00:00:00 → 00:00:03 วัย genx geny รับในทุกบทบาทเลยเป็นพ่อ
00:00:03 → 00:00:05 แม่ของลูกแล้วเป็นลูกของพ่อแม่ด้วยสิ่ง
00:00:05 → 00:00:08 สำคัญคือการสื่อสารคุณพ่อคุณแม่เขารู้
00:00:08 → 00:00:10 อยู่แล้วเาไม่ได้ต้องการเวลาของเราแบบ
00:00:10 → 00:00:13 ตลอดหรอกทุกคนมีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์พูดพ่อ
00:00:13 → 00:00:15 แม่เขาพูดอะไรก็ได้อะไรที่เขาสบายใจไม่
00:00:15 → 00:00:18 ต้องไปพยายามที่จะเปลี่ยนความคิดเกาย
00:00:18 → 00:00:20 เสื่อมแต่ทำยังไงให้ใจไม่เสื่อมผู้สูง
00:00:21 → 00:00:23 อายุหลายคนก็รู้สึกว่าไม่อยากให้ตัวเอง
00:00:24 → 00:00:26 เป็นปัญหาเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
00:00:26 → 00:00:30 ที่เห็นตัวเองลืมปล่อยวางเนี่ยพูดง่ายทำ
00:00:30 → 00:00:33 ยากที่มันยากเพราะว่าเราไปหวังที่ผลของ
00:00:33 → 00:00:36 มันปัญหาคือเรายังไม่ได้ทำเหตุของมันยัง
00:00:36 → 00:00:39 ไม่ได้ทำกระบวนการปล่อยว่าถ้าใครอยากจะ
00:00:39 → 00:00:42 ฝึกไม่มีคำว่าสายแม้ว่าจะเป็นวินาทีสุด
00:00:42 → 00:00:48 ท้ายของชีวิตเกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไก
00:00:48 → 00:00:52 โรควันนี้เราจะมาคุยกับจิตแพทย์คนสวยคน
00:00:52 → 00:00:55 นี้แพทย์หญิงพิยดาหาชัยภูมิค่ะทดสอบความ
00:00:55 → 00:00:59 จำค่ะค่ะโอ้โหให้เข้ากับหัวข้อวันนี้ให้
00:00:59 → 00:01:01 เข้ากับหัวข้อใช่เพราะวันนี้เราจะมาในหัว
00:01:01 → 00:01:05 ข้อของวัยผู้สูงอายุค่ะพี่เอินอซึ่งเชื่อ
00:01:05 → 00:01:07 ว่า EP นี้นะคะลูกๆหลานๆที่มีคุณพ่อคุณ
00:01:07 → 00:01:09 แม่ที่กำลังอยู่ในวัยผู้สูงอายุเนี่ยน่า
00:01:09 → 00:01:11 จะกำลังอยากฟังแล้วก็อยากได้คำแนะนำจาก
00:01:11 → 00:01:14 พี่เอินแน่ๆเลยอโดยเฉพาะนะกลุ่มแซนวิช
00:01:14 → 00:01:19 แซนวิชที่หมายถึงอาหารเอ้ยไม่ใช่นะคือวัย
00:01:19 → 00:01:23 genx geny นะซึ่งตอนเเเรียกว่ารับในทุก
00:01:23 → 00:01:26 บทบาทเลยเป็นพ่อแม่ของลูกแล้วก็เป็นลูก
00:01:26 → 00:01:29 ของพ่อแม่ด้วยไหนจะเรื่องของความสัมพันธ์
00:01:29 → 00:01:32 ส่วนตัวตัวในเรื่องของความเป็นสามีภรรยา
00:01:32 → 00:01:35 กลุ่มนี้จริงๆแล้วก็เป็นกลุ่มที่ต้องดูแล
00:01:35 → 00:01:38 คนในครอบครัวแล้วก็เริ่มจะมีผู้สูงอุใน
00:01:38 → 00:01:41 บ้านแล้วกลุ่มนี้อ่ะค่ะกลุ่มแซนวิชที่มี
00:01:41 → 00:01:43 ทั้งความรับผิดชอบมากมายวันนี้เราอาจจะ
00:01:43 → 00:01:45 ให้น้ำหนักไปที่คุณพ่อคุณแม่ผู้สูงอายุ
00:01:45 → 00:01:48 แล้วกันนะคะว่าเราจะมีวิธีการที่จะดูแล
00:01:48 → 00:01:50 คุณพ่อคุณแม่ยังไงเพราะว่าวันนี้เราก็มี
00:01:50 → 00:01:52 ภาระมีหน้าที่การงานที่เราอาจจะไม่ได้
00:01:52 → 00:01:54 อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลาหรอกอ่าแต่
00:01:54 → 00:01:56 เราก็เป็นห่วงสภาพจิตใจแล้วก็อยากให้คุณ
00:01:56 → 00:01:58 พ่อคุณแม่เนี่ยมีความสุขทีนี้หนูอยากถาม
00:01:58 → 00:02:01 ก่อนว่าเริ่มขสู่วัยเกษียณเนาะหรือว่า
00:02:01 → 00:02:03 วัยยที่มีอายุมากขึ้นน่ะค่ะอารมณ์แล้วก็
00:02:03 → 00:02:06 จิตใจเนี่ยเปลี่ยนไปยังไงบ้างคะมีโอกาส
00:02:06 → 00:02:08 ที่จะเปลี่ยนไปและและยังไม่เปลี่ยนไปก็
00:02:08 → 00:02:12 ได้นะถ้าเาเตรียมตัวดีออถ้าเกิดคนที่
00:02:12 → 00:02:14 เตรียมตัวดีในวัยเกษียณนะคะเขาจะรู้อยู่
00:02:14 → 00:02:16 แล้วว่าเขาจะต้องเจออะไรอย่างเช่นการ
00:02:16 → 00:02:18 เปลี่ยนแปลงในเรื่องของเรื่องงานใช่มยโดย
00:02:19 → 00:02:21 เฉพาะบางคนเนี่ยโอหกำลังแบบเป็นผู้บริหาร
00:02:22 → 00:02:26 ในระดับสูงแล้วมีลูกน้องมีคนคอยดูแลเดี๋ย
00:02:26 → 00:02:29 วันนึงตื่นขึ้นมาหน้าที่การงานหายไปเพราะ
00:02:29 → 00:02:31 งั้นเห็นการเนี้ยคนที่เตรียมตัวก็จะ
00:02:31 → 00:02:33 เตรียมแล้วว่าเดี๋ยวไม่ได้ทำงานจะทำอะไร
00:02:33 → 00:02:36 ออกท่องเที่ยวออกใช้ชีวิตก็มีใช่มั้ยคะ
00:02:36 → 00:02:38 แต่คนที่ไม่ได้เตรียมตัวเลยเนี่ยก็อาจจะ
00:02:38 → 00:02:41 ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงงๆเนาะอ่าทั้ง
00:02:41 → 00:02:43 เรื่องงานการเงินที่ก็อาจจะเปลี่ยนไปใน
00:02:43 → 00:02:46 วัยเกษียณไม่ได้มีแรงในการหาเงินมากขนาด
00:02:46 → 00:02:50 นั้นในเรื่องของสังคมก็เปลี่ยนไปจากสังคม
00:02:50 → 00:02:53 ในที่ทำงานแต่ตอนนี้ก็หายไปต้องบอกว่ามัน
00:02:53 → 00:02:57 ก็เป็นปัญหาในเรื่องของความเสื่อมถอยนะ
00:02:57 → 00:02:59 แล้วก็การเปลี่ยนผ่านช่วงชีวิตแต่ในขณะ
00:02:59 → 00:03:02 เดียวเวกันเนี่ยลูกๆคนที่ดูแลเนี่ยนะก็
00:03:02 → 00:03:04 เจอปัญหาความเสื่อมถอยเหมือนกันลูกๆก็จะ
00:03:04 → 00:03:07 เจอมิตรไลใครสิทธิ์ใช่มยพ่อแม่ก็จะเจอ
00:03:07 → 00:03:09 เรื่องของวัยทองหรือวัยเกษียณไม่ว่าจะ
00:03:09 → 00:03:12 ทั้งสองเนาะเธอทั้งกลุ่มคุณลูกหรือกลุ่ม
00:03:12 → 00:03:15 คุณพ่อคุณแม่เนี่ยก็ต่างเผชิญปัญหาเกี่ยว
00:03:15 → 00:03:17 กับความเสื่อมถอยด้วยกันทั้งนั้นมันมี
00:03:17 → 00:03:19 หลายๆอย่างมากๆเลยเนาะทั้งภาระหน้าที่การ
00:03:19 → 00:03:21 งานรวมถึงสภาพจิตใจด้วยที่เราจะต้องดูแล
00:03:21 → 00:03:23 ไปพร้อมๆกันเนี่ยค่ะถ้าเรามีคุณพ่อคุณแม่
00:03:23 → 00:03:26 ที่อยู่ในวัยเกษียณแล้วท่านอาจจะไม่ได้
