00:00:00 → 00:00:04 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:11 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 คุณผู้ฟังครับเมื่อเร็วๆนี้ผมมีความ
00:00:42 → 00:00:45 จำเป็นที่จะต้องไปติดต่อสื่อสารประสานงาน
00:00:45 → 00:00:48 กับหน่วยงานหรือองค์กรบางองค์กรนะครับใน
00:00:48 → 00:00:51 ระหว่างการติดต่อสื่อสารเนี่ยมันก็จะเกิด
00:00:51 → 00:00:54 ต้องประสานงานอะไรบางอย่างเนี่ยมันก็ไม่
00:00:54 → 00:00:57 ค่อยจะสะดวกราบรื่นนะครับมีติดๆขัดๆบ้าง
00:00:57 → 00:00:59 นู่นนี่นั่นนะครับมีปัญหาอะไรต่างๆเนี่ย
00:00:59 → 00:01:02 พอมาเจอสถานการณ์อย่างนี้มาถ่ายผมมีความ
00:01:02 → 00:01:05 รู้สึกว่าอึดอัดแล้วก็ไม่ค่อยจะสดใสนะ
00:01:05 → 00:01:08 ครับรู้สึกขุ่นมัวเล็กน้อยแต่ในระหว่าง
00:01:08 → 00:01:10 นั้นพอมันเกิดความรู้สึกปั๊บเนี่ยนะครับ
00:01:10 → 00:01:14 โอ้โหคุณผู้ฟังครับมันทำให้ผมนึกถึงจะ
00:01:14 → 00:01:19 เรียกว่าเป็นสำนวนเก่าแก่ของไทยอีกอันนึง
00:01:19 → 00:01:22 นะครับเป็นสำนวนที่แบบพอนึกถึงปั๊บเนี่ย
00:01:22 → 00:01:25 โอ้โหมันทำให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน
00:01:25 → 00:01:29 มากเลยสำนวนที่ว่าก็คือว่าแต่เขาอิเหนา
00:01:29 → 00:01:30 เป็นเอง
00:01:30 → 00:01:33 [เพลง]
00:01:33 → 00:01:35 ครับคุณผู้ฟังว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
00:01:35 → 00:01:38 เนี่ยผมก็ยังสงสัยเหมือนกันนะว่าเวลาที่
00:01:38 → 00:01:41 วันนี้ผมจะมาชวนพูดเรื่องนี้แล้วก็ตั้ง
00:01:41 → 00:01:45 หัวข้อว่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเนี่ย
00:01:45 → 00:01:48 ในสังคมปัจจุบันนี้เนี่ยจะมีคนไม่แน่ใจ
00:01:48 → 00:01:54 ว่ามันเก่าไปไหมนะหรือว่าทุกคนจะแบบจะงง
00:01:54 → 00:01:56 ไหมว่าคืออะไรว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองหรือ
00:01:57 → 00:02:01 ว่าจะมีคนที่เข้าใจว่าอ๋อเข้าใจเลยนะครับ
00:02:01 → 00:02:03 เพราะว่าเคยได้ยินมานานแล้วก็เข้าใจความ
00:02:03 → 00:02:05 หมายอย่างถ่องแท้นะผมก็เชื่อว่าน่าจะมี
00:02:05 → 00:02:09 ทั้งทั้ง 2 ฝั่งนะน่าจะมีทั้งหลากหลายนะ
00:02:09 → 00:02:12 ครับว่ามีทั้งเข้าใจไม่เข้าใจคุณไม่คุณนะ
00:02:12 → 00:02:15 ครับผมจะเล่าให้ฟังก่อนครับว่าทำไมผมถึง
00:02:15 → 00:02:20 นึกถึงสำนวนโบราณอันนี้ว่าแต่เขาอิเหนา
00:02:20 → 00:02:23 เป็นเองเนี่ยนะฮะเป็นเพราะว่า
00:02:23 → 00:02:28 ผมต้องไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานกับ
00:02:28 → 00:02:30 องค์กรบางองค์กร
00:02:30 → 00:02:32 คราวนี้การติดต่อประสานงานนี้มันมีราย
00:02:32 → 00:02:35 ละเอียดเยอะมากครับรายละเอียดก็คือว่า
00:02:35 → 00:02:39 ต้องหลายฝ่ายต้องนู่นนี่นั่นต้องทำจดหมาย
00:02:39 → 00:02:42 ต้องอธิบายอะไรเยอะแยะมากมายก่ายกองนะคุณ
00:02:42 → 00:02:45 ฟังซึ่งพอขั้นตอนมันเยอะปุ๊บเนี่ยคนที่
00:02:45 → 00:02:48 เราจะต้องประสานงานเบื้องต้นด้วยเนี่ยก็
00:02:48 → 00:02:50 ไม่ค่อยที่จะแบบ
00:02:50 → 00:02:52 แสดงความ
00:02:52 → 00:02:55 กระตือรือร้นที่จะช่วยเรา
00:02:55 → 00:02:58 ก็ประมาณแบบมันธุระไม่ใช่น่ะแล้วก็เหมือน
00:02:58 → 00:03:01 กับเราจะไปเพิ่มภาระให้กับเขาอะไรอย่าง
00:03:01 → 00:03:03 นี้ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเนี่ยเรากำลัง
00:03:03 → 00:03:04 ประสานงาน
00:03:04 → 00:03:06 ว่าด้วยเรื่องของการ
00:03:06 → 00:03:09 ให้ความช่วยเหลือสนับสนุน
00:03:09 → 00:03:13 กิจการงานขององค์กรเขาก็เลยทำไป
00:03:13 → 00:03:16 แต่เขากลับมองว่าเราเป็น
00:03:16 → 00:03:19 หุ้นยุงวุ่นวายเป็นภาระอะไรอย่างนี้นะ
00:03:19 → 00:03:22 แล้วก็เลยไม่แสดงความกระตือรือร้นที่จะ
00:03:22 → 00:03:23 ช่วย
