00:00:00 → 00:00:03 โรคแอเชียหรือว่าหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง
00:00:03 → 00:00:05 ไม่คลายเนี่ยนะคะเป็นภาวะที่เจอไม่บ่อย
00:00:05 → 00:00:08 อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคอื่น
00:00:08 → 00:00:11 นะคะทำให้การวินิจฉัยเนี่ยล่าช้าแล้วก็ทำ
00:00:11 → 00:00:13 ให้คนไข้เนี่ยมีความทุกข์ทรมานถ้าเป็นโรค
00:00:13 → 00:00:15 นี้แล้วก็ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
00:00:15 → 00:00:23 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:28 ค่ะโรคแอเชียก็หมายถึงภาวะที่หูรูดหลอด
00:00:28 → 00:00:30 อาหารเนี่ยมันไม่ยอมคลายในเวลาที่มันควร
00:00:30 → 00:00:33 จะคลายปกติเนี่ยหูรูดหลอดอาหารเราจะมี
00:00:33 → 00:00:35 ส่วนบนกับส่วนล่างนะคะส่วนบนก็คือป้องกัน
00:00:35 → 00:00:38 ไม่ให้อาหารเย้อนเข้ามาในขณะที่หูรูปส่วน
00:00:38 → 00:00:40 ล่างเนี่ยเขาก็จะป้องกันไม่ให้สิ่งที่
00:00:40 → 00:00:43 อยู่ในกระเพาะอาหารขึ้นมาที่หลอดอาหารแต่
00:00:43 → 00:00:46 โรคเอเชียเนี่ยมันจะมีภาวะที่การทำงานของ
00:00:46 → 00:00:49 ระบบประสาททางดนอาหารผิดปกติทำให้หูรูด
00:00:49 → 00:00:51 ส่วนใหญ่เนี่ยไม่ค่อยยอมคลายทำให้คนไข้
00:00:51 → 00:00:53 ไม่สามารถที่จะกลืนอาหารผ่านเข้าไปใน
00:00:53 → 00:00:54 กระเพาะอาหาร
00:00:54 → 00:00:59 ได้โรคชียหลายคนอาจยังไม่รู้จักโรคนี้แต่
00:00:59 → 00:01:03 แต่ถ้าคุณมีอาการกลืนลำบากกินอาหารใช้
00:01:03 → 00:01:07 เวลานานผิดปกติน้ำหนักตัวลดลงกินได้แค่
00:01:07 → 00:01:11 อาหารเหลวอาเจียนทุกครั้งเมื่อกินอาหาร
00:01:11 → 00:01:14 คุณอาจเสี่ยงเป็นโรคอาเชียโรคระบบทางเดิน
00:01:14 → 00:01:18 อาหารที่หลายๆคนยังไม่รู้จักสาเหตุเยัง
00:01:18 → 00:01:21 ไม่ทราบแน่ชัดอ่ะนะคะว่าทำไมเอ่อปมประสาท
00:01:21 → 00:01:24 ที่ว่าเนี่ยมันถึงผิดปกติไปแต่เขา
00:01:24 → 00:01:25 สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการติดเชื้อ
00:01:26 → 00:01:28 ไวรัสในอดีตทำให้เกิดการทำลายของไอ้ปม
00:01:28 → 00:01:31 ประสาทดังกล่าวแล้วก็ก็ทำให้เกิดการทำงาน
00:01:31 → 00:01:34 ของรอยอาหารที่ผิดปกติไปไม่มีชัดเจนค่ะ
00:01:34 → 00:01:37 ว่าคนไหนที่จะเกิดปัญหาเรื่องของเอเชีย
00:01:37 → 00:01:39 ส่วนเรื่องของพันธุกรรมนั้นเนี่ยก็อาจจะ