00:03:26 → 00:03:28 ต้องไปทำงานและอาจจะอยู่บ้านเราในฐานะลูก
00:03:29 → 00:03:30 ที่อาจจะไม่ได้มีเวลาไปอยู่กับคุณพ่อคุณ
00:03:31 → 00:03:33 แม่เนี่ยเราจะช่วยหรือว่าจะทำยังไงดีให้
00:03:33 → 00:03:36 คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้สึกเหงาคะจริงๆเรื่อง
00:03:36 → 00:03:39 ของเทคโนโลยีเนี่ยช่วยได้มากปัญหาของเรา
00:03:39 → 00:03:42 ก็คือว่า 1 ก็คือพ่อแม่ไม่ได้ลุกขึ้นมา
00:03:42 → 00:03:44 แล้วมีกิจกรรมนู่นกิจกรรมนี่ในเรื่องของ
00:03:44 → 00:03:47 งานการทำละเรียกว่าเขาว่างอันที่ 2 เรา
00:03:47 → 00:03:50 ยุ่งอันที่ 3 ห่างกันคราวนี้เนี่ยสิ่ง
00:03:50 → 00:03:52 สำคัญคือการสื่อสารบางทีนะคุณพ่อคุณแม่
00:03:52 → 00:03:55 เขารู้อยู่แล้วเไม่ได้ต้องการเวลาของเรา
00:03:55 → 00:03:58 แบบตลอดหรอกแล้วเรู้อยู่แล้วว่าจริงๆแล้ว
00:03:58 → 00:04:00 อ่ะหน้าที่ของเราหรือสิ่งที่เขาอยากให้
00:04:00 → 00:04:02 เราเป็นเนี่ยก็คือการที่เรามีความมั่นคง
00:04:02 → 00:04:05 ในเรื่องของชีวิตนั่นคือความสุขของเขาถ้า
00:04:05 → 00:04:07 เกิดเขาไม่ได้เจ็บป่วยถึงขนาดแบบว่าเออ
00:04:07 → 00:04:10 ต้องมาดูแลเค้าก็จะไม่ได้เรียกร้องว่าจะ
00:04:10 → 00:04:13 ต้องมีเวลากับเขาอ่ะ 100% อยู่แล้วสิ่ง
00:04:13 → 00:04:16 ที่เราต้องให้ความสำคัญกลายเป็นว่า 1 ทำ
00:04:16 → 00:04:19 ยังไงให้เราสามารถ Connect เ้าให้ได้มาก
00:04:19 → 00:04:21 ที่สุดอันที่ 2 ทำยังไงให้เวลาที่เรา
00:04:21 → 00:04:25 Connect เป็นเวลาคุณภาพอือันนี้สำคัญใช่
00:04:25 → 00:04:26 อันนั้นมันมี 2 อย่างเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:04:26 → 00:04:29 Connect เนี่ยไม่ต้องเยอะแต่สม่ำเสมอ
00:04:29 → 00:04:30 อย่างเช่นเช่นอย่างพี่เอิ้นเนี่ยบางทีก็
00:04:31 → 00:04:33 อยู่ไกลแม่เนี่ยต้องการอะไรต้องการได้ยิน
00:04:33 → 00:04:36 เสียงเราอ่ะว่าเออวันเนี้ยเราถึงกรุงเทพฯ
00:04:36 → 00:04:39 แล้วนะเราเดินทางปลอดภัยนะเราทำงานโอเคนะ
00:04:39 → 00:04:42 วันนี้เนี่ยเราก็คือก็ยังโทรกลับเข้าไปหา
00:04:42 → 00:04:46 เขาอันที่ 2 ก็คือเรื่องของคุณภาพคุณภาพ
00:04:46 → 00:04:48 เนี่ยหมายความว่าอะไรหมายความว่าเราจะไม่
00:04:48 → 00:04:51 ทะเลาะกันการสื่อสารหรือว่าช่วงเวลาที่
00:04:51 → 00:04:53 เราได้สื่อสารกันเนี่ย 1 จะต้องเป็นช่วง
00:04:53 → 00:04:57 เวลาที่เราได้แลกเปลี่ยนความสุขทุกข์ของ
00:04:57 → 00:04:59 กันและกันดังนั้นมันจะมีฝ่ายที่ฟังกับ
00:04:59 → 00:05:02 ฝ่ายที่พูดถ้าฝ่ายพ่อแม่พูดเยอะเราก็ต้อง
00:05:02 → 00:05:05 ฟังแต่ถ้าเกิดวันเนี้ยท่านไม่ค่อยพูดเรา
00:05:05 → 00:05:08 ก็เล่าอัปเดตชีวิตอะไรของเราได้อันที่ 2
00:05:08 → 00:05:11 ก็คือว่าทุกคนมีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์พูด
00:05:11 → 00:05:13 เพราะฉะนั้นเนี่ยหลายอย่างเนาะชอบเป็น
00:05:13 → 00:05:16 ปัญหาก็คือว่าเวลาคุยกันเนี่ยแบบทะเลาะ
00:05:16 → 00:05:19 กันเพราะอะไรเพราะว่าพูดไม่เข้าหูหรือว่า
00:05:19 → 00:05:22 เอ้ยทำไมคิดแบบนี้ทำไมไม่คิดแบบนี้ล่ะ
00:05:22 → 00:05:24 กลายเป็นเวทีมวยในใส่โทรศัพท์แทนที่จะ
00:05:24 → 00:05:26 เป็นเวลาคุณภาพเพราะฉะนั้นให้เรากลับมา
00:05:26 → 00:05:29 ที่ว่าเออพ่อแม่เคพูดอะไรก็ได้อะไรที่เขา
00:05:29 → 00:05:32 สบายใจไม่ต้องไปพยายามที่จะเปลี่ยนความ
00:05:32 → 00:05:34 คิดเค้าทำไมเคิดแบบนั้นทำไมเขไม่คิดแบบ
00:05:34 → 00:05:38 นี้บางทีอ่ะก็คือเคอยู่บ้านคนเดียวอ่ะเค
00:05:38 → 00:05:40 เคยมีชีวิตที่มีสังคมวันนี้เขาไม่มีอ่ะ
00:05:40 → 00:05:43 บางทีการคุยกับเราเนี่ยมันก็แบบเขาได้ได้
00:05:43 → 00:05:46 ระบายอ่ะได้ปลดปล่อยได้พูดคุยแล้วเขาก็
00:05:46 → 00:05:49 ไม่มีข้อจำกัดอยู่แล้วว่าเรื่องนี้เขาคุย
00:05:49 → 00:05:50 ไม่ได้เพราะเขาคก็คิดว่าเขคเป็นพ่อแม่เรา
00:05:50 → 00:05:53 เพราะฉะนั้นเนี่ยให้เราเข้าใจว่าเค้าจะ
00:05:53 → 00:05:56 พูดอะไร is โอเคนะเพื่อให้เค้าสบายใจเรา
00:05:56 → 00:05:59 ก็จะสามารถที่จะรับฟังได้มากขึ้นเนาะต้อง
00:05:59 → 00:06:01 บอกบว่าบางทีเราต้องใช้เทคนิคงี้นะการได้
00:06:01 → 00:06:03 ยินกับการฟังอเรื่องบางเรื่องเข้าหูซ้าย
00:06:03 → 00:06:06 ทะลุหูขวาก็ได้บางทีคุณแม่อย่างเงี้ยแค่
00:06:06 → 00:06:09 อยากจะบ่นน่ะบ่นข้างบ้านบ่นม้าบ่นแมวอะไร
00:06:09 → 00:06:11 อย่างเงี้ยอ่ะเราก็อาจจะได้ยินเพื่อให้
00:06:11 → 00:06:14 เขาสบายใจแต่บางเรื่องคือถ้าเขาอยากให้
00:06:14 → 00:06:16 เรารับฟังอยากที่จะปรึกษาอะไรเงี้ย
00:06:16 → 00:06:18 อันเนี้ยเราก็อาจจะต้องตั้งใจรับฟังแต่
00:06:18 → 00:06:20 ที่สำคัญคือเราต้องรักษาใจเราที่จะไม่มี
00:06:20 → 00:06:23 อารมณ์ที่เราจะไปขัดแย้งกันแล้วมองอีกมุม
00:06:23 → 00:06:26 นึงค่ะพี่เอิ้นก็คือว่าคุณพ่อคุณแม่หรือ
00:06:26 → 00:06:28 ว่าผู้สูงอายุที่อยู่ที่บ้านที่อาจจะว่าง
00:06:28 → 00:06:30 จากงานแล้วอะไรอย่างเงี้ยก็อยากจะเข้าใจ
00:06:30 → 00:06:33 ลูกๆนะแต่อารมณ์น้อยใจหรืออารมณ์อะไรแบบ
00:06:33 → 00:06:35 นี้มันก็เกิดขึ้นน่ะเราจะจัดการอารมณ์
00:06:35 → 00:06:37 เหล่านี้หรือทำยังไงให้เรารู้สึกดีขึ้นใน
00:06:37 → 00:06:40 บางค่ะเรามีสิทธิ์น้อยใจอย่างที่พี่เอิ้น
