00:00:00 → 00:00:02 [เพลง]
00:00:02 → 00:00:05 you Listening to พยาท Health facts
00:00:05 → 00:00:09 podcast สุขภาพจากโรงพยาบาลพญาไทยที่จะ
00:00:09 → 00:00:12 พาคุณไปรู้จักร่างกายตัวเองในแง่มุมที่
00:00:12 → 00:00:14 คุณอาจไม่เคยรู้เมื่อ
00:00:14 → 00:00:15 [เพลง]
00:00:15 → 00:00:17 [ปรบมือ]
00:00:17 → 00:00:18 [เพลง]
00:00:18 → 00:00:19 [ปรบมือ]
00:00:20 → 00:00:23 ก่อนสวัสดีครับพญาไทย Health FA podcast
00:00:23 → 00:00:24 นะครับใน EP นี้นะครับเดี๋ยวเราจะมาคุย
00:00:24 → 00:00:27 กันในเรื่องของหลายๆคนที่อาจจะอยากจะผอม
00:00:27 → 00:00:31 มากจนกระทั่งล้วงคออ้วกไปเนี่ยมันเกิดจาก
00:00:31 → 00:00:33 สาเหตุอะไรแล้วมันมีผลเสียตามมามากน้อย
00:00:33 → 00:00:35 ขนาดไหนนะครับวันนี้เดี๋ยวเราพูดคุยกันนะ
00:00:35 → 00:00:37 ครับกับนายแพทย์โชตเหลืองช่อสิรินะครับ
00:00:37 → 00:00:40 แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินอาหารและตับ
00:00:40 → 00:00:42 โรงพยาบาลพญาไทย 2 คุณหมอสวัสดีครับ
00:00:42 → 00:00:44 สวัสดีครับสวัสดีครับเจอกันอีก 1 EP นะ
00:00:44 → 00:00:46 ครับคุณหมอใน EP นี้เราอย่างที่เล่ากันไป
00:00:46 → 00:00:49 แหละว่าจะมาคุยกเรื่องของการเราอยากผอม
00:00:49 → 00:00:52 หลายๆคนผมเห็นในเน็ตนะเจะมีการใช้คำว่า
00:00:52 → 00:00:56 เออคุณเป็นโรคคลั่งผอมมั้ยอะไรแบบเนี้ย
00:00:56 → 00:00:59 ซึ่งมันมีจริงๆมั้ยครับต้องไล่เรียงจาก
00:00:59 → 00:01:03 ว่าว่าคนเราเนี่ยมี Beauty Standard ที่
00:01:03 → 00:01:06 แตกต่างกันครับอ่าบางคนเนี่ยเท่าเนี้ถือ
00:01:06 → 00:01:09 ว่าสวยละเราแฮปปี้เราโอเคตรงนี้เลยบางคน
00:01:09 → 00:01:12 ต้องมากกว่านี้หน่อยนึงจนกระทั่งถึงสุด
00:01:12 → 00:01:16 โต่งก็คือว่าต้องหุ่นดีประมาณนี้ต้องผอม
00:01:16 → 00:01:20 ประมาณนี้หรือแม้กระทั่งกลัวการที่น้ำ
00:01:20 → 00:01:22 หนักเยอะๆอในขณะที่ตัวเองเนี่ยน้ำหนัก
00:01:23 → 00:01:26 ปกติละอ่ากลุ่มเนี้ยก็คือจะเป็นกลุ่มที่
00:01:26 → 00:01:29 อาจจะมีภาวะทางจิตใจทำให้มีความกังวลใน
00:01:29 → 00:01:32 จุดนั้นครับผมคือจะบอกว่าบางประเทศเนี่ย
00:01:32 → 00:01:35 เขาไม่ให้คนที่เป็นอาชีพนางแบบเป็นดารา
00:01:35 → 00:01:38 เงี้ยมีค่า BMI ในตัวเนี่ยต่ำกว่าเลเวล
00:01:38 → 00:01:40 ไหนเลเวลไหนกันเลยเดีเพราะว่าเขาอยากจะ
00:01:40 → 00:01:42 ส้าง Beauty Standard ว่ามันไม่จำเป็น
00:01:42 → 00:01:45 ว่าคุณจะต้องผ้อมแล้วคุณจะสวยใช่เพราะบาง
00:01:45 → 00:01:49 ครั้งเนี่ยเนื่องจากว่าคุณมีอ่ากำลังที่
