00:00:06 → 00:00:09 ภาวะ Dead Inside เคยไหมคะที่ว่าเรามี
00:00:09 → 00:00:12 ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เช่นทั้งสับสน
00:00:12 → 00:00:15 ทั้งโศกเศร้าทั้งเฉื่อยชาไม่มีความ
00:00:15 → 00:00:18 ต้องการอะไรเลยไม่มีความปรารถนาอะไรเลย
00:00:18 → 00:00:22 รู้สึกไม่มีความยินดีที่จะทำอะไรให้เสร็จ
00:00:22 → 00:00:26 ทำไปอย่างนั้นล่ะนะฮะบางครั้งก็ต้องยอมทำ
00:00:26 → 00:00:29 ในสิ่งที่เราไม่ภูมิใจไม่เห็นด้วยมันอาจ
00:00:29 → 00:00:32 จะเกิดขึ้นกับใครก็ได้แต่บางคนเนี่ยมันมา
00:00:32 → 00:00:34 แล้วมันก็ผ่านไปก็เชียร์อัพตัวเองขึ้นมา
00:00:34 → 00:00:38 ใหม่ได้แต่ว่าบางคนเนี่ยอยู่สั้นบางคน
00:00:38 → 00:00:40 อยู่ยาวระยะมันไม่เหมือนกันหรือบางคน
00:00:40 → 00:00:41 เนี่ยเป็นแบบเรื้อรังเลย
00:00:41 → 00:00:43 [เพลง]
00:00:43 → 00:00:47 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:47 → 00:00:50 การโรงหมอกัดดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:50 → 00:00:53 skyouse
00:00:53 → 00:00:56 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:56 → 00:00:58 การโรงหมอทาง Thai PBS podcast ค่ะวัน
00:00:58 → 00:01:01 นี้เรามาพบกันเช่นเคยนะคะติดตามสาระกัน
00:01:01 → 00:01:05 ได้วันนี้เป็นเรื่องของภาวะ Dead Inside
00:01:05 → 00:01:08 นะคะเป็นอย่างไรนะเดี๋ยวก็ให้คุณผู้ฟัง
00:01:08 → 00:01:10 ได้ฟังกันแล้วก็ทำความเข้าใจกันไปกับผู้
00:01:10 → 00:01:12 ช่วยศาสตราจารย์ดรจันทร์วิภาดิลกสัมพันธ์
00:01:12 → 00:01:16 ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้าน
00:01:16 → 00:01:18 สมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:18 → 00:01:20 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:20 → 00:01:22 ค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:01:22 → 00:01:27 ค่ะวันนี้คุยกันโอ้โหมันยากไปไหมหนอมา
00:01:27 → 00:01:31 เป็นคำศัพท์เลยนะคะภาษาอังกฤษกันเลย Dead
00:01:31 → 00:01:34 Inside นะคะภาวะนี้คืออะไรนะคะบางทีเรา
00:01:34 → 00:01:37 อาจจะไม่รู้หรอกว่าจริงๆเรามีประมาณนี้
00:01:37 → 00:01:40 อยู่หรือเปล่าอ้าเพราะฉะนั้นต้องถาม
00:01:40 → 00:01:44 อาจารย์ขอแบบเอาทำความเข้าใจกับคำๆนี้
00:01:44 → 00:01:46 ก่อนดีกว่าอ่านะคะ
00:01:46 → 00:01:48 เอ่อภาวะ Dead Inside แปลตรงตัวเลยก็คือ
00:01:48 → 00:01:52 ตายข้างในนะคะฮ่าๆๆนะตายข้างในเอ๊ะมัน
00:01:52 → 00:01:55 เป็นยังไงคุณสุรีย์พรเคยไหมคะที่ว่าเรามี
00:01:55 → 00:01:58 ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อ่ะเช่นทั้ง
00:01:58 → 00:02:02 สับสนทั้งโศกเศร้าทั้งเฉื่อยชาไม่มีความ
00:02:02 → 00:02:05 ต้องการอะไรเลยไม่มีความปรารถนาอะไรเลย
00:02:05 → 00:02:08 รู้สึกไม่มีความยินดีที่จะทำอะไรให้เสร็จ
00:02:08 → 00:02:13 ทำไปอย่างนั้นละนะฮะบางครั้งก็ต้องยอมทำ
00:02:13 → 00:02:16 ในสิ่งที่เราไม่ภูมิใจไม่เห็นด้วยหรือทำ
00:02:16 → 00:02:18 อะไรที่เราไม่ชอบอ่ะแต่เพื่อให้มันมี
00:02:18 → 00:02:21 ชีวิตรอดไปวันๆน่ะมันมีความรู้สึกว่ามัน
00:02:21 → 00:02:25 ไม่มีพลังหรือความต้องการอะไรเลยเคยไหมคะ
00:02:25 → 00:02:29 ความรู้สึกแบบนี้มีบ้างค่ะแต่ไม่ไม่ได้
00:02:29 → 00:02:33 แบบตลอดเวลาหรือทุกอย่างมีแค่เฉพาะบาง
00:02:33 → 00:02:37 ช่วงบางจังหวะค่ะอ่านะฮะเพราะฉะนั้นถ้าจะ
00:02:37 → 00:02:40 ให้คำนิยามนะคะมันไม่สามารถจะนิยามได้ตรง
00:02:40 → 00:02:43 ๆแต่ว่าอยากจะบอกว่ามันเป็นสภาวะอารมณ์
00:02:43 → 00:02:46 ที่รู้สึกว่างเปล่านะฮะรู้สึกว่าข้างใน
00:02:46 → 00:02:51 เนี่ยมันมันรู้สึกทุกข์ใจเฉยชาพลังงานมัน
00:02:51 → 00:02:54 หายไปนะฮะไม่มีความปรารถนาหรือความ
00:02:54 → 00:02:56 ต้องการที่ภาษาอังกฤษเขาเรียก passion
00:02:57 → 00:03:00 น่ะนะคะแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนนะฮะรู้
00:03:00 → 00:03:03 ไม่รู้ว่ามันจะจุดจบยังไงทำอะไรไปวันๆนะ
00:03:03 → 00:03:06 คะไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็เหตุการณ์ที่ผ่านมา
00:03:06 → 00:03:08 ในชีวิตเลยแต่ไม่ใช่ปล่อยวางนะคะคนละ
00:03:08 → 00:03:12 เรื่องนะคะแล้วก็เหมือนกับว่าทำงานหรือทำ
00:03:12 → 00:03:16 อะไรก็ปัดๆไปนะฮะไม่ไม่ได้สนใจหรือเพิก
00:03:16 → 00:03:21 เฉยนะคะซึ่งตรงเนี้ยเราเอ่อจะบอกว่าไงมัน
00:03:21 → 00:03:24 แปลว่าความรู้สึกตายข้างในเหมือนในตัวตน
00:03:24 → 00:03:27 เราเนี่ยนะคะว่างเปล่าด้านชากันทุกอย่าง
00:03:27 → 00:03:31 เลยไม่อย่างไรในชีวิตนะฮะตรงนี้มันที่มัน
00:03:31 → 00:03:33 น่าเป็นห่วงก็คือถ้าอาการอย่างนี้นะคะ
00:03:33 → 00:03:37 ความรู้สึกกลุ่มนี้มันเป็นไปนานๆเกินไป
00:03:37 → 00:03:40 เนี่ยมันจะนำไปสู่เรื่องของการ replace
00:03:40 → 00:03:44 หรือการซึมเศร้าได้นะคะถ้างั้นแสดงว่าถ้า
00:03:44 → 00:03:47 อย่างเป็นคำว่าที่เดี๋ยวนี้จะเห็นในสื่อ
