00:00:06 → 00:00:08 มันมีอย่างนี้จริงๆนะครับคนที่รู้สึกว่า
00:00:08 → 00:00:10 ไม่อยากไปทำงานไม่อยากตื่นไปทำงานเลยพอ
00:00:10 → 00:00:13 เป็นวันอาทิตย์ปั๊บพรุ่งนี้วันจันทร์แล้ว
00:00:13 → 00:00:16 ไม่อยากไปทำงานเลยจะรู้สึกตื่นตระหนกนอน
00:00:16 → 00:00:19 ไม่หลับหัวใจเต้นแรงคล้ายๆจะเป็นลมทุกๆ
00:00:19 → 00:00:21 วันอาทิตย์ตอนกลางคืนแล้ววันศุกร์ให้ความ
00:00:21 → 00:00:23 รู้สึกเหมือนหลุดพ้นจากนรกจริงๆแล้วความ
00:00:23 → 00:00:25 ไม่อยากไปทำงานมันมีเลเวลของมันอยู่แต่
00:00:25 → 00:00:27 ว่าถ้าเป็นคนที่แบบมีระดับโฟเบียขึ้นไป
00:00:27 → 00:00:29 เนี่ยมันจะเป็นความรู้สึกแบบเหมือนจะเป็น
00:00:29 → 00:00:32 ลมวูบมือเย็นซีดแพนิคซึ่งต้องบอกว่าอย่าง
00:00:32 → 00:00:35 นี้ฮะสิ่งพวกนี้ที่แบบมันโดนรุนแรงมันมัก
00:00:35 → 00:00:37 จะเกิดขึ้นมาจากการที่มีบางสิ่งบางอย่าง
00:00:37 → 00:00:39 ในตัวเนื้องานถ้าไม่ใช่เนื้องานก็เป็น
00:00:39 → 00:00:41 สภาพแวดล้อมที่ทำงานอาจจะเป็นตัวคนอะไรก็
00:00:41 → 00:00:44 ตามเนี้ยที่กระทบตัวตนของเขาตัวเซลฟ์ของ
00:00:44 → 00:00:46 เขาหรือตัวความภูมิใจหรือเซลล์เอ็กซ์ตรีม
00:00:46 → 00:00:47 ที่เราเรียกกัน
00:00:47 → 00:00:49 [เพลง]
00:00:49 → 00:00:52 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:52 → 00:00:55 การรองหมอดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 เอสช้อยส์
00:00:59 → 00:01:02 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังค่ะขอต้อนรับเข้าสู่
00:01:02 → 00:01:04 รายการโรงหมอทางไทยพีบีเอส podcast ค่ะ
00:01:04 → 00:01:07 วันนี้เรามาพบกันเช่นเคยนะคะติดตามสาระ
00:01:07 → 00:01:09 ของเราในวันนี้กันได้เกี่ยวกับเรื่องของ
00:01:09 → 00:01:14 โรคกลัวการทำงานค่ะได้ยินไม่ผิดค่ะโรค
00:01:14 → 00:01:17 กลัวการทำงานเฮ้ยเป็นยังไงมันมีจริงหรอนะ
00:01:17 → 00:01:20 คะคุยกับดรสุวาวุฒิวงศ์ธารสวัสดิ์ค่ะนัด
00:01:20 → 00:01:22 จิตวิทยาการปรึกษาหรือคุณเอิ้นสวัสดีค่ะ
00:01:22 → 00:01:26 สวัสดีครับคุณผู้ฟังโรคนี้มันมีอยู่จริง
00:01:26 → 00:01:30 หรอโรคกลัวการทำงานมันคงอาจจะไม่ได้ถึง
00:01:30 → 00:01:32 ขนาดที่เรียกว่าแบบเฮ้ยเป็นโรคเป็นความ
00:01:32 → 00:01:35 ผิดปกติทางโอ้โหจิตเวชใหญ่โตหรือว่าแบบ
00:01:35 → 00:01:37 เป็นความเจ็บป่วยทางสมองมันอาจจะไม่ได้
00:01:37 → 00:01:39 ขนาดนั้นเนาะจริงๆแล้วครับชื่อภาษาอังกฤษ
00:01:39 → 00:01:42 เขาอ่านว่าเออก็โฟเบียร์นะครับ
00:01:42 → 00:01:46 ergo แล้วก็ phobia phobia แต่พวกนี้
00:01:46 → 00:01:48 คุณผู้ฟังแค่แค่ฟังผ่านๆพอเนอะไม่ต้องไป
00:01:48 → 00:01:50 จำมันก็ได้ครับวันนี้เราจะคุยกันถึงสิ่ง
00:01:50 → 00:01:52 ที่เป็นความรู้เกี่ยวกับตัวมันพวกนี้แหละ
00:01:52 → 00:01:55 อ่าครับซึ่งต้องบอกว่าเวลาเราพูดถึงแบบ
00:01:55 → 00:01:56 ความเป็นโรคความเป็นไรเงี้ยเรามักจะพูด
00:01:57 → 00:01:59 ถึงคล้ายๆอาการที่มันแบบโอ้โหมันเยอะมัน
00:01:59 → 00:02:01 รุนแรงมันอะไรอย่างเงี้ยฮะบางครั้งเราก็
00:02:01 → 00:02:03 เลยหยิบเอาคำว่าโรคเนี่ยเข้ามาใส่กันง่าย
00:02:03 → 00:02:06 ๆอย่างเงี้ยค่ะมันก็เลยกลายเป็นว่าโลกนี้
00:02:06 → 00:02:08 ก็จะเกี่ยวข้องกับการที่รู้สึกว่าเฮ้ยไป
00:02:08 → 00:02:10 ทำงานแล้วมันเกิดความรู้สึกไม่ดีรู้สึก
00:02:10 → 00:02:14 ไม่อยากไปไม่อยากไปเลยแค่จะไปก็แบบรู้สึก
00:02:14 → 00:02:17 กลัวแล้วกังวลแล้วแบบปวดท้องเหงื่อตกท้อง
00:02:17 → 00:02:20 เสียจะเป็นลมอย่างเงี้ยครับพวกนี้มันคือ
00:02:20 → 00:02:23 อาการที่แบบโอ้โหเราคงนึกไม่ออกเลยว่าแบบ
00:02:23 → 00:02:26 จะกลัวอะไรได้ขนาดนั้นอย่างนี้ครับเพราะ
00:02:27 → 00:02:28 ว่าพวกเราไปทำงานอย่างเช่นผมแนะนั่งคุย
00:02:28 → 00:02:31 กับคุณดีเนี่ยนะนี่ก็เรียกว่าการทำงานใช่
00:02:31 → 00:02:33 ๆแต่เราไม่ได้รู้สึกกลัวเนอะเราอาจจะมี
00:02:33 → 00:02:35 ความรู้สึกตื่นเต้นบ้างรู้สึกเครียดบ้าง
00:02:35 → 00:02:37 เพราะว่ามันคือรายการที่ต้องบันทึกเสียง
00:02:37 → 00:02:40 เราอาจจะต้องแบบพูดให้รู้เรื่องเราจะต้อง
00:02:40 → 00:02:43 พูดตามเวลาที่กำหนดหรือแบบต้องได้ตาม
00:02:43 → 00:02:44 เนื้อหาแล้วแต่
00:02:45 → 00:02:47 พวกเราจะไม่ได้มีความรู้สึกกลัวไม่อยากมา
00:02:47 → 00:02:49 พูดไม่อยากอ่านรายการแต่มันมีอย่างนี้
00:02:49 → 00:02:51 จริงๆนะครับคนที่รู้สึกว่าไม่อยากไปทำงาน
00:02:51 → 00:02:54 ไม่อยากตื่นไปทำงานเลยพอเป็นวันอาทิตย์
00:02:54 → 00:02:57 ปั๊บโอ้พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วไม่อยากไปทำ
00:02:57 → 00:02:59 งานเลยเฮ้ยอันนั้นขี้เกียจเปล่ามันอาจจะ
00:03:00 → 00:03:02 มีขี้เกียจด้วยนะแต่จะมีคนที่แบบคล้ายๆจะ
00:03:02 → 00:03:04 รู้สึกตื่นตระหนกนอนไม่หลับหัวใจเต้นแรง
00:03:04 → 00:03:07 คล้ายๆจะเป็นลมทุกๆวันอาทิตย์ตอนกลางคืน
00:03:07 → 00:03:11 ทุกวันก็จะต้องไปทำงานในวันรุ่งขึ้นแล้ว
00:03:11 → 00:03:13 วันศุกร์ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดพ้นจาก
00:03:13 → 00:03:14 นรก
00:03:14 → 00:03:16 ผมเชื่อว่าคุณผู้ฟังอาจจะเคยแบบบางท่าน
00:03:16 → 00:03:18 เคยผ่านประสบการณ์ตรงนี้มา
00:03:18 → 00:03:20 นะครับแต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าเฮ้ยมีคน
00:03:20 → 00:03:22 ใกล้ตัวเราที่กำลังเป็น
00:03:22 → 00:03:25 อย่างเงี้ยครับพี่ลีเคยเป็นไหมฮะคือมีมี
00:03:25 → 00:03:28 บ้างนะแต่มันไม่คิดว่าตัวเองไม่ได้ถึง
