00:00:00 → 00:00:03 [เพลง]
00:00:03 → 00:00:07 โลหิตยางเกิดจากการที่ร่างกายของเรามี
00:00:07 → 00:00:09 ปริมาณเรื่องของเม็ดเลือดแดงน้อยกว่า
00:00:09 → 00:00:12 เกณฑ์ปกติซึ่งปริมาณเม็ดเลือดแดงที่น้อย
00:00:12 → 00:00:14 กว่าเกณฑ์ปกตินี้ทำให้เลือดในร่างกาย
00:00:14 → 00:00:17 เนี่ยไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆในร่างกายได้
00:00:17 → 00:00:20 น้อยลงจนมีอาการของโลหิจานเกิด
00:00:20 → 00:00:23 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:26 ขึ้นโดยหลักๆจะแบ่งเป็น 3 สาเหตุก็คือ
00:00:26 → 00:00:29 เรื่องของไข่กระดูกทำงานได้น้อยลงร่างกาย
00:00:29 → 00:00:31 มีการทำลายเมรแดงที่ไขกระดูกสร้างเนี่ย
00:00:31 → 00:00:34 มากขึ้นหรือว่ามีการสูญเสียเลือดออกจาก
00:00:34 → 00:00:36 ร่างกายในประเด็นแรกเรื่องของไขกระดูก
00:00:36 → 00:00:39 สร้างเมรแดงได้น้อยลงเนี่ยก็จะแบ่งได้
00:00:39 → 00:00:41 หลายปัจจัยอันดับแรกคือเรื่องของสารอาหาร
00:00:41 → 00:00:43 สารอาหารเนี่ยก็คือมีภาวะขาดเรื่องของ
00:00:43 → 00:00:46 ธาตุเหล็กขาดวิตามินโฟลิหรือว่า B12 ซึ่ง
00:00:46 → 00:00:48 เป็นสารอาหารที่จะส่งเสริมการสร้างเรื่อง
00:00:48 → 00:00:51 ของเมเตอร์แดงจากไข่กระดูกหรือในร่างกาย
00:00:51 → 00:00:54 เนี่ยขาดเรื่องของฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้น
00:00:54 → 00:00:56 การสร้างเม็ดแดงไปที่ไขกระดูกที่เรามักจะ
00:00:56 → 00:01:00 รู้จักกันก็คือฮอร์โมนอิริทไินจากเมไตตัว
00:01:00 → 00:01:02 เนื้อไตเนี่ยจะสร้างฮอร์โมนชนิดนี้ค่อน
00:01:02 → 00:01:05 ข้างสูงถ้าเรามีความิติที่ตัวเนื้อไต
00:01:05 → 00:01:07 อย่างเช่นไตเสื่อมก็สามารถทำให้ไถกระดูก
00:01:07 → 00:01:09 เนี่ยทำงานได้น้อยลงสร้างเเลืแดงน้อยลงจน
00:01:09 → 00:01:12 เกิดเป็นปัญหาเรื่องของโรอิจานเกิดขึ้น
00:01:12 → 00:01:14 หรือในเรื่องของไข่กระดูกมีพังผืดเกิด
00:01:14 → 00:01:17 ขึ้นทำให้ช่องว่างในการสร้างเรื่องของ
00:01:17 → 00:01:19 เม็ดัดแดงในไขกระดูกสร้างได้น้อยลง
00:01:19 → 00:01:22 ประสิทธิภาพการสร้างลดน้อยลงหรือประเด็น
00:01:22 → 00:01:24 อื่นอย่างเช่นมะเร็งเป็นมะเร็งจากในตัวไข
00:01:24 → 00:01:26 กระดูกเองอย่างเช่นมะเร็งเม็ดรัดขาว
