00:00:00 → 00:00:02 ถ้าใครสงสัยไหมครับว่าทำไมพ่อเป็นหัวข้อ
00:00:02 → 00:00:03 ของการเมืองนะครับคือเรื่องความขัดแย้ง
00:00:03 → 00:00:05 ทางการเมืองเหลือการเห็นต่างเท่านั้นกัน
00:00:05 → 00:00:08 เมืองเลยจะทำให้คนเนี่ยทะเลาะกันง่ายที่
00:00:08 → 00:00:10 หน้าแตกจะแตกกว่านี้หรือหลายครั้งนะครับ
00:00:10 → 00:00:12 คนที่เราเทียนด้วยหรือทะเลาะด้วยเนี่ย
00:00:12 → 00:00:14 เป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานานคือรู้จักกัน
00:00:14 → 00:00:17 อาจจะรู้จักมาหลายสิบปีผ่านอะไรในชีวิตมา
00:00:17 → 00:00:19 ด้วยกันมากมายมีความเห็นขัดแย้งกันเกิด
00:00:19 → 00:00:22 ขึ้นหลายครั้งแต่ว่าก็ไม่ได้ทะเลาะกันแรง
00:00:22 → 00:00:24 เหมือนเวลาที่เราทะเลาะกันทางการเมืองใน
00:00:24 → 00:00:26 คลิปนี้นะครับเดี๋ยวเราจะไปหากระเป๋านี่
00:00:26 → 00:00:26 นะครับ
00:00:26 → 00:00:30 [เพลง]
00:00:31 → 00:00:33 สำหรับเนื้อหาที่จะคุยนะครับก็จะแบ่ง
00:00:33 → 00:00:35 กว้างนะครับเป็น 3 ส่วนด้วยกันซึ่งได้นะ
00:00:35 → 00:00:38 ครับผมจะขอไปอธิบายให้ฟังก่อนนะครับว่า
00:00:38 → 00:00:40 เขาได้ไป City เนี่ยความหลากหลายทางสังคม
00:00:40 → 00:00:42 เนี่ยมันมีรายละเอียดอย่างไรบ้างสั้นๆนะ
00:00:42 → 00:00:45 ครับจากนั้นเนี่ยก็ส่วนที่ 2 ก็คือจะไปหา
00:00:45 → 00:00:47 คำตอบหรือว่าทำไมเรื่องของการเมืองเนี่ย
00:00:47 → 00:00:49 จึงทำให้คนเราเนี่ยทะเลาะกันได้ง่ายจาก
00:00:49 → 00:00:51 นั้นในสุทธิสารนะครับที่มันตอนสุดท้าย
00:00:51 → 00:00:54 เนี่ยก็คือผมจะจะใช้เที่ยวคืนไปไหนมาสรุป
00:00:54 → 00:00:56 ว่าถ้าอย่างนั้นนะครับการเมืองมาคุยกัน
00:00:56 → 00:00:58 แล้วทะเลาะกันง่ายๆเนี่ยเราจะมีวิธีคุย
00:00:58 → 00:01:00 อย่างไรบ้างเพื่อที่จะรักและก็สามารถที่
00:01:00 → 00:01:05 ดีต่อกันไว้ได้
00:01:05 → 00:01:08 ทั้งวันนี้นะครับเราใส่อยู่ในชุมชนที่มี
00:01:08 → 00:01:10 ความหลากหลายตัวไหมครับโดยเฉพาะคนที่
00:01:10 → 00:01:12 อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีผู้คนจากทั่ว
00:01:12 → 00:01:15 ทุกสารทิศเนียมอาศัยอยู่ร่วมกันคนที่มา
00:01:15 → 00:01:17 จากพื้นที่ต่างๆก็จะมีพื้นเพที่ต่างกันไป
00:01:17 → 00:01:19 ตรงไหมครับก็จะมีการศึกษาที่ต่างกันไป
00:01:19 → 00:01:22 นิสัยใจคอต่างกันไปเติบโตมาในคนละ