00:01:49 → 00:01:51 จะดึงดูดคนได้คุณเป็น influencer ดังนั้น
00:01:51 → 00:01:54 เนี่ยบางครั้งการที่มีน้ำหนักผอมมากเกิน
00:01:54 → 00:01:57 ไปมันเป็นการขีด Standard ว่าคนทั่วๆไปก็
00:01:57 → 00:02:00 ควรจะเท่านั้นควรจะเท่านี้ซึ่งมันเป็นการ
00:02:00 → 00:02:02 ดึงให้คนอยากจะมีน้ำหนักที่ผอมซึ่งบาง
00:02:02 → 00:02:05 ครั้งน้ำหนักที่ผอมเกินไปเนี่ยก็ส่งผลไม่
00:02:05 → 00:02:07 ใช่เฉพาะจิตใจอย่างเดียวแต่ส่งผลต่อ
00:02:07 → 00:02:09 สุขภาพร่างกายทำให้ร่างกายเนี่ยมีความ
00:02:09 → 00:02:11 อ่อนแอและไม่แข็งแรงได้เราจะเห็นว่าสัก
00:02:11 → 00:02:14 4-5 ปีมานผมจำไม่ผิดช่วงก่อนโควิดเราจะ
00:02:14 → 00:02:16 เห็นว่าหลายๆคนมีการพูดถึงเรื่องของการไป
00:02:16 → 00:02:20 ล้วงคอให้มันอ้วกออกมาของนั่งแบบแล้วนั่ง
00:02:20 → 00:02:22 แบบบางคนถึงขั้นสุดท้ายเสียชีวิตเลยเสีย
00:02:22 → 00:02:25 ชีวิตใช่ก็จะเห็นข่าวว่ามี influencer
00:02:25 → 00:02:27 หลายประเทศที่เสียชีวิตเพราะว่าน้ำหนัก
00:02:27 → 00:02:30 ที่ผอมเกินไปร่างกายไม่แข็งแรงเกิดปัญหา
00:02:30 → 00:02:32 ตามมาเยอะแยะเลยครับไอ้เรื่องแบบเนี้ย
00:02:32 → 00:02:34 จริงๆแล้วมันเกี่ยวกับค่านิยมหรือว่ามัน
00:02:34 → 00:02:37 เป็นโรคที่มันมาจากภายในครับครับผมเอ่อ
00:02:37 → 00:02:40 ถ้าเกิดเรามาคุยถึงเรื่องว่าคนที่มีภาวะ
00:02:40 → 00:02:43 ที่ต้องการจะมีน้ำหนักน้อย
00:02:43 → 00:02:46 Extreme เกินกว่าคนปกติอ่ากลุ่มพวกนี้
00:02:46 → 00:02:48 จริงๆก็คือถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งเหมือน
00:02:48 → 00:02:50 กันนะครับเนาะซึ่งหลายๆครั้งการที่เราขีด
00:02:50 → 00:02:53 เส้นว่าเราต้องการน้ำหนักเท่าเนี้ยปรากฏ
00:02:53 → 00:02:55 ว่าน้ำหนักนั้นน่ะมันต่ำกว่ามาตรฐานอือฮึ
00:02:55 → 00:02:58 เอ่อเข้าเกณฑ์ที่เราจะไม่สบายละกลุ่มพวก
00:02:58 → 00:03:01 นี้เราถือว่าเป็นโรคละต้องมีการบำบัดต้อง
00:03:01 → 00:03:03 มีการรักษาซึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค
00:03:03 → 00:03:06 เนี่ยมันไม่เพียงแต่เรื่องของความแข็งแรง
00:03:06 → 00:03:08 ทางจิตใจของแต่ละคนมันเป็นเรื่องบางครั้ง
00:03:08 → 00:03:11 เป็นเรื่องของเนติกพันธุกรรมอเช่นข้อมูล
00:03:11 → 00:03:15 มันก็ชัดเจนว่าคนที่ในบ้านมีภาวะจิตใจที่
00:03:15 → 00:03:18 ไม่แข็งแรงคนในบ้านนั้นก็มีความเสี่ยงที่
00:03:18 → 00:03:20 จะมีจิตใจที่ไม่แข็งแรงมากกว่าคนอื่น
00:03:20 → 00:03:23 เหมือนกันอันที่ 2 เป็นเรื่องของการ