00:01:26 → 00:01:29 ลิวคีเมียหรือว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
00:01:29 → 00:01:31 หรือมะเร็งชนิดอื่นๆกระจายไปที่ไขกระดูก
00:01:31 → 00:01:34 ก็สามารถทำให้บทบังเรื่องของการทำงานใน
00:01:34 → 00:01:37 การสร้างเมเลือดแดงได้หรือรวมถึงการติด
00:01:37 → 00:01:40 เชื้อที่รุนแรงในบางครั้งก็จะให้ผลเช่น
00:01:40 → 00:01:42 เดียวกันผลสุดท้ายคือก็จะเกิดปัญหาเรื่อง
00:01:42 → 00:01:45 ของโรงุกจางในประเด็นที่ 2 เรื่องของการ
00:01:45 → 00:01:48 ที่ร่างกายทำลายเมดเลือดแดงได้มากขึ้นเรา
00:01:48 → 00:01:52 ก็จะพบได้ประมาณ 3-4 สาเหตุหลักๆที่พบใน
00:01:52 → 00:01:55 คนไทยก็คือเรื่องของพาลาซีเมียพาลาซีเมีย
00:01:55 → 00:01:58 เนี่ยเป็นความปิปติทางพันธุกรรมส่งผลทำ
00:01:58 → 00:02:01 ให้เรื่องของอายุไขของเม็ลแดงนั้นสั้น
00:02:01 → 00:02:03 กว่าปกติโดยปกติเม็ลแดงจะมีอายุไขประมาณ
00:02:03 → 00:02:06 120 วันนะครับแต่เมื่อมีการิดปกติในส่วน
00:02:07 → 00:02:09 นี้เนี่ยอายุไขของเมเลดแดงสั้นลงเหลือ 90
00:02:09 → 00:02:12 วันก็เป็นเหตุทำให้เลือดจางโลหิตจางได้
00:02:12 → 00:02:14 ง่ายขึ้นนะครับประเด็นถัดมาเรื่องของตัว
00:02:14 → 00:02:18 G6PD เนี่ยมักจะบในเพศชายได้มากกว่าเพศ
00:02:18 → 00:02:21 หญิงเกิดจากการที่ร่างกายเราเนี่ยโดยปกติ
00:02:21 → 00:02:24 บนผนังเซลล์ของเเลือดแดงเจะมีเอนไซม์ชื่อ
00:02:24 → 00:02:27 G6PD อยู่ซึ่งจะช่วยปกป้องการทำอันตราย
00:02:27 → 00:02:30 กับตัวเม็ดดแดงโดยตรงถ้ามีเอนไซม์ dcp
00:02:30 → 00:02:33 เนี่ยน้อยก็คือกลูโคสฟอสเฟตน้อยเนี่ยก็จะ
00:02:34 → 00:02:37 ส่งผลทำให้การป้องกันเรื่องของเมแดงจาก
00:02:37 → 00:02:40 การถูกทำลายได้น้อยลงก็เกิดความเสียหาย
00:02:40 → 00:02:42 ได้มากขึ้นเมแดงถูกทำลายได้มากขึ้นมักจะ
00:02:42 → 00:02:45 พบในเพศชายได้มากกว่าเกิดจากความผิดสติ
00:02:45 → 00:02:47 ที่ตัวโครโมโซม x ของร่างกายครับผมยกตัว
00:02:47 → 00:02:50 อย่างอย่างอื่นอย่างเช่นในเพศหญิงที่เรา
00:02:50 → 00:02:55 มักคบกันก็คือูปกันทำหร้าตัวเองไปที่เดม
00:02:55 → 00:02:57 มักจะพบในกลุ่มคนที่มีประวัติเรื่องของ
00:02:57 → 00:03:00 sle ประเด็นสุดท้ายก็คือเรื่องของของการ
00:03:00 → 00:03:02 ติดเชื้ออย่างเช่นการติดเชื้อมาลาเรีย
00:03:02 → 00:03:05 หรือการติดเชื้อไมโครพลาสมาก็สามารถทำให้