00:06:40 → 00:06:42 บอกอ่ะค่ะก็คือผู้สูงอายุเนี่ยบางทีเขา
00:06:42 → 00:06:45 ต้องเผชิญกับความเสื่อมอยู่แล้วลำพังเนาะ
00:06:45 → 00:06:49 การที่เห็นร่างกายของตัวเองเนี่ยเสื่อม
00:06:49 → 00:06:53 ถอยลดพลังงานลงพาเวอร์ลดลงต่างๆเนี่ยก็
00:06:53 → 00:06:55 เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดอยู่แล้วแล้วมัน
00:06:55 → 00:06:57 เป็นสิ่งนึงที่บางทีเขาอาจจะรู้สึกว่าเขา
00:06:57 → 00:07:00 อยากจะพึ่งพาถ้าเกิดว่าลูกๆอาจจะไม่ได้
00:07:01 → 00:07:04 อยู่ให้พึ่งพาสิ่งสำคัญก็คือว่าเราก็เลย
00:07:04 → 00:07:07 ต้องย้ายใจกลับมาอยู่ที่สิ่งที่เราสามารถ
00:07:07 → 00:07:10 ดูแลและจัดการได้ก็คือจริงๆคุณพ่อคุณแม่
00:07:10 → 00:07:12 ต้องหันกลับมาใส่ใจร่างกายของตัวเองอัน
00:07:12 → 00:07:14 นี้คืองานหลักเพราะว่าโดยธรรมชาติเนี่ย
00:07:14 → 00:07:17 เขาจะพรากประสิทธิภาพในร่างกายเนี่ยไปจาก
00:07:17 → 00:07:20 เราอยู่แล้วงั้นจริงๆใจเนี่ยควรจะอยู่ที่
00:07:20 → 00:07:24 วันนี้ฉันดูแลตัวเองยังไงเพงั้นกายเสื่อม
00:07:24 → 00:07:26 แต่ทำยังไงให้ใจไม่เสื่อมอันนี้งานหลัก
00:07:26 → 00:07:28 อ่าอันนี้คืองานหลักอันที่ 2 คือเรารู้
00:07:28 → 00:07:31 สึกน้อยใจใจเราอยากได้เวลาจากลูกเรามี
00:07:31 → 00:07:34 สิทธิ์น้อยใจแต่เราจะสื่อสารความน้อยใจ
00:07:34 → 00:07:38 อย่างไรอันนี้คือหัวใจสำคัญถ้าเราน้อยใจ
00:07:38 → 00:07:41 แล้วเราสื่อสารด้วยการประชดประชันสื่อสาร
00:07:41 → 00:07:43 ด้วยการไล่เค้าหรือพูดในสิ่งที่ตรงกัน
00:07:43 → 00:07:46 ข้ามลูกไม่มีทางเข้าใจหรอกรวมถึงว่าเรา
00:07:46 → 00:07:48 อาจจะมีปัญหาในขณะเดียวกันเนี่ยเขาจะยิ่ง
00:07:48 → 00:07:51 ห่างเหิเราด้วยซ้ำแต่ถ้าเกิดเราทำความ
00:07:51 → 00:07:54 เข้าใจตัวเองให้ได้ว่าโอเคเราน้อยใจเนี่ย
00:07:54 → 00:07:57 เพราะว่าเราต้องการอะไรจากลูกเราอาจจะ
00:07:57 → 00:08:00 ต้องการเจอเขาให้มากขึ้นมยแล้วเสามารถให้
00:08:00 → 00:08:03 เราได้มอย่าเพิ่งคิดแทนเขาก็ได้แต่เรา
00:08:03 → 00:08:07 สื่อสารกับเขาตรงๆอย่างจริงใจเออช่วงนี้
00:08:07 → 00:08:10 แม่เหงาช่วงนี้พ่อเหงาอยากให้หนูมาหาบ่อย
00:08:10 → 00:08:13 ขึ้นได้ยการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาเนาะและ
00:08:13 → 00:08:16 สร้างสรรค์เนี่ยก็จะทำให้ความสัมพันธ์คือ
00:08:16 → 00:08:19 เราได้ดูแลทั้งร่างกายและดูแลทั้งจิตใจ
00:08:19 → 00:08:21 ตัวเองด้วยกลับมาที่มุมของลูกๆอีกครั้ง
00:08:21 → 00:08:24 ค่ะว่าเราจะมีวิธีอ่าสังเกตยังไงว่าคุณ
00:08:24 → 00:08:27 พ่อคุณแม่หรือผู้สูงอายุคนใกล้ตัวคนใน
00:08:27 → 00:08:30 ครอบครัวเราอ่ะท่านกำลังเข้าสู่ภาวะซึม
00:08:30 → 00:08:32 เศร้าหรือเปล่าภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
00:08:32 → 00:08:35 อ่ะค่ะบางทีอ่าลักษณะอาการหรือที่มาเนี่ย
00:08:35 → 00:08:38 อาจจะไม่ตรงไปตรงมาเหมือนกับพวกเราในวัย
00:08:38 → 00:08:41 ทำงานนะหรือเด็กๆทั่วๆไปเพราะว่าพอเราสูง
00:08:41 → 00:08:43 อายุเนี่ยอันที่ 1 ก็คือในเรื่องของความ
00:08:43 → 00:08:46 เสื่อมของตัวสมองเองซึ่งสมองเองก็เป็นตัว
00:08:46 → 00:08:49 ที่ควบคุมในเรื่องของอารมณ์ใช่มยอันที่ 2
00:08:49 → 00:08:51 คือความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนใชมเราได้
00:08:51 → 00:08:54 ยินคำว่าวัยทองค่ะใช่มั้ยคะก็คืออาจจะ
00:08:54 → 00:08:57 เป็นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
00:08:57 → 00:09:00 อันที่ 3 มันมีเรื่องของความเจ็บป่วยทาง
00:09:00 → 00:09:03 ด้านร่างกายบางอย่างเรืรังบางอย่างที่อาจ
00:09:03 → 00:09:06 จะส่งผลกับอารมณ์ของเขาได้ว่าผู้ป่วยหรือ
00:09:06 → 00:09:08 ว่าในผู้สูงอายุเนี่ยเราจะสังเกตว่าเขาก็
00:09:08 → 00:09:11 จะแบบมีเริ่มเริ่มมีโรคใช่มยเริ่มมีหลาย
00:09:11 → 00:09:13 โรคอย่างเงี้ยเป็นต้นหรือว่ายาที่เขากิน
00:09:13 → 00:09:16 เองบางตัวก็จะมีผลในเรื่องของอารมณ์ได้
00:09:16 → 00:09:19 เพราะฉะนั้นเนี่ยเ่อในเรื่องของภาวะเซม
00:09:19 → 00:09:21 เศร้าในผู้สูงอายุเนี่ยก็เลยจะมีความซับ
00:09:21 → 00:09:24 ซ้อนในเรื่องของที่มาคือมักจะมีในเรื่อง
00:09:24 → 00:09:28 ของร่างกายแฝงอยู่ด้วยในความซึมเศร้าของ
00:09:28 → 00:09:31 ผู้สูงอายุเนี่ยอาจจะมีในลักษณะของความ
00:09:31 → 00:09:33 หงุดหงิดได้เพราะว่าอะไรเพราะว่าจริงๆ
00:09:33 → 00:09:36 แล้วมันเกิดจากการที่ความอดทนน้อยลงก็ทำ
00:09:36 → 00:09:40 ให้เาอาจจะเคยแบบใจเย็นได้เคยรอได้เคยอด
00:09:40 → 00:09:43 ทนได้เนี่ยก็เริ่มไม่ได้เริ่มหงุดหงิด
00:09:43 → 00:09:47 เริ่มฉุนเฉียวนะแต่ในขณะที่บางคนก็คืออ่ะ
00:09:47 → 00:09:50 เห็นตรงๆเลยก็คือว่าแยกตัวไม่ค่อยพูดไม่
00:09:50 → 00:09:53 ค่อยจาเงียบลงกว่าเดิมหรือเรารู้สึกว่า
00:09:53 → 00:09:56 เขาไม่สดชื่นไม่สดใสสแตกต่างจากบุคลิก
00:09:56 → 00:09:59 เดิมอันนี้สำคัญตัวชี้วัดที่สำคัญที่เรา
00:09:59 → 00:10:02 ในฐานะคนข้างๆเนี่ยก็คือว่าพ่อแม่เรา
00:10:02 → 00:10:05 เหมือนบุคลิกเาเปลี่ยนไปหรือเปล่าคือแม่
00:10:05 → 00:10:09 ว่าเคเงียบอยู่แล้วก็เ้าพอเแก่เป็นซึม
00:10:09 → 00:10:11 เศร้าหรือเปล่าอย่างงี้อ่าก็คือเงียบมา
00:10:11 → 00:10:13 ตั้งนานแล้วเออก็จริงๆเอาจจะเงียบมาตั้ง
