00:00:00 → 00:00:09 [เพลง]
00:00:16 → 00:00:18 สวัสดีค่ะอยู่กับแพรนะคะในรายการฉายแวว
00:00:18 → 00:00:21 ค่ะรายการที่จะนำเสนอมผลงานนะคะของนัก
00:00:21 → 00:00:24 ศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดลมาฉายแววให้ได้
00:00:24 → 00:00:26 ทำความรู้จักกันค่ะตอนนี้นะคะพลยังคงอยู่
00:00:27 → 00:00:29 นะคะที่ประเทศญี่ปุ่นที่โอซาก้าแล้วก็ที่
00:00:29 → 00:00:33 นี่ด้วยค่ะที่มหาวิทยาลัยโอซาก้ามาวันนี้
00:00:33 → 00:00:36 ที่นี่นะคะก็เพราะว่าแพมีนัทค่ะแพนัทกับ
00:00:36 → 00:00:39 เค้าคนนี้ที่เป็นทั้งคุณหมอเป็นทั้ง
00:00:39 → 00:00:41 อาจารย์หมอแล้วก็เป็นทั้งนักวิจัยด้วยค่ะ
00:00:41 → 00:00:44 ซึ่งทั้งหมดที่พระพูดมานะคะเป็นบุคคลคน
00:00:44 → 00:00:47 เดียวกันแล้วเขาก็มีผลงานเจ๋งๆอยู่ที่นี่
00:00:47 → 00:00:49 ด้วยงั้นตอนนี้เราไปเจอเ้ากันเลยดีกว่า
00:00:49 → 00:00:50 ค่ะ
00:00:50 → 00:01:11 [เพลง]
00:01:11 → 00:01:16 นี่เจอแล้วสวัสดีค่ะหมออาร์ตค่ะอ่ะเจอ
00:01:16 → 00:01:19 หน้าแบบนี้ต้องถามคำถามแรกเลยค่ะที่หลาย
00:01:19 → 00:01:21 คนอาจจะสงสัยเหมือนกับไทยอยู่ตอนนี้คือ
00:01:21 → 00:01:24 เมื่อกี้เพูดไปว่าหมออาร์ตเนี่ยเป็นทั้ง
00:01:24 → 00:01:28 นายแพทย์โเป็นทั้งอาจารย์หมอแล้วก็เป็น
00:01:28 → 00:01:30 ทั้งนักวิจัยด้วยสรุปเป็นอะไอะไรกันแน่
00:01:30 → 00:01:33 หรอคะคือผมจบแพทย์แล้วนะครับแล้วก็ทำงาน
00:01:33 → 00:01:35 อยู่ที่โรงบาลศริราชนั่นแหละนะฮะแล้วก็
00:01:35 → 00:01:38 หลังจากนั้นก็ได้ทุนมามาเรียนต่อปริญญา
00:01:38 → 00:01:40 เอกก็เลยลาศึกษาต่อนะครับจากศรีราชแล้วมา
00:01:40 → 00:01:43 ที่มหาวิทยาลัยโอซาก้าครับแล้วเรียน
00:01:43 → 00:01:45 เกี่ยวกับอะไรอ่ะคะอ่าหลักๆคงเป็นงาน
00:01:45 → 00:01:47 วิจัยที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการแพทย์นี่
00:01:47 → 00:01:49 แหละครับเกี่ยวกับระบบประสาทผมว่างี้ดี
00:01:49 → 00:01:51 กว่าวันนี้เดี๋ยวผมพาไปดูว่าผมทำอะไรบ้าง
00:01:51 → 00:01:54 หจะได้เห็นว่าการใช้ชีวิตของหมออารตเป็น
00:01:54 → 00:01:57 ยังไงด้วยใช่ครับขอบคุณมากๆเลยค่ะเชิญทาง
00:01:57 → 00:02:04 นิดเดียครับครับผม
00:02:04 → 00:02:11 [เพลง]
00:02:21 → 00:02:24 บริเวณตรงนี้คือที่ไหนคะบอกอาร์ตตรงตึก
00:02:24 → 00:02:26 นี้ทั้งหมดเนี่ยนะฮะจะเป็นตึกของคณะแพทย์
00:02:26 → 00:02:29 ตึกวิจัยของคณะแพทย์มหาลัยโอซาก้านะฮะ
00:02:29 → 00:02:31 แล้วก็ข้างนจะเป็นแลบที่ผมเรียนอยู่ครับ
00:02:31 → 00:02:33 เดี๋ยวเราไปดู
00:02:33 → 00:02:36 กันอันนี้คือบริเวณห้องแลบที่ทำงานเลยใช่
00:02:36 → 00:02:39 ป่ะคะใช่ครับอันนี้ก็จะเป็นโต๊ะแลบทั้ง
00:02:39 → 00:02:41 หมดนะฮะก็จะมีโต๊ะของคนอื่นๆแหละโต๊ะของ
00:02:41 → 00:02:44 ผมอยู่ทางนี่นี่อ๋ออันนี้คือโต๊ะที่หมอ
00:02:44 → 00:02:46 อาร์ตทำงานอยู่ใช่ครับพูดถึงเรื่องงานหมอ
00:02:46 → 00:02:49 อาร์ตดีกว่าเราวิจัยเกี่ยวกับเรื่องอะไร
00:02:49 → 00:02:52 คะงานที่ผมทำเนี่ยนะฮะก็จะเกี่ยวข้องกับ
00:02:52 → 00:02:54 ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Iron Channel นะ
00:02:54 → 00:02:56 ครับถ้าแปลเป็นไทยน่าจะใช้คำว่าช่องประจุ
