00:00:00 → 00:00:02 มันมีสัญญาณอะไรครับที่กำลังจะบอกว่านี่

00:00:02 → 00:00:05 ฉันกำลังเผชิญกับภาวะความเครียดแล้ว

00:00:05 → 00:00:07 [เพลง]

00:00:07 → 00:00:10 นะคือจริงๆสัญญาณความเครียดที่เกิดขึ้นมา

00:00:10 → 00:00:12 เนี่ยพอถึงจุดๆนึงเนี่ยมันจะส่งสัญญาณไป

00:00:12 → 00:00:15 ทางชีวภาพให้ร่างกายเรารับรู้ก่อนครับ

00:00:15 → 00:00:18 ครับเช่นคุณภาพการนอนที่มันเปลี่ยนแปลงไป

00:00:18 → 00:00:21 อ่าเราอาจจะนอนได้ไม่ดีเหมือนเดิมครับ

00:00:21 → 00:00:25 ต้องใช้เวลาในการการล้มตัวลงนอนแล้วกว่า

00:00:25 → 00:00:27 จะเข้าสู่การนอนหลับที่มีคุณภาพอาจจะช้า

00:00:27 → 00:00:31 ลงครับหรือเราอาจจะตื่นบ่อยขึ้นหรือตื่น

00:00:31 → 00:00:33 ง่ายขึ้นมีเสียงกมีเสียงหรือมีเสียง

00:00:33 → 00:00:36 กระตุ้นเล็กน้อยก็ตื่นแล้วหรือตื่นเช้า

00:00:36 → 00:00:39 ขึ้นแล้วก็ไม่สามารถจะนอนหลับต่อได้พวก

00:00:39 → 00:00:42 นี้คือรูปแบบของการนอนที่ที่ผิดไป

00:00:42 → 00:00:45 อันเนี้ยคือสัญญาณเบื้องต้นครับสัญญาณที่

00:00:45 → 00:00:49 มาเป็นลำดับ 2 ที่ไล่ไล่ๆกันมาเลยก็คือมี

00:00:49 → 00:00:52 อาการปวดเรื้อรังเกิดขึ้นปวดเรื้อรังใช่

00:00:52 → 00:00:55 ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดศีรษะหรือว่ามีอาการ

00:00:55 → 00:00:58 เกร็งของของกล้ามเนื้อที่มากขึ้นเลยทำให้

00:00:58 → 00:01:01 มีอาการปวดตามส่วนต่างๆอย่างเช่นกวดคอบ่า

00:01:01 → 00:01:03 ไหล่อะไรพวกนี้ใช่มั้ฮะใช่ครับซึ่งบาง

00:01:03 → 00:01:05 ครั้งเราก็เผลอไปสับสนกับการเป็นออฟิ

00:01:05 → 00:01:08 Syndrome ของเราออครับซึ่งจริงๆแล้วมัน

00:01:08 → 00:01:11 อาจจะเป็นสัญญาณนึงที่อาจจะเป็น Office

00:01:11 → 00:01:13 syndrome ด้วยก็ได้หรืออาจจะเป็นสัญญาณ

00:01:13 → 00:01:14 ของความตึงตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้น

00:01:15 → 00:01:17 จากความเครียดที่เราซ่อนเร้นอยู่ภายในโดย

00:01:17 → 00:01:20 ที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ครับอ้อสัญญาณที่มา

00:01:20 → 00:01:22 เป็นลำดับต่อๆมานะครับเช่นเรื่องของ

00:01:22 → 00:01:25 เสถียรภาพทางอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อ

00:01:25 → 00:01:28 ก่อนอาจจะทนบางอย่างได้มากกว่านี้ตอนนี้

00:01:28 → 00:01:31 ก็อาจจะหงุดหงิดง่ายขึ้นอาจจะหงุดหงิดกับ

00:01:31 → 00:01:34 เรื่องที่เมื่อก่อนเคยอดทนได้อ่านะครับ

00:01:34 → 00:01:37 หรือว่าสมาธิความจำในการโฟกัสสิ่งต่างๆ

00:01:37 → 00:01:41 เนี่ยบกพร่องไปทำงานผิดพลาดง่ายขึ้นหรือ

00:01:41 → 00:01:44 เหมือนกับอบางคนเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็น

00:01:44 → 00:01:47 อัลไซเมอร์หรือเป็นความจำเสื่อมทั้งๆที่

00:01:47 → 00:01:49 จริงๆตรงนี้ต้องต้องแยกออกจากกันครับอือ

00:01:50 → 00:01:52 ปัญหาความจำที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่แล้วอ่ะ