00:03:05 → 00:03:08 เม่ลุแดงแตกตัวได้ง่ายกว่ากส่วนในเรื่อง
00:03:08 → 00:03:11 ของการเสียเลือดออกจากร่างกายเพบได้บ่อย
00:03:11 → 00:03:13 ครั้งนะครับอย่างเช่นการมีอุบัติเหตุ
00:03:13 → 00:03:16 รุนแรงจนเกิดเลือดออกปริมาณค่อนข้างมาก
00:03:16 → 00:03:19 รวดเร็วและกทาหรือมีการตกเลือดหลังคลอด
00:03:19 → 00:03:21 ที่คลอดบุดหรือว่าการเสียเลือดอยู่เป็น
00:03:21 → 00:03:25 ประจำเรื้อรังเช่นการมีริสดวงตะวาหนักการ
00:03:25 → 00:03:27 เกิดแผลในกระเพาะในทางเดินอาหารแล้วเกิด
00:03:27 → 00:03:30 เลือดออกโดยที่คนไข้รายนั้นไม่ทราบว่ามี
00:03:30 → 00:03:32 เลือดออกจนเป็นเหตุทำให้เกิดเรื่องของ
00:03:32 → 00:03:36 โลหิตยางเรื้อรังหรืออย่างในสตรีวัยมี
00:03:36 → 00:03:38 ประจำเดือนทั่วไปเนี่ยก็จะมีเรื่องของ
00:03:38 → 00:03:40 ประจำเดือนอยู่บ่อยครั้งก็จะเกิดเรื่อง
00:03:40 → 00:03:43 ของโรติยังอยู่บ่อยครั้ง
00:03:43 → 00:03:45 [เพลง]
00:03:45 → 00:03:49 ครับการมีเรื่องของอาการเนี่ยก็จะดูว่า
00:03:49 → 00:03:51 เป็นแบบเฉียบพันธุ์หรือว่าเรื้อรังเฉียบ
00:03:51 → 00:03:53 พันธ์กับเรื้อรังเนี่ยอาการจะเหมือนกัน
00:03:53 → 00:03:55 ขึ้นอยู่กับระยะเวลาปกติแล้วอาการของ
00:03:55 → 00:03:58 โลหิตางเนี่ยขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ได้รับ
00:03:58 → 00:04:02 ผลกระทบว่าเป็นอวัยวะใดอย่างเช่นมีปัญหา
00:04:02 → 00:04:04 ที่เรื่องของหัวใจเนี่ยก็จะมีเรื่องของ
00:04:04 → 00:04:08 เจ็บหน้าอกเหนื่อยง่ายอ่าใจสั่นหายใจค่อน
00:04:08 → 00:04:11 ข้างเร็วแต่ว่าหายใจตื้นหรือว่ามีไอร่วม
00:04:11 → 00:04:14 ด้วยจากการที่มีเรื่องของหัวใจทำงานล้ม
00:04:14 → 00:04:17 เหลวไปที่ผลกระทบต่อเรื่องของหลอดเลือด
00:04:17 → 00:04:19 สมองเนี่ยก็จะมีเรื่องของหลอดเลือดสมอง
00:04:19 → 00:04:21 ขาดเลือดหรือว่าที่เรามักจะรู้จักกันว่า
00:04:21 → 00:04:23 หลอดเลือดสมองตีก็จะมีเรื่องของอัมพฤษ
00:04:23 → 00:04:26 อัมพาอ่าแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกปากเบี้ยว
00:04:26 → 00:04:29 พูดไม่ชัดพูดติดขัดเกลืนอาหารลำบากถ้าไป
00:04:29 → 00:04:32 ที่ที่เรื่องของตัวระบบทางเดินปัสสาวะก็
00:04:32 → 00:04:35 จะทำให้ปัสสาวะออกได้น้อยลงโดยรวมๆก็จะมี