00:03:23 → 00:03:26 พอเจออย่างนั้นเข้านะครับคุณผู้ฟัง
00:03:26 → 00:03:28 มันทำให้ผมเนี่ยซึ่งเป็นผู้ประสานงานรู้
00:03:28 → 00:03:29 สึก
00:03:29 → 00:03:33 ต้องเรียนตามตรงนะหงุดหงิดพอสมควรนะอึด
00:03:33 → 00:03:36 อัดแล้วไม่ค่อยชอบไม่ค่อยสบายใจไม่ค่อยสด
00:03:36 → 00:03:39 ใสและมีความรู้สึกไม่อยากทำแล้วอะไรอย่าง
00:03:39 → 00:03:41 นี้นะเริ่มหงุดหงิดละเริ่มออกอาการแล้ว
00:03:41 → 00:03:45 ไม่ถูกใจแล้วนะฮะแต่ในวินาทีนั้นเนี่ย
00:03:45 → 00:03:48 ครับพื้นหลังที่กำลังมีความรู้สึกเป็นแบบ
00:03:48 → 00:03:52 ไม่สดใสเริ่มขุ่นมัวเนี่ยแว๊บนึงเนี่ยคำ
00:03:52 → 00:03:54 พังเพยที่ว่าสุภาษิตที่ว่ามันลอยเข้ามา
00:03:54 → 00:03:58 เลยครับว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองครับเพราะ
00:03:58 → 00:04:00 อะไรรู้ไหมครับผมนึกถึงว่าในอดีตเนี่ย
00:04:00 → 00:04:03 ครับคุณผู้ฟังผมเคยเห็นคนคนหนึ่งก็เป็น
00:04:03 → 00:04:06 เพื่อนกันแต่ไม่ได้สนิทกันมากนะครับเป็น
00:04:06 → 00:04:08 เพื่อนในโซเชียลมีเดียสมัยนี้เนี่ยครับ
00:04:08 → 00:04:11 คุณผู้ฟังฉะนั้นเราก็อาจจะเคยเจอนู่นนี่
00:04:11 → 00:04:13 นั่นหรือว่าเขาทำอะไรอย่างเงี้ยแต่ถามว่า
00:04:13 → 00:04:16 สนิทไหมก็ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัวจน
00:04:16 → 00:04:19 กระทั่งเรียกว่าเป็นเพื่อนนะแต่ก็ก็รู้
00:04:19 → 00:04:21 จักประมาณนึงคราวนี้พอเรารู้จักกันใน
00:04:21 → 00:04:23 โซเชียลมีเดียครับคุณผู้ฟัง
00:04:23 → 00:04:28 ผมก็เคยเห็นเขาเนี่ยไปทำกิจกรรมบางอย่าง
00:04:28 → 00:04:33 แล้วเขาจะต้องไปประสานงานกับองค์กรหรือ
00:04:33 → 00:04:34 หน่วยงานบางหน่วยงาน
00:04:34 → 00:04:37 นี้มีอยู่วันนึงเนี่ยเขาก็โพสต์ใน
00:04:37 → 00:04:41 โซเชียลมีเดียว่าเขาจะต้องไปติดต่อสื่อ
00:04:41 → 00:04:44 สารกันหน่วยงานนี้เนี่ยแล้วเขาก็ทำจดหมาย
00:04:44 → 00:04:47 ส่งไปเพราะทำจดหมายส่งไปเสร็จแล้วเนี่ย
00:04:47 → 00:04:50 เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเนี่ยก็มีคำถาม
00:04:51 → 00:04:53 ย้อนกลับมาอีกนู่นนี่นั่นมันทำให้เขารู้
00:04:53 → 00:04:58 สึกไม่พอใจมากๆเลยพูดง่ายๆว่า
00:04:58 → 00:05:02 เหมือนกับที่ผมเจอตอนนี้แหละคือการติดต่อ
00:05:02 → 00:05:05 ประสานงานแล้วก็มันไม่ราบรื่นแล้วมันก็
00:05:05 → 00:05:08 ติดๆขัดๆโน่นนี่นั่นพอเขาเจอแบบนั้นเนี่ย
00:05:08 → 00:05:14 เขาก็ไม่พอใจไม่พอใจเสร็จเขาก็มาระบายใน
00:05:14 → 00:05:19 โซเชียลมีเดียระบายแบบด้วยการอัดคลิปตัว
00:05:19 → 00:05:21 เองพูดเลยครับ
00:05:21 → 00:05:23 พูดด้วยด้วยสีหน้าด้วยท่าทางอารมณ์เสีย
00:05:24 → 00:05:25 ประมาณว่า
00:05:25 → 00:05:28 รู้ไหมคือพวกคุณไม่รู้เหรอว่าผมเป็นใคร
00:05:28 → 00:05:30 อะไรอย่างนี้นั่นอะไรอย่างนี้นะคือสื่อ
00:05:30 → 00:05:34 สารด้วยความแบบไม่พอใจอย่างมากอารมณ์เสีย
00:05:34 → 00:05:37 แล้วก็แล้วก็ที่สำคัญคืออัดคลิปเลยครับ
00:05:37 → 00:05:41 อัดคลิปแล้วก็พูดเลยแล้วก็โพสต์คลิปนี้ใน
00:05:41 → 00:05:44 โซเชียลมีเดียเลยทุกคนก็เห็นโดยทั่วกันนะ
00:05:44 → 00:05:47 เพราะผมเห็นดังนั้นผมก็มีความรู้สึกตอน
00:05:47 → 00:05:51 นั้นนะครับผมมีความรู้สึกว่าโอ้โหคนๆนี้
00:05:51 → 00:05:55 นี่แบบว่าจะเรียกว่าอะไรดีน่ากลัวไหมก็
00:05:55 → 00:05:59 ไม่ได้แบบน่ากลัวแต่ว่าอ้าวทำไมถึงทำแบบ
00:05:59 → 00:06:04 นี้ในโซเชียลมีเดียก็คือไม่พอใจแล้วทำไม
00:06:04 → 00:06:07 จะต้องมาฟาดงวงฟาดงานในโซเชียลมีเดีย
00:06:07 → 00:06:10 เพราะว่าคนอื่นที่ไม่รู้อีกหน่อยเนี่ยผม
00:06:10 → 00:06:13 ก็คนนึงแหละนะดูอยู่เนี่ยก็ไม่ได้รู้อะไร
00:06:13 → 00:06:17 ด้วยเลยก็กลับต้องมารับรู้อารมณ์ความรู้
00:06:17 → 00:06:20 สึกที่คุณวัวนี้คือพูดง่ายๆว่าพอผมเห็น