00:01:22 → 00:01:24 วัฒนธรรมหรือถ้าเป็นคนอยู่เมืองที่ใหญ่
00:01:24 → 00:01:26 มากจริงๆเมืองท่องเที่ยวก็จะมีชาวต่าง
00:01:26 → 00:01:29 ชาติมาใส่อยู่ร่วมด้วยก็จะมีเรื่องของรูป
00:01:29 → 00:01:31 ร่างหน้าตาที่ต่างกันไปการใช้ภาษาต่างกัน
00:01:31 → 00:01:33 ไปกันนับถือศาสนาหรือความเชื่อในที่ต่าง
00:01:34 → 00:01:36 กันไปซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเรามาใส่อยู่ร่วม
00:01:36 → 00:01:38 กันนะครับในชุมชนเดียวกันก็ต้องมี
00:01:38 → 00:01:40 ปฏิสัมพันธ์กันมันต้องทำงานร่วมกันบ้าง
00:01:40 → 00:01:43 ต้องมีการติดต่อซื้อขายกันบ้างแลกเปลี่ยน
00:01:43 → 00:01:46 ความคิดเห็นกันบ้างซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก
00:01:46 → 00:01:48 นะครับแน่นอนว่าเมื่อคนที่มีพื้นเพหน้า
00:01:48 → 00:01:51 ต่างกันไปรำจะต้องดีวิธีคิดมีการมองโลก
00:01:51 → 00:01:54 ต่างกันไปหลายครั้งนะครับก็นำไปสู่ความ
00:01:54 → 00:01:57 คิดเห็นที่ขัดแย้งกันได้แต่ที่น่าสนใจก็
00:01:57 → 00:01:59 คือว่าส่วนใหญ่นะครับของความคิดเห็นที่
00:01:59 → 00:02:02 เราเห็นมีช่องการเนี่ยมันไม่นำไปสู่การ
00:02:02 → 00:02:04 ทะเลาะกันไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนกันแต่
00:02:04 → 00:02:06 ผมชื่อว่านะครับว่าเราเรียนรู้กันดีว่า
00:02:06 → 00:02:08 มันจะมีหัวข้อบางหัวข้อนะครับจะเป็นหัว
00:02:08 → 00:02:10 ข้อที่คนข้างอ่อนไหวนะครับเป็นหัวข้อที่
00:02:10 → 00:02:12 เซ็นสถิติถ้าเราคุยกันเรื่องนี้เหลือ
00:02:12 → 00:02:14 เพียงเรื่องนี้เนี่ยก็จะนำไปสู่การทะเลาะ
00:02:14 → 00:02:17 กันค่อนข้างง่ายพวกเค้าพรุ่งนี้นะครับก็
00:02:17 → 00:02:19 เช่นเรื่องของศาสนาถูกมั้ยครับส่วนโลกสอง
00:02:19 → 00:02:21 คนมีความเห็นทางศาสนาที่ไม่ตรงกันและมี
00:02:21 → 00:02:24 ความเชื่อในศาสนาต่างกันนะพญามาคุยกันว่า
00:02:24 → 00:02:26 ของใครดีกว่ากันเนี่ยมันก็จะไปสุพรรณ
00:02:26 → 00:02:29 ทะเลาะกันได้ง่ายอีกหัวข้อหนึ่งทิศช่วย
00:02:29 → 00:02:31 ทุกคนก็คงรู้ดีก็คือเรื่องของการเมืองถูก
00:02:31 → 00:02:33 ไหมครับเท่านั้นเขาเห็นทางการเมืองต่าง
00:02:33 → 00:02:35 กันเราพยายามที่จะไปเปลี่ยนความคิดเห็นคน
00:02:35 → 00:02:38 อื่นมันก็มีความเสี่ยงที่จะไม่ทะเลาะกัน
00:02:38 → 00:02:41 ง่ายคำถามนะครับก็คือว่าหัวข้อเหล่านี่
