:11 → 00:32:15 นิเทศเรียนมาก็ไม่มีงานทำหรอกอ่าเราหัว
00:32:15 → 00:32:18 ใช้ได้่ะไปเรียนฝั่งสายวิทย์มั้ยเนี่ยดู
00:32:18 → 00:32:21 ลูกน้าสิคือเขาหวังดีลูกน้าเรียนจบนิเทศ
00:32:21 → 00:32:23 มายังไม่มีงานทำเลยอย่างเงี้ยในใจเราก็
00:32:23 → 00:32:26 แบบก็หนูไม่ใช่ลูกน้าน่ะค่ะแต่เราก็ไม่
00:32:26 → 00:32:28 ได้พูดนะคะเดี๋ยวเตบย้อนเเหงือเราขึ้นมา
00:32:28 → 00:32:31 นะคะูครูเงาะก็แบบคิดในใจเงาะก็คิดในใจ
00:32:31 → 00:32:35 ว่าแบบอ่ะค่ะยิ้มๆแต่สิ่งที่เงาะไม่เคย
00:32:35 → 00:32:37 ได้ยินจากแม่เลยคือการบังคับแม่บอกแล้ว
00:32:37 → 00:32:40 แต่เงาะเลยลูกอเงาะเงาะรู้ดีว่าเงาะ
00:32:40 → 00:32:43 ต้องการอะไรแล้วแม่เงาะจบแค่ป 4 พี่ตั๊ก
00:32:43 → 00:32:45 โหไม่น่าครูเงาะก็เลยประสบความสำเร็จเนา
00:32:45 → 00:32:48 เคไว้ใจเรามากออยิ่งไว้ใจเท่าไหร่เรายิ่ง
00:32:48 → 00:32:52 ต้องรักษาตัวเองให้ถูกต้องออเออยิ่งเาให้
00:32:52 → 00:32:54 เกียรติเราเรายิ่งไม่ทำตัวเกกเมเหลกเกเร
00:32:54 → 00:32:57 เพื่อให้สมกับแต่ถามว่ามีมั้ยตอนสมัยวัย
00:32:57 → 00:32:59 รุ่นกินเหล้าอะไรอย่าเงี้ยกินแม่ไม่เคย
00:32:59 → 00:33:03 รู้โออแหละโอกินสุดฤทธิ์กลับบ้านเช้าเมา
00:33:03 → 00:33:06 อ้วกแตกในรถอะไรเงี้เคยมาก่อนนะคะแต่ทั้ง
00:33:06 → 00:33:09 หมดอ่ะมันจะอยู่ในขอบเขตที่เรารู้ว่าแบบ
00:33:09 → 00:33:11 นี้เราประคองตัวเองได้จะไม่มีเรื่องผู้
00:33:11 → 00:33:13 ชายเรื่องยาเสพติดอะไรอย่างงั้นน่ะไม่มี
00:33:14 → 00:33:17 เพราะเขาไว้ใจเรามากอืพอมันเป็นแบบเยค่ะ 1
00:33:17 → 00:33:20 แล้วแม่เงานอกจากเข้าใจลูกชื่นชมนี่คือ
00:33:20 → 00:33:24 สิ่งที่แม่ทำมาตลอดเงาะมันกล้าอาหารเงาะ
00:33:24 → 00:33:27 มันพอเ้าอย่างงี้ปุ๊บเรามั่นใจในตัวเอง
00:33:27 → 00:33:30 ค่ะเราได้จากในครอบครัวอืแต่ถ้าแม่ลูกคู่
00:33:30 → 00:33:33 ไหนนะคะต่อให้อายุใกล้กันแต่แบบทำแบบฉัน
00:33:33 → 00:33:36 สิดูฉันสิดูแม่สิทำอย่างงั้นสิทำอย่างงี้
00:33:36 → 00:33:39 สิเด็กจะไม่ได้ยินว่าแม่ห่วงเลยนะทั้งๆ
00:33:39 → 00:33:41 ที่แม่พูดด้วยความรักแต่เด็กจะได้ยินว่า
00:33:41 → 00:33:44 หนูไม่เคยดีพอสำหรับแม่เลยใช่มยอืแล้ว
00:33:44 → 00:33:46 เค้าไม่มีใครในโลกหรอกอยากอยู่กับคนที่ทำ
00:33:46 → 00:33:50 ให้เขารู้สึกต่ำต้อยอ่ะค่ะอ๋อไม่น่าเถึง
00:33:50 → 00:33:52 จะปีนเกลียวกันตลอใช่แล้วเก็ต้องพิสูจน์
