00:00:00 → 00:00:05 ไส้กรอก แต่เป็นไส้กรอกที่ใหญ่กว่า แล้วก็ ผิวอาจจะไม่ค่อยเรียบ จะเป็นประเภท
00:00:05 → 00:00:10 ที่ดีคล้ายๆกับแบบที่ 4 อาจจะมีการทาน อาหารที่มีกากใยน้อยกว่า ภาวะบางอย่างที่
00:00:10 → 00:00:16 ทำให้น้ำดีไม่ออกมา เช่นมีการอุดตันท่อน้ำ ดี เช่นมินิ่วในถุงน้ำดี หรือว่าเป็นมะเร็ง
00:00:16 → 00:00:23 ตับอ่อน แบบนี้ก็จะทำให้ไม่มีสีน้ำ ตาลของ stercobillin อุจจาระก็จะมีสีขาวซีดๆ
00:00:23 → 00:00:28 ทำไมทานไฟเบอร์แล้วยังจม ตามสามัญ สำนึกแล้ว มันน่าจะลอยหรือเปล่า
00:00:28 → 00:00:33 สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่หมออ๊อกบอกเล่า คลิปนี้ผมจะบอกเล่าเรื่องอุจจาระครับ
00:00:33 → 00:00:39 พอพูดถึงอุจจาระ ทุกคนอาจจะไม่อยากพูด ถึงมัน แต่ผมว่าถ้ารู้จักมันไว้ก็ดี เพราะ
00:00:39 → 00:00:44 ถ้าลักษณะมันเหมือนเดิมทุกวัน เราอาจ จะเฉยๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่มันเปลี่ยนไป
00:00:44 → 00:00:50 แล้วเรามีความรู้ เราก็จะอาจจะพอตอบตัว เองได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คลิปนี้ผมก็จะ
00:00:50 → 00:00:55 คุยให้ฟังว่าการที่อุจจาระมันมีลักษณะ แล้วก็สีที่แตกต่างกัน มันบอกอะไรเราบ้าง
00:00:55 → 00:01:01 ก่อนไปเรื่องลักษณะรูปร่าง ผมขอ พูดถึงการเกิดอุจจระที่ลำไส้ใหญ่ก่อนนะครับ
00:01:01 → 00:01:06 อันนี้สำคัญนะครับ ไม่งั้นไปต่อแล้ว อาจจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ ลำไส้ใหญ่ของเรา
00:01:06 → 00:01:12 นั้นจะมีหน้าที่ในการดูดซึมน้ำกับ เกลือแร่แร่ธาตุต่างๆ ตอนอาหารเข้ามาที่
00:01:12 → 00:01:19 ลำไส้ใหญ่ น้ำก็จะค่อยๆถูกดูดซึมไป ร่าง กายเราก็จะดูดซึมน้ำไปเรื่อยๆ อาหาร
00:01:19 → 00:01:24 ก็จะแข็งขึ้นเรื่อยๆ พอถึงลำไส้ตำแหน่ง ใกล้ทวารหนักก็จะกลายเป็นก้อนที่
00:01:24 → 00:01:31 แข็งมากขึ้น เพราะงั้นถ้าลำไส้ดูดซึม น้ำได้ไม่ดี อุจจาระก็จะเหลว แต่ถ้าลำไส้
00:01:31 → 00:01:36 เคลื่อนตัวเร็วไป ก็คือส่งอาหารไปถึง ทวารหนักเร็วไป คือลำไส้ไม่ทันได้ดูด
00:01:36 → 00:01:42 น้ำกลับ อุจจาระก็จะเหลวเหมือนกัน ในทางตรงกันข้ามครับ ถ้าลำไส้เคลื่อนตัวช้าไป
00:01:42 → 00:01:48 ในระหว่างทางร่างกายมีการดูดน้ำกลับ เรื่อยๆ แบบนี้อุจจาระก็จะแข็งมากกว่าปกติ