00:02:56 → 00:02:59 ไอ้ช่องประจุที่ว่าเยมันอยู่บนผิวเซลล์ฮะ
00:02:59 → 00:03:01 หรือเยื่อหุ้มเซลเสเป็นช่องเล็กๆที่อยู่
00:03:01 → 00:03:04 บนนั้นครับแล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หมอ
00:03:04 → 00:03:07 อาร์ตอยากจะไปทำความรู้จักกับไอ้รูเล็กๆ
00:03:07 → 00:03:10 ที่มันอยู่บนระดับเซลล์อ่ะคือเริ่มต้น
00:03:10 → 00:03:12 เนี่ยอย่างที่ว่าผมสนใจศึกษาระบบประสาทนะ
00:03:12 → 00:03:15 ครับรวมถึงความผิดปกติที่เกิดในระบบ
00:03:15 → 00:03:17 ประสาทแล้วก็พบว่าความผิดปกติในระบบ
00:03:18 → 00:03:20 ประสาทเนี่ยหลายๆอย่างเวลาเราดูแล้วเนี่ย
00:03:20 → 00:03:22 ในระดับจุลภาคบางอย่างมันอาจจะมีกลไกร่วม
00:03:22 → 00:03:25 กันอแล้วกลไกที่ว่าเนี่ยครับมันเกี่ยว
00:03:25 → 00:03:28 ข้องกับไอ้รูเล็กๆที่ผมพูดถึงองั้นถ้าเรา
00:03:28 → 00:03:30 สามารถเปลี่ยนแปลงการทำงานของประจุที่ว่า
00:03:30 → 00:03:32 นี้ได้ก็มีโอกาสที่จะพัฒนายาที่ใช้รักษา
00:03:32 → 00:03:35 โรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาทได้
00:03:35 → 00:03:39 อย่างงี้แสดงว่าคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์
00:03:39 → 00:03:41 หรือโรคอะไรที่ใกล้เคียงแบบนี้เนี่ยก็จะ
00:03:41 → 00:03:44 มีโอกาสหายได้มีโอกาสหายได้ครับเฮ้ยเราดี
00:03:44 → 00:03:47 ใจแทนแน่นอนครับอาจจะต้องใช้เวลานะครับ
00:03:47 → 00:03:49 เพราะว่าตอนนี้องค์ความรู้มันอาจจะยัง
00:03:49 → 00:03:51 เป็นของใหม่อยู่ไอ้ช่องประจุที่ว่านี้
00:03:51 → 00:03:58 เพิ่งค้นพบได้ประมาณ 10 ปีเท่านั้นเอง
00:03:58 → 00:04:00 [เพลง]
00:04:00 → 00:04:03 He is Now working on How That
00:04:03 → 00:04:05 prot handing M Protein is
00:04:06 → 00:04:08 Important for Brain
00:04:08 → 00:04:11 function That issue has been unn
00:04:11 → 00:04:14 for Long Time And So has using a
00:04:14 → 00:04:18 new System to
00:04:18 → 00:04:19 understand
00:04:19 → 00:04:26 function pH Protein in Brain
00:04:26 → 00:04:30 understanding prote in Brain We We
00:04:30 → 00:04:32 can probably develop a new
00:04:32 → 00:04:35 strategy for example We can
00:04:35 → 00:04:36 develop a new
00:04:36 → 00:04:39 drug based on the mechanisms
00:04:39 → 00:04:41 Protein handling System In The
00:04:41 → 00:04:46 Brain So his outcome will be Able
00:04:46 → 00:04:49 To A Gap
00:04:49 → 00:04:52 Between phenotype and Cellular and
00:04:52 → 00:04:54 molecular
00:04:54 → 00:05:05 mechanisms Use
00:05:05 → 00:05:09 andy Cure
00:05:09 → 00:05:14 [เพลง]
00:05:14 → 00:05:17 Stroke ทีนี้เวลาที่เราทำวิจัยเครับเรา
00:05:17 → 00:05:20 ก็อยากจะได้อะไรที่มันสามารถจำกัดขอบเขต
00:05:20 → 00:05:22 ได้ในเบื้องต้นและตัวรูเล็กๆที่ว่าที่
00:05:22 → 00:05:24 อยู่บนผิวเซลล์เครับมันเป็นเรื่องที่น่า
00:05:24 → 00:05:27 สนใจอยู่ะแล้วก็เทคนิคการวิจัยก็น่าสนใจ
00:05:27 → 00:05:30 ด้วยเพราะว่าเราโฟกัสไปแค่จุดที่เราสนใจ
00:05:30 → 00:05:33 ใช่ครับใช่แล้วไอ้ที่วิธีการที่น่าสนใจ