00:33:52 → 00:33:54 ตัวเองว่าหนูรู้มากกว่าแม่หนูรู้มากกว่า
00:33:54 → 00:33:57 แม่อ่าใช่อ่าอย่างเงี้ยค่ะพอพูดถึงผู้
00:33:57 → 00:34:00 ใหญ่ผู้ใหญ่บางคนก็มักจะติดความเชื่อแบบ
00:34:00 → 00:34:03 เดิมๆของตัวเองไม่ยอมเปิดรับอะไรใหม่ๆ
00:34:03 → 00:34:05 เชื่อยังไงก็เชื่ออย่างงั้นคนเหล่านี้จะ
00:34:05 → 00:34:08 เปลี่ยนความคิดได้ยังไงทุกยุคมีสิ่งที่
00:34:08 → 00:34:11 เหมือนกัน 1 อย่างคือต้องการการถูกมอง
00:34:11 → 00:34:15 เห็นและถูกได้ยินอืใช่มั้ยคะฉะนั้นถ้าพ่อ
00:34:15 → 00:34:18 แม่กำลังบ่นอยู่แล้วลูกบอกแม่หัวโบราณนี่
00:34:18 → 00:34:20 เขายิ่งกำแพงหนักเลยโบราณก็เลี้ยงมึงมา
00:34:20 → 00:34:23 นี่แหละใช่มั้ยคะเอ่อแม่วิธีเก่าของแม่
00:34:23 → 00:34:25 มันใช้ไม่ได้ใช้ไม่ได้หลก็ฉันเลี้ยงแกมา
00:34:25 → 00:34:28 สิ่งที่เราจะต้องทำคือเข้าใจอารมณ์ชื่นชม
00:34:28 → 00:34:30 เนื้อแท้เหมือนเดิมเลยกลับไปเรื่องนี้เลย
00:34:30 → 00:34:32 ถูกต้องสมมุติว่าเงาะจะไปหาแม่แล้วแม่
00:34:32 → 00:34:36 กำลังบ่นๆๆๆรู้เลยว่าแม่ห่วงแม่ห่วงเงาะ
00:34:36 → 00:34:39 ใช่มมอืขอบคุณนะที่แม่เป็นห่วงหนูอย่าง
00:34:39 → 00:34:41 งี้แม่แม่กังวลว่าหนูจะไปอย่างงี้อย่าง
00:34:41 → 00:34:43 งี้แม่สบายใจได้นี่คือหลักฐานที่จะทำให้
00:34:44 → 00:34:46 เห็นว่ามันจะเป็นแบบนี้นะแทนที่เราจะบอก
00:34:46 → 00:34:49 แม่ไม่เข้าใจหรอกเด็กวัยรุ่นเทำกันแบบนี้
00:34:49 → 00:34:52 อย่างเงี้ยเราอย่าไปปัดเออกแต่เราเข้าใจ
00:34:52 → 00:34:55 เงาะรู้ว่าแม่เป็นห่วงเงาะอือืขอบคุณนะ
00:34:55 → 00:34:57 ที่แม่เป็นห่วงค่ะเงาะจะดูแลตัวเองแบบนี้
00:34:58 → 00:35:00 1 2 3 4 ให้แม่สบายใจได้เลยนะเดี๋ยว
00:35:00 → 00:35:02 เงไปถึงตรงนั้นเงจะโทรหาแม่ก่อนเลยอย่าง
00:35:02 → 00:35:05 เงี้ยค่ะแล้วแม่เองก็จะต้องรู้ว่าหมายถึง
00:35:05 → 00:35:08 คนเจนเก่าก็ต้องรู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุก
00:35:08 → 00:35:10 เรื่องอีกต่อไปแล้วอ่ะเออมันมีมันมี
00:35:10 → 00:35:12 เรื่องที่เราต้องยอมรับว่าเขารู้มากกว่า
00:35:12 → 00:35:14 แล้วก็ต้องอนุญาตให้เราก็ต้องฟังเด็กนะ
00:35:15 → 00:35:16 เหมือนการเลี้ยงลูกเลี้ยงเต้าอะไรเนี่ยนะ
00:35:16 → 00:35:19 คะพี่ก็เจอมากับตัวเองบางทีเนี่ยเราก็เลย
00:35:19 → 00:35:23 ต้องหยุดเราก็เลยรู้ว่าเฮ้ยคนสมัยเราเี้
