00:00:00 → 00:00:01 อย่างเสื้อนแลสมองแตกแตกไปแล้วเนี่ยถ้า
00:00:01 → 00:00:04 ก้อนเท่ากปั้นแล้วเนี่ยผ่าให้รอดได้นะแต่
00:00:04 → 00:00:08 ผมผ่าแบบนี้มาเนี่ยเหมือนผลิตคนพิการอ่ะ
00:00:08 → 00:00:11 สถิติคนเป็นเี่อายุน้อยสุดประมาณเท่าไหร่
00:00:11 → 00:00:15 โอน้อยสุดนี่ 18 ก็เป็นยังมีเลยครับะเวลา
00:00:15 → 00:00:17 ฉีดยาก็จะฉีดเหมือนกับฉีดข้าวน้ำเกลือยา
00:00:17 → 00:00:20 มันก็จะไปละลายเลือดทางร่างกายเลยโอกาส
00:00:20 → 00:00:25 ได้ผล 35-50 per เสนเลสมองตันไปโรง
00:00:25 → 00:00:27 พยาบาลทันน่ะโอกาสแค่โยนหัวโยนก้อยเองนะ
00:00:27 → 00:00:31 คุณจะพิการมนายแพทย์ประชายาประสิทธิ์หรือ
00:00:31 → 00:00:33 ที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อหมอประชาผ่า
00:00:33 → 00:00:36 ตัดสมองแพทย์เฉพาะทางด้านศัยกรรมประสาท
00:00:36 → 00:00:39 ที่แบ่งปันความรู้เรื่องสตกผ่านโซเชียล
00:00:39 → 00:00:42 หวังให้ทุกคนใช้ชีวิตไร้
00:00:42 → 00:00:45 อัมพาตอาการเวียนศีษะและทรงตัวไม่ได้
00:00:45 → 00:00:48 เนี่ยอันเนี้ยเป็นอาการที่วินิจฉัยสตกได้
00:00:48 → 00:00:50 ผิดพลาดมากที่สุดน้ำในหูไม่เท่ากันมั้ง
00:00:50 → 00:00:53 จับฉีดยานอนพักที่ไหนได้แข็งล่ะเพราะว่า
00:00:53 → 00:00:56 เสเริ่มตันโอ้พริกในการวินิจฉัยก็คือว่า
00:00:56 → 00:00:59 ให้เอาคาคนไข้นะก้มมาชิดอกถ้าเมื่อไหร่
00:00:59 → 00:01:02 ที่ก้มแบบนี้ไม่ได้แล้วปวดหัวที่สุดใน
00:01:02 → 00:01:05 ชีวิตให้ระวังเส้นเลดโป่งพองในสมองแตก
00:01:05 → 00:01:08 เวลาเบ่งเวลาไอเวลาจามแรกนั้นในสมองเพิ่ม
00:01:08 → 00:01:11 ขึ้น 10 เท่า 10 เท่าเลยเหรอใช่แรงนันใน
00:01:11 → 00:01:15 ปอดมันสูงขึ้นมากจะดันขึ้นไปทางสมองนะฮะ
00:01:15 → 00:01:18 และแรงนันที่สูงจะไปทำลายเส้นเลือดเเรียก
00:01:18 → 00:01:21 ว่าผนังมันระเบิดอ่ะจริงึเปรอสตกเป็นโรค
00:01:21 → 00:01:24 ที่ป้องกันได้ขยับตอนนี้เรียกออกกำลังกาย
00:01:24 → 00:01:34 ขยับตอนใกล้ตายเรียกกายภาพบำบัด
00:01:34 → 00:01:38 ตัทวันนี้เราคุยเรื่องของสกที่เขาบอกว่า
00:01:38 → 00:01:41 โอ้เป็นสตกเป็นโรคหลอดเลือดสมองซึ่งบอก
00:01:42 → 00:01:46 เลยว่าเป็นสถิติที่น่าสนใจนะคโรคนี้คนไทย
00:01:46 → 00:01:49 พิการอันดับ 1 ตายเป็นอันดับ 2 รองจาก
00:01:49 → 00:01:52 มะเร็งเขาบอกว่าไม่ใช่แค่ผู้สูงวัยนะคะ
00:01:52 → 00:01:55 ที่จะเป็นเดี๋ยวนี้คนอายุ 30 ต้นๆเนี่ยก็
00:01:55 → 00:01:58 เป็นอยู่ดีๆก็ไปง่ายๆเฉยเลยหรือไม่ก็
00:01:58 → 00:02:01 พิการไปการป้องกันเนี่ยเราจะเสียเงินแค่
00:02:01 → 00:02:05 หลักพันแต่ดีกว่าไปรักษาที่เสียเป็นหลัก
00:02:05 → 00:02:07 แสนหรือว่าหลักล้านวันนี้เราคุยกันถึง
00:02:07 → 00:02:10 เรื่องนี้แต่ว่าก่อนจะไปชมนะคะพี่ตั๊กก็
00:02:10 → 00:02:13 ฝากกดไลค์กดแชร์กดติดตามทางช่องไ doot
00:02:13 → 00:02:16 ของเราซึ่งตอนนี้มีผู้ติดตาม 100,000
00:02:16 → 00:02:18 แล้วนะคะส่วนใครที่ยังไม่ได้กดติดตามแล้ว
00:02:18 → 00:02:21 ก็ฝากกดติดตามด้วยก็แล้วกันนะคะเพื่อที่
00:02:21 → 00:02:24 จะเป็นกำลังใจให้พี่ตั๊กแล้วก็ทีมงานทุก
00:02:24 → 00:02:27 คนจะได้มีเนื้อหาสาระดีๆมาฝากกับทุกท่าน
00:02:27 → 00:02:31 กันนะคะอยากจะเห็นอะไรอยากจะชมอะไรก็บอก
00:02:31 → 00:02:34 มากันได้เลยนะคะเดี๋ยวเราจัดให้ค่ะวันนี้
00:02:34 → 00:02:38 ถามเลยดีกว่าตกลงเค้าเรียกสตกหรือสกคะหมอ
00:02:38 → 00:02:43 สตกครับอโรคหลอดเลือดสมองครับสตกก็คือโรค
00:02:43 → 00:02:47 หลอดเลือดสมองนะฮตอนนี้คนทั่วโลกเป็นเยอะ
00:02:47 → 00:02:51 มากขนาดไหนสถิติค่ะทั่วโลกตาย 6.5 ล้านคน
00:02:51 → 00:02:54 ต่อปีจากสโตรกโรกเดียวเนะโรคเส้เลิศสมอง
00:02:54 → 00:02:58 แตกกับเส้เลิศสมองตันค่ะคนไทยตายวันละ 100
00:02:58 → 00:03:01 คนค่ะจากโลกนี้มันมีอาการบอกอะไรล่วงหน้า
00:03:01 → 00:03:04 มั้ยว่าอยู่ดีๆมันจะไปบางทีรู้จักกันอ้า
00:03:04 → 00:03:07 เมื่อวานยังคุยกันอยู่ดีๆไปแล้วใช่คนเรา
00:03:07 → 00:03:11 จะชอบคำว่าอยู่ดีๆแต่เส้นเลือดเราอ่ะมัน
00:03:11 → 00:03:14 อยู่ไม่ดีครับอออ่าปัญหาคือมันไม่ค่อยมี
00:03:14 → 00:03:17 อาการคนที่มีอาการเนี่ยถือว่าโชคดีเช่นมี
00:03:18 → 00:03:20 อาการเล็กๆน้อยเช่นเวียนหัวแล้วไปเช็คปวด
00:03:20 → 00:03:22 หัวนิดหน่อยแล้วไปเช็คเจอว่าเส้นเลือดตีบ
00:03:22 → 00:03:25 อันเนี้ยถือว่าโชคดีแต่อาการจริงๆมันนั้น
00:03:25 → 00:03:28 เนี่ยคือมันเกิดจากสมองที่ขาดเลือดไปละ
00:03:28 → 00:03:31 เส้นเลือดแตกไปละหรือเส้นเลือดมันตีบมากๆ
00:03:31 → 00:03:33 แล้วหรือตันละอาการก็ขึ้นอยู่กับว่ามัน
00:03:33 → 00:03:36 สมองของคนเรามันทำที่แตกต่างกันไปใช่มย
00:03:36 → 00:03:38 ค่ะอ่ามันก็ขึ้นอยู่ว่ามันขาดเลือดตรงไหน
00:03:38 → 00:03:41 อ่าอันดับ 1 เลยของอาการเนี่ยก็คืออ่อน
00:03:41 → 00:03:46 แรงซีกใดซีกหนึ่งทันทีทันใดอันเนี้ยคือ
00:03:46 → 00:03:49 อาการที่เจอบ่อยที่สุด 80% ของสตกมาด้วย
00:03:49 → 00:03:52 อ่อนแรงทันทีทันใดแสดงว่าเฮ้ยอยู่ดีมัน
00:03:52 → 00:03:54 เอ้ยทำไมเป็นอย่างงี้เอเห็นมั้ยพี่ตั๊ก
00:03:54 → 00:03:57 พูดคำว่าอยู่ดีๆคำว่าอยู่ดีๆคือทันดีทัน
00:03:57 → 00:04:00 ของชาวบ้านค่ะคำว่าเฉียบพันของหมอคือคำ
00:04:00 → 00:04:04 ว่าอยู่ดีๆของชาวบ้านนะฮะเช่นคนไข้จะบอก
00:04:04 → 00:04:08 ว่าเอ้ยดูทีวีกลดูทีวีอยู่ดีๆทานข้าวอยู่
00:04:08 → 00:04:13 ดีๆอ่าก็อ่อนแรงครึ่งซีกหรือชาครึ่งซีก
00:04:13 → 00:04:16 อันนี้คืออาการแรกที่เจอบ่อยที่สุดค่ะนี่
00:04:16 → 00:04:18 อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาณบอกเตือนเป็นอาการ
00:04:18 → 00:04:21 เลยครับโอแล้วมันมีสัญญาณอะไรที่จะบอกให้
00:04:21 → 00:04:24 เราพอรับรหคือสัญญาณนี่คืออาการเลยครับ
00:04:24 → 00:04:26 มันไม่มีสัญญามันเป็นอาการเลยใช่มันเป็น
00:04:26 → 00:04:30 อาการเลยก็ถึงบอกไงว่าอาการต่าต่างๆเหล่า
00:04:30 → 00:04:32 นี้เนี่ยนะมันขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสมอง
00:04:32 → 00:04:34 นะอันนี้พูดถึงตำแหน่งแรกก่อนนะที่เจอ
00:04:34 → 00:04:37 บ่อยสุดอันที่ 2 นะครับอาการทางการพูด
00:04:37 → 00:04:40 อยู่ดีๆก็พูดไม่รู้เรื่องอยู่ดีๆก็พูดติด
00:04:41 → 00:04:44 ๆขัดๆคหรือปากเบี้ยวพูดไม่ชัดอ่าอันนี้
00:04:44 → 00:04:47 คืออาการของสตกอันที่ 2 ที่เจอได้บ่อยลอง
00:04:47 → 00:04:50 ลงมาให้สังเกตคนใกล้ตัวต้องสังเกตดีๆใช่
00:04:50 → 00:04:52 ใช่สังเกตดีๆว่าเฮ้ยทานข้าวกันอยู่ดีๆ
00:04:52 → 00:04:55 เฮ้ยทำไมเธอทำไมพูดไม่รู้เรื่องไปแล้วอ่ะ
00:04:55 → 00:04:58 คนที่เป็นสตกเนี่ยนะฮะความดันมันจะขึ้นไป
00:04:58 → 00:05:03 ปี๊ดขนาดไหนอส่วนใหญ่เกิน 160 อูยยให้
00:05:03 → 00:05:07 น้อยจังเนี่ยเคยโกธๆยัง 170 เลยงั้นถือ
00:05:07 → 00:05:10 ว่าเสียงอาฮะอ้าแล้วทำไงมันก็ยังไม่
00:05:10 → 00:05:12 เบี้ยวนะก็ถือว่าโชคดีเพราะเส้นเลือดพี่
00:05:12 → 00:05:15 อาจจะแข็งแรงเพราะพี่ออกกำลังกายมันก็เลย
00:05:15 → 00:05:17 ทนได้มันก็เลยไม่แตกคือคือเราก็ประมาทไม่
00:05:17 → 00:05:20 ได้ใช่เพราะบางคน 100 150 กว่านี่ก็แตก
00:05:20 → 00:05:23 ก็มีจริงึเปล่าคะไม่ต้องขึ้นถึง 200
00:05:23 → 00:05:25 เหรอะขึ้นพอพูดถึงเรื่องความดันอันนี้ไป
00:05:25 → 00:05:28 เรื่องความดันก่อนเค้าให้ประมาณเท่าไหร่
00:05:28 → 00:05:32 อ๋อเท่าไหร่ถึงจะปกติต้องต่ำกว่า 135 ตัว
00:05:32 → 00:05:35 บนนะตัวล่างต้องต่ำกว่า 95 อยเหรอะได้ยิน
00:05:35 → 00:05:38 ว่าปัจจุบันนี้ให้ถึง 140 ให้ถึง 140 ใน
00:05:38 → 00:05:40 ผู้สูงอายุบางคนเนี่ยหลอดเลิศเ้าเริ่ม
00:05:40 → 00:05:43 แข่งตัวแต่ถ้าจะคนที่เป็นความดันแล้วถ้า
00:05:43 → 00:05:47 จะคุมให้ปกติเนี่ยนะครับตัวบนเนี่ยก็ไม่
00:05:47 → 00:05:51 ควรจะเกิน 135 วัดตอนไหนอ่ะวัดตอนที่เรา
00:05:51 → 00:05:54 พักเช้าเช้ากลางวันเย็นก่อนนอนแล้วหาค่า
00:05:54 → 00:05:57 เฉลี่ยอันนี้ดีที่สุดว่าเวลาโมโหวัดได้
00:05:57 → 00:06:00 มั้ยฮะเวลาโมโหก็พักก่อนครับกำหนดลมหายใจ
00:06:00 → 00:06:03 รู้สึกจะโมโหบ่อยแล้วทำไมเวลาไปโรงพยาบาล
00:06:03 → 00:06:05 มันถึงได้ขึ้นปี๊ดอ่ะอันนั้นเขาเรียกว่าไ
00:06:05 → 00:06:08 coe hypertension ก็คือว่ามันมันแปลก