00:03:23 → 00:03:25 เลี้ยงดูเรื่องของสภาวะแวดล้อมต่างๆรวม
00:03:25 → 00:03:27 ถึงภาวะของร่างกายดังนั้นเนี่ยมันเป็น
00:03:27 → 00:03:30 ปัจจัยหลายๆอย่างที่รวมตัวกันแล้วหล่อๆ
00:03:30 → 00:03:33 ให้คนๆนึงมีพฤติกรรมเหล่านั้นออกมาพอเรา
00:03:33 → 00:03:36 พูดถึงเรื่องของความอยากจะผอมากๆแบบเนี้ย
00:03:36 → 00:03:38 ผมได้ยินว่ามันจะมีอยู่ 2 โรคคือโรคล้วง
00:03:38 → 00:03:42 คอแล้วก็โรคกลัวอ้วนใช่มั้ยครับคุณครับผม
00:03:42 → 00:03:45 ครับก็ทั้ง 2 โรคมีความแตกต่างกันนิด
00:03:45 → 00:03:47 หน่อยอือฮึตรงที่ว่าโรคแรกเนี่ยเป็นโรค
00:03:47 → 00:03:50 ที่เราเรียกว่าบีเมียอืกับอีกโรคนึงที่
00:03:50 → 00:03:54 เรียกว่า ania nva นะครับนะโรคบุรีเมีย
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยคนไข้ก็จะมีความเอ่อทานอาหารเหมือน
00:03:57 → 00:04:00 คนปกติเลยเหมือนที่เราทานกันนี่แหละทาน
00:04:00 → 00:04:03 เยอะทานเร็วทานปกติเลยแต่พอทานเสร็จแล้ว
00:04:03 → 00:04:06 ไปล้วงคอออกอืหรือว่าไปทานเสร็จแล้วก็
00:04:06 → 00:04:09 ปรากฏว่าต้องไป Exercise ที่มันแบบมาก
00:04:09 → 00:04:13 กว่าคนปกติเพื่อทำให้ชดเชยความผิดที่รับ
00:04:13 → 00:04:16 ประทานอาหารเข้าไปอ่าอันนั้นคือกลุ่มของ
00:04:16 → 00:04:18 พวกที่เป็นบูลิเมียครับคือพอคุณหมอพูดว่า
00:04:18 → 00:04:21 มันเป็นโรคแบบนี้ปุ๊บเนี่ยพอโรคล้วงคอ
00:04:21 → 00:04:23 อ้วกเนี่ยหรือว่าเมื่อกี้ที่คุณหมอพอกิน
00:04:23 → 00:04:25 ปุ๊บอยากจะเบิรนมันออกไปให้หมดเนี่ยมัน
00:04:25 → 00:04:30 เป็นภาวะของความรู้สึกใชๆใช่ๆจริงๆแล้วเค
00:04:30 → 00:04:32 อาจจะมีความรู้สึกผิดอะไรสักอย่างนึงมี
00:04:32 → 00:04:35 ความไม่สบายใจสักอย่างนึงทำให้เขาเอ่อ
00:04:35 → 00:04:38 ต้องรับประทานอาหารเราจะได้ยินว่าบางคน
00:04:38 → 00:04:41 นี่พอเครียดก็กินอ่าใช่ๆอ่าไม่สบายใจก็
00:04:41 → 00:04:43 กินคุณหมอเป็นมั้ยครับคุณหมอที่บอกว่า 3
00:04:43 → 00:04:45 เดือนขึ้นมา 6 กก็กินเยอะเหมือนกันก็ใช้
00:04:46 → 00:04:47 ได้อยู่แต่ว่าผมไม่รู้สึกผิดมากในช่วง
00:04:47 → 00:04:50 นั้นคราวนี้เนี่ยพอเรากินอาหารเยอะเกินไป
00:04:50 → 00:04:53 เนี่ยแล้วเรามีสแตนดาร์ดของความสวยงามที่
00:04:53 → 00:04:56 เราวางไว้จุดนี้เราจะรู้สึกว่าทำยังไงดี
00:04:56 → 00:04:59 ให้เราไปถึงจุดนั้นได้เก็จะมีการออกกำลัง
00:04:59 → 00:05:02 กายอย่างหนักเลยเพื่อทำให้น้ำหนักเขาลดลง
00:05:02 → 00:05:05 หรือหลังจากทานอาหารแล้วก็ล้วงคอเลยเพื่อ
00:05:05 → 00:05:08 จะให้อาหารมันออกมาให้หมดบางคนมากกว่า