00:06:20 → 00:06:22 อย่างนั้นที่ผมก็รู้สึกตำหนิเขาในใจนะ
00:06:22 → 00:06:25 ทำไมต้องขนาดนี้อันที่ 1 นะอันที่ 2
00:06:25 → 00:06:29 อันนี้น่าขำเลยอันที่ 2 ความคิดอันที่ 2
00:06:29 → 00:06:33 ก็คือว่าเราก็บอกตัวเองว่าโหยถ้าเราอ่ะจะ
00:06:33 → 00:06:36 ต้องไปประสานงานกับหน่วยงานหรือองค์กร
00:06:36 → 00:06:39 ต่างๆเนี่ยเราก็ต้องรู้แต่แรกแล้วล่ะว่า
00:06:39 → 00:06:42 หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆเจ้าหน้าที่โดย
00:06:42 → 00:06:44 มากก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ
00:06:44 → 00:06:47 เขาก็จะมีความรู้สึกว่าโอ้พวกนี้นี่มา
00:06:47 → 00:06:50 เพิ่มภาระงานให้เขาทำให้เขาวุ่นๆวายอะไร
00:06:50 → 00:06:53 ต่ออะไรเนี่ยเขาก็จะผมก็นึกว่าใจตอนนั้น
00:06:53 → 00:06:56 นะว่าถ้าเราจะต้องไปติดต่อประสานงานกับ
00:06:56 → 00:06:57 ใคร
00:06:57 → 00:07:00 เตรียมใจไว้ก่อนเลยว่าส่วนใหญ่ก็เป็น
00:07:00 → 00:07:03 ประมาณนี้จะหาคนที่มีน้ำใจช่วยเหลือเต็ม
00:07:03 → 00:07:06 ที่กับเหล่านี้น่าจะหายากนะอะไรอย่างนี้
00:07:06 → 00:07:10 นะผมคิดตอนนั้นนะครับแล้วเหตุการณ์นั้นก็
00:07:10 → 00:07:13 ผ่านไปนะครับแต่เราก็ไม่ได้อะไรกับเขามาก
00:07:13 → 00:07:14 มาย
00:07:14 → 00:07:17 นี่คือสิ่งที่เราเห็นก็ปล่อยผ่านไป
00:07:17 → 00:07:21 แต่ความรู้สึกความคิดเราที่ที่มีต่อเขา
00:07:21 → 00:07:24 และที่เขาโพสต์เรื่องนี้เนี่ยความรู้สึก
00:07:24 → 00:07:26 ตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ
00:07:26 → 00:07:28 เราก็ไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาโพสต์
00:07:28 → 00:07:32 ไม่ได้ชื่นชมปฏิกิริยาอารมณ์ความรู้สึก
00:07:32 → 00:07:34 ของเขาเลยนะไม่ได้ทั้งสิ้นเลย
00:07:34 → 00:07:38 แต่มันก็ผ่านไปผ่านไปนานเลยครับจนกระทั่ง
00:07:38 → 00:07:40 เมื่อเร็วๆนี้ครับผมเองอย่างที่ผมเล่าให้
00:07:40 → 00:07:43 ฟังแล้วว่าผมเองกลายเป็นคนที่ต้องไป
00:07:43 → 00:07:44 ประสานงาน
00:07:44 → 00:07:46 กับหน่วยงาน
00:07:46 → 00:07:50 แล้วมันก็ไม่ราบรื่นแล้วมันก็ติดๆขัดๆ
00:07:50 → 00:07:54 แล้วมันก็นู่นนี่นั่นที่สำคัญครับคุณผู้
00:07:54 → 00:07:54 ฟัง
00:07:54 → 00:08:00 แล้วเราก็อารมณ์เสียหงุดหงิดและเราก็ไม่
00:08:00 → 00:08:01 พึงพอใจ
00:08:01 → 00:08:04 แต่ว่าความโชคดีของผมก็คือคุณผู้ฟังครับ
00:08:04 → 00:08:07 ทันทีที่เรารู้สึกแบบนั้นเราไม่ชอบ
00:08:07 → 00:08:11 สถานการณ์แบบนั้นเราไม่พึงพอใจเนี่ยแล้ว
00:08:11 → 00:08:16 เราเริ่มมีความรู้สึกไม่อยากทำแล้ว
00:08:16 → 00:08:19 เกือบจะในทันทีเลยครับคุณผู้ฟังความระลึก
00:08:19 → 00:08:22 ของเราเนี่ยมันนึกย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว
00:08:22 → 00:08:26 ถึงเหตุการณ์ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ถึง
00:08:27 → 00:08:30 เหตุการณ์ของคนอื่นที่เจอแบบเราแล้วก็
00:08:30 → 00:08:32 หงุดหงิดอารมณ์เสีย
00:08:32 → 00:08:36 แบบที่เรากำลังเป็นนี้เลยเพียงแต่อาจจะมี
00:08:36 → 00:08:39 ความต่างนิดเดียวตรงที่เขารู้สึกอย่าง
00:08:39 → 00:08:43 นั้นปุ๊บเขาโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียอัด
00:08:43 → 00:08:48 คลิปแล้วก็โวยแล้วก็บ่นแล้วก็ด่าเลยนะ
00:08:48 → 00:08:50 เพียงแต่ว่าผมยังไม่ได้ทำขั้นนั้นเพราะ
00:08:50 → 00:08:52 ว่าเราก็ไม่ได้เป็นคนทำแบบนั้นอยู่แล้ว
00:08:52 → 00:08:54 แต่ว่า
00:08:54 → 00:08:57 เรามีอารมณ์ความรู้สึกแบบเดียวกับเขาเลย
00:08:57 → 00:09:02 ครับก็คือเจอเหตุการณ์บางอย่างแล้วก็ไม่
00:09:02 → 00:09:06 พึงพอใจแล้วก็มาขุ่นมัวหงุดหงิดอารมณ์
00:09:06 → 00:09:09 เสียแล้วก็เสียกำลังใจ
00:09:09 → 00:09:10 แบบเขาเลย
