00:00:00 → 00:00:03 รู้หรือไม่ กินยาพาราฯ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
00:00:03 → 00:00:04 เสี่ยง...ตับพัง!
00:00:06 → 00:00:07 เปิดตู้ยา
00:00:07 → 00:00:11 [เสียงดนตรี]
00:00:11 → 00:00:14 ตอน กินยาพาราฯ...นาน เสี่ยงตับพัง !
00:00:14 → 00:00:15 [เสียงดนตรี]
00:00:15 → 00:00:17 เฮ้อ ทำไมวันนี้มันเหนื่อยจังเลย
00:00:18 → 00:00:21 อยากจะเอนตัว
00:00:22 → 00:00:24 อุ๊ย มานอนอะไรตรงนี้นี่
00:00:24 → 00:00:26 ทำไมไม่ไปนอนในห้อง
00:00:26 → 00:00:30 โอย ปวดหัว ไม่มีแรงลุกไปไหนเลย
00:00:30 → 00:00:32 เห็นมาตั้งหลายวันแล้วนี่
00:00:32 → 00:00:33 ทำไมไม่ไปหาหมอ
00:00:33 → 00:00:37 โอ๊ย ไม่ต้องไปหาหรอก กินพาราเดี๋ยวก็หาย
00:00:37 → 00:00:38 ไปหยิบยามาซิ
00:00:38 → 00:00:40 อย่ากินเลยพาราฯ นี่ ไปหาหมอ
00:00:40 → 00:00:42 บอกว่าไม่ไปไง ไปหยิบยามาซิ
00:00:42 → 00:00:47 - ไปหาหมอเดี๋ยวนี้ ไปเลย ไป ไปเดี๋ยวนี้ ไป - ไปหยิบยามา ตรงนั้นน่ะ ไปหยิบยามา
00:00:48 → 00:00:52 พฤติกรรมที่ชอบคิดว่ายาพาราฯ เป็นยาครอบจักรวาล
00:00:52 → 00:00:55 ไม่หาย ไม่เลิกกิน ไม่ไปพบแพทย์
00:00:56 → 00:00:58 แบบนี้เสียงอันตรายมาก ๆ เลยนะคะ
00:00:58 → 00:01:02 งั้นก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ ยาพาราเซตามอลกันก่อนนะครับ
00:01:05 → 00:01:09 ยาพาราเซตามอลนี่นะครับ หรือที่เรารู้จักกันว่าเป็นยาพาราฯ นี่
00:01:09 → 00:01:12 คือยาที่เราใช้ในการบรรเทาอาการปวด ทั่ว ๆ ไปเลยครับ
00:01:12 → 00:01:14 แล้วก็สามารถช่วยลดไข้ได้ด้วย
00:01:14 → 00:01:16 โดยที่ผู้ที่จะใช้นี่
00:01:16 → 00:01:20 สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งคลอดออกมา
00:01:20 → 00:01:24 จนกระทั่งอายุเยอะมาก ๆ 70-80-90 ได้เลยนะครับ
00:01:24 → 00:01:26 เราสามารถดูได้จากฉลากยาค่ะ
00:01:26 → 00:01:28 ยกตัวอย่างง่าย ๆ นะคะ
00:01:28 → 00:01:30 พาราฯ บางชนิดในแบบผู้ใหญ่ค่ะ
00:01:30 → 00:01:32 ถ้าเราซื้อทั่วไปเลยไม่ว่าจะยี่ห้อไหนนี่
00:01:32 → 00:01:37 เราไปดูขนาดเม็ดยาค่ะ มันจะเขียนระบุว่าเม็ดละ 500 mg ค่ะ
00:01:37 → 00:01:39 แต่มีบางยี่ห้อที่ระบุว่า
00:01:40 → 00:01:44 ยาพาราฯ ตัวนั้น ประกอบด้วยพาราเซตามอล 650 mg
00:01:44 → 00:01:46 เพราะฉะนั้นลักษณะการกินยา 2 ตัวนี้
00:01:46 → 00:01:50 500 mg และ 650 mg ก็จะมีความแตกต่างกันค่ะ
00:01:50 → 00:01:53 นอกจากของผู้ใหญ่แล้วนะคะ ยังมีของเด็กค่ะ
00:01:53 → 00:01:55 ของเด็กนี่ ก็อยากให้ดูข้างขวดเหมือนกันค่ะ
00:01:55 → 00:02:01 เพราะว่าในบางรสนะคะ อาจจะเขียนว่า 120 mg/5 ml
00:02:01 → 00:02:05 หรือบางรสนะคะ อาจจะมีไปถึง 250 mg/5 ml
00:02:06 → 00:02:09 เพราะฉะนั้นแล้ว สองขวดนี้ก็มีการให้ยาไม่เหมือนกัน