00:03:47 → 00:03:50 โซเชียลเยอะมากกับการทำเรื่องนี้คือการ
00:03:50 → 00:03:53 หมดไฟในการทำงานหรืออะไรอย่างนี้ก็เป็น
00:03:53 → 00:03:56 ส่วนหนึ่งแต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดนะฮะไม่ใช่
00:03:56 → 00:03:58 ทั้งหมดแต่อันนั้นเขามองมุ่งมองที่การทำ
00:03:58 → 00:04:00 งานแสดงว่าคำว่า then Inside เนี่ยมัน
00:04:00 → 00:04:02 อยู่ในตัวตนไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้
00:04:02 → 00:04:05 แยกขาออกมาว่าเป็นงานนะแยกข่าวออกมาเป็น
00:04:05 → 00:04:07 เรื่องครอบครัวหรืออะไรอย่างนี้ไม่ใช่
00:04:07 → 00:04:09 อย่างเงี้ยเดี๋ยวแยกง่ายๆให้คุณคุณ
00:04:09 → 00:04:11 สุรีย์พรเห็นแล้วกันว่าถ้าทางร่างกาย
00:04:11 → 00:04:13 เนี่ยนะฮะถ้าเรามองทางด้านร่างกายเมื่อ
00:04:13 → 00:04:16 กี้เรามองทางด้านความรู้สึกนะคะทางด้าน
00:04:16 → 00:04:18 ร่างกายเนี่ยเอ่อเราจะเห็นว่าร่างกาย
00:04:18 → 00:04:20 เนี่ยของคนที่ Dead Inside สนิทใจยัง
00:04:20 → 00:04:26 ปกติอยู่ค่ะนะคะปกติอยู่เดินได้กินได้แต่
00:04:26 → 00:04:31 มันไร้วิญญาณน่ะเหมือนคนเหมือนคนตายเขา
00:04:31 → 00:04:33 ใช้คำว่าอะไรเหมือนตายทั้งที่ยังมีลมหาย
00:04:33 → 00:04:37 ใจนะนะเหมือนเหมือนซอมบี้หรือเปล่าเหมือน
00:04:37 → 00:04:40 หุ่นยนต์อะไรอย่างนี้นะคะตามันล่องลอยไม่
00:04:40 → 00:04:44 มีแววตามันจิตวิญญาณหรือความรู้สึกอ่ะมัน
00:04:44 → 00:04:46 ตายไปแล้วอ่ะแต่ร่างกายมันยังทำงานอยู่
00:04:46 → 00:04:50 อ่ะคนมันดอกไม้เหี่ยวๆอะไรเงี้ย
00:04:50 → 00:04:54 มันไม่ฟื้นขึ้นมาสดใสหรือว่าจะตายก็ไม่
00:04:54 → 00:04:57 ตายสักทีอ่ะแต่มันก็เหี่ยวอยู่อย่างนั้น
00:04:57 → 00:05:00 น่ะคือก็ทำงานได้นะใช้ชีวิตได้นะไปนู่นไป
00:05:00 → 00:05:03 นี่มานี่ได้นะแต่ฉันก็แบบสั่งกระต่ายอ่า
00:05:03 → 00:05:05 ใช่ๆอย่างงั้นน่ะนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:05:05 → 00:05:09 เอ่อจริงๆแล้วภาวะนี้เหมือนที่คุณ
00:05:09 → 00:05:11 สุรีย์พรบอกแหละค่ะว่ามันอาจจะเกิดขึ้น
00:05:11 → 00:05:14 กับใครก็ได้แต่บางคนเนี่ยมันมาแล้วมันก็
00:05:14 → 00:05:17 ผ่านไปนึกออกมั้ยคะก็เชียร์อัพตัวเองขึ้น
00:05:17 → 00:05:21 มาใหม่ได้แต่ว่าบางคนเนี่ยอยู่สั้นบางคน
00:05:21 → 00:05:23 อยู่ยาวระยะมันไม่เหมือนกันหรือบางคน
00:05:23 → 00:05:26 เนี่ยเป็นแบบเรื้อรังเลยนึกออกมั้ยคะคือ
00:05:26 → 00:05:31 คนที่สร้างกระต่ายเบื่อทำงานไปวันๆอะไร
00:05:31 → 00:05:33 อย่างเงี้ย
00:05:33 → 00:05:37 เข้าใจ Feeling นี้
00:05:37 → 00:05:42 เพราะฉะนั้นเนี่ยมันก็มีพอพอจะมีสัญญาณ
00:05:42 → 00:05:44 เตือนที่เราบอกว่าถ้าเป็นนานๆเนี่ยมันก็
00:05:44 → 00:05:47 จะนำไปสู่การ depress นะคะหรือการการที่
00:05:47 → 00:05:49 เราจะทำเป็นโรคซึมเศร้าได้ในที่สุดเนี่ย
00:05:49 → 00:05:53 นะนี่คนรอบข้างหรือตัวเองเราลองสำรวจตัว
00:05:53 → 00:05:55 เองก็ได้นะคะว่าเราเป็นอย่างนี้หรือเปล่า
00:05:55 → 00:05:59 เรากำลังรู้สึกอย่างนี้หรือเปล่านะคะความ
00:05:59 → 00:06:02 รู้สึกแรกก็คือจะมีความรู้สึกว่า
00:06:02 → 00:06:06 ไร้จุดหมายตัวเรานะคะปกติเนี่ยเราอาจจะมี
00:06:06 → 00:06:09 ได้เรื่องนี้ในระยะสั้นหรือระยะยาวก็แล้ว
00:06:09 → 00:06:12 แต่แต่มันทำให้เราตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้ว
00:06:12 → 00:06:16 รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่นะฮะแต่พอมี Dead
00:06:16 → 00:06:19 Inside ปั๊บเนี่ยเหมือนกับใช้ชีวิตไปวัน
00:06:19 → 00:06:22 ๆแบบไร้จุดหมายอ่ะเหมือนนายหมดเรี่ยวหมด
00:06:22 → 00:06:24 แรงตื่นขึ้นมาก็เออ
00:06:24 → 00:06:26 ต้องไปทำงานอีกแล้วเหรออะไรอย่างเงี้ยนะ
00:06:26 → 00:06:29 ฮะในขณะที่คนที่เขากระฉับกระเฉงอ้าเดี๋ยว
00:06:29 → 00:06:33 วันนี้จะได้ไปเจอเข้ามาปั๊บก็ทักคนนู้น
00:06:33 → 00:06:35 ทักคนนี้สวัสดีค่ะพี่อุ๊เสื้อสวยจังเลย
00:06:35 → 00:06:38 อะไรอย่างเงี้ยนึกออกมั้ยคะมันเหมือนดอก
00:06:38 → 00:06:40 ไม้ที่ได้น้ำอ่ะถ้าเปรียบกับดอกไม้เนี่ย
00:06:40 → 00:06:43 แต่อันนี้มันเป็นดอกไม้ที่เหี่ยวๆแต่มัน
00:06:43 → 00:06:45 ก็ยังไม่ตายนะแต่มันเหี่ยวอ่ะต่อให้มีคน
00:06:45 → 00:06:48 มาทักอะไรเขาจะแบบเออ
00:06:48 → 00:06:52 สั่งกระต่ายนะคะอันนี้คืออาการแรกนะคะ
00:06:52 → 00:06:54 อาการต่อไปก็อาจจะเกิดคำถามเกี่ยวกับ
00:06:54 → 00:06:57 ชีวิตคิดขึ้นมาเองนะฮะว่าพอเราเริ่มรู้
00:06:57 → 00:07:00 สึกว่าชีวิตมันไร้จุดหมายเราก็จะไม่รู้
00:07:00 → 00:07:02 ว่าเราจะทำอะไรต่อไป
00:07:02 → 00:07:05 เราจะทำอะไรไปเพื่อใครทุกอย่างมันดูว่าง
00:07:05 → 00:07:08 เปล่าไปหมดเลยนะฮะก็จะมีคำถามต่อๆมาว่า
00:07:08 → 00:07:12 เราเกิดมาทำไมนะฮะเราจะใช้ชีวิตต่อไป
00:07:12 → 00:07:15 เพื่ออะไรเนี่ยนะฮะหรือหลายคำถามก็จะผุด
00:07:15 → 00:07:17 ขึ้นมาเองเกี่ยวกับการที่เราใช้ชีวิตของ
00:07:17 → 00:07:21 เรามันเริ่มถามตัวเองนึกออกไหมคะเอ่อภาวะ