00:04:35 → 00:04:38 เรื่องของหน้ามืดวิงเวียนใจสั่นอ่อนแรง
00:04:38 → 00:04:40 เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งหรือบางทีก็มาด้วย
00:04:40 → 00:04:42 เรื่องของอุบัติเหตุเพราะว่ามีเรื่องของ
00:04:42 → 00:04:45 เลือดจางโลหิตจางตรงนี้มากขึ้นจนมีอาการ
00:04:45 → 00:04:48 วุนเวียนวูบจนเกิดศีรษะกระทบกระแทกบ่อย
00:04:48 → 00:04:50 ครั้งที่ได้รับการปรึกษาว่ามีเรื่องของ
00:04:50 → 00:04:53 เลือดออกในในสมองแต่ก็ตรวจพบว่าโลหิาง
00:04:53 → 00:04:55 ค่อนข้างรุนแรงอาการเป็นได้ทั้งเรื้อรัง
00:04:55 → 00:04:58 และเฉียบพันขึ้นอยู่กับว่าร่างกายของผู้
00:04:58 → 00:05:01 ป่วยรายนั้นเนี่ยสามารถสรถพนต่อระดับของ
00:05:01 → 00:05:04 ออกซิเจนในเลือดหรือความเข้มข้นเลือดแดง
00:05:04 → 00:05:08 ที่น้อยได้มากน้อยเพียงใดครับ
00:05:08 → 00:05:10 [เพลง]
00:05:10 → 00:05:14 ผมรักษาหายขาดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่า
00:05:14 → 00:05:17 ต้นเหตุของโลหิตกลางคืออะไรอย่างเช่นว่า
00:05:17 → 00:05:19 เป็นจากภาวะขาดวิตามินเนี่ยสามารถรักษา
00:05:19 → 00:05:22 ให้หายขาดได้แต่ถ้าเป็นจากพันธุกรรมอย่าง
00:05:22 → 00:05:25 เช่น gcd หรือพาราซีเมียเนี่ยก็จะไม่หาย
00:05:25 → 00:05:27 ขาดการรักษาจะเป็นการประคับประคองไม่ให้
00:05:27 → 00:05:31 รุนแรงมากขึ้นแต่ก็ยังต้องมีการตรวจติด
00:05:31 → 00:05:33 ตามอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
00:05:33 → 00:05:36 ขึ้นอยู่กับว่าต้องรักษาที่ต้นเหตุหรือ
00:05:36 → 00:05:38 ปลายเหตุอย่างบางครั้งถ้าขาดธาตุเหล็ก
00:05:38 → 00:05:41 ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเข้าใจกันได้ว่าแค่
00:05:41 → 00:05:44 ทานยาเสริมธาตุเหล็กก็น่าจะดีขึ้นแต่ถ้า
00:05:44 → 00:05:47 เป็นจากสาเหตุมีประจำเดือนเรื้อรังอ่า
00:05:47 → 00:05:49 ประจำเดือนอยู่ทุกเดือนแล้วเลือดออกทาง
00:05:49 → 00:05:52 ช่องคลอดค่อนข้างมากเกิดจากเรื่องของ
00:05:52 → 00:05:55 เนื้องอกในมดลูกที่เป็นเหตุให้ประจำเดือน
00:05:55 → 00:05:57 ในแต่ละครั้งค่อนข้างมากถ้าเราไม่รักษา
00:05:57 → 00:05:59 ต้นเหตุก็คือรักษาเรื่องเรื่องของเนื้อ
00:05:59 → 00:06:02 งอกมลูกปลายเหตุเรื่องของโลหิตกางจากภาวะ
00:06:03 → 00:06:05 ขาธาตุเหล็กในสตรีที่มีประจำเดือนตรง