00:10:13 → 00:10:16 นานแล้วจุดสังเกตสำคัญก็คืออย่างที่บอกก็
00:10:16 → 00:10:18 คือเรื่องของบุคลิกที่เปลี่ยนไปอาจจะ
00:10:18 → 00:10:21 เปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบหน่อยก็อาศัยความ
00:10:21 → 00:10:25 ใส่ใจที่เราต้องมีใช่นอกจากความเสียใจคือ
00:10:25 → 00:10:28 เราต้องช่างสังเกตในส่วนนึงก็มีผู้สูง
00:10:28 → 00:10:31 อายุหลายคนก็รู้สึกว่าไม่อยากให้ตัวเอง
00:10:31 → 00:10:35 เป็นปัญหาอือใช่ใช่มยค่ะรู้สึกว่าไม่อยาก
00:10:35 → 00:10:38 เอาภาระมาให้ลูกแต่เราได้ยินคำนี้ใช่มั้ย
00:10:39 → 00:10:41 ไม่อยากเป็นภาระของใครไม่อยากเป็นภาระของ
00:10:41 → 00:10:44 ลูกแต่ว่าหลายครั้งเราจะพบว่ายิ่งเาคิด
00:10:44 → 00:10:48 แบบเนี้ยไม่อยากเป็นภาระอาจจะต่อต้านหรือ
00:10:48 → 00:10:51 มีอะไรไม่บอกกลายเป็นลูกก็อยากดูแลคนที่
00:10:51 → 00:10:53 ต้องได้รับการดูแลก็ไม่ให้ความรู้มือไม่
00:10:53 → 00:10:56 เป็นไรไม่เป็นไรป่วยก็ไม่เป็นไรไม่เอไม่
00:10:56 → 00:11:00 เป็นไรเอออยู่ได้แต่ล้มหัวตแกละออย่าง
00:11:00 → 00:11:03 เงี้ยจริงๆเราเรารักกันนะเราปรารถนาดีต่อ
00:11:03 → 00:11:07 กันพ่อแม่ไม่อยากให้ลูกมีภาระใช่มยลูกก็
00:11:07 → 00:11:10 มีความปรารถนาดีอยากจะดูแลแต่กลายเป็น
00:11:10 → 00:11:13 ความรักสื่อไม่ถึงกันเพราะว่าเราคิดในมุม
00:11:13 → 00:11:16 ของเราใช่พี่เอินก็แนะนำไปแล้วว่าวิธีการ
00:11:16 → 00:11:18 ที่จะสื่อสารกันอย่างมีคุณภาพก็คือหาเวลา
00:11:18 → 00:11:20 ที่มีคุณภาพร่วมกันอย่างที่บอกไปตอนแรก
00:11:20 → 00:11:23 ใช่โค้ชไว้ว่าเวลาคุณภาพอาจจะไม่ได้
00:11:23 → 00:11:26 จำเป็นจะต้องมากมายต่อให้ 10 นาทีก็มี
00:11:26 → 00:11:30 คุณภาพได้อือ๋อบางคนบอกว่ารอเทศกเออใช่
00:11:30 → 00:11:35 อยยรอเทศกาลรอปีใหม่รอสงกรานต์แล้วจริงๆ
00:11:35 → 00:11:37 แล้วเวลาคุณภาพเกิดขึ้นได้ทุกวันเพงั้นจะ
00:11:37 → 00:11:41 5 นาทีจะ 10 นาทีจะ 1 ชมงแต่ขอให้เป็น
00:11:41 → 00:11:43 เวลาที่เราเป็นพื้นที่ปลอดภัยของการและ
00:11:43 → 00:11:45 กันคือแน่นอนว่าทุกคนต้องดูแลตัวเองอย่าง
00:11:45 → 00:11:47 ที่พี่เอิ้นบอกไปว่าคุณพ่อคุณแม่งานหลัก
00:11:47 → 00:11:50 ก็คือดูแลตัวเองลูกๆเองก็ก็ทำงานรับผิด
00:11:50 → 00:11:52 ชอบหน้าที่ไปแต่ว่าเราเองก็ยังเป็นทีม
00:11:52 → 00:11:54 เดียวกันนะเรายังสื่อสารกันเรายังแบบ
00:11:54 → 00:11:56 พร้อมซัพพอร์ตกันอืออ่าแต่จะไม่ได้
00:11:56 → 00:11:59 เบียดเบียนกันอือแล้วถ้าสมมุติว่า
00:11:59 → 00:12:01 ครอบครัวไหนค่ะพี่เอิ้ลอที่คุณพ่อคุณแม่
00:12:01 → 00:12:04 อาจจะมีอาการป่วยชนิดที่ว่าอาจจะจำเป็น
00:12:04 → 00:12:07 ที่ลูกหลานต้องมาดูแลใกล้ชิดตรงเนี้ยหนู
00:12:07 → 00:12:09 มั่นใจเลยว่าทั้งตัวคุณพ่อคุณแม่เองที่
00:12:09 → 00:12:12 ป่วยกับตัวลูกหลานก็ต่างต้องมีความรู้สึก
00:12:12 → 00:12:15 ทางจิตใจแน่ๆคุณพ่อคุณแม่เองก็อาจจะรู้
00:12:15 → 00:12:16 สึกว่าอย่างที่บอกว่าเราไม่ได้อยากเป็น
00:12:16 → 00:12:20 ภาระใครอ่าอ่าแต่ว่าลูกๆก็แบบมันไม่ได้
00:12:20 → 00:12:23 หนูหนูต้องหนูต้องดูแลความรู้สึกตรงนี้
00:12:23 → 00:12:25 ที่เกิดขึ้นกับการที่ต้องดูแลคุณพ่อคุณ
00:12:25 → 00:12:27 แม่ที่ป่วยค่ะตัวลูกๆเองเนี่ยควรที่จะดู
00:12:27 → 00:12:30 แลตัวเองยังไงบ้างให้มีมีกำลังใจในการที่
00:12:30 → 00:12:32 จะดูแลคุณพ่อคุณแม่ต่อเราต้องเห็นคุณค่า
00:12:32 → 00:12:35 ในตัวเองนะว่าเรากำลังทำในสิ่งที่
00:12:35 → 00:12:37 ประเสริฐที่สุดที่มนุษย์คนนึงกำลังจะทำ
00:12:37 → 00:12:39 หลายครั้งอ่ะเราไม่ให้คุณค่าตัวเองตรงนี้
00:12:39 → 00:12:43 อันนี้เกิดขึ้นได้บ่อยๆเลยนะในในครอบครัว
00:12:43 → 00:12:46 อย่างเช่นอ่ะใครไม่มีครอบครัวมาดูพ่อแม่
00:12:46 → 00:12:48 อย่างเงี้ยหรือการเป็นลูกคนเล็กหรือจะ
00:12:48 → 00:12:51 เป็นลูกคนโตอ่ะมาดูพ่อแม่อ่ะหรือใครภาระ
00:12:51 → 00:12:54 น้อยกว่าหรือแบบก็ไม่มีใครดูเราเลยต้องดู
00:12:54 → 00:12:57 ไม่ได้เกิดจากความสมัครใจเออคือจริงๆก็
00:12:57 → 00:13:00 อาจจะสมัครใจแหละอ่าค่ะแต่พอการที่เราไม่
00:13:00 → 00:13:02 ให้คุณค่าคิดว่ามันต้องเป็นฉันเพราะฉัน
00:13:03 → 00:13:06 ไม่มีครอบครัวออไปรับมาเออใช่จริงๆคือ
00:13:06 → 00:13:08 สิ่งที่เรารับมาเองสมมุติว่าเราไม่มีความ
00:13:08 → 00:13:10 เมตตากับพ่อแม่เลยเอาจริงๆนะถ้าเกิดเรา
00:13:10 → 00:13:12 ไม่มีความเมตตาต่อเขาไม่มีความรักต่อเขา
00:13:12 → 00:13:15 นะมันเงื่อนไขอะไรเราก็ไม่ดูแลถูกมใช่ค่ะ
00:13:15 → 00:13:19 ถูกมเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เราตัดสินใจ
00:13:19 → 00:13:22 ที่จะละทิ้งอะไรบางอย่างเพื่อที่จะทำหน้า
00:13:22 → 00:13:24 ที่นี้เอาเอาแค่เนี้ยพี่เอิ้นคิดว่ามัน
00:13:24 → 00:13:28 เพียงพอที่จะทำให้เรานับถือตัวเองได้อ่ะอ
00:13:28 → 00:13:30 ในความเสียสสระของเราแต่ว่าตราบใดที่ถ้า
00:13:30 → 00:13:33 สมมุติเราคิดว่ามันคือภาระนะหรือเรามอง
00:13:33 → 00:13:36 ว่ามันเป็นหน้าที่มันลดทอนทันทีเลยจริงๆ
00:13:36 → 00:13:38 พ่อแม่อาจจะแค่มาเราก็หงุดหงิดแล้วนึกออก
00:13:38 → 00:13:41 มั้ยเอฉันต้องลาออกจากงานหรือฉันต้องเสีย
00:13:41 → 00:13:44 โอกาสนู่นนั่นนี่ทั้งๆที่เราทำทำสิ่งที่