00:01:52 → 00:01:56 70% ของคนที่อายุยังไม่ถึง 65 ครับส่วน

00:01:56 → 00:01:58 ใหญ่เกิดจากภาวะเครียดหรือภาวะซึมเศร้า

00:01:58 → 00:02:00 ที่ซ่อนเน้นอยู่ออมันเลยทำให้เราไม่

00:02:00 → 00:02:03 สามารถที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรากำลัง

00:02:03 → 00:02:05 โฟกัสกันอยู่ตอนนั้นได้เพราะฉะนั้นข้อมูล

00:02:05 → 00:02:08 พวกนั้นไม่ได้เข้าสู่สมองเราครับการที่

00:02:08 → 00:02:10 เราจำไม่ได้ไม่ได้แปลว่าเนื้อสมองเรามี

00:02:10 → 00:02:13 ปัญหาครับแต่มันเกิดจากเราไม่ได้โฟกัสกับ

00:02:13 → 00:02:16 ข้อมูลนั้นและข้อมูลนั้นน่ะไม่ได้แม้

00:02:16 → 00:02:19 กระทั่งผ่านเข้าไปในสมองเรามันก็เลยไม่

00:02:19 → 00:02:21 สามารถที่จะเรียกคืนข้อมูลนั้นกลับมาได้

00:02:21 → 00:02:24 ครับนะครับอันนี้คือสัญญาณที่จะเจอเป็น

00:02:24 → 00:02:28 เป็นอีก 2 ลำดับรองลงมาเพราะฉะนั้น 4 ข้อ

00:02:28 → 00:02:30 ที่คุณหมอเอกให้นี่เราสามารถเอามาเป็น

00:02:30 → 00:02:32 เครื่องในการสังเกตตัวเราเองได้เลยใช่

00:02:32 → 00:02:35 มั้ยฮะครับเป็นสัญญาณต้นๆสัญญาณต้นเบื้อง

00:02:35 → 00:02:37 ต้นว่าเราอาจจะกำลังเครียดอยู่ครับแล้ว

00:02:37 → 00:02:41 ถ้า 4 สัญญาณนี้นะครับอ่าคนที่กำลังเผชิญ

00:02:41 → 00:02:46 อยู่มองข้ามไปไม่รู้คิดว่าเอ๊นอนไม่หลับ

00:02:46 → 00:02:47 มันอาจจะเกิดอะไรบางอย่างมั้งอะไรเงี้ยฮะ

00:02:47 → 00:02:49 หรือว่าปวดเมื่อยตามตัวก็คิดว่าเป็น

00:02:49 → 00:02:51 Office syndrome มั้งหรือว่าหรือถ้าลืม

00:02:51 → 00:02:53 ก็อาจจะคิดว่าเอานหลงลืมเล็กๆน้อยๆไม่คิด

00:02:53 → 00:02:55 ว่ามันเป็นสัญญาณเตือนเรื่องความเครียด

00:02:55 → 00:02:58 แล้วไม่ได้ไปจัดการดูแลมันมันจะพัฒนาไป

00:02:58 → 00:03:00 เป็นอะไรต่อไปครับลองคิดคิดดูว่าสมมุติ

00:03:00 → 00:03:03 ว่าเราเราใช้งานอะไรสักอย่างไปเรื่อยๆ

00:03:03 → 00:03:06 แล้วคุณภาพของการพักผ่อนหรือการพักใช้

00:03:06 → 00:03:08 สิ่งนั้นมันพร่องไปโอกาสที่จะเกิดความ

00:03:08 → 00:03:12 เสื่อมหรือความเสียหายของอุปกรณ์สิ่งต่าง

00:03:12 → 00:03:14 ๆเหล่านั้นมันก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเพราะ

00:03:14 → 00:03:16 ฉะนั้นทางทางชีวภาพก็เช่นเดียวกันครับ

00:03:16 → 00:03:19 เมื่อมีความเครียดสะสมมากๆมันจะถึงจุดๆ

00:03:19 → 00:03:21 นึงที่เรียกว่ามีโรคหรือภาวะต่างๆเกิด

00:03:21 → 00:03:24 ขึ้นซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราก็ที่เราพบบ่อย