00:06:08 → 00:06:12 ที่มันเดินทางมันตื่นเต้นก็เลยขึ้นเป็น
00:06:12 → 00:06:14 เรื่องปกติปกติแล้วหมอจะไม่เชื่อความดัน
00:06:14 → 00:06:17 ที่โรงพยาบาลแล้วหมอจะต้องถามว่าที่บ้าน
00:06:17 → 00:06:19 เท่าไหร่แต่จะไม่ใช้ความดันที่โรงพยาบาล
00:06:19 → 00:06:22 ในการตัดสินใจที่จะปรับยาอันนี้ถามเพื่อ
00:06:22 → 00:06:24 คนอื่นเพราะว่าความดันนี่ถือว่าเป็นตัว
00:06:24 → 00:06:28 บ่งชี้ที่จะทำให้คุณสามารถเป็นสอาเป็นสตก
00:06:28 → 00:06:31 ได้นะคะอาการอันแรกนะอ่อนแรงไปละอันที่ 2
00:06:31 → 00:06:34 เรื่องของการพูดอันที่ 3 เรื่องของการทรง
00:06:34 → 00:06:37 ตัวหรือบาานก่อนอาการเวียนศีรษะและทรงตัว
00:06:38 → 00:06:40 ไม่ได้เนี่ยอันเนี้ยเป็นอาการที่วินิจฉัย
00:06:40 → 00:06:43 สตกได้ผิดพลาดมากที่สุดจากประสบการณ์ของ
00:06:43 → 00:06:46 ผมเนี่ยคเพราะว่าอาการเวียนหัวเนี่ยน้ำใน
00:06:46 → 00:06:49 หูไม่เท่ากันมั้งจับฉีดยานอนพักอ่ะที่ไหน
00:06:49 → 00:06:53 ได้แข็งล่ะเพราะว่าอะไรเพราะว่าเส้นเลือด
00:06:53 → 00:06:56 มันตันเส้นเลิที่ท้ายทอยเนี่ยจะทำหน้าที่
00:06:56 → 00:07:00 นะฮะเลี้ยงสมองตำแหน่งที่เรียกสิรีพวกนี้
00:07:00 → 00:07:03 ใช้ในการทรงตัวซึ่งมันอยู่ติดกับก้านสมอง
00:07:03 → 00:07:05 จะมีเส้นเลือด 2 เส้นนะครับที่อยู่ท้าย
00:07:05 → 00:07:07 ทอยเนี่ยวิ่งขึ้นไปเลี้ยงอันนี้เนี่ยถ้า
00:07:07 → 00:07:09 มันขาดเลือดน้อยๆเนี่ยมันจะมาได้เวียนหัว
00:07:09 → 00:07:12 ก่อนอือ่ามันก็เลยกลายเป็นว่าอาการแรกที่
00:07:12 → 00:07:14 เวียนหัวแล้วทรงตัวไม่ได้เนี่ยอันเนี้ย
00:07:14 → 00:07:17 ต้องระวังซึ่งทริกในการวินิจฉัยเนี่ยที่
00:07:17 → 00:07:20 ผมสะสมประสบการณ์เนี่ยอันที่ 1 เลยนะมัน
00:07:20 → 00:07:23 จะต้องมีอาการร่วมเช่นมีภาพซ้อนเพราะว่า
00:07:23 → 00:07:25 ก้านสมองของคนเราเนี่ยมันควบคุมเกี่ยวกับ
00:07:25 → 00:07:28 ลูกกตาด้วยเพราะฉะนั้นคนที่ขาดเลือดสมอง
00:07:28 → 00:07:31 สิริบล่าขาดเลือดแล้วทรงตัวไม่ดีเนี่ยนะ
00:07:31 → 00:07:33 ครับเค้าเรียกว่าบาลานซ์ไม่ดีเนี่ยนะ
00:07:33 → 00:07:36 อาการร่วมอันที่ 1 เลยนะที่จะต้องจำก็คือ
00:07:36 → 00:07:42 ว่ามีภาพซ้อนค่ะชาใบหน้าอันที่ 2 ชามุม
00:07:42 → 00:07:46 ปากนะฮะอันที่ 3 มุมปากตกหรือปากเบี้ยว
00:07:46 → 00:07:49 ฮ่ะนะฮะอาการปากเบี้ยวเนี่ยต้องระวังว่า
00:07:49 → 00:07:52 มันจะไปคาบเกี่ยวกับเบลพาซี่อันนี้นเคย
00:07:52 → 00:07:54 ได้ยินโรคหน้าเบี้ยวนะออ่าโรคหน้าเบี้ยว
00:07:54 → 00:07:57 เนี่ยมันจะแตกต่างกับสตกโรคหน้าเบี้ยว
00:07:57 → 00:08:00 เป็นโรคของเส้นประสาทคู่ที่ 7 แต่สตก
00:08:00 → 00:08:03 เนี่ยเป็นโรคของเนื้อสมองที่ขาดเลือดแตก
00:08:03 → 00:08:06 ต่างกที่ว่าเบพาซี่จะยักคิ้วไม่ได้อ๋อถ้า
00:08:06 → 00:08:09 หน้าเบี้ยวแล้วยักคิวไม่ได้ถ้าหน้าเบี้ยว
00:08:09 → 00:08:12 แล้วยักคิวไม่ได้เป็นเบลพาซี่ไม่แต่แต่
00:08:12 → 00:08:14 หมอเวลามันมันเริ่มเบี้ยวก็ไปก่อนแล้ว
00:08:14 → 00:08:17 แหละอ่าใช่ก็ไปลงมาก่อนแล้วลเนไม่คือคือ
00:08:17 → 00:08:19 คือหน้าเบี้ยวอันอันนี้เป็นความรู้ของ
00:08:19 → 00:08:22 เจ้าหน้าที่หรือหรือบุคลากรทางการแพทย์
00:08:22 → 00:08:26 ด้วยนะว่าถ้ายักคิ้วได้คือสตกแต่ถ้ายัก
00:08:26 → 00:08:29 คิ้วไม่ได้เนี่ยอันนี้คือเบลพาซี่หน้า
00:08:29 → 00:08:32 เสียไปทั้งซีกอ่าเค้าเรียกว่าเบพาซี่แต่
00:08:32 → 00:08:36 ถ้าหน้าเสียแค่ใต้ตาลงมาค่ะเอ้ยมุมปากตก
00:08:36 → 00:08:38 แล้วเธอยักคิ้วซิถ้ายักคิวได้เนี่ย
00:08:38 → 00:08:41 อันเนี้ยสงสัยสตกนะอันเนี้ยอันตรายนะอ่า
00:08:41 → 00:08:44 แต่ถ้ายักคิวไม่ได้ปุ๊บอันเนี้ยเป็นเบล
00:08:44 → 00:08:46 พาซี่อันนี้เป็นหน้าเบี้ยวแบบกระจอกใช้
00:08:46 → 00:08:50 สเตรอยด์ก็หายละอ่าอ่ะอันนี้คืออาการที่ 3
00:08:50 → 00:08:53 ที่ร่วมกับอาการเวียนศีรษะนะและทรงตัวไม่
00:08:53 → 00:08:57 ได้อาการอันที่ 4 นะฮะก็คือหูดับเมื่อ
00:08:57 → 00:09:01 ไหร่นะฮะับเลยนะหมอพี่เนี่ยคือคือมันต้อง
00:09:01 → 00:09:04 ร่วมกับอาการทรงตัวไม่ได้อันนี้คืออาการ
00:09:04 → 00:09:07 ร่วมของเวียนหัวทันทีทันใดและทรงตัวไม่
00:09:07 → 00:09:10 ได้คือบาานนะครับถ้าเมื่อไหร่ที่มีหูดับ
00:09:10 → 00:09:12 ร่วมด้วยกับมีอาการแบบเนี้ยอันเนี้ยต้อง
00:09:12 → 00:09:14 ระวังเพราะมันใช้เส้นเลือดเส้นเดียวกัน
00:09:14 → 00:09:17 ที่ไปเลี้ยงกับเส้นประสาทหูนะครับอกันที่
00:09:17 → 00:09:21 5 ก็คือกลืนลำบากกลืนแล้วติดๆขัดๆแล้ว
00:09:21 → 00:09:25 กลืนแล้วสำลักค่ะอ่าอันที่ 6 ก็คือแลบ
00:09:25 → 00:09:29 ลิ้นได้ไม่ตรงเวลาบอกเอแลบลิ้นซิเธอรู้
00:09:29 → 00:09:32 สึกเวียนหัวมากเลยแล้วก็แลบลิ้นได้ไม่ตรง
00:09:32 → 00:09:35 เพราะว่า Center ของการแลบลิ้นน่ะมันอยู่
00:09:35 → 00:09:38 ที่ก้านสมองอ๋อพวกนี้จะเป็นอาการร่วมของ
00:09:38 → 00:09:42 ก้านสมองทั้งหมดที่แม้แต่บุคลากรทางการ
00:09:42 → 00:09:44 แพทย์เองเนี่ยอาการเวียนหัวเป็นอาการที่
00:09:44 → 00:09:47 วินิจฉัยได้ผิดพลาดบ่อยที่สุดค่ะของสตก
00:09:47 → 00:09:50 เพราะมันเป็นเส้นเลือดส่วนท้ายทอยนะครับ
00:09:50 → 00:09:53 อันนี้อาการ 3 อย่างแล้วนะของสตกอ่อนแรง
00:09:54 → 00:09:57 นะครับพูดไม่ชัดพูดไม่รู้เรื่องนะครับอัน
00:09:57 → 00:10:00 ที่ 3 ก็คือเรื่องของทรงตัวไม่ได้อันที่ 4
00:10:00 → 00:10:04 อาการทางตาตานี่เป็นสตกได้นะอนะฮะตาเนี่ย
00:10:04 → 00:10:07 ดับไปข้างนึงเลยอุ้ยอยู่ดีๆตาก็มืดไปข้าง
00:10:07 → 00:10:10 นึงเพราะว่าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงลูกกตา
00:10:10 → 00:10:12 เนี่ยมันต้องแทงทะลุกะโหลกเข้าไปก่อนเส้น
00:10:12 → 00:10:15 เลือดไปเลี้ยงสมองมีอยู่ 4 เส้นนะค่ะข้าง
00:10:15 → 00:10:17 หน้า 2 เส้นข้างหลัง 2 เส้นข้างหน้า 2
00:10:17 → 00:10:19 เส้นมันต้องแทงทะลุกะโหลกเข้าไปก่อนแล้ว
00:10:19 → 00:10:21 ก็ให้แขนงมาเลี้ยงลุกตาเพราะฉะนั้นถ้า
00:10:21 → 00:10:23 เส้นเลือดในสมองมีปัญหาเส้นเลือดที่ไป
00:10:23 → 00:10:26 เลี้ยงลุกตาก็มีปัญหาไปด้วยก็มาด้วยตาดับ
00:10:26 → 00:10:29 ไปข้างนึงคำว่าตาดับก็คือมองไม่เห็นทันที
00:10:29 → 00:10:33 ทันใด่ะนะฮะอันเนี้ยห้ามไปรอที่หมอตาต้อง
00:10:33 → 00:10:35 ไปที่ห้องฉุกเฉินอาการทางตาอันที่ 2 ก็
00:10:35 → 00:10:38 คือว่าสมองส่วนท้ายทอยเรียกว่า oit โหลด
00:10:38 → 00:10:41 เี่มันใช้แปรภาพค่ะเวลามันแปรภาพเนี่ย
00:10:41 → 00:10:44 สมอง 2 ข้างจะแปรภาพในลุกตาเนี่ยข้างนึง
00:10:44 → 00:10:46 เป็น vis fiel ก็คือว่าเป็นพื้นที่ทั้ง
00:10:46 → 00:10:51 หมด 180 องศาข้างเนี้ยสมองข้างขวาก็จะแปร
00:10:51 → 00:10:55 ภาพซีกซ้ายสมองข้างซ้ายก็จะแภาพซี่ขวาของ
00:10:55 → 00:10:58 ตาทั้ง 2 ข้างค่ะนะเวลาเราปิดตาข้างนึงนะ
00:10:58 → 00:11:03 ครับถ้ามีอ่าเลือดออกที่สมองข้างขวาภาพ
00:11:03 → 00:11:05 Visual fiel หรือว่าลานสายตาข้างซ้าย
00:11:05 → 00:11:08 มันก็จะหายไป 50% พอปิดตาอีกข้างก็หายไป
00:11:08 → 00:11:11 50% แต่เวลาเราลืมตาทั้ง 2 ข้างภาพมันจะ
00:11:11 → 00:11:15 overlap กันภาพมันจะหายไปแค่ 10 20% อื
00:11:15 → 00:11:17 อ่าคนไข้ก็จะมาด้วยหางตาข้างซ้ายเนี่ยมัน
00:11:17 → 00:11:20 มัวๆใชค่ะสมมุตินะฮะถ้าเป็นข้างขวาข้าง
00:11:20 → 00:11:23 ซ้ายก็จะมัวๆก็จะเดินชนนู่นชนนี่ข้างซ้าย
00:11:23 → 00:11:25 อย่างเดียวอ๋อหางตาข้างซ้ายก็จะมองไม่
00:11:25 → 00:11:29 ค่อยเห็นเวลาปิดตาปุ๊บอ้าภาพนี้มืดไปข้าง
00:11:29 → 00:11:31 นึงปิดตาปุ๊บมืดไปข้างนึงอันเนี้ยเขา
00:11:31 → 00:11:36 เรียกว่าลานสายตาหายจากสตกอืก็คือเป็นสตก
00:11:36 → 00:11:39 ชนิดหนึ่งก็คนไข้ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับ
00:11:39 → 00:11:43 การวินิจฉัยที่รวดเร็วเพราะไปรอตรวจโรคตา
00:11:43 → 00:11:45 ไปผิดที่งั้นแสดงว่าหมอกำลังจะบอกว่า
00:11:45 → 00:11:48 เหล่าอาการเหล่านี้ที่มันบอกมาบางคนเนี่ย
00:11:48 → 00:11:52 เยังไม่ถึงกับใช่แตกแล้วก็ตายไปแต่มันมี
00:11:52 → 00:11:55 อาการนำมาก่อนใช่อันนี้คืออาการอาจจะเป็น
00:11:55 → 00:11:57 แตกก็ได้แต่แตกไม่ได้มากแต่ว่าแตกใน
00:11:57 → 00:12:00 ตำแหน่งที่เป็นส่วนที่ใช้แปรภาพหรือสเส้น