00:05:33 → 00:05:35 อย่างที่หมออาร์ตบอกนี่มันคือยังไงอ่ะคะ
00:05:35 → 00:05:38 คือวิธีการศึกษาไอ้ช่องประจุที่ว่าเนี่ย
00:05:38 → 00:05:40 นะครับเอ่อมันจะเป็นการเเรียกบูรณาการ
00:05:40 → 00:05:42 แล้วะกันคือมันไม่ได้หมายความว่าเกี่ยว
00:05:42 → 00:05:45 ข้องกับเอ่อชีวกแพทย์อย่างเดียวแต่มันยัง
00:05:45 → 00:05:47 เอาเรื่องไฟฟ้าเรื่องทางวิศวกรรมเข้ามา
00:05:48 → 00:05:50 เกี่ยวข้องด้วยและนอกจากนี้นะฮะการ
00:05:50 → 00:05:52 เคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้าผ่านดูเล็กๆเนี่ย
00:05:52 → 00:05:55 ค่ะมันยังทำให้เกิดการความเปลี่ยนแปลง
00:05:55 → 00:05:58 ด้านเคมีเหรอด้านเคมีด้วยด้านพฤติกรรมของ
00:05:58 → 00:06:00 สัตว์เลยด้วยซ้ำครับึงพฤติกรรมเลยอคะถูก
00:06:00 → 00:06:02 ต้องครับคือเราเราเริ่มต้นจากเล็กๆเป็น
00:06:02 → 00:06:05 ระดับจุลภาคแต่เราสามารถขยายผลการทดลอง
00:06:05 → 00:06:08 ตัวเขึ้นไปในระดับมหภาคคือระดับสมองทั้ง
00:06:08 → 00:06:09 ก้อนได้
00:06:09 → 00:06:13 โวและยังขยายไปสู่โรคต่างๆได้เหมือนกัน
00:06:13 → 00:06:15 ซึ่งตรงนั้นก็ต้องมาทำการวิจัยและค้นคว้า
00:06:15 → 00:06:18 ต่อไปวิธีการของหมออาร์ตเป็นยังไงคะใช
00:06:18 → 00:06:20 ครับวิธีการของผมพอผมเริ่มต้นว่าไอ้ตัวรู
00:06:20 → 00:06:23 เล็กๆนี่มันเกี่ยวข้องกับความผิดปกติใน
00:06:23 → 00:06:25 ระบบประสาทผมก็พยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็น
00:06:25 → 00:06:28 จริงว่าเมื่อขยายผลในระดับสมองทั้งหมด
00:06:28 → 00:06:31 เนี่ยมันได้ได้ผลจริงมากน้อยแค่ไหนอย่าง
00:06:31 → 00:06:34 ผมทำงานวิจัยเนี่ยผมตอนแรกผมเริ่มต้นทำใน
00:06:34 → 00:06:36 หนูแล้วก็พบว่ามันมีข้อจำกัดหลายอย่าง
00:06:36 → 00:06:38 เพราะว่าเวลาเราจะดูพวกเนี้ยบางทีเราต้อง
00:06:38 → 00:06:42 ฆ่าหนูอืเราก็เปลี่ยนมาใช้ปลาใช้ปลาแทน
00:06:42 → 00:06:44 หนูอย่างเงี้เหรอคใช่ครับแล้วเดี๋ยวปลา
00:06:44 → 00:06:46 กับคนมันเหมือนกันหรอคะเอ่อถ้าเราดูใน
00:06:47 → 00:06:49 ลำดับพื้นฐานในลำดับจีนเนี่ยนะครับมันจะ
00:06:49 → 00:06:52 มีลักษณะที่ใกล้เคียงกันอือโดยเฉพาะไอ้
00:06:52 → 00:06:54 ตัวรูที่ว่าเนี้ยรูที่ว่านี่เป็นโปรตีนนะ
00:06:54 → 00:06:57 ครับแล้วก็เวลาเราจะสร้างโปรตีนเนี่ยมัน
00:06:57 → 00:06:59 จะต้องมีการถอดรหัสจากรหัสพันธุกรรมแล้ว
00:06:59 → 00:07:04 เราพบว่ารหัสพันธุกรรมเในปลาในหนูในคนกัน
00:07:04 → 00:07:07 อเราก็เลยหยิบลักษณะคล้ายคึงเป็นรูปแบบใน
00:07:07 → 00:07:12 การทดลองเราใช่ครับ The issue is how
00:07:12 → 00:07:14 Protein hing Protein is doing in
00:07:14 → 00:07:18 people inin in Brain not in
00:07:18 → 00:07:21 tissue culture neuron
00:07:21 → 00:07:27 or Brain from
00:07:27 → 00:07:29 mci M
00:07:29 → 00:07:33 Brain as System but it is not
00:07:34 → 00:07:38 easy Natural condition of Brain
00:07:38 → 00:07:41 function If you use Just Brain
00:07:41 → 00:07:45 cult cells but He is trying to
00:07:45 → 00:07:48 devel new System to understand
00:07:48 → 00:07:51 function using Zebra