00:35:23 → 00:35:25 boomer เนี่ยก็ไม่ได้ถูกเสมอไปเหมือนที่
00:35:25 → 00:35:28 พี่พูดเมื่อกี้กับคนรุ่นใหม่บางทีเราเอา
00:35:28 → 00:35:30 มาใช้กับเค้าไม่ได้เหมือนเรามีหลานคนนึง
00:35:30 → 00:35:33 เนี่ยใชบางทีเราก็เฮิตที่มีบ้านที่มัน
00:35:33 → 00:35:36 สามารถจะอยู่อีกกี่คนก็ได้ค่ะเขาคก็ไม่
00:35:36 → 00:35:39 อยากอยู่กับเราอ่าตอนแรกพี่ก็ไม่เข้าใจ
00:35:39 → 00:35:43 ค่ะเด็กอายุ 27 เนี่ยก็อยากจะไปอยู่ของ
00:35:43 → 00:35:47 ตัวเองอแล้วก็เลี้ยงลูกของตัวเองโดยที่ก็
00:35:47 → 00:35:52 เป็นแม่เลี้ยงเดียวโดยที่ไม่สนแม่บ้านฉัน
00:35:52 → 00:35:55 จะทำเองฉันจะส่งลูกเองแต่ก็ไม่ทำงานเราก็
00:35:55 → 00:35:57 ก็ก็ช่วยเขาอยู่ก็ยังทำงานไม่ได้นะเพราะ
00:35:57 → 00:35:59 ดูแลตัวเองแต่ในเวลาเดียวกันบางทีเราก็
00:35:59 → 00:36:03 แอบเฮิตนิดๆว่าทำไมเค้าไม่ขอความช่วย
00:36:03 → 00:36:06 เหลือเราอืมทำไมเ้าไม่อยากให้เราไปยุ่ง
00:36:06 → 00:36:10 กับเา้ามากอืทำไมเราต้องเจอเค้าเดือระหอื
00:36:10 → 00:36:13 ก็ดูโหดนะดูโหดนะบางทีเราก็อยากเออไปคุย
00:36:13 → 00:36:17 ด้วยทำไมต้องเดือนลหทำไมถึงไม่ให้เราช่วย
00:36:17 → 00:36:19 เหลืออะไรเลยอยากทำอะไรด้วยตัวเองอืแล้ว
00:36:19 → 00:36:23 เวลาเลี้ยงหลานเลี้ยงเลี้ยงเด็กสมัยก่อน
00:36:23 → 00:36:26 ค่ะแม่พ่อแม่เราจะทาแป้งเราทาแป้ง 4 ตัว
00:36:26 → 00:36:32 หอมๆ No ทามไม่ได้อ่าแป้งทำให้เกิดภูมิ
00:36:32 → 00:36:35 แพ้อ่ะทุกอย่างมันขัดกันสมัยก่อนหมดเลย
00:36:35 → 00:36:37 เนาะอันนีู้ครูเงาะเคยเคยเคยได้ยินมั้ย
00:36:37 → 00:36:40 เพราะงั้นคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่เนี่ยมัน
00:36:40 → 00:36:43 สอนกันไม่ได้อ่ะยินใช่คูเงาะรู้สึกอย่าง
00:36:43 → 00:36:44 งั้นมั้ยคือมันมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
00:36:44 → 00:36:46 เพราะว่าเราก็จะเลี้ยงบนชุดความเชื่อของ
00:36:46 → 00:36:49 เราเขาก็จะไปอ่านตำราของยุคใหม่ของเขา
00:36:49 → 00:36:51 แล้วก็เลี้ยงบนความเชื่อเคก็จะสุดโต่ง
00:36:51 → 00:36:54 เค้าเลยนะเขาจะเชื่อความคิดของเขาค่ะอ่า
00:36:54 → 00:36:58 ซึ่งถ้าถ้าจะจะผ่อนลงมาอ่ะพี่ตั๊กเคยถาม
00:36:58 → 00:37:01 มั้ยคะว่าทำไมต้องเดือนละหนน่ะลูกเคยถามเ
00:37:01 → 00:37:07 มั้ยคะเออไม่เคยถามอ่าอาจจะต้องถามว่ามัน
00:37:07 → 00:37:10 เป็นมันมันเกิดจากอะไรเเคบอกเไม่ว่างอ้า