00:12:00 → 00:12:02 เลือดสมองตันในส่วนที่ใช้แปรภาพซึ่งมันก็
00:12:02 → 00:12:04 เป็นเส้นเลือดเส้นหนึ่งที่ไปเลี้ยงสมอง
00:12:04 → 00:12:06 ไม่เหมือนกันเพียงแต่ว่าถ้ามันเป็นแขนง
00:12:06 → 00:12:08 ใหญ่ก็อาจจะมีอาการอย่างอื่นเช่นมีอ่อน
00:12:08 → 00:12:12 แรงร่วมด้วยอ่าอ่ามีมเกิดปุ๊บไปเลยคือไป
00:12:12 → 00:12:15 สวรรค์น่ะคือซึบไปเลยมีครับมีก็คือเป็น
00:12:15 → 00:12:18 เส้นเลือดเข้าเรียกว่าเซิ artery เส้น
00:12:18 → 00:12:19 เลือดที่ไปเลี้ยงก้านสมองมีอยู่เส้นเดียว
00:12:20 → 00:12:22 verti artery 2 ข้างนะครับจะวิ่งไปรวม
00:12:22 → 00:12:25 กันเป็นเส้นเดียวเลี้ยงก้านสมองนะฮะถ้า
00:12:25 → 00:12:28 เส้นเลือดเส้นี้ตันเนี่ยคือไปเลยโอ้ถ้า
00:12:28 → 00:12:31 รอดก็คือนอนเป็นผักเราอยู่ว่างๆเราไปเช็ค
00:12:31 → 00:12:33 ร่างกายประจำปีเราขอเดูเส้นเลือดตรงนี้
00:12:33 → 00:12:34 ใช่อันนี้เค้าเรียกว่าโปรแกรม Stroke
00:12:34 → 00:12:37 screening เห็นเส้นเลือดทุกเส้นเลยอุ๊ย
00:12:37 → 00:12:42 ดีออกวิธีการทำนี่มันทำไงทำ MRI M อ๋อ
00:12:42 → 00:12:44 MRI เห็นเส้นเลือดในสมองทุกเส้นโดยที่
00:12:44 → 00:12:47 ไม่ต้องโดนรังสีไม่ต้องฉีดสีก็เห็นไม่มี
00:12:47 → 00:12:50 อันตรายบอกได้เลยว่าตีบกี่เปอร์เซ็นต์ตีบ
00:12:50 → 00:12:52 กี่เส้นเห็นทุกเส้นโอันนี้ดีอย่างงั้นเรา
00:12:52 → 00:12:53 ก็ควรจะ้าเรียกว่าเป็นโปรแกรม Stroke
00:12:53 → 00:12:56 skinning นะฮะควรควจะไปดูกันนิดนึงถ้า
00:12:56 → 00:12:59 ใครพอจะไหวซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่เอาเอาอายุ
00:12:59 → 00:13:02 เกิน 40 อัพเนี่ยแล้วมีความเสี่ยงนะครับ
00:13:02 → 00:13:05 ก็ไปขอหมอเทำได้ตรวจได้การแพทย์สมัยใหม่
00:13:05 → 00:13:07 เริ่มเป็นการเชิงลุกเพิ่มขึ้นคือไม่ต้อง
00:13:07 → 00:13:11 รอให้หามกันไปอ่ะเจอก่อนป้องกันได้โลกนี้
00:13:11 → 00:13:14 ใช่คนที่กลัวจะไม่เป็นคนที่เป็นก็คือคน
00:13:14 → 00:13:17 ที่ไม่กลัวคนที่ไม่สนใจอะไรเลยออนะฮะใช่
00:13:17 → 00:13:20 อาการอันที่ 5 ก่อนอาการอันที่ 5 ดศีรษะ
00:13:20 → 00:13:24 อย่างรุนแรงทันทีทันใดไม่เคยเป็นมาก่อนใน
00:13:24 → 00:13:27 ชีวิตอาการที่ปวดศีรษะอย่างรุนแรงทันที
00:13:27 → 00:13:30 ทันใดเนี่ยนะฮะเป็นเป็นอาการของเส้นเลือด
00:13:30 → 00:13:32 ในสมองแตกนะครับเส้นเลือดโป่งพองในโดย
00:13:33 → 00:13:35 เฉพาะเส้นเลือดโป่งพองนะเส้นเลือดโป่งพอง
00:13:35 → 00:13:38 ในสมองแตกเนี่ยจะมาด้วย 3 แบบแบบแรกก็คือ
00:13:38 → 00:13:41 ปวดศีรษะอย่างรุนแรงที่สุดในชีวิตและทริก
00:13:41 → 00:13:44 ในการวินิจฉัยก็คือว่าให้เอาคางคนไข้นะ
00:13:44 → 00:13:49 ก้มมาชิดอกอือันนี้คือคือบอกทิกชาวบ้าน
00:13:49 → 00:13:51 ด้วยบอกทิกบุคลากรทางการแพทย์ว่าให้เอา
00:13:51 → 00:13:53 คางมาชิดอกถ้าเมื่อไหร่ที่ก้มแบบนี้ไม่
00:13:53 → 00:13:56 ได้แล้วปวดหัวที่สุดในชีวิตอันเนี้ยให้
00:13:56 → 00:13:59 ระวังว่าจะเป็นเส้นเลิศโป่งพองในสมองแตก
00:13:59 → 00:14:03 ชนิดที่เบาที่สุดอ๋อถ้าก้มอย่างงี้ไม่ได้
00:14:03 → 00:14:05 อ่าใช่ถ้าก้มไม่ได้เพราะว่าเพราะว่าเลือด
00:14:05 → 00:14:07 ที่ออกในชั้นเขาเรียกว่าเยื่อหุ้มผิวสมอง
00:14:07 → 00:14:10 เนี่ยมันจะไปทำให้เยี่หุ้มสมองอักเสบอ
00:14:10 → 00:14:12 แล้วมันจะก้มไม่ได้อันที่ 2 ก็คืออาการ
00:14:12 → 00:14:15 หนักลองมาอีกนิดนึงก็คือว่าโคม่าถ้าเส้น
00:14:15 → 00:14:18 เลอในสมองแตกโคม่าเลยเพราะมันออกเยอะพอ
00:14:18 → 00:14:21 โคม่าเสร็จปุ๊บก็ห่างไปโรงพยาบาล่ะอาการ
00:14:21 → 00:14:23 อันที่ 3 ก็คือเสียชีวิตก่อนไปถึงโรง
00:14:23 → 00:14:26 พยาบาลอันนี้คืออาการของเส้นเลือดโป่งพอง
00:14:26 → 00:14:29 ในสมองแตกที่แบ่งเป็นเลเวลความอความ
00:14:29 → 00:14:32 รุนแรงนะครับเพราะฉะนั้นอาการของสกอันนึง
00:14:32 → 00:14:36 ก็คือว่าปวดศีรษะอย่างรุนแรงทันทีทันใด
00:14:36 → 00:14:39 อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตมินมีปัจจัย
00:14:39 → 00:14:42 เสี่ยงอะไรบ้างที่ทำให้เกิดสตกเป็นคำถาม
00:14:42 → 00:14:45 ที่ดีมากเพราะว่าการป้องกันของสตกนี่คือ
00:14:45 → 00:14:49 การคุมปัจจัยเสี่ยงค่ะปัจจัยเสี่ยงจำง่าย
00:14:49 → 00:14:52 ๆมีอยู่ 8 ข้อ 8 ข้อ 8 ข้อมีอะไรบ้างฮะ 8
00:14:52 → 00:14:55 ข้อเนี่ยสมมุติว่ามันคือโจรแล้วกันนะหัว
00:14:55 → 00:14:58 หน้าโจรมีอยู่ 2 คนคือเบาหวานกับบุหรี่
00:14:58 → 00:15:00 เบาหวานหวานเนี่ยน้ำตาลเน้ำตาลไปเกี่ยว
00:15:00 → 00:15:02 อะไรกับเส้นเลือดน้ำตาลไปเกี่ยวอะไรกับ
00:15:02 → 00:15:06 สโตรกน้ำตาลที่สูงเนี่ยมันเร็วมากนะถ้า
00:15:06 → 00:15:09 เกิดว่าน้ำตาลตั้งแต่ 150 อัพขึ้นไปเนี่ย
00:15:09 → 00:15:12 มันจะเริ่มทำให้หลอดเลือดมีการอักเสบหลอด
00:15:12 → 00:15:16 เลือดมันจะยุ่ยอ๋อแตกง่ายตันง่ายเบาหวาน
00:15:16 → 00:15:18 นี้น่ากลัวที่สุดนะเวลาเรารักษาสโตรกมัน
00:15:18 → 00:15:21 จะทำให้เวลาฉีดยาเข้าไปละลายเลือดมันชอบ
00:15:21 → 00:15:23 แตกคนที่เป็นเบาหวานเพราะเส้นเลือดคนที่
00:15:24 → 00:15:27 เป็นเบาหวานจะไม่แข็งแรงเบาหวานถ้าเส้น
00:15:27 → 00:15:30 เลือดในสมองนะครับมันเสียสภาพมันก็แตก
00:15:30 → 00:15:33 ง่ายมันก็ตั่นง่ายอันนี้คือเบาหวานอันนี้
00:15:33 → 00:15:36 คือปัจจัยเสี่ยงที่อันตรายอันที่ 1 นะอัน
00:15:36 → 00:15:39 ที่ 2 ก็คือความดันความดันเนี่ยคนไทยเป็น
00:15:39 → 00:15:43 ความดัน 14 ล้านคนนะสถิติเมื่อ 5 ปีที่
00:15:43 → 00:15:46 แล้วเนี่ย 10 ล้านคนเพิ่มขึ้นปีละล้านคน
00:15:46 → 00:15:49 น่ากลัวมากหมอคิดว่าเกิดจากอะไรเกิดจาก
00:15:49 → 00:15:52 อาหารและการใช้ชีวิตอาหารแปรรูปเนี่ย
00:15:52 → 00:15:55 โซเดียมทั้งนั้นเลยอืแล้วก็การใช้ชีวิต
00:15:55 → 00:15:59 แบบเครียดๆเครียดนี่ความนานขึ้นฮะปุ๊บตัด
00:15:59 → 00:16:01 ปั๊บได้มั้โออันนั้นถือว่าวิเศษที่สุดเลย
00:16:01 → 00:16:04 ถ้าถ้าเครียดปุ๊บตัดปั๊บเนี่ยก็คือคนที่
00:16:04 → 00:16:07 โอ้โหจิตใจดีมากเลยอออ่าคือความเครียดอ่ะ
00:16:07 → 00:16:11 อันนี้ความดันแล้วนะค่ะอ่าไขมันไขมัน
00:16:11 → 00:16:14 เนี่ยก็เป็นโรคนึงที่คนไทยประมาณ 1 ใน 3
00:16:14 → 00:16:18 ของคนไทยเนี่ยเป็นโรคอ้วนนะอืคนไทยเป็น
00:16:18 → 00:16:20 โรคอ้วนโดยเฉพาะหลังโควิดขึ้นมาเนี่ยคน
00:16:20 → 00:16:23 ไทย BMI ขึ้นทุกคนเพราะว่าสั่งมากินที่
00:16:23 → 00:16:26 ห้องไง 1 ใน 3 ของคนไทยในอ้วนและคนอ้วน
00:16:26 → 00:16:29 มักจะมีไขมันสูงร่วมด้วยแต่ไม่ได้ได้บอก
00:16:29 → 00:16:31 ว่าคนผอมจะไม่มีไขมันสูงนะนะฮะอ้วนแล้ว
00:16:31 → 00:16:33 ร่วมกับไขมันสูงอันนี้ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง
00:16:33 → 00:16:36 อันที่ 3 อันที่ 4 คือหัวใจเต้นผิดจังหวะ
00:16:36 → 00:16:39 อหัวใจเต้นผิดจังหวะนเป็นภัยเงียบนะที่มี
00:16:39 → 00:16:41 คนไข้ผมหลายคนที่มาด้วยแค่ใจสั่นแล้วก็มา
00:16:42 → 00:16:45 ด้วยสตกเพราะว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะมันจะ
00:16:45 → 00:16:48 ผลิตลิ่มเลือดออกมาที่อ๋อมันผิดยังไงมัน
00:16:48 → 00:16:52 ผลยเราเราใส่นาฬิกาเช็คมันผิดยังไงฮะ
00:16:52 → 00:16:55 สมมุติว่ามีมี smart watch อ่ามันจะมี
00:16:55 → 00:16:56 โปรแกรมที่เรียกว่า
00:16:56 → 00:17:00 ekg ค่ะมันจะแตะแล้วจะสามารถวัดอัตรา
00:17:00 → 00:17:02 เต้นหัวใจได้ว่าสม่ำเสมอมค่ะอ่าอันนั้น
00:17:02 → 00:17:06 เนี่ยมีประโยชน์คำว่าสม่ำเสมอคือ 60 61
00:17:06 → 00:17:08 62 ไม่ใช่ 60 80 อันอย่างี้อย่างงี้ถือ
00:17:08 → 00:17:11 ว่าผิดใช่่อันนี้ถือว่าผิดปกติก็คือหัวใจ
00:17:11 → 00:17:13 มันเต้นไม่เป็นจังหวะคือแต่ละบีดน่ะไม่
00:17:13 → 00:17:18 เท่ากันเช่นตึ๊กตึกตึ๊กๆแล้วก็ยาวไปตึ๊ก
00:17:18 → 00:17:21 ตึ๊กมาใหม่อะไรอย่างเงี้ยอ่าตึ๊กๆๆๆอ่า
00:17:21 → 00:17:24 พวกนั้นเนี่ยหัวใจห้องบนกับห้องล่างมันจะ
00:17:24 → 00:17:26 ทำงานไม่สัมพันธ์กันค่ะมันจะเกิดการหมุน
00:17:26 → 00:17:30 วนที่ผิดปกติของเลือดในหัวใจค่ะเราก็ผลิต
00:17:30 → 00:17:33 ลิ่มเลืดออกมาเราก็ปลิวไปสู่ส่วนต่างๆของ
00:17:33 → 00:17:37 ร่างกายที่ที่มันชอบไปก็คือสมองโออ่าพอ
00:17:37 → 00:17:42 มันอุดปุ๊บก็อยู่ดีๆคือคำพูดนี้ก็อ่อนแรง