00:07:51 → 00:07:54 Fish System The Reason Why He
00:07:54 → 00:07:58 chose Ze Fish is Fish has
00:07:58 → 00:08:00 transparent
00:08:00 → 00:08:02 Body So He
00:08:02 → 00:08:04 can
00:08:04 → 00:08:12 anal Fun in the WH
00:08:12 → 00:08:32 [เพลง]
00:08:32 → 00:08:35 เ่อเราทำในปลาคือปลาเนี่ยมันมันมี
00:08:35 → 00:08:36 ประโยชน์ตรงที่ว่ามันสามารถตัดต่อ
00:08:36 → 00:08:39 พันธุกรรมได้ตัดต่อพันธุกรรมได้ใช่ครับทำ
00:08:39 → 00:08:42 ได้ง่ายเมื่อเปรียบเทียบกับหนูุคนปลาที่
00:08:42 → 00:08:46 ผมตัดต่อพันธุกรรมไว้นะครับผมก็เลือกมา
00:08:46 → 00:08:49 เป็นเป็นตัวอย่างบางส่วนนะครับเพื่อที่จะ
00:08:49 → 00:08:52 พิสูจน์ว่าผลการตัดต่อพันธุกรรมได้ผลดีมย
00:08:52 → 00:08:56 ก็อาจจะต้องยอมเสียสละชีวิตปลานะครับหลัง
00:08:56 → 00:08:59 จากนั้นเนี่ยผมก็จะเอาไอ้ตัวสารส
00:08:59 → 00:09:01 พันธุกรรมเคเรียก Run pcr ก็คือ Copy
00:09:01 → 00:09:04 อือฮึกี้ตำแหน่งสารพันธุกรรมที่เรา
00:09:04 → 00:09:07 ต้องการจะรู้นะฮะว่าผลการตัดต่อพันธุกรรม
00:09:07 → 00:09:10 ของเราเนี่ยถูกต้องมากน้อยแค่ไหนหลังจาก
00:09:10 → 00:09:13 ที่เราได้กี้ที่ว่านั้นแล้วนะฮะเราก็จะ
00:09:13 → 00:09:17 ส่งให้ใช้เครื่องนะครับในการตรวจสอบว่า
00:09:17 → 00:09:18 ลำดับ
00:09:18 → 00:09:21 พันธุกรรมมันมีความเปลี่ยนแปลงจริงหรือ
00:09:21 → 00:09:37 เปล่า
00:09:37 → 00:09:41 พระชอบที่งานวิจัยชิ้นนี้ยค่ะเมื่อเสร็จ
00:09:41 → 00:09:43 สิ้นแล้วเนี่ยเราสามารถเอาผลลัพธ์มัน
00:09:43 → 00:09:45 เนี่ยเอามาช่วยเหลือเกี่ยวกับเรื่องของ
00:09:45 → 00:09:48 ระบบประสาทซึ่งระบบประสาทเยมันก็ตอบใน
00:09:48 → 00:09:51 หลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการ
00:09:51 → 00:09:54 เคลื่อนไหวหรือเรื่องของความทรงจำซึ่ง
00:09:54 → 00:09:58 อันเนี้ยมันทัชเรามากเพราะว่าโรคความทรง
00:09:58 → 00:10:00 จำหรือที่เรารู้จักกันดีอค่ะนั่นคือโรค
00:10:00 → 00:10:02 อัลไซเมอร์เนี่ยเราเคยอ่านจากหนังสือมา
00:10:02 → 00:10:06 ก่อนเรารู้ว่าโรคนี้น่ากลัวและเราก็มีคน
00:10:06 → 00:10:09 ที่อยู่ในวงล้อมเราที่เขาเป็นโรค
00:10:09 → 00:10:11 อัลไซเมอร์ซึ่งเรารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก
00:10:11 → 00:10:15 จริงๆกับเหตุการณ์นั้นและถ้างานวิจัยชิ้น
00:10:15 → 00:10:18 นี้มันสามารถจะคิดค้นยาหรืออะไรก็ได้ที่
00:10:18 → 00:10:21 จะสามารถช่วยเหลือคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์
00:10:21 → 00:10:23 ได้อ่ะค่ะแพ้เชื่อว่ามันไม่ได้ช่วยรักษา
00:10:24 → 00:10:26 แค่ผู้ป่วยเท่านั้นแต่มันจะทำให้เกิดความ
00:10:26 → 00:10:30 สุขในครอบครัวของผู้ป่วยซึ่งเราก็หวังว่า
00:10:30 → 00:10:32 มันจะเกิดขึ้นในเร็ววันค่ะถึงแม้ว่าหมอ
00:10:32 → 00:10:35 อาร์ตบอกมาว่ามันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นภาย
00:10:35 → 00:10:38 ในปี 2 ปีนี้หรอกแต่ไม่เป็นไรค่ะแพเชื่อ
00:10:38 → 00:10:41 ว่าแค่นี้มันก็คือเป็นจุดเริ่มต้นและมัน
00:10:41 → 00:10:44 ก็จะเป็นความหวังให้กับผู้ป่วยแล้วก็
00:10:45 → 00:10:47 ครอบครัวผู้ป่วยด้วยค่ะเมื่อกี้อยู่ในแลบ
