00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:07 world vi The Voice อาการบาดเจ็บที่ 4
00:00:07 → 00:00:10 สานะคะมันหมายถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจาก
00:00:10 → 00:00:14 แรงภายนอกอาจจะเกิดจากการเล่นกีฬาฟุตบอล
00:00:14 → 00:00:19 ตีเทนนิสชกงวยหรือการขี่มอเตอร์ไซค์แล้ว
00:00:19 → 00:00:21 ไม่สวมหมกกันน็อคถ้าเป็นในผู้สูงอายุก็
00:00:21 → 00:00:24 อาจจะเกิดจากการพัดตกหกล้มและเกิดการ
00:00:24 → 00:00:27 กระแทบของศีรษะปวดหัวรุนแรงเนี่ยค่ะเป็น
00:00:27 → 00:00:30 อาการที่เกิดขึ้นภายหลังจากการบาดเจ็บจะ
00:00:30 → 00:00:33 รู้สึกปวดหัวมากกินยาแล้วก็ไม่ทุเลค่ะ
00:00:33 → 00:00:36 อาเจียนที่เกิดจากการบาดเจ็บที่ศีรษะจะมี
00:00:36 → 00:00:40 ลักษณะเฉพาะค่ะก็คือผู้ป่วยอ่ะจะอาเจียน
00:00:40 → 00:00:42 พุ่งออกมาเลยโดยไม่มีอาการคลื่นไส้
00:00:42 → 00:00:45 อาเจียนนำมาก่อน
00:00:45 → 00:00:49 ค่ะฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:55 This Is
00:00:55 → 00:00:58 pbsc วันนี้มาติดตามรับฟังกันค่ะคุณผู้
00:00:58 → 00:01:01 ฟังถึงเรื่องของการสังเกตอาการนะคะถ้า
00:01:01 → 00:01:04 เกิดว่าได้รับบาดเจ็บศีรษะเราจะต้องทำ
00:01:04 → 00:01:07 อย่างไรวันนี้เราจะคุยกับอาจารย์ดร
00:01:07 → 00:01:09 พรทิพย์สุยาสิท์ค่ะจากพรรควิชาการพยาบาล
00:01:09 → 00:01:12 ศัลยศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:01:12 → 00:01:16 มหิดลค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:16 → 00:01:18 ค่ะมาคุยกันถึงเรื่องของอาการบาดเจ็บที่
00:01:18 → 00:01:20 โอ้โหอาจจะต้องเป็นเรื่องที่น่ากังวล
00:01:20 → 00:01:23 เพราะเป็นเรื่องของที่ศีรษะของเราอ่ะนะคะ
00:01:23 → 00:01:26 อาจารย์ทีนี้อยากจะให้อาจารย์ได้นิยามคำ
00:01:26 → 00:01:29 ว่าอาการบาดเจ็บที่ศีรษะให้ฟังหน่อยค่ะ
00:01:29 → 00:01:32 ว่าว่ามันต้องอาการประมาณไหนหรืออะไรยัง
00:01:32 → 00:01:36 ไงที่ถือว่าเนี่ยคือการบาดเจ็บที่ศีรษะคะ
00:01:36 → 00:01:39 ค่ะก็คืออาการบาดเจ็บที่ศีรษะนะคะมันหมาย
00:01:39 → 00:01:42 ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากแรงภายนอกมา
00:01:42 → 00:01:45 กระทบต่อศีรษะทำให้เกิดการบาดเจ็บของ
00:01:45 → 00:01:50 เนื้อเยื่อต่อหนังศีรษะกลกศีรษะหรือสมอง
00:01:50 → 00:01:54 ค่ะซึ่งการบาดเจ็บนี้นะคะอาจจะเกิดจากการ
00:01:55 → 00:02:00 เล่นกีฬาฟุตบอลตีเทนนิสชกมวยหรือการขี่
00:02:00 → 00:02:03 มอเตอร์ไซค์แล้วไม่สวมหมวกกันน็อคนะคะ
00:02:03 → 00:02:05 หรือถ้าเป็นในผู้สูงอายุก็อาจจะเกิดจาก
00:02:05 → 00:02:09 การพัดตกหกล้มและเกิดการกระแทกของศีรษะ
00:02:09 → 00:02:12 ค่ะค่ะอือันนี้คือนิยามของอาการเกิดการ
00:02:12 → 00:02:15 บาดเจ็บที่ศีรษะใช่มั้ยคะแต่ว่าค่ะถ้า
00:02:16 → 00:02:18 เป็นอาการแบบปวดหัวรุ่นแรงหรืออะไรพวกนี้
00:02:18 → 00:02:21 อันนี้ไม่ไม่ได้นับหรือว่ามีแบบอะไรภายใน
00:02:21 → 00:02:24 สะไม่ไม่เกี่ยวใช่มั้ยคะออ๋อก็คือเอ่อ
00:02:24 → 00:02:27 อาการปวดหัวรุนแรงเนี่ยค่ะเป็นอาการที่
00:02:27 → 00:02:31 เกิดขึ้นภายหลังจากการบาดเจ็บศีรษะอืซึ่ง
00:02:31 → 00:02:33 ความจริงมันมีหลายกลุ่มอาการค่ะที่บบอก
00:02:33 → 00:02:37 ว่าอาจจะเกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะและสมอง
00:02:37 → 00:02:40 ได้ค่ะซึ่งอาการปวดหัวรุนแรงเนี้ยก็เป็น
00:02:40 → 00:02:43 หนึ่งในอาการนั้นค่ะคือผู้ป่วยจะรู้สึก
00:02:43 → 00:02:47 ปวดหัวมากกินยาแล้วก็ไม่ทุเราค่ะแล้วก็จะ
00:02:47 → 00:02:51 มีอาการอื่นๆร่วมด้วยนะคะเช่นผู้ป่วยอาจ
00:02:51 → 00:02:54 จะมีระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงค่ะตอน
00:02:54 → 00:02:57 แรกเนี่ยเขาอาจจะพูดคุยโต้ตอบกับเรารู้
00:02:57 → 00:03:01 เรื่องแต่พอผ่านไปสักพักอยู่ดีๆเขาไม่พูด
00:03:01 → 00:03:05 เขาพูดจาสับสนซึมถามก็ไม่ตอบอันเนี้ยก็
00:03:05 → 00:03:09 เป็นอาการที่บ่งบอกอาการนึงค่ะว่ามีการ
00:03:09 → 00:03:12 บาดเจ็บที่เกิดขึ้นในสมองค่ะอนอกจากเนี้ย
00:03:12 → 00:03:15 มันก็ยังมีอาการอื่นอีกนะคะอย่างเช่นเอ่อ
00:03:15 → 00:03:18 ผู้ป่วยมีอาเจียนแต่ว่าอาเจียนเนี้ยไม่
00:03:18 → 00:03:20 ใช่อาเจียนจากอาหารเป็นพิษอะไรอย่างงี้นะ
00:03:21 → 00:03:23 คะอาเจียนที่เกิดจากการบาดเจ็บที่ศีรษะจะ
00:03:23 → 00:03:26 มีลักษณะเฉพาะค่ะก็คือผู้ป่วยอ่ะจะ
00:03:26 → 00:03:29 อาเจียนพุ่งออกมาเลยโดยไม่มีอาการคลื่น
00:03:29 → 00:03:32 ไส้อาเจียนนำมาก่อนค่ะถ้าบาดเจ็บรุนแรง
00:03:32 → 00:03:35 มากๆเลยเนี่ยความจริงแล้วผู้ป่วดก็จะมี
00:03:35 → 00:03:39 อาการชักเกร็งอาจจะทั้งตัวทั้งร่างกาย