00:07:21 → 00:07:25 นี้บางทีมันเกิดจากการสูญเสียก็มีอันนี้
00:07:25 → 00:07:27 ยกตัวอย่างตรงเลยนะฮะตัวอาจารย์วิภาเอง
00:07:27 → 00:07:29 เมื่อย้อนหลังไป 40 ปีที่แล้วเนี่ยนะคะ
00:07:29 → 00:07:32 ตอนที่เสียคุณพ่อคุณแม่ไปใหม่ๆอ่ะเราจะมี
00:07:32 → 00:07:35 ความรู้สึกว่านี่เราจะอยู่ไปเพื่อใครถาม
00:07:35 → 00:07:38 ตัวเองอย่างนี้เลยนะคะเพราะคนที่เอ่อเรา
00:07:39 → 00:07:41 รักที่สุดแล้วก็มั่นใจว่ารักเรามากที่สุด
00:07:41 → 00:07:44 อ่ะคือตอนนั้นเนี่ยจะไม่พาดูแลคุณพ่อคุณ
00:07:44 → 00:07:47 แม่อยู่นอนหน้าเตียงท่านเลยเนี่ยถึง 7 ปี
00:07:47 → 00:07:50 นะคะแล้วคุณแม่ก็ไปก่อนพ่อก็ตามไปติดๆนะ
00:07:50 → 00:07:52 คะเรามีความรู้สึกว่าชีวิตเราผูกพันอยู่
00:07:52 → 00:07:56 กับท่านมาตลอดพอท่านไปแล้วอ่ะเราไม่รู้จะ
00:07:56 → 00:07:58 อยู่ไปเพื่อใครพื้นที่ปลอดภัยของเราไม่
00:07:58 → 00:08:01 อยู่แล้วมันเหมือนกับเนี่ยความคำถามเนี่ย
00:08:01 → 00:08:02 มันจะเกิดขึ้น
00:08:02 → 00:08:05 แสดงแต่จันนิภาเราเรียนพฤติกรรมศาสตร์มา
00:08:05 → 00:08:07 นะคะแล้วก็รู้ว่าเราต้องเชียร์อัพตัวเอง
00:08:07 → 00:08:09 เอ้ยอย่างนี้ไม่ปลอดภัยแล้วเราเริ่มถาม
00:08:09 → 00:08:12 ตัวเองแบบนี้ทั้งๆที่เรารู้ว่าเราเป็นคน
00:08:12 → 00:08:14 มีประโยชน์นึกออกไหมคะเรายังทำอะไรให้ได้
00:08:14 → 00:08:17 มากมายแต่ไม่มีใครที่ต้องการเราจริงๆแล้ว
00:08:17 → 00:08:21 ในชีวิตนี้นึกออกไหมคะเพราะพี่น้องทุกคน
00:08:21 → 00:08:23 ก็แต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้วจุดมุ่งหมาย
00:08:23 → 00:08:25 ในชีวิตที่จะถึงปริญญาเอกแล้วก็ถึงแล้ว
00:08:25 → 00:08:29 อะไรทำนองนี้นึกออกไหมคะเราไม่มีจุดมุ่ง
00:08:29 → 00:08:32 หมายนะคะอาจารย์วิภาก็เลยต้อง Fresh ตัว
00:08:32 → 00:08:35 เองขึ้นมา Refresh ตัวเองขึ้นมาให้ได้เรา
00:08:35 → 00:08:38 ก็ทำได้สำเร็จแต่คนที่ทำไม่สำเร็จเนี่ย
00:08:38 → 00:08:41 มันจะดิ่งลงไปอีกนึกออกมั้ยคะมันจะดิ่งลง
00:08:41 → 00:08:43 ไปอีกเพราะฉะนั้นบางคนก็จบด้วยการฆ่าตัว
00:08:43 → 00:08:46 ตายนะคะเช่นมีเคสที่เหมือนจะนิพพานนี้
00:08:46 → 00:08:50 แหละนะคะก็คือมีคุณแม่คนเดียวลูกคนเดียว
00:08:50 → 00:08:52 ลูกสาวคนเดียวกับคุณแม่แล้วคุณแม่ปรากฏ
00:08:52 → 00:08:55 ว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดเสียชีวิตไปคือสอง
00:08:55 → 00:08:59 แม่ลูกที่เกิดมาและกันนะคะคุณครูคนนี้
00:08:59 → 00:09:02 ท่านก็มาฆ่าตัวตายแล้วมาที่ศิริราชฆ่าตัว
00:09:02 → 00:09:06 ตายหลายครั้งนะคะก็ยังไม่สำเร็จสักทีจน
00:09:06 → 00:09:08 กระทั่งต้องมานั่งคุยกันว่าเพราะอะไร
00:09:08 → 00:09:10 เธอก็พูดเหมือนที่อาจารย์วิภารู้สึกเลยก็
00:09:10 → 00:09:13 คือไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใครไม่รู้จะอยู่ไป
00:09:13 → 00:09:17 ทำไมในเมื่อคุณแม่ไปแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ไป
00:09:17 → 00:09:20 เพื่อใครอย่างนี้ค่ะเราก็ต้องมา Refresh
00:09:20 → 00:09:23 เธอใหม่ให้รู้สึกว่าอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป
00:09:23 → 00:09:25 แต่ต้องใช้ระยะเวลาเลยใช้ระยะเวลาเยอะ
00:09:25 → 00:09:28 แล้วถ้าเขาทำด้วยอย่างจะไม่พาอาจารย์วิภา
00:09:28 → 00:09:31 ทำด้วยตัวเองได้แต่คนที่ทำด้วยตัวเองไม่
00:09:31 → 00:09:34 ได้ก็ต้องไปปรึกษาคนที่ช่วยได้นะฮะในเคส
00:09:34 → 00:09:36 นี้อาจารย์วิภาก็เป็นคนช่วยเธอนี่แหละนะ
00:09:36 → 00:09:40 คะอ่ะทีนี้พอเราเริ่มมีคำถามเกี่ยวกับ
00:09:40 → 00:09:43 ชีวิตและอาการต่อมาค่ะหรือมันไม่ได้บอก
00:09:43 → 00:09:45 ว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลังนะคะแต่นี่หมาย
00:09:45 → 00:09:48 ถึงกลุ่มอาการที่มันจะเป็นเหมือนอาการที่
00:09:48 → 00:09:50 เป็นสัญญาณเตือนว่าเรากำลังเป็น Dead
00:09:50 → 00:09:53 Inside และก็คือชื่อชากับด้านชามาด้วย
00:09:53 → 00:09:56 กันเลยค่ะนะคะก็คือ
00:09:56 → 00:09:58 พอเราเป็น Dead Inside ปั๊บเนี่ยมัน
00:09:58 → 00:10:01 เหมือนเป็นเครื่องผลิตเลยนะเครื่องผลิต
00:10:01 → 00:10:03 ความรู้สึกเฉื่อยชาไม่ยินดียินร้ายกับ
00:10:03 → 00:10:06 อะไรรอบตัวเรานะฮะดำเนินชีวิตแบบ Mono
00:10:06 → 00:10:10 Total ไม่มีสีสันไม่มีไม่ต้องมีเพิ่ม
00:10:10 → 00:10:14 ขึ้นลงเลยไม่รู้สึกรู้สมกับความทุกข์ความ
00:10:15 → 00:10:17 สุขที่เข้ามาอะไรอย่างเงี้ยใครเค้ามีอะไร
00:10:17 → 00:10:19 กันเหรอ
00:10:19 → 00:10:23 ไม่รู้อ่ะนะคะไม่สนใจอะไรสิ่งแวดล้อมอะไร
00:10:23 → 00:10:27 เขาเรียกว่าทั้งเฉื่อยชาและด้านชานะคะอ่ะ
00:10:27 → 00:10:31 ความรู้สึกต่อไปก็คือความรู้สึกอ้างว้าง
00:10:31 → 00:10:34 ค่ะนะฮะความอ้างว้างเมื่อเราอยู่ในภาวะ
00:10:34 → 00:10:35 ได้ Inside เนี่ยนะคะ
00:10:35 → 00:10:39 มันจะมีผลให้เราผลักตัวเองออกจากคนอื่น
00:10:39 → 00:10:42 นึกออกไหมคะเพราะว่าการที่เขาไปเฮลท์กัน