00:10:47 → 00:10:50 ไปเรียบร้อยแล้วถามได้มั้ยคะว่าณปัจจุบัน
00:10:50 → 00:10:52 เนี่ยเรื่องของการวิจัยที่เราทำวิจัยอยู่
00:10:52 → 00:10:55 มันถึงขั้นไหนแล้วคือของผมตอนนี้เนี่ยเรา
00:10:55 → 00:10:58 สามารถบอกได้แล้วว่าไอ้ตัวช่องประจุตัว
00:10:58 → 00:11:00 นี้นะครับมีเจออยู่ในปลาที่ผมใช้แล้วก็
00:11:00 → 00:11:04 พยายามที่จะเ่อยืนยันการทำงานของช่อง
00:11:04 → 00:11:06 ประจุนี้ในตัวปลาอยู่ซึ่งแน่นอนอันนี้
00:11:06 → 00:11:08 อยู่ในระหว่างการวิจัยครับคิดว่าอีกไม่
00:11:08 → 00:11:11 นานน่าจะได้คำตอบคือตอนนี้เนี่ยพอเรา
00:11:11 → 00:11:12 สามารถยืนยันได้แล้วนะครับว่าไอ้ช่อง
00:11:13 → 00:11:15 ประจุที่ว่าเมันเกี่ยวข้องกับเอ่อการเกิด
00:11:15 → 00:11:17 โรคของระบบประสาทโดยเฉพาะพวกโรคที่เกิด
00:11:17 → 00:11:19 จากความเสื่อมงั้นถ้าเราสามารถเปลี่ยน
00:11:19 → 00:11:22 แปลงการทำงานของประจุที่ว่านี้ได้ก็มี
00:11:22 → 00:11:24 โอกาสที่จะพัฒนายาที่ใช้รักษาโรคที่เกิด
00:11:24 → 00:11:27 จากความเสื่อมของระบบประสาทได้ฉะนั้นเวลา
00:11:27 → 00:11:29 ที่จะพัฒนาได้ยาสักตัวนึงเนี่ยอาจจะต้อง
00:11:29 → 00:11:32 ใช้เวลาแต่แน่นอนเรามีความหวังค่ะเพราะ
00:11:32 → 00:11:33 ว่าถือว่าเราได้จุดเริ่มต้นแล้วะใช่ครับ
00:11:33 → 00:11:36 ดังนั้นก็ต้องมีความหวังแล้วก็รอคอยใช่
00:11:36 → 00:11:38 อันนี้ก็คือเรื่องของรีเสิร์ชหรือว่างาน
00:11:38 → 00:11:41 วิจัยที่เกิดขึ้นณปัจจุบันงั้นเรามาถาม
00:11:41 → 00:11:44 บ้านดีกว่าว่าในบทบาทที่เป็นคุณหมอแล้ว
00:11:44 → 00:11:46 เราเนี่ยต้องมาสมบดบาทการเป็นนักวิจัย
00:11:46 → 00:11:48 หรือนักวิทยาศาสตร์ครับมันแตกต่างกันมั้ย
00:11:48 → 00:11:52 คะในกระบวนการความคิดอืมถามว่าแตกต่างกัน
00:11:52 → 00:11:55 มยผมว่าแตกต่างนะเพราะว่าผมถูกเทรนมาใน
00:11:55 → 00:11:57 ฐานะที่เป็นแพทย์เป็นนักเรียนแพทย์เนี่ย
00:11:57 → 00:12:00 นะครับวิธีการคิดของเราก็คือว่าเมื่อเรา
00:12:00 → 00:12:02 ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆแล้วเนี่ยเราจะไปใช้
00:12:02 → 00:12:04 คนไข้ได้อย่างไรเราจะไปประยุกต์เพื่อ
00:12:05 → 00:12:07 รักษาคนไข้ได้แบบไหนงั้นพอเรากลับเข้ามา
00:12:07 → 00:12:09 ทำในงานวิจัยที่มันเป็นเค้าเรียกเป็น
00:12:10 → 00:12:11 basic SI ใช่นะครับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
00:12:12 → 00:12:15 เนี่ยเราก็จะมองเพิ่มเติมนะฮะคือไม่ใช่
00:12:15 → 00:12:17 แค่ว่าค้นพบแล้วมีความรู้สึกดีใจเท่านั้น
00:12:17 → 00:12:20 คือไม่ได้ฟูฟิตัวเองว่าฉันค้นพบแล้วยูร่า
00:12:20 → 00:12:22 เใช่นั่นเป็นส่วนนึงครับแต่เราจะมองข้าม
00:12:22 → 00:12:25 ไปกว่านั้นอีกว่าสิ่งที่เราค้นพบเนี่ยเรา
00:12:25 → 00:12:28 จะไปใช้ยังไงดีนะฮะนั่นนัเป็นจุดมุ่งหมาย
00:12:28 → 00:12:30 ที่เรามองแล้ววิธีการมองแบบนี้มันถูกเนมา
00:12:30 → 00:12:34 ในโรงเรียนแพท
00:12:34 → 00:12:36 adon has experience of working as
00:12:37 → 00:12:39 medical Doctor And Also He has
00:12:39 → 00:12:42 experience of teaching basic
00:12:42 → 00:12:44 Medicine So He has much knowledge