00:03:28 → 00:03:30 ขนาดว่าเป็นโรคหรอกนะฮะแต่ว่าแค่รู้สึก
00:03:30 → 00:03:34 ว่าแบบมันอาจจะมาเจออยู่ในภาวะที่มัน
00:03:34 → 00:03:38 จังหวะชีวิตที่มันแบบมันไม่โอเคอ่ะเออ
00:03:38 → 00:03:41 ช่วงจังหวะที่แบบกำลังเยอะแยะอะไรเนี่ย
00:03:41 → 00:03:44 มันมีคำถามเยอะในการทำงานตอนช่วงนั้นก็
00:03:44 → 00:03:47 เลยรู้สึกว่าไม่อยากไปทำงานอาการมันจะ
00:03:47 → 00:03:48 เป็นแบบนี้เดี๋ยวเล่าให้คุณผู้ฟังคุณ
00:03:48 → 00:03:51 เอิ้นฟังแล้วดูซิว่ามันเข้าขายที่ phobia
00:03:51 → 00:03:53 หรือเปล่าเป็นลักษณะแบบว่า
00:03:53 → 00:03:57 ไปทำงานก็จริงนะคือไม่ได้อยากไปนะแต่ต้อง
00:03:57 → 00:04:02 ไปเออแต่ว่าจะยังไม่ขึ้นห้องทำงานยังไม่
00:04:02 → 00:04:10 นั่งอยู่ในรถไถมือดูมือถือ
00:04:10 → 00:04:13 ในตามเวลานะเพียงแต่ว่าเอ่อในช่วงก่อนที่
00:04:13 → 00:04:18 จะถึงเวลางานน่ะเราไม่รีบที่จะขึ้นไป
00:04:18 → 00:04:22 แล้วก็รู้สึกว่าเมื่อไหร่มันจะบ่ายสักที
00:04:22 → 00:04:25 ทำไมมันจะเริ่มสักที
00:04:25 → 00:04:27 เพราะเรารู้สึก
00:04:27 → 00:04:31 ค่อยยังชั่วหน่อยกลับดีกว่า
00:04:31 → 00:04:33 เขาขายหรือเปล่าอันนี้อันนี้ไม่ได้ถึง
00:04:33 → 00:04:42 ขนาดที่จะเป็นฟอร์เบียเนาะ
00:04:42 → 00:04:45 มันมี Diavel ของมันอยู่หรือพูดง่ายๆคือ
00:04:45 → 00:04:47 มีระดับระดับอ่อนระดับกลางระดับแรงอะไร
00:04:47 → 00:04:50 เงี้ยครับเวลาเราเรียกโรคเราเรียกโฟเบีย
00:04:50 → 00:04:52 เนี่ยมันจะเป็นที่ระดับรุนแรงอย่างที่คุณ
00:04:52 → 00:04:54 รีเป็นอย่างเงี้ยครับมันอาจจะเป็นคล้ายๆ
00:04:54 → 00:04:56 ภาวะรู้สึกไม่อยากเข้าไปทำงานแต่ไม่ถึง
00:04:57 → 00:04:58 ขนาดผัวเบียร์นั่นหมายความว่าตัวเรายังคง
00:04:58 → 00:05:02 ไปทำงานได้ตัวเรายังคงรับผิดชอบงานได้ตัว
00:05:02 → 00:05:04 เราทำงานให้เสร็จได้ถูกไหมครับต่อให้รู้
00:05:04 → 00:05:06 สึกไม่ชอบไม่อยากทำไม่อยากเจอใครบางคนแต่
00:05:06 → 00:05:10 รับผิดชอบจนเสร็จได้และรู้สึกว่าชีวิตเรา
00:05:10 → 00:05:12 ไม่ได้คล้ายๆเสียศูนย์หรือว่าแบบพังขนาด
00:05:12 → 00:05:14 นั้นถูกไหมครับแต่ว่าถ้าเป็นคนที่แบบมี
00:05:14 → 00:05:16 ระดับ phobia ขึ้นไปเนี่ยมันจะเป็นความ
00:05:16 → 00:05:19 รู้สึกแบบเหมือนจะเป็นลมวูบมือเย็นซีด
00:05:19 → 00:05:22 แฮนิครู้จัก Panic เนาะเออๆเหมือนกับกลัว
00:05:22 → 00:05:25 แบบเหมือนหน้าซีดหายใจจะไม่ทันหายใจหอบ
00:05:25 → 00:05:28 มือเย็นจะเป็นลมอย่างเงี้ยใช่ป่ะใช่ซึ่ง
00:05:28 → 00:05:30 ต้องบอกว่าอย่างเงี้ยฮะสิ่งพวกนี้ที่แบบ
00:05:30 → 00:05:33 มันโดนแรงมันมักจะเกิดขึ้นมาจากการที่มี
00:05:33 → 00:05:36 บางสิ่งบางอย่างในตัวเนื้องานถ้าไม่ใช่
00:05:36 → 00:05:38 เนื้องานก็เป็นสภาพแวดล้อมที่ทำงานอาจจะ
00:05:38 → 00:05:41 เป็นตัวคนอะไรก็ตามเนี่ยที่กระทบไปที่ตัว
00:05:41 → 00:05:44 ตนของเขาตัว Self ของเขาหรือตัวความภูมิ
00:05:44 → 00:05:45 ใจหรือ Cell Extreme ที่เราเรียกกัน
00:05:45 → 00:05:48 อย่างนี้ครับบางครั้งเช่นการถูกวิจารณ์จน
00:05:48 → 00:05:51 เสียความมั่นใจการที่แบบต้องไปทำงานแล้ว
00:05:51 → 00:05:53 เจอผู้ร่วมงานหรืออาจจะเป็นหัวหน้างานที่
00:05:53 → 00:05:56 ชี้นิ้วด่าตลอดเวลาว่าคุณมันไม่ได้เรื่อง
00:05:56 → 00:06:00 คุณมันทำงานไม่ดีอย่างนี้ครับหรือบางคนไป
00:06:00 → 00:06:02 ทำงานเนอะแล้วมีการนำเสนออันนี้ผมได้ยิน
00:06:02 → 00:06:05 ในสายงานเอกชนอยู่เยอะที่ว่าลูกน้องเนี่ย
00:06:05 → 00:06:07 จะต้องทำ presentation เนอะก็คือตัวที่
00:06:07 → 00:06:10 ต้องนำเสนองานแล้วเข้าไปประชุมทีมแล้วใน
00:06:10 → 00:06:12 การประชุมนั้นจะมีหลายๆทีมอยู่ในนั้นการ
00:06:12 → 00:06:17 ประชุมพอพูดปั๊บเขาจะรู้สึกว่าคนในที่
00:06:17 → 00:06:22 ประชุมนั้นน่ะเราหาจุดจับผิดที่จะเล่นไอ้
00:06:22 → 00:06:24 คนที่พรีเซนต์อยู่ยังไง
00:06:24 → 00:06:26 อันนี้อันนี้เป็นแบบคิดไปเองใช่มั้ยครับ
00:06:26 → 00:06:29 จะเป็นสิ่งที่เขาเจออยู่ตลอดนะครับเค้าก็
00:06:29 → 00:06:33 เลยแบบเป็นความรู้สึกซึ่งบางทีจินตนาการ
00:06:33 → 00:06:34 อาจจะเป็นไปได้เหมือนที่คุณบีมบอกว่าเฮ้ย
00:06:34 → 00:06:36 บางคนคิดไปเองหรือเปล่าว่าคนอื่นกำลังจับ
00:06:36 → 00:06:37 ผิด
00:06:37 → 00:06:39 แต่ถ้าเกิดเราอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นนานพอ
00:06:39 → 00:06:42 มันจะมีจุดที่เราเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ยไม่
00:06:42 → 00:06:44 ใช่ที่ผ่านมาเราคิดไปเองเพราะทุกคนดูไม่
00:06:44 → 00:06:46 ได้มีใครจะทำอะไรกับเราทุกคนมีแต่ส่ง
00:06:46 → 00:06:48 เสริมให้เราแบบเอ้ยปรับปรุงตรงนี้พัฒนา
00:06:48 → 00:06:52 ตรงนั้นแต่ถ้าเกิดอยู่นานพอจนเห็นว่ามัน
00:06:52 → 00:06:55 มีคนที่แบบวิจารณ์แล้วด่าไปที่ตัวคนทำว่า
00:06:55 → 00:06:57 คุณไม่ได้เข้าใจคุณมากล่าวไว้อ่านหนังสือ
00:06:57 → 00:06:59 มาใหม่อะไรก็แล้วแต่แล้วพอหันไปที่หัว
00:07:00 → 00:07:03 หน้าหัวหน้าอาจจะไม่ปกป้องเรานอกจากไม่ปก
00:07:03 → 00:07:05 ป้องเราไม่พอนะบางอย่างที่เรานำเสนอหัว
00:07:05 → 00:07:09 หน้าเป็นคนสั่งแต่พอถึงเวลานำเสนอปั๊บหัว
00:07:09 → 00:07:11 หน้าไม่ช่วยบอกว่าเด็กมันทำร้อยลำไปแล้ว
00:07:12 → 00:07:13 เป็นไงครับ
00:07:13 → 00:07:16 เกิดความรู้สึกทั้งแบบเสียใจทั้งเสีย
00:07:16 → 00:07:20 ศูนย์ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ถูกปกป้องโดน
00:07:20 → 00:07:22 แทงโดนทำร้ายทางจิตใจอย่างเงี้ยครับแล้ว