00:37:10 → 00:37:13 ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรคงไม่คงไม่ว่างจริง
00:37:13 → 00:37:15 ๆเบอกเค้าเลี้ยงลูกเลี้ยงอะไรอย่างเงี้ย
00:37:15 → 00:37:16 แล้วเราไปหาได้
00:37:16 → 00:37:19 มั้ยก็ไม่ว่างไงเราเค้าไม่ว่างหรือเราไม่
00:37:20 → 00:37:22 ว่างเค้าไม่ว่างเ้าไม่ว่าไม่แต่ถ้าสมมุติ
00:37:22 → 00:37:24 เค้าเลี้ยงลูกอ่ะก็คืองานหลักก็คือเลงแต่
00:37:24 → 00:37:27 แต่แต่พอทำอย่างงี้มาร่วมปีนะค่ะพี่ก็
00:37:27 → 00:37:31 เกิดความเคยชินแล้วะชินแล้วเราก็ทำเหมือน
00:37:31 → 00:37:34 ที่ครูเงาะว่าพยายามเอาใจเราเข้าไปเพราะ
00:37:34 → 00:37:39 เราเราเคยสอนเค้าแรงๆแล้วบางทีเราตีเา
00:37:39 → 00:37:41 เหมือนเราก็อาจจะแอบไปบงการชีวิตเา้าบ้าง
00:37:41 → 00:37:46 เพราะต้องการให้เค้าเป็น้าเป็นกรอบที่
00:37:46 → 00:37:50 เราฟังไว้วางไว้วางไว้ค่ะแต่ไอ้กรอบเนี่ย
00:37:50 → 00:37:53 ทุกอย่างที่เราบอกมันมันผิดหมดเลยอ่าเค้า
00:37:53 → 00:37:55 ไม่ทำเลยสักอย่างเนี่ยมันคือข้อเท็จจริง
00:37:55 → 00:37:58 ที่บอกอยากจะบอกคุณพ่อคุณแม่แหหลายคนมาก
00:37:58 → 00:38:01 ว่าเราวางไว้ให้ตายแค่ไหนอ่ะใช่เค้าก็จะ
00:38:01 → 00:38:03 เลือกทางของเคเองอยู่ดีเค้าเลือกทางของเค
00:38:03 → 00:38:05 ฉะนั้นสิ่งเดียวที่พ่อแม่ให้ได้คือความ
00:38:05 → 00:38:09 รักใช่ความคิดใช่การศึกษาจบแล้วที่เหลือ
00:38:09 → 00:38:11 ลูกเลือกแรกพี่ไม่เข้าใจเลยนะครูเงาะแรก
00:38:11 → 00:38:14 พี่ไม่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่แต่ว่าพี่พี่ถาม
00:38:14 → 00:38:16 แทนเผื่อคนอื่นด้วยเพราะว่าเชื่อว่าเป็น
00:38:17 → 00:38:18 อย่างนี้หลายบ้านบ้านพี่คนรู้จักก็เป็น
00:38:18 → 00:38:22 อย่างเงี้ยแม่สมัยพี่เนี่ยชอบตีกรอบให้
00:38:22 → 00:38:25 ลูกลูกแล้ววาดฝันว่าลูกจะต้องแต่งงานกับ
00:38:25 → 00:38:27 คนแบบนี้ลูกจะต้องเป็นอย่างงี้แล้วมันมัน
00:38:27 → 00:38:29 ไม่ไม่ใช่สักอย่างใช่เคก็อยากไปใช้ชีวิต
00:38:29 → 00:38:32 ของเขาคเคก็อยากเลือกทางแต่สิ่งที่พ่อแม่
00:38:32 → 00:38:35 เป็นห่วงคือเขาจะเป็นยังไงเาจะดูแลตัวเอง
00:38:35 → 00:38:39 ได้มั้ยเจะลำบากมั้ยเจะไปเจออะไรไอ้พ่อ
00:38:39 → 00:38:41 แม่มันจะห่วงอย่างงี้อ่ะคูเงาะว่ามั้ยใช่
00:38:41 → 00:38:44 เนี่ยคือคือมันมันจะเป็นคำที่พ่อแม่พูด