00:01:48 → 00:01:54 อันนี้พอเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ คราวนี้เรา มาดูรูปร่างลักษณะกัน ผมจะแบ่งลักษณะตาม
00:01:54 → 00:01:59 Bristol stool scale ซึ่งแบ่งได้เป็น 7 แบบนะครับ เรามาดูแบบปกติกันก่อนคือแบบที่ 3
00:01:59 → 00:02:05 กับแบบที่ 4 แบบที่ 4 ลักษณะ เหมือนไส้กรอกเรียบๆ คือเป็นแบบที่ดีเลย
00:02:05 → 00:02:11 คนที่มีลักษณะแบบนี้แสดงว่ามีการทาน อาหารที่สมดุล คือมีการทานผักผลไม้พวกถั่ว
00:02:11 → 00:02:17 แล้วก็อาหารที่มีกากใยที่เหมาะสม แบบนี้ เป็นแบบที่จัดว่าคุณภาพดีครับ แสดงว่าระบบ
00:02:17 → 00:02:22 ย่อยอาหารระบบขับถ่ายยังดีอยู่ อาจจะบอก ว่าเป็นคนที่ดื่มน้ำได้โอเคไม่ดื่มน้ำ
00:02:22 → 00:02:28 น้อยไป ต่อมาคือแบบที่ 3 ครับ แบบที่ 3 จะคล้ายๆแบบที่ 4 คือจะเป็นลักษณะ
00:02:28 → 00:02:34 ของไส้กรอกแต่เป็นไส้กรอกที่ใหญ่กว่าและ ก็ผิวอาจจะไม่ค่อยเรียบ คือจะเห็น
00:02:34 → 00:02:40 เป็นลักษณะของรอยแตกๆบนผิว ประเภทนี้ จะเป็นประเภทที่ดีคล้ายๆกับแบบที่ 4
00:02:40 → 00:02:45 แต่ถ้าเทียบกับแบบที่ 4 แล้วล่ะก็ แบบที่ 3 จะเป็นแบบที่อาจจะมีการทานอาหารที่
00:02:45 → 00:02:51 มีกากใยน้อยกว่า เช่นไม่ค่อยทานผักผลไม้ คนที่มีอุจจาระประเภทนี้อาจจะทานอาหารที่
00:02:51 → 00:02:56 มีกากใยมากขึ้นนิดหน่อยนะครับ แต่ถ้าใครที่ ดื่มน้ำน้อยเน้นอาหารที่มีเนื้อสัตว์หรือ
00:02:56 → 00:03:02 ไขมัน แต่ไม่เน้นอาหารที่มีกากใยก็ อาจจะเป็นแบบ 1 กับ 2 คือลักษณะเป็นก้อนแข็ง
00:03:02 → 00:03:08 มากขึ้น ถ่ายยาก ถ้าเป็นแบบ 1 นี้ก็ จะแข็งมากขึ้น ถ่ายออกมาเป็นเม็ดเล็กๆ
00:03:08 → 00:03:15 แบบนี้แหละครับ ซึ่งแบบนี้ก็อาจจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เกิดโรคได้นะครับ เช่นโรคริดสีดวงทวาร
00:03:15 → 00:03:20 หรือว่าหนักกว่านั้นหน่อยก็อาจ จะเกิดแผลที่ทวาร หรืออาจจะทำให้เกิดภาวะ
00:03:20 → 00:03:25 ลำไส้อุดตันได้ ลักษณะอุจจาระที่แข็งแบบ ที่ 1 กับ 2 นอกจากเรื่องไลฟ์สไตล์แล้ว
00:03:25 → 00:03:32 ก็มีโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดได้ ยกตัว อย่างเช่นโรคมะเร็งลำไส้ ภาวะไธรอยด์ต่ำ
00:03:32 → 00:03:39 หรือการใช้ยาบางอย่าง เช่นยาแก้ปวดบางตัว ยาแก้ปวดที่เข้าฝิ่น ยาคลายเครียด หรือว่ายา
00:03:39 → 00:03:43 ลดความดันบางตัวก็อาจจะทำให้อุจจาระแข็ง ได้ เพราะงั้นถ้าใครที่เป็นแบบนี้คือแบบ