00:05:08 → 00:05:11 นั้นอีกใช้ยาระบายใช้ยาถ่ายเพื่อล้างลำ
00:05:11 → 00:05:14 ไส้ออกมาให้หมดอย่าให้ดูดซึมเลยหรือแม้
00:05:14 → 00:05:16 กระทั่งการทานอาหารที่เอ้ยทายาบางอย่าง
00:05:16 → 00:05:19 ซึ่งกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกายรวมถึง
00:05:19 → 00:05:21 บางคนใช้ยาเสพติดคืออะไรบ้างครับก็มี
00:05:21 → 00:05:23 เหมือนกันเช่นพวกแอมเฟตามีน
00:05:23 → 00:05:26 คือก็คือยายาบ้าซึ่งพวกยาบ้ามันจะมี
00:05:26 → 00:05:30 คุณสมบัติในการเร่งเผาผลาอืทำให้เรามีการ
00:05:30 → 00:05:33 กระตุ้นร่างกายตลอดเวลาเป็นการสร้าง
00:05:33 → 00:05:36 compensation mechanism ก็คือกลไกที่ไป
00:05:36 → 00:05:38 ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่เราทานไปเนี่ยมัน
00:05:38 → 00:05:41 ไม่ผิดเกินไปมีการเผาผลาญออกไปน้ำหนักเขา
00:05:41 → 00:05:45 ก็จะผอมอันนี้คือบีเมียครับอีกโรคนึงคือ
00:05:45 → 00:05:49 anorexia nva อันนี้จะแตกต่างจากบูรี
00:05:49 → 00:05:52 ตรงที่ไม่กินเลยอืกลัวเลยว่าถ้าเกิดกิน
00:05:52 → 00:05:54 เข้าไปเนี่ยแคลอรีที่ได้จะทำให้น้ำหนัก
00:05:54 → 00:05:58 เขาเยอะขึ้นกินน้อยไม่กินแล้วก็มีการออก
00:05:58 → 00:06:00 กำลังกายมีการล้าลำไส้ต่างๆมีการทำอะไร
00:06:00 → 00:06:03 หลายๆอย่างเพื่อให้เผอมลงรวมรรวมถึง
00:06:03 → 00:06:05 เรื่องของการล้วงคอด้วยออ่าแต่กลุ่มพวก
00:06:05 → 00:06:08 นี้จะน้ำหนักน้อยมากผอมมากแล้วก็ผอมลง
00:06:08 → 00:06:11 เรื่อยๆก็คือเหมือนพอเป็นโรค
00:06:11 → 00:06:14 ania nva เนี่ยหรือว่าโรคกลัวอ้วนอัน
00:06:14 → 00:06:17 นี้เหมือนจะเป็นขั้นกว่าของแค่ล้วงคอมัน
00:06:17 → 00:06:21 จะคนละคนละเป็นคนละ entity กันเลยเออในใน
00:06:21 → 00:06:23 กลุ่มของโรกที่ปัญหากับการกินเนี่ยมันจะ
00:06:23 → 00:06:26 มีหลายอย่างเหมือนกันบุรีเมียเขาก็จะกิน
00:06:26 → 00:06:28 เยอะแต่เขาจะ compensate เยอะดังนั้น
00:06:28 → 00:06:31 เนี่ยเวลามองภายบางทีเราไม่รู้เลยดูคนไข้
00:06:31 → 00:06:33 น้ำหนักตัวปกติดูทุกอย่างเลยเพราะเก็กิน
00:06:33 → 00:06:35 อยู่แต่หลังกินแล้วเล้วงคออ้วกแต่กลับกัน
00:06:35 → 00:06:38 แอนกเซียเนี่ยเขาจะกลัวอ้วนมากๆเลยกินก็
00:06:38 → 00:06:41 จะไม่ยอมกินหรือถ้ากินก็จะกินเฉพาะเหมือน
00:06:41 → 00:06:43 กับเพื่อให้คนอื่นไม่รู้ไปเลี้ยงกันไปทาน
00:06:43 → 00:06:47 อาหารอ่าดินเนอร์กันก็ทานเขี่ยๆทานนิดๆ
00:06:47 → 00:06:50 หน่อยๆให้คนไม่ผิดสังเกตอแต่พอกลับไปแล้ว