00:12:44 → 00:12:49 about medic and When He Came And
00:12:49 → 00:12:53 joined He sted to do experiments
00:12:53 → 00:12:56 based Ze and
00:12:56 → 00:13:08 M physical function
00:13:08 → 00:13:13 places Because We need to find
00:13:13 → 00:13:16 New So it was slightly difficult
00:13:16 → 00:13:19 At The Beginning for him to get
00:13:19 → 00:13:22 accustomed to such environment but
00:13:22 → 00:13:23 He
00:13:23 → 00:13:38 has SK EXP
00:13:38 → 00:13:40 understanding in
00:13:40 → 00:13:44 medical aspects and Also Basic
00:13:44 → 00:13:48 biic
00:13:48 → 00:14:06 [เพลง]
00:14:06 → 00:14:08 และที่หมออารตนะคะได้มาเรียนต่อแล้วก็ทำ
00:14:08 → 00:14:11 งานวิจัยที่นี่เนี่ยก็เพราะว่าเขาได้รับ
00:14:11 → 00:14:29 ทุน ipbs9210
00:14:29 → 00:14:32 คือผู้ที่จะได้รับทุน ipvs นี้นะคะนอกจาก
00:14:32 → 00:14:35 จะต้องมีศักยภาพในด้านการเรียนและการทำ
00:14:35 → 00:14:37 วิจัยแล้วเนี่ยยังต้องมีภาวะผู้นำอีกด้วย
00:14:37 → 00:14:40 ค่ะซึ่งหมออารตคนนี้นี่แหละค่ะที่เป็นนัก
00:14:40 → 00:14:44 ศึกษาไทยคนแรกที่ได้รับชุนจากโครงการนี้
00:14:44 → 00:14:47 ค่ะ Right Now we know about Art
00:14:47 → 00:14:50 and Also H work and what is the
00:14:50 → 00:14:52 ipvs Program I know That He joys
00:14:52 → 00:14:55 In This Program and the first one
00:14:55 → 00:14:57 to to joys why you pick him or
00:14:57 → 00:15:01 Choose him that Yeah Yeah Went To
00:15:01 → 00:15:04 M University Because We knew That
00:15:04 → 00:15:06 M University is one the best
00:15:06 → 00:15:09 univers in Thailand and it has
00:15:09 → 00:15:11 Also very good medical schools
00:15:11 → 00:15:15 This is very New Tri For Us So
00:15:15 → 00:15:18 We want to From A small Number
00:15:18 → 00:15:20 of Good very good
00:15:20 → 00:15:36 Students We went to university
00:15:36 → 00:15:40 nw The Best student in
00:15:40 → 00:15:42 Group He
00:15:42 → 00:15:47 was Able To Express Well One
00:15:47 → 00:15:49 Reason and Reason
00:15:49 → 00:15:59 is He has much knowledge and
00:15:59 → 00:15:59 Will
00:16:00 → 00:16:03 be good leader in the future If
00:16:03 → 00:16:08 He is trained for many aspects So
00:16:08 → 00:16:09 That's The Reason Why we Why He
00:16:09 → 00:16:13 is come here Yes แล้วอนาคตล่ะคะพอ
00:16:13 → 00:16:16 เราได้สัมผัสทั้ง 2 บทบาทครับเลือกไคะว่า
00:16:16 → 00:16:18 เราต้องไปทางไหนหลังจากที่เรียนจบจาก
00:16:18 → 00:16:20 มหาวิทยาลัยโอซาก้าแล้วนะครับผมก็คงกลับ
00:16:21 → 00:16:23 ไปทำงานที่ศิริราชเหมือนเดิมนะงานหลักคง
00:16:23 → 00:16:26 เป็นงานสอนแล้วก็งานวิจัยแต่แน่นอนนะใน
00:16:26 → 00:16:28 ฐานะที่เราจบมาเป็นแพทย์แล้วเนี่ยงาน
00:16:28 → 00:16:31 รักษาคงทิ้งไม่ได้ค่ะนะฮะก็คงจะต้องจัด
00:16:31 → 00:16:33 สรรเวลาตัวเองเพื่อไปทำงานรักษาอีกเหมือน
00:16:33 → 00:16:36 เดิมครับผมเราชอบคำว่าจัดสรรเวลาค่ะเพราะ