00:09:10 → 00:09:15 คุณผู้ฟังครับนั่นคือสาเหตุคือที่มาของ
00:09:15 → 00:09:17 วลีนี้ที่วิ่งกลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง
00:09:17 → 00:09:22 หนึ่งว่าอ้าวว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองนี่ก็
00:09:22 → 00:09:25 คืออันนี้ผมบอกตัวเองนะ
00:09:25 → 00:09:29 วันก่อนไม่ว่าคนอื่นอยู่เลยว่าอย่างนี้
00:09:29 → 00:09:31 อย่างนี้
00:09:31 → 00:09:35 เขาในใจด้วยนะแล้วตอนนี้พอตัวเองไปเจอ
00:09:35 → 00:09:38 บ้างตัวเองก็เป็นแบบนั้นเลย
00:09:38 → 00:09:42 หงุดหงิดรำคาญใจไม่พอใจเหมือนกันเลย
00:09:42 → 00:09:45 ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองนี่อันนี้ผมก็บอก
00:09:45 → 00:09:48 ตัวเองเลยนะโอ้นี่มันว่าแต่เขาอิเหนาเป็น
00:09:48 → 00:09:49 เองนี่นะ
00:09:49 → 00:09:52 แต่คุณผู้ฟังครับข้อดีของ
00:09:52 → 00:09:55 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมนี้ก็คือว่า
00:09:55 → 00:09:59 เราใช้เวลาน้อยมากในการที่เราจะรับรู้
00:09:59 → 00:10:03 ความรู้สึกของตัวเราเองแล้วก็เทียบเคียง
00:10:03 → 00:10:06 กับประสบการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
00:10:06 → 00:10:09 กับเราที่เราเคยเจอมาก่อนในอดีต
00:10:09 → 00:10:12 แล้วเราก็รับรู้ได้ในทันทีเลยว่าตอนนี้
00:10:12 → 00:10:16 เกิดอะไรขึ้นกับเรา
00:10:16 → 00:10:18 เราเนี่ย
00:10:18 → 00:10:21 เคยว่าเขาแต่ตอนนี้เราเป็นซะเองมันใช่ไหม
00:10:21 → 00:10:23 เนี่ยนะ
00:10:23 → 00:10:24 แล้วเราก็
00:10:24 → 00:10:28 อยู่กับตัวเองตำหนิตัวเองแล้วบอกตัวเอง
00:10:28 → 00:10:30 แล้วก็สอนตัวเองแล้วก็ถามตัวเองเลยว่า
00:10:30 → 00:10:34 สิ่งที่เราเจอตอนนี้ที่ถูกที่ควรเราควรจะ
00:10:34 → 00:10:39 มีความรู้สึกมีความคิดหรือมีปฏิกิริยากับ
00:10:39 → 00:10:42 มันยังไงพอถามตัวเองได้ดังนี้ปุ๊บคุณผู้
00:10:42 → 00:10:46 ฟังครับทุกอย่างมันสงบนิ่งแล้วมันเย็นลง
00:10:46 → 00:10:50 อย่างรวดเร็วใช้เวลาน้อยมากทั้งหมดนี้
00:10:50 → 00:10:53 ต้องบอกว่ามันเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที
00:10:53 → 00:10:57 นะ
00:10:57 → 00:11:01 เชื่อไหมครับว่ามะนาวให้ผมรู้สึกว่าโอ้โห
00:11:01 → 00:11:03 เรานี่
00:11:03 → 00:11:06 เดชะบุญจริงๆนะก็คือเราโชคดีจริงๆที่มี
00:11:06 → 00:11:10 ปฏิกิริยามีกระบวนการเหล่านี้หรือต้องบอก
00:11:10 → 00:11:14 ว่าเราโชคดีจริงๆที่เป็นผู้ดำเนินรายการ
00:11:14 → 00:11:18 นี้ศัลยกรรมความสุขเนี่ยครับคือเราพยายาม
00:11:18 → 00:11:24 ที่จะเสาะแสวงหาหาวิธีหาแง่คิดมุมมองที่
00:11:24 → 00:11:29 จะมาช่วยทำให้ผู้คนในสังคมเนี่ยมีวิธีคิด
00:11:29 → 00:11:33 มีวิธีในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในชีวิต
00:11:33 → 00:11:36 ที่ทำให้เราทุกข์ทำให้เรารำคาญใจทำให้เรา
00:11:36 → 00:11:39 หงุดหงิดเนี่ยเราจะมีวิธีไหนที่จะเผชิญ
00:11:39 → 00:11:42 หน้ากับมันแล้วทำให้เราเนี่ยกลับมามีความ
00:11:42 → 00:11:44 สุขได้ด้วยตัวเราเองอีกครั้งหนึ่ง
00:11:44 → 00:11:47 ผมรู้สึกตัวเองโชคดีมากเลยนะครับคุณผู้
00:11:47 → 00:11:52 ฟังที่ได้มีโอกาสจัดรายการนี้เพราะว่า
00:11:52 → 00:11:55 สิ่งที่เราจัดสิ่งที่เราพูดสิ่งที่เรา
00:11:55 → 00:11:58 แบ่งปันสิ่งที่เราพยายามสืบเสาะค้นหาแล้ว
00:11:58 → 00:12:00 นำมาพูดคุยแบ่งปัน
00:12:00 → 00:12:04 มันไม่ได้เกิดประโยชน์กับเฉพาะผู้ฟังเท่า
00:12:04 → 00:12:05 นั้น
00:12:05 → 00:12:07 แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เราพูดแบ่งปันนี้
00:12:07 → 00:12:11 มันจะสะท้อนและมันจะย้อนกลับมาสู่ตัวเรา
00:12:11 → 00:12:15 เองแล้วก็เข้มข้นขึ้นในตัวเราเองด้วยเช่น