00:01:39 → 00:01:42 มีผลกับเรื่องของการเกิดเอลเชได้เช่น
00:01:42 → 00:01:45 เดียวกันค่ะคนไข้จะมีปัญหาเรื่องของการ
00:01:45 → 00:01:47 รับประทานอาหารเช่นบางคนก็จะมีปัญหา
00:01:47 → 00:01:49 เรื่องรับประทานอาหารเข้าไปแล้วรู้สึกติด
00:01:49 → 00:01:51 อยู่ในหน้าอกบางครั้งถ้าเป็นมากๆแล้วก็
00:01:51 → 00:01:54 เป็นนานๆเนี่ยคนไข้ก็จะมีปัญหาเรื่องของ
00:01:54 → 00:01:57 อาหารย้อนหรือว่าท้นขึ้นมาโดยเฉพาะอย่าง
00:01:57 → 00:01:59 ยิ่งเวลานอนเนี่ยก็จะมีอาหารหรือว่าน้ำ
00:02:00 → 00:02:02 ไหลออกมาทางปากได้ส่วนใหญ่เนื่องจากว่า
00:02:02 → 00:02:04 รับประทานอาหารไม่ได้หรือว่าทานได้น้อย
00:02:04 → 00:02:06 มากเนี่ยก็จะน้ำหนักลดค่อนข้างเยอะนะคะ
00:02:06 → 00:02:08 แล้วก็เนื่องจากว่าเป็นโรคที่เจอไม่บ่อย
00:02:08 → 00:02:11 ปัญหาที่เจอก็คือว่าเวลาไปพบคุณหมอเนี่ย
00:02:11 → 00:02:13 หลายๆครั้งจะถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคอื่น
00:02:13 → 00:02:15 อย่างเช่นเป็นกรดไหลย้อนก็ทำให้การ
00:02:15 → 00:02:17 วินิจฉัยเนี่ยยิ่งเนิ่นช้าไปอีกถ้าเราได้
00:02:17 → 00:02:21 รับการรักษาเร็วนะคะผลการรักษาจะค่อนข้าง
00:02:21 → 00:02:23 ดีเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่ามีอาการระยะนึง
00:02:23 → 00:02:26 แล้วไม่หาย 3-4 สัปดาห์ยังเป็นอาการต่อ
00:02:26 → 00:02:28 เนื่องเงี้ยค่ะก็แนะนำว่าให้มาตรวจค่ะ
00:02:28 → 00:02:32 สวัสดีค่ะมีมีปัญหายังไงคะที่มาหาหมอคือ
00:02:32 → 00:02:36 ทานอาหารแล้วจะอาเจียนทานอาหารแล้ว
00:02:36 → 00:02:39 อาเจียนเลยเหรอคะอืเป็นมานานหรือยังคะนาน
00:02:39 → 00:02:44 แล้วค่ะแต่ว่ามันแค่มื้อเดียวแล้วก็มา
00:02:44 → 00:02:48 เป็น 2 มื้อ 3 มื้อเป็นมาทั้งหมดเนี่ยกี่
00:02:48 → 00:02:50 ปีละก่อนจะมาเจอหมอเนี่ยหรือว่านานกี่
00:02:50 → 00:02:54 เดือน 2 ประมาณ 2-3 ปีอ่ะ 2-3 ปีคือปล่อย
00:02:54 → 00:02:58 ไว้จนแบบว่ากงคืนก็ต้องลุกขึ้นมาเจียนให้
00:02:58 → 00:03:01 หมดอ่ะวิธีการตรวจยยืนยันว่าคนไข้เป็นโรค
00:03:01 → 00:03:04 เอเชียนะคะก็คือจะมีตั้งแต่ 1 กัน 2
00:03:04 → 00:03:06 กล้องนะคะเมื่อเราสองกล้องไปตรวจเนี่ย
00:03:06 → 00:03:10 เอ่อถ้าเป็นเยอะพอจะเห็นว่าหลอดอาหาร
00:03:10 → 00:03:12 เนี่ยมันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วก็มีอาหาร