00:03:43 → 00:03:49 ที่ 1 และ 2 ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองดู นะครับ โดยการทานอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น
00:03:49 → 00:03:56 ทานผักผลไม้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และลองจัดเวลาขับถ่ายเป็นช่วงเวลาเดิมๆ
00:03:56 → 00:04:01 การขับถ่ายเป็นประจำในช่วงเวลาเดิมๆเพื่อ ให้ร่างกายเราคุ้นชินกับการขับถ่าย
00:04:01 → 00:04:06 ก็จะไม่เกิดอุจจาระแข็งแบบนี้ครับ หรือถ้า บางคนจำเป็นก็คงอาจจะต้องใช้ยาช่วยล่ะครับ
00:04:06 → 00:04:11 คราวนี้เรามาดูกลุ่มที่เป็นเหลวๆกัน บ้างนะครับ แบบที่ 5 แบบนี้จะเป็น
00:04:11 → 00:04:18 ลักษณะแบบไส้กรอกที่ถูกตัดออกมาเป็นท่อนเล็กๆ มีความลื่น ขอบยังชัดเจนอยู่ แบบนี้
00:04:18 → 00:04:23 เจอในคนที่ไม่ค่อยทานเส้นใยหรือคน ที่ทานเส้นใยสูงก็เจอแบบนี้ได้นะครับ
00:04:23 → 00:04:28 สำหรับคนที่ทานอาหารเส้นใยสูงแต่ว่ามี ลักษณะเป็นแบบนี้ ก็อาจจะเกิดจากการ
00:04:28 → 00:04:34 รับประทานเส้นใยประเภทที่ละลายน้ำ เช่นพวกเบต้ากลูแคนในข้าวโอ๊ต เบต้ากลูแคนพวกนี้จะมีความลื่น
00:04:34 → 00:04:40 แล้วก็มีความนิ่ม ทำให้อุจจาระ นิ่มลง หรือแม้แต่พวกเส้นใยที่ไม่ละลายน้ำ
00:04:40 → 00:04:46 พวกนี้ก็ทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนตัวเร็ว ขึ้น ก็อาจจะทำให้อุจจาระไม่ทันแข็งก็
00:04:46 → 00:04:51 ออกมานิ่มๆแบบนี้ก็ได้ อีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกกรดไขมันสายสั้นที่อยู่ในอาหารเส้นใย
00:04:51 → 00:04:56 เช่นข้าวโอ๊ต ก็มีส่วนที่จะทำให้ อุจจาระนิ่มแล้วก็เหลวแบบนี้ได้ ก่อนไปต่อ
00:04:56 → 00:05:01 ผมฝากช่วยกดถูกใจ Subscribe แล้วถ้าเห็น ว่าคลิปนี้มีประโยชน์กับคนอื่น รบกวน
00:05:01 → 00:05:05 ช่วยแชร์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ขอย้อนนิดนึงนะครับคิ ดว่าอาหารที่มีเส้นใยสูง
00:05:05 → 00:05:10 ทำให้ท้องผูกได้ไหม ท้องผูกได้นะครับ อาหารที่มีเส้นใยสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทาน
00:05:10 → 00:05:16 อาหารแบบมีเส้นใยเยอะมากๆ อาจจะทำให้เกิดแบบ 1, 2 ได้เพราะพวกเส้นใยบางอย่าง
00:05:16 → 00:05:21 จะดุดน้ำเข้าตัวเอง ทำให้ตัวเองพองตัว ทำ ให้อุจจาระแข็งขึ้นได้ เพราะฉะนั้นถ้าทาน
00:05:21 → 00:05:26 อาหารที่มีเส้นใยมากๆ อาจจะต้องดื่ม น้ำตามเยอะๆด้วยนะครับ ต่อมาก็คือถ้า