00:06:50 → 00:06:53 ก็จะทำ mechanism ที่ทำให้มีการเผาผ่านไข
00:06:53 → 00:06:56 มันหรือพอผ่านอาหารที่ทานเข้าไปเขก็จะผอม
00:06:56 → 00:06:58 ลงเรื่อยๆจนอันตรายถึงกับชีวิตได้พอมาฟัง
00:06:58 → 00:07:01 ดูแบบเแล้วมันให้ให้ความรู้สึกเหมือนว่า
00:07:01 → 00:07:03 มันน่าจะมาจาก mental Health ป่ะครับคุณ
00:07:03 → 00:07:06 หมอเป็นส่วนนึหรือว่าแบบมาจากจิตใจของเรา
00:07:06 → 00:07:10 เองใช่ใช่มีจิตใจที่ไม่แข็งแรงทำให้มีการ
00:07:10 → 00:07:12 แสดงออกแบบนั้น 1 ส่วนแล้วก็ส่วนนึงคือ
00:07:12 → 00:07:15 เป็นพันธุกรรมส่วนนึงครับครับผมเหมือนที่
00:07:15 → 00:07:17 เมื่อกี้คุณหมอบอกใช่มั้ยที่บอกว่าถ้า
00:07:17 → 00:07:21 เกิดในบ้านเนี่ยมีคนที่เป็นเอิอาจจะจิตใจ
00:07:21 → 00:07:23 ไม่ค่อยแข็งแรงพอมาถึงเรามันก็จะไม่แข็ง
00:07:23 → 00:07:26 แรงมีโอกาสเหมือนกันไอ้คำว่าไม่แข็งแรง
00:07:26 → 00:07:28 นี่มันคือไม่แข็งแรงยังไงครับคุณหมอใช่
00:07:28 → 00:07:31 คือเราเชื่อว่าโรคทางจิตเวทบางอย่างเนี่ย
00:07:31 → 00:07:34 ไม่ใช่ว่าเราทำให้เกิดคิดให้เป็นอย่าง
00:07:34 → 00:07:36 นั้นเลยเกิดแต่พวกนี้มันเกิดจากสารเคมีใน
00:07:36 → 00:07:40 สมองซึ่งมันไม่สมดุลกันเมื่อมันไม่สมดุล
00:07:40 → 00:07:42 กันมีคคำว่า imbalance ของ
00:07:42 → 00:07:44 neurotransmitter คือสายใยแปรประสาทที่
00:07:44 → 00:07:47 มันผิดปกติมันก็ทำให้เกิดอาการต่างๆซึ่ง
00:07:47 → 00:07:50 บางโรคก็เช่นพวกแพนิคทำให้เกิดความเครียด
00:07:50 → 00:07:52 ความกังวลหรือแม้กระทั่งคนไข้ที่เป็น
00:07:52 → 00:07:55 anxiety disorder คือกังวลตลอดเวลาเลย
00:07:55 → 00:07:57 รวมถึงกลุ่มที่มีการรับประทานอาหารผิด
00:07:57 → 00:08:00 ปกติก็เชื่อว่าส่วนมาจากจิตใจแต่ก็มาจาก
00:08:00 → 00:08:03 พันธุกรรมแล้วก็มาจากสิ่งแวดล้อมด้วยงั้น
00:08:03 → 00:08:05 ก็แปลว่าอาการเหล่านี้เราสามารถรักษาได้
00:08:05 → 00:08:08 ด้วยการปรับเคมีในสมองใช่ซึ่งการปรับเคมี
00:08:08 → 00:08:11 ในสมองก็มีหลายแบบด้วยกันเช่น 1 คือเมื่อ
00:08:11 → 00:08:14 เขาทานน้อยเขามี Beauty Standard แบบ
00:08:14 → 00:08:16 นั้นเราต้อง Build up ก่อนให้เขารู้ว่า
00:08:16 → 00:08:20 จริงๆแล้วเขาไม่ได้น้ำหนักเกินเขาอยู่ใน
00:08:20 → 00:08:22 เกณฑ์ที่เรียกว่าเหมาะสมชี้ให้เขาเห็นว่า
00:08:22 → 00:08:25 เหมาะสมคืออะไรให้เขา recognition ยอมรับ
00:08:25 → 00:08:28 ก่อนว่าจุดนี้คือปกติแล้วก็ 2 คือสร้าง
00:08:28 → 00:08:31 ความให้เขามี Self esteem มีความมั่นใจ