00:03:24 → 00:03:27 เลยจริงๆก็คือเป็นโรคเครียดหรือว่าเป็น

00:03:27 → 00:03:30 โรคซึมเศร้าที่เราอาจจะคุ้นหูกันมาก

00:03:30 → 00:03:36 อืการเป็นนหหถึงว่ามันเกิดร่องรอยเปลี่ยน

00:03:36 → 00:03:39 แทางชีวภาพบางอย่าอที่ทำให้เกิดการ

00:03:39 → 00:03:43 เปลี่ยนแปลงของของสารเคมีในสมองบางอย่าง

00:03:43 → 00:03:45 แล้วทำให้มันไม่สามารถดีดกลับได้ด้วยตัว

00:03:45 → 00:03:49 เองแล้วครับนั่นคือเหตุผลที่ว่าหลายคน

00:03:49 → 00:03:52 เนี่ยไม่สามารถที่จะจัดการความเครียดได้

00:03:52 → 00:03:54 ดีเท่าเดิมเมื่อก่อนความเครียดขนาดนี้

00:03:54 → 00:03:57 สามารถจัดการได้ได้ง่ายกว่านี้เมื่อก่อน

00:03:57 → 00:04:00 ความรู้สึกเศร้าความรู้สึกไม่มีความสุข

00:04:00 → 00:04:03 เราสามารถที่จะจัดการให้มันสลายหายไปได้อ

00:04:03 → 00:04:05 ตอนนี้กลายเป็นว่าเราไม่สามารถจัดการได้

00:04:05 → 00:04:08 ดีเหมือนเดิมแล้วมันก็เลยกลายเป็นคิดลบ

00:04:08 → 00:04:11 ต่อตัวเองว่าเอ้ยทำไมเราจัดการไม่ได้เรา

00:04:11 → 00:04:14 อาจจะไม่ดีพอหรือเราอาจจะไม่ได้เก่งพอที่

00:04:14 → 00:04:17 เราจะจัดการมันได้มันเลยกลายเป็นการโทษตน

00:04:17 → 00:04:20 เองซึ่งกลายเป็นวงจรที่ทำให้เราคิดลบต่อ

00:04:20 → 00:04:23 ตัวเองมากขึ้นแล้วก็คิดลบต่ออนาคตคิดลบ

00:04:23 → 00:04:26 ต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกลายเป็นภาวะซึม

00:04:26 → 00:04:30 เศร้าและโรคซึมเศร้าต่อมาได้แล้วครับจาก

00:04:30 → 00:04:32 จากสัญญาณเตือนเล็กๆที่เมื่อกี้ 4 ข้อ

00:04:32 → 00:04:35 นั่นถ้าหากว่าไม่รู้ตัวหรือไม่ไม่หาทาง

00:04:35 → 00:04:38 แก้ไขมันสามารถพัฒนาต่อกลายเป็นโรคซึม

00:04:38 → 00:04:41 เศร้าได้เลยนะครับใช่ครับออแล้วเราถามถึง

00:04:41 → 00:04:43 คนรอบๆตัวบ้างถ้าหากว่าตัว Sandwich

00:04:43 → 00:04:45 Generation นี่เริ่มมีภาวะอะไรแบบนี้ฮะ

00:04:45 → 00:04:48 มันจะเริ่มส่งผลต่อคนรอบๆตัวยังไงบ้าง

00:04:48 → 00:04:49 ครับ Sandwich Generation เรามีความ

00:04:49 → 00:04:52 เครียดมากขึ้นมันจะมีผลกระทบด้านลบที่

00:04:52 → 00:04:55 เกิดขึ้นต่อหน่วยอื่นๆโดยอัตโนมัติอยู่

00:04:55 → 00:04:59 แล้วเช่นโอกาสที่คุณพ่อคุณแม่จะระเบิด

00:04:59 → 00:05:03 อารมณ์ใส่ลูกหรือว่าใส่ใส่คุณปู่คุณย่าก็

00:05:03 → 00:05:07 จะมีมากขึ้นหรือว่าเอ่ออาจจะมีความบก

00:05:07 → 00:05:10 พร่องในการดูแลเช่นคุณพ่อคุณแม่ก็จะลืม

00:05:10 → 00:05:13 กิจวัตรประจำวันบางอย่างที่ที่ควรจะทำก็

00:05:13 → 00:05:16 อาจจะหลงลืมไปแล้วทำให้เกิดการละเลยหรือ

00:05:16 → 00:05:19 มองข้ามในบางเรื่องไปก็ทำให้เกิดเกิดหลาย

00:05:19 → 00:05:22 ๆอย่างที่เป็นปัญหาเกิดมาตามมาในบ้านได้

00:05:22 → 00:05:26 นะครับอืครับซึ่งแน่นอนว่าพอแนวช

00:05:26 → 00:05:28 Generation มีปัญหาก็จะส่งผลกระทบต่อคน

00:05:28 → 00:05:30 อื่นๆในครอบครัวอย่างที่คุณหมอบอกก็เป็น

00:05:30 → 00:05:32 หน่วยย่อยนะฮะมันก็จะกระทบกันไปทั่ว

00:05:32 → 00:05:35 บุพการีที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่ของคน

00:05:35 → 00:05:37 เจนลูกถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ก็อย่าลืมกด

00:05:37 → 00:05:41 Subscribe ไว้ด้วยนะครับ