00:17:42 → 00:17:44 อืเพราะว่าลิ่มเลือดจากหัวใจอันนี้ปัจจัย
00:17:44 → 00:17:47 เสียงอันที่ 4 แล้วนะค่ะอันที่ 5 นะฮะอัน
00:17:47 → 00:17:50 ที่ 5 ก็คือความเครียดความเครียดเนี่ย
00:17:50 → 00:17:55 เป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้ความันคุมยากความ
00:17:55 → 00:17:59 เครียดทำให้คุมเบาหวานยากอืความเครียดทำ
00:17:59 → 00:18:01 ให้คุมไขมันไม่ได้ค่ะนะครับอันที่ 6 คือ
00:18:01 → 00:18:05 บุหรี่บุหรี่กับเหล้าบุหรี่เนี่ยเป็นหัว
00:18:05 → 00:18:07 หน้าโจรอีกคนนึงถ้าใครสูบบุหรี่เนี่ยจะมี
00:18:07 → 00:18:10 ความเสี่ยงต่อการเป็นสโตรกสหญิงชายเหมือน
00:18:10 → 00:18:12 กันเหมือนกันถ้าสูบบุหรี่ไม่ว่าจะเป็น
00:18:12 → 00:18:17 บุหรี่ไฟฟ้าค่ะหรือบุหรี่ซองค่ะอีกอันนึง
00:18:17 → 00:18:22 คืออ้วนอันสุดท้ายนี่คืออ้วนกับนอนกรนอนะ
00:18:22 → 00:18:25 คนอ้วนจะมาพร้อมกับการนอนกลนนะคนะครับ
00:18:25 → 00:18:27 เพราะฉะนั้นคนที่อ้วนเนี่ยจะมีความเสี่ยง
00:18:27 → 00:18:31 มากกว่าคนที่ผอมนะครับเพราะกรนคนนอนกรน
00:18:31 → 00:18:33 เนี่ยจะทำให้เกิด obs xive Sleep แ
00:18:33 → 00:18:36 เนี่ยมากกว่าคนปกติอืแลคนที่เป็น obs
00:18:36 → 00:18:38 Sleep แเนี่ยเนี่ยก็จะทำให้เกิดสกได้มาก
00:18:38 → 00:18:41 กว่าคนปกติ 4 เท่าออเพราะฉะนั้นสตกก็เลย
00:18:41 → 00:18:43 ชอบมาบอกเฮ้ยอยู่ดีๆตื่นขึ้นมาก็ก็ลุกไม่
00:18:43 → 00:18:46 ขึ้นอ่อนแรงอ่ะสตกก็เลยบางครั้งจะชอบเป็น
00:18:46 → 00:18:48 กลางตอนกลางคืนแล้วไม่รู้ว่าเป็นตอนไหน
00:18:48 → 00:18:51 ด้วยแต่ตื่นขึ้นมาคืออ่อนแรงไปละค่ะอ่า
00:18:51 → 00:18:55 อันนี้คือปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดผมทำงานสตก
00:18:55 → 00:18:59 มัน 20 ปีเนี่ยเจอมาทุกรูปแบบนะครับว่า
00:18:59 → 00:19:02 ส่วนใหญ่คนที่เป็นเนี่ยคือคนที่ไม่เคย
00:19:02 → 00:19:05 ระวังว่าตัวเองจะเป็นเ้าไม่สนใจเรื่องการ
00:19:05 → 00:19:08 กินเไม่สนใจออกกำลังเหล้าบุหรี่ฉันจะกิน
00:19:08 → 00:19:11 ฉันจะสูบอย่างงี้ใช่มั้ยใช่ๆมันเลยกลายมา
00:19:11 → 00:19:13 เป็นว่าคนในกลุ่มที่ไม่ทันระวังตัวเนี่ย
00:19:13 → 00:19:16 คือคนที่เป็นสโตกคือพูดงว่าคนที่นอน ICU
00:19:16 → 00:19:19 แล้วโดนผาสมองหรือว่าเป็นเส้นเลือสมองตัน
00:19:19 → 00:19:21 เนี่ยคือคนที่ไม่เคยคิดว่าฉันจะมานอนตรง
00:19:21 → 00:19:25 นี้ออเหพีตั๊กโอ้ยฉันออกกำลังกายฉันดูแล
00:19:25 → 00:19:28 ตัวเองดีนะครับพวกเยจะไม่เป็นสตกเตที่น่า
00:19:28 → 00:19:31 สนใจเนี่ยก็คือเคสที่ไม่ค่อยระวังกินๆไป
00:19:31 → 00:19:34 เถอะถ้ามันจะตายก็ให้มันตายไปอันนี้คือคำ
00:19:34 → 00:19:36 พูดของญาติที่บอกว่าคนไข้ชอบพูดแบบ
00:19:36 → 00:19:39 เนี้ยอ๋อแล้วมีบางคนบอกว่าโอ๊ยไม่หาหมอ
00:19:39 → 00:19:42 แอนตี้หมอก็มีนะอ่าไปตรวจทำไมไม่เคยเช็ค
00:19:42 → 00:19:45 รางกายหมอจะเอาตังค์จะไปตรวจหาเรื่องทำไม
00:19:45 → 00:19:47 ไม่ไปตรวจจะได้ไม่เป็นพวกนี้คือพวกที่
00:19:47 → 00:19:50 ต้องหามกันไปจากเส้นเลือดสมองแตกแล้วบอก
00:19:50 → 00:19:52 ว่าไม่มีโรคประจำตัวแต่ความดัน 200 ค่ะ
00:19:52 → 00:19:56 อ่ะเท่าที่ตามสถิติผู้หญิงหรือผู้ชายตาม
00:19:57 → 00:20:00 สถิติผู้ชายเนี่ยเป็นมากกว่าผู้หญิงเพราะ
00:20:00 → 00:20:03 ว่าไม่ระวังตัวใช่เพราะไม่ระวังตัวไม่
00:20:03 → 00:20:07 ค่อยรักสุขภาพค่ะไม่ค่อยดูแลตัวเองเท่า
00:20:07 → 00:20:10 ผู้หญิงแล้วเวลาเป็นเนี่ยไม่ตายก็นอนติด
00:20:10 → 00:20:14 เตียงถูกมีมหายเลยมีแต่ส่วนนเคยเห็น
00:20:14 → 00:20:16 เหมือนกันหมอมีอยู่คนนึงเก็เป็นต่างชาติ
00:20:16 → 00:20:19 นะอายุ 70 เก็กลับมาเป็นปกติอาแต่อาจจะ
00:20:19 → 00:20:23 กว่าจะค่อยๆฟื้อยู่กปัจจัยหลายอย่างเชแต่
00:20:23 → 00:20:24 เค้าเล่นกีฬาเยอะคนนี้ใช่ขึ้นอยู่กับ
00:20:24 → 00:20:27 ปัจจัยหละอย่างเช่นสมมุติอ่ะสตกมีอยู่ 2
00:20:27 → 00:20:30 ชนิดนะค่ะนะฮะเส้นเลือดแตกกับเส้นเลือด
00:20:30 → 00:20:33 ตันมีตีบด้วยมั้ยฮะตีบก็คือตันนั่นแหละ
00:20:33 → 00:20:36 อ๋อตีบกับตันเหมือนกันอ่าตันก็คือตีบ 100%
00:20:36 → 00:20:41 ค่ะอ่าอันเดียวกันดีกรีเนี่ยความรุนแรง
00:20:41 → 00:20:45 เนี่ยขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดสมมุติว่า
00:20:45 → 00:20:48 เส้นเลือดแตก 1 ซมเท่ากันค่ะแตกบนผิวๆเลย
00:20:48 → 00:20:51 ในตำแหน่งที่ไม่ได้สำคัญเก็หายมาเป็นปกติ
00:20:51 → 00:20:53 100% ออสมมุติว่าเส้นเลือดตันเส้นเลือด
00:20:53 → 00:20:57 ฝอยตันนิดเดียวเก็กลับมาหา 100% แต่เส้น
00:20:57 → 00:21:00 เลือดตันเส้นใหญ่อันเนี้ยถ้ารอดก็คือ
00:21:00 → 00:21:04 พิการเส้นเลสมองแตกอก้อนเท่ากำปั้นถ้าผ่า
00:21:04 → 00:21:06 รอดก็คือพิการอยู่ที่ตำแหน่งและขนาด
00:21:07 → 00:21:09 ตำแหน่งและขนาดอันนี้สำคัญที่สุดแล้วก็
00:21:09 → 00:21:12 สุดท้ายคืออายุถ้าอายุเยอะก็มีโอกาสที่จะ
00:21:12 → 00:21:14 ติดเตียงเยอะถ้าอายุน้อยก็มีโอกาสที่จะ
00:21:14 → 00:21:16 กลับคืนมาได้อยู่ตอนนี้สถิติคนเป็นเี่
00:21:16 → 00:21:19 อายุน้อยสุดประมาณเท่าไหร่ที่หมอน้อยสุด
00:21:19 → 00:21:22 นี่ 18 ก็เป็นยังมีเลยครับพี่ะ 18 เป็น
00:21:22 → 00:21:25 ยังไงเป็นยังไงก็คือเส้นตีบแล้วเมีอาการ
00:21:25 → 00:21:30 ไงะอ่อนแรงอ่ะพูดไม่ชัดอูเหรอะ 18 20
00:21:30 → 00:21:32 กว่าก็เป็นกันะ 30 กว่าก็เป็นกันแล้วคือ
00:21:32 → 00:21:35 ตอนเนี้ยสตกมันอายุน้อยลงเรื่อยๆเพราะอัน
00:21:35 → 00:21:39 ที่ 1 การใช้ชีวิตอาหารอาหารวัคซีนด้วย
00:21:39 → 00:21:42 มั้ยคือวัคซีนเนี่ยมันก็ยังมันก็ยังเป็น
00:21:42 → 00:21:45 ปัจจัยที่ยังไม่มีใครกล้าเก็บสถิติตอนนี้
00:21:45 → 00:21:47 ส่วนใหญ่ก็ยังรวบรวมข้อมูลกันอยู่ว่าเฮ้ย
00:21:47 → 00:21:51 ตอนนี้สตกมันอายุน้อยลงเรื่อยๆแล้วก็หลัง
00:21:51 → 00:21:54 จากฉีดวัคซีนบางคนเนี่ยนะครับจะเห็นว่า
00:21:54 → 00:21:56 เส้นเลือดเมันเริ่มมีความผิดปกติหรือมี
00:21:56 → 00:21:59 การอักเสบเกิดจริงๆมันเป็นทางร่างกายไม่
00:21:59 → 00:22:01 ใช่เฉพาะเส้นเลือดสมองมันเป็นเส้นเลือด
00:22:01 → 00:22:04 ทางร่างกายเช่นรองโควิดหรือว่าอ่าคนที่
00:22:05 → 00:22:07 รับวัคซีนเองเนี่ยนะครับเส้นเลือดจะมีการ
00:22:07 → 00:22:13 อักเสบผู้สูงวัยเราจะสังเกตว่าอ้าวแม่ล้ม
00:22:13 → 00:22:17 ในห้องน้ำเอ่อเส้นเลือดแตกเพราะอะไรทำไม
00:22:17 → 00:22:21 ผู้สูงวัยถึงชอบล้มในห้องน้ำทำไมฆาตกรต่อ
00:22:21 → 00:22:24 เนื่องสำหรับผู้สูงอายุคือห้องน้ำปัจจัย
00:22:24 → 00:22:27 ที่ทำให้เกิดล้มในห้องน้ำเนี่ยนะครับยก
00:22:27 → 00:22:29 เว้นห้องน้ำลื่นนะอันนั้นอีกปัจจัยนึงก็
00:22:29 → 00:22:32 คือห้องน้ำลื่นเมันเป็นอุบัติเหตุแต่ว่า
00:22:32 → 00:22:34 การที่คนที่ชอบเป็นอัมพาตทำไมชอบล้มใน
00:22:34 → 00:22:37 ห้องน้ำเพราะเหตุผลอันแรกเลยเนี่ยเวลาเรา
00:22:37 → 00:22:40 ตื่นนอนขึ้นมาเนี่ยเราลุกขึ้นมาตอนเช้า
00:22:40 → 00:22:44 ตรูเนี่ยสมมุติหน้าหนาวนะห่มผ้าอุ่นๆอยู่
00:22:44 → 00:22:47 ดีๆเดินก็ห้องน้ำเนี่ยหนาวมั้ยอุณหภูมิลด
00:22:47 → 00:22:50 ลงเย็นเย็นปุ๊บเส้นเลือดเราจะหดตัวครับ
00:22:50 → 00:22:53 เส้นเลือดผิวหนังเราจะหดตัวความดันเราจะ
00:22:53 → 00:22:56 ขึ้นขึ้นจากเปลี่ยนท่าก่อนอลุกขึ้นมา
00:22:56 → 00:22:58 เปลี่ยนท่าก่อนนะครับพรวดขึ้นมาก่อน
00:22:58 → 00:23:01 เปลี่ยนท่าก่อนความนันจะพยายามปรับตัวหัว
00:23:01 → 00:23:04 ใจจะสูบฉีดแรงขึ้นเพื่อท่านอนหัวใจเท่า
00:23:04 → 00:23:08 กับศีรษะอ่าเวลาเดินขึ้นมาปุ๊บนะสมองสูง
00:23:08 → 00:23:10 กว่าหัวใจมันก็ต้องบีบตัวให้แรงขึ้นความ
00:23:11 → 00:23:14 นันก็จะขึ้นมานิดๆคอ่าอันที่ 2 ก็คือว่าอ
00:23:14 → 00:23:17 อุณหภูมิที่ลดลงอันที่ 3 เวลาเราเข้าห้อง
00:23:17 → 00:23:20 น้ำเนี่ยอาจจะมีการเบ่งเกิดขึ้นการเบ่ง
00:23:20 → 00:23:22 เนี่ยสมมุติว่าเรานั่งเริ่มเริ่มเป็นถ่าย
00:23:22 → 00:23:25 เนี่ยสมมุติความนานตอนนั้นสัก 140 อ่ะไป
00:23:25 → 00:23:28 เบ่งอาจจะเพิ่มมาเป็น 170 แตกละเวลาเบ่ง
00:23:28 → 00:23:30 เวลาไอเวลาจามแรกนั้นในสมองจะเพิ่มขึ้น 10
00:23:30 → 00:23:35 เท่า 10 เท่าเลยเหรอใช่ 10 เท่าโอโอน่า
00:23:35 → 00:23:38 กลัวเรื่องการเบ่งอ่ะพอเข้าใจได้นะมันทำ