00:12:15 → 00:12:18 เดียวกันมันทำให้เรารู้สึกโอ้โหเป็นคนที่
00:12:18 → 00:12:23 โชคดีมากๆเพราะว่าในความเป็นจริงมนุษย์
00:12:23 → 00:12:26 เราทุกคนก็ยังเป็นมนุษย์ใช่ไหมเวลาที่เรา
00:12:26 → 00:12:29 เจออะไรบางอย่างมันก็จะต้องส่งผลกระทบต่อ
00:12:29 → 00:12:32 เราเพียงแต่ว่าเราจะฟื้นกลับมาเราจะคืน
00:12:32 → 00:12:36 กลับมาเราจะใช้เวลามากน้อยขนาดไหนที่จะ
00:12:36 → 00:12:37 ฟื้นคืนกลับมาได้
00:12:37 → 00:12:39 เพราะฉะนั้นคุณระหว่างครับตอนนี้ตอนที่
00:12:39 → 00:12:43 ชื่อว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเนี่ยก็คือผม
00:12:43 → 00:12:47 คิดเองพูดเองเคยรู้สึกยังไงเองแล้วก็กลับ
00:12:47 → 00:12:50 มาเป็นเองแล้วก็ฝืนกลับมาได้ด้วยตัวเอง
00:12:50 → 00:12:53 ซึ่งอันนี้เป็นแนวคิดหลักๆของศัลยกรรม
00:12:53 → 00:12:56 ความสุขเลยนะครับแต่ว่าตอนนี้เดี๋ยวเรา
00:12:56 → 00:13:00 พักสักครู่ครับแล้วเราจะมาดูซิว่าแนวความ
00:13:00 → 00:13:02 คิดนี้ยังมีประโยชน์อะไรกับเราอีกในชีวิต
00:13:03 → 00:13:05 ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
00:13:05 → 00:13:58 [เพลง]
00:13:58 → 00:14:26
00:14:26 → 00:14:49 [เพลง]
00:14:49 → 00:14:58 for you
00:14:58 → 00:15:29 [เพลง]
00:16:00 → 00:16:03 ครับศัลยกรรมความสุขตอนนี้นะครับว่าแต่
00:16:03 → 00:16:06 เขาอิเหนาเป็นเองครับผมเชื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:16:06 → 00:16:08 หลายท่านก็อาจจะที่บอกแล้วนะครับว่าอาจจะ
00:16:08 → 00:16:11 คุ้นกับคำนี้อาจจะไม่คุ้นก็ตามทีแต่ถ้า
00:16:11 → 00:16:14 เกิดใครที่ยังยังไม่คุ้นระหว่างเอ๊ะมัน
00:16:14 → 00:16:16 หมายถึงอะไรว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองนี่นะ
00:16:16 → 00:16:21 ครับก็คงต้องไปลองสืบหาข้อมูลหรือไปหาข้อ
00:16:21 → 00:16:23 มูลมาอ่านดูนะครับเพราะว่าที่มาที่ไปของ
00:16:23 → 00:16:27 สำนวนนี้มันก็มาจากนิทานหรือจากวรรณคดี
00:16:27 → 00:16:30 โบราณนะครับเรื่องอิเหนาที่เขามีการทำ
00:16:30 → 00:16:32 สงครามอะไรก่อนปะก็ตามทีนะครับอินเดาก็
00:16:32 → 00:16:36 เคยไปพูดไปบอกไปทำอะไรบางอย่างไว้แต่ถึง
00:16:36 → 00:16:38 เวลาผ่านไปตัวเองก็กลับเป็นอย่างนั้นซะ
00:16:38 → 00:16:41 เองอย่างย่อๆเลยนะครับแต่ถ้าใครอยากจะรู้
00:16:41 → 00:16:44 ข้อมูลเพิ่มเติมคงต้องไปสืบต่อหาข้อมูลนะ
00:16:44 → 00:16:47 ครับสมัยนี้ในโลกโซเชียลมีเดียก็หาข้อมูล
00:16:48 → 00:16:51 ได้ง่ายๆนะครับว่าอ่าเรื่องราวเกี่ยวกับ
00:16:51 → 00:16:54 อิเหนาในอดีตเป็นยังไงแล้วเกิดอะไรขึ้นนะ
00:16:54 → 00:16:56 ที่มาของคำว่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
00:16:56 → 00:16:59 เนี่ยมายังไงนะครับก็ลองไปสืบสอบดูนะครับ
00:16:59 → 00:17:02 แต่ว่าในวันนี้เนี่ยผมพูดถึงตัวเองเป็น
00:17:02 → 00:17:05 หลักเลยว่าเราเคยรู้สึกอะไรบางอย่างคิด
00:17:05 → 00:17:08 อะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนคนนึงที่เคยทำ
00:17:08 → 00:17:09 อะไรบางอย่าง
00:17:09 → 00:17:11 ที่เราจะเรียกว่าตรงๆเลยก็คือเหมือนกับ
00:17:11 → 00:17:16 เราก็ตำหนิเขาด้วยซ้ำไปนะครับแต่พอผ่านมา
00:17:16 → 00:17:18 เราต้องไปเจอสถานการณ์นั้นด้วยตัวเอง
00:17:18 → 00:17:22 เหมือนกันเราก็มีความรู้สึกณเบื้องต้นนะ
00:17:22 → 00:17:25 ครับเราก็มีความคิดมีอารมณ์มีความรู้สึก
00:17:25 → 00:17:30 ไม่ต่างจากเขาเลยครับอ้าวว่าแต่เขาอิเหนา
00:17:30 → 00:17:33 เป็นเองนะครับเราก็เป็นแต่ข้อดีของมันก็
00:17:33 → 00:17:38 คือว่าพอเรารู้ตัวเร็วเราก็กลับมาเร็วและ
00:17:38 → 00:17:42 มันทำให้เราเนี่ยหลุดจากความขุ่นมัวนั่น
00:17:42 → 00:17:46 เองได้เร็วมากแล้วเราก็กลับมามีชีวิตสดใส
00:17:46 → 00:17:49 มีพลังเหมือนเดิมด้วยแง่คิดด้วยมุมมองของ