00:03:39 → 00:03:42 หรืออาจจะชักเกร็งเฉพาะส่วนจะเกิดขึ้น
00:03:42 → 00:03:45 ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายก็ได้ค่ะค่ะ
00:03:45 → 00:03:48 หรืออาจจะมีอาการตาร่ามัวถ้าเกิดส่วนที่
00:03:49 → 00:03:52 บาดเจ็บนั้นไปเกี่ยวข้องกับส่วนที่ควบคุม
00:03:52 → 00:03:55 การทำงานของเส้นประสาทตาค่ะกล้ามเนื้อ
00:03:55 → 00:04:00 อ่อนแรงแขนขายกไม่ขึ้นหรือรู้สึกชานะคะ
00:04:00 → 00:04:03 ที่บริเวณส่วนต่างๆของร่างกายอันอาการ
00:04:03 → 00:04:06 เหล่าเทั้งหมดอ่ะค่ะก็เป็นอาการที่เรา
00:04:06 → 00:04:10 สามารถอนุมานได้ว่าคนไข้เนี้ยอาจจะมีการ
00:04:10 → 00:04:14 บาดเจ็บที่สมองเกิดขึ้นค่ะอืนั้นแสดงว่า
00:04:14 → 00:04:17 การเกิดการบาดเจ็บที่สมองที่ศีรษะแบบนี้
00:04:17 → 00:04:20 เนี่ยอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุก็ขึ้น
00:04:20 → 00:04:22 อยู่กับว่าไปไปเจออะไรมาใช่มั้ยคะเพียง
00:04:22 → 00:04:25 แต่ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นในภายนอกก่อนใน
00:04:25 → 00:04:29 ช่วงเวลาตอนแรกๆแต่พอผ่านไปสักระยะนึง
00:04:29 → 00:04:32 เนี่ยก็มีอาการอย่างที่เอาจารย์บอกตามมา
00:04:32 → 00:04:36 แบบนี้ถูกมมคะถูกต้องค่ะเพราะว่าจริงๆ
00:04:36 → 00:04:39 แล้วอาการต่างๆเนี้ยมันขึ้นอยู่กับความ
00:04:39 → 00:04:43 รุนแรงของการบาดเจ็บค่ะคือถ้าผู้ป่วยบาด
00:04:43 → 00:04:46 เจ็บเพียงเล็กน้อยอย่างเช่นเอ่ออาจจะแค่
00:04:46 → 00:04:50 พัดตกหกล้มเราก็อาจเอ่อผู้ป่วยก็อาจจะแค่
00:04:50 → 00:04:53 มีอาการหัวโนใช่มั้ยคะแต่ถ้าเกิดสมมุติ
00:04:53 → 00:04:56 ว่าการบาดเจ็บนั้นมันรุนแรงมากๆอืมีแรง
00:04:56 → 00:05:02 ที่มากระทบต่อสมองค่ะจนสมองเกิดการบวมช้ำ
00:05:02 → 00:05:05 หรือมีเลือดออกภายในสมองก็จะทำให้อาการ
00:05:05 → 00:05:09 เหล่านั้นน่ะค่ะรุนแรงมากขึ้นก็คือมีการ
00:05:09 → 00:05:12 เปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวมีอาการ
00:05:12 → 00:05:16 ปวดหัวอาเจียนชักเกงซึ่งอาการเหล่าเเป็น
00:05:16 → 00:05:19 อาการทางระบบประสาทที่เป็นข้อบ่งชี้ว่า
00:05:19 → 00:05:24 เอ่อสมองเราอ่ะทำงานไม่ปกติแล้วนะอย่า
00:05:24 → 00:05:27 เงี้ยค่ะอืก็คือต้องสังเกตตัวเองหรือว่า
00:05:28 → 00:05:31 คนที่อยู่ด้วยนะคะอาจจะไม่ได้ทราบว่าเอ่อ
00:05:31 → 00:05:33 ผู้ได้รับบาดเจ็บเนี่ยเค้าไปไปโดนหรือไป
00:05:33 → 00:05:36 กระทบกับอะไรมาแต่ว่าถ้ามันมีอาการเหล่า
00:05:36 → 00:05:39 นี้แล้วเริ่มแบบว่าผิดปกติไปอย่างที่
00:05:39 → 00:05:43 อาจารย์บอกก็ควรรีบไปพบแพทย์เลยอย่าปล่อย
00:05:44 → 00:05:47 ทิ้งไว้ใช่มคะใชอืใชค่ะเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:05:47 → 00:05:50 ถ้าเกิดสมมุติคนใกล้ตัวเราเนี้ยแบบว่าหก
00:05:50 → 00:05:54 ล้มมาใช่มั้ยคะมันสำคัญมากเลยนะคะผู้ดูแล
00:05:54 → 00:05:58 หรือคนใกล้ชิดที่จะต้องสังเกตอาการอย่าง
00:05:58 → 00:06:03 น้อยเอ่อ 1-2 วันนะคะเพราะว่าอาการบาด
00:06:03 → 00:06:05 เจ็บศีรษะเนี้ยอาการอาจจะไม่ได้แสดงออกมา
00:06:05 → 00:06:10 โดยทันทีอืเพราะฉะนั้นเนี่ยผู้ดูแลหรือ
00:06:10 → 00:06:13 ตัวคนไข้เองจะต้องสังเกตอาการอย่างใกล้
00:06:13 → 00:06:18 ชิดโดยประเมินอาการที่บอกไปข้างต้นน่ะค่ะ
00:06:18 → 00:06:22 ทุกๆ 2-4 ช่วโมงลองดูซิว่าญาติเราที่เขา
00:06:23 → 00:06:26 บาดเจ็บเนี้ยเคพฤติกรรมเปลี่ยนไปมยหรือ
00:06:26 → 00:06:30 เขาบ่นปวดหัวหรือเขามีอาการผิดปกติอะไร
00:06:30 → 00:06:33 ค่ะใช่ค่ะอืคือถ้าเป็นผู้ใหญ่เนี่ยอาจจะ
00:06:33 → 00:06:35 ไม่ค่อยน่ากังวลค่ะแต่ถ้าเกิดขึ้นกับเด็ก
00:06:36 → 00:06:39 เล็กค่ะบางทีเาอาจจะสื่อสารกับเราแล้วเรา
00:06:39 → 00:06:41 อาจจะไม่เข้าใจเราคิดว่าเอ๊ะมันคืออาการ
00:06:41 → 00:06:44 ปวดหัวโดยปกติทั่วไปอ่ะกินยาหรืออะไร
00:06:44 → 00:06:47 อย่างเงี้ยอ่ะแต่ว่าก็ต้องสังเกตว่า 1-2
00:06:47 → 00:06:50 วันนี้เป็นยังไงนะคะแล้วก็ทุกๆ 2-4
00:06:50 → 00:06:53 ช่วโมงมีอะไรที่ผิดปกติไปจากเดิมอูต้อง
00:06:53 → 00:06:57 ละเอียดมากๆเลยนะคะอาจารย์ใช่ค่ะคือความ
00:06:57 → 00:07:00 จริงเด็กเนี้ยอย่างที่ที่กล่าวไปอ่ะค่ะก็
00:07:00 → 00:07:02 คือเค้ามีถ้ายิ่งเป็นเด็กเล็กเนี่ยเค้า
00:07:02 → 00:07:06 ไม่สามารถพูดกับเราได้ตรงๆเเเค้าบอกเรา
00:07:06 → 00:07:09 ไม่ได้ว่าเค้าปวดหัวเาบอกไม่ได้ว่าเค้า
00:07:09 → 00:07:12 รู้สึกไม่สบายอะไรยังไงเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:07:12 → 00:07:15 ผู้ปกครองอ่ะค่ะก็ต้องสังเกตอาการผิดปกติ
00:07:15 → 00:07:18 อย่างเช่นเด็กดูร้องไห้งอแงดูหงุดหงิด
00:07:18 → 00:07:22 ซึ่งมันเป็นอาการที่เกิดจากเอ่อเค้ารู้
00:07:22 → 00:07:25 สึกไม่สบายตัวนะคะหรือพฤติกรรมเปลี่ยน