00:23:38 → 00:23:41 ให้เส้นเลือดแบบฮแต่เรื่องการจามเเที
00:23:41 → 00:23:44 เดียวเนี่ยมีมีผลเหมือนกันเหรอฮะหมอมีผล
00:23:44 → 00:23:47 ครับพี่ตังยังไงฮะมีคนไข้ผมคนนึงเดี๋ยว
00:23:47 → 00:23:49 เล่าเรื่องคนไข้ให้ฟังก่อนตอนเช้าเนาะ
00:23:49 → 00:23:52 เนื่องจากว่าอากาศหนาวเขาก็จามรุนแรงเลย
00:23:52 → 00:23:56 จามไปหลายรอบแล้วก็อ่อนแรงแขนขาซีกซ้าย
00:23:56 → 00:23:59 อ่ะเพราะว่าเส้นเลือดสสมองเนี่ยตันตันจาก
00:23:59 → 00:24:03 เส้นเรติคอเนี่ยปริแตกเซาะจากกันไอจ่า
00:24:03 → 00:24:06 รุนแรงไงอเห็นมั้ยว่าการเบ่งกันไอการจาม
00:24:06 → 00:24:08 เนี่ยการจามเี่ก็คือการกั้นหายใจแล้วก็
00:24:09 → 00:24:11 กระแทกลมหายใจไปอย่างแรงเนี่ยแรงดันในปอด
00:24:11 → 00:24:14 เนี่ยนะครับแรงดันในปอดมันสูงขึ้นมากแรง
00:24:14 → 00:24:17 ดันในปอดจะดันขึ้นไปทางสมองนะฮะเพราะว่า
00:24:18 → 00:24:20 เส้นเลือดมันต่อกันสมองกับกับช่องออก
00:24:20 → 00:24:22 เนี่ยมันมีเส้นเลือดที่ต่อกันอยู่เพราะฉะ
00:24:22 → 00:24:26 ถ้าแรงดันในอกสูงในสมองก็สูงไปด้วยและแรง
00:24:26 → 00:24:29 นันที่สูงจะไปทำลายเส้นเลือดค่ะจะทำให้
00:24:29 → 00:24:31 เส้นเลือดเนี่ยเ้าเรียกว่าผนังมันระเบิด
00:24:31 → 00:24:34 อ่ะอเเรียกว่าแตกเซาะพอมันแตกเซาะมันก็
00:24:34 → 00:24:38 กลายเป็นแฟปแล้วก็เกิดลิ่มเลือดนะร่างกาย
00:24:38 → 00:24:40 พยายามจะฮีลตัวเองมันก็กลายเป็นลิ่มเลือด
00:24:40 → 00:24:43 ไปอุดเพื่อไม่ให้มันเลือดไหลมันก็ปลิว
00:24:43 → 00:24:46 ขึ้นไปอุ่นในสมองนะครับเพราะฉะนั้นจะเห็น
00:24:46 → 00:24:50 ว่าการเบ่งการไอการจามที่รุนแรงจะทำให้
00:24:50 → 00:24:54 เสื้อเลือดของเราปริหรือว่าแตกเซาะชชิ้ว
00:24:54 → 00:24:56 งี้ไม่เป็นไรอ่าถ้าเป็นถ้าแบบจามแบบนาง
00:24:56 → 00:25:00 เอกไม่เป็นไรจตแบบรุนแรงอเน้นรุแรงใช่
00:25:00 → 00:25:04 รุนแรงอันที่ 4 เวลาตอนเช้าตู่เวลาชอบลม
00:25:04 → 00:25:07 ในห้องน้ำเพราะว่าคนที่เป็นความดันโลหิต
00:25:07 → 00:25:10 สูงเนี่ยส่วนใหญ่จะชอบกินยาตอนไหนหลัง
00:25:10 → 00:25:12 อาหารเช้าอืใช่มั้ยค่ะพอชอบทานยาหลัง
00:25:13 → 00:25:14 อาหารเช้าเสร็จแล้วปุ๊บเนี่ยกลายเป็นว่า
00:25:14 → 00:25:17 ตอนที่เขายังไม่ได้ทานข้าวเช้าเนี่ยสัก
00:25:17 → 00:25:21 18:00 นอ่ะตื่นเข้าห้องน้ำยาเนี่ยมัน
00:25:21 → 00:25:23 เริ่มกลายเป็นจะ 24 ชั่วโมงละแต่ยังไม่
00:25:23 → 00:25:27 ได้ทานยามื้อถัดไปแล้วยามันเริ่มออนลตอน
00:25:27 → 00:25:31 เช้าตรุกฮ่ะนะฮะมันก็บวกกับว่าความนันมัน
00:25:31 → 00:25:34 จะเริ่มขึ้นมานิดๆช่วงเช้าตรูอย่างงี้มัน
00:25:34 → 00:25:37 ก็แก้ลำบากเลยหมออเพราะว่าลุกขึ้นมาตอน
00:25:37 → 00:25:39 เช้าเราก็จำเป็นต้องลุกเพราะฉะนั้นก็ต้อง
00:25:39 → 00:25:43 ค่อยๆลุกค่อยๆความอบอุ่นให้กับร่างกาย
00:25:43 → 00:25:46 เช่นแทนที่จะเราจะลุกขึ้นมาแบบไม่ใส่ชุด
00:25:46 → 00:25:48 ขึ้นมาเราก็อาจจะมีเสื้อคุมถ้าเบ่งต้อง
00:25:48 → 00:25:50 ค่อยๆเบ่งถ้าเบ่งต้องค่อยๆเบ่งท้องก็ไม่
00:25:50 → 00:25:53 ควรจะผูกคนท้องผูกเวลาเบ่งมันก็เลยมี
00:25:53 → 00:25:56 ปัญหากับหลายระบบใชเวลาเบ่งอาจจะทำให้
00:25:56 → 00:25:58 หน้ามืดก็เลยบางคนเป็นลมตอนเบ่งอเห็นมั้ย
00:25:58 → 00:26:01 หมดสติตอนที่เบ่งถ่ายแต่ถ้าใครไม่มีอาการ
00:26:01 → 00:26:03 เหล่านี้ก็ไม่ต้องห่วงไม่ต้องห่วงถ้าไม่
00:26:03 → 00:26:05 มีความนาโลงหิตสูงก็ไม่ค่อยเกี่ยวกันไม่
00:26:05 → 00:26:08 ค่อยเกี่ยวมันมีวิธีและขั้นตอนการรักษา
00:26:08 → 00:26:10 อะไรยังไงบ้างตอนนี้สำหรับคนที่เป็นสเป็น
00:26:10 → 00:26:13 สตกใช่มั้สตกเนี่ยแยกก่อนว่าเป็นเส้นแล
00:26:13 → 00:26:16 สมองตันกับเป็นเส้นเลสมองแตกแยกกันยากมาก
00:26:17 → 00:26:19 ต้องใช้ CT สแกนเพราะฉะนั้นต้องรีบไปโรง
00:26:19 → 00:26:22 พยาบาลก่อนค่ะว่าเป็นชนิดไหนถ้าเป็นเส้น
00:26:22 → 00:26:24 เลสมองแตกโคุณหมอก็จะได้ฉีดยาห้ามเลือด
00:26:24 → 00:26:26 ใช่มั้ยครับแต่ถ้าเป็นเส้นเลือสมองตัน
00:26:26 → 00:26:31 เนี่ยต้องไปก่อน 4 ชมครึ่งเพราะเราต้อง
00:26:31 → 00:26:34 ฉีดยาเข้าไปละลายจินตนาการง่ายๆการที่น้ำ
00:26:34 → 00:26:36 ไม่ไหลเนี่ยการที่น้ำประปาไม่ไหลก็มีอยู่
00:26:36 → 00:26:39 2 สาเหตุคือท่อประปลาตันกับท่อประปาแตก
00:26:39 → 00:26:42 ใช่มั้ยอ่าท่อประปาแตกโอเคเรียกช่างซ่อม
00:26:42 → 00:26:46 ก็คือหมอผ่าตัดสมองอ่าถ้าเป็นท่อประปาตัน
00:26:46 → 00:26:49 นะะก็ใส่โซดาไฟเข้าไปใส่โซดาไฟเข้าไปก็
00:26:49 → 00:26:52 คือการฉีดยาละลายทางหลอดเลือดดำเวลาฉีดยา
00:26:52 → 00:26:54 ก็จะฉีดเหมือนกับฉีดเข้าวน้ำเกลือค่ะยา
00:26:55 → 00:26:57 มันก็จะไปละลายเลือดทางร่างกายเลยที่นึง
00:26:57 → 00:27:00 ที่มันวิ่งไปก็ก็คือเส้นเลือดในสมองมัน
00:27:00 → 00:27:03 วิ่งไปก็เพื่อไปละลายคอตที่ตันอยู่ค่ะ
00:27:03 → 00:27:07 เพราะฉะนั้นนะครับโอกาสได้ผลเท่าไหร่รู้
00:27:07 → 00:27:10 มั้ยครับเท่าไหร่ 35 -50% แค่นั้นเหมือน
00:27:10 → 00:27:12 โยนหัวโยนก้อยอ่ะขนาดคุณไปโรงพยาบาลทัน
00:27:12 → 00:27:16 น่ะเส้นเลสมองตันไปโรงพยาบาลทันน่ะโอกาส
00:27:16 → 00:27:19 แค่โยนหัวโยนก้อยเองนะโอ้โหสูงสุดของมัน
00:27:19 → 00:27:23 ก็คือ 50% คือ 50% แต่ 50% อาจจะอัมพาต
00:27:23 → 00:27:25 หรือไม่รอใช่อีกเครื่องนึงคืออัมพาตเพราะ
00:27:25 → 00:27:28 มันไม่ได้ผลอ่ะไม่ได้ผลแล้วรักสอต่อยังไง
00:27:28 → 00:27:31 บางโรงพยาบาลตอนนี้มีนวัตกรรมใหม่ก็คือ
00:27:31 → 00:27:33 ว่าการใส่สายสวนทางหลอดเลือดแดงไม่ใช่
00:27:33 → 00:27:37 บอลลูนไอรพวกนี้คล้ายอ๋อคล้ายๆค้าๆกัน
00:27:37 → 00:27:39 เป็นเทคนิคเดียวกันนะเป็นเทคนิคเดียวกัน
00:27:39 → 00:27:42 เดี๋ยวนี้มีหลายเทคนิคมากอ่าบัลลูนเเมื่อ
00:27:42 → 00:27:44 ก่อนเราจะรู้จักหัวใจบลูนหัวใจอ่า
00:27:44 → 00:27:47 อันเนี้ยก็คือสมองสองก็คือแทนที่จะใส่สาย
00:27:47 → 00:27:50 สวนไปที่หัวใจใช่มั้ยอันนี้ก็ผ่านเสื้อ
00:27:50 → 00:27:53 เลือดที่หัวใจขึ้นมาออผ่านขึ้นมาในสมอง
00:27:53 → 00:27:56 ค่ะและก็ไปฉีดดูว่ามันตันตรงไหนวะมันตัน
00:27:56 → 00:27:58 ตรงไหนเสร็จปุ๊บก็ใส่สายเล็กๆซ้อนเข้าไป
00:27:58 → 00:28:01 ฮ่ะแล้วก็ไปดึงเอาก็เลือดออกหรือไปดูดเอา
00:28:01 → 00:28:05 ก็เลือดออกอ่าโอกาสได้ผลประมาณ 60-80 per
00:28:05 → 00:28:07 อ่ะดีขึ้นมาหน่อยดีขึ้นมาหน่อยก็คือโอกาส
00:28:07 → 00:28:10 ได้ผลประมาณเนี่ยถึง 80% ไม่ไม่ให้ถึง 100
00:28:11 → 00:28:14 ไม่ 100 ครับเพราะบางคนก็เฟลเช่นเส้น
00:28:14 → 00:28:17 เลือดดเขียวมากเลยไอ้ที่ตันน่ะกลายเป็น
00:28:17 → 00:28:21 หินปูนอีกโอ้แข็งปั๊กเลยดึงไม่ออกอ๋อหรือ
00:28:21 → 00:28:23 ดึงออกได้ไม่หมดอย่างเงี้ยครับค่ะแล้ว
00:28:23 → 00:28:25 สมมุติว่าเมื่อกี้บอก 60 -80 สมมุติเรา
00:28:25 → 00:28:29 ทำละโอกาสเจะกลับกลับมาเป็นปกติคือถ้า
00:28:29 → 00:28:32 อันเนี้ยเห็นๆเลยว่าเส้นเลือดสมองตันเ่ะ
00:28:32 → 00:28:34 คือถ้าดึงออกปุ๊บถ้ามันเปิดปุ๊บก็โล่งเลย
00:28:34 → 00:28:37 หายเลยทันทียกแขนยกขาได้เลยอ่าท่อมันหาย
00:28:37 → 00:28:40 ตันแล้วน้ำประปาก็วิ่งพรวดเลยแต่ไอ้ที่
00:28:40 → 00:28:42 กลัวน่ากลัวคือมันวิ่งพรวดเสร็จแล้วมัน
00:28:42 → 00:28:45 แตกมันก็เลยต้องมีเวลาจำกัดไงว่าอ๋อถ้า
00:28:45 → 00:28:48 ใส่สายสวนทางหลอดเลือดแดงเนี่ยนะครับ
00:28:48 → 00:28:52 สามารถ extend เวลาได้ถึง 6-8 ชมอ๋อการ
00:28:52 → 00:28:56 ฉีดยาเข้าไปลายๆเ้าให้แค่ 4 ชมครึอืเพราะ
00:28:56 → 00:28:58 ยาเนี่ยมันเหมือนโซดาไฟมันพร้อมทำมท่อแตก
00:28:58 → 00:29:01 ค่ะอ่าเพราะว่ายามันแรงแต่ว่าการไปดึงอา
00:29:01 → 00:29:04 ก็เลือดออกเนี่ยถึงแม้ว่าท่อมันจะมีเลือด
00:29:04 → 00:29:06 ทะลักเข้าไปเนี่ยมันไม่ค่อยแตกโอหเพราะ
00:29:06 → 00:29:10 มันไม่มียาอยู่ดูแล้วมันยุ่งยากเนาะยุ่ง
00:29:10 → 00:29:12 ยากเพราะฉะนั้นเนี่ยการใส่สายสวนเนี่ยอ่ะ
00:29:12 → 00:29:15 โรงพยาบาลไม่ใช่โรงพยาบาลมหาลัยก็ทำไม่
00:29:15 → 00:29:17 ได้โรงพยาบาลใหญ่ๆโรงพยาบาลศูนย์ทำได้โรง
00:29:17 → 00:29:20 พยาบาลเอกชนใหญ่ๆทำได้หมอที่เรียนมามันมี
00:29:20 → 00:29:21 แค่หลัก
00:29:21 → 00:29:25 สิบเพราะฉะนั้นเนี่ยอย่าเป็นเลยดีกว่า