00:02:09 → 00:02:11 ขนาดยาที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน
00:02:11 → 00:02:13 เพราะฉะนั้น ต้องดูข้างขวดดี ๆ ค่ะ
00:02:13 → 00:02:17 ถ้าเป็นผู้ใหญ่ เราจะให้รับประทานครั้งละ 1 เม็ด
00:02:17 → 00:02:19 ก็คือปริมาณ 500 mg
00:02:20 → 00:02:23 หรืออาจจะใช้ตัวเลขง่าย ๆ ครับ คือตัวเลข 10 ครับ
00:02:23 → 00:02:28 ก็คือ 10 mg ของยาพาราเซตามอล ต่อกิโลกรัมหรือน้ำหนักตัวของเรา
00:02:28 → 00:02:31 อย่างเช่น ถ้าเราหนักประมาณ 50 กิโลกรัม
00:02:31 → 00:02:35 ก็แนะนำให้รับประทานยาพาราเซตามอล ครั้งละ 500 mg
00:02:35 → 00:02:39 แล้วก็รับประทานทุก 4 หรือ 6 ชั่วโมง เวลาที่มีอาการ
00:02:39 → 00:02:41 ของเด็กนี่ ใช้ตัวเลขง่าย ๆ เหมือนกันค่ะ
00:02:41 → 00:02:43 ก็คือใช้เลข 10 mg ค่ะ
00:02:44 → 00:02:46 ก็จะเป็น 10 mg/กิโลกรัม/ครั้ง
00:02:46 → 00:02:49 ให้รับประทานทุก 4-6 ชั่วโมงค่ะ
00:02:49 → 00:02:55 ยังมีพาราฯ อีกรูปแบบหนึ่งนะครับ ที่เราเรียกว่าผสมอยู่ในยาตัวอื่นร่วมด้วย
00:02:55 → 00:02:59 จะมียาผสมกันระหว่างพาราเซตามอล และผสมกับยาลดน้ำมูกครับ
00:02:59 → 00:03:01 แล้วก็มีผสมกับยาลดอาการแน่นจมูกด้วย
00:03:01 → 00:03:06 ซึ่งยาพวกนี้จะมีปริมาณพาราเซตามอล ต่อเม็ดน้อยลงไปอีก
00:03:06 → 00:03:08 ก็มีคนไข้ที่พอไม่รู้ขนาดยา
00:03:08 → 00:03:10 ก็เข้าใจว่าสามารถกินไปได้เลย
00:03:10 → 00:03:13 บางคนอาจจะหยิบ 1 เม็ด แล้วก็เริ่มไม่หาย
00:03:13 → 00:03:17 อย่างที่บอกไปเพราะว่าตัวยาพาราเซตามอล ในเม็ดนั้นอาจจะไม่ได้เยอะเพียงพอ
00:03:17 → 00:03:20 ก็เลยเพิ่มขึ้นไปอีก เพิ่มขึ้นไปอีก
00:03:20 → 00:03:23 หลายต่อหลายครั้งนี่ พอจำนวนเม็ดมันเพิ่มขึ้น
00:03:23 → 00:03:24 และไม่ได้หายสักที
00:03:24 → 00:03:26 มันก็จะมีลักษณะของการที่เรากังวลว่า
00:03:27 → 00:03:30 ตัวพาราฯ ที่ได้รับไปนี่ อาจจะเกินขนาดยาได้ค่ะ
00:03:30 → 00:03:33 แต่ผู้บริโภคบางท่านก็ชอบมากนะครับ
00:03:33 → 00:03:37 เพราะว่า ยากลุ่มที่เป็นยาผสมนี่ มันมียาตัวอื่นผสม
00:03:37 → 00:03:39 ดังนั้นเวลาพอรับประทานแล้วนี่
00:03:39 → 00:03:42 เราจึง…มีฤทธิ์คลายกังวล เราจึงรู้สึกง่วงนอน
00:03:42 → 00:03:44 หรือว่าพักผ่อนได้ดีมากขึ้น
00:03:44 → 00:03:47 เลยทำให้พวกเราหลายคนเข้าใจผิดครับว่า
00:03:47 → 00:03:51 เวลาตัวร้อนเป็นไข้ ที่จำเป็นต้องได้พาราเซตามอล
00:03:51 → 00:03:53 เราต้องไปกินยายี่ห้อนี้ที่เป็นยาผสม
00:03:53 → 00:03:56 ซึ่งจริง ๆ แล้วนี่ ไม่จำเป็นเลยนะครับ
00:03:57 → 00:03:59 ทีนี้เรามาเข้าใจกันนิดนึงครับว่า
00:03:59 → 00:04:04 ทำไมถ้ากินพาราเซตามอลนาน ๆ หรือว่าขนาดยามาก ๆ
00:04:04 → 00:04:05 ตับจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้นะครับ
00:04:05 → 00:04:07 ในสภาวะปกตินะครับ