00:13:44 → 00:13:46 ดีเหมือนกันนะแต่เพียงแค่ว่ามันอาจจะไม่
00:13:46 → 00:13:48 ได้มูลค่าแต่มันได้คุณค่าคือมันอาจจะไม่
00:13:49 → 00:13:51 ได้แบบถูกมองว่านี่คือการทำงานแต่จริงๆ
00:13:51 → 00:13:53 มันคืองานอย่างนึงนะแล้วมันอาจจะไม่ได้มี
00:13:53 → 00:13:56 มูลค่าคือมันไม่ได้ค่าตอบแทนน่ะแต่มันมี
00:13:56 → 00:13:58 คุณค่าโดยเฉพาะวันที่เขาไม่อยู่แล้วอ่ะ
00:13:58 → 00:14:00 มันจะมีคุณค่ามากสำหรับลูกนะพี่เอิ้นว่า
00:14:00 → 00:14:04 ก่อนอื่นเลยถ้าคุณเลือกที่จะมาดูแลเขาคุณ
00:14:04 → 00:14:06 ต้องเห็นคุณค่าในสิ่งนี้ให้ได้แล้วคุณ
00:14:06 → 00:14:09 ค่อยมาความรู้สึกของเราก็จะมีด้วยใช่ใช่
00:14:09 → 00:14:12 การที่เราอยู่กับเาการที่เราเลือกที่จะมา
00:14:12 → 00:14:15 อยู่ตรงนี้เนี่ยเราเป็นเจ้าของชีวิตงั้น
00:14:15 → 00:14:17 เราก็ต้องมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขกับทาง
00:14:17 → 00:14:19 ที่ตัวเองเลือกอันนี้คือ mindset แรกของ
00:14:20 → 00:14:22 ลูกเลยอันที่ 2 คือถ้าสมมุติว่าคุณพ่อคุณ
00:14:22 → 00:14:24 แม่เขามีปัญหาทางด้านร่างกายหรือจิตใจ
00:14:24 → 00:14:27 อะไรเนี่ยเราเองอาจจะต้องมีความรู้อเพราะ
00:14:27 → 00:14:29 ว่าอย่างเช่นถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคสมอง
00:14:29 → 00:14:31 เสื่อมเป็นอัลไซเมอร์อะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:14:31 → 00:14:34 เราเราต้องมีความรู้ในเรื่องตัวโรคของ
00:14:34 → 00:14:36 เขาคเรามีความรู้ในการเปลี่ยนแปลงของเขา
00:14:36 → 00:14:38 เพราะว่าการที่เราไม่มีความรู้เนี่ยมันทำ
00:14:38 → 00:14:41 ให้เรากังวลใจอือแต่พอเรากังวลก็ส่งต่อ
00:14:41 → 00:14:44 ความกังวลด้วยใช่เราส่งต่อความกังวลส่ง
00:14:44 → 00:14:46 ต่อความกลัวเพะนั้นเลยมีความรู้เนาะอัน
00:14:46 → 00:14:49 ที่ 3 เพื่อนคิดว่าเราต้องมีทีมหลายครั้ง
00:14:49 → 00:14:54 เลยในการที่เราเห็นกรณีที่ต้องมีลูกบางคน
00:14:54 → 00:14:56 ที่จะต้องดูแลเป็นหลักอะไรอย่างเงี้ยแล้ว
00:14:56 → 00:14:59 ก็กลายเป็นว่ากอดว่าเป็นหน้าที่ที่ฉันจะ
00:14:59 → 00:15:01 จะต้องทำเท่านั้นแล้วก็ไม่กล้าที่จะขอ
00:15:01 → 00:15:04 ความช่วยเหลือพี่ๆน้องๆคนอื่นเราอาจจะ
00:15:04 → 00:15:07 ต้องประเมินตัวเองเหมือนกันว่าอย่างเช่น
00:15:07 → 00:15:10 เราก็ต้องการการพักผ่อนเนาะเราไหวแค่ไหน
00:15:10 → 00:15:12 เวลาที่เราจะให้เา้าเต็มที่นะเวลาที่เรา
00:15:12 → 00:15:14 อาจจะขอในการที่เราจะดูแลตัวเองเรื่อง
00:15:15 → 00:15:17 ส่วนตัวยังไงแล้วเวลานั้นเนี่ยเราจะให้คน
00:15:17 → 00:15:19 อื่นๆในบ้านเนี่ยมามีส่วนร่วมได้อย่างไร
00:15:19 → 00:15:22 เพราะบางทีการที่คนอื่นในบ้านเไม่มีส่วน
00:15:22 → 00:15:23 ร่วมไม่มาเป็นทีมกับเราเพราะเราก็ไม่
00:15:23 → 00:15:26 อนุญาตให้เค้ามามีส่วนร่วมอือหรือไม่เปิด
00:15:26 → 00:15:29 พื้นที่นั้นเช่นกันอนะคะคราวนี้เปิดพื้น
00:15:29 → 00:15:31 ที่ให้เขาแล้วเนี่ยอย่าไปคาดหวังกับเขา
00:15:31 → 00:15:34 เยอะบางคนเนี่ยดูแลไม่ได้ดั่งใจอ่ะเออ
00:15:34 → 00:15:37 เท่าเรางั้นเราแล้วกันเราทำได้ดีกว่าเรา
00:15:37 → 00:15:40 เข้าใจมากกว่าเราเข้าใจมากกว่าแล้วงั้น
00:15:40 → 00:15:41 เนี่ยก็ไม่มีใครอยากมาเป็นทีมกับเราเพราะ
00:15:42 → 00:15:43 ว่าอ้าจริงๆเขาก็อยากช่วยนะแต่เหมือนว่า
00:15:43 → 00:15:45 บางนี้เคช่วยแล้วเรารู้สึกว่าเขาทำได้ไม่
00:15:45 → 00:15:48 ดีใช่เออใช่เพงั้นวิธีการช่วยเนี่ยมันก็
00:15:48 → 00:15:50 ไม่เหมือนกันใช่มั้ยคะงั้นทีมในที่นี้
00:15:50 → 00:15:53 เนี่ยยังหมายถึงบุคลากรทางการแพทย์ยัง
00:15:53 → 00:15:56 หมายถึงผู้เชี่ยวชาญยังหมายถึงอะไรอื่นๆ
00:15:56 → 00:15:59 อีกที่จำเป็นบางทีมันก็อยู่ในส่วนของการ
00:15:59 → 00:16:01 ที่อ่าเราต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณพ่อ
00:16:02 → 00:16:03 คุณแม่มีปัญหาเรื่องความจำเสื่อมีปัญหา
00:16:04 → 00:16:06 เรื่องอารมณ์ก็ต้องมีจิตแพทย์ที่จะคอยพูด
00:16:06 → 00:16:09 คุยหรือว่าดูในเรื่องของยาดูในเรื่องของ
00:16:09 → 00:16:12 พฤติกรรมอะไรอื่นๆไมการเนี่ยต้องมีทีม
00:16:12 → 00:16:14 เิ้นคิดว่ากับคุณลูกเนี่ยเ 3 อย่างนี้
00:16:14 → 00:16:16 สำคัญมากค่ะเมื่อเมื่อสักครู่พี่เอิ้นพูด
00:16:17 → 00:16:19 ถึงเรื่องความจำเสื่อมหนูเลยอยากถามใน
00:16:19 → 00:16:22 กรณีที่ว่าครอบครัวไหนที่มีคุณพ่อคุณแม่
00:16:22 → 00:16:24 หรือผู้สูงอายุที่มีอาการหลงๆลืมๆเราอาจ
00:16:25 → 00:16:27 จะไม่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ตลอดเวลาเนาะ
00:16:27 → 00:16:29 เราก็จะมีความเป็นห่วงเราจะมีวิธีการช่วย
00:16:29 → 00:16:31 เหลือท่านยังไงบ้างคะสำหรับกรณีแบบนี้
00:16:31 → 00:16:34 จริงๆอันเนี้ยขึ้นอยู่กับความรุนแรงใน
00:16:34 → 00:16:37 เรื่องของอาการของเขาด้วยถ้าเกิดว่าอย่าง
00:16:37 → 00:16:40 ในกรณีที่รุนแรงจริงๆเราเราเห็นตามข่าว
00:16:40 → 00:16:43 เนาะที่แบบผู้สูงอายุหายไปจากบ้านใช่เดิน
00:16:43 → 00:16:45 ออกจากบ้านไปอะไรอย่างเงี้ยนะก็คือหมาย
00:16:45 → 00:16:47 ความว่าจริงๆเราเราต้องค่อนข้างซีเรียสนะ
00:16:47 → 00:16:50 ในการที่ 1 ต้องทำพื้นที่ให้ปลอดภัยและมิ
00:16:50 → 00:16:53 ชิดแล้วเขาออกมาไม่ได้เราต้องแยกกับคำว่า