00:07:22 → 00:07:25 บางทีเขาอยู่ในตำแหน่งที่เรียกว่าเหมือน
00:07:25 → 00:07:28 เป็นเด็กอ่ะเนาะจะมีคนที่แบบตำแหน่งสูง
00:07:28 → 00:07:30 กว่ามีอาวุโสกว่า
00:07:30 → 00:07:31 ความรู้สึกไม่สามารถเถียงหรือเอ่ยเสียง
00:07:31 → 00:07:35 ที่จะพูดความรู้สึกนี้ได้เป็นไงครับมัน
00:07:35 → 00:07:37 อัดกลับเข้าไป
00:07:37 → 00:07:40 หรือบางงานบางงานอันนี้เคยได้ยินว่าบาง
00:07:40 → 00:07:43 งานเนี่ยจะต้องมีการเซ็นลายเซ็นเพื่อรับ
00:07:43 → 00:07:46 รองว่าอันเนี้ยผ่านการอนุมัตินะแต่การรับ
00:07:46 → 00:07:48 ผิดชอบนั้นน่ะอาจจะไม่ถึงการรับผิดชอบ
00:07:48 → 00:07:50 เรื่องสวัสดิภาพรับผิดชอบเรื่องชีวิตหรือ
00:07:50 → 00:07:54 รับผิดชอบมูลค่าประมาณหลักร้อยล้านบาทการ
00:07:54 → 00:07:56 เซ็นชื่อเนี่ยคือรู้เลยว่าถ้าฉันลงนามไป
00:07:56 → 00:08:00 แล้วถ้าสิ่งนี้มันผิดพลาดโดยชั้นเนี่ยจะ
00:08:00 → 00:08:02 เป็นคนที่ต้องแบกรับภาระไอ้ตรงหนี้สินที่
00:08:02 → 00:08:05 มันเสียหายเนี่ยร้อยล้านบาทเป็นไงครับเออ
00:08:05 → 00:08:08 น่ากลัวมั้ยเออเพราะงั้นก็จะไม่อยากเข้า
00:08:08 → 00:08:09 ไปทำงาน
00:08:09 → 00:08:11 ทีนี้มันก็จะมีเรื่องของสภาพแวดล้อมทำงาน
00:08:11 → 00:08:14 ที่เป็นพิษแต่เงินเล็กๆที่บอกว่าถ้าเกิด
00:08:14 → 00:08:17 ชุมชนที่เราไปทำงานสังคมที่เราทำงานมีแต่
00:08:17 → 00:08:20 คนที่แบบคอยนินทาคอยเก็บข้อมูลเป็นเม้าท์
00:08:20 → 00:08:24 ต่อหรือเอาไปเชื่อมเอาไปฟ้องคนอื่นเป็นไง
00:08:24 → 00:08:25 ครับ
00:08:25 → 00:08:29 พวกนี้มันคือระดับการรุนแรงและความรุนแรง
00:08:30 → 00:08:31 ที่เกิดขึ้นจากจิตใจ
00:08:31 → 00:08:34 พอเกิดขึ้นปั๊บทีนี้พอจิตใจเราแบบคล้ายๆ
00:08:34 → 00:08:38 ถูกขยี้อย่างนี้
00:08:38 → 00:08:41 ไม่อยากไปเลยมันไม่น่าอยู่เลยไม่น่าอยู่
00:08:41 → 00:08:46 เลยซึ่งมันต้องแรงและเข้มและนานพอด้วยนะ
00:08:46 → 00:08:48 ที่จะทำให้คนคนหนึ่งรู้สึกผวานะครับในการ
00:08:48 → 00:08:50 จะไปทำงาน
00:08:50 → 00:08:53 ไม่ได้หมายความว่าเออเข้าไปใหม่ๆแล้วเจอ
00:08:53 → 00:08:55 เจอเหตุการณ์แบบนี้เลยรู้สึกว่าไม่ได้
00:08:55 → 00:08:57 อยากไปแต่ว่าบางทีมันอาจจะเกิดจากการที่
00:08:57 → 00:08:59 เราอยู่ตรงนั้นมาระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ได้
00:08:59 → 00:09:02 เรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบข้างสภาพแวดล้อม
00:09:02 → 00:09:05 รอบข้างแล้วทำให้เรากลัวใช่ครับเพราะ
00:09:05 → 00:09:07 อย่างคนเรียนเนี่ยคือโอเคแหละเราอาจจะมี
00:09:07 → 00:09:08 เนื้องานบางอย่างที่เอ้ยอันนี้ไม่ได้อยาก
00:09:08 → 00:09:11 ทำแต่ก็ต้องเข้าไปทำหรือบางทีเราอาจจะมี
00:09:11 → 00:09:12 เพื่อนร่วมงานที่เฮ้ยเราไม่อยากเข้าไป
00:09:12 → 00:09:15 นั่งกับคนแบบสไตล์นี้หน่อยอาจจะรู้สึกไม่
00:09:15 → 00:09:17 เข้ากันเราก็เลยแบบเตะถ่วงด้วยการนั่งรถ
00:09:17 → 00:09:18 อะไรเงี้ยฮะ
00:09:18 → 00:09:20 คืออันนี้มันอาจจะมีความรู้สึกว่าเออโอเค
00:09:20 → 00:09:22 มันเป็นสิ่งที่เราแบบถ้าเลี่ยงได้เราก็จะ
00:09:22 → 00:09:25 ได้มานั่งหายใจหายคอแต่ถ้าต้องเข้าไปทำ
00:09:25 → 00:09:28 ถ้าต้องรับผิดชอบทำได้แต่ถ้าเป็นคนระดับ
00:09:28 → 00:09:30 ที่โฟร์เปลี่ยนหรือกลัวพวกนี้ครับคือจะ
00:09:30 → 00:09:33 แบบไม่เลยจะหาข้ออ้างทุกอย่างในการจะไม่
00:09:33 → 00:09:35 เข้าแล้วมันมีอาการหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น
00:09:35 → 00:09:38 กับร่างกายกับจิตใจจนกระทั่งรู้สึกว่าทำ
00:09:38 → 00:09:40 งานไม่ไหวแล้วเรามีความเสี่ยงจะโดนไล่ออก
00:09:40 → 00:09:42 หรือแม้กระทั่งจะลาออกเองแล้วต้องไปนอน
00:09:42 → 00:09:45 อยู่บ้านไม่ทำงานแล้วอาจจะกระทบไปถึงขณะ
00:09:45 → 00:09:47 ที่ว่าถ้าออกจากงานนี้เราก็ไม่เหลือความ
00:09:47 → 00:09:49 มั่นใจอะไรอีกแล้วอ่ะครับจะไปสมัครงาน
00:09:49 → 00:09:50 อื่น
00:09:50 → 00:09:53 มันคือการแหยงชีวิตแหยงการทำงานไปเลย
00:09:53 → 00:09:55 อย่างเงี้ยครับแล้วกลายเป็นว่าจะพึ่งพา
00:09:55 → 00:09:58 ตัวเองไม่ได้เพราะว่ามันมีสิ่งเนี้ยที่กด
00:09:58 → 00:10:01 กดดันจิตใจเขาอยู่คือฟังอย่างเงี้ยตอนแรก
00:10:01 → 00:10:03 เนี่ยค่ะคุณเอิ้นคุณผู้ฟังค่ะไม่ได้คิด
00:10:03 → 00:10:06 ว่าเรามีเพื่อนหรือสิ่งแวดล้อมหรืออะไร
00:10:06 → 00:10:09 ที่มันไปถึงขนาดนั้นนะคะแต่พอมามองย้อนไป
00:10:09 → 00:10:12 จริงๆมีอยู่เคสนึงเหมือนกันนะเออเขาก็รับ
00:10:12 → 00:10:16 ราชการอยู่นะคะอนาคตก็โอ้ดีแหละนะคะปรากฏ
00:10:16 → 00:10:20 ว่าอาจจะรู้สึกไม่พึงพอใจกับหัวหน้างาน
00:10:21 → 00:10:22 อืม
00:10:22 → 00:10:27 สุดท้ายตัดสินใจลาออกเลยค่ะคือเราก็เอ๊ะ
00:10:27 → 00:10:30 ทำไมถึงถึงไปถึงขั้นการตัดสินใจว่าการรับ
00:10:30 → 00:10:35 ราชการอ่ะกว่าจะได้รับราชการ
00:10:35 → 00:10:38 เรารู้สึกเสียดายแทนเขานะคะแต่ว่าเราก็
00:10:38 → 00:10:40 ไม่ได้ไปถามเขาเพราะเขาไม่ได้อยู่ให้ถาม
00:10:40 → 00:10:43 ด้วยแหละว่าเออทำไมถึงแบบตัดสินใจแบบนั้น
00:10:43 → 00:10:45 หรือว่าแบบเอ้ยคิดใหม่ไหมหรืออะไรอย่าง
00:10:45 → 00:10:47 นี้ค่ะแต่ว่าเขาได้ตัดสินใจไปแล้วเพราะ
00:10:47 → 00:10:49 ฉะนั้นแสดงว่าอันนี้ก็น่าจะเป็นเคสที่
00:10:49 → 00:10:52 เป็นไปได้ว่าการที่เขาเจอหัวหน้างานที่
00:10:52 → 00:10:54 อาจจะรู้สึกว่าเฮ้ยไม่โอเค
00:10:54 → 00:10:57 ถ้างั้นฉันไปดีกว่าแต่อันนี้อาจจะไม่ได้