00:29:25 → 00:29:29 ครับสตกใช่เป็นแล้วโยนหัวโยนก็ว่าคุณจะ
00:29:29 → 00:29:32 พิการหรือจะไม่พิการนมยแล้วก็ต้องไปให้
00:29:32 → 00:29:35 ทันด้วยนะใช่แต่ 4 ชมครึ่งพี่ว่าเค้าก็
00:29:35 → 00:29:38 ให้เวลาพอสมควรเนาใช่คือ 4 ชมครึทำไมต้อง
00:29:38 → 00:29:42 4 ชมครึเคยเคยแปลกใจมั้ยจริงๆเอามากกว่า
00:29:42 → 00:29:46 นั้นก็ได้แต่ในงานวิจัยพบว่าเหมือนถ้าปลา
00:29:46 → 00:29:48 มันขาดน้ำเซลล์สมองก็เหมือนปลาตัวนึงอ่ะ
00:29:48 → 00:29:52 สมมุตินะอืถ้ามันขาดน้ำไปละสระน้ำมันแห้ง
00:29:52 → 00:29:56 ปลามันตายไปละ 4 ชมครึก็พบว่าถ้าเทน้ำไป
00:29:56 → 00:29:58 ใหม่อ่ะปลามันไม่ฟื้น
00:29:58 → 00:30:00 ใช่ๆคือถึงแม้ว่าเราจะไปเปิดเส้นเลือดให้
00:30:00 → 00:30:03 มันน่ะมันก็มันก็ไม่ตื่นอแทนที่จะเป็น
00:30:03 → 00:30:05 ประโยชน์กับกายว่าเป็นโทษพอเปิดเข้าไป
00:30:05 → 00:30:09 ปุ๊บเส้เลือดแตกแตก็ไม่ตายก็อัมพาตออืบาง
00:30:09 → 00:30:12 คนเนี่ยรอดแต่เซลล์สมองมันตายไปมันตายใช่
00:30:12 → 00:30:15 เค้าเรียกว่านอนเป็นผักมั้ยฮะมีโอกาสมี
00:30:15 → 00:30:18 หลายคนมั้ยที่ปล่อยให้ญาติพี่น้องพ่อแม่
00:30:18 → 00:30:21 เรานอนเป็นผักอยู่งั้นมีครับมันเป็นอะไร
00:30:21 → 00:30:24 ที่ทุกข์ทรมานทั้งทั้งคนเป็นทั้งญาติค่ะ
00:30:24 → 00:30:27 โลกนี้มันก็เลยมีความน่ากลัวจริงๆวิธีการ
00:30:28 → 00:30:30 ป้องกันง่ายมากแค่หลักพันแต่เวลาเป็นขึ้น
00:30:30 → 00:30:32 มาเป็นแตกแล้วหรืออะไรเงี้ยเป็นแสนเป็น
00:30:32 → 00:30:35 ล้านใช่เราจะป้องกันและหลีกเลี่ยงยังไง
00:30:35 → 00:30:38 ได้บอกป้องกันเนี่ยโคตรง่ายเลยพี่ตักมี
00:30:38 → 00:30:41 แค่ 2 ข้ออะไรอ่ะอยากรู้ที่ผมทำงานมา
00:30:41 → 00:30:43 เนี่ยมีแค่ 2 ข้อเองอันที่ 1 คือคุม
00:30:43 → 00:30:46 ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยง 8 ข้อที่กล่าว
00:30:46 → 00:30:49 มาอ๋อคุมเบาหวานดีมั้ยค่ะถ้าคุมดีเส้น
00:30:49 → 00:30:53 เลือดก็ไม่เสื่อมความนันสูงไขมันค่ะนะหัว
00:30:53 → 00:30:56 ใจเต้นผิดจังหวะคือเหล่านี้คือเหล่าเนี้ย
00:30:56 → 00:31:00 อ้วนเครียดเหล้าบุหรี่อ๋อวิธีป้องกันคือ
00:31:00 → 00:31:04 คุมพวกนี้ให้ดีถ้าคุมพวกนี้ดีนะเส้นเลือด
00:31:04 → 00:31:06 มันจะไม่เสื่อมเร็วถ้าคนที่เป็นเบาหวาน้า
00:31:06 → 00:31:09 คุมเบาหวานดีเส้นเลือดเขาก็ไม่เยินคนที่
00:31:09 → 00:31:11 เป็นไขมันนี้ยิ่งร้ายเพราะว่าอะไรรู้มั้ย
00:31:11 → 00:31:15 ไม่รู้ตัวคนไข้ผมนะถามว่ามีโรคประจำตัว
00:31:15 → 00:31:18 มั้ยไม่มีแต่ไขมันไตกีสไล 300 อย่างเงี้ย
00:31:18 → 00:31:21 ldl 200 ดูที่ไตกีสไลด้วยใช่มั้ยฮะ ldl
00:31:21 → 00:31:24 ส่วนใหญ่จะดู้ว ldl L ไขมันที่เลวที่สุด
00:31:24 → 00:31:28 คือ ldl เลวรองลงมาคือไตกสลายอ่าเลว
00:31:28 → 00:31:31 ธรรมดาเนี่ยคือคอเลสเตอรอลนะครับไข่มัน
00:31:31 → 00:31:34 ที่ดีคือ hdl ldl เนี่ยให้มากสุดเท่า
00:31:34 → 00:31:36 ไหร่ะเลวที่สุดอ่าให้ได้เต็มที่เกินกว่า
00:31:36 → 00:31:39 นี้ไม่ได้แล้วถือว่าเลวจัดถ้าหมอสมองแล้ว
00:31:39 → 00:31:42 หมอสตกเอาแค่100รเดียว ldl เนี่ยมันอ่า
00:31:42 → 00:31:45 เป็นไขมันที่เลวเมื่อไหร่ที่เกิดออกซี
00:31:46 → 00:31:49 strate ขึ้นมาเนี่ยพวกเยมันจะมุดเข้าไป
00:31:49 → 00:31:52 ในเส้นเลือด ldl มันชอบมุดมุดเข้าไปใน
00:31:52 → 00:31:54 เส้นเลือดแล้วเม็ดเลือดขาวเราจะตามเข้าไป
00:31:54 → 00:31:58 กินพอตามเข้าไปกินเสร็จปุ๊บเนี่ยเม็ด
00:31:58 → 00:32:00 เลือดขาวมันตายเพราะ ldl มันออกซิไดซ์ ldl
00:32:00 → 00:32:03 เป็นผิดค่ะมันก็เลยทำให้ผนังเส้นเลือด
00:32:03 → 00:32:05 เนี่ยชั้นกล้ามเนื้อเนี่ยมันขาดความแข็ง
00:32:05 → 00:32:08 แรงเพราะว่าเมเล็ดขาวตามเข้าไปกินเมเล็ด
00:32:08 → 00:32:10 ขาวพอมันกินเสร็จพอมันตายปุ๊บมันจะหลัสาร
00:32:10 → 00:32:14 เรียกเพื่อนๆมาเ้าเรียกไซโตไคนะครับซึ่ง
00:32:14 → 00:32:16 มันเหมือนกับว่าเฮ้ยมันตอนนี้มันมีศัตรู
00:32:16 → 00:32:18 มาบุกเส้นเลือดเราไว้ยบุกร่างกายเราพอมัน
00:32:19 → 00:32:21 หลัสารออกไปเสร็จปุ๊บมันก็ไปเลือกเม็ดขาว
00:32:21 → 00:32:24 ตัวอื่นๆมากินด้วยอพอเม็ดเลือดขาวกิน
00:32:24 → 00:32:28 เนี่ยมันตายมันตายเราเรียกว่าโฟมเซลล์ค่ะ
00:32:28 → 00:32:30 เส้นเลือดของคนเรามี 3 ชั้นมันตายอยู่ใน
00:32:30 → 00:32:33 ชั้นกล้ามเนื้อชั้นกล้ามเนื้อก็อักเสบหนา
00:32:34 → 00:32:36 ตัวขึ้นเส้นเลือดเราก็เลยมีการหนาขึ้น
00:32:36 → 00:32:40 เรื่อยๆถ้ามีโฟมเซลล์นะฮะก็คือเม้เลดขาว
00:32:40 → 00:32:44 ที่ไปตายอยู่ข้างในรูรูที่มีผนังที่หนา
00:32:44 → 00:32:48 ขึ้นก็เลยกลายเป็นรูที่ตีบออืเห็นมั้ยฮ
00:32:48 → 00:32:51 จากไขมันที่ไปทำร้ายผนังชั้นกล้ามเนื้อ
00:32:51 → 00:32:55 ของเส้นเลือดเหลและถ้ามันสะสมไปนานๆไขมัน
00:32:55 → 00:32:59 สูงมานานๆ 5 ปีโโมเซลล์ที่ตายแคลเซียมไป
00:32:59 → 00:33:03 เกาะกลายเป็นแคลเซียมเกาะเส้นเลือดออก็
00:33:03 → 00:33:06 กลายเป็นว่าเอ้ยไปทำอัลตร้าซาวสนิสตกดู
00:33:06 → 00:33:10 เจอแคลเซียมเกาะละอ่าไส้เลือดก็ตีบผนัง
00:33:10 → 00:33:13 ที่มีโฟมเซลล์อยู่เยอะๆพวกนี้ก็ขาดความ
00:33:13 → 00:33:15 แข็งแรงเพราะกล้ามเนื้อมันหายไปค่ะมันก็
00:33:15 → 00:33:17 แตกง่ายเพราะฉะนั้นไขมันก็ทำให้เส้เลือด
00:33:17 → 00:33:21 อักเสบแตกง่ายด้วยค่ะตันก็ตันง่ายพูดถึง
00:33:21 → 00:33:24 ไขมันนะคะหมอก็บอกว่าเออไขมันสูงไปแล้วนะ
00:33:24 → 00:33:27 ให้กินยารสไขมันมันคนกินไปนานๆเนี่ยก็จะ
00:33:27 → 00:33:30 อาจจะเขาว่ายารดไขมันจะทำให้ตับไตไส้ภูม
00:33:30 → 00:33:33 มันมันไม่ดีก็ไม่เอาดีกว่าไม่กินเดี๋ยว
00:33:33 → 00:33:37 ฉันลดเองธรรมชาติอันนี้หมอมีความเห็นไง
00:33:37 → 00:33:40 โอเคเป็นคำถามที่ดีมากเพราะว่าอ่าคนจะไป
00:33:40 → 00:33:43 ต่อต้านยารสไขมันเ้าบอกกินแล้วมันเหี่ยว
00:33:43 → 00:33:48 นะหมออ่ะคือยารดไขมันยาทุกตัวบนโลกมีข้อ
00:33:48 → 00:33:51 ดีและข้อเสียค่ะแต่เราต้องใช้ข้อดีในการ
00:33:52 → 00:33:55 รักษาโรคก่อนค่ะถ้าเมื่อไหร่ที่เป็นสตก
00:33:55 → 00:33:59 แล้วนะยังไงยาไขมันก็ต้องกินเพราะยาไขมัน
00:33:59 → 00:34:02 จะมีิ 2 อย่างอันที่ 1 ลดไขมันเหมือนที่
00:34:02 → 00:34:05 ชาวบ้านรู้นะครับคือลดไขมันอันที่ 2 คือ
00:34:05 → 00:34:10 เป็นลดการบวมของผนังด้านในเส้นเลือดอ๋อรู
00:34:10 → 00:34:12 ที่มันตีบเนี่ยเพราะผนังด้านในมันน่ะบวม
00:34:12 → 00:34:16 ค่ะยาลดไข่มันจะเป็นลดการบวมเพราะฉะนั้น
00:34:16 → 00:34:18 เมื่อไหร่ที่คุณเป็นสโตกแล้วเนี่ยคุณจะ
00:34:18 → 00:34:21 ต้องกินเพื่อลดบวมถ้ายังไม่เป็นแล้วเส้น
00:34:21 → 00:34:24 เลือดมีการอักเสบแล้วไขมัน ldl มันสูงมาก
00:34:24 → 00:34:27 ๆแล้วยังไงก็ต้องกินเพราะถ้ามีปัจจัย
00:34:27 → 00:34:31 เสี่ยงืเช่นนอกจากจะมีไขมันแล้วอายุออะ 50
00:34:31 → 00:34:34 แล้วมีโรคอื่นๆร่วมด้วยมเช่นเบาหวานหรือ
00:34:34 → 00:34:37 ความนันถ้ามีต้องกินเลยยังไงก็ต้องกินยัง
00:34:37 → 00:34:40 ไงก็ต้องกินโดยเฉพาะถ้า ldl สูงอ้าแล้ว
00:34:40 → 00:34:43 ตับไตไส้พุงอ่าทีนี้มาถึงตับไตไส้พุงมัน
00:34:43 → 00:34:46 เป็นแค่กลุ่มเล็กๆที่มันอาจจะเป็นได้เช่น
00:34:46 → 00:34:48 สเตตทำให้ปวดกล้ามเนื้อโอเคไม่เถียงก็มี
00:34:48 → 00:34:52 โอกาสเกิดแต่ไม่ได้เยอะนะที่ผมเจอเนี่ย
00:34:52 → 00:34:54 ไม่ถึง 1% ของคนไข้ที่แจกไปไม่ได้เป็นทุก
00:34:54 → 00:34:58 คนไม่ได้เป็นทุกคนส่วนน้อยที่เป็นค่ะที่ 2
00:34:58 → 00:35:02 ก็คือตับอักเสบจากยาอือันเนี้ยมีไม่ถึง 1%
00:35:02 → 00:35:05 ที่เป็นแต่คนที่ไม่อยากกินยาอยากจะไปขาย
00:35:05 → 00:35:07 นู่นขายนี่ให้คนไข้ก็หยิบเอาไอ้เล็กๆ
00:35:07 → 00:35:11 เนี่ยไปพูดแล้วบอกว่าอย่าไปกินนะเพราะแค่
00:35:11 → 00:35:13 อยากขายอย่างอื่นอค่ะอ่าอันนี้เป็นผล
00:35:13 → 00:35:16 ประโยชน์แอบแฝงเออเห็นมั้ยแต่ว่าในทางการ
00:35:16 → 00:35:21 แพทย์จริงๆเนี่ยมันต้องกินถ้าจำเป็นหมอ
00:35:21 → 00:35:23 ไม่แจกยาถ้าไม่จำเป็นเท่าไหร่หมอถึงจะให้
00:35:23 → 00:35:27 กินเช่นเท่าที่ทราบอ่ะคอเลสเตอรอลสูงออ่า
00:35:27 → 00:35:29 มีหลายสูตรมากในการคำนวณอย่างหมองหัวใจนะ
00:35:29 → 00:35:34 ก็จะเอาไตกีสลายนะฮะค่ะหารด้วย hl ถ้า
00:35:34 → 00:35:37 เกิน 2 เท่าก็ให้กินอะไรเงี้ยแต่สำหรับ