00:16:53 → 00:16:56 กักขังนะมันอาจจะดูเหมือนการกักขังอ่ะแต่
00:16:56 → 00:17:00 ว่ามันคือวิธีการดูแลในกรณีที่เหมือนเขา
00:17:00 → 00:17:02 เริ่มไม่รู้นู้นรู้ตัวแล้วแล้วเเริ่ม
00:17:02 → 00:17:04 เลื่อยเปือยเริ่มอันนี้นี้คือรุนแรงนี้
00:17:04 → 00:17:06 อันนี้สุดโต่งไปก่อนเนาะงั้นเนี่ย 1
00:17:06 → 00:17:09 จำกัดพื้นที่นะคะให้ให้ปลอดภัยแล้วก็ต้อง
00:17:09 → 00:17:11 เปลี่ยน mind เซตเนาะเพราะว่ามันไม่มัน
00:17:11 → 00:17:14 ไม่ใช่การกักขังอ่ะนะคะงั้นอันที่ 2 คือ
00:17:14 → 00:17:16 เขาจะต้องมีปฏิกิริยาอยู่แล้วนะถ้าเกิด
00:17:16 → 00:17:20 เราไม่ทำเพราะว่าเค้าโวยวายเค้าอะไรอย่าง
00:17:20 → 00:17:22 เงี้ยนะมันมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่โวย
00:17:22 → 00:17:24 วายเาก็จะโวยวายอยู่แล้วแต่ว่ากลุ่มเนี้ย
00:17:24 → 00:17:27 ก็คือว่าเขาก็จะเบี่ยงเบงความสนใจง่าย
00:17:27 → 00:17:29 เพราะฉะนั้นอีกอันนึงก็คือคือว่าเราอาจจะ
00:17:29 → 00:17:32 ต้องมีคนที่ดูแลผลัดเปลี่ยนจากเราหรือถ้า
00:17:32 → 00:17:35 ไม่มีจริงๆกล้องใช่มยคะเรื่องของการใช้
00:17:35 → 00:17:38 เทคโนโลยีเนี่ยอ่ะมาช่วยได้จริงๆที่เจอ
00:17:38 → 00:17:41 เยอะเนี่ยเป็นกลุ่มที่ไม่รุนแรงมากกว่า
00:17:41 → 00:17:43 ไม่รุนแรงอาการประมาณไหนคะก็คืออย่างเช่น
00:17:44 → 00:17:47 เอ่อพูดแล้วลืมอะไรอย่างเงี้ยใชอุยอันนี้
00:17:47 → 00:17:50 จริงถามบ่อยถเอถบ่อยลืมว่ากินข้าวกินยา
00:17:50 → 00:17:54 หรือยังอ่าถามบ่อยถามซ้ำอันนี้อันนี้คือ
00:17:54 → 00:17:57 สิ่งที่จะสังเกตได้เลยเนาะหรือว่าเอ้ยเรา
00:17:57 → 00:18:00 คุยกันไแล้วอ่ะอีกสักพักนึงสักวัน 2 วัน
00:18:00 → 00:18:03 เหมือนไม่ได้คุยอย่างในกรณีเนี้ยก็คือ
00:18:03 → 00:18:06 สิ่งที่ลูกๆต้องระวังเลยคืออย่าขยี้ขยี้
00:18:06 → 00:18:10 ว่าถามแล้วไงอ่าก็พูดแล้วไงหรือเหมือนไป
00:18:10 → 00:18:13 ตอกย้ำว่าเขาลืมอ่ะลืมอีกแล้วจริงๆแล้ว
00:18:13 → 00:18:15 เขาก็กลัวตัวเองอยู่เหมือนกันน่ะผู้สูง
00:18:15 → 00:18:18 อายุเนี่ยเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน
00:18:18 → 00:18:21 ที่เห็นตัวเองลืมหรือว่าไม่มีใครอยากรู้
00:18:21 → 00:18:24 สึกเออรู้สึกว่าตัวเองเอ๊ะทำไมเรื่องนี้
00:18:24 → 00:18:28 จำไม่ได้เาก็กำลังเผชิญความเสื่อมเอ๊ะนี่
00:18:28 → 00:18:30 ฉันเสื่อมขนาดนั้นแล้วเหรอคราวเนี้ยยพอ
00:18:30 → 00:18:33 ถ้าเกิดว่าถามซ้ำอีกแล้วหรือว่าเ้าทำไม
00:18:33 → 00:18:36 ลืมอีกแล้วเป็นเยอะนะอะไรอย่าเงี้ยนะอัน
00:18:36 → 00:18:39 นี้คำพูดเหล่านี้เนี่ยโออันนี้ก็คือยิ่ง
00:18:39 → 00:18:41 ยิ่งทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกเป็นความรู้สึก
00:18:41 → 00:18:44 ทางใจหรือจะเกิดปัญหากันได้ดังนั้นเนี่ย
00:18:44 → 00:18:47 มี 2 ส่วนนะมองว่าเป็นธรรมชาติคือเนียน
00:18:47 → 00:18:49 ไม่เป็นไรออยู่กับปัจจุบันไปเลยเนี่ยถ้า
00:18:49 → 00:18:53 ไม่ถามซ้ำอ่ะแปลกเอเออต้องมีทักษณะเถ้า
00:18:53 → 00:18:55 ถามซ้ำอ่ะก็เป็นปกติของแม่ช่วงนี้ใช่มั้ย
00:18:55 → 00:18:58 แต่ถ้าถามซ้ำถี่ๆสิ่งที่เราในฐานะคนดูแล
00:18:59 → 00:19:01 ต้องเริ่มตระหนักก็คือว่าเเป็นมากขึ้นนะ
00:19:01 → 00:19:03 ซึ่งคำนี้ไม่ต้องพูดกับเขาก็ได้แต่เรา
00:19:03 → 00:19:05 ต้องรู้แต่เราต้องรู้การที่เราต้องรู้นี้
00:19:05 → 00:19:08 หมายความว่าอะไรหมายความว่าเเป็นหนักขึ้น
00:19:08 → 00:19:10 ขนาดที่เราก็ควรจะต้องพาเขาไปรักษาหรือ
00:19:10 → 00:19:13 เปล่าหรือเขารักษาอยู่เอ้อันนี้เราควรจะ
00:19:13 → 00:19:15 ต้องรายงานแพทย์ที่ดูแลเขาหรือเปล่าแน่
00:19:15 → 00:19:17 นอนผู้สูงอายุคนที่จะต้องมีแพทย์ที่จะดู
00:19:17 → 00:19:19 แลเขาประจำอยู่แล้วใช่มั้ยคะงั้นเนี่ยเรา
00:19:19 → 00:19:22 ก็จะมีทีมเห็นนะแล้วก็จะกลับไปที่ทีมจริง
00:19:22 → 00:19:25 ๆเรื่องนี้ถ้าป้องกันจะดีที่สุดถ้าเกิด
00:19:25 → 00:19:26 เราไม่ได้มีเรื่องของปัญหาเรื่อง
00:19:26 → 00:19:29 พันธุกรรมเรื่องของอัลไซเมอร์เอหรือเอ่อ
00:19:29 → 00:19:33 เรื่องของความจำเสื่อมในในในครอบครัวอะไร
00:19:33 → 00:19:35 อย่างเงี้ยค่ะจริงๆโดยโดยส่วนใหญ่อ่ะมัน
00:19:35 → 00:19:37 เป็นความเสื่อมตามธรรมชาติอัลไซเมอร์
00:19:37 → 00:19:39 เนี่ยโดยส่วนใหญ่แล้วอ่ะจะมีผลในเรื่อง
00:19:39 → 00:19:41 ของพันธุกรรมเนี่ยค่อนข้างที่จะรุนแรง
00:19:41 → 00:19:43 กว่าแต่ว่าในความเสื่อมโดยธรรมชาติเนี่ย
00:19:43 → 00:19:46 ดีที่สุดคือเราต้องป้องกันพี่นคิดว่าการ
00:19:46 → 00:19:50 ดูแลร่างกายจิตใจอ่ะความคิดพลังงานชีวิต
00:19:50 → 00:19:53 ร่างกายก็ง่ายๆเลยกินดีนอนดีออกกำลังกาย
00:19:53 → 00:19:58 ดีใช่มอ่าแล้วก็ไม่สูบบุหรี่เนี่ยสำคัญอื
00:19:58 → 00:20:01 อซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สะสมมานานด้วยนะคะ
00:20:01 → 00:20:03 ใช่เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆเรื่องของการ
00:20:03 → 00:20:06 ป้องกันเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะกายยังไง
00:20:06 → 00:20:10 มันพังโดยธรรมชาติเราต้องพยายามที่จะชะลอ
00:20:10 → 00:20:13 คือแน่นอนมันเสื่อมแต่ว่าเราสามารถชะลอ
00:20:13 → 00:20:16 ได้การทำสมาธิหรือว่าการมีสติในชีวิต