00:07:25 → 00:07:29 แปลงไปค่ะอย่างเช่นเค้าเคยกินเคยนอนดื่มม
00:07:29 → 00:07:34 ได้สาว่า้อยู่ดีๆไม่กินนะคะหรือนอนทั้ง
00:07:34 → 00:07:38 วันปลุกไม่ตื่นเลยหรือถ้าอาการบาดเจ็บมัน
00:07:38 → 00:07:42 รุนแรงมากเขาอาจจะมีอาการชักค่ะค่ะชักอาจ
00:07:42 → 00:07:46 จะแบบชักเฉพาะส่วนมือชักที่มือชักที่หัว
00:07:46 → 00:07:50 หรือแบบอาจจะชักเกรงทั้งตัวเลยซึ่งอาการ
00:07:50 → 00:07:53 เหล่าเนี้ยเป็นอาการที่บ่งบอกว่าอืลูกของ
00:07:53 → 00:07:56 เราเนี่ยน่าจะมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นที่
00:07:56 → 00:08:00 สมองละหลังจากเกิดขึ้นเอ่อหลังจากบาดเจ็บ
00:08:00 → 00:08:04 ที่ศีรษะค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็ต้องรีบนำ
00:08:04 → 00:08:08 ส่งโรงพยาบาลค่ะซึ่งการในอันเนี้ยอาจารย์
00:08:08 → 00:08:11 อยากจะเน้นย้ำนิดนึงว่าไม่ว่าในผู้เด็ก
00:08:11 → 00:08:13 หรือญ่เอ่อขอขออภัยค่ะไม่ว่าในเด็กหรือ
00:08:13 → 00:08:17 ผู้ใหญ่อ่ะค่ะถ้าเกิดเราต้องนำส่งเ้าไป
00:08:17 → 00:08:20 ที่โรงพยาบาลมันสำคัญมากเลยที่เราจะต้อง
00:08:21 → 00:08:25 ให้คนไข้อ่ะค่ะนอนราบนอนตัวตรงแล้วก็หัน
00:08:25 → 00:08:28 ตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งค่ะเพราะว่า
00:08:28 → 00:08:32 เพื่อป้องกันการสำลักเศษอาหารนะคะอย่าง
00:08:32 → 00:08:35 ที่บอกไปว่าเอ่อผู้ป่วยที่บาดเจ็บศีรษะ
00:08:35 → 00:08:38 เนี่ยเขาสามารถมีอาเจียนพุ่งได้ใช่มั้คะ
00:08:38 → 00:08:40 ถ้าเกิดสมมุติเราให้เขานอนหน้าตรงอะไร
00:08:40 → 00:08:44 อย่างเงี้ยเศษอาหารมันอาจจะเอ่อหลุดลงไป
00:08:44 → 00:08:47 ในหลอดลมหรือเข้าไปในปอดก็จะเกิดภาวะแทรก
00:08:47 → 00:08:50 ซ้อนตามมาอีกได้อ่ะค่ะเพราะฉะนั้นก็คือ
00:08:50 → 00:08:54 แนะนำเลยว่าควรจะเคลื่อนใยผู้ป่วยคือให้
00:08:54 → 00:08:57 นอนราบและนอนตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง
00:08:57 → 00:09:00 ไม่ไม่นั่งตรงๆเพราะเพราะว่าถ้าเกิด
00:09:00 → 00:09:03 สมมุติเนั่งตรงๆคอเพับใช่มั้คะเาไม่รู้
00:09:03 → 00:09:07 สึกตัวเขาก็จะหายใจได้ลำบากอีกอ่ะค่ะอ๋อ
00:09:07 → 00:09:10 นี่คือข้อควรระวังเลยนะเพราะว่าเอาจริงๆ
00:09:10 → 00:09:12 นะในการที่จะส่งผู้ป่วยในเบื้องต้นหรือ
00:09:12 → 00:09:14 อะไรเงี้ยในการที่จะดูแลเบื้องต้นบางที
00:09:14 → 00:09:18 เราอาจจะไม่ได้รู้ถึงวิธีการที่เหมาะสม
00:09:18 → 00:09:21 ที่ถูกต้องอันนี้คือที่คิดว่าคืออ้านอน
00:09:21 → 00:09:24 ทรงโรงพยาบาลปกติธรรมดาไปแต่ว่าอันนี้
00:09:24 → 00:09:28 ต้องตะแคงอ่าสำคัญตรงนี้นอนราบไปนอนนนนอน
00:09:28 → 00:09:32 ราบนอนตรงค่ะแต่ว่าตะแคงหน้าไปด้านด้านใด
00:09:32 → 00:09:35 ด้านหนึงแตะแคงแค่ศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่ง
00:09:35 → 00:09:39 ตัวก็ยังนอนราบปกติอืใช่ค่ะแต่ตัวนอนตรงๆ
00:09:39 → 00:09:43 อ๋อแต่ต้องเป็นแบบนอนราบนะอย่านั่งอย่า
00:09:43 → 00:09:46 เอ่อเป็นเตียงแบบเอียงหรืออะไรอย่างงี้
00:09:46 → 00:09:49 ใช่มั้ยคะเอานอนราบอย่างเดียวเลยอ๋อใช่
00:09:49 → 00:09:53 ค่ะใช่ค่ะหันอศีรษะตะแคงนิดนึงอป้องกัน
00:09:53 → 00:09:58 การสำลักอาหารเดี๋ยวอาหารถ้าเกิดแบบอาหาร
00:09:58 → 00:10:01 หลุดลงไปเปอปอดนะคะคนไข้ก็จะมีภาวะแทรก
00:10:01 → 00:10:04 ซ้อนมาเกิดปอดติดเชื้อปอดอักเสบอะไรอย่าง
00:10:04 → 00:10:08 งี้ค่ะก็ต้องรักษากันยาวเลยค่ะค่ะโอ้โห
00:10:08 → 00:10:12 อันนี้คือเป็นแบบว่าสิ่งที่เราจะทำได้
00:10:12 → 00:10:15 แล้วก็ในกรณีที่เราไม่รู้แหละว่าเอ่อคน
00:10:16 → 00:10:18 ที่ได้รับบาดเจ็บเนี่ยเขาไปโดนอะไรมาแต่
00:10:18 → 00:10:22 ว่ามันมีอาการผิดปกติะไม่ไม่น่าจะไหวแค่
00:10:22 → 00:10:24 การกินยาหรืออะไรอย่างงี้แล้วนะก็ใช้วิธี
00:10:24 → 00:10:29 การแบบนี้อ่าพาไปโรงพยอุ๊ยแอาจารย์คะถ้า
00:10:29 → 00:10:31 เกิดจะพาไปโรงพยาบาลเองเอาจริงๆนะรถเรา
00:10:31 → 00:10:34 อ่ะไม่ได้เหมาะในการนอนราบนะส่วนใหญ่เรา
00:10:34 → 00:10:36 ก็อ่ะมีคนขับคนนึงใช่มั้ยคะสมมุติถ้าเป็น
00:10:36 → 00:10:39 รถเก๋งอ่ะคนนั่งอยู่ข้างหลังประคองอไม่
00:10:39 → 00:10:42 ได้นอนราบนะแล้วเราจะปล่อยถ้านอนราบจริงๆ
00:10:42 → 00:10:46 เนี่ยอืมไม่น่าราบได้นะคะอาจารย์อย่างนี้
00:10:46 → 00:10:49 จะยังไงดีคอออันนี้เข้าใจค่ะด้วว่าข้อ
00:10:49 → 00:10:53 จำกัดของของรถอ่ะค่ะส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถ
00:10:53 → 00:10:56 ยนต์ส่วนบุคคลใช่มั้ยคะก็เพราะฉะนั้น
00:10:56 → 00:10:59 เนี่ยก็แนะนำก็คืออาจจะให้คนไข้อ่ะค่ะนอน
00:11:00 → 00:11:04 นอนที่เบาะหลังอ่ะค่ะแล้วก็ให้ตะแคงศีรษะ
00:11:04 → 00:11:05 เพื่อที่จะให้