00:35:37 → 00:35:39 เรื่องทางโรคหลอดเลือดสมองเนี่ยถ้ามี
00:35:39 → 00:35:42 ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆแล้วไขมันสูงเนี่ยก็
00:35:42 → 00:35:44 ต้องกินเช่นไขมันสูงคือตัวคอเลสเตอรอล
00:35:44 → 00:35:49 ส่วนใหญ่แล้วผมจะเอา ldl อ ldl เป็นหลัก
00:35:49 → 00:35:52 ldl บอกให้ร้อยเดียวอ่าถ้าเป็นโรคแล้วนะ
00:35:52 → 00:35:54 เอา100รเดียวยังคือยังไงก็ต้องกินแต่ถ้า
00:35:54 → 00:35:56 ยังไม่เป็นแต่ถ้ายังไม่เป็นแล้วมาเจอว่า
00:35:56 → 00:35:58 เริ่มมีอาการของโรคหลอเลือดสมองตีบแล้ว
00:35:58 → 00:36:02 เนี่ยพวกเนี้ยนะครับต้องกินอยู่แล้วอออ่า
00:36:02 → 00:36:04 โดยที่ไม่ต้องสนใจตัวอื่นเลยตัวอื่นจะต่ำ
00:36:04 → 00:36:06 ก็ไม่ไม่สนใจตัวอื่นจะสูงไม่สนใจแต่ว่า
00:36:07 → 00:36:09 ldl สูงเนี่ยยังไงก็ต้องกินเพราะมัน
00:36:09 → 00:36:11 ทำลายเส้นเลือดอ่าอันนี้พูดถึงการป้องกัน
00:36:11 → 00:36:13 แล้วนะอันที่ 1 คุมปัจจัยเสี่ยงค่ะอันที่
00:36:14 → 00:36:17 2 คือการออกกำลังกายคือชอบกินข้าวขาหมู
00:36:17 → 00:36:19 คุณหมอกิน 1 ครั้งต้องออกกำลังกาย 1
00:36:19 → 00:36:21 ครั้งให้กินได้แต่ต้องออกกกินได้แต่ต้อง
00:36:21 → 00:36:24 ออกกำลังกายเงี้ยให้กินได้อาทิตย์นึงไม่
00:36:24 → 00:36:26 เกิน 1 ครั้งและก็ต้องออกกำลังกายออก
00:36:26 → 00:36:29 กำลังกายยังยังไงถึงจะเพียงพอต่อการป้อง
00:36:29 → 00:36:32 กันเส้นเลือดสมองติดไแล้วทำไมบางคนออก
00:36:32 → 00:36:35 กำลังกายทำไมนอนตายข้างสนามการออกกำลัง
00:36:35 → 00:36:37 กายเนี่ยขอขยี้ต่อว่าต้องเป็นออกกำลังกาย
00:36:37 → 00:36:40 แบบ arobic exorcise เป็นคาร์ดิโออ่ะ
00:36:40 → 00:36:44 ภาษาห่าก็คือว่าคิดง่ายๆเลยสมมุติว่าพี่
00:36:44 → 00:36:48 ตั๊กตอนนี้อายุ 40 อ่า 40 สูตรการคำนวณ
00:36:48 → 00:36:51 ว่าเอ๊ะออกกำลังกายยังไงถึงจะพอนะครับที่
00:36:51 → 00:36:54 มันไม่หนักเกินไปไม่เบาเกินไปนะครับคำว่า
00:36:54 → 00:36:56 เบาเกินไปกับหนักเกินไปเราจะเอาที่โซน 2
00:36:56 → 00:36:59 และโซน 3 อนะครับเพราะฉะนั้นเอา 220 ตั้ง
00:36:59 → 00:37:03 220 ก็คืออัตราการเต้นหัวใจสูงสุดคนะฮะ
00:37:03 → 00:37:08 220 ลบด้วยอายุนะะ 220 ลบด้วยอายุ - 40
00:37:08 → 00:37:12 ก็คือ 180 อ่าสมมุติว่าเอา 180 นะได้ตัว
00:37:12 → 00:37:15 เลขมา 180 แล้วคูณด้วย 60% คูณด้วย 60%
00:37:15 → 00:37:18 คูด้วย 60% กับคูณด้วย 80% ให้หัวใจเต้น
00:37:18 → 00:37:21 อยู่ในระหว่างนี้เพราะฉะนั้นนะครับหัวใจ
00:37:21 → 00:37:26 พี่ตั๊กขณะที่ออกกำลังกาย 60% ของ 180 ก็
00:37:26 → 00:37:29 ประมาณ 108 ครั้งต่อนาทนาทีถือว่าควรจะ
00:37:29 → 00:37:34 เต้นเกิน 108 ครั้งถึง 80% ของ 180 144
00:37:34 → 00:37:37 ครั้ง 188 ครั้งถึง 144 ครั้งต่อนาทีคน
00:37:37 → 00:37:40 ที่อายุ 40 เวลาวิ่งออกกำลังกายหัวใจต้อง
00:37:40 → 00:37:42 เต้นอยู่ระหว่าง 108 ครั้งถึง 144 ครั้ง
00:37:43 → 00:37:45 ต่อนาทีงั้นคนที่อายุมากขึ้นก็เต้นช้า
00:37:45 → 00:37:49 หน่อยได้ช้าหน่อยลงมาเช่นคนอายุ 60 ่ะ
00:37:49 → 00:37:53 อายุ 60 220 - 60 คือ 160 นะครับอ 60%
00:37:53 → 00:37:56 ของ 160 ก็คือ 96 ครั้งต่อนาทีแค่นั้นเอง
00:37:56 → 00:37:59 คนอายุ 60 ไม่ได้เยอะเออแค่เดินเร็วๆก็ 96
00:37:59 → 00:38:01 กว่าอ่าก็ประมาณ 100 ครั้งแล้วแต่หัวใจ
00:38:01 → 00:38:04 พี่เต้นช้ามากเลยหมอพี่เต้นแค่ 58 แสดง
00:38:04 → 00:38:07 ว่าแข็งแรง 58-60 แสดงว่าออกกำลังกายเป็น
00:38:07 → 00:38:10 ประจำอ๋อเหรอฮะแต่ละคนมันมันไม่เท่ากันเ
00:38:10 → 00:38:13 จะพี่เต้นช้ามากช้าช้าจนตลกอ่ะนะฮะเพราะ
00:38:13 → 00:38:17 งั้นก็ลองคูณดูก็คือต้องอยู่ระหว่างเนี้ย
00:38:17 → 00:38:20 60-80 per คของอัตราเต้นหัวใจคือ 220
00:38:20 → 00:38:23 ลบด้วยอายุนะะและติดต่อกันอย่างน้อยๆ
00:38:24 → 00:38:26 เนี่ยต่อครั้งเนี่ยครึ่งชั่วโมงและวัน
00:38:26 → 00:38:29 เว้นวันเป็นอย่างน้อยโหรือถ้ารวบ 2 ข้อ
00:38:29 → 00:38:32 นี้ก็คือ 150 นาทีต่อสัปดาห์คือพูดง่ายๆ
00:38:32 → 00:38:34 ว่าถ้าวันละครึ่งชั่วโมงก็ 5 วันต่อ
00:38:34 → 00:38:36 สัปดาห์ถ้าวันละ 50 นาทีก็ 3 วันต่อ
00:38:36 → 00:38:39 สัปดาห์ค่ะเพราคนส่วนไม่ได้ยากตอนที่ไป
00:38:39 → 00:38:41 ออกกำลังกายยากตอนที่ไม่เคยออกแล้วต้องไป
00:38:41 → 00:38:44 ออกอืคือคนที่ไม่เคยออกอันเนี้ยยากสุดไม่
00:38:44 → 00:38:46 ยอมออกเลยพอออกปุ๊บเดี๋ยวก็จะเวียนหัว
00:38:46 → 00:38:49 เดี๋ยวก็จะอันนู้นอันนี้นะฮะขยับตอนนี้
00:38:49 → 00:38:52 เรียกออกกำลังกายค่ะขยับตอนใกล้ตายเรียก
00:38:52 → 00:38:55 กายภาพบำบัดอออ่าก็ต้องเลือกเอาว่าจะไป
00:38:55 → 00:38:59 อยากไปกายภาพคือแบบไหน 2 อย่าใช่จริงๆไม่
00:38:59 → 00:39:01 ยากหรอกนะฮะใช่ก็อย่างที่บอกอ่ะการป้อง
00:39:02 → 00:39:05 กันเนี่ยง่ายกว่าการรักษาเยอะมากค่ะอย่าง
00:39:05 → 00:39:08 เสื้อสมองแตกแตกไปแล้วเนี่ยถ้าก้อนเท่าก
00:39:08 → 00:39:12 ปั้นแล้วเนี่ยผ่าให้รอดได้นะแต่แต่ผมผ่า
00:39:12 → 00:39:15 แบบนี้มาเนี่ยเหมือนผลิตคนพิการน่ะเพราะ
00:39:15 → 00:39:18 สมองมันเสียหายไปแล้วคือผ่าตัดสมองเนี่ย
00:39:18 → 00:39:20 เหมือนผลิตคนพิการเพราะว่าถ้าก้อนมันใหญ่
00:39:20 → 00:39:22 อ่ะถ้าก้อนมันเล็กมันไม่ต้องผ่าเราบอก
00:39:22 → 00:39:25 เค้าได้มั้ว่าไม่ต้องผ่าหรอกไม่ได้เมัน
00:39:25 → 00:39:28 แล้วแต่ญาติจะเลือกพี่ตว่าวันนึงเนี่ยถ้า
00:39:28 → 00:39:30 สมมุติว่าคนข้างๆเราเกิดแตกขึ้นมาเนี่ย
00:39:30 → 00:39:34 เราทำใจได้ที่จะปล่อยตายอืทำใจไม่ได้หรอก
00:39:34 → 00:39:37 อืเพราะว่าผมก็จะให้ทางเลือกญาติบางคน 80
00:39:37 → 00:39:40 ละก้อนทองกำปั้นเลยถ้าผ่ารอดออกมาเนี่ย
00:39:40 → 00:39:43 เป็นผักแน่ๆก็คือนอนติดเตียงแน่ๆก็ญาติก็
00:39:43 → 00:39:46 ต้องเลือกอ่ะส่วนมากเลือกไงส่วนใหญ่ก็คือ
00:39:46 → 00:39:49 เลือกสู้เต็มที่เพราะลูกอ่ะมันต้องรู้สึก
00:39:49 → 00:39:51 ผิดไปตลอดชีวิตอ่ะถ้าปล่อยให้พ่อตายอ่ะ
00:39:51 → 00:39:54 แต่ปัญหาก็คือว่าถ้าพ่อสั่งไว้เนี่ยจะไม่
00:39:54 → 00:39:57 มีปัญหาเลยก็มีคนไข้หลายคนที่ทำฟิใบสั่ง
00:39:58 → 00:40:01 เสียไว้ว่าถ้าฉันจะต้องพิการหรือติดเตียง
00:40:01 → 00:40:04 เนี่ยอ่าไม่ต้องมาผ่าสมองฉันนะปล่อยให้
00:40:04 → 00:40:06 ฉันไปอย่างเงี้ย
00:40:06 → 00:40:09 ๆอถ้ามีแบบเนี้ยญาติจะตัดสินใจง่ายและ
00:40:09 → 00:40:13 ญาติจะไม่รู้สึกผิดอ๋อเพราะลูกๆทุกคน
00:40:13 → 00:40:16 เนี่ยสมมุติว่ามีลูก 3 คนน่ะแค่ลงความ
00:40:16 → 00:40:19 เห็นไม่ตรงกันสักคนนึงมันก็รู้สึกผิดละอื
00:40:19 → 00:40:23 ว่าจะปล่อยให้พ่อไปหรือว่าจะผ่าตัดพ่ออือ
00:40:23 → 00:40:27 ๆอ่าเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ก็ถ้ามีคนข้างกายเ
00:40:27 → 00:40:30 ก็ต้องบอกกันไว้ว่าจะให้ทำกับฉันยังไงอีก
00:40:30 → 00:40:33 เรื่องนะหมออันนี้ถามอยากรู้เพราะว่าตัว
00:40:33 → 00:40:36 เองเนี่ยเป็นคนที่ดื่มกาแฟดำตอนเช้าแต่
00:40:36 → 00:40:39 บ่ายอทำไงก็เลิกไม่ได้ต้องขอใส่นมหน่อย
00:40:39 → 00:40:43 บางคนบอกว่าคนเป็นโรคหัวใจเป็นโรคความดัน
00:40:43 → 00:40:48 ไม่ควรกินกาแฟจริงมั้ยจริงเพราะเพราะว่า
00:40:48 → 00:40:51 การดื่มกาแฟเนี่ยที่มีคาเฟอีนนะทำให้เกิด
00:40:51 → 00:40:53 ความนันมันชู้ดขึ้นไปกรณีนี้ที่พูดถึง
00:40:53 → 00:40:55 เนี่ยก็คือคนที่คุมความนันได้ไม่ดีนะ
00:40:56 → 00:40:59 สำหรับคนที่คุมความันได้ดีค่ะไม่เป็นไร
00:40:59 → 00:41:02 เพราะฉะนั้นเนี่ยตอบคำถามก็คือว่าคนที่
00:41:03 → 00:41:06 เป็นความดันโลหิตสูงถ้าคุมความนันได้ดี
00:41:06 → 00:41:09 ดื่มได้ครับอ๋อดื่มได้ถ้าเป็นความนันสูง
00:41:09 → 00:41:13 แล้วคุมได้ไม่ดีไม่ควรดื่มเพราะมันจะยิ่ง
00:41:13 → 00:41:17 ทำให้คุมความนันยากใช่เวลาไปว่าความดันก็
00:41:17 → 00:41:20 ถามว่าดื่มกาแฟมารือเปล่าขึ้นขึ้นปี๊ดเลย
00:41:20 → 00:41:22 สูงปอ่าพอสูงปี๊ดเลยเนี่ยตอนนั้นเนี่ย
00:41:22 → 00:41:25 สมมุติว่าเส้นเลือดมันเยินอยู่่ะรูที่ตีบ
00:41:25 → 00:41:28 เวลาความนันมันชูตขึ้นไปเนี่ยมันจะโหดตัว
00:41:29 → 00:41:31 ออมันจะโหดตัวรูที่ตีบกลายเป็นรูที่ตัน
00:41:32 → 00:41:34 มั้ยออเหรอคอ่าเพราะฉะนั้นการการที่มี