00:08:32 → 00:08:34 ในตัวเองที่มากขึ้นซึ่งบางครั้งเนี่ยเ่า
00:08:34 → 00:08:37 มันเกิดจากการถูกบี่เกิดจากการที่มีปัญหา
00:08:37 → 00:08:40 ในครอบครัวเกิดจากปัญหาต่างๆทำให้เขารู้
00:08:40 → 00:08:43 สึกว่ามี Self esteem ที่ต่ำอเมื่อต่ำลง
00:08:43 → 00:08:46 เขาก็ต้องสร้างความมั่นใจในจุดอื่นๆซึ่ง
00:08:46 → 00:08:48 อาจจะก่อโรคตรงนั้นเราต้องพยายาม Build
00:08:48 → 00:08:50 up สร้างให้เขารู้สึกว่าเขาก็มีความ
00:08:50 → 00:08:54 สำคัญเขาก็มีความน่าพาคภูมิใจในตัวเอง
00:08:54 → 00:08:57 ซึ่งมันก็จะลิงไปถึงว่าการรักษาเนี่ยเป็น
00:08:57 → 00:09:01 ทั้งครอบครัวอือสังคมและตัวคนไข้เองบาง
00:09:01 → 00:09:03 ครั้งก็จะเป็นครอบครัวบำบัดบางครั้งก็จะ
00:09:03 → 00:09:06 เป็นสังคมบำบัดแล้วก็เป็นกรุ๊ปบำบัดก็คือ
00:09:06 → 00:09:09 การที่เอาคนไข้กลุ่มเดียวกันมานั่งคุยกัน
00:09:09 → 00:09:11 เพื่อให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาทำเนี่ยเอ่อ
00:09:12 → 00:09:14 มันมีคนที่เป็นคล้ายๆกันแล้วสามารถที่จะ
00:09:14 → 00:09:16 สร้างความมั่นใจในตัวเองขึ้นได้รวมถึงสุด
00:09:16 → 00:09:19 ท้ายละสิ่งที่สำคัญก็คือการใช้ยาร่วม
00:09:19 → 00:09:22 บำบัดในบางเคสบางกรณีซึ่งหมอก็จะพิจารณา
00:09:22 → 00:09:25 ว่าเอ๊ะเามีความเหมาะสมแล้วจำเป็นต้องใช้
00:09:25 → 00:09:27 ยาหรือยังยานี่ก็คือเป้าหมายเพื่อปรับ
00:09:27 → 00:09:31 สมดุลในสมองให้าสื่อประสาทเทำงานดีขึ้น
00:09:31 → 00:09:34 เขาก็จะแข็งแรงขึ้นจิตใจเข้มแข็งมากขึ้น
00:09:34 → 00:09:36 ครับเราพูดมาขนาดนี้แล้วผมว่าหลายๆคนก็
00:09:36 → 00:09:41 น่าจะลองถามตัวเองแหละว่าเฮ้ยเราเป็นหรือ
00:09:41 → 00:09:43 ยังอืเราจะสังเกตตัวเองได้ยังไงบ้างครับ
00:09:43 → 00:09:47 อันที่ 1 ก็คือว่าความภูมิใจความมั่นใจใน
00:09:47 → 00:09:50 รูปร่างของเราเนี่ยเป็นยังไงถ้าเรารู้สึก
00:09:50 → 00:09:53 ว่าเราก็อยู่ในกลุ่มที่โอเคอันนี้ก็เป็น
00:09:53 → 00:09:55 ตัวนึงที่เป็นการสร้างความภูมิใจของตัว
00:09:55 → 00:09:58 เองอันที่ 2 เนี่ยการหมั่นเช็คสุขภาพว่า
00:09:58 → 00:10:00 เรามีมีอะไรที่ผิดปกติไปหรือยังเพราะว่า
00:10:00 → 00:10:02 ในกลุ่มโรคพวกนี้อย่างที่บอกแล้วว่าเมื่อ
00:10:02 → 00:10:05 เขาคทานแล้วเาเบิรนเยอะเกินไปเอาออกมาก
00:10:05 → 00:10:08 เกินไปสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือการขาดสาร
00:10:08 → 00:10:11 อาหารเขาคก็จะมีลักษณะที่ผอมเล็บเปราะผม
00:10:11 → 00:10:14 ร่วงผมบางต่างๆรวมกระทั่งถึงน้ำหนักที่ตก