00:38:44 → 00:38:47 ด้วยเจตนาเนี้ยแต่ลูกจะได้ยินอีกเจตนานึง
00:38:47 → 00:38:50 ถูกใช่พ่อแม่จะบอกว่าสมมุติว่าเห็นลูกทำ
00:38:50 → 00:38:52 อะไรตั้งแต่เด็กทำไม่ได้อ่ะแม่เข้าไปทำ
00:38:52 → 00:38:55 ให้เพราะแม่จะมองว่าเป็นอย่างงี้ใช่มั้ย
00:38:55 → 00:38:58 คะแม่จะมองว่าเออถ้าั้ฉันทำทำให้ก็เร็วดี
00:38:58 → 00:39:02 อ่าแล้วก็เออมันจะได้ไม่เสียเวลา่หรือถ้า
00:39:02 → 00:39:05 ลูกร้องไห้เอ่อมันเป็นหน้าที่ฉันที่ต้อง
00:39:05 → 00:39:06 ทำให้เขาหยุดให้ได้เพราะถ้าเกิดฉันทำให้
00:39:06 → 00:39:08 เขาคหยุดไม่ได้เดี๋ยวฉันไม่ใช่แม่ที่ดี
00:39:08 → 00:39:11 บางคนคิดแบบนั้นแต่เด็กไม่ได้ยินแบบนั้น
00:39:11 → 00:39:13 ทันทีที่เขาทำไม่ได้แม่เข้าไปชาร์จปุ๊บออ
00:39:14 → 00:39:16 งั้นฉันคงไม่ต้องพยายามอะไรแล้วแหละเพราะ
00:39:16 → 00:39:18 คนอย่างฉันก็คงทำอะไรดีสู้แม่ไม่ได้ใช่
00:39:18 → 00:39:22 อ้อรู้แล้วพี่เวลาพี่ไปบ้านเ้าพี่จะชอบไป
00:39:22 → 00:39:25 ยุ่งไงอ่าเอขนาดมีแม่บ้านแล้วพี่ก็ยังไป
00:39:25 → 00:39:28 ยุ่งตอนหลังเบอกเไม่เอาแม่บ้านเคคงอยากจะ
00:39:28 → 00:39:30 ฝึกวิธีพี่ก็ชอบไปหยิบไปจับไปเช็ดไปจัด
00:39:30 → 00:39:34 อาหารเบอกคุณแม่มาทีไรก็ก็มาเหนื่อยทุกที
00:39:34 → 00:39:37 ก็เลยเจอกันข้างนอกแล้วกันเออเออมันมันก็
00:39:37 → 00:39:39 แปลกแต่ว่าพอมาถึงวันนี้พี่เริ่มมีความ
00:39:39 → 00:39:42 เคยชินแล้วก็เริ่มไม่เรียกว่าชินดีกว่า
00:39:42 → 00:39:45 เรียกว่าเริ่มเข้าใจเค้าอจริงๆเลยคำนี้
00:39:45 → 00:39:48 เลยพี่ัสำคัญเพราะว่าเวลาเราเราเสียใจนี่
00:39:48 → 00:39:50 มันอยู่ในใจเราทุกอย่างมันอยู่ในใจเไม่
00:39:50 → 00:39:53 ได้รู้สึกอะไรเลยใช่ใช่ค่ะซถ้าเกิดสมมุติ
00:39:53 → 00:39:56 ว่าวันนึงเราอยากจะสมานลอยแผลนี้นะคะหรือ
00:39:56 → 00:39:58 มันอาจจะไม่ใช่แผลหรอกแต่ว่าสมานอะไรบาง
00:39:58 → 00:40:01 อย่างง่ายมากเลยแค่เราเดินไปเราอาจจะบอก
00:40:01 → 00:40:05 ว่าเออวันก่อนคุณแม่ไปคุยกับูเงาะมาก็ได้
00:40:05 → 00:40:06 แล้วคุณแม่รู้แล้วว่าคุณแม่พลาดอะไรกับ
00:40:06 → 00:40:09 หนูมั่งอืออย่างเงี้ยลอบแบให้เขาก่อนเลย
00:40:09 → 00:40:13 ว่าเออแม่ขอโทษว่ะอืเพราะเจตนาแม่คือเข้า
00:40:13 → 00:40:15 มาอยากจะช่วยแต่ในมุมหนูคือมันเหมือนแม่
00:40:15 → 00:40:17 ไปบอกว่าหนูยังทำได้ดีไม่พออะไรอย่าง
00:40:17 → 00:40:20 เงี้ยทำดีไม่พอใช่ๆหนูๆอาจจะตีความแบบ