00:17:49 → 00:17:50 ตัวเราเอง
00:17:50 → 00:17:52 ซึ่งอันนี้อย่างที่ผมบอกแล้วนะครับคุณผู้
00:17:52 → 00:17:55 ฟังว่ามันเป็นแนวคิดหลักๆของรายการ
00:17:55 → 00:17:58 ศัลยกรรมความสุขเลยนะครับ
00:17:58 → 00:18:03 เราสามารถใช้แง่คิดมุมมองใช้คมความคิดของ
00:18:03 → 00:18:05 เราเองเนี่ยในการเผชิญหน้ากับทุกเรื่อง
00:18:05 → 00:18:08 ที่เราเจอเพื่อเราจะได้มีชีวิตที่มีความ
00:18:08 → 00:18:10 สุขมากขึ้นและผลประโยชน์ของมันคืออะไร
00:18:10 → 00:18:13 ครับคุณผู้ฟังไม่ตะกี้นี้ผมก็พูดอย่างย่อ
00:18:13 → 00:18:14 ๆไปแล้วว่า
00:18:14 → 00:18:19 พอเรารู้ตัวปุ๊บเราเย็นลงทันทีเราสงบนิ่ง
00:18:19 → 00:18:22 ทันทีแล้วกลับมาแบบสดใสไม่ขุ่นมัวทันที
00:18:22 → 00:18:27 ครับแล้วมันทำให้เราในสภาวะนั้น
00:18:27 → 00:18:31 มันทำให้การประสานงานของเราเนี่ยที่เรา
00:18:31 → 00:18:32 รู้สึกหงุดหงิดหัวใจเนี่ยมันยิ่งทำให้งาน
00:18:32 → 00:18:35 ยากมันยากขึ้นนะครับแต่พอเราไม่หงุดหงิด
00:18:35 → 00:18:37 เราเผชิญกับมันได้อย่าง
00:18:37 → 00:18:41 นิ่งนะครับมันทำให้งานที่ดูเหมือนจะยาก
00:18:41 → 00:18:43 กับกลายเป็นไม่ยากครับแล้วทุกอย่างมันก็
00:18:43 → 00:18:48 สำเร็จราบรื่นไปแบบแบบน่าอัศจรรย์ใจอัน
00:18:48 → 00:18:50 นี้ก็น่าจะเป็นผลของความที่เราไม่ขุ่นมัว
00:18:50 → 00:18:53 นะครับเพราะเวลาที่เราขุ่นมัวเนี่ยเอา
00:18:53 → 00:18:56 ง่ายๆนะครับคุณผู้ฟังเวลาที่เราขุ่นมัว
00:18:56 → 00:18:59 เราโทรศัพท์ไปหาใครสักคนหนึ่งแล้วเรามี
00:18:59 → 00:19:04 น้ำเสียงแบบเราไม่พอใจเขาอยู่ข้างในลึก
00:19:04 → 00:19:07 เนี่ยไอ้ความไม่พึงพอใจความหงุดหงิดมันจะ
00:19:07 → 00:19:11 ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านทาง
00:19:11 → 00:19:13 เสียงของเราเนี่ยสำเนียงที่เราพูดนี่แหละ
00:19:13 → 00:19:14 นะ
00:19:14 → 00:19:17 แล้วพอมันถูกถ่ายทอดออกไปเนี่ยมันก็ยิ่ง
00:19:17 → 00:19:20 ทำให้เขาเนี่ยไม่พอใจเรามากขึ้นคราวนี้
00:19:20 → 00:19:23 แหละก็สถานการณ์เพื่อจะบานปลายหนักขึ้นไป
00:19:23 → 00:19:26 เรื่อยๆนะครับแต่ในทางคนข้ามถ้าเราไม่
00:19:26 → 00:19:29 ขุ่นมัวเรารู้ทันเราสามารถเผชิญหน้ากับ
00:19:29 → 00:19:34 มันได้เราก็จะวกกลับมาสู่จุดที่มันเป็น
00:19:34 → 00:19:36 จุดที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
00:19:36 → 00:19:39 เรื่อยๆได้ง่ายขึ้นนะครับ
00:19:39 → 00:19:42 ส่วนในกรณีของว่าในข่าวอิเหนาเป็นเองนะ
00:19:42 → 00:19:44 ครับคุณผู้ฟังประสบการณ์อีกครั้งหนึ่งที่
00:19:44 → 00:19:46 ผมเคยเจอตั้งแต่เด็กๆ
00:19:46 → 00:19:49 แล้วทำให้ผมไม่เคยลืมผมไม่เคยลืมภาพภาพ
00:19:49 → 00:19:52 นี้เลยนะครับคือมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมไป
00:19:52 → 00:19:55 เจอผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่งเขาก็กำลังนั่งพูด
00:19:55 → 00:19:58 คุยกันไม่อยู่คนนึงเนี่ยเขาก็พูดแบบว่า
00:19:58 → 00:20:03 เขาเนี่ยเป็นคนที่พูดจริงทำจริงนะครับ
00:20:03 → 00:20:07 เวลาที่เขา
00:20:07 → 00:20:10 ตั้งใจว่าจะทำอะไรแล้วหรือมีความมุ่งมั่น
00:20:10 → 00:20:13 ว่าจะทำอะไรแล้วเนี่ยเขาจะเป็นคนที่จะ
00:20:13 → 00:20:18 ต้องพยายามทำให้ได้ตามที่พูดอันนี้คือ
00:20:18 → 00:20:22 สิ่งที่เขาพูดคุยนะครับในหมู่เพื่อนฝูง
00:20:22 → 00:20:24 เขาซึ่งเป็นผู้ใหญ่ทั้งสิ้นผมว่าเป็นเด็ก
00:20:24 → 00:20:26 ตัวกระเปี๊ยกเดียวนะอยู่แถวๆนั้นก็นั่ง
00:20:26 → 00:20:30 ฟังเขาคุยไปเนี่ยก็เห็นเขาพูดคุยเนี่ยว่า
00:20:30 → 00:20:33 เขาเป็นคนมีมุ่งมั่นยังไงอะไรต่างๆทีแล้ว
00:20:33 → 00:20:35 เขายกตัวอย่างมาเรื่องหนึ่งครับเขาบอกว่า
00:20:35 → 00:20:39 อย่างผมเนี่ยผมเป็นคนที่สูบบุหรี่นะตั้ง