00:11:06 → 00:11:09 เอ่อระบายพวกเสษอาหารอะไรอย่างเงี้ยออกมา
00:11:09 → 00:11:12 คะไม่เ้าไม่ให้เขากลืนลงไปหรือถ้าแบบมีรถ
00:11:12 → 00:11:18 กระบะออก็ด้านหลังใช่อผ่อนกันได้เลยค่ะ
00:11:18 → 00:11:21 ไม่ไม่โอ๋แล้วไม่ต้องเอาหมอนมาให้หนุนไม่
00:11:21 → 00:11:23 ต้องอะไรเลยใช่มั้ยคะหรือว่ายังไงดีคะ
00:11:23 → 00:11:27 เพราะว่ากระบะโอ้อาจจะความกระแทกหรืออะไร
00:11:27 → 00:11:30 มันไม่ได้แบบอ๋อจะนอนหนุนหมอนได้ค่ะแต่
00:11:30 → 00:11:34 ว่าออแต่อย่าหมอนสูงมากนอนหนุหมอนได้อื
00:11:34 → 00:11:36 ใช่แต่ว่าไม่ใช่แบบเอ่อเค้าเรียกว่าอะไร
00:11:36 → 00:11:39 นั่งศีรษะสูงอะไรอย่างเงี้ยไม่ไม่ไม่ถึง
00:11:39 → 00:11:42 ขั้นนั้น่ะค่ะจะเป็นในลักษณะของท้านอน
00:11:42 → 00:11:44 หนุนหมอนได้ค่ะแต่ว่าเพียงแค่ว่าต้อง
00:11:44 → 00:11:47 ตะแคงหน้าออกมาอืออันนี้สำคัญมากตะแคง
00:11:47 → 00:11:51 หน้าอันนี้ย้ำเลยนะคะก็แสดงว่าอาจจะมีคน
00:11:51 → 00:11:54 ประคองไปหน่อยอ่านอนนอนนอนบนตักประคองแต่
00:11:54 → 00:11:59 หันศีรษะออกไปหรืออะไรอย่างงี้เนาะเอออ่
00:11:59 → 00:12:03 พับค่ะอันเนี้ยสำคัญมากค่ะอืแล้วก็รีบส่ง
00:12:03 → 00:12:06 โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดให้เร็วที่สุดเลย
00:12:06 → 00:12:11 ใช่มั้คะใช่ค่ะอืแล้วแล้วก็พอทีนี้พอ
00:12:11 → 00:12:15 แพทย์เ้าตรวจร่างกายประเมินอาการแล้วแล้ว
00:12:15 → 00:12:18 ถ้าเกิดสมมุติว่าแพทย์เ้าเอ่อพิจารณาแล้ว
00:12:18 → 00:12:22 ว่าการบาดเจ็บไม่ได้รุนแรงนะคะคนไข้
00:12:22 → 00:12:25 สามารถกลับมาสังเกตอาการแล้วก็รักษาตัว
00:12:25 → 00:12:30 ต่อได้ที่บ้านอันเนี้ยก็มีพ่อควรปฏิบัติ
00:12:30 → 00:12:33 อยู่ว่าผู้บาดเจ็บอ่ะควรจะปฏิบัติตนอย่าง
00:12:33 → 00:12:36 ไรแล้วก็ผู้ดูแลควรจะดูแลยังไงค่ะเดี๋ย
00:12:36 → 00:12:41 โดยเฉพาะเอ่อผู้บาดเจ็บเนี่ยก็ควรจะอข้อ
00:12:41 → 00:12:43 แรกเลยก็คือผู้บาดเจ็บควรรับประทานยาตาม
00:12:43 → 00:12:47 แพทย์สั่งนะคะแล้วก็มาตรวจตามนัดทุกครั้ง
00:12:47 → 00:12:51 แม้ว่าอาการจะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้ว
00:12:51 → 00:12:56 ชันฉันไม่ได้มีอาการผิดปกติทางระบบประสาท
00:12:56 → 00:12:59 อะไรแต่ว่าสำคัญมากๆคือต้องมาหาหมอตามที่
00:12:59 → 00:13:03 นัดค่ะแล้วก็งดดื่มสุราแอลกอฮอล์ค่ะเพราะ
00:13:03 → 00:13:06 ว่าเอ่อสุราเครื่องดื่มเครื่องดื่มที่มี
00:13:07 → 00:13:09 แอลกอฮอล์เนี่ยค่ะมันมีฤทธิ์ไปกดระบบ
00:13:09 → 00:13:13 ประสาทค่ะพอมันไปกดระบบประสาทมันก็จะไปบด
00:13:14 → 00:13:19 บังอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสมองทำให้
00:13:19 → 00:13:23 สาทำให้แยกยากค่ะว่าพฤติกรรมที่เขาซึมลง
00:13:23 → 00:13:27 เนี้ยอืเา้าซึมลงเพราะว่าเอ่อบาดเจ็บที่
00:13:27 → 00:13:31 สมองหรือว่าเซึมลงเพราะว่าิของแอลกอฮอล์
00:13:31 → 00:13:35 อย่างเงี้ยค่ะอใช่แล้วก็ยนอนหลับไม่ควร
00:13:35 → 00:13:39 ห้ามรับประทานใช้คำว่าห้ามรับประทานเพราะ
00:13:39 → 00:13:42 ว่ากลไกเดียวกันเลยค่ะก็คือมันจะไปกดการ
00:13:42 → 00:13:45 ทำงานของระบบประสาทและทำให้คนไข้ดูหลับ
00:13:45 → 00:13:50 ตลอดเวลาค่ะค่ะอืแล้วก็นอกจากเนี้ยค่ะใน
00:13:50 → 00:13:53 บางรายถ้าเกิดสมมุติว่ากลับมาที่บ้านแล้ว
00:13:53 → 00:13:58 นะคะแล้วรู้สึกว่ามีน้ำออกทางจมูกเป็นน้ำ
00:13:58 → 00:14:01 ใส่สายหรืออาจจะแบบเป็นน้ำสีชมพูหรือเป็น
00:14:01 → 00:14:05 น้ำออกมาค่ะที่ไม่ใช่น้ำมูกอ่ะค่ะก็ก็ก็
00:14:05 → 00:14:08 ห้ามสั่งน้ำมูกเด็ดเด็ดขาดนะคะเพราะว่า
00:14:08 → 00:14:13 จริงๆแล้วเนี่ยมันอาจจะเป็นน้ำจากสมองและ
00:14:13 → 00:14:17 ไข่สั่นหลังที่แบบซึมออกมาตามรอยแยกเพราะ
00:14:17 → 00:14:20 ฉะนั้นเนี่ยถ้ามีน้ำซึมไหลออกมาไม่หยุด
00:14:20 → 00:14:24 เลยให้รีบกลับมาพบแพทย์ค่ะเพื่อที่จะได้
00:14:24 → 00:14:28 รับการรักษาอย่างถูกต้องอืแล้วค่ะแล้ว
00:14:28 → 00:14:32 แล้วก็ญาติและผู้ดูแลก็ควรจะเฝ้าระวัง
00:14:32 → 00:14:36 แล้วก็ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงทางเอ่อ
00:14:36 → 00:14:39 ระบบประสาทพูดง่ายๆก็คือเอ่อระดับความรู้
00:14:39 → 00:14:42 สึกตัวอาการปวดศีรษะอาเจียนพุ่งอย่างที่
00:14:42 → 00:14:46 กล่าวไปข้างต้นน่ะค่ะทุกๆ 2-4 ชมงเลย
00:14:46 → 00:14:50 อย่างน้อย 2 วันเพื่อติดตามอาการค่ะเกิด
00:14:50 → 00:14:54 สมมุติว่าอย่างที่บอกไปว่าความอ่าอาการ
00:14:54 → 00:14:57 บาดเจ็บที่สมองมันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นโดย
00:14:57 → 00:15:02 ทันทีหลังจากบาดเจ็บมันอาจอาจจะเกิดขึ้น
00:15:02 → 00:15:05 เมื่อเวลาผ่านไปหลักเป็นหลักชั่วโมงหรือ
00:15:05 → 00:15:06 หลักวันอย่างเงี้ยคะเพราะฉะนั้นก็ต้อง