00:10:42 → 00:10:46 ไปหยุดถูกจับได้ไปเที่ยวกันไปเหอะไม่เอา
00:10:46 → 00:10:50 อะไรอย่างนี้นะมันก็จะผลักตัวเองออกจากคน
00:10:50 → 00:10:53 อื่นไม่อยากยุ่งกับใครไม่อยากสนใจใครอยาก
00:10:53 → 00:10:57 จะซุกอยู่ที่มุมของฉันเนี่ยนะฮะอยู่ตัวคน
00:10:57 → 00:11:00 เดียวไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับใครมองคน
00:11:00 → 00:11:03 อื่นก็มีแต่จะมีความรู้สึกว่าไม่อยากที่
00:11:03 → 00:11:06 จะเอาตัวเราเข้าไปหาใครทั้งสิ้นน่ะนะคะ
00:11:06 → 00:11:08 อันนี้ก็จะเป็นความรู้สึกอ้างว้างทั้งๆ
00:11:09 → 00:11:12 ที่คนเนี้ยเคยเป็นคนที่สนุกสนานหรือ
00:11:12 → 00:11:14 เพื่อนไปไหนก็เอาด้วยอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:11:14 → 00:11:17 คนนี้ก็จะมีลักษณะอย่างนี้ค่ะคำว่าอ้าง
00:11:18 → 00:11:20 ว้างนี่มันดูรอบตัวมันกว้างไปหมดเลยแต่
00:11:20 → 00:11:22 ไม่มีอะไรเลย
00:11:22 → 00:11:26 นะคะค่ะบางครั้งก็จะมีอาการที่เราเรียก
00:11:26 → 00:11:30 ว่าอาการไร้อินดีเคยได้ยินไหมคะอาการไร้
00:11:30 → 00:11:32 ยินดีเนี่ยก็คือ
00:11:32 → 00:11:35 เอาอธิบายสั้นๆแล้วกันนะคะก็คือมีความรู้
00:11:35 → 00:11:38 สึกที่ว่าคล้ายๆกับที่บอกนี้ค่ะด้านชาเฉย
00:11:38 → 00:11:41 ชาเนี่ยไม่รู้สึกรู้สมแต่ภาวะร้ายดีเนี่ย
00:11:41 → 00:11:43 เขาจะแบ่งย่อยเป็นกลุ่มๆนะคะซึ่งกลุ่มที่
00:11:43 → 00:11:47 ไม่ไร้ยินดีกับเรื่องเซ็กส์นะคะไร้ยินดี
00:11:47 → 00:11:50 กับเรื่องโซเชียลก็คือสังคมนะคะไม่
00:11:50 → 00:11:52 ปฏิกิริยากับเพื่อนฝูงอะไรใดๆทั้งสิ้น
00:11:52 → 00:11:55 แล้วก็มาจากข้อนี้อังว้างเนี่ยนะคะแล้วก็
00:11:55 → 00:11:59 แม้แต่เพลงก็ไม่อยากฟังนะคะเพลงก็ไม่เอา
00:11:59 → 00:12:02 นะคะอะไรก็ไม่เอาฉันจะซุกอยู่ในมุมนั้น
00:12:02 → 00:12:05 แหละอย่างเงี้ยค่ะก็เป็นอาการที่บ่งบอก
00:12:05 → 00:12:08 ถึงมีอาการ Dead Inside และโอ้โหอันนี้
00:12:09 → 00:12:14 คือคุณผู้ฟังฟังแล้วเนี่ยมีอยู่บ้างไหม
00:12:14 → 00:12:17 นี่ขนาดสุรีย์พรฟังไปด้วยเนี่ยยังรู้สึก
00:12:17 → 00:12:20 แบบเฮ้ยบางข้อมันเข้าข่ายเหมือนกันนะใน
00:12:20 → 00:12:23 บางมุมแต่แต่อาจจะโชคดีเหมือนอาจารย์
00:12:23 → 00:12:26 เพราะว่าเราสามารถที่จะรีเฟรชตัวเองขึ้น
00:12:26 → 00:12:27 มา
00:12:27 → 00:12:29 ถึงแม้จะบ่อยหลายครั้ง
00:12:29 → 00:12:31 [เพลง]
00:12:31 → 00:12:34 กระเสือกกระสนขึ้นมาให้เราไม่ได้เป็นแบบ
00:12:34 → 00:12:37 กลุ่มนี้เขาจะดิ่งลงดิ่งลงดิ่งลงนะคะ
00:12:37 → 00:12:40 ต่อให้ใครมาทำให้ขึ้นก็ขึ้นไม่ได้ใช่ไหม
00:12:40 → 00:12:45 คะถ้าถ้ามีคนเข้าใจแล้วช่วยแล้วเขายอมรับ
00:12:45 → 00:12:48 นะคะเขายอมรับว่าตอนนี้เขากำลังดิ่งเนี่ย
00:12:48 → 00:12:51 แล้วเขาคิดจะแก้เนี่ยมันได้ค่ะอยู่ที่ตัว
00:12:51 → 00:12:53 เขาตัวเขาด้วยต้องยอมรับคือบางทีต้องมี
00:12:53 → 00:12:56 เพื่อนไปสะกิดว่ามันไม่ปกติแล้วนะเราลอง
00:12:56 → 00:12:59 อย่างนี้ไหมอะไรไหมนะคะเพราะว่าคนที่จะ
00:12:59 → 00:13:02 เข้าไปช่วยเขาได้ดีที่สุดก่อนตอนแรกเลย
00:13:02 → 00:13:05 ค่ะก็คือคนใกล้ชิดที่ต้องไม่ปล่อยให้เขา
00:13:05 → 00:13:08 ดิ่งไงคะอาจจะเป็นเพื่อนสนิทคนในครอบครัว
00:13:08 → 00:13:10 อะไรอย่างเงี้ยค่ะมันอย่างนี้ด้วยไหมคะ
00:13:10 → 00:13:13 อาจารย์ว่าอ่ะโอเคมีเพื่อนสนิทมีคนใน
00:13:13 → 00:13:17 ครอบครัวก็จริงแต่ว่าด้วยความที่หลายคนก็
00:13:17 → 00:13:20 อาจจะเห็นว่าอ่ะก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรไม่
00:13:20 → 00:13:23 ได้เจอก็เลยเฉยๆก็เลยคิดว่าเขาคงอยู่ได้
00:13:23 → 00:13:25 เค้าคงจะอะไรได้แต่จริงๆเขาอาจจะไม่ได้
00:13:25 → 00:13:49 ไม่ได้ลิงลงไปเรื่อยๆ
00:13:49 → 00:13:53 ความเสียอกเสียใจหรือความชอบความอะไรจาก
00:13:53 → 00:13:55 จากบางอย่างที่บางทีมันไม่ใช่แค่ความเสีย
00:13:55 → 00:13:59 ใจนะคะมันมีหลายอย่างผิดหวังรุนแรงหรือ
00:13:59 → 00:14:02 อะไรอย่างนี้นะคะเนี่ยมันต้องเหมือนกับ
00:14:02 → 00:14:05 ว่าเพิ่มความสังเกตเราอาจจะคิดว่าเขาไม่
00:14:05 → 00:14:08 น่าคิดเองว่าไม่น่าจะเป็นอะไรแต่บางทีเขา
00:14:08 → 00:14:11 อาจจะอ่อนไหวกับบางเรื่องอ่อนไหวไม่
00:14:12 → 00:14:14 เหมือนกันนะฮะอย่างเช่นเราหวังในหน้าที่
00:14:14 → 00:14:19 การงานเราลงแรงขนาดนี้ฝีมือเราดีขนาดนี้
00:14:19 → 00:14:22 มันต้องได้สิมันน่าจะถึงคิวเราแล้วเสร็จ
00:14:22 → 00:14:24 แล้วมันเฟลไงคะมัน fail แบบพลิกล็อคอ่ะ
00:14:24 → 00:14:27 เอางี้ละกันนะคะอะไรอย่างนี้เป็นต้นค่ะ
00:14:27 → 00:14:29 พูดมานี่ก็ประสบการณ์ชีวิตตัวเองทั้งนั้น
00:14:30 → 00:14:32 เลยนะคะเอาล่ะทีนี้เมื่อเรารู้อาการรู้
00:14:32 → 00:14:35 อะไรแล้วเราจะทำยังไงดีอ่ะคะถ้าเราเกิด
00:14:35 → 00:14:38 เป็นนะฮะตัวเรารู้สึกว่าเรามีภาวะ Dead
00:14:38 → 00:14:40 Inside อย่างที่คุณสุรีย์พรบอกว่าเรา
00:14:40 → 00:14:42 รีเฟรชตัวเองใช่ไหม