00:04:07 → 00:04:10 เวลาเรารับประทานยาพาราเซตามอล เข้าไปในร่างกายเรา
00:04:10 → 00:04:15 ยาพาราเซตามอลจะถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษตัวหนึ่ง หรือคือปีศาจตัวหนึ่งครับ
00:04:15 → 00:04:18 ที่จะเกิดขึ้นในร่างกายเราในปริมาณหนึ่ง
00:04:18 → 00:04:23 แต่ร่างกายเรา ก็สามารถที่จะกำจัดปีศาจตัวนี้ออกไปได้
00:04:23 → 00:04:28 เหมือนกับมีนางฟ้าคอยเกิดขึ้น ณ เวลาที่มีการเกิดปีศาจตัวนี้ขึ้น
00:04:28 → 00:04:31 สำหรับตัวนางฟ้านี่นะครับ ในศัพท์ทางการแพทย์นี่
00:04:31 → 00:04:33 เราจะเรียกชื่อตัวนี้ว่า “กลูตาไธโอน”
00:04:33 → 00:04:36 สารนี้โดยปกติร่างกายเราจะสร้างจากตับ
00:04:36 → 00:04:41 โดยอาศัยสารอาหารที่ได้จาก การรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน
00:04:41 → 00:04:44 ในกรณีปกติเลย ปีศาจกับนางฟ้าที่ถูกผลิตขึ้นมา
00:04:44 → 00:04:48 ถ้าปีศาจผลิตขึ้นมาเท่าไร นางฟ้าก็จะมาช่วยกำจัดได้
00:04:48 → 00:04:51 แต่ในกรณีที่ไม่ปกติ เช่น เรากินขนาดยาที่มากเกินไป
00:04:52 → 00:04:54 หรือว่ารับประทานติดต่อกันนานเกินไป
00:04:54 → 00:04:57 ก็จะทำให้ตัวปีศาจถูกผลิตเยอะขึ้นมามาก ๆ
00:04:58 → 00:05:01 จนนางฟ้าไม่สามารถถูกผลิตขึ้นมาทัน
00:05:01 → 00:05:05 เมื่อนั้นล่ะค่ะที่ปีศาจเหล่านี้ จะไปทำลายตับของเรา
00:05:05 → 00:05:10 ในกรณีที่ปีศาจเยอะมาก เรากำลังพูดถึงการเกิดตับอักเสบแบบเฉียบพลัน
00:05:10 → 00:05:15 ก็คือมันจะสามารถทำให้เกิด ลักษณะของการคลื่นไส้อาเจียนได้
00:05:15 → 00:05:16 สรุปคือ
00:05:16 → 00:05:19 ในผู้ใหญ่ การรับประทานยาพาราเซตามอล
00:05:19 → 00:05:21 ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด
00:05:21 → 00:05:24 และไม่ควรรับประทานติดต่อกันเกิน 5 วัน
00:05:24 → 00:05:27 ส่วนในเด็กนะครับ ถ้าใช้ในขนาดยาที่ถูกต้อง
00:05:28 → 00:05:30 ก็ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 5 ครั้ง
00:05:30 → 00:05:34 ถ้าใครมีโรคประจำตัวอยู่ มียาโรคประจำตัวเต็มไปหมด
00:05:34 → 00:05:39 อยากจะให้เอารายการของยาโรคประจำตัวนี้ ไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง
00:05:39 → 00:05:42 เราจะได้มั่นใจว่ายาของเราไม่ตีกันค่ะ
00:05:42 → 00:05:45 อุ๊ย แหะ ๆ อันนี้อึ้งเลยไหม
00:05:46 → 00:05:48 บอกแล้วอย่ากินเยอะ ๆ เดี๋ยวตับพังเอาหรอก
00:05:48 → 00:05:56 [เสียงดนตรี]
00:05:56 → 00:05:58 เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ยาแบบผิด ๆ
00:05:59 → 00:06:01 ก่อนเปิดตู้ยา
00:06:01 → 00:06:03 [เสียงดนตรี]
00:06:03 → 00:06:04 เปิดตู้ยา
00:06:04 → 00:06:06 ความรู้ทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
00:06:06 → 00:06:08 มหาวิทยาลัยมหิดล
00:06:08 → 00:06:09 ปัญญาของแผ่นดิน