00:05:26 → 00:05:31 นิ่มกว่านี้เนี่ยก็จะเป็นแบบที่ 6 ซึ่งอาจจะ เรียกว่าแทบไม่เป็นก้อนละ คือลักษณะเป็น
00:05:31 → 00:05:37 เหลวๆฟูๆ ขอบไม่เรียบ ลักษณะแบบนี้ เกิดจากการทานอาหารที่มีไขมันสูง หรือว่า
00:05:37 → 00:05:42 มีเครื่องเทศหนักๆ หรือว่าอะไรที่ทำให้ เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารลำไส้
00:05:42 → 00:05:47 มากเกินไป ถ้าเจอแบบนี้ ต้องดูแล้วครับว่าอะไรที่เป็นสาเหตุ แล้วก็อาจจะลองลดอาหารดู
00:05:47 → 00:05:53 หรือลดอาหารที่มีไขมันสูงดู และทานอาหาร ที่มีเส้นใยมากขึ้น และแบบสุดท้ายคือ
00:05:53 → 00:05:58 แบบที่ 7 แบบนี้คือเป็นน้ำเหลวๆไม่มีชิ้นไม่ มีก้อนอะไรทั้งสิ้น แบบนี้อาจจะเกิดจากคน
00:05:58 → 00:06:05 ทานอาหารที่มีไขมันสูงมาก หรือคนที่มีภาวะขาดแลคเตสก็ได้ สำหรับแบบที่ 5,6,7
00:06:05 → 00:06:10 นอกจากเกิดจากอาหารที่เล่าให้ฟังแล้วนะครับ อาจจะเกิดจากโรคบางอย่างได้เช่น มะเร็งลำไส้
00:06:10 → 00:06:16 ลำไส้อักเสบ หรือภาวะลำไส้อักเสบติดเชื้อ ภาวะลำไส้แปรปรวน หรืออาจจะเกิดจากยาเช่น
00:06:16 → 00:06:22 การรับประทานยาลดกรดบางอย่าง หรือการใช้ยาปฏิชีวนะบางตัวมากเกินไปจนกระทั่งทำให้
00:06:22 → 00:06:28 เกิดลำไส้อักเสบติดเชื้อขึ้นมา บางคนอาจจะ งงว่ามะเร็งลำไส้ทำให้ทั้งท้องผูก
00:06:28 → 00:06:33 แล้วก็ท้องเสียได้เหรอ ก็ใช่ครับ มะเร็งลำ ไส้สามารถเป็นได้ทั้งแบบอุจจาระแข็ง
00:06:33 → 00:06:38 หรือเหลวได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและก็ลักษณะของมะเร็งด้วย ซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะ
00:06:38 → 00:06:42 ค่อยเล่าให้ฟังอีกทีนะครับ ต่อมาเรามาดู เรื่องสีกันครับ ว่าสีแต่ละแบบบอก
00:06:42 → 00:06:49 อะไรเราได้บ้าง ก่อนไปที่สีแปลกๆนะครับเราควรรู้ก่อนว่าสีปกตินี้คืออะไร อันนี้
00:06:49 → 00:06:55 ทุกคนตอบได้ใช่มั้ยครับสีปกติก็คือสีน้ำตาล สีน้ำตาลเป็นสีของสารที่ชื่อว่า stercobilin
00:06:55 → 00:07:00 เป็นสารที่ถูกเปลี่ยนมาจากน้ำดีอีกทีนึง ผมจะไม่ขออธิบายนะครับว่าน้ำดีเนี่ยมัน
00:07:00 → 00:07:05 เปลี่ยนมาเป็น stercobilin ได้ยังไง มันจะ วิชาการมากเกินไปแล้วอาจจะงง เอาเป็นว่า
00:07:05 → 00:07:10 สีน้ำตาลของอุจจาระเป็นสีของ stercobilin ที่เปลี่ยนมาจากน้ำดีอีกทีนึง เพราะงั้น