00:06:05 → 00:06:07 เนี้ยก็จะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุก็จะไม่
00:06:08 → 00:06:09 หาย
00:06:09 → 00:06:12 [เพลง]
00:06:12 → 00:06:16 พาขึ้นอยู่กับว่าโลหิตจางที่เป็นนั้น
00:06:16 → 00:06:19 เนี่ยเป็นจากสาเหตุอะไรนะครับอย่างเช่นยก
00:06:19 → 00:06:21 ตัวอย่างเรื่องของซีเมียด้วยความที่เมเ
00:06:21 → 00:06:24 เลดแดงเนี่ยอายุไขสั้นกว่าปกติเรารู้อยู่
00:06:24 → 00:06:27 แล้วว่าใน 1 เม็แดงเนี่ยจะมีเรื่องของธา
00:06:27 → 00:06:29 เหล็กเป็นองค์ประกอบในการสร้างเม็แดง 1
00:06:29 → 00:06:32 ตัวเมื่อเมืแดงหมดอายุไขไปเนี่ยก็จะมีการ
00:06:32 → 00:06:35 ปล่อยาตเหล็กอยู่ในกระแสเลือดซึ่งยิ่ง
00:06:35 → 00:06:37 เกิดวัฏจักรดังกล่าวมากขึ้นเนี่ยธาตุ
00:06:37 → 00:06:40 เหล็กในร่างกายก็จะเกิดค่อนข้างสูงฉะนั้น
00:06:40 → 00:06:42 ในกลุ่มคนไข้ที่เป็นพาราซีเมียเนี่ยจะมี
00:06:42 → 00:06:45 ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของธาตุเหล็กสูง
00:06:45 → 00:06:47 ในร่างกายได้ง่ายอยู่แล้วยิ่งความรุนแรง
00:06:47 → 00:06:49 ของพาราซีเมียนั้นเป็นค่อนข้างมากธาตุ
00:06:49 → 00:06:51 เหล็กในร่างกายก็ยิ่งสูงฉะนั้นอาหารที่
00:06:51 → 00:06:54 ควรหลีกเลี่ยงในกลุ่มคนไข้ที่เป็นโลหิต
00:06:54 → 00:06:56 กลางจากพาลาซีเมียเนี่ยก็คือหลีกเลี่ยง
00:06:56 → 00:06:58 อาหารที่มีธาตุเหล็กไม่ว่าจะเป็นพวกหอย
00:06:58 → 00:07:01 เนื้อสัตว์ที่สีแกงแดงมากๆอย่างเช่นเนื้อ
00:07:01 → 00:07:03 วัวเนื้อหมูเครื่องในสัตว์หรือพวกเมล็ด
00:07:03 → 00:07:06 ฟักทองงาดำงาขาวหรือว่าพวก Dark
00:07:06 → 00:07:08 ช็อกโกแลตพัปูดหรือว่าเ้าเจี้ยวเนี่ยรวม
00:07:08 → 00:07:11 ถึงธัญพืชเนี่ยก็ควรหลีกเลี่ยงในกลุ่มที่
00:07:11 → 00:07:14 เป็นพาลาซีเมียในกรณีที่เป็น G6PD เนี่ย
00:07:14 → 00:07:17 เราก็จะหลีกเลี่ยงให้ทานพวกหั่วปาก้าวาย
00:07:17 → 00:07:20 แดงหรือว่าบลูเบอรี่แล้วก็ถั่วเรือเพราะ
00:07:20 → 00:07:22 ว่ามันเป็นอาหารต้องห้ามสำหรับคนที่เป็น g
00:07:22 → 00:07:24 สดีฉะนั้นก็ต้องตอบว่าบางอย่างเนี่ยก็ทาน
00:07:25 → 00:07:27 ได้บางอย่างก็ทานไม่ได้ขึ้นอยู่กับสาเหตุ
00:07:27 → 00:07:30 ของโลหิตยางที่เป็นครับ
00:07:30 → 00:07:34 [เพลง]
00:07:34 → 00:07:37 ผม