00:20:39 → 00:20:42 แต่ผมเป็นเด็กๆเลยนะฮะแล้วก็เป็นคนที่ติด
00:20:42 → 00:20:43 บุหรี่มาก
00:20:43 → 00:20:47 สูบบุหรี่มาอย่างยาวนานหลายปีนะสูงไป
00:20:47 → 00:20:49 เรื่อยๆจนกระทั่งวันหนึ่งเขาบอกว่าเขาเขา
00:20:49 → 00:20:52 เล่าให้ฟังว่าเพราะวันนึงเนี่ยเขามีความ
00:20:52 → 00:20:55 รู้สึกว่าบุหรี่มันไม่ดีต่อสุขภาพนะแล้ว
00:20:55 → 00:20:58 เขาก็บอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องเลิกบุหรี่
00:20:58 → 00:21:02 ให้ได้นะแล้วเขาจึงงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 3
00:21:02 → 00:21:04 เดือนนี้เขาจะต้องเอาชนะมันให้ได้อะไร
00:21:04 → 00:21:06 อย่างนี้ครับแล้วเขาก็พูดบอกว่า
00:21:06 → 00:21:10 เนี่ยพอผมตั้งใจว่าผมจะเลิกบุหรี่แบบเด็ด
00:21:10 → 00:21:12 ขาดนะผมหักดิบเลย
00:21:12 → 00:21:15 แล้วภายใน 3 เดือนเนี่ยผมก็เลิกสูบบุหรี่
00:21:15 → 00:21:18 นะผมเลิกสูบได้จริงๆนะครับผมทำได้จริงๆ
00:21:18 → 00:21:22 เนี่ยคือคุณระหว่างครับสิ่งที่เขาพูดคุย
00:21:22 → 00:21:25 กันแล้วเขาพยายามบอกตลอดเวลาเลยก็คือว่า
00:21:25 → 00:21:27 เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมีความตั้งใจ
00:21:27 → 00:21:28 สูงมาก
00:21:28 → 00:21:34 ถ้าเขาจะทำอะไรเนี่ยเขาจะทำให้ได้ตามนั้น
00:21:34 → 00:21:35 เลยครับ
00:21:35 → 00:21:37 แล้วสิ่งที่ผมเล่าให้ฟังเนี่ยครับคุณฟัง
00:21:37 → 00:21:42 เขาเล่าด้วยความแบบภาคภูมิใจมากเลยว่าเขา
00:21:42 → 00:21:45 สูบบุหรี่มานานทั้งๆที่สูบบุหรี่มานานแต่
00:21:45 → 00:21:48 พอเขามีความตั้งใจว่าเขาจะเลิกสูบบุหรี่
00:21:48 → 00:21:49 ให้ได้นะ
00:21:49 → 00:21:52 เขาก็ทำได้จริงๆอันนี้คือเนื้อหาครับคุณ
00:21:52 → 00:21:53 ผู้ฟัง
00:21:53 → 00:21:59 แต่ประเด็นก็คือภาพที่ผมจำแล้วติดตาแล้ว
00:21:59 → 00:22:02 ไม่เคยลืมเลยก็คือในระหว่างที่เขากำลัง
00:22:02 → 00:22:05 พูดสิ่งนี้อยู่นะครับคุณผู้ฟัง
00:22:05 → 00:22:09 นิ้วเขาที่มือขวาเนี่ยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง
00:22:09 → 00:22:16 เขาเนี่ยคีบบุหรี่อยู่ตลอดเวลานะครับคือ
00:22:16 → 00:22:21 มือขวาเขาเนี่ยมีบุหรี่คีบอยู่ในมือตลอด
00:22:21 → 00:22:24 เวลาและก็เวลาที่เขาเป็นคนพูดเวลาที่เขา
00:22:24 → 00:22:26 พูดเวลาที่เขาเล่าเรื่องหรือเวลาที่เขา
00:22:26 → 00:22:29 อธิบายอะไรเนี่ยเขาจะเป็นคนที่เล่าเรื่อง
00:22:29 → 00:22:33 แบบใช้มืออ่ะคืออธิบายนี้เขาต้องใช้มือยก
00:22:33 → 00:22:36 มือยกไม้ขึ้นตลอดเวลาเนี่ยนะครับคือใช้
00:22:36 → 00:22:38 มือเยอะเวลาเล่าเรื่องนะเราจะเห็นมือไม้
00:22:38 → 00:22:41 ก็ทำท่าทางตลอดเวลาถึงแม้ว่าตอนนั้นผม
00:22:41 → 00:22:44 เป็นเด็กแล้วผมสังเกตการณ์พูดคุยของผู้
00:22:44 → 00:22:46 ใหญ่กลุ่มนี้อยู่เนี่ยนะครับ
00:22:46 → 00:22:51 ผมก็สังเกตด้วยความสงสัยอ่ะว่าเนื้อหาเขา
00:22:51 → 00:22:55 เนี่ยกับภาพที่ผมเห็นเนี่ยมันขัดแย้ง
00:22:55 → 00:22:57 คือ
00:22:57 → 00:23:00 ขัดแย้งในตัวเองอย่างรุนแรงอ่ะครับ
00:23:00 → 00:23:05 เนื้อหาก็คือผมสูบบุหรี่มันนานแล้วผมมี
00:23:05 → 00:23:08 ความมุ่งมั่นตั้งใจว่าจะสูบบุหรี่ว่าจะ
00:23:08 → 00:23:18 เลิกสูบบุหรี่
00:23:18 → 00:23:22 ระหว่างการเล่าเรื่องอย่างจริงๆจังๆสื่อ
00:23:22 → 00:23:24 ให้เห็นถึงว่าผมเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น
00:23:24 → 00:23:25 เนี่ยมือไม้เขาเนี่ย
00:23:25 → 00:23:28 ใช้มือตลอดเวลาโยกย้ายตลอดเวลาเนี่ย
00:23:28 → 00:23:34 มือขวาเขาเนี่ยมีบุหรี่คีบอยู่ที่มือตลอด
00:23:34 → 00:23:36 เวลาครับคุณผู้ฟัง
00:23:36 → 00:23:39 ผมนี่งงมากว่าเกิดอะไรขึ้น
00:23:39 → 00:23:43 พูดว่าเรานึกดูว่าตอนผมเป็นเด็กนี้ผมไม่
00:23:43 → 00:23:46 ได้ขำนะผมงงอย่างเดียวนะแล้วผมไม่รู้จะ