00:15:07 → 00:15:10 ประเมินอาการอย่างต่อเนื่องแล้วก็ผู้ป่วย
00:15:10 → 00:15:14 เองค่ะก็ต้องรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย
00:15:14 → 00:15:18 ค่ะเพราะว่า 1 เลยก็คือเราไม่อยากให้ผู้
00:15:18 → 00:15:21 ป่วยมีอาการท้องผูกเพราะว่าไม่ไม่น่า
00:15:21 → 00:15:25 เชื่อนะคะเวลาเราเบ่งเวลาเราเบ่งเคยเคเคย
00:15:25 → 00:15:29 เบ่งอุจจาระใช่มั้ยคะค่ะเราเราจะรู้สึก
00:15:29 → 00:15:33 ว่ามันจะมีแรงดันที่ช่องท้องเยอะมากออแรง
00:15:33 → 00:15:36 ดันแรงดันที่ช่องท้องเนี่ยค่ะมันส่งผลต่อ
00:15:36 → 00:15:42 แรงดันในศีรษะอ๋อก็จะยิ่งทำให้อาการแย่ลง
00:15:42 → 00:15:45 ค่ะอันนี้คือเป็นเป็นเป็นปกติใช่มั้เ่อ
00:15:45 → 00:15:48 ไม่ต้องบาดเจ็บก็ก็ใช้แรงดันอย่างงี้ปกติ
00:15:48 → 00:15:51 อยู่แล้วใช่มั้ยอ๋อเหรอใช่ใช่ๆคือคือปกติ
00:15:51 → 00:15:54 คนเราถ้าไม่บาดเจ็บศีรษะนะคะเวลาถ้าเรา
00:15:54 → 00:15:56 ถ้าแบบมีอาการท้องผูกอ่ะค่ะแล้วเราต้อง
00:15:56 → 00:16:00 เบ่งอุจจาระแรงๆอค่ะเราเราจะรู้สึกได้ถึง
00:16:00 → 00:16:03 แรงดันในช่องท้องแล้วบางทีเบ่งแล้วรู้สึก
00:16:03 → 00:16:09 แรงดันมันออกหูออกตาออกจมูกแบบเบ่งแบบ
00:16:09 → 00:16:13 อือแบบเหมือนเส้นเลือดที่หัวมันโปร่งเลย
00:16:13 → 00:16:15 อะไรอย่างเงี้ยค่ะคือความจริงอ่ะมันมัน
00:16:15 → 00:16:19 ส่งผลถึงกันค่ะก็คือไม่ไม่ให้ผู้ป่วยเบ่ง
00:16:20 → 00:16:26 ถ่ายอค่ะกินหารอนะเออใช่ค่ะก็อันนี้ก็
00:16:26 → 00:16:30 เป็นสิ่งที่เอ่อควรจะสังเกตแล้วก็ดูแลต่อ
00:16:30 → 00:16:34 หลังจากที่ผู้ป่วยกลับบ้านมาค่ะค่ะอ่าโดย
00:16:34 → 00:16:37 เฉพาะอย่างยิ่งเ่อผู้สูงอายุนะคะหลายท่าน
00:16:37 → 00:16:39 เวลาที่อาจจะอยู่ไกลโรงพยาบาลอย่างงี้
00:16:39 → 00:16:42 เนาะอาจารย์หลายท่านก็อาจจะบอกว่าองการไป
00:16:42 → 00:16:45 โรงพยาบาลก็เป็นเรื่องยากลำบากลูกหลานอาจ
00:16:45 → 00:16:47 จะไม่ได้อยู่ใกล้หรือใครจะพาไปโรงพยาบาล
00:16:47 → 00:16:49 ก็ลำบากเงี้ยเนาะเวลาถ้าเกิดสมมุติว่าไป
00:16:49 → 00:16:52 ประสบอุบัติเหตุเอ่อสมองได้รับการกระทบ
00:16:52 → 00:16:54 กระเทือนแบบเนี้ยนะก็เป็นห่วงเหมือนกันนะ
00:16:54 → 00:16:58 คะแต่ว่าถ้าไม่ไหวเอิ่มยังไงดีถ้าไม่ไหว
00:16:58 → 00:17:00 หรือว่าว่าถ้าแบบดูผิดปกติเนี่ยคือยังไง
00:17:00 → 00:17:03 ก็ต้องไปนะคะคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายนะคะ
00:17:03 → 00:17:08 อันนี้ฝากบอกไว้เออใช่ค่ะเพราะว่าเอ่อเรา
00:17:08 → 00:17:13 การการที่เอ่อเราไปรับการรักษาให้ทันท่วง
00:17:13 → 00:17:16 ทีเนี่ยค่ะสำคัญมากๆเพราะว่ามันจะป้องกัน
00:17:16 → 00:17:20 ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นตามหลังมาได้ค่ะ
00:17:20 → 00:17:23 ป้องกันความพิการที่เกิดขึ้นจากการที่
00:17:23 → 00:17:28 สมองบาดเจ็บหรือลดโอกาสเสียชีวิตได้นะคะ
00:17:28 → 00:17:31 มากๆเลยคือใช่ค่ะอันนี้ก็เป็นจุดที่แบบ
00:17:31 → 00:17:33 อยากเน้นย้ำก็คือถ้ามีอาการผิดปกติหรือ
00:17:33 → 00:17:37 แบบเอ่ออาการใดอันอาการนึงไม่ต้องรอให้มี
00:17:37 → 00:17:40 ครบทุกอาการนะคะก็คือถ้ามีแค่อาการเดียว
00:17:40 → 00:17:43 ดังที่กล่าวไปเนี่ยก็คือไปได้เลยค่ะไม่
00:17:43 → 00:17:46 ต้องรอเออไม่ไม่ต้องกังวลว่าเดี๋ยวคุณหมอ
00:17:46 → 00:17:49 จะยุ่งนะคะให้คุณหมอยุ่งอค่ะถ้าเราไม่ไหว
00:17:49 → 00:17:55 นะคะแต่ว่าอันนี้คือน่าห่วงกว่าการบาด
00:17:55 → 00:17:57 เจ็บศีรษะที่เห็นแผลที่เห็นแบบเอ้ยเลือด
00:17:57 → 00:18:00 ออกหรืออะไรอย่างงี้ใช่มั้ยคะถ้าแบบอไม่
00:18:00 → 00:18:02 มีอะไรให้เราได้เห็นหรือสังเกตแล้วต้อง
00:18:02 → 00:18:05 กลับมาดูว่าเอ๊ะทำไม 2-3 วันแล้วดูแปลกๆ
00:18:05 → 00:18:09 อะไรอย่างเงี้ยค่ะค่ะก็คือเอ่อปกติเอ่อ
00:18:09 → 00:18:12 ถ้าถึงขั้นเลือดออกอ่ะค่ะปกติเนี่ยร่าง
00:18:12 → 00:18:15 กายเราเนี่ยมันมีความสามารถถ้าถ้าแบบไม่
00:18:15 → 00:18:18 ได้บาดเจ็บรุนแรงนะคะร่างกายเรามีความ
00:18:18 → 00:18:22 สามารถที่จะหยุดการไหลของเลือดได้เองอืก็
00:18:22 → 00:18:25 คือวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเลยก็คือถ้า
00:18:25 → 00:18:28 เลือดออกก็คือหาผ้าสะอาดค่ะหรือเอ่อผ้า
00:18:28 → 00:18:32 กอสถ้ามีนะคะที่บ้านก็คือมากดเพื่อหยุด
00:18:32 → 00:18:36 เลือดไว้นะคะหรือใช้ความเย็นจากน้ำแข็ง
00:18:36 → 00:18:39 แต่ก็แบบเอาอาจจะใช้ถุงพลาสติกห่อนิดนึง
00:18:39 → 00:18:42 ไม่ให้น้ำจากน้ำแข็งมันไหลหยดลงไปในแผล
00:18:42 → 00:18:46 อ่ะค่ะอออกดกดเพื่อห้ามเลือดไว้เพราะว่า
00:18:46 → 00:18:49 ความเย็นน่ะค่ะมันจะทำให้หลอดเลือดหยุด
00:18:49 → 00:18:52 เอ่อหดตัวพอหลอดเลือดหดตัวปุ๊บเลือดก็จะ