00:07:10 → 00:07:16 ถ้ามีภาวะบางอย่างที่ทำให้น้ำดีไม่ออกมา เช่นมีการอุดตันท่อน้ำดี เช่นมีนิ้วในถุงน้ำดี
00:07:16 → 00:07:22 หรือว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน แบบนี้ก็ จะทำให้ไม่มีสีน้ำตาลของ stercobilin
00:07:22 → 00:07:28 อุจจาระก็จะมีสีขาวซีดๆ ในทางกลับกันถ้า น้ำดีถูกส่งออกมาเร็วเกินไปไม่ทันจะ
00:07:28 → 00:07:34 เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เช่นในภาวะลำไส้แปร ปวน หรือว่าการติดเชื้อปรสิตในลำไส้บางอย่าง
00:07:34 → 00:07:39 เราก็จะเห็นอุจจาระอาจจะมีสี เขียวหรือว่าสีเหลืองเขียวๆได้ สำหรับคน
00:07:39 → 00:07:45 ที่ทานอาหารที่มีไขมันสูงมากๆอ่ะนะครับ หรือมีภาวะตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
00:07:45 → 00:07:50 คนพวกนี้ก็อาจจะถ่ายออกมาเป็นสีเหลือง ส่วนสีแดงเดาได้ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ
00:07:50 → 00:07:57 นอกจากเกิดจากอาหาร เช่นทานมะเขือเทศ เยอะๆหรือว่าทานพวก beets แล้ว สีแดงนี้ก็
00:07:57 → 00:08:03 อาจจะเกิดจากเลือด ซึ่งจะเจอในภาวะริดสีดวง มีแผลที่ทวารหนัก มะเร็งลำไส้ หรือว่า
00:08:03 → 00:08:08 ภาวะลำไส้อักเสบเป็นต้น ส่วนสีดำก็ มักจะเกิดจากเลือดออกในทางเดินอาหาร
00:08:08 → 00:08:14 กระเพาะอาหาร หรือว่ามะเร็งลำไส้ที่อยู่ ด้านขวาก็ได้ หรือว่ายาธาตุเหล็กก็อาจจะทำ
00:08:14 → 00:08:20 ให้มีสีดำเขียวๆได้ ส่วนสีฟ้าหรือสี น้ำเงินอาจจะเกิดจากการทานพวก
00:08:20 → 00:08:26 บลูเบอร์รี่ หรือการใช้สารเมทิลีนบลูในการ รักษาหรือการวินิจฉัยโรคบางอย่าง ไหนๆเรา
00:08:26 → 00:08:31 สังเกตเรื่องอุจจาระกันแล้วนะครับ ผมขอแถมนิดนึงแล้วกันเรื่องลอยกับจม แบบไหนคือแบบ
00:08:31 → 00:08:37 ที่ดีกว่ากัน คือแค่ลอยกับจมนะครับ อาจจะ บอกยากเลยว่าแบบไหนคือแบบที่ดี แบบไหนคือ
00:08:37 → 00:08:43 แบบที่ไม่ดี คนที่ทานเนื้อมากๆอาจจะ จมหรือลอยก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะจม ส่วนคนที่
00:08:43 → 00:08:49 ทานอาหารที่มีไฟเบอร์มากๆก็เช่นกัน อาจจะลอยหรือว่าจะจมก็ได้ บางคนสงสัยใช่ไหมครับ
00:08:49 → 00:08:54 ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมทานไฟเบอร์แล้วเนี่ย ยังจม ตามสามัญสำนึกแล้วเนี่ยมันน่าจะลอย
00:08:54 → 00:08:59 หรือเปล่า ผมขออธิบายแบบนี้ครับ สำหรับ ไฟเบอร์ที่ละลายน้ำ มันมักจะจมเพราะ