00:10:14 → 00:10:17 เกนลงไปเรื่อยๆบางคนล้วงคอมากๆเนี่ยก็จะ
00:10:17 → 00:10:21 มีปัญหาเรื่องของการที่เกิดฟันผุจากกรดใน
00:10:21 → 00:10:25 กระเพาะที่มันออกมาบางคนจะมีเพื่อนบางคน
00:10:25 → 00:10:27 เราสังเกตดูเพื่อนๆหลายๆท่านก็อาจจะมีรอย
00:10:27 → 00:10:31 ที่นิ้วมือตรงตรงข้อนิ้วมือเป็นรอยแผล
00:10:31 → 00:10:34 อยู่ซึ่งมันเกิดจากการที่เราล้วงคออ๋อ
00:10:34 → 00:10:37 แล้วบ่อยๆครั้งก็จะมีการเสียดสีแล้วเกิด
00:10:37 → 00:10:39 แผลเกิดขึ้นนะครับสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่ง
00:10:39 → 00:10:42 ที่เจอซึ่งคนไข้ที่มีอาการเหล่านี้บาง
00:10:42 → 00:10:45 ครั้งจริงๆแล้วเขาไม่รู้ตัวเขาไม่รู้ว่า
00:10:45 → 00:10:48 สิ่งที่เขาทำเนี่ยมันคือ extrem เกินเกิน
00:10:48 → 00:10:53 ปกติดังนั้นเนี่ยการอาศัยคนในครอบครัวการ
00:10:53 → 00:10:55 อาศัยเพื่อนๆรอบๆตัวช่วยกันสังเกตอันนี้
00:10:55 → 00:10:58 ช่วยได้มากเลยบางครั้งบางคนรับประทาน
00:10:58 → 00:11:00 อาหารเย็นเสร็จแล้วอยู่กับเพื่อนนะแต่
00:11:00 → 00:11:01 เพื่อนไม่รู้เลยเพราะว่าเวลาเข้าห้องน้ำ
00:11:01 → 00:11:04 ไปแล้วเนี่ยเขาเปิดฝักบัวอเพื่อกลบเสียง
00:11:04 → 00:11:07 อาเจียนอ่าดังนั้นเนี่ยเพื่อนเพื่อนหรือ
00:11:07 → 00:11:09 ว่าคนในครอบครัวก็ต้องช่วยกันดูตรงนี้
00:11:09 → 00:11:11 ด้วยแล้วก็ช่วยกันประเมินเราจะได้รู้ว่า
00:11:11 → 00:11:15 โอเคเรามีคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดที่มี
00:11:15 → 00:11:18 อาการที่ต้องเข้ามาร่วมรักษามาดูแลในจุด
00:11:18 → 00:11:20 นั้นแล้วถ้าเกิดเรารู้แล้วล่ะว่าคนรอบๆ
00:11:20 → 00:11:23 ตัวเราเขามีอาการแบบนี้เราเดินไปบอกได้
00:11:23 → 00:11:25 เลยมั้ยครับหรือว่าควรเลไปปรึกษาคุณหมอ
00:11:25 → 00:11:27 ก่อนแล้วค่อยเดินไปบอกเอันนี้ก็ต้อง
00:11:27 → 00:11:30 ประเมินว่าว่าคนนั้นเจะรับได้แค่ไหนแต่
00:11:30 → 00:11:34 บางครั้งการถามว่าเอ๊ะสิ่งที่ทำตอนนี้
00:11:34 → 00:11:37 เนี่ยคิดว่าพอใจกับรูปร่างตัวเองมั้ยคิด
00:11:37 → 00:11:39 ว่าเป็นยังไงบ้างมันก็พอจะได้ไอเดียคร่าว
00:11:39 → 00:11:42 ๆนะว่าเขามีความภูมิใจในตัวเองแค่ไหนอะไร
00:11:42 → 00:11:44 อย่างเงี้ยครับแล้วการป้องกันล่ะครับ
00:11:44 → 00:11:47 เมื่อกี้มันเกิดไปละก่อนที่มันจะเกิดเรา
00:11:47 → 00:11:49 สามารถป้องกันยังไงได้บ้างมั้ยครับโรคทาง
00:11:49 → 00:11:52 จิตใจป้องกันยากมากเลยสำคัญสุดก็คือ Early
00:11:52 → 00:11:56 recognition คือคนรอบๆตัวอเห็นเร็วยิ่ง