00:40:20 → 00:40:22 นั้นถ้าหนแม่ทำให้หนูเข้าใจแบบนั้นแม่ขอ
00:40:22 → 00:40:25 โทษแล้วแม่พอเข้าใจเสร็จปุ๊บอย่าลืมชื่น
00:40:25 → 00:40:28 ชมแล้วแม่ขอชื่นชมหนูว่าที่ผ่านมาหนูทำ
00:40:28 → 00:40:31 เต็มที่จริงๆในฐานะคุณแม่คนนึงที่หนู
00:40:31 → 00:40:34 เลี้ยงลูกด้วยตัวของหนูเองไม่ว่าหนูจะ
00:40:34 → 00:40:37 อ่านตำราแค่ไหนเชื่อตัวเองมากๆลูกหนูมี
00:40:37 → 00:40:39 อะไรที่ดีเหนือกว่าตำราเหล่านั้นเดี๋ยว
00:40:39 → 00:40:43 หนูจะรู้มากกว่าตำราแล้วแม่ก็บอกหนูได้
00:40:43 → 00:40:45 แค่นี้จริงๆเพราะว่าไม่มีใครรู้จักลูกตัว
00:40:45 → 00:40:48 เองได้ดีกไปกว่าหนูต่อให้หนูหนูคิดว่าหนู
00:40:48 → 00:40:50 รู้จักลูกของหนูดีแต่เดี๋ยววันนึงเขาจะ
00:40:50 → 00:40:53 รู้จักตัวเองดีกว่าหนูเหมือนที่หนูรู้จัก
00:40:53 → 00:40:55 ตัวเองดีกว่าที่แม่รู้จักหนูฉะนั้นแม่
00:40:55 → 00:40:57 เคารพการตัดสินใจของหนูทั้งหมดเพราะว่า
00:40:57 → 00:40:59 เด็กรุ่นใหม่พี่เชื่อว่าคงมีหลายบ้านที่
00:40:59 → 00:41:02 เป็นอย่างงี้เคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วลูก
00:41:02 → 00:41:05 ก็มักจะไม่อยากอยู่ในครอบครัวอยากจะแยก
00:41:05 → 00:41:08 ออกไปอยู่ใช่เพงั้นวันนี้ครูเงาะก็คงให้
00:41:08 → 00:41:12 ไอเดียว่ามันก็ต้องคุยกันคุยกันแล้วก็ทุก
00:41:12 → 00:41:14 คยอมรับการตัดสินใจของเขาเข้าใจเจตนาของ
00:41:14 → 00:41:17 กันและกันลูกเข้าใจเจตนาแม่ถ้าลูกบอกว่า
00:41:17 → 00:41:20 คุณแม่หนูรู้ว่าคุณแม่ห่วงหนูหนูรู้ว่า
00:41:20 → 00:41:22 คุณแม่คิดถึงหลานอยากมาอย่างงี้อย่างี้
00:41:22 → 00:41:24 ใช่ไมอะไรอย่าเงี้ยหนูขอบคุณนะทีเนี้หนู
00:41:24 → 00:41:26 อยากให้ตรงเนี้ยหนูอยากลองผิดด้วยตัวหนู
00:41:26 → 00:41:30 เองอ่ะถ้าเพูดคำเพี่ตัก็จะแบบถอยเออกมา
00:41:30 → 00:41:32 แต่ถ้าบอกคุณแม่ไม่ต้องยุ่งบางทีเราก็จะ
00:41:32 → 00:41:35 เฮินะอเราจะเใชอ่าเหมือนกันในกณีกรณีกับ
00:41:35 → 00:41:37 ลูกเราก็ต้องบอกว่าเออแม่รู้ว่าหนูอยากดู
00:41:37 → 00:41:40 แลด้วยตัวเองโอแม่เข้าใจว่ะแม่ขอโทษจริงๆ
00:41:40 → 00:41:43 ที่แม่อาจจะแบบห่วงเกินไปเลยทำให้หนูคิด
00:41:43 → 00:41:46 ว่าแม่ไม่ไว้ใจจริงๆไม่ใช่นะแม่ไว้ใจมาก
00:41:46 → 00:41:49 แค่ลืมตัวอ่ะแม่จะถอยแล้วแม่ resp การตัด
00:41:49 → 00:41:53 สินใจของหนูสุดท้ายแล้วคนรุ่นใหม่ก็ที่จะ