00:20:16 → 00:20:18 ประจำวันเนี่ยต้องบอกว่าเป็นการบริหารจิต
00:20:18 → 00:20:22 ใจแล้วก็สมองที่แบบดีมากๆมีงานวิจัยเยอะ
00:20:22 → 00:20:25 แยะมากมายว่ามันคือการฝึกนะที่ส่งผลใน
00:20:25 → 00:20:27 เรื่องของเอ่อความจำหรือว่าชะลอในเรื่อง
00:20:28 → 00:20:30 ของความสมองเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
00:20:30 → 00:20:33 เรื่องของความคิดคือพอประสบการณ์เยอะบาง
00:20:33 → 00:20:36 ทีความคิดเนี่ยก็จะเยอะด้วยค่ะเออเพราะ
00:20:36 → 00:20:38 เรามีคลังของประสบการณ์ค่อนข้างเยอะดัง
00:20:38 → 00:20:41 นั้นการที่รับรู้ความคิดและปรับเปลี่ยน
00:20:41 → 00:20:43 ให้ความคิดนั้นเป็นความคิดเชิงบวกก็จะส่ง
00:20:43 → 00:20:46 ผลดีกว่าแล้วก็สุดท้ายก็คือเรื่องของพลัง
00:20:46 → 00:20:48 งานชีวิตเพราะงั้นจริงๆชีวิตเราเลือกได้
00:20:48 → 00:20:51 อยู่กับคนที่พลังงานดีๆถ้าเลือกได้เลือก
00:20:51 → 00:20:53 นะอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่พลังงานดีๆถ้า
00:20:54 → 00:20:56 เลือกได้เลือกใช่มยที่สำคัญคือตัวเองก็
00:20:56 → 00:20:59 ต้องเริ่มที่สร้างพลังงานที่ดีอย่างเช่น
00:20:59 → 00:21:02 การฝึกการมีใจที่เมตตาการฝึกการช่วยเหลือ
00:21:02 → 00:21:05 ผู้อื่นการฝึกสัมผัสความรู้สึกของความ
00:21:05 → 00:21:08 ปิติยินดีความเบิกบานอันนี้คือเป็นพลัง
00:21:08 → 00:21:10 งานชีวิตทั้งนั้นอันเนี้ยก็จะเป็นการป้อง
00:21:10 → 00:21:13 กันถ้าทำตั้งแต่เนิ่นๆแต่ถ้าเกิดเราไม่
00:21:13 → 00:21:16 ได้ทำตั้งแต่เนิ่นๆเกิดความเสื่อมแล้วก็
00:21:16 → 00:21:18 ทำได้อยู่ดีเป็นการฟื้นฟูป่ะคะใช่สิ่ง
00:21:18 → 00:21:22 เหล่านี้ก็จะเป็นการช่วยชะลอแล้วก็ฟื้นฟู
00:21:22 → 00:21:25 อยู่ดีนะคะรวมถึงการที่อาจจะพาตัวเองออก
00:21:25 → 00:21:28 ไปสู่สภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่มันมีความ
00:21:28 → 00:21:31 ตื่นเต้นเหรอคะใช่เรียกว่ามีประสบการณ์
00:21:31 → 00:21:34 ใหม่ๆอ่านะเกิดการเรียนรู้เพราะหลายครั้ง
00:21:34 → 00:21:37 เนี่ยพออายุมากไปเนี่ยบางคนนะตอนนี้ไม่
00:21:37 → 00:21:40 ใช่ทุกคนที่เอิ้นว่าผู้สูงอายุหลายคน
00:21:40 → 00:21:42 เนี่ยทันสมัยกว่าเด็กๆก็เป็นเรื่องจริง
00:21:42 → 00:21:46 ค่ะอ่าใช่มยแต่ผู้สูงอายุหลายคนก็จะฟิก
00:21:46 → 00:21:49 ตัวเองว่าแก่แล้วแก่แล้วเดี๋ยวก็ตายอย่าง
00:21:49 → 00:21:51 เงี้ยหรือว่าเดี๋ยวก็ตายเงินทองเอาไปไม่
00:21:52 → 00:21:54 ได้อันนี้ถูกแก่แล้วไปทำอะไรก็ไม่มี
00:21:54 → 00:21:55 ประโยชน์หรอกอะไรอย่างเงี้ยอันนี้อาจจะ
00:21:55 → 00:21:58 เป็นความคิดต้องระวังมากๆเลยเพราะว่ามัน
00:21:58 → 00:22:00 จะทำให้การเรียนรู้ไม่เกิดขึ้นคือเราก็จะ
00:22:00 → 00:22:05 อยู่ไปวันๆอ่ะใช่มยพอการที่เราอยู่โดยที่
00:22:05 → 00:22:08 ไม่เกิดการเรียนรู้ใหม่เซลล์สมองก็เสื่อม
00:22:08 → 00:22:10 ดังนั้นถ้าเกิดเรามี mindset ว่าไม่ว่า
00:22:10 → 00:22:13 เราจะอายุเท่าไหร่เราก็สามารถเรียนรู้ได้
00:22:13 → 00:22:15 และการเรียนรู้ที่ดีอย่างนึงก็คือการพา
00:22:15 → 00:22:18 ตัวเองออกไปเจอประสบการณ์ใหม่ๆอันนี้คือ
00:22:18 → 00:22:21 สิ่งที่สำคัญมากๆที่จะทำให้เราอ่ะฝึกสมอง
00:22:21 → 00:22:24 หนูฟังแล้วหนูรู้สึกว่าถ้าหนูอายุมากขึ้น
00:22:24 → 00:22:27 หนูก็อยากทำนะคะเพราะมันน่าสนุกดีใช่แล้ว
00:22:27 → 00:22:29 เราจะมีเวลาทำมากขึ้นอ่าอยากเรียนรู้อะไร
00:22:29 → 00:22:32 ใหม่ๆศาสตร์ใหม่ๆที่เรายังไม่เคยได้ทำก็
00:22:32 → 00:22:35 ไปลองดูใช่ใช่แค่เพียงเราอย่าติดกรอบความ
00:22:35 → 00:22:40 คิดของเราอืว่าแก่แล้วใช่มั้ยค่ะอือฮึที
00:22:40 → 00:22:44 นี้มีอีกเรื่องนึงค่ะพี่เอิ้นก็ผู้สูงวัย
00:22:44 → 00:22:46 หรือผู้สูงอายุหลายๆท่านอาจจะรู้สึกว่า
00:22:46 → 00:22:49 เราอายุมากขึ้นแล้วอ่ะแต่เรายังปล่อยวาง
00:22:49 → 00:22:52 ไม่ได้เลยผิดมั้ยแล้วก็ถ้าเราอยากจะปล่อย
00:22:52 → 00:22:56 วางได้ทำยังไงดีบางคนก็ปล่อยวางไม่ได้จน
00:22:56 → 00:22:59 วันสุดท้ายของชีวิตนะอื่งมีเยอะแยะคือคำ
00:22:59 → 00:23:03 ว่าปล่อยวางเนี่ยพูดง่ายแต่ว่าหลายคนก็จะ
00:23:03 → 00:23:06 คิดว่ามันก็ทำยากเราทุกคนรู้ว่าถ้าทำได้
00:23:06 → 00:23:08 มันจะดีพี่อิ้นอยากให้เรามองอย่างงี้ว่า
00:23:08 → 00:23:11 จริงๆที่มันยากอ่ะเพราะว่าเราไปหวังที่ผล
00:23:12 → 00:23:14 ของมันผลของมันคือเวลาเราปล่อยวางแล้วคือ
00:23:14 → 00:23:18 เป็นยังไงคือเราสบายใจเรามีความสุขปัญหา
00:23:18 → 00:23:20 คือเรายังไม่ได้ทำเหตุของมันเรายังไม่ได้
00:23:20 → 00:23:24 ทำกระบวนการของการปล่อยวางถ้าใครอยากจะ
00:23:24 → 00:23:27 ฝึกกับเรื่องนี้ต้องบอกว่าไม่มีคำว่าสาย
00:23:27 → 00:23:29 แม้ว่าจะเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตอืไม่
00:23:30 → 00:23:32 มีคำว่าสหังเลยใช่ไม่มีคำว่าสายแต่ว่า
00:23:32 → 00:23:36 สิ่งสำคัญคือเราอย่าอยู่กับผลของมันให้
00:23:36 → 00:23:39 เราอยู่กับกระบวนการของมันกระบวนการของ
00:23:39 → 00:23:41 การปล่อยวางอ่ะเพราะฉะนั้นกระบวนการของ
00:23:41 → 00:23:44 การปล่อยวางเนี่ยเราจะฝึกยังไงใช่ก็คือ
00:23:44 → 00:23:46 เราลองปล่อยให้ตัวเองมีอิสระในเรื่องของ
00:23:47 → 00:23:49 การคิดในเรื่องของความรู้สึกหลายครั้งใน