00:10:57 → 00:10:59 เรียกว่าโฟเบียก็ได้นะเขาอาจจะให้คล้ายมี
00:10:59 → 00:11:02 จุดที่ตั้งคำถามว่าตัวเองว่าเฮ้ยจริงๆตัว
00:11:02 → 00:11:05 ฉันมีทางเลือกอื่นที่ฉันสามารถหาอาชีพ
00:11:05 → 00:11:08 อื่นหาช่องทางการทำมาหากินอื่นที่ทำให้
00:11:08 → 00:11:10 ฉันยังชีพได้โดยที่ไม่ต้องแลกกับสุขภาพ
00:11:10 → 00:11:11 จิต
00:11:11 → 00:11:14 ต้องแยกให้ดีตรงที่ว่าบางคนออกเลยเงี้ย
00:11:14 → 00:11:17 ครับเอ่อไม่ทนอยู่ไม่ทนแล้วออกเขาอาจจะ
00:11:17 → 00:11:19 ไม่ได้โฟเบียก็ได้แต่เขาแค่รู้สึกว่า
00:11:19 → 00:11:20 ชีวิตเขาไม่จำเป็นต้องมานั่งทนอะไรอย่าง
00:11:20 → 00:11:22 เงี้ยเออ
00:11:22 → 00:11:24 ใช่ๆนั่นหมายความว่าเขาอาจจะเป็นความสุข
00:11:24 → 00:11:27 สุขภาพจิตดีก็ได้นะที่ที่รู้สึกว่าเฮ้ย
00:11:27 → 00:11:29 ไม่ใช่งั้นฉันไปแต่เรื่องนี้ต้องๆบอกว่า
00:11:29 → 00:11:31 เดี๋ยวจะหาว่าผมแบบพูดเข้าข้างไปข้าง
00:11:31 → 00:11:33 เดียวเนาะบางครั้งการไม่อดทนอาจจะหมายถึง
00:11:33 → 00:11:36 ไม่อดทนทุกที่เลยก็ได้นะสุดท้ายก็คือทำมา
00:11:36 → 00:11:38 หากินไม่ได้เลยก็มีเดี๋ยวก็ออกเดี๋ยวก็
00:11:38 → 00:11:39 ออกฉายนั่นหมายความว่าอาจจะเป็นคนที่รู้
00:11:39 → 00:11:42 สึกว่าอ่ะอาจจะมีความไม่สู้งานหรืออาจจะ
00:11:42 → 00:11:45 มีความรู้สึกเอ่อไม่สามารถค้นพบงานที่มี
00:11:45 → 00:11:48 ความหมายกับตัวเองก็ได้ก็เลยไม่อยากอดทน
00:11:48 → 00:11:50 กับอะไรเลยเพราะว่าอดทนในสิ่งที่ไม่มี
00:11:50 → 00:11:53 ความหมายก็ไม่รู้ทนไปทำไมอันนี้ก็จะสร้าง
00:11:53 → 00:11:55 ปัญหาชีวิตอีกแบบเหมือนกันแต่ถ้าเกิดเป็น
00:11:55 → 00:11:57 คนที่คล้ายๆโอเคเข้าไปเพื่อทดสอบว่าเอ้ย
00:11:57 → 00:12:00 ความรู้สึกเราเป็นยังไงแต่ตัวเขายังไม่
00:12:00 → 00:12:02 เคยหยุดเนาะที่จะทำมาหากินหรือไม่เคยหยุด
00:12:02 → 00:12:04 ที่จะแสวงหาว่าตกลงอะไรเหมาะกับฉันอ่า
00:12:04 → 00:12:07 โอเคพวกเนี้ยการลาออกอาจจะเป็นแค่ระหว่าง
00:12:07 → 00:12:08 ทางระหว่างที่เขากำลังค้นหาตัวเองก็ได้
00:12:09 → 00:12:11 อื้มแต่ถ้าแบบว่าเข้าขั้น phobia แล้วคือ
00:12:11 → 00:12:15 มันก็จะมันไปกว่าไม่อยากทำแล้วก็ความมั่น
00:12:15 → 00:12:18 ใจในการทำก็หายไปด้วยคือเหมือนกับว่าก็
00:12:18 → 00:12:20 ยังต้องทำอยู่แหละเพราะด้วยปัจจัยอะไรบาง
00:12:20 → 00:12:22 อย่างทำให้ต้องอยู่แล้วแต่ว่าอยู่แล้วก็
00:12:22 → 00:12:25 แบบเฮ้ยฉันทรมานมากเลยมันไม่ใช่
00:12:25 → 00:12:28 มันไม่เหมือน
00:12:28 → 00:12:31 มันมันไม่ใช่แค่ไม่มีความสุขนะแต่มันคือ
00:12:31 → 00:12:35 มันคือความทุกข์แท้ๆเลยหนักมากแล้วก็ไม่
00:12:35 → 00:12:37 สามารถจัดการตัวเองได้ถูกมั้ยไม่สามารถ
00:12:37 → 00:12:41 ที่จะแบบว่าเฮ้ยไม่เป็นไรมันใหม่แล้วสู้
00:12:41 → 00:12:43 ใหม่ไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหมหรืออาจจะสู้มัน
00:12:43 → 00:12:45 มันจนถึงที่สุดแล้วแต่ว่าเออไม่ไหวจริงๆ
00:12:45 → 00:12:47 ว่ะแล้วก็
00:12:47 → 00:12:50 ถึงขั้นแบบแขยงแล้วไม่อยากมาแต่ฉันต้องมา
00:12:50 → 00:12:52 อย่างเงี้ยใช่ครับทีนี้ผมกำลังจะชวนดูนิด
00:12:52 → 00:12:55 นึงผมได้ทำสรุปไว้ว่าเอ๊ะเรามีข้อสังเกต
00:12:55 → 00:12:57 อะไรบ้างนะที่ที่มันดูน่าจะเชื่อมโยงกับ
00:12:57 → 00:12:59 สิ่งนี้เดี๋ยวผมลองเล่าให้ฟังเนาะนะครับ
00:12:59 → 00:13:02 อย่างแรกก็คือแค่คิดว่าตัวเองจะต้องไปทำ
00:13:02 → 00:13:05 งานก็รู้สึกกังวลและ
00:13:05 → 00:13:09 วันจันทร์อะไรอย่างนั้นเนาะหรือกังวลว่า
00:13:09 → 00:13:11 ตัวเราครับจะต้องพบสิ่งแย่ๆเมื่อต้องไปทำ
00:13:11 → 00:13:13 งานคือแบบคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าไปทำงาน
00:13:13 → 00:13:15 ต้องเจอเรื่องแย่แน่ๆซึ่งอาจจะไม่ได้เจอ
00:13:15 → 00:13:17 ก็ได้อาจจะไม่เจอก็ได้แต่มันเป็นอะไรบาง
00:13:17 → 00:13:19 อย่างที่แบบมันฝังอยู่ในชุดความคิดของเรา
00:13:19 → 00:13:22 ว่าอาจจะต้องเจอแน่ๆแล้วคิดอย่างนี้ทุก
00:13:22 → 00:13:24 วันทุกวันเราทำงานสัปดาห์ละ 5 วันถึง 6
00:13:24 → 00:13:27 วันเนี่ยเราคิดอย่างนี้ทุกวันหูยทุกทรมาน
00:13:27 → 00:13:29 ทุกวัน
00:13:29 → 00:13:35 ต่อไปนะครับกลัวว่าตัวเองจะทำงานได้ไม่ดี
00:13:35 → 00:13:39 อันนี้รองรับนับเป็นข้อๆนะแบบ 10 กว่าข้อ
00:13:39 → 00:13:41 เลยแหละเดี๋ยวลองดูถ้าเกิดมีทุกข้อแสดง
00:13:41 → 00:13:43 ว่าเรากำลังมีปัญหาอะไร
00:13:43 → 00:13:46 อันนี้แค่ว่าไม่กี่ข้อก็ถือว่าน่าจะได้
00:13:46 → 00:13:47 แล้ว
00:13:47 → 00:13:49 ครับก็ถือว่ามีปัญหาแล้วเราอาจจะต้องมา
00:13:49 → 00:13:51 นั่งเคลียร์ใจเหมือนกันแต่นี่ลองดูก่อน
00:13:51 → 00:13:53 ว่ามีอะไรอีกบ้างนะอย่างเช่นเราอาจจะ
00:13:53 → 00:13:56 เลี่ยงการไปทำงานเพราะกลัวว่าจะต้องพบกับ
00:13:56 → 00:13:59 ความที่เห็นว่าตัวเองไร้ความสามารถ
00:13:59 → 00:14:01 เราไม่อยากไปทำงานเพราะว่าถ้าไปทำงานปั๊บ
00:14:01 → 00:14:02 มันต้องมีอะไรสักอย่างบอกว่าเราไม่เก่ง
00:14:02 → 00:14:04 บอกว่าเราไร้ความสามารถ
00:14:04 → 00:14:07 แล้วเราก็จะตัวกันถูกประเมิน
00:14:07 → 00:14:10 ว่าประเมินผลแล้วแบบไม่ผ่านประเมินแล้ว
00:14:10 → 00:14:13 ไม่ดีกลัวถูกวิจารณ์ในการประเมิน
00:14:13 → 00:14:15 หรือบางคนนะครับอันนี้ได้ยินบ่อยในยุคยุค
00:14:15 → 00:14:18 นี้เลยเนาะที่เราทำงานผ่าน Line
00:14:18 → 00:14:20 เวลาได้ยินเสียงไลน์เสียงโทรศัพท์เสียง
00:14:20 → 00:14:22 ข้อความ
00:14:22 → 00:14:25 ในหัวมันจะเชื่อมโยงกับเรื่องงานใช่แล้ว