00:18:52 → 00:18:55 หยุดไหลค่ะแต่ทีนี้ถ้าเกิดสมมุติว่าเรา
00:18:55 → 00:18:59 ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วผ่านไปไปหลาย
00:18:59 → 00:19:01 ชั่วโมงแล้วเลือดก็ไหลไม่หยุดเลยอันเนี้ย
00:19:01 → 00:19:04 ก็ควรจะไปโรงพยาบาลค่ะเพราะว่าอาจจะต้อง
00:19:04 → 00:19:08 เย็บแผลหรือเปล่าหรืออาจจะต้องมีการดูแล
00:19:08 → 00:19:11 รักษาอย่างอื่นเพิ่มเติมอ่ะค่ะค่ะแล้วก็
00:19:11 → 00:19:14 ที่สำคัญเลยค่ะอันนี้ขอเน้นย้ำอีกนิดนึง
00:19:14 → 00:19:17 เอ่อผู้สูงอายุอ่ะค่ะถ้าเกิดการพัดตกหก
00:19:17 → 00:19:21 ล้มแล้วมีศีรษะกระแทกเนี้ยถือว่ามีความ
00:19:21 → 00:19:25 เสี่ยงสูงที่จะเกิดเอ่อการบาดเจ็บที่
00:19:25 → 00:19:29 รุนแรงตามมาได้เพราะว่าด้วยความเปราะบาง
00:19:29 → 00:19:32 ที่เกิดขึ้นตามช่วงวัยอ่ะค่ะผู้สูงอายุ
00:19:32 → 00:19:35 เขาไม่ได้ร่างกายแข็งแรงเหมือนเราอ่ะค่ะ
00:19:35 → 00:19:39 เขาก็มีโอกาสที่จะเจอเอ่อภาวะแทรกซ้อน
00:19:39 → 00:19:42 หลังการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าวัยผู้ใหญ่
00:19:42 → 00:19:45 ทั่วไปเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าผู้สูงอายุได้
00:19:45 → 00:19:47 รับบาดเจ็บที่ศีรษะหรือเกิดอุบัติเหตุ
00:19:47 → 00:19:49 อะไรอย่างเงี้ยค่ะก็ควรจะรีบไปที่โรง
00:19:49 → 00:19:53 พยาบาลเพื่อให้คุณหมอตรวจเช็คดูว่ามี
00:19:53 → 00:19:56 อาการผิดปกติอะไรมอะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะ
00:19:56 → 00:20:00 ว่าการป้องกันกันน่ะค่ะค่าใช้จ่ายรักษา
00:20:00 → 00:20:04 เอ่อค่าค่ารักษาพยาบาลมันจะถูกกว่าค่า
00:20:04 → 00:20:09 รักษาพยาบาลเอ่อที่รักษาภาวะแทรกซ้อนที่
00:20:09 → 00:20:11 ตามมาทีหลัง
00:20:11 → 00:20:14 อืมันมีหลายกระบวนการขั้นตอนที่จะต้อง
00:20:14 → 00:20:17 เอ่อระวังเป็นพิเศษหรือว่าต้องต้องเค้า
00:20:17 → 00:20:20 เรียกอะไรอ่ะมาระวังโรคแทรกซ้อนที่อาจจะ
00:20:20 → 00:20:23 เกิดขึ้นตามมาได้อีกอะไรอย่างงี้ใช่มั้ย
00:20:23 → 00:20:27 คะใช่ๆค่ะก็แบบถ้าอยากยกตัวอย่างเช่นถ้า
00:20:27 → 00:20:31 เกิดสมมุติว่าเอ่อผู้บาดเจ็บเนี้ยค่ะบาด
00:20:31 → 00:20:33 เจ็บรุนแรงแล้วก็
00:20:33 → 00:20:37 เอ่อคุณเพิกเฉยไม่พาเค้าพาไปรักษาที่โรง
00:20:37 → 00:20:41 พยาบาลจนกระทั่งเาเลือดออกในสมองค่ะเขาค
00:20:41 → 00:20:45 ก็จะมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ค่ะอย่างเช่น
00:20:45 → 00:20:48 อาจจะเกิดความพิการเนื้อสมองเสียหายการ
00:20:48 → 00:20:51 ที่เขาจะฟื้นกลับคืนมาใช้ชีวิตได้เหมือน
00:20:51 → 00:20:56 คนปกติก็จะยากขึ้นเขาอาจจะไม่สามารถทำงาน
00:20:56 → 00:21:00 ได้เอาจจะมีปัญญหาด้านความรู้สึกนึกคิด
00:21:00 → 00:21:04 ด้านสติปัญญาหรือมีพฤติกรรมอะไรแปลกไปที่
00:21:04 → 00:21:07 ทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม
00:21:07 → 00:21:10 ซึ่งอันนี้ก็เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นมา
00:21:10 → 00:21:13 ซึ่งมันเป็นมันไม่สามารถประเมินค่าเป็น
00:21:13 → 00:21:17 ตัวเลขได้เลยค่ะการที่คุณต้องสูญเสียเอ่อ
00:21:17 → 00:21:21 หน้าที่การงานไปหรือแบบเอ่อสูญเสียความ
00:21:21 → 00:21:25 สามารถในการใช้ชีวิตไปอย่างเงี้ยค่ะอือก็
00:21:25 → 00:21:27 ไม่มันไม่ใช่เรื่องสนุกด้วยนะคะยิ่งถ้า
00:21:27 → 00:21:29 เกิดใครที่ที่มาประสบกับภาวะกลายเป็นผู้
00:21:29 → 00:21:32 ได้รับบาดเจ็บแบบที่เกี่ยวกับสมองกระทบ
00:21:32 → 00:21:34 กระเทือนเกี่ยวกับระบบประสาทเนี่ยมันก็
00:21:34 → 00:21:35 เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันเนาะอาจารย์เนาะ
00:21:35 → 00:21:38 อืใช่ค่ะแม้กระทั่งการเล่นกีฬาที่ดู
00:21:38 → 00:21:40 เหมือนว่าเอ่ออย่างบางคนที่ร่างกายแข็ง
00:21:40 → 00:21:42 แรงเเค้าเล่นกีฬาอย่างเงี้ยการกระทบ
00:21:42 → 00:21:47 กระแทกกันหรือศีรษะมาเค้าเรียกอะไรโขกกัน
00:21:47 → 00:21:49 อย่างเงี้ยก็รุนแรงได้เหมือนกันแล้วก็อาจ
00:21:49 → 00:21:53 จะมีมั้ยคะเคสที่เป็นแบบว่ากระแทกศีรษะ
00:21:53 → 00:21:55 กระแทกหรือไปโดนอะไรก็แล้วแต่เนี่ยแล้ว
00:21:55 → 00:21:58 แบบโอ้ยนอนไม่ได้สติไปเลยยเยอะเลยหรอคะ
00:21:58 → 00:22:02 อาจารย์ค่ะค่ะก็คือจากจากประสบการณ์ทำงาน
00:22:02 → 00:22:05 ก็มีเคสหลายๆเคสที่อายกตัวอย่างง่ายๆติ
00:22:05 → 00:22:09 บอลด้วยกันปรากฏลูกบอลกระแทกศีรษะแล้วก็
00:22:09 → 00:22:13 สลบไปเลยอย่างเงี้ยค่ะคือแรงเตะมันแรงมาก
00:22:13 → 00:22:18 ค่ะก็ใช่ก็แบบมันมันมันเป็นเรื่องใกล้ตัว
00:22:18 → 00:22:22 มากเลยค่ะของพวกนี้แบบค่ะหรือแบบชกมัว
00:22:22 → 00:22:25 อย่างเงี้ยค่ะก็เคยเห็นใช่มั้ยคะที่แบบชก