00:14:42 → 00:14:45 เออหรือเราจะช่วยคนรอบข้างเราได้อย่างไร
00:14:45 → 00:14:48 ถ้าคนใกล้ชิดเราเริ่มมีอาการอย่างนี้นะฮะ
00:14:48 → 00:14:52 ก็จะให้ไว้ 37 นะฮะสเต็ปที่ 1 ก็คือว่า
00:14:52 → 00:14:55 เราสามารถปิดปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเรา
00:14:55 → 00:14:58 เองได้ไหมนะคะเราดูแลตัวเองเบื้องต้นได้
00:14:58 → 00:15:01 ดีแค่ไหนนะฮะนี่ก็คือที่คุณสุรีย์พรใช้
00:15:01 → 00:15:04 ที่อาจารย์วิภาใช้ก็คือเรารู้สึกว่าเออ
00:15:04 → 00:15:07 เราดาวน์และเรารู้สึกเราไม่ได้แล้วนะฮะ
00:15:07 → 00:15:09 เราก็รีเซ็ตตัวเองขึ้นมาใหม่นะฮะด้วยตัว
00:15:09 → 00:15:10 ของเราเอง
00:15:10 → 00:15:13 วันที่เรารู้สึกว่าเราคอนโทรลตัวเองไม่
00:15:13 → 00:15:16 ได้เลยสภาพจิตใจไม่ไหวแล้วเนี่ยเราลองสิ
00:15:16 → 00:15:19 คะขยับแขนขยับขานั่นคือการออกกำลังกาย
00:15:19 → 00:15:23 หรือการมีมีเขาเรียกอะไรมีกิจกรรมมี
00:15:23 → 00:15:26 activity อะไรให้มันมากขึ้นนะคะอันนี้จะ
00:15:26 → 00:15:29 ช่วยได้มากเลยนะคะเพราะว่าการออกกำลังกาย
00:15:29 → 00:15:31 เนี่ยบางทีมันจะช่วยให้เราหลับสบายขึ้น
00:15:31 → 00:15:34 ด้วยพักผ่อนได้ดีขึ้นด้วยแต่ถ้านั่นแล้ว
00:15:34 → 00:15:37 ก็ไปกดซุกอยู่ตามมุมอะไรอย่างนี้นะคะมัน
00:15:37 → 00:15:41 ยิ่งแย่ใหญ่เอาง่ายๆเลยนะคะลองเดินนะคะ
00:15:41 → 00:15:43 แต่นี่บ้านคนปัจจุบันถ้าอยู่คอนโดอยู่
00:15:43 → 00:15:46 อะไรมันก็พูดลำบากเนาะแต่มันอาจจะมีสวน
00:15:46 → 00:15:49 สาธารณะหรืออะไรแม้แต่การขยับแขนขยับขาใน
00:15:49 → 00:15:51 โต๊ะทำงานที่เก้าอี้เรานั่งเดี๋ยวนี้มัน
00:15:51 → 00:15:55 มีทางออนไลน์ในเยอะแยะนะคะแนะนำการออก
00:15:55 → 00:15:57 กำลังกายอะไรในออฟฟิศในอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:15:57 → 00:15:59 คะเพราะฉะนั้นที่ง่ายที่สุดเลยการออก
00:15:59 → 00:16:02 กำลังกายเพราะเวลาที่การออกกำลังกายเนี่ย
00:16:02 → 00:16:05 เอ่อมันจะหลั่งสารเอ็นโดรฟินออกมาด้วยนะ
00:16:05 → 00:16:08 คะทำให้เรารู้สึกดีสารตัวนี้มันได้เหมือน
00:16:08 → 00:16:10 กับเรามีเซ็กส์เลยค่ะ
00:16:10 → 00:16:12 นะคะมันเป็นความสุขเหมือนกันเรามี Sex
00:16:12 → 00:16:15 เลยเพราะฉะนั้นจึงทำไมจึงบอกว่าการออก
00:16:15 → 00:16:17 กำลังกายในทำให้บางคนติดแต่ได้ยินไหมคะ
00:16:17 → 00:16:21 บางคนติดนะว่าสารความสุขมันหลั่งออกมานะ
00:16:21 → 00:16:23 ฮะเล่นกีฬาแล้วติดอะไรอย่างเงี้ยนะคะก็
00:16:23 → 00:16:26 ลองขยับแขนขยับขาดูง่ายๆที่สุดแล้วเป็น
00:16:26 → 00:16:29 การลงทุนที่สบายมากนะคะมาอันที่ 2 ก็คือ
00:16:29 → 00:16:33 เริ่มมีการเพิ่มพลังกายแล้วนะคะก็อาจจะ
00:16:33 → 00:16:38 ช่วยเพิ่มพลังใจนะคะหากลุ่มเขาเรียกว่า
00:16:38 → 00:16:42 กลุ่มคนที่จะช่วยพยุงจิตใจเราหรือที่พึ่ง
00:16:42 → 00:16:44 พาทางใจเรานะคะที่จะรับฟังเราเช่นเพื่อน
00:16:44 → 00:16:49 สนิทที่สุดนะคะหรือคนที่ไม่รู้ล่ะที่เรา
00:16:49 → 00:16:52 ไว้วางใจมากที่สุดนะคะที่จะมาเยียวยาจิต
00:16:52 → 00:16:56 ใจเราคนที่จะคอยอยู่ข้างๆเราทำให้เรารู้
00:16:56 → 00:16:59 สึกว่าเรามีคุณค่านะคะแล้วก็กลับมารู้สึก
00:16:59 → 00:17:03 สนุกสนานได้อีกหรือรู้สึกเศร้าเสียใจหรือ
00:17:03 → 00:17:06 อะไรก็ได้นะคะทำให้สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา
00:17:06 → 00:17:08 แล้วมันมีชีวิตชีวาขึ้นจากดอกไม้เหี่ยวๆ
00:17:08 → 00:17:09 อ่ะ
00:17:09 → 00:17:13 นะคะมันก็ค่อยๆเงินนะคะอาจารย์วิภาเนี่ย
00:17:13 → 00:17:15 ชอบมากเลยมันมีน้ำยาล้างผักอยู่อันไม่พูด
00:17:15 → 00:17:17 ชื่อแล้วกันนะคะเดี๋ยว
00:17:17 → 00:17:21 จะกลายเป็นโฆษณาไปไอ้น้ำยาล้างผักอันนี้
00:17:21 → 00:17:24 จนวิภาชอบมากคืออะไรไหมคะเวลาเราเก็บผัก
00:17:24 → 00:17:28 ไว้ที่มันนานหน่อยนะเช้าๆหน่อยพอเราแช่
00:17:28 → 00:17:31 มันลงไปเนี่ยคือเขาจะล้างได้ทั้งอะไรนะคะ
00:17:31 → 00:17:34 ไข่พยาธิทั้งอะไรต่ออะไรด้วยนะคะแล้วเขา
00:17:34 → 00:17:38 ฟูขึ้นมานะคะจากผักเขียวๆน่ะมันสดขึ้นมา
00:17:38 → 00:17:42 ในๆ 3 นาที 5 นาทีอะไรที่เราแช่เลยเนี่ย
00:17:42 → 00:17:44 มันเป็นความรู้สึกนั้นน่ะนึกออกมั้ยคะ
00:17:44 → 00:17:47 เพราะถ้าคนที่คนที่เป็น Dead Inside
00:17:47 → 00:17:50 แล้วมันฟูใจมันฟูขึ้นมามันรู้สึกสดชื่น
00:17:50 → 00:17:54 เหมือนเหมือนอะไรอ่ะต้นไม้ได้น้ำอะไร
00:17:54 → 00:17:56 เงี้ยเราเคยเห็นต้นไม้ใช่มั้ยคะคุณศิริพร
00:17:56 → 00:17:59 ว่าเรารดน้ำเนี่ยก็อย่างงั้นแหละแต่วัน
00:17:59 → 00:18:02 ไหนฝนตกเนี่ยรู้สึกมันกระดริกๆไปทุกใบมัน
00:18:02 → 00:18:05 จะสะบัดมันจะนะมันชุ่มฉ่ำอะไรอย่างเงี้ย
00:18:05 → 00:18:07 มันขึ้นมาอย่างงั้นเลยอ่ะค่ะดูให้เห็นภาพ
00:18:07 → 00:18:09 มากเลย
00:18:09 → 00:18:12 นะคะเพราะฉะนั้นอันนี้ก็คืออันแรกเราสั่ง
00:18:12 → 00:18:14 กายแล้วใช่มั้ยคะอันที่ 2 ก็คือทางใจหา
00:18:14 → 00:18:18 ซัพพอร์ตทางจิตใจเราให้ได้ข้อเนี้ยไม่แน่