00:14:25 → 00:14:28 เกิดความผวาว่างานอะไรมาถึงชั้นอีกแล้ว
00:14:28 → 00:14:31 ใช้คำว่าหลอนเถอะหลอนมันคือหลอนอันนี้ข้อ
00:14:31 → 00:14:34 นี้ผมเจอบ่อยแบบทุกอย่างส่งมาที่ LINE
00:14:34 → 00:14:37 เนาะส่งกลางคืนและหัวหน้าสั่ง 4 ทุ่มบอก
00:14:37 → 00:14:42 เอาพรุ่งนี้เช้าเอาเวลาไหนก่อน
00:14:42 → 00:14:45 หรืออาจจะมีความกลัวกังวลบางอย่างไม่สม
00:14:45 → 00:14:49 เหตุสมผลเกี่ยวงานเช่นงานต้องพังแน่ๆงาน
00:14:49 → 00:14:52 มันต้องแบบถูกจัดมาเพื่อทำให้ฉันชีวิตแย่
00:14:52 → 00:14:55 แน่ๆอะไรก็ตามพวกนี้ครับมันคือการเชื่อม
00:14:55 → 00:14:58 โยงที่เริ่มไม่ปกติแล้วมันก็คนละแบบกัน
00:14:58 → 00:15:01 ที่ว่าเวลาเราทำเรามีงานอะไรสักอย่างแล้ว
00:15:01 → 00:15:03 รู้สึกว่าเฮ้ยฉันทำไม่ได้แน่หรืออะไรมัน
00:15:03 → 00:15:07 เหมือนดูมันจะคนละคน
00:15:07 → 00:15:09 ถ้าฉันทำไม่ได้แน่เลยเนี่ยบางทีมันเกี่ยว
00:15:09 → 00:15:12 ข้องกับความไม่มั่นใจในตัวเองแต่บางที
00:15:12 → 00:15:14 ความไม่มั่นใจในตัวเองเนี่ยมันอาจจะเกิด
00:15:14 → 00:15:15 ขึ้นมาจากการประเมินแล้วก็ได้นะว่า
00:15:15 → 00:15:18 ศักยภาพเราความชำนาญของเราเนี่ยมันอยู่
00:15:18 → 00:15:21 ระดับนี้เรารู้ตัวเองดีอยู่แต่ตัวเนื้อ
00:15:21 → 00:15:23 งานเนี่ยมันถูกส่งมาในแบบที่เราไม่ได้
00:15:23 → 00:15:25 ชำนาญและเราไม่รู้จักเนื้องานนี้เลยบางที
00:15:25 → 00:15:27 การไม่มั่นใจว่าเราทำงานนี้ไม่ได้เนี่ย
00:15:27 → 00:15:30 อาจจะเกิดขึ้นจากการประเมินตามจริงก็ได้
00:15:30 → 00:15:33 ถูกมั้ยฮะแต่พอเป็นแบบนั้นปุ๊บคือไม่ว่า
00:15:33 → 00:15:36 งานจะแบบพอดีกับตัวตัวเองทำได้อยู่แล้ว
00:15:36 → 00:15:38 อะไรก็ตามในหัวจะคิดเลยว่าจะต้องเกิด
00:15:38 → 00:15:41 ผลแย่ๆหรือทำได้ไม่ดีแน่ๆเลยก็เป็นลบไป
00:15:41 → 00:15:43 หมดเลย
00:15:43 → 00:15:47 ถ้าเกิดได้ออกหนีออกจากงานอย่างใดอย่าง
00:15:47 → 00:15:49 หนึ่งจะรู้สึกสบายใจ
00:15:49 → 00:15:50 หนีแบบไหนอ่ะ
00:15:51 → 00:15:53 เหมือนกับปฏิเสธงานโยนงานให้คนอื่นไร
00:15:53 → 00:15:57 เงี้ยครับสบายใจเฮ้ยได้ด้วยเหรอทีนี้ถ้า
00:15:57 → 00:15:59 เกิดมีอาการหน้าซีดด้วยมือเย็นปวดท้องนะ
00:15:59 → 00:16:02 ครับคล้ายจะเป็นลมหรือบางคนจะมีความ
00:16:02 → 00:16:05 เครียดระดับที่ดึงผมดึงผมหลุดเป็นแบบ
00:16:05 → 00:16:09 หย่อมๆครับหรือกัดเล็บหนักจนเล็บฉีก
00:16:09 → 00:16:12 พวกนี้ก็เป็นอาการของคนที่เป็นโฟเบีย
00:16:12 → 00:16:14 เหมือนกันกลัวการทำงานกลัวระดับที่ว่า
00:16:14 → 00:16:16 โอ้โหมันเกิดอาการทางระบบประสาทเลยแหละ
00:16:16 → 00:16:19 บางคนก็อาจจะเป็นแบบคล้ายๆปวดท้องอยากจะ
00:16:19 → 00:16:23 อาเจียนก็มีคลื่นไส้
00:16:23 → 00:16:24 [เพลง]
00:16:24 → 00:16:27 ต้องไปเจออะไรขนาดไหนถึงได้ทำให้เขาได้
00:16:27 → 00:16:30 เป็นได้ขนาดนี้อ่ะใช่ครับ
00:16:30 → 00:16:33 มันอยู่ที่ว่าเขาไปเจอเรื่องอะไรที่ทำงาน
00:16:33 → 00:16:35 ซึ่งแน่นอนอย่างที่ผมเล่าให้ฟังเนาะ
00:16:35 → 00:16:39 เรื่องที่ทำงานจะต้องกระทบตัวตนของเขาคุณ
00:16:39 → 00:16:41 ค่าของเขาหรือความรู้สึกมั่นใจหรือความ
00:16:41 → 00:16:43 รู้สึกปลอดภัยกับตัวเอง
00:16:43 → 00:16:46 ผมมั่นค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่กลัวการทำ
00:16:46 → 00:16:49 งานนะฮะมักจะเจอสิ่งนี้แหละแล้วอันนี้
00:16:49 → 00:16:53 ภาวะแบบนี้โรคกลัวการทำงานเนี่ยมันไม่ได้
00:16:53 → 00:16:55 เกิดขึ้น
00:16:55 → 00:16:59 ในแบบฉับพลันทันใดหมายความว่าเอ่ออาจจะทำ
00:16:59 → 00:17:01 งานมาระยะเวลานึงไปแล้ว
00:17:01 → 00:17:04 อ๋อเพราะโดยพื้นฐานคนเรามันจะมีเรียกว่า
00:17:04 → 00:17:06 การฟื้นฟื้นคืน
00:17:06 → 00:17:10 ภาษาอังกฤษเรียกว่าก็คือหมายถึงว่าเมื่อ
00:17:10 → 00:17:12 เราโดนอะไรกระทบปั๊บโดยพื้นฐานคนเราจะมี
00:17:12 → 00:17:15 ศักยภาพในการฟื้นตัวเองกลับมา
00:17:15 → 00:17:19 เช่นสมมุติเราเสียคนที่เรารักเราอาจจะเฟล
00:17:19 → 00:17:21 อยู่ช่วงนึงเลยเสียส่วนช่วงหนึ่งแต่สุด
00:17:21 → 00:17:23 ท้ายเราจะมีศักยภาพในการกลับมาได้ถูกไหม
00:17:23 → 00:17:28 ครับหรือผิดหวังสอบตกเลิกกับแฟนรถเสียบลา
00:17:28 → 00:17:33 ๆทั้งหมดพอเจอปั๊บเราจะกลับมาได้แต่คน
00:17:33 → 00:17:36 กลุ่มนี้จะกลับมายาก
00:17:36 → 00:17:38 จมแล้วจมเลย
00:17:38 → 00:17:41 นะแต่เพียงแค่ว่าเรื่องนี้ครับสิ่งที่เรา
00:17:41 → 00:17:43 จะต้องชวนเขา
00:17:43 → 00:17:46 จัดการเรื่องนี้ก็คือเขาต้องเข้าใจก่อน
00:17:46 → 00:17:50 ว่าบางครั้งนะครับจุดที่เขาอยู่ได้ดีมัน
00:17:50 → 00:17:53 จะมีสภาพแวดล้อมจำเพาะแบบหนึ่งคำว่า
00:17:53 → 00:17:56 จำเพาะก็คือเฉพาะนั่นแหละโดยพื้นฐานนะ
00:17:56 → 00:17:59 ครับถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้าง
00:17:59 → 00:18:01 ปลอดภัยอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เอื้อเฟื้อ
00:18:01 → 00:18:04 ต่อกันนะครับความรู้สึกกลัวหรือความไม่
00:18:04 → 00:18:05 อยากไปทำงานมันจะไม่ค่อยเกิดขึ้นหรอก
00:18:05 → 00:18:08 เพราะเราจะรู้สึกว่าทุกครั้งที่ได้ไปทำ
00:18:08 → 00:18:10 งานเหมือนเจอเพื่อนเหมือนเจอญาติผู้ใหญ่
00:18:10 → 00:18:12 เหมือนเจอคนที่เราไปแล้วแบบมันมีความสนุก
00:18:12 → 00:18:15 หรือได้บางอย่างในชีวิตกลับมาเป็นกำไร
00:18:15 → 00:18:17 ชีวิตนอกจากงานนอกจากแค่เงินอย่างนี้ครับ
00:18:17 → 00:18:20 ถ้าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าโอกาสที่เรา