00:22:25 → 00:22:30 ไปที่ศีรษะแล้วเออคู่ต่อสู้น็อคไปเลยคใช่
00:22:30 → 00:22:34 ซึ่งแรงกระแทกเหล่าเนี้ยค่ะมันมันมันมัน
00:22:34 → 00:22:35 อาจ
00:22:35 → 00:22:39 จะไม่ได้ทำให้เกิดแผลที่เราสามารถสังเกต
00:22:39 → 00:22:43 ได้จากข้างนอกแต่แรงกระแทกนั้นมันอาจจะ
00:22:43 → 00:22:47 เข้าไปทำลายเนื้อสมองหรือทำให้สมองเกิด
00:22:47 → 00:22:51 อาการบวมช้ำจากแรงกระแทกนั้นน่ะค่ะค่ะอื
00:22:51 → 00:22:54 เาถึงว่าให้แบบอย่างเ่อนักมวยก็ต้องมีใส่
00:22:54 → 00:22:57 กาดใช่มั้ยคะแบบกันการกระแทกที่ศีษะใช่
00:22:57 → 00:23:00 มั้ยคะแต่ว่ามวยบางบางอย่างบางประเภทก็เ
00:23:00 → 00:23:03 ก็ไม่ใส่เนาะถึงแม้จะนวมนี่ขนาดมีนวมนะ
00:23:03 → 00:23:06 ยังแรงกระแทกได้ขนาดนี้อ่ะ
00:23:06 → 00:23:11 โอ้โหค่ะหรือแบบเทคอนโดตีเทนนิสได้หมดเลย
00:23:11 → 00:23:14 ค่ะออะไรก็ตามที่มันทำให้เกิดแรงกระแทก
00:23:14 → 00:23:18 มันทำอันตรายต่อศีรษะได้หมดเลยค่ะโชคดี
00:23:18 → 00:23:21 มากเลยค่ะที่ไม่เล่นกีฬาเลยค่ะอุ๊ยอัน
00:23:21 → 00:23:24 นั้นอันนั้นอันนั้นก็ไม่ดีนะคะคจริงเรา
00:23:24 → 00:23:28 เอ่อเราเราก็ควรจะออกกำลังกายนะคะเพราะ
00:23:28 → 00:23:33 ว่าสุขภาพเพื่อสุขภาพที่ดีอ่าคือคือถ้า
00:23:33 → 00:23:37 เราออกกำลังกายเราก็จะได้สุขภาพที่ดีใช่
00:23:37 → 00:23:40 มยคะแต่ถ้าเกิดเราไม่ออกกำลังกายเราลด
00:23:40 → 00:23:43 ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะก็จริง
00:23:43 → 00:23:47 แต่ว่าเราอาจจะได้โรคโรคไม่ติดต่อโรคเบา
00:23:47 → 00:23:51 หวานโรคความดันโรคอะไรอย่างงี้เป็นของแถม
00:23:51 → 00:23:54 มามันก็เอ๊ะยังไงดีก็คือจริงๆแล้วเนี่ย
00:23:54 → 00:23:57 ต้องบอกอย่างงี้นะคะคุณผู้ฟังว่าออกกำลัง
00:23:57 → 00:23:59 กายดีแต่แต่ว่าอ่าบางคนอาจจะชอบการออก
00:23:59 → 00:24:02 กำลังกายแบบที่เล่นเป็นกลุ่มนะคะการได้
00:24:02 → 00:24:04 ออกแรงเยอะๆอะไรอย่างเงี้ยนะคะซึ่งการ
00:24:04 → 00:24:08 ปะทะกันมันอาจจะมีก็ต้องเพิ่มความระมัด
00:24:08 → 00:24:11 ระวังในในการเล่นกีฬาด้วยเนาะอาจารย์เนาะ
00:24:11 → 00:24:14 ใช่ค่ะแล้วก็ต้องรู้ว่าวิธีการปฐมพยาบาล
00:24:14 → 00:24:18 เบื้องต้นอเมื่อเกิดอุบัติเหตุต้องทำยัง
00:24:18 → 00:24:22 ไงอย่างอย่างเช่นถ้าเกิดสมมุติว่าคุณเอ่อ
00:24:22 → 00:24:25 เล่นกีฬากันเตะบอลกันเราแบบเกิดแค่แผล
00:24:25 → 00:24:29 เอ่อเกิดแค่บวมค่ะศีรษะบวมหรือหัวโนอะไร
00:24:29 → 00:24:32 อย่างเงี้ยค่ะแต่ว่าระดับความรู้สึกตัว
00:24:32 → 00:24:36 ปกตินะคะไม่ได้แบบหมดสติหรือว่าสลบไปก็
00:24:36 → 00:24:39 เราสามารถประถมพยาบาลเบื้องต้นได้โดยการ
00:24:39 → 00:24:43 ใช้การประคบเย็นนะคะในช่วง 2 2 วันแรก
00:24:43 → 00:24:45 ประคบได้เลยคะแล้วก็หลังจากนั้นเนี่ยร่าง
00:24:45 → 00:24:50 กายก็จะมีการซ่อมแซมตัวเองแล้วก็จะค่อยๆ
00:24:50 → 00:24:53 ฟื้นฟูหายได้เองค่ะแต่ก็แต่ถ้าเกิดมีการ
00:24:53 → 00:24:56 บาดเจ็บศีรษะก็อย่าลืมนะคะสังเกตอาการ
00:24:56 → 00:24:59 ประเมินอาการทางระบบประสาทที่ว่าไปเมื่อ
00:24:59 → 00:25:03 สักครู่นี้ค่ะอืมแล้วก็ถ้าจำเป็นจะต้อง
00:25:03 → 00:25:07 ส่งโรงพยาบาลจริงๆนะคะย้ำเลยเพราะว่าเป็น
00:25:07 → 00:25:10 วิธีที่เอ่ออันนี้อาจารย์แนะนำเลยนะคะ
00:25:10 → 00:25:13 แล้วก็จะได้ทำให้ถูกต้องส่งผู้ป่วยได้
00:25:13 → 00:25:16 ปลอดภัยนะคะแล้วก็ไม่เกิดภาวะที่อาจจะแย่
00:25:16 → 00:25:18 ไปกว่าเดิมนะคะด้วยการเอ่อนอนราบได้อาจจะ
00:25:19 → 00:25:22 หนุนหมอนหนุนตักในการไปส่งโรงพยาบาลได้นะ
00:25:22 → 00:25:25 คะแต่ว่าศีรษะต้องตะแคงนะหรรือหรือหรือ
00:25:25 → 00:25:26 หรือถ้า
00:25:26 → 00:25:32 เอ่อคิดว่าไม่สะดวกที่จะนำส่งคนไข้ด้วย
00:25:32 → 00:25:36 ตัวเองก็โทร 1669 ก็ได้ค่ะสายด่วนฉุกเชิญ
00:25:36 → 00:25:40 ใช่ให้เอาแอมบูแลนซ์เอารถพยาบาลมาจะได้ขน
00:25:40 → 00:25:44 ส่งคนไข้อย่างปลอดภัยค่ะเพราะว่าบางทีคน
00:25:44 → 00:25:48 ไข้หมดสติอะไรอย่างเงี้ยเรากเข้าใจค่ะคน
00:25:48 → 00:25:50 ไทยเวลาเกิดอุบัติเหตุอะไรอย่าเงี้ยก็จะ
00:25:50 → 00:25:54 ตกใจและคิดว่าอยากจะไปโรงพยาบาลให้เร็ว
00:25:54 → 00:25:58 ที่สุดแต่ว่าอาจจะลืมตระหนักไปว่าการขน
00:25:58 → 00:26:02 ส่งผู้บาดเจ็บอย่างถูกวิธีมันก็มีความ
00:26:02 → 00:26:06 สำคัญอือ่าเพราะว่าบางทีอย่างที่บอกคือ
00:26:06 → 00:26:10 ถ้าคนคนไข้เกิดการบาดเจ็บยกตัวอย่างนะคะ
00:26:10 → 00:26:13 เคสมอเตอร์ไซค์ชนกันอย่าเงี้ยค่ะการบาด
00:26:13 → 00:26:16 เจ็บน่าจะรุนแรงใช่มั้คะบางทีเนี่ยคนไข้
00:26:16 → 00:26:19 อาจจะไม่ได้บาดเจ็บที่ศีรษะอย่างเดียวเข
00:26:19 → 00:26:22 อาจจะบาดเจ็บที่ส่วนอื่นด้วยอย่างเช่นที่