00:18:18 → 00:18:20 นะคะคุณผู้ฟังบางท่านที่มีภาวะอะไรแบบนี้
00:18:20 → 00:18:23 อยู่เนี่ยคืออาจบางคนอาจจะมากหรือไม่มาก
00:18:23 → 00:18:26 หรืออะไรก็แล้วแต่แต่ถ้าเกิดว่าเราเราลอง
00:18:26 → 00:18:28 ได้แบบรับความรู้สึกจากคนอื่นที่มันเป็น
00:18:28 → 00:18:32 ในมุมบวกอย่างเงี้ยค่ะเราจะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:18:32 → 00:18:35 จริงๆแล้วอ่ะเราไม่ได้อยู่บนคนเดียวบนโลก
00:18:35 → 00:18:39 ใบนี้นะมีคนเข้าใจเราอยู่นะมีคนมองเห็น
00:18:39 → 00:18:42 เราอยู่นะเอาประสบการณ์ตัวเองล้วนๆเลย
00:18:42 → 00:18:45 ทั้งนั้นแหละนะคะถึงได้มาพูดได้ว่าอ๋อมุม
00:18:45 → 00:18:48 แบบนี้ปึ๊บเพราะวันนึงที่มีคนเข้าใจเรา
00:18:48 → 00:18:51 แล้วก็มีคนมา support มาให้กำลังใจ
00:18:51 → 00:18:56 เราก็จะรู้สึกว่าเฮ้ยเราก็ไม่ได้เลวร้าย
00:18:56 → 00:19:00 นี่หว่ามีแสงสว่างยังมีคนแบบนะมีมีอะไร
00:19:00 → 00:19:03 ให้เราได้ยิ้มอ่ะค่ะนะคะเพราะฉะนั้นก่อน
00:19:03 → 00:19:07 อุ่นๆจากคนที่เรารักเนี่ยมันก็ได้แล้วถูก
00:19:07 → 00:19:08 ไหม
00:19:08 → 00:19:09 [เสียงหัวเราะ]
00:19:09 → 00:19:12 นะคะแล้วประการสุดท้ายถ้า 2 อย่างก็ยัง
00:19:12 → 00:19:15 ไม่ได้ผลเธอก็ยังเหี่ยวเฉาอยู่อย่างนั้น
00:19:15 → 00:19:19 แหละนะคะมาถ้าเราไม่แก้ไขให้ตัวเรามี
00:19:19 → 00:19:22 ชีวิตชีวาหรือรู้สึกไร้ค่าเนี่ยมันมันแก้
00:19:22 → 00:19:25 ไม่ได้ยังงอมอยู่อย่างเก่าเลยนะคะก็ต้อง
00:19:25 → 00:19:28 เปลี่ยนค่ะโดยการขอความช่วยเหลือจากผู้
00:19:28 → 00:19:31 เชี่ยวชาญนะฮะเพื่อที่จะค้นหาต้นตอของ
00:19:31 → 00:19:34 ความรู้สึกนั้นนะคะอันนี้ต้องใช้มืออาชีพ
00:19:34 → 00:19:38 และใครคะจิตแพทย์ค่ะนะคะอันเนี้ยจะดีที่
00:19:38 → 00:19:41 สุดนะคะเพราะว่าถ้าเราปล่อยให้จมดิ่งจมลง
00:19:41 → 00:19:43 ไปเรื่อยๆเนี่ยมันจะรุนแรงขึ้นรุนแรงขึ้น
00:19:43 → 00:19:46 นะฮะภาวะซึมเศร้ามันจะรุนแรงขึ้นรุนแรง
00:19:46 → 00:19:49 ขึ้นและในที่สุดช่วยไม่ทันอาจารย์คะแล้ว
00:19:49 → 00:19:51 ถ้าเกิดคนที่เขาอยู่ในภาวะแบบนี้แต่ว่า
00:19:51 → 00:19:56 โอเคคือเขาไม่ได้เป็นคนที่มองโลกในแง่
00:19:56 → 00:19:59 ร้ายหรืออะไรเงี้ยเขาก็ปกติเป็นคนใจเย็น
00:19:59 → 00:20:02 หรืออะไรเงี้ยเขาสามารถที่จะไปอยู่ในภาวะ
00:20:02 → 00:20:04 ของการเป็น depress ซึมเศร้าอะไรอย่างงี้
00:20:04 → 00:20:07 ได้มั้ยคะได้ค่ะได้เหมือนกันได้เหมือนกัน
00:20:07 → 00:20:10 เฉพาะคนที่แบบอยู่ในภาวะแบบเจอแต่เรื่อง
00:20:10 → 00:20:14 ไม่ดีแล้วก็ดิ่งลงไปคนปกติเฉยๆเนี่ยก็ได้
00:20:14 → 00:20:16 เหมือนกันได้เหมือนกันเพราะบางทีมันมีมัน
00:20:16 → 00:20:17 เป็นภาวะที่
00:20:17 → 00:20:22 ใช้คำว่าไงมันไม่ใช่ปกติวิสัยอย่างที่บอก
00:20:22 → 00:20:24 ไงคะบางทีเขาเกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่คาด
00:20:24 → 00:20:25 ฝัน
00:20:25 → 00:20:28 อย่างคนที่เคยมีครอบครัวพรั่งพร้อมอยู่มา
00:20:28 → 00:20:30 วันหนึ่งครอบครัวหายไปหมดเลยจากเหตุอะไร
00:20:30 → 00:20:33 ก็ได้เหลือฉันอยู่คนเดียวเนี่ยรุนแรงเหตุ
00:20:33 → 00:20:37 รุนแรงกับกับจิตใจอ่ะค่ะนะคะหรือชีวิต
00:20:37 → 00:20:39 กำลังจะไปสวยและ
00:20:39 → 00:20:42 จะแต่งงานอยู่พรุ่งนี้และอือหือมันล้ม
00:20:42 → 00:20:45 เหลวหมดเลยจากไปสักคนนึงอะไรอย่างเงี้ย
00:20:45 → 00:20:49 นึกออกไหมคะมันก็เป็นอะไรที่คนเราปกติมัน
00:20:49 → 00:20:52 มันบางทีมันรับไม่ทันน่ะมันรับไม่ทันไม่
00:20:52 → 00:20:54 ได้ไม่ได้เผื่ออะไรไว้
00:20:54 → 00:20:57 ด้วยไหมคะคือไม่คิดว่ามันจะพลิกล็อคได้
00:20:57 → 00:20:59 ขนาดนี้อะไรอย่างงี้ละกันเรื่องบางเรื่อง
00:20:59 → 00:21:01 เราก็คงไม่ได้อยากจะคิดเผื่อเนาะกับการ
00:21:01 → 00:21:03 สูญเสียถ้ามันจะเกิดขึ้นไง
00:21:03 → 00:21:07 แต่บางทีบางคนที่รู้อยู่แล้วว่ามันอาจจะ
00:21:07 → 00:21:09 เกิดแบบนี้ขึ้นแต่บางทีมันก็ดิ่งได้
00:21:09 → 00:21:12 เหมือนกันแสดงว่ามันไม่ได้ตายตัวว่า
00:21:12 → 00:21:16 เราเนี่ยในสภาวะนั้นๆเราใจเราเนี่ยแข็ง
00:21:16 → 00:21:20 แรงแค่ไหนคุณสุรีย์พรบางช่วงเราก็มีภาวะ
00:21:20 → 00:21:24 ที่ใจเราอ่อนแออยู่แล้วนึกออกไหมคะอย่าง
00:21:24 → 00:21:28 เช่นเราไม่สบายนะคะเราไม่สบายช่วงนี้ใจ
00:21:28 → 00:21:30 มันก็อ่อนแออยู่แล้วแล้วพอมันสิ่งที่มา
00:21:30 → 00:21:34 ถ้าเรายอมเราปกติแข็งแรงดีเรารับได้แต่พอ
00:21:34 → 00:21:36 ช่วงที่เราร่างกายกำลังทรุดเนี่ยใจมันก็
00:21:36 → 00:21:41 พังไปด้วยเลยอ๋องั้นก็เรียกว่าใครก็เป็น
00:21:41 → 00:21:46 ได้ค่ะเออไม่ได้อยู่กับเขาเรียกอะไรมัน
00:21:46 → 00:21:48 ไม่สามารถบอกระยะเวลาหรืออะไรได้เลยคือ
00:21:48 → 00:21:51 มันจะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้เพราะฉะนั้นก็
00:21:51 → 00:21:52 ต้องเตรียมพร้อมค่ะแล้วก็เพียงแต่เรา
00:21:52 → 00:21:56 สังเกตตัวเองว่าถ้าเราเป็นเมื่อไหร่ทุกคน