00:03:12 → 00:03:16 ค้างอยู่แล้วก็บริเวณหูรูดหลอดอาหารส่วน
00:03:16 → 00:03:18 ปลายเนี่ยมันก็จะค่อนข้างปิดแน่นบางครั้ง
00:03:18 → 00:03:20 เนี่ยกว่าจะผ่านกล้องได้ก็ต้องใช้แรงนิด
00:03:20 → 00:03:23 นึงซึ่งปกติเนี่ยมันจะเปิดปิดได้ค่อนข้าง
00:03:23 → 00:03:26 ง่ายอยู่นะคะอันที่ 2 ก็คือการกลืนแป้ง
00:03:26 → 00:03:30 การกลืนแป้งก็คือเราให้คนไข้ดื่มนะคะสาร
00:03:30 → 00:03:32 ทางบางอย่างที่ทึบรังสีแล้วก็ถ่ายภาพเซร
00:03:32 → 00:03:35 ดูนะคะเราก็จะเห็นว่าหลอดอาหารเนี่ยมีการ
00:03:35 → 00:03:38 ถ่าขยายของหลอดอาหารแล้วก็บริเวณส่วนปลาย
00:03:38 → 00:03:40 ที่เป็นหูรูดหลอดอาหารเนี่ยก็จะพบว่ามัน
00:03:40 → 00:03:42 ตีบมากนะคะมีลักษณะที่เรียกว่า Bird Weak
00:03:42 → 00:03:45 appearance หรือว่าลักษณะเหมือนปากนกนะ
00:03:45 → 00:03:48 คะก็คือแหลมๆนะคะเพราะมันไม่ยอมคลายสุด
00:03:48 → 00:03:51 ท้ายซึ่งเป็นอันที่ควรจะต้องทำเสมอในคน
00:03:51 → 00:03:53 ไข้ที่สงสัยเอชียคือใส่สายตรวจการทำงาน
00:03:53 → 00:03:56 ของหลอดอาหารนะคะว่ามีการทำงานของหลอด
00:03:56 → 00:03:58 อาหารที่ผิดปกติที่เข้าได้กับภาวะนี้หรือ
00:03:58 → 00:04:00 เปล่าอันตรายของโรคนี้ก็คือว่าถ้าไม่ได้
00:04:00 → 00:04:03 รับการรักษาคนไข้ก็จะมีคุณภาพชีวิตที่แย่
00:04:03 → 00:04:05 มากบางท่านเนี่ยกว่าจะรับประทานอาหาร
00:04:05 → 00:04:07 เสร็จเนี่ยแต่ละมื้อต้องใช้เวลาเป็น
00:04:07 → 00:04:09 ชั่วโมงเพราะว่าต้องทานทีละน้อยๆเลยเพราะ
00:04:09 → 00:04:12 ว่ากว่ามันหูรูดหลอดอาหารจะยอมเปิด 1 ที
00:04:12 → 00:04:14 เงี้ยค่ะแล้วอาหารผ่านไปได้คนไข้ก็จะน้ำ
00:04:14 → 00:04:17 หนักลดเยอะนะคะก็ไม่สามารถที่จะใช้ชีวิต
00:04:17 → 00:04:21 ได้เอ่อเหมือนกับคนปกติก็จากผลนะคะที่
00:04:21 → 00:04:24 เบื้องต้นที่คุณหมอเขาส่งมาเนี่ยค่ะเอ่อ
00:04:24 → 00:04:27 ทั้งการส่องกล้องแล้วก็ปืนแป้งที่ว่ามี
00:04:27 → 00:04:29 หลอดอาหารติดเนี่ยหมออาจจะต้องตรวจเพิ่ม
00:04:29 → 00:04:31 นิดหน่อยนะนะคะเพื่อยืนยันการวินิจฉัยว่า
00:04:31 → 00:04:34 เป็นภาวะที่เราสงสัยกันจริงๆนะคะก็คือหู
00:04:34 → 00:04:37 รูดหลอดอาหารส่วนล่างไม่คลายอ่ะนะคะก็คือ
00:04:37 → 00:04:40 หมอจะใส่สายเข้าไปทางจมูกหลักๆก็คือว่า
00:04:40 → 00:04:42 เมื่อหูรูดหลัดอาหารมันไม่คลายเราก็จะใช้