00:16:36 → 00:16:39 ว่าณปัจจุบันนะคะแพคก็เชื่อว่าหมออาร์ต
00:16:39 → 00:16:41 เป็นคนนึงที่จัดสรบลาได้ดีมากเพราะว่านอก
00:16:41 → 00:16:44 จากงานวิจัยที่ตัวเองเนี่ยใช้ชีวิตอยู่
00:16:44 → 00:16:47 แบบกับในห้องแหลบแล้วก็ยังเป็นเด็ก
00:16:47 → 00:16:51 กิจกรรมที่คอยช่วยงานของสมาคมครับเอ่อนัก
00:16:51 → 00:16:53 เรียนไทยในประเทศญี่ปุ่นด้วยใช่มั้ยคะใช่
00:16:53 → 00:16:56 ฮะหมออาร์ตจัดสรรเวลาการใช้ชีวิตยังไงที่
00:16:56 → 00:16:59 สามารถบาลานซ์ระหว่างเรื่องของการเรียน
00:16:59 → 00:17:02 ครับและเรื่องของกิจกรรมได้ดีขนาดนี้คือ
00:17:02 → 00:17:04 เราต้องมองครับว่าเราจะทำแลบทำการทดลอง
00:17:04 → 00:17:07 เนี่ยเราจะต้องวางแผนก่อนโดยปกติแล้ว
00:17:07 → 00:17:09 เนี่ยเอ่อวันอาทิตย์ตอนบ่ายๆเี่ผมจะเริ่ม
00:17:10 → 00:17:12 วางแผนแล้วว่าสัปดาห์นี้ผมจะทำอะไรบ้าง
00:17:12 → 00:17:15 คือไม่ได้มองแค่ว่าวันวันนี้เราจะทำอะไร
00:17:15 → 00:17:18 แต่มองทั้งสัปดาห์เลยใช่ฮะพอเราวางแผน
00:17:18 → 00:17:20 เสร็จเนี่ยทุกอย่างมันจะเริ่มเราจะเริ่ม
00:17:20 → 00:17:22 มองเห็นเวลาที่เหลือะอว่าเราจะทำอะไรต่อ
00:17:22 → 00:17:25 ในเวลาที่เหลือนั้นเราจะต้องสรุปงานสรุป
00:17:25 → 00:17:28 งานประชุมอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับเราก็
00:17:28 → 00:17:30 สามารถจัดสรรเวลาตรงนั้นเพิ่มเติมสำหรับ
00:17:30 → 00:17:33 กิจกรรมได้ครับอันนี้คือวิธีหมออานะคะ
00:17:33 → 00:17:35 เรื่องของการเรียนการแบ่งเวลาทำกิจกรรม
00:17:36 → 00:17:37 งั้นเรามาถามเรื่องของการใช้ชีวิตที่นี่
00:17:37 → 00:17:39 บ้างดีกว่าครับก็คือประเทศญี่ปุ่นเป็น
00:17:39 → 00:17:43 ประเทศที่เราสนใจนะฮะผมมองความสนใจอยู่ 2
00:17:43 → 00:17:45 เรื่องก็คือเรื่องด้านวิทยาศาสตร์นะครับ
00:17:45 → 00:17:48 ด้านระบบปราสาวิทยาเนี่ยในประเทศญี่ปุ่น
00:17:48 → 00:17:51 เองก็ค่อนข้างดังนะฮนั้นก็เป็นโอกาสดีที่
00:17:51 → 00:17:53 เราจะได้มาเรียนที่นี่อันที่ 2 ก็คือ
00:17:53 → 00:17:55 วัฒนธรรมญี่ปุ่นมีความน่าสนใจนะครับเป็น
00:17:55 → 00:17:57 อีกเหตุผลนึงที่ดึงดูดให้ผมเลือกที่จะมา
00:17:57 → 00:18:00 เรียนที่ญี่ปุ่นเช่นวัฒนธรรมการทำงานนะ
00:18:00 → 00:18:02 ครับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือว่ามุม
00:18:02 → 00:18:05 มองของคนญี่ปุ่นนะต่อต่อสิ่งต่างๆที่อยู่
00:18:05 → 00:18:07 รอบกายอย่างนี้เป็นต้นเล่าให้ฟังได้มยคะ
00:18:07 → 00:18:10 ยกตัวอย่างว่ามันมันเป็นยังไงอย่างมุมมอง
00:18:10 → 00:18:12 ที่เขามองคนอื่นคือสังคมญี่ปุ่นเนี่ยครับ
00:18:12 → 00:18:14 เขาพยายามที่จะรักษาความกลมเกลียวภายใน
00:18:14 → 00:18:17 กลุ่มทีนี้วิธีการนึงที่จะไม่ทำลายความ
00:18:17 → 00:18:20 กลมเกลียวภายในกลุ่มเนี่ยก็คือไม่แสดงออก
00:18:20 → 00:18:23 ความต้องการของตัวเองอืพอไม่แสดงความ
00:18:23 → 00:18:24 ต้องการของตัวเองออกไปเนี่ยมันเลยดู
00:18:24 → 00:18:26 เหมือนกับว่าไม่ค่อยติดต่อสัมพันธ์กันแต่
00:18:26 → 00:18:29 ไม่ได้หมายความว่าเขไม่ได้เห็นสังคมไม่
00:18:29 → 00:18:32 สำคัญไม่ใช่เาให้ความสำคัญมากจนเปลดความ
00:18:32 → 00:18:35 ต้องการตัวเองลงไปครับโอ้โหเราไม่เคยเห็น