00:41:35 → 00:41:37 ความดันสไปท์ขึ้นไปเลยหรือว่าชูตขึ้นไป
00:41:37 → 00:41:39 เนี่ยจากการดื่มกาแฟหน่อยโดยเฉพาะตอนเช้า
00:41:39 → 00:41:41 ตรู่เนี่ยต้องระวังเลยสำหรับคนที่เป็น
00:41:41 → 00:41:45 ความดันโลหิตสูงเพราะความดันโลหิตสูง
00:41:45 → 00:41:48 เนี่ยช่วงเช้าตรูเนี่ยยามันจะชอบหมดฤทธิ์
00:41:48 → 00:41:50 อเพราะฉะนั้นเนี่ยตื่นขึ้นมาปุ๊บอย่า
00:41:50 → 00:41:53 เพิ่งดื่มกาแฟนะฮะค่ะวัดความนันก่อนถ้า
00:41:53 → 00:41:57 ความนันเกิน 140 ไม่ควรดื่มแล้วกาแฟอหรือ
00:41:57 → 00:42:01 ถ้าจะดื่มก็ต้องทานยาความดันเพราะว่าไม่
00:42:02 → 00:42:04 ต้องรอไม่ต้องรอไหลังอาหารเช้าแล้วค่อย
00:42:04 → 00:42:08 ทานยาความดันนะเป็นแค่กุศโลบายที่ให้คน
00:42:08 → 00:42:11 ไข้เนี่ยไม่ลืมทานยาแค่นั้นยาความดันไม่
00:42:11 → 00:42:13 ได้กัดกระเพาะเพราะฉะนั้นตื่นขึ้นมาเนี่ย
00:42:13 → 00:42:16 ทานเลยยาความดันวัดความดันเลยถ้าไม่เกิน
00:42:16 → 00:42:20 140 ก็ดื่มได้อย่างปลอดภัยแต่ถ้าเกิน 140
00:42:20 → 00:42:25 ก็ควรจะทานยาก่อนแล้วก็วัดซ้ำถ้าความนาลง
00:42:25 → 00:42:27 แล้วค่อยดื่มกาแฟให้ต่ำกว่า 100 40
00:42:27 → 00:42:30 อันเนี้ยถึงจะปลอดภัยสำหรับคนที่ชอบดื่ม
00:42:30 → 00:42:35 กาแฟช่วงเท้าตรูมีคนไข้ผมหลายคนที่ชอบมา
00:42:35 → 00:42:39 ตอนเช้าตู่แก้วกาแฟหล่นจากมือโอ้อันนี้
00:42:39 → 00:42:41 คือเป็นขณะที่กำลังดื่มกาแฟเลยนะคือกาแฟ
00:42:41 → 00:42:43 ยังไม่ทันหมดแก้วเลยกาแฟหล่นแักยืเพราะ
00:42:43 → 00:42:46 ว่าอ่อนแรงนะครับเพราะว่าความนันที่มัน
00:42:46 → 00:42:48 ชู้ตขึ้นไปเนี่ยนะจะทำให้เส้นเลือดสมอง
00:42:48 → 00:42:52 มันทนไม่ไหวมันก็แตกอออันนี้คือทนไม่ไหว
00:42:52 → 00:42:56 นะก็คือเส้เลสมองแตกแตกปุ๊บก็อัมพาตนะฮะ
00:42:56 → 00:43:00 บางคนนะเส้นเลืสมองมันตีบอยู่แล้วความนัน
00:43:00 → 00:43:02 มันชูดขึ้นไปจากกาเฟอีนจากกาแฟขณะที่
00:43:02 → 00:43:05 กำลังดื่มเนี่ยนะอันนี้ทนไหวแต่มันโหดตัว
00:43:05 → 00:43:08 ่ะโหดตัวอย่างรุนแรงแต่ว่ารูที่ตีบเนี่ย
00:43:08 → 00:43:11 มันกลายเป็นรูที่ตันสมองก็ขาดเลือดก็อ่อน
00:43:11 → 00:43:14 แรงแก้วกาแฟก็หล่นไปจากมืออันนี้ก็เจอ
00:43:14 → 00:43:17 บ่อยในตอนเช้ารูโรคที่ 2 ที่ไม่ควรจะดื่ม
00:43:17 → 00:43:20 กาแฟก็คือหัวใจเต้นผิดจังหวะใอืเพราะหัว
00:43:20 → 00:43:22 ใจเต้นผิดจังหวะเนี่ยคาเฟอีนเนี่ยจะไป
00:43:22 → 00:43:25 กระตุ้นให้มันไฟฟ้าในหัวใจมันยิ่งรวนไป
00:43:25 → 00:43:27 กว่าเดิมอ่ะมันก็เลยกลายเป็นว่าว่าหัวใจ
00:43:27 → 00:43:29 จะเต้นผิดจังหวะมากขึ้นก็เกิดลิ่มเลือด
00:43:29 → 00:43:31 ปลิวก็ไม่อุดในสมองมันก็เลยกลายเป็นว่า
00:43:31 → 00:43:35 หัวใจเต้นผิดจังหวะจากคาเฟอีนไปกระตุ้น 2
00:43:35 → 00:43:39 โรคนี้ที่ไม่ควรจะดื่มกาแฟคือความันเหุ
00:43:39 → 00:43:41 สูงแล้วคุมได้ไม่ดีถ้าคุมได้ดีดื่มไปเลย
00:43:41 → 00:43:43 หัวใจเต้นผีจังหวะไม่ควรดื่มแล้วแล้วชา
00:43:44 → 00:43:47 เหรอคะคล้ายๆกาแฟมั้ยชากับกาแฟเนี่ยมี
00:43:47 → 00:43:49 คาเฟอีนเหมือนกันครับพี่ทักค่ะเพราะ
00:43:49 → 00:43:52 ฉะนั้นตัวการสำคัญก็คือคาเฟอีนอยู่ดีอื
00:43:52 → 00:43:55 เพราะฉะนั้นชาที่เป็นแบบชาเข้มๆนะชาที่
00:43:55 → 00:43:58 กินไปแล้วรู้สึกรู้สึกเฟื่อนๆอันเนี้ย
00:43:58 → 00:44:01 คาเฟอีนคาเฟอีนพวกเยจะทำให้ความดันขึ้น
00:44:01 → 00:44:04 และหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เพราะฉะนั้นก็
00:44:04 → 00:44:07 ต้องระวังในชาที่ชงเข้มๆค่ะนะครับแต่ถ้า
00:44:07 → 00:44:10 เป็นชาเขียวมัจฉะอะไรก็ขึ้นอยู่กับปริมาณ
00:44:10 → 00:44:14 คาเฟอีนถ้าคาเฟอีนไม่มากเนี่ยไม่เป็นไร
00:44:14 → 00:44:16 ถ้าคาเฟอีนมากก็ต้องระวังในคนที่เป็นความ
00:44:16 → 00:44:18 นันโดหิตสูงแค่นั้นครับแล้วแล้วมันมี
00:44:18 → 00:44:20 เครื่องดื่มอะไรที่มันจะเป็นประโยชน์แล้ว
00:44:20 → 00:44:23 สามารถลดความดันได้เอาเอาแบบธรรมชาติคาเา
00:44:23 → 00:44:26 เพราะโกโก้เนี่ยช่วยลดความดันได้นิดๆเติม
00:44:26 → 00:44:31 นมได้มั้ยไม่ควรควรจะเป็นไม่อร่อยขมคนเรา
00:44:31 → 00:44:33 มันติดอร่อยนะบเออใช่ๆความนอมันติดอร่อย
00:44:33 → 00:44:37 คนเรายอมตายเพะความอร่อยคาคาหรือโกโก้ชง
00:44:37 → 00:44:41 ร้อนๆให้กินแทงกาแฟมันช่วยอะไรชันช่วยมัน
00:44:41 → 00:44:43 มีลาวนอยช่วยลดความนันได้ดีอ๋อทำให้
00:44:43 → 00:44:48 อารมณ์ดีช่วยลดการเป็นไมเกรนช่วยลดอาการ
00:44:48 → 00:44:51 ซึมเศร้าออช่วยช่วยได้หลายอย่างมากนะ
00:44:51 → 00:44:55 คาเคาเนี่ยโกโก้หรือคาเคานะฮะบางทีมันมา
00:44:55 → 00:44:57 คนบางทีมันเขียนคาเคาบางทีมันเขียนเหมือน
00:44:57 → 00:44:59 กัน Dark ช็อกโกแลตอ่าแต่ถ้าเป็น
00:44:59 → 00:45:02 ช็อกโกแลตเนี่ยบางทีมันจะผสมน้ำตาลกับนม
00:45:02 → 00:45:06 มาแล้วงซึ่งน้ำตาลก็มีพิษนมก็มีไขมันเอมี
00:45:06 → 00:45:08 มีเป็นสมุนไพรบ้างมั้ยฮะบางคนอาจจะไม่กิน
00:45:08 → 00:45:12 กาแฟไม่กินโกโก้สมุนไพรได้มอ่ะอันนี้ก็
00:45:12 → 00:45:15 เป็นคำถามที่ดีที่ผมมักจะโดนถามบ่อยค่ะ
00:45:15 → 00:45:17 ตอนเยอยู่ในงานวิจัยอยู่มีสมุนไพรอยู่ 3
00:45:18 → 00:45:20 อย่างที่ยังอยู่ในงานวิจัยของมังอยู่ใน
00:45:20 → 00:45:22 งานวิจัยยังยังไม่ได้ขอนนะซึ่งมีแนวโน้ม
00:45:22 → 00:45:27 ว่าได้ผลอือขิงแก่พุชาจีนเห็ดหูหนูตุน
00:45:27 → 00:45:30 ร่วมกันเป็นงานวิจัยของมชเลยซึ่งตอนนี้
00:45:30 → 00:45:33 กำลังจะเอามาตีพิมพ์ละอ่าเป็นเฟสแรกผ่าน
00:45:33 → 00:45:35 ไปะซึ่งมีการทดลองกับยาตัวอื่นทดลองใน
00:45:35 → 00:45:39 สัตว์ทดลองอยู่อ่านะครับและตอนนี้เนี่ยก็
00:45:39 → 00:45:42 เป็นผลิตภัณฑ์ของมหาลัยเชียงใหม่ซึ่งขิง
00:45:42 → 00:45:45 แก่ผู้สาเจนเห็ดหูหนูเห็ดหูหนูอออ่ะแล้ว
00:45:45 → 00:45:47 เป็นงานวิจัยทำให้หลอดเลือดที่หลอดเลือด
00:45:47 → 00:45:50 ที่ตีบๆเนี่ยในงานวิจัยเนี่ยพบว่าเส้น
00:45:50 → 00:45:54 เลือดโล่งขึ้นอ๋อนะผลจากแอนตี้ออกซินผล
00:45:54 → 00:45:57 จากการลดไขมันมีผลหลายอย่างมากเลยออืครับ
00:45:57 → 00:46:00 ซึ่งเป็นผลดีกับร่างกายหมดค่ะนะคะอยากให้
00:46:00 → 00:46:02 คุณหมอฝากข้อคิดเตือนใจหน่อยเกี่ยวกับ
00:46:02 → 00:46:05 เรื่องของโรคหลอดเลือดสมองหรือที่เรา
00:46:05 → 00:46:10 เรียกให้ถูกก็คือสกนั่นเองครับสกเป็นโรค
00:46:10 → 00:46:13 ที่ป้องกันได้ค่ะขยับตอนนี้เรียกออกกำลัง
00:46:13 → 00:46:16 กายขยับตอนใกล้ตายเรียกกายภาพบำบัดแค่ออก
00:46:16 → 00:46:18 กำลังกายเนี่ยช่วยลดปัจจัยเสี่ยงได้หมด
00:46:18 → 00:46:21 เลยการออกกำลังกายช่วยเลิกบุหรี่ได้ออก
00:46:21 → 00:46:23 กำลังกายช่วยลดความเครียดเครียดปุ๊บอย่า
00:46:23 → 00:46:26 ไปสูบบุหรี่เครียดปุ๊บอย่าไปกินเหล้านะ
00:46:26 → 00:46:29 ครับเิดปุ๊บให้ออกกำลังกายการออกกำลังกาย
00:46:29 → 00:46:33 ช่วยให้เอ็นดอร์ฟินหลังเพิ่มภูมิต้านทาน
00:46:33 → 00:46:35 เพิ่มความยึดหยุ่นของหลอดเลือดนะครับดี
00:46:35 → 00:46:38 กับร่างกายนะครับเพราะว่าถ้ารอให้มันเป็น
00:46:38 → 00:46:41 สตกแล้วถ้าเป็นเส้นเลือดสมองตันถึงจะมา
00:46:41 → 00:46:44 ทันก็แค่โยนหัวโยนก้อยว่าคุณจะพิการมการ
00:46:44 → 00:46:48 ฉีดยาเข้าไปละลายได้ผลแค่ 35 -50% ถ้า
00:46:48 → 00:46:50 เส้นเลือดแตกแล้วเป็นในตำแหน่งที่พิการ
00:46:50 → 00:46:53 ผ่าตัดให้รอดได้แต่ก็เหมือนผลิตคนพิการ
00:46:53 → 00:46:58 เพิ่มขึ้นมา 1 คนอืซึ่งมีผลกับครอบครัวนะ
00:46:58 → 00:47:02 ครับคนที่เป็นคือคนที่ไม่กลัวไม่เคยระวัง
00:47:02 → 00:47:05 ว่าวันนึงฉันต้องไปนอนใน ICU คนที่ระวัง
00:47:05 → 00:47:09 คือคนที่ไม่เป็นถ้าเมื่อไหร่ที่นะฮะดูหมอ
00:47:09 → 00:47:12 ประชาผ่าตัดสมองแล้วคุณเอาไปทำตามนะคุณจะ
00:47:12 → 00:47:15 ไม่เป็นสตกวันนี้ขอบคุณหมอมากค่ะชมรายการ
00:47:15 → 00:47:19 ตก Talk แล้วก็อย่าลืมนะคะกดไลค์กดแชร์กด
00:47:19 → 00:47:22 Subscribe ทางช่อง Live doot ทั้งทาง
00:47:22 → 00:47:24 ช่อง YouTube และ Facebook ด้วยนะคะแล้ว
00:47:24 → 00:47:27 ก็อย่าลืมกดกระดิ่งแจ้งเตือนด้วยนะคะจะ
00:47:27 → 00:47:30 ได้ไม่พลาดสาระดีๆจากช่อง Live doot ของ
00:47:30 → 00:47:32 เราอย่าลืมนะคะ
00:47:32 → 00:47:36 [เพลง]