00:04:42 → 00:04:46 วิธีไปทำให้มันคลายวิธีแรกก็คือใช้เหมือน
00:04:46 → 00:04:49 เป็นลูกโป่งอ่ะค่ะใส่เข้าไปนะเราจะเป่าลม
00:04:49 → 00:04:51 เข้าไปที่ลูกโป่งเนี่ยค่ะที่บริเวณที่เรา
00:04:51 → 00:04:54 ต้องการนะคะก็ทำให้หูรูดส่วนส่วนปลาย
00:04:54 → 00:04:56 เนี่ยมันคลายได้ดีขึ้นนะคะอันที่ 2 ก็คือ
00:04:56 → 00:04:58 ว่าเราใช้วิธีการส่องกล้องเหมือนกันค่ะ
00:04:58 → 00:05:01 แต่ว่าไปกลิบกล้ามเนื้อชั้นในของหลอด
00:05:01 → 00:05:04 อาหารนะคะเพราะนั้นก็จะมีการคลายตัวได้ดี
00:05:04 → 00:05:06 ขึ้นอีกอันนึงกรณีที่คนไข้เนี่ยไม่สามารถ
00:05:06 → 00:05:09 ที่จะทำหัดอาการ 2 อย่างที่ว่าไปแล้วได้
00:05:09 → 00:05:12 เนี่ยบางทีเขจะใช้โบท็อกซ์ไปฉีดที่กล้าม
00:05:12 → 00:05:15 เนื้อเพื่อให้หูรูดมันคลายได้เยอะขึ้นแต่
00:05:15 → 00:05:18 ว่าวิธีฉีดด้วยโบท็อกซ์เนี่ยผลไม่ค่อยดี
00:05:18 → 00:05:21 เท่าไหร่ค่ะสู้ 2 วิธีแรกไม่
00:05:21 → 00:05:26 ได้โรคชียสามารถรักษาได้ดีเมื่อทำการ
00:05:26 → 00:05:29 รักษาในระยะเริ่มต้นแต่ถ้าคนไข้ไม่ได้รับ
00:05:29 → 00:05:32 การรักสาที่ถูกต้องคนไข้อาจจะเสียชีวิต
00:05:32 → 00:05:35 ได้เพราะคนไข้จะมีภาวะขาดสารอาหารและติด
00:05:35 → 00:05:38 เชื้อโรคได้ง่ายเนื่องจากสภาพร่างกายที่
00:05:38 → 00:05:41 อ่อนแอในแง่ของการป้องกันนั้นเนื่องจาก
00:05:41 → 00:05:43 ว่าเรายังไม่มีปัจจัยเสี่ยงชัดเจนนะคะว่า
00:05:43 → 00:05:45 ผู้ป่วยรายใดจะเกิดปัญหาดังกล่าวนะคะก็
00:05:46 → 00:05:48 ยังไม่มีวิธีการป้องกันค่ะเพียงแต่ว่าถ้า
00:05:48 → 00:05:51 ท่านมีอาการที่รักษาอย่างที่บอกไปแล้วนะ
00:05:51 → 00:05:54 คะอย่างเช่นกลืนลำบากใช้เวลารับประทาน
00:05:54 → 00:05:56 อาหารนานกว่าปกติต้องใช้ความพยายามในการ
00:05:56 → 00:05:59 กลืนบางคนจะบอกว่าต้องกลืนซ้ำๆนะคะจุจุก
00:05:59 → 00:06:02 ทานลจุกเนี่ยค่ะอันนี้อาจจะต้องได้รับการ
00:06:02 → 00:06:05 ดูแลนะคะให้การวินิจฉัยเบื้องต้นโดยเร็ว
00:06:05 → 00:06:08 เพราะว่าถ้าเกิดเรารักษาเร็วเนี่ยโอกาส
00:06:08 → 00:06:10 ที่หลอดอาหารจะกลับมาทำงานใกล้เคียงกับ
00:06:10 → 00:06:12 ปกติเนี่ยจะดีกว่าคนที่ปล่อยไว้เป็นนาน
00:06:12 → 00:06:17 [เพลง]
00:06:17 → 00:06:20 ๆถ้ามีปัญหานะคะเกี่ยวกับทางเด่นอาหาร
00:06:20 → 00:06:28 อย่าลืมมาปรึกษาคุณหมอทางเด่นอาหาร
00:06:28 → 00:06:32 ค่ะ H