00:23:46 → 00:23:49 อธิบายปรากฏการณ์นี้ยังไงแต่ว่า
00:23:49 → 00:23:52 ภาพมันติดตามมากครับ
00:23:52 → 00:23:55 แล้วภาพนี้มันก็ย้อนกลับมาอีกทีนึงตอนที่
00:23:55 → 00:23:57 ผมกำลังพูดคุยเรื่องแต่ว่าเรื่องเกี่ยว
00:23:57 → 00:24:01 กับว่าว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองเนี่ย
00:24:01 → 00:24:05 เหมือนกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องของความ
00:24:05 → 00:24:07 เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นแล้วทำอะไรสำเร็จ
00:24:07 → 00:24:10 พูดถึงคนคนหนึ่งซึ่งตัวเขาเองนะว่าเขา
00:24:10 → 00:24:12 เป็นคนๆนั้น
00:24:12 → 00:24:16 แต่เขาซึ่งเป็นผู้เล่าเป็นผู้เล่าเหตุ
00:24:16 → 00:24:18 การณ์นั้นเป็นผู้เล่าสิ่งนั้นเนี่ย
00:24:18 → 00:24:23 และวินาทีนั้นเองเขาก็เป็นคนที่ยืนยัน
00:24:23 → 00:24:26 ด้วยท่าทีด้วยสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคน
00:24:26 → 00:24:27 ว่า
00:24:27 → 00:24:30 สิ่งที่เขาเป็นจริงๆเขาไม่ได้เป็นตามนั้น
00:24:30 → 00:24:33 น่ะพูดง่ายๆว่าขัดแย้งกับสิ่งที่เขาพูด
00:24:33 → 00:24:36 อย่างรุนแรงอ่ะผมก็เลยนึกว่าจริงๆแล้ว
00:24:36 → 00:24:41 อาการแบบนี้มันหนักกว่าหนักกว่าว่าแต่เขา
00:24:41 → 00:24:45 อิเหนาเป็นเองนะมันเป็นขั้นกว่าหรือเปล่า
00:24:45 → 00:24:46 คือ
00:24:46 → 00:24:50 ประมาณว่าเคยว่าคนอื่นยังไงแล้วตัวเองก็
00:24:50 → 00:24:53 มาเป็นซะเองแต่ตอนนี้เนี่ยเคยชมตัวเองว่า
00:24:53 → 00:24:57 เป็นยังไงแต่ตัวเองก็กลับไม่ได้เป็นซะเอง
00:24:57 → 00:25:01 ผมมองว่ามันขั้นกว่า
00:25:01 → 00:25:03 การที่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองนี่มันเป็น
00:25:03 → 00:25:05 ขั้นที่แบบโอ้โหมันดูแย่นะ
00:25:05 → 00:25:07 แต่สิ่งที่ผมเล่าให้ฟังเรื่องที่ 2 เนี่ย
00:25:07 → 00:25:10 มันขั้นกว่าขั้นกว่าก็คือชมตัวเองว่าเป็น
00:25:10 → 00:25:12 อย่างนั้นแต่จริงๆตัวเองไม่ได้เป็นอย่าง
00:25:12 → 00:25:16 นั้นอย่างรุนแรงแล้วเป็นประจักษ์พยานด้วย
00:25:16 → 00:25:18 ตัวเองอย่างรุนแรงเลยนะครับ
00:25:18 → 00:25:21 คุณผู้ฟังครับทั้งหลายทั้งมวลนี้ก็คือ
00:25:21 → 00:25:23 เป็นปรากฏการณ์ที่ผมอยากจะแบ่งปันคุณผู้
00:25:23 → 00:25:26 ฟังว่าในชีวิตคนเรานะครับคุณฟังเราอาจจะ
00:25:27 → 00:25:29 เจอเรื่องราวต่างๆมากมายนะครับทั้งเหตุ
00:25:29 → 00:25:32 การณ์ทางผู้คนทั้งที่เราชอบทั้งที่เราไม่
00:25:32 → 00:25:35 ชอบทั้งที่ทำให้เรามีความสุขทำให้เรามี
00:25:35 → 00:25:38 ความทุกข์แต่ในระหว่างทางเนี่ยถ้าเรา
00:25:38 → 00:25:39 สังเกตแล้วเรา
00:25:39 → 00:25:44 ประมวลเป็นความรู้เป็นความคิดเป็นสติ
00:25:44 → 00:25:46 สิ่งต่างๆเหล่านั้นเนี่ยมันจะทำให้เรา
00:25:46 → 00:25:50 ย้อนกลับมาแล้วทำให้เราได้คิดแล้วก็ทำให้
00:25:50 → 00:25:52 เราได้พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
00:25:52 → 00:25:55 ตามแนวคิดของรายการนี้นะครับศัลยกรรมความ
00:25:55 → 00:26:00 สุขคือไม่ว่าเราเจออะไรครับทุกสิ่งสามารถ
00:26:00 → 00:26:03 ที่จะดีขึ้นหรือแย่ลงเนี่ยไม่ได้เกี่ยว
00:26:03 → 00:26:06 กับว่าสิ่งนั้นดีหรือแย่แต่มันเกี่ยวกับ
00:26:06 → 00:26:10 ความคิดคมความคิดของตัวเราเอง
00:26:10 → 00:26:13 ถ้าเรามีทัศนคติมีมุมมองที่ถูกต้อง
00:26:13 → 00:26:17 เราเจออะไรก็ได้ครับชีวิตเราก็จะยังคงสด
00:26:17 → 00:26:19 ใสมีพลังเสมอ
00:26:19 → 00:26:21 วันนี้ผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ต้องลาไปก่อน
00:26:21 → 00:26:23 ครับสวัสดีครับ
00:26:23 → 00:26:25 [เพลง]
00:26:25 → 00:26:42 รายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของไทย
00:26:42 → 00:26:48 [เพลง]