00:21:56 → 00:21:57 เป็นได้หมดอ่ะถูกมั้ยฮะถ้าเราเป็นเมื่อ
00:21:57 → 00:22:00 ไหร่แล้วเราเราแก้ปัญหาหรือฟื้นฟูตัวเอง
00:22:00 → 00:22:05 มาได้เร็วแค่ไหนค่ะอันนี้เคยเจอที่มีคน
00:22:05 → 00:22:08 ที่เขาคล้ายๆแบบนี้นะคะแต่ว่ายังไม่อยาก
00:22:08 → 00:22:11 ไปฟันธงว่ามันเป็น Dead Inside ไหมก็จะ
00:22:11 → 00:22:14 เป็นภาวะที่แบบไม่ได้อยากจะบอกให้คนอื่น
00:22:14 → 00:22:17 ฟังเพราะว่าคนอื่นน่ะก็คงมีปัญหากันเยอะ
00:22:17 → 00:22:19 แล้วก็คงไม่ได้อยากจะมีใครฟังเราก็เลย
00:22:19 → 00:22:22 เก็บเอาไว้เองเออถ้าเป็นเป็นลักษณะแบบนี้
00:22:22 → 00:22:23 คือ
00:22:23 → 00:22:26 ก็เขาอาจจะคิดว่าเดี๋ยวเขาจะแก้ได้เอง
00:22:26 → 00:22:29 เงียบๆถูกไหมคะไม่อยากกวนใครไม่อยากบอก
00:22:29 → 00:22:32 ใครแต่นั่นแหละในขณะเดียวกันมันก็จะทำให้
00:22:32 → 00:22:36 เขาดิ่งลงดิ่งลงดิ่งลงถ้าเขาแก้ไม่ได้แบบ
00:22:36 → 00:22:39 ไม่รู้ตัวไปเลยค่อยๆมันเหมือนมันไม่ค่อย
00:22:39 → 00:22:42 ซึมๆๆเพราะฉะนั้นคนรอบข้างต้องหัดสังเกต
00:22:42 → 00:22:46 ถึงแม้ว่าบางคนก็อาจจะเป็นพวกดาวอังคาร
00:22:46 → 00:22:49 เนอะคือคืออยากจะปลีกวิเวกตัวเองอ่ะปล่อย
00:22:49 → 00:22:52 ให้เขาปลีกวิเวกแต่เอ๊ะถ้ามันจะนานเกินไป
00:22:52 → 00:22:55 แล้วเราก็คงจะต้องเข้าไปสะกิดดาวอังคารดู
00:22:55 → 00:22:59 สักทีสิว่าเขาสามารถที่จะกลับมาได้ไหม
00:22:59 → 00:23:02 หรือดีขึ้นไหมอะไรอย่างนี้ค่ะแบบแต่ถ้า
00:23:02 → 00:23:04 เกิดอย่างที่บอกว่าบางทีเพื่อนบางคนพูด
00:23:04 → 00:23:08 ไม่เป็นน่ะแค่การจับมือหรือการกอดเค้า
00:23:08 → 00:23:11 หรือการอะไรให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ตัว
00:23:11 → 00:23:13 คนเดียวในโลกนะอย่างเช่นบางคนเนี่ยเค้า
00:23:13 → 00:23:15 นั่งซึมอยู่ที่มุมเนี่ย
00:23:15 → 00:23:17 เราก็ไม่พูดอะไรหรือเขาบอกเขาใหญ่อยู่คน
00:23:17 → 00:23:20 เดียวไม่อยากคุยแล้วก็แค่ไปนั่งข้างๆหรือ
00:23:20 → 00:23:22 นั่งให้อยู่ในสายตาที่เขารู้ว่าเราอยู่นะ
00:23:22 → 00:23:27 เขายังมียังมีคนนะและถ้าเขายอมรับได้มาก
00:23:27 → 00:23:31 พอก็อบไหลเข้ามาให้เข้ามาซบอยู่ที่บ่าเรา
00:23:31 → 00:23:34 มันก็ดีขึ้นเยอะเลยค่ะบางทีไม่ต้องพูดแต่
00:23:34 → 00:23:39 ใช้กาวมาจากกายเออเนาะแต่ก็เข้าใจคือ
00:23:39 → 00:23:42 อันเนี้ยในในมุมมองตรงเนี้ยคือทั้งการที่
00:23:42 → 00:23:44 เราอยู่ในภาวะแบบนั้นหรือการที่เราก็เคย
00:23:44 → 00:23:47 ช่วยค่ะช่วยเพื่อนหรืออะไรเงี้ยมันก็ทำ
00:23:47 → 00:23:50 ให้รู้สึกว่าจริงๆแล้วมันยังมีทางออกอยู่
00:23:50 → 00:23:54 นะเพียงแต่ว่าถ้าเรายอมรับได้เหมือนๆเคส
00:23:54 → 00:23:56 ของเพื่อนที่เพิ่งคุยกันไปเลยค่ะว่าเขามี
00:23:56 → 00:23:59 ปัญหาในครอบครัวนะคะแต่ว่าเขาเขาก็ไม่
00:23:59 → 00:24:03 สามารถที่จะอะไรกับสามีเขาได้ก็เลยคุยกับ
00:24:03 → 00:24:05 เขาแล้วก็รู้สึกว่าจริงอยู่ว่าเรามองว่า
00:24:05 → 00:24:07 เขารับมือได้ว่าเพื่อนน่ะรับมือได้อยู่
00:24:07 → 00:24:11 แล้วแหละแต่ในอีกมุมนึงก็รู้สึกว่าการรับ
00:24:11 → 00:24:15 มือแบบนี้ไปเรื่อยๆมันจะไม่ไหวมันจะแย่
00:24:15 → 00:24:18 ใช่ไหมคะเพราะมันถูกตีล้อมด้วยหลายๆอย่าง
00:24:18 → 00:24:23 ก็เลยแนะนำเขาไปข้อสุดท้ายว่าปรึกษาคนที่
00:24:23 → 00:24:26 เชี่ยวชาญดีไหมอะไรอย่างเงี้ยแต่ตัวเขา
00:24:26 → 00:24:30 ว่าไปนั่งไปไปวัดไปนั่งสมาธิดีกว่าก็เลย
00:24:30 → 00:24:33 บอกว่าไม่สำเร็จหรอกใจมันฟุ้งมันมันเยอะ
00:24:33 → 00:24:36 เรื่องชอบคิดว่าเวลาเครียดหรือคิดมากให้
00:24:36 → 00:24:39 ไปนั่งสมาธิไม่ได้ผลหรอกนะคะเอออันนี้เรา
00:24:39 → 00:24:42 บอกตามความเป็นจริงเลยนะก็ต้องไปหาผู้
00:24:42 → 00:24:45 เชี่ยวชาญเพื่อไขปมค่ะอะไรที่มันอยู่ในใจ
00:24:45 → 00:24:47 คือถ้าไขคนนั้นไม่ได้
00:24:47 → 00:24:50 ไขตัวเราก่อนอ่ะให้ตัวเราอ่ะโล่งสบายก่อน
00:24:50 → 00:24:53 แล้วพร้อมที่จะรับมือไม่ใช่ว่าก็พยายามจะ
00:24:53 → 00:24:55 รับมืออยู่อย่างเงี้ยแต่ตัวเองไม่ได้ปลด
00:24:55 → 00:24:59 ล็อคเลยนะฮะที่เขาพูดไงว่า 10,000 ทางตัน
00:24:59 → 00:25:02 ยังมีทางหนึ่งให้ออกเสมอนะฮะต่อให้มี
00:25:03 → 00:25:05 หมื่นทางที่ไปไม่ได้
00:25:05 → 00:25:11 สู้ๆกันนะคะคือหลายคนปัญหามันหลากหลายบาง
00:25:11 → 00:25:13 คนเจอหลายทางบางคนอาจจะเจอทางเดียวแล้ว
00:25:13 → 00:25:16 รับไม่ไหวแล้วก็อาจจะเกิดอาการ Dead
00:25:16 → 00:25:18 Inside อะไรขึ้นมาต่างๆเหล่านี้ได้แต่ก็
00:25:18 → 00:25:20 ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางที่จะให้เราเดิน
00:25:21 → 00:25:24 ต่อไปนะคะมันอาจจะต้องอาศัยอะไรและช่วง
00:25:24 → 00:25:27 ระยะเวลาปัจจัยหลายๆอย่างที่ที่จะเดินออก
00:25:27 → 00:25:30 มาได้ออกมาได้นะคะออกมาได้
00:25:30 → 00:25:34 หาพลังบวกเยอะๆวันนี้ขอบคุณอาจารย์ด้วย
00:25:34 → 00:25:36 ค่ะยินดีค่ะ
00:25:36 → 00:25:39 ได้แนวทางกันไปแล้วนะคะคุณผู้ฟังค่ะ