00:26:22 → 00:26:25 กระดูกสันหลังที่ช่องท้องที่แขนขาอะไร
00:26:25 → 00:26:28 อย่างเงี้ยก็คือเอาจจะมีการบาดเจ็บอื่น
00:26:28 → 00:26:31 ร่วมด้วยเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าไปรถส่วนตัว
00:26:31 → 00:26:34 ก็อาจจะไม่ปลอดภัยกับคนไข้เท่ากับไปกับรถ
00:26:35 → 00:26:38 พยาบาลที่เขามีอุปกรณ์ในการช่วยเหลือ
00:26:38 → 00:26:41 เบื้องต้นในการเอ่อบรรเทาอาการเบื้องต้น
00:26:41 → 00:26:44 น่ะค่ะเพื่อให้คนไข้ไปถึงโรงพยาบาลได้
00:26:44 → 00:26:46 อย่างปลอดภัยค่ะอือันนี้คือสิ่งที่สำคัญ
00:26:46 → 00:26:49 อย่างยิ่งนะคะในการที่จะส่งคนป่วยไปโรง
00:26:49 → 00:26:51 พยาบาลก็เราก็ต้องให้มันถูกต้องด้วยนะคะ
00:26:51 → 00:26:54 ไม่เพิ่มอาการแย่ไปกว่าเดิมนะคะโอยคุยกับ
00:26:54 → 00:26:57 อาจารย์เพลินๆแป๊บเดียวหมดเวลานะคะไม่
00:26:57 → 00:27:01 เป็นไรใช่มยคะเดี๋ยวๆคุยกันใหม่ในโอกาส
00:27:01 → 00:27:03 หน้าละกันนะคะอาจารย์คะวันนี้ต้องขอบคุณ
00:27:03 → 00:27:06 อาจารย์ดรพรทิพย์นะคะที่มาร่วมพูดคุยใน
00:27:06 → 00:27:10 รายการนะคะขอบคุณค่ะค่ะยินดีค่ะค่ะขอบคุณ
00:27:10 → 00:27:12 ค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลา
00:27:12 → 00:27:14 แล้วนะคะเราจะกลับมาพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:27:14 → 00:27:18 ค่ะวันนี้ลาไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:27:18 → 00:27:20 Toy PBS podcast การช่วยเหลือเบื้อง
00:27:20 → 00:27:23 ต้นด้วยการทำ CPR สำคัญอย่างไรหน่วยลำดับ
00:27:23 → 00:27:25 ขั้นตอนการช่วยเหลือมีกี่ขั้นอาจารย์
00:27:25 → 00:27:29 พิญญาพัฒกิตธัญญธีรกุลจากคณะพยาบาลศาสตร์
00:27:29 → 00:27:33 มหาวิทยาลัยมหิดลมาเล่าให้ฟังครับ gpi
00:27:33 → 00:27:36 เนี่ยมาจากคำว่าคาริ porar resuscitation
00:27:36 → 00:27:39 นะคะ Cardio ก็คือ cardi ที่แปลว่าหัวใจ
00:27:39 → 00:27:42 pulmonary ก็แปลว่าปอดแปลว่าระบบไหล
00:27:42 → 00:27:45 เวียน resuscitation ก็คือการทำให้หัวใจ
00:27:45 → 00:27:48 และปอดเนี่ยระบบไหลเวียนของเราเนี่ยกลับ
00:27:48 → 00:27:51 มาทำงานเป็นปกตินั่นหมายถึงว่าเราจะต้อง
00:27:51 → 00:27:54 เจอกับสถานการณ์ผู้ป่วยหรือว่าอ่าคนไข้
00:27:54 → 00:27:57 หรือคนทั่วไปเนี่ยมีอาการที่ปอดแล้วก็หัว
00:27:57 → 00:27:59 หัวใจเนี่ยไม่ทำงานเพราะฉะนั้นเราถึงจะ
00:27:59 → 00:28:03 ต้องทำการช่วย CPR ด้วยการทำให้ปอดแล้วก็
00:28:03 → 00:28:06 หัวใจเราเนี่ยกลับมาทำงานได้เป็นปกติ
00:28:06 → 00:28:09 เมื่อเวลาที่หัวใจและปอดเรากลับมาทำงาน
00:28:09 → 00:28:12 ได้เป็นปกติเนี่ยก็จะสามารถบีบเลือดสูบ
00:28:13 → 00:28:15 ฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็น
00:28:15 → 00:28:18 ปกติโดยเฉพาะอวัยวะที่สำคัญสำคัญเลยค่ะ
00:28:18 → 00:28:20 อย่างเช่นสมองหรือแม้กระทั่งตัวกล้าม
00:28:20 → 00:28:23 เนื้อหัวใจเองหรือแม้กระทั่งไตค่ะ
00:28:23 → 00:28:26 อันเนี้ยคือหัวใจจสำคัญของการทำ CPR เลย
00:28:26 → 00:28:29 ค่ะก่อนที่เราจะช่วยเหลือใครหรือว่าทำ CPR
00:28:29 → 00:28:31 ใครเนี่ยเราต้องรู้ก่อนว่าคนนั้นต้องการ
00:28:31 → 00:28:34 ความช่วยเหลือในขั้นไหนเพราะว่าถ้าสมมุติ
00:28:34 → 00:28:36 ว่าเราประเมินผิดช่วยผิดเนี่ยมันก็เสีย
00:28:36 → 00:28:39 โอกาสทั้งคนไข้ทั้งคนช่วยนะคะตามขั้นตอน
00:28:39 → 00:28:42 แล้วเนี่ยเขาจะมีห่วงโซ่ในการช่วยชีวิต
00:28:42 → 00:28:45 ผู้ป่วยอ่ะค่ะอันนี้เป็นหลักโดยสากลเลยนะ
00:28:45 → 00:28:47 คะจะประกอบด้วยทั้งหมด 5 ห่วงโซ่ห่วงโซ่
00:28:48 → 00:28:50 ที่ 1 ก็คือการโทรแจ้งหรือโทรขอความช่วย
00:28:50 → 00:28:54 เหลือห่วงโซ่ที่ 2 ก็คือการทำ CPR ห่วง
00:28:54 → 00:28:56 โซ่ที่ 3 ก็คือการใช้ aed หรือว่าเครื่อง
00:28:56 → 00:29:00 กระตุ้นไฟฟ้าหัวใจห่วงโซ่ที่ 4 ก็คือระบบ
00:29:00 → 00:29:03 พยาบาลหรือว่าระบบอีเจนซี่อ่ะค่ะที่จะ
00:29:03 → 00:29:05 เข้ามาช่วยห่วงโซ่ที่ 5 เนี่ยก็จะเป็นที่
00:29:06 → 00:29:08 สถานพยาบาลแล้วะเพราะฉะนั้นในระดับของ
00:29:08 → 00:29:11 ประชาชนทั่วไปเนี่ยห่วงโซ่ที่ 1 2 3
00:29:11 → 00:29:14 เนี่ยถือว่าสำคัญมากช่วยบุคลากรทางการ
00:29:14 → 00:29:17 แพทย์ช่วยคนไข้ได้เยอะมากเลย
00:29:17 → 00:29:22 ค่ะ This Is Toy PBS
00:29:22 → 00:29:25 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:29:25 → 00:29:29 แอปพลิเคชันของไทย PBS podcast spotify
00:29:29 → 00:29:32 soundcloud Google podcast Apple
00:29:32 → 00:29:35 podcast และ YouTube Channel Thai PBS
00:29:35 → 00:29:39 podcast tha PBS podcast View the
00:29:39 → 00:29:41 world via The
00:29:41 → 00:29:49 [เพลง]
00:29:49 → 00:29:52 Voice