00:18:20 → 00:18:23 จะกลัวที่เราจะ Panic ที่เราจะผวาจากการ
00:18:23 → 00:18:26 ไปทำงานมันแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยแต่สภาพ
00:18:26 → 00:18:28 แวดล้อมที่มีแต่การทิ่มแทงมีแต่คนรอถือ
00:18:28 → 00:18:32 มีดอยู่ข้างหลังหล่อเลยขาเก้าอี้รอฟ้องรอ
00:18:32 → 00:18:34 กลั่นแกล้งอย่างนี้ครับรอวิจารณ์รอด่า
00:18:34 → 00:18:37 อย่างเงี้ยครับพวกนี้เกิดสภาพแวดล้อมที่
00:18:37 → 00:18:39 เราเหมือนเข้าไปสงครามทุกวัน
00:18:39 → 00:18:41 แต่เป็นสงครามที่เราเข้าไปตัวเปรยๆไม่มี
00:18:41 → 00:18:43 เกราะสมมุติถ้าเราเป็นคนป้องกันตัวเองไม่
00:18:43 → 00:18:47 เก่งนะครับเราก็จะโดนยิงทุกวันคุณกลับมา
00:18:47 → 00:18:50 ด้วยโดนแทงโดนคุณทุกวันแต่ถ้าบางคนอยู่
00:18:50 → 00:18:53 ได้เขาจะปรับตัวให้เป็นคนกล้านมากขึ้นเขา
00:18:53 → 00:18:55 ก็จะชัดใส่คนอื่นเหมือนกัน
00:18:55 → 00:18:57 เอ้อมันๆก็ไม่มันจะดีไหมเนี่ยหรือบางคน
00:18:57 → 00:18:59 อาจจะเป็นคนลอยตัวช่างมันซึ่งแน่นอนครับ
00:18:59 → 00:19:01 สภาพแวดล้อมแบบนี้ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว
00:19:01 → 00:19:04 มันเลยทำให้วัฒนธรรมองค์กรนะครับเลยเป็น
00:19:04 → 00:19:07 สิ่งสำคัญมากๆนะในยุคนี้ที่นักจิตวิทยา
00:19:07 → 00:19:09 หลายๆท่านนักจิตวิทยาอุตสาหกรรม
00:19:09 → 00:19:11 ที่เป็นเรื่ององค์การเงี้ยเนอะเขาจะให้
00:19:11 → 00:19:14 ความสำคัญว่าวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่
00:19:14 → 00:19:18 สำคัญมากๆที่มีผลต่อสภาพจิตใจคนทำงานการ
00:19:18 → 00:19:21 อยู่ได้นานความร่วมมือร่วมใจในงานและ
00:19:21 → 00:19:24 ประสิทธิภาพในตัวงานด้วยถ้าเกิดองค์กรดี
00:19:24 → 00:19:28 ชุมชนดีอย่างนี้ครับคนจะมีความให้ใจกับ
00:19:28 → 00:19:30 องค์กรมากขึ้นจะมีความรู้สึกรักและผูกพัน
00:19:30 → 00:19:33 กับองค์กรมากขึ้นและเขาจะไม่ต้องภาว้า
00:19:33 → 00:19:35 พะวงว่าต้องปกป้องตัวเองไหมเพราะบางทีการ
00:19:35 → 00:19:38 ป้องกันตัวเองเป็นการดึงความใส่ใจหรือดึง
00:19:38 → 00:19:41 พลังงานบางอย่างมาเพื่อปกป้องตัวเองแต่
00:19:41 → 00:19:43 ถ้าเกิดไม่มีอะไรต้องปกป้องอ่ะครับเขาจะ
00:19:43 → 00:19:46 ดึงพลังงานทุกอย่างมาใช้ในทางช้างสารแล้ว
00:19:46 → 00:19:48 เมื่อใช้ทางสร้างสรรค์ปั๊บทุกอย่างก็จะ
00:19:48 → 00:19:51 งอกงามเจริญขึ้นเออมันคือการใช้พลังเพื่อ
00:19:51 → 00:19:53 การสร้างสรรค์ให้เต็มที่โดยที่ไม่ต้อง
00:19:53 → 00:19:55 หวาดกลัวครับอ้าวแต่คนหวัดกลัวจะเซฟตัว
00:19:55 → 00:19:57 เองก่อนเพราะงั้นเค้าจะใช้พลังทุกอย่าง
00:19:57 → 00:19:59 เพื่อปกป้องตัวเองก่อนอ่าเรื่องการปกป้อง
00:19:59 → 00:20:02 ตัวเองมันเป็นเรื่องที่ปกตินะทุกคนก็เป็น
00:20:02 → 00:20:05 ทั้งนั้นแหละแต่ว่าแต่ถ้าแบบว่าโอ้โหจน
00:20:05 → 00:20:07 กระทั่งมีผลกระทบหรืออะไรเงี้ยมันอาจจะ
00:20:07 → 00:20:11 ไม่ใช่ปกติเราก็ได้นะถ้าอย่างเงี้ยมันจะ
00:20:11 → 00:20:13 แก้ไขอะไรยังไงได้ไหม
00:20:13 → 00:20:15 โดยส่วนใหญ่อ่ะครับผมจะชวนเขาดูก่อนว่า
00:20:15 → 00:20:18 ที่ทำงานปัจจุบันของเขาอ่ะใช้ที่ที่เขา
00:20:18 → 00:20:21 ควรอยู่จริงหรือเปล่าอ๋ออ๋อให้คือแบบว่า
00:20:21 → 00:20:24 ดูความเป็นจริงที่เกิดขึ้นใช่ครับก็ต้อง
00:20:24 → 00:20:27 บอกว่าอย่างนี้แต่ละคนนะครับจะมีศักยภาพ
00:20:27 → 00:20:31 หรือความพร้อมหรือความถึกของจิตใจเนี่ยใน
00:20:31 → 00:20:33 การรับมือหรือสถานการณ์กดดันพวกนี้ได้ไม่
00:20:33 → 00:20:34 เท่ากัน
00:20:34 → 00:20:37 คนบางคนเกิดมาแบบคล้ายๆเป็นคนช่างทุก
00:20:37 → 00:20:37 อย่าง
00:20:37 → 00:20:42 เออเพื่อนร่วมงานแย่หัวหน้าชั่วร้ายช่าง
00:20:42 → 00:20:45 มันฉันมาเอาเงินบางคนจิตใจแข็งแกร่งลอย
00:20:45 → 00:20:48 ตัวเหนือปัญหาได้เขาจะอยู่ได้แต่ผมก็ไม่
00:20:48 → 00:20:49 ได้เชียร์หรอกนะแต่เรียกว่าเขาพออยู่ได้
00:20:49 → 00:20:52 แต่บางคนเป็นคนที่จิตใจคล้ายๆค่อนข้างแบบ
00:20:52 → 00:20:55 เปราะบางอยู่แล้วเป็นทุนเดิมนะครับหรือ
00:20:55 → 00:20:57 เป็นคนที่ค่อนข้างแคร์คนอื่นมากเป็นคน
00:20:57 → 00:20:59 เดิมและยังไม่ได้แบบอยู่ในจุดที่จะสามารถ
00:21:00 → 00:21:01 เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนช่างมันได้
00:21:01 → 00:21:04 หรือเป็นคนที่แบบจู่ๆก็แข็งกร้าวขึ้นมา
00:21:04 → 00:21:06 ได้บางทีตรงเนี้ยเค้าจำเป็นต้องถอยอ่ะ
00:21:06 → 00:21:09 ครับเพราะงั้นการถอยไม่ได้หมายความว่าเรา
00:21:09 → 00:21:10 หนีปัญหานะ
00:21:10 → 00:21:13 แต่เป็นการเผชิญหน้าด้วยการประเมินตาม
00:21:13 → 00:21:17 จริงแล้วว่าถ้ากองไฟมันใหญ่ระดับนี้การ
00:21:17 → 00:21:20 อยู่ต่อมีแต่เรามอดไหม
00:21:20 → 00:21:24 คือไม่เป็นไรเราเผาตัวเราเองด้วยใช่ครับ
00:21:24 → 00:21:26 เราอยู่ตรงนั้นให้ไฟมันเผาเราเล่นน่ะตอน
00:21:26 → 00:21:28 นั้นถ้าเรารู้สึกว่าชีวิตมีทางเลือกเรามี
00:21:28 → 00:21:31 ทางไปต่อบางทีการเปลี่ยนงานเพื่อไปหาสภาพ
00:21:31 → 00:21:34 แวดล้อมงานที่ดีกว่าอาจจะเป็นคำตอบก็ได้
00:21:34 → 00:21:37 แล้วถ้าเกิดไม่มีทางไปอ่ะทำไงไม่มีทางไป
00:21:37 → 00:21:39 ก็ต้องย้อนกลับมาปรับที่จิตใจครับว่าเรา
00:21:39 → 00:21:42 จะมีวิธีคิดยังไงบ้างหรือมีวิธีหลบเลี่ยง
00:21:42 → 00:21:45 หรือหาตัวช่วยยังไงได้บ้างย้ายแผนกองค์กร
00:21:45 → 00:21:49 นั้นพอได้ให้แบบพอได้ให้พอได้เพราะงั้น