00:18:35 → 00:18:39 มุมมองตรงนี้เลยอ่ะเราไม่เคยเห็นแบบซึ่ง
00:18:39 → 00:18:41 มันเห็นไม่ได้หรอกถ้าเราไม่ได้มาใช้ชีวิต
00:18:41 → 00:18:43 ด้วยตัวเองใช่ครับมันมีเอ่อเค้าเรียกเป็น
00:18:43 → 00:18:46 สำนวนหรือสุภาสิทของญี่ปุ่นบอกว่าตะปูที่
00:18:46 → 00:18:49 มันโผล่ขึ้นมาเนี่ยมันจะต้องถูกตอกให้จม
00:18:49 → 00:18:52 ลงไปเพราะว่าอะไรอ่ะคะเพราะว่าการที่เป็น
00:18:52 → 00:18:55 ตะปูที่โผล่ขึ้นมามันดูโดดเด่นแล้วมันแตก
00:18:55 → 00:18:57 ต่างจากกลุ่มคนอื่นๆในกลุ่มเพราะฉะนั้น
00:18:57 → 00:18:59 เนี่ยมันจะต้องถูกตอกลงไปเพื่อให้มัน
00:18:59 → 00:19:01 เหมือนกับคนกลุ่มคนอื่นๆในกลุ่มจะได้
00:19:01 → 00:19:03 รักษาความกลมเกลียวรักษาความเป็นญี่ปุ่น
00:19:03 → 00:19:06 เอาไว้ครับโอคือคำว่าความกลมเกลียวในภาษา
00:19:06 → 00:19:09 ญี่ปุ่นหรือวะเนี่ยมันยังหมายถึงความเป็น
00:19:09 → 00:19:11 ญี่ปุ่นได้ด้วยสิ่งที่ประทับใจนะคะหลัง
00:19:11 → 00:19:13 จากที่ได้พูดคุยกับหมออาร์ตคือเราชอบมุม
00:19:13 → 00:19:17 มองของผู้ชายคนนี้ที่มองต่อคนรอบข้างคือ
00:19:17 → 00:19:19 ตอนที่แพบอกหมออาจไปอ่ะค่ะว่าการที่เขา
00:19:19 → 00:19:22 ได้มองเห็นคนญี่ปุ่นในรูปแบบนี้เพราะเขา
00:19:22 → 00:19:24 ได้มาใช้ชีวิตตรงนี้ซึ่งเอาข้อจริงแล้ว
00:19:24 → 00:19:28 อ่ะค่ะมันไม่จำเป็นที่คนที่มาใช้ชีวิตณ
00:19:28 → 00:19:32 สังคมสังคมนึงจะมองเห็นด้านเดียวกันแต่
00:19:32 → 00:19:35 การที่เขามองเห็นด้านดีหรือด้านที่
00:19:35 → 00:19:37 Positive ของคนญี่ปุ่นได้ขนาดนี้นั่น
00:19:37 → 00:19:40 เป็นเพราะเขาเป็นคน Positive ซึ่งการที่
00:19:40 → 00:19:42 เขาเป็นคน Positive แบบนี้ค่ะจะทำให้เขา
00:19:42 → 00:19:44 สามารถดำเนินชีวิตแล้วส่งต่อพลังบวกให้
00:19:44 → 00:19:48 กับคนรอบข้างทั้งหมดซึ่งเราชอบมากอีกสิ่ง
00:19:48 → 00:19:50 หนึ่งที่ประทับใจมากเลยนะคะนั่นคือมุมมอง
00:19:50 → 00:19:54 ของหมออารตค่ะในเรื่องของการเป็นแพทย์กับ
00:19:54 → 00:19:57 การเป็นนักวิจัยเขาคือบุคคลที่อยู่ณ 2
00:19:57 → 00:20:02 สถานะแต่ส่งที่เขาคิดและสิ่งที่เขามองหา
00:20:02 → 00:20:05 คือเรื่องของผลลัพธ์ที่ไม่ใช่ผลของงาน
00:20:05 → 00:20:07 วิจัยแต่คือผลลัพธ์ที่จะก่อเกิดประโยชน์
00:20:07 → 00:20:11 กับคนที่นำมันไปใช้นั่นคือคนหรือมนุษย์
00:20:11 → 00:20:13 ซึ่งตรงเนี้ยเรารู้สึกประทับใจมากและ
00:20:13 → 00:20:16 อย่างที่แพบอกมาตลอดเวลาคในรายการฉแววของ
00:20:16 → 00:20:20 เราว่าแพมักจะชื่นชมแล้วก็ชื่นชอบคนที่
00:20:20 → 00:20:23 มองถึงผู้อื่นมากกว่าตัวเองเพราะว่าการ
00:20:23 → 00:20:25 ที่เราจะทำเพื่อคนอื่นได้อ่ะค่ะมันคือการ
00:20:25 → 00:20:28 ที่เราต้องปล่อยวางตัวตนของเราไว้ก่อนถ้า
00:20:28 → 00:20:31 เรายังปล่อยวางตัวตนเราไม่ได้เราก็จะไม่
00:20:31 → 00:20:34 สามารถทำเพื่อผู้อื่นได้และเขาทำได้ถึง
00:20:34 → 00:20:38 ขนาดนี้ใช้เวลาเยอะมากๆในชีวิตของเขาณ
00:20:38 → 00:20:41 ปัจจุบันเพื่อคนอื่น
00:20:41 → 00:21:04 [เพลง]
00:21:04 → 00:21:27
00:21:27 → 00:21:27 [เพลง]
00:21:27 → 00:21:32 เ
00:21:32 → 00:21:42 [เพลง]
00:21:57 → 00:22:01 Oh H