00:25:39 → 00:25:41 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังนะคะเวลาหมดแล้วค่ะ
00:25:41 → 00:25:44 เดี๋ยวก็ติดตามกันใหม่ในเรื่อยๆนะคะกับ
00:25:44 → 00:25:46 สิ่งที่เรานำมานำเสนอกันในรายการตรงหมอ
00:25:46 → 00:25:49 ของเราค่ะวันนี้ลาไปก่อนนะคะแล้วพบกัน
00:25:49 → 00:25:52 ใหม่ครั้งหน้าสวัสดีค่ะ This Is Choice
00:25:52 → 00:25:55 previous Cat การประเมินระดับวิตามินใน
00:25:55 → 00:25:58 ร่างกายของเราว่าขาดหรือพร่องมีการ
00:25:58 → 00:26:00 ประเมินกี่ระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร
00:26:00 → 00:26:02 เอกราชบำรุงพืชผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ
00:26:02 → 00:26:06 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:06 → 00:26:08 เรื่องของสารอาหารหรือวิตามินในร่างกาย
00:26:08 → 00:26:13 ทางโภชนาการเขาจะมีสิ่งที่วิธีการในการ
00:26:13 → 00:26:16 ประเมินอาจารย์เรียกเป็นตัวย่อ a b c d
00:26:16 → 00:26:19 a คือ anthrometry and tompometry
00:26:19 → 00:26:21 หรือ anto Pro Matrix assetment
00:26:21 → 00:26:23 ประเมินโดยการวัดสัดส่วนต่างๆของร่างกาย
00:26:23 → 00:26:27 ซึ่งส่วนใหญ่ในตัววิตามินอาจจะแบบมันไม่
00:26:27 → 00:26:30 เหมือนสารอาหารที่แบบบางทีขาดนะขาดโปรตีน
00:26:30 → 00:26:34 กล้ามเนื้อ hellyfall ถ้ากินไขมันเกิน
00:26:34 → 00:26:36 โอ้โหไขมันสะสมเยอะอันนั้นคือน้ำหนักขึ้น
00:26:36 → 00:26:39 ประเมินแบบแอนโทเมทริกซ์ assessment คือ
00:26:39 → 00:26:42 ตัวเองตัว b คือ Bio Chemical
00:26:42 → 00:26:45 assessment ประเมินภาวะผู้ชนะการโดยวัด
00:26:45 → 00:26:49 ตัวชี้วัดทางชี้วัดเคมีคือเจาะเลือดดูไป
00:26:49 → 00:26:51 เลยว่าคุณขาดวิตามินเอหรือเปล่าคุณขาด
00:26:51 → 00:26:55 วิตามินบีหรือเปล่าขาดวิตามินซีหรือเปล่า
00:26:55 → 00:26:58 ขาดวิตามินดีวะเจาะเลือดดูก็คือต้องแหลก
00:26:58 → 00:27:00 ชัวร์เลยอันเนี้ยเที่ยงตรงแม่นยำชัวๆเลย
00:27:00 → 00:27:04 แบบที่ 3 ก็คือคลินิคอลแอสเซ้นท์อ่า
00:27:04 → 00:27:08 ประเมินอาการทางคลินิกคือหมอก็ตัวเช่นคุณ
00:27:08 → 00:27:11 มีปัญหาอาการเลือดออกตามไรฟันก็ขาด
00:27:11 → 00:27:13 วิตามินซีแบบสมัยเราเรียนเด็กน้อยแล้วมี
00:27:13 → 00:27:16 อาการเหน็บชาแล้วมีอาการเหน็บชาเอาขาด
00:27:16 → 00:27:19 วิตามินบี 1 ตาบอดกลางคืนกลางคืนมองเห็น
00:27:19 → 00:27:22 ไม่ชัดขาดวิตามินเอนั่นน่ะคือขาดไปแล้ว
00:27:22 → 00:27:25 แล้วแสดงอาการออกมาแล้วแล้วไปตรวจอันนั้น
00:27:25 → 00:27:28 คือทางคีย์นี้เข้าตัวทันทีอีกพูดง่ายๆว่า
00:27:28 → 00:27:31 มันเกิดขึ้นแล้วแล้วก็วิธีสุดท้ายอันนี้
00:27:31 → 00:27:34 ประหยัดถูกแต่มันก็ไม่ได้เที่ยงตรงแม่นยำ
00:27:34 → 00:27:36 เหมือนเจาะประเมินต้นทางได้ตั้งแต่แรกได้
00:27:36 → 00:27:40 ก็คือ datery accessment ตัวนี้ดอกอ่าก็
00:27:40 → 00:27:43 คือประเมินอาหารที่บริโภคว่ารับประทาน
00:27:43 → 00:27:45 อาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินซีเนี่ยมาก
00:27:45 → 00:27:48 น้อยแค่ไหนสำรวจสัมภาษณ์หรือทำแบบสอบถาม
00:27:48 → 00:27:51 อ่าเพื่อดูอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามิน
00:27:51 → 00:27:53 แต่ละตัวเพราะว่าดูว่าเอ้ยขาดไหมอันนี้
00:27:53 → 00:27:56 มันไม่ต้องเสียเงินเลยกระดาษค่ากระดาษ
00:27:56 → 00:27:58 แล้วก็มานั่งคุยพฤติกรรมการรับประทาน
00:27:58 → 00:28:00 อาหารการกินของเราเนี่ยมันเหมาะสมหรือ
00:28:00 → 00:28:03 เปล่าต้องบอกอย่างนี้วิตามินต่างๆอย่าง
00:28:03 → 00:28:07 เพียงพอไหมถ้าไม่พอพูดง่ายๆว่าเมื่อพร่อง
00:28:07 → 00:28:10 ต้องเสริมถ้าเสริมคุณต้องพร่องเลยแต่ถ้า
00:28:10 → 00:28:13 คุณไปหาหมอเนี่ยขาดถ้าหมอเจาะดูนะแต่ถ้า
00:28:13 → 00:28:16 เรารู้ว่ามันมี 2 ระดับไหมครับถ้าใน
00:28:16 → 00:28:18 ศาสตร์ Anti aging เนี่ยเขาจะเรียกว่า
00:28:18 → 00:28:21 เอ้ยศัพท์ optimal Level หรือการพร่องคำ
00:28:21 → 00:28:24 ว่าพร่องเนี่ยคือสมมุติว่าต่ำกว่า 10
00:28:24 → 00:28:26 เนี่ยถือว่าขาดเราอาจจะอยู่ที่ 10 อ้า
00:28:26 → 00:28:29 หรืออยู่ที่ 11 มันเริ่มห้องแล้วอ่ะแต่
00:28:29 → 00:28:33 ถ้าจะให้ดีเลยอ่ะคือ 20 สมมุติอ่าสมมุติ
00:28:33 → 00:28:36 นะครับว่าอุ๊ยจะได้ดีเลย 20 เราอยู่ที่
00:28:36 → 00:28:40 10 11 12 โอ๊ยมันเริ่มแล้วอ่ะมัน
00:28:40 → 00:28:42 จะขาดแล้วจะต่ำกว่า 10 คือขาดกับอีกคนนึง
00:28:42 → 00:28:45 อยู่ 18-19 นะฮะก็จะมี Energy เต็มที่อีก
00:28:45 → 00:28:47 คนเริ่มแล้วอย่างเงี้ยอ่ะแล้วเนี่ย
00:28:47 → 00:28:50 อาจารย์เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆแต่
00:28:50 → 00:28:54 เกินก็ไม่ดีนะ
00:28:54 → 00:28:59 This Is Choice
00:28:59 → 00:29:02 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:29:02 → 00:29:04 ของไทยพีแดช็อต
00:29:04 → 00:29:17 spotify Google
00:29:17 → 00:29:22 [เพลง]