00:21:49 → 00:21:51 นั่นหมายความว่าทางเลือกเราจะต้องค่อยๆลด
00:21:51 → 00:21:56 หลั่นลงมาตามเขาเรียกว่าตามปัจจัยตามสิ่ง
00:21:56 → 00:21:59 สนับสนุนถ้าสิ่งสนับสนุนไม่มีแล้วถ้าออก
00:21:59 → 00:22:02 มาอดตายแน่ไม่ใช่อดตายคนเดียวนะที่บ้าน
00:22:02 → 00:22:05 ตายหมดอย่างนี้ฮะก็ต้องหาวิธีว่าเราจะพอ
00:22:05 → 00:22:08 มีตัวช่วยอะไรบ้างมั้ยในที่ทำงานที่จะทำ
00:22:08 → 00:22:12 ให้เราพอได้รับใบบุญพึ่งใบบุญเขาได้หรือ
00:22:12 → 00:22:15 ถ้าไม่มีเราจะหันกลับมาปรับวิธีคิดหรือ
00:22:15 → 00:22:17 mindset เรายังไงนะในการรับมือกับคนพวก
00:22:17 → 00:22:20 เนี้ยให้เราพอประคองอยู่ได้ก่อนชั่วคราว
00:22:20 → 00:22:22 เนาะ
00:22:22 → 00:22:25 จนกว่าเราจะสามารถพัฒนาทักษะใหม่หรืออาจ
00:22:25 → 00:22:27 จะเจอที่ทำงานใหม่ที่ไปได้แล้วมันมีโอกาส
00:22:27 → 00:22:31 ได้ไปได้ดีกว่าครับถ้าอย่างนี้จะเห็นใน
00:22:31 → 00:22:36 บางหน่วยงานที่เขาสามารถแบบ
00:22:36 → 00:22:41 ย้ายได้ย้ายได้ย้ายแผนกย้ายสังกัดเนาะ
00:22:41 → 00:22:45 มันโอเคขึ้นแต่บางคนก็ย้ายไม่ได้เหมือน
00:22:45 → 00:22:48 กันนะ
00:22:48 → 00:22:52 แล้วการที่เผชิญอย่างนี้นานๆนานๆมากๆเข้า
00:22:52 → 00:22:55 โดยที่โอ้โหไม่ได้มีทางเลือกอื่นเลยหรือ
00:22:55 → 00:22:57 ทำอะไรได้มากกว่านี้
00:22:57 → 00:23:01 มันจะสะสมไปถึงอะไรได้บ้างไหมก็มันจะ
00:23:01 → 00:23:03 พัฒนาไปถึงโรคซึมเศร้าอะไรก็ได้ครับ
00:23:03 → 00:23:05 [เพลง]
00:23:05 → 00:23:09 ว่าแต่ละคนมีเขาเรียกว่าความพร้อมของจิต
00:23:09 → 00:23:12 ใจในการรับมือไม่เท่ากันคนบางคนเป็นจิตใจ
00:23:12 → 00:23:14 แข็งแกร่งแต่เด็กไม่มีใครโยกอะไรเขาได้
00:23:14 → 00:23:16 ต่อให้สภาพแวดล้อมมันแย่ยังไงก็ตามไม่มี
00:23:16 → 00:23:17 ใครโยกได้
00:23:17 → 00:23:20 บางคนเกิดมาพร้อมกับคุณสมบัตินั้นคนแบบ
00:23:20 → 00:23:23 นี้จะอยู่ได้ถูกไหมครับแต่จะมีบางคนที่
00:23:23 → 00:23:26 แบบคาแรคเตอร์พื้นฐานจิตอ่อน
00:23:26 → 00:23:29 ตรงนี้จะอยู่ยากนิดนึงเพราะฉะนั้นคำแนะนำ
00:23:29 → 00:23:32 พวกนี้ครับมันเลยต้องถูกเพราะๆว่าจัดวาง
00:23:32 → 00:23:36 ให้พอดีกับเจ้าตัวเพราะถ้าเป็นคนที่อยู่
00:23:36 → 00:23:40 ได้แม้ไม่มีทางเลือกแต่เขาจะอยู่ได้
00:23:40 → 00:23:43 ถ้าสมมุติว่าแบบการอยู่ตรงนั้นมานานๆแล้ว
00:23:43 → 00:23:47 อ่ะมันไม่สามารถที่เขาจะสามารถ
00:23:47 → 00:23:50 มาจัดการได้ในที่สุดแล้วแบบว่าตกตะกอน
00:23:50 → 00:23:52 แล้วแบบเฮ้ยในเมื่อมันไปอะไรได้มากกว่า
00:23:52 → 00:23:55 นี้ไม่ได้แล้วไปก็ไม่ได้มันก็ต้องเผชิญ
00:23:55 → 00:23:59 อยู่อ่ะฉันก็คิดได้แล้วหรือว่าต้องปรับ
00:23:59 → 00:24:03 ตัวเองอะไรยังไงมันเป็นไปได้ไหม
00:24:03 → 00:24:05 แต่เขาต้องเรียนรู้พฤติกรรมแบบไหนเช่น
00:24:06 → 00:24:08 สมมุติที่ผ่านมาเขาถูกต่อว่าอยู่ฝ่าย
00:24:08 → 00:24:09 เดียว
00:24:09 → 00:24:11 บางทีเขาต้องเริ่มเป็นฝ่ายรุกไล่ให้ต่อ
00:24:11 → 00:24:12 ว่ากลับไปบ้าง
00:24:12 → 00:24:13 เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ตัวเล็ก
00:24:13 → 00:24:15 อยู่ฝ่ายเดียวอ่ะเดี๋ยวเขาก็ว่าก้าวร้าว
00:24:15 → 00:24:18 เปล่าไม่เป็นไรถ้า 9 ล้านก็ต้องไปชนแล้ว
00:24:18 → 00:24:21 ก็ต้องเผชิญหน้าจากเกล็ดวันจันทร์เป็นวัน
00:24:21 → 00:24:23 อังคารแทนนะ
00:24:23 → 00:24:26 ไม่ใช่นะเพราะงั้นเรื่องนี้บางทีมันอาจจะ
00:24:27 → 00:24:28 แบบไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเหมือนที่ผม
00:24:28 → 00:24:31 ย้ำมันอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดแต่
00:24:31 → 00:24:34 เรียกว่ามันพอทำได้บนเงื่อนไขที่เรา
00:24:34 → 00:24:35 จำเป็นต้องอยู่
00:24:35 → 00:24:37 เพราะงั้นบางครั้งอ่ะครับในเหตุการณ์ที่
00:24:37 → 00:24:40 มันแบบไม่สามารถย้ายได้เราอาจจะต้อง
00:24:40 → 00:24:42 เปลี่ยนจากคนที่อ่อนแอกลายเป็นคนที่ก้าว
00:24:42 → 00:24:44 ร้าวขึ้นมาโดยบางจังหวะเหมือนกันเพื่อให้
00:24:44 → 00:24:46 อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่สามารถทำอย่างนี้กับ
00:24:46 → 00:24:48 เราได้ตลอดเวลานะและถ้าเขาทำเขาต้องโดน
00:24:48 → 00:24:51 อะไรกลับไปบ้างแล้วเขาจะทำให้อีกฝ่ายรู้
00:24:51 → 00:24:55 สึกเรียกว่าต้องชะงักไปบ้างพวกนี้ก็จะ
00:24:55 → 00:24:58 ชะลอให้เราไม่ต้องโดนไปด้วยครับคือไม่ได้
00:24:58 → 00:25:00 มาแบบว่าถ้าคนเป็นลักษณะแบบนี้เราจะต้อง
00:25:00 → 00:25:03 ทำแบบนี้แล้วมันถึงจะเห็นผลว่าเออฉัน
00:25:03 → 00:25:05 สามารถอยู่ได้นะให้เราตัวใหญ่ขึ้นไม่ใช่
00:25:05 → 00:25:08 แบบนั้นนะแต่มันอาจจะมีวิธีอื่นที่ผิวมัน
00:25:08 → 00:25:12 แบบเอ้ยเราอาจจะปรับ mindset หรือว่าเฮ้ย
00:25:12 → 00:25:15 มุมมองใหม่หรือปล่อยช่างมันทำเป็นหูทวนลม
00:25:15 → 00:25:17 ก็ได้เพราะว่าเรื่องนี้นะครับสุดท้ายคำ
00:25:17 → 00:25:19 แนะนำเนาะมันจะไม่มีสูตรไหนต่อหรอกสุด
00:25:19 → 00:25:21 ท้ายมันต้องประเมินหน้างานหมดทั้งเจ้าตัว
00:25:21 → 00:25:24 ที่อยู่สภาพแวดล้อมที่เขาอยู่เพราะงั้น
00:25:24 → 00:25:26 ไอ้คำว่าต้องตอบโต้กับต้องก้าวร้าวเนี่ย
00:25:26 → 00:25:31 มันอาจจะใช้ได้ผลจริงบางบริบทแต่บางบริบท
00:25:31 → 00:25:35 ยิ่งทำอย่างนั้นน่ะยิ่งยิ่งเละเลยก็มีบาง
00:25:35 → 00:25:37 ทีการปล่อยวางแล้วก็ทำช่างมันไปอาจจะเป็น
00:25:37 → 00:25:40 ทางออกของอีกบริบทนึงก็ได้
00:25:40 → 00:25:41 เพราะงั้นทุกอย่างต้องประเมินนะครับว่า