00:11:56 → 00:11:59 เห็นเร็วเท่าไหร่เราก็จะช่วยเขาได้เร็ว
00:11:59 → 00:12:02 ขึ้นเท่านั้นครับผมนะครับผมว่าก็น่าจะได้
00:12:02 → 00:12:06 เข้าใจโรคจะเรียกว่าโรคได้มั้ยจริงๆแล้ว
00:12:06 → 00:12:09 อ่ะก็กับบางคนก็เป็นโรคแหละแต่ว่าเราก็
00:12:09 → 00:12:12 ใช้คำว่าเป็นภาวะอ่าภาวะซึ่งบางครั้งนำไป
00:12:12 → 00:12:14 สู่โรคนะครับแต่เราก็ไม่อยากให้ใครมี
00:12:14 → 00:12:18 อาการแบบนี้แล้วกันนะครับไม่อยากให้ทุกคน
00:12:18 → 00:12:20 ไม่มั่นใจตัวเองไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่า
00:12:20 → 00:12:23 ฉันจะต้องผอมมากๆถึงจะสวยถึงจะหลอดจริงๆ
00:12:24 → 00:12:28 แล้วเนี่ยคุณก็สามารถมีความดึงดูดมีความ
00:12:28 → 00:12:31 สวยความน่าสนใได้ในรูปแบบตัวคเองตัวคเอง
00:12:31 → 00:12:34 ถูกสุดท้ายคุณหมอมีอะไรอยากฝากกับทุกท่าน
00:12:34 → 00:12:36 ที่ฟังอยู่หรือว่าดูอยู่สักเล็กน้อยมย
00:12:36 → 00:12:38 ครับสำหรับเรื่องนี้อย่างที่เรียนบอกไป
00:12:38 → 00:12:40 แล้วครับว่าปัญหาคือคนไข้บางครั้งไม่รู้
00:12:40 → 00:12:43 ตัวดังนั้นเนี่ยการที่เราฟัง EP นี้แล้ว
00:12:43 → 00:12:45 เรากลับไปสังเกตคนรอบตัวเราว่ามีคนใคร้
00:12:45 → 00:12:47 กลุ่มเนี้ยหรือมีคนใกล้ตัวกลุ่มเนี้ยที่
00:12:47 → 00:12:50 มีอาการคล้ายๆอย่างนี้มเพื่อช่วยเขาให้
00:12:50 → 00:12:53 เขามีสภาวะจิตใจที่แข็งแรงขึ้นมีร่างกาย
00:12:53 → 00:12:55 ที่แข็งแรงขึ้นแล้วก็พร้อมจะสู้กับความ
00:12:55 → 00:12:57 คิดของตัวเองได้อันนั้นเป็นสิ่งที่อยาก
00:12:57 → 00:13:00 ให้ทุกคนช่วยๆกันครับครับเพราะฉะนั้นสิ่ง
00:13:00 → 00:13:02 ที่เราสามารถทำได้เลยคือเรามั่นใจตัวเอง
00:13:02 → 00:13:04 ไว้ก่อนใช่ครับผมนะครับในรูปร่างของตัว
00:13:04 → 00:13:07 เองะกัน่นะฮะแล้วก็ลองสังเกตคนรอบข้างดู
00:13:07 → 00:13:10 ว่าถ้าเกิดมีอาการแบบนี้มาลองปรึกษาคุณ
00:13:10 → 00:13:13 หมอกันได้หรือว่าก็ลองฟัง EP นี้อีกรอบ
00:13:13 → 00:13:15 นึงนะครับผมว่าคุณน่าจะได้เข้าใจอะไรมาก
00:13:15 → 00:13:17 ยิ่งขึ้นด้วยนะครับต้องขอขอบคุณคุณหมอโชต
00:13:17 → 00:13:19 ด้วยนะครับที่วันนี้มาแชร์เรื่องราวที่
00:13:19 → 00:13:21 น่าสนใจมากๆนะครับไว้มีโอกาสเดี๋ยวเรามา
00:13:21 → 00:13:23 พูดคุยกันใหม่วันนี้คุณหมอต้องขอบคุณนะ
00:13:23 → 00:13:26 ครับขอบคุณครับสวัสดีครับสวัดีพแสนะครับ
00:13:26 → 00:13:29 ไปก่อนทุกคนครับบ๊ายบายเจอกัน EP เครับ
00:13:29 → 00:13:32 [ปรบมือ]
00:13:32 → 00:13:32 [เพลง]
00:13:32 → 00:13:35 [ปรบมือ]
00:13:35 → 00:13:38 อ