00:08:59 → 00:09:04 ว่าไฟเบอร์ที่ละลายน้ำมักจะรวมเอา อาหารเส้นใยทำให้เกิดเป็นก้อน มีความเหนียว
00:09:04 → 00:09:10 มีความแน่น มีความหนาแน่นสูงกว่า ก็ เลยจมน้ำ ส่วนไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำเนี่ย
00:09:10 → 00:09:15 สามารถเป็นได้ทั้งลอยและจม ขึ้นอยู่กับ ความหนาแน่นของไฟเบอร์แล้วก็แก๊สของ
00:09:15 → 00:09:20 แบคทีเรียที่ผลิตขึ้นมา สรุปก็คือทานอาหาร ที่มีไฟเบอร์เนี่ยจะจมหรือว่าจะลอยก็ได้ครับ
00:09:20 → 00:09:27 ผมขอสรุปเรื่องลอยกับจมอีกทีนะครับ ลอยเนี่ยอาจจะเกิดจากการที่มีความหนาแน่น
00:09:27 → 00:09:33 เพิ่มขึ้น มีไขมันหรือว่ามีแก๊สเกิดขึ้น ก็ ได้แก่การทานอาหารที่มีไฟเบอร์มาก การใช้
00:09:33 → 00:09:39 ยาดักไขมันหรือว่ายาถ่าย การทานนมในคนที่มีภาวะขาดเอนไซม์แลคเตส หรือโรค
00:09:39 → 00:09:45 การติดเชื้อในลำไส้ หรือภาวะตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง ส่วนจมเนี่ยก็อาจจะเจอในคนที่มีภาวะ
00:09:45 → 00:09:51 ท้องผูก หรือใช้ยาบางอย่างที่ทำให้ลำไส้ เคลื่อนตัวช้า เช่นยาแก้ปวดบางตัวหรือว่า
00:09:51 → 00:09:56 ยาคลายเครียด หรือว่าการทานอาหารที่มีไฟเบอร์น้อย แต่อันนี้ก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ
00:09:56 → 00:10:02 เพราะว่าทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงมากๆเนี่ยบางทีก็จมก็ได้ ขอจบคลิปนี้นะครับ สำหรับคลิปนี้
00:10:02 → 00:10:07 เราก็รู้ว่าอุจจาระแบบไหนเนี่ย เป็นแบบที่ปกติแ ละแต่ละแบบเกิดจาก
00:10:07 → 00:10:13 การรับประทาน เกิดจากโรค หรือเกิดจากยาบางอย่าง อะไรที่เป็นสาเหตุ ถ้ารู้แล้วก็
00:10:13 → 00:10:18 อย่าลืมนะครับ ก่อนราดห้องน้ำหรือก่อนกดชักโคก อาจจะลองสังเกตดูนิดนึง บางทีการ
00:10:18 → 00:10:23 สังเกตทุกวันอาจทำให้เรารู้โรคบาง อย่างได้เร็ว และพอรู้โรคบางอย่างได้เร็ว
00:10:23 → 00:10:29 ก็ทำให้เรารักษาหรือแก้ไขสิ่งที่ผิด ปกติได้ทันท่วงทีครับ ขอบคุณที่ติดตาม
00:10:29 → 00:10:35 นะครับ ฝากกดไลค์ และถ้ามีคำถามหรือว่ามี ความเห็นเนี่ยเม้นต์มาได้เลยนะครับ และถ้า
00:10:35 → 00:10:39 เห็นว่าคลิปนี้มีประโยชน์ รบกวนฝาก แชร์ด้วยนะครับ ถ้าใครมีเรื่องที่อยากให้
00:10:39 → 00:10:46 ผมเล่าให้ฟังก็ลองบอกมาได้เลย พบกันใหม่ คลิปหน้านะครับ สวัสดีครับ
00:10:46 → 00:10:49 [เพลง]