00:23:49 → 00:23:52 ช่วงวัยนึงรุ่นคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย
00:23:52 → 00:23:54 หรือแม้กระทั่งแม้กระทั่งรุ่นพี่เอิ้นเอง
00:23:54 → 00:23:57 เนี่ยเราก็ยังโตมากับในลักษณะของการ
00:23:57 → 00:23:59 เลี้ยงดูที่เราเราอาจจะไม่ถูกอนุญาตให้
00:24:00 → 00:24:02 รู้สึกกับความรู้สึกบางอย่างอย่างเช่น
00:24:02 → 00:24:04 โกรธโอ้โกรธไม่ดีเดี๋วพี่เอิ้นจะโดนบอก
00:24:04 → 00:24:08 เสมอเนาร้องไห้อ่อนแออืออย่างเงี้ยคนอ่อน
00:24:08 → 00:24:10 แอเท่ากับขี้แพ้อย่างเงี้ยเราไม่อยากเป็น
00:24:10 → 00:24:12 อย่างงั้นเพราะฉะนั้นเนี่ยพอเวลาเราเห็น
00:24:12 → 00:24:14 ความคิดความรู้สึกแบบนั้นเนี่ยเราจะตัด
00:24:14 → 00:24:15 สินตัวเองเลยว่าไม่ดีเพราะฉะนั้นเราจะไม่
00:24:15 → 00:24:18 ชอบเราปฏิเสธมันถ้าเราจะฝึกปล่อยวางก็คือ
00:24:18 → 00:24:21 ว่าเราฝึกที่จะเอากรอบเหล่านั้นออกค่ะคือ
00:24:21 → 00:24:24 รับรู้ความคิดรับรู้อารมณ์ของตัวเองตาม
00:24:24 → 00:24:28 ความเป็นจริงโกรธก็รู้กังวลก็รู้เศร้าก็
00:24:28 → 00:24:32 รู้ท้อก็รู้เหนื่อยก็รู้เออคือรับรู้มัน
00:24:32 → 00:24:34 ตามความเป็นจริงอันที่ 2 รับรู้แล้วไม่
00:24:34 → 00:24:38 ตัดสินมันไม่ตัดสินมันว่าเป็นตัวแย่มันจะ
00:24:38 → 00:24:41 ทำให้เราเป็นคนไม่ดีงั้นไม่ตัดสินมันคือ
00:24:41 → 00:24:45 รับและรู้ที่ 2 คือรู้ว่าธรรมชาติของมัน
00:24:45 → 00:24:48 ก็คือเดี๋ยวมันก็หายไปอืงั้นอารมณ์ความ
00:24:48 → 00:24:50 คิดเนี่ยมันเกิดขึ้นมันอยู่แป๊บนึงเดี๋ยว
00:24:50 → 00:24:54 มันหายไปปล่อยวางคือปล่อยให้ตัวเองรับรู้
00:24:54 → 00:24:56 ความคิดความรู้สึกโดยไม่ตัดสินรู้ว่าเออ
00:24:57 → 00:25:01 ธรรมชาติเมก็หายไปแล้ววางวางวางที่ไหนลม
00:25:01 → 00:25:04 หายใจค่ะความคิดความรู้สึกเนี่ยเจ้าเล่ห์
00:25:04 → 00:25:07 หลอกเราได้แต่ว่าเราหายใจอยู่อ่ะอย่าง
00:25:07 → 00:25:11 แพนด้าหายใจเข้าหายใจออกรู้สึกมยถ้าตั้ง
00:25:11 → 00:25:14 ใจรู้สึกอ่ารู้สึกมยค่ะถ้าหายใจเข้าจะ
00:25:14 → 00:25:18 โกหกว่าหายใจออกได้มยไม่ได้เออก็ร่างกาย
00:25:18 → 00:25:20 หายใจเข้าถูกมั้ยเพราะฉะนั้นเนี่ยร่างกาย
00:25:20 → 00:25:22 เนี่ยซื่อสัตย์ลมหายใจเนี่ยซื่อสัตย์มาก
00:25:22 → 00:25:25 เลยงั้นเนี่ยเรามาวางที่นี่รับรู้อารมณ์
00:25:25 → 00:25:28 ความคิดแล้วมาวางความรู้สึกที่กันการหาย
00:25:28 → 00:25:33 ใจหายใจเข้ารู้สึกหายใจออกรู้สึกเห็นมย
00:25:33 → 00:25:35 นี่คือกระบวนการพอพูดถึงกระบวนการง่ายมย
00:25:35 → 00:25:38 คราวนี้ทำได้เลยทำได้เลยถูกมยค่ะเออครา
00:25:39 → 00:25:42 นี้พอเราทำแบบนี้บ่อยๆผลคือความสบายใจ
00:25:42 → 00:25:45 ความสุขของการไม่ยึดติดกับอารมณ์กับความ
00:25:45 → 00:25:48 คิดเกิดขึ้นเองใช่ป่ะใช่ใช่ค่ะเอองั้น
00:25:48 → 00:25:52 ปล่อยวางทำได้มั้ในชาตินี้ทำได้เริ่มที่
00:25:52 → 00:25:55 หายใจก่อนตอนนี้อ่าใช่ทำได้ที่หายใจก่อน
00:25:55 → 00:25:58 เราปล่อยวางไม่ได้ตลอดหรอกอันนี้คือสิ่ง
00:25:58 → 00:26:03 ที่นะบางทีโอ๊ยได้แล้วเนี่ยจะเอาอีกหรือ
00:26:03 → 00:26:05 ต้องเป็นอย่างนี้ตลอดไม่มีอะไรตลอดหรอก
00:26:05 → 00:26:07 บางวันมันก็ได้บางวันมันก็ไม่ได้บางวัน
00:26:07 → 00:26:09 มันก็ดีบางวันมันก็ไม่ดีก็อย่าไปหงุดหงิด
00:26:09 → 00:26:12 ว่าวันนี้ทำไม่ได้ก่อนนี้ทำได้ใช่เออ
00:26:12 → 00:26:14 เมื่อวันนี้ยังทำได้เลยทำไมวันนี้ทำไม่
00:26:14 → 00:26:18 ได้ออันนี้คือเรื่องของการปล่อยวางทำได้
00:26:18 → 00:26:20 ทุกขณะไม่นับที่ผ่านมาแล้วกันเริ่มตอนนี้
00:26:20 → 00:26:22 เลยใช่แล้วจริงๆไม่ต้องรอให้ตัวเองสูง
00:26:22 → 00:26:25 อายุและไม่มีคำว่าสายแม้วินาทีสุดท้ายของ
00:26:25 → 00:26:27 ชีวิตแต่ถ้าวินาทีสุดท้ายของชีวิตแล้ว
00:26:28 → 00:26:30 เนี่ยยังไม่วางเนี่ยอันนี้อาจจะสายเพราะ
00:26:30 → 00:26:32 ฉะนั้นก็ต้องรู้ก่อนว่าประโยชน์ของการวาง
00:26:32 → 00:26:35 คืออะไรเนาะพไม่รู้ก็คงไม่ทำเออประโยชน์
00:26:35 → 00:26:40 ของการปล่อยปการปล่อยแล้วมาวางวางที่ลม
00:26:40 → 00:26:43 หายใจของเราอืค่ะวันนี้หนูเชื่อว่าหลายๆ
00:26:43 → 00:26:46 คนที่ฟังมาก็จะได้เห็นในหลายๆมุมมองก็ได้
00:26:47 → 00:26:50 เข้าใจทั้งในมุมของเราเองหรือว่าแนวช
00:26:50 → 00:26:53 Generation ในมุมของลูกหลานในมุมของคุณ
00:26:53 → 00:26:57 พ่อคุณแม่เราได้เปิดใจรับฟังความคิดและ
00:26:57 → 00:26:59 ความรู้สึกของท่านมากขึ้นนะคะหนูเชื่อว่า
00:26:59 → 00:27:01 แม้กระทั่งตัวหนูเองที่หนูฟังวันนี้หนู
00:27:01 → 00:27:03 อาจจะไม่ได้อยู่ในไวยแซนวิช Generation
00:27:03 → 00:27:06 หนูอาจจะไม่ได้เป็นผู้สูงอายุแต่ว่าหนูก็
00:27:06 → 00:27:09 ได้แนวทางที่ดีว่าในอนาคตต่อไปที่เราจะทำ
00:27:10 → 00:27:12 กับชีวิตตัวเองเป็นยังไงแล้วก็เราสามารถ
00:27:12 → 00:27:15 ที่จะส่งต่อความรู้ดีๆนี้ให้กับคนที่เรา
00:27:15 → 00:27:18 รักได้ยังไงหลายๆท่านนะคะถ้าชมแล้วนะคะ
00:27:18 → 00:27:20 ชอบตรงไหนแล้วก็คอมเมนต์เป็นกำลังใจให้
00:27:20 → 00:27:23 ทีมงานขอบคุณคุณหมอเอิ้ลให้กับพวกเราด้วย
00:27:23 → 00:27:25 นะคะก็ขอขอบคุณคุณหมอเอิ้นมากๆอีกครั้ง
00:27:25 → 00:27:29 ค่ะสวัสดีค่ะขอบคุณค่ะ
00:27:29 → 00:27:48 [เพลง]