00:25:41 → 00:25:43 เรากำลังสู้กับใครโอ้โหถ้าสู้เราไม่คุ้ม
00:25:43 → 00:25:45 อย่าไปสู้
00:25:45 → 00:25:48 แต่ถ้าสู้แล้วแบบเห็นว่าการสู้นี้มีโอกาส
00:25:48 → 00:25:50 ที่จะเปลี่ยนแปลงได้และคุ้มค่าที่จะสู้ก็
00:25:50 → 00:25:52 ต้องสู้ครับเพราะไม่งั้นแพทเทิลนี้ก็ไม่
00:25:52 → 00:25:56 เปลี่ยนมันไม่สำคัญเราก็ได้แค่กว้างๆอ่ะ
00:25:56 → 00:25:58 เนอะเราไม่สามารถเพราะทุกอย่างมันไม่ได้
00:25:58 → 00:26:01 มีเป็นแบบต้องทำอะไร 1 2 3 4 แล้วจะ
00:26:01 → 00:26:04 เห็นผลแบบนี้ไม่ใช่เลยก็ตามสิ่งนี้ที่เรา
00:26:04 → 00:26:07 เป็นเนอะกลัวการทำงานควรได้รับการแก้ไข
00:26:07 → 00:26:09 หรือว่าควรเข้าไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับ
00:26:09 → 00:26:11 เราเพราะสุดท้ายครับชีวิตที่เราอยู่ได้ดี
00:26:11 → 00:26:13 นะมันคือชีวิตที่ใจสงบแล้วมันไม่ต้องมา
00:26:13 → 00:26:15 นั่งหวาดกลัวอะไรอ่ะอีกอย่างนึงการทำงาน
00:26:15 → 00:26:17 มันเป็นส่วนสำคัญของการหาเลี้ยงชีพครับ
00:26:17 → 00:26:19 ถ้าเรามีปัญหากับการต้องไปหาเลี้ยงชีพ
00:26:19 → 00:26:21 แล้วอยู่กับความหวาดกลัวทั้งวันสุดท้าย
00:26:21 → 00:26:23 วันหนึ่งมันจะตัดช่องทางทำมาหากินเราไป
00:26:23 → 00:26:25 ด้วยเพราะใจเราไม่พร้อมจะไปทำงานนะครับ
00:26:25 → 00:26:28 แล้วก็นำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ใน
00:26:28 → 00:26:31 ส่วนนี้กรณีรุนแรงเลยครับล้มคนเดียวกลาย
00:26:31 → 00:26:33 เป็นล้มทั้งบ้านไปเลยนะอืมเพราะฉะนั้นก็
00:26:33 → 00:26:36 เออโรคนี้มีอยู่นะแต่ว่าเราอาจจะไม่ค่อย
00:26:36 → 00:26:38 ได้เจอไม่ค่อยได้เห็นแต่มันมีอยู่จริง
00:26:38 → 00:26:39 อยู่จริงๆ
00:26:39 → 00:26:41 เราจะไม่เป็นคนกลัวการทำงานในวันจันทร์
00:26:41 → 00:26:45 ใช่ไหมถ้าเรามีความสุขกับการตื่นไปแล้ว
00:26:45 → 00:26:49 อ้อเราชอบงานแบบนี้จังเจอแบบนี้ดีจังเลย
00:26:49 → 00:26:52 ใช่ไม่ได้ประชดขอให้ทุกคนเจอสภาพแวดล้อม
00:26:52 → 00:26:55 นั้นฮะสาธุ
00:26:55 → 00:26:59 เพราะว่าจริงๆแล้วก็น่าจะเป็นทางที่ดีให้
00:26:59 → 00:27:02 เรามีความสุขเถอะใช่ครับในแต่ละวันเริ่ม
00:27:02 → 00:27:04 ต้นด้วยความสุขกันต่อไปนะคะวันนี้ขอบคุณ
00:27:04 → 00:27:07 คุณเอิ้นค่ะครับสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะ
00:27:07 → 00:27:09 คุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรง
00:27:09 → 00:27:12 หมอทาง Thai PBS podcast วันนี้ลาไป
00:27:12 → 00:27:16 ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ
00:27:16 → 00:27:19 ดัชนีมวลกายสำหรับคนไทยอยู่ที่ตัวเลขอะไร
00:27:19 → 00:27:21 จึงจะปลอดภัยไม่กลายเป็นโรคอ้วนส่วนโรค
00:27:21 → 00:27:24 อ้วนทุกคนพลาดเสี่ยงอะไรบ้างแต่แพทย์
00:27:24 → 00:27:26 เสถียรพงษ์จันทวิบูลย์จากโรงพยาบาล
00:27:26 → 00:27:28 ราชวิถีมาเล่าให้ฟังครับ
00:27:28 → 00:27:32 จริงๆโรคอ้วนเนี่ยถ้านิยามจริงๆก็คือเป็น
00:27:32 → 00:27:35 ภาวะที่ร่างกายเนี่ยมีภาวะไขมันสะสมมาก
00:27:35 → 00:27:37 ผิดปกตินะครับซึ่งมันจะทำให้เกิดปัญหา
00:27:37 → 00:27:41 ต่างๆตามมาเช่นเป็นโรคเบาหวานโรคความดัน
00:27:41 → 00:27:45 โลหิตสูงโรคไขมันพอกตับโรคหยุดหายใจขณะ
00:27:45 → 00:27:47 นอนหลับหรือว่ามีความเสี่ยงที่จะเพิ่ม
00:27:47 → 00:27:50 โอกาสในการเป็นมะเร็งต่างๆเช่นมะเร็งเต้า
00:27:50 → 00:27:52 นมรวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยการที่จะบอก
00:27:52 → 00:27:56 เป็นโรคอ้วนเนี่ยเราอาจจะใช้เรื่องของค่า
00:27:56 → 00:27:59 ดัชนีมวลกายในการวัดดูนะครับโดยปกติค่า
00:27:59 → 00:28:02 ดัชนีมวลกายเนี่ยเราจะใช้เป็นค่าน้ำหนัก
00:28:02 → 00:28:05 เป็นกิโลกรัมนะครับหารด้วยส่วนสูงเป็น
00:28:05 → 00:28:08 เมตรยกกำลัง 2 นะครับซึ่งปกติเราจะใช้
00:28:08 → 00:28:11 เกณฑ์ในคนเอเชียเนี่ยอย่างคนไทยเราเนี่ย
00:28:11 → 00:28:14 ครับก็ควรจะอยู่ประมาณสัก
00:28:14 → 00:28:17 18-22.9 หรือไม่เกิน 23 นะครับแต่ว่าถ้า
00:28:17 → 00:28:21 เกิดเกิน 23-25 เนี่ยครับก็จะถือว่าเป็น
00:28:21 → 00:28:24 น้ำหนักเกินแต่การที่จะบอกว่าเป็นโรคอ้วน
00:28:24 → 00:28:28 เนี่ยก็คือเราใช้ค่าดัชนีมวลกายที่เกิน 25
00:28:28 → 00:28:31 ขึ้นไปครับแต่ว่าถ้าดัชนีมวลกายเนี่ยจะจะ
00:28:31 → 00:28:33 มันคือแค่ง่ายมันคือเป็นการดูสัดส่วน
00:28:33 → 00:28:36 ระหว่างน้ำหนักกับส่วนสูงของเรายิ่งเรา
00:28:36 → 00:28:40 น้ำหนักมากส่วนสูงน้อยอย่างเงี้ยก็ยิ่งมี
00:28:40 → 00:28:43 ความเสี่ยงที่จะจะเป็นโรคอ้วนจริงๆมีเทอม
00:28:43 → 00:28:45 นึงที่อยากจะบอกเป็นเป็นเทอมเค้าเรียกว่า
00:28:45 → 00:28:47 เป็นโรคอ้วนอันตรายหรือว่าโรคอ้วน
00:28:48 → 00:28:50 ทุพพลภาพกลุ่มนี้คือกลุ่มที่ดัชนีมวลกาย
00:28:50 → 00:28:53 มากกว่า 30 ซึ่งคำว่าโรคอ้วนอันตรายเนี่ย
00:28:53 → 00:28:55 หมายความว่านอกจากจะเป็นโรคอ้วนเรียบร้อย
00:28:55 → 00:28:58 แล้วเนี่ยอันตรายเนี่ยคือมีผลกับคุณภาพ
00:28:58 → 00:29:02 ชีวิตมีผลกับอายุขัยมีความเสี่ยงที่จะ
00:29:02 → 00:29:04 เป็นโรคต่างๆเยอะคนปกติแล้วก็อายุสั้น
00:29:04 → 00:29:13 กว่าคนทั่วไป
00:29:13 → 00:29:16 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:29:16 → 00:29:18 ของไทยพีแดช็อต
00:29:18 → 00:29:21 spotify soundcloud Google podcast
00:29:21 → 00:29:23 Apple podcast และ YouTube Channel
00:29:23 → 00:29:30 Thai PBS podcast beautiful
00:29:30 → 00:29:36 [เพลง]