00:41:53 → 00:41:56 อยู่คนรุ่นเก่าได้เราก็คงจะต้องปรับตัว
00:41:56 → 00:41:58 ให้เข้ากันเพื่อจะอยู่ร่วมกันได้อย่ามี
00:41:58 → 00:42:01 ความสุขอยากให้ครูเงาะเนี่ยสรุปอีกสักที
00:42:01 → 00:42:04 นะคะว่าคนต่างวัยที่คุยกันไม่รู้เรื่อง
00:42:04 → 00:42:07 เนี่ยเราควรจะปรับและเข้าใจ 3 หลักนี้ยัง
00:42:07 → 00:42:11 ไงบ้าง 3 หลักก็คือเข้าใจอารมณ์ชื่นชม
00:42:11 → 00:42:15 เนื้อแท้แก้ไขปรับปรุงนะคะเข้าใจเขาก่อน
00:42:15 → 00:42:19 ว่าเขรู้สึกอะไรเาแคร์อะไรเขาต้องการอะไร
00:42:19 → 00:42:22 หรือเจตนาของเขาจริงๆคืออะไรแม้กระทั่ง
00:42:22 → 00:42:25 เขาอาจจะบอกแม่อย่าเพิ่งเข้ามาเราเฮิตะ
00:42:25 → 00:42:27 ด้วยพฤติกรรมแต่มองไปที่เจตนาออกออเขาไม่
00:42:27 → 00:42:30 อยากกวนเราหรือเปล่าเขาอยากจะลุยด้วยตัว
00:42:30 → 00:42:34 ของเขาเองหรือเปล่าอ่าเราเข้าใจอารมณ์เ 2
00:42:34 → 00:42:36 ชื่นชมเนื้อแท้เขาได้เฮ้ยเห็นความแข็ง
00:42:36 → 00:42:39 แกร่งของเขามยเห็นความเป็นนักสู้เมื่อเรา
00:42:39 → 00:42:42 มี 2 ข้อเยเขาจะรู้สึกปลอดภัยกับเราแล้ว
00:42:42 → 00:42:45 ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญแม่เห็นหนูจริง
00:42:45 → 00:42:48 ๆในแบบที่หนูเป็นแล้วหลังจากเยเราจะยื่น
00:42:48 → 00:42:50 มือไปช่วยเหลือแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่เรา
00:42:50 → 00:42:52 พลาดอยากจะขอโทษอะไรเอาไว้เป็นอันดับสุด
00:42:52 → 00:42:54 ท้ายนะเราอยากจะบอกให้เา้าเปลี่ยน
00:42:54 → 00:42:57 พฤติกรรมอะไรก็ได้สามารถเก็บไว้หลังหลจาก
00:42:57 → 00:43:00 ที่เราทำ 2 อันเนี้ดีมากพอแล้วอันนี้ใช้
00:43:00 → 00:43:02 ได้กับทุกเจนนะคะไม่ว่าเด็กจะใช้กับผู้
00:43:03 → 00:43:04 ใหญ่หรือผู้ใหญ่ใช้กับเด็กผู้ใหญ่และเด็ก
00:43:04 → 00:43:07 ทุกคนต้องการใครสักคนที่เข้าใจเราจริงๆ
00:43:07 → 00:43:10 แล้วเห็นคุณค่าของเราจริงๆคะขอบคุณครู
00:43:10 → 00:43:13 เงาะค่ะค่ะขอบคุณค่ะ
00:43:13 → 00:43:17 พี่ชมรายการต Talk แล้วก็อย่าลืมนะคะกด
00:43:17 → 00:43:20 ไลคกดแชร์กด Subscribe ทางช่องไ doot
00:43:20 → 00:43:23 ทั้งทางช่อง YouTube และ Facebook ด้วยนะ
00:43:23 → 00:43:26 คะแล้วก็อย่าลืมกดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะ
00:43:26 → 00:43:29 คะจะได้ไม่พลาดสาระดีๆจากช่อง Live doot
00:43:29 → 00:43:33 ของเราอย่าลืมนะคะ