00:02:41 → 00:02:45 มันพิเศษยังไงมันมีลักษณะอะไรในตัวมันที่
00:02:45 → 00:02:47 ทำให้เป็นหัวข้อที่อ่อนไหวที่ทำให้เสี่ยง
00:02:47 → 00:02:50 ต่อการที่จะทะเลาะกันง่ายปกตินะครับเวลา
00:02:50 → 00:02:52 พูดความหลากหลายที่มีอยู่ในสังคมนะครับ
00:02:52 → 00:02:55 มันก็จะความหลากหลายแตกต่างกันมากมายเช่น
00:02:55 → 00:02:58 ความแตกต่างๆทั้งด้านเรื่องของสีผิวสีผม
00:02:58 → 00:03:01 สำเนียงพูดถ้าภาษาที่ใช้พูดนะครับศาสนา
00:03:01 → 00:03:05 ที่เราอ่ะเรื่องนับถือเลือกเชื่อกันวัด
00:03:05 → 00:03:07 นิยมต่างๆไม่ว่าจะเป็นรสนิยมในการกิน
00:03:07 → 00:03:09 อาหารนะครับรถยนต์ในการฟังเพลงฉันต้องไป
00:03:09 → 00:03:12 ลูกทุ่งชอบฟังเพลงป็อปหรืออะไรก็แล้วแต่
00:03:12 → 00:03:14 พรุ่งนี้เป็นความหลากหลายที่อยู่ในสังคม
00:03:14 → 00:03:17 ซึ่งมีอยู่มากมายมหาศาลแต่ถ้าเราแบ่งความ
00:03:17 → 00:03:18 หลากหลายเหล่านี้นะครับมันอาจจะแบ่งได้
00:03:18 → 00:03:21 เป็น 2 ประเภทใหญ่ด้วยกันก็คือความแตก
00:03:21 → 00:03:23 ต่างหลากหลายอย่างนึงเนี่ยมันเป็นไรเป็น
00:03:23 → 00:03:26 คนต่างๆที่สะท้อนตัวตนของบุคคลนะครับตัว
00:03:26 → 00:03:29 นี้ตรงนี้ว่า Identity Raycity ก็หมาย
00:03:29 → 00:03:31 ความว่าอะไรก็ตามที่สะท้อนตัวเราวัดนี้
00:03:31 → 00:03:34 คือฉันนี่คือตัวตนของฉันเช่นฉันเป็นคนไทย
00:03:34 → 00:03:38 นับถือศาสนาพุทธนะครับต่อฉันมีรถยนต์ก็
00:03:38 → 00:03:40 ต้องเต้นแบบนี้ฉันชอบอาหารแบบนี้นี่คือ
00:03:40 → 00:03:43 ตัวฉันจงให้ฉันชอบดาราคนนี้อะไรก็แล้วแต่
00:03:43 → 00:03:46 ที่การนึงนะคะมันจะเป็นความแตกต่างหลาก
00:03:46 → 00:03:48 หลายทางความคิด 3 กฤตชัยว่าคอเขียวเป็น
00:03:48 → 00:03:51 City ซึ่งความหมายก็ตรงตัวนะครับก็คือ
00:03:51 → 00:03:54 ความคิดที่ต่างกันไปนะครับก็คือว่าแต่ละ
00:03:54 → 00:03:56 คนก็จะมีความคิดเห็นต่างกันไปเช่นถือว่า
00:03:56 → 00:03:58 มีประเด็นขึ้นมาว่าว่าสมุดเราอยากจะ
00:03:58 → 00:04:00 ปฏิรูปการศึกษานั้นคนมีความเป็นยังไงบ้าง
00:04:00 → 00:04:03 แต่ละคนก็มีความคิดเห็นในที่ต่างกันไปทาง
00:04:03 → 00:04:05 นี้นะครับเมื่อเราแบ่งไอ้ความแตกต่างหลาก
00:04:05 → 00:04:07 หลายออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆตอนนี้นะครับ
00:04:07 → 00:04:09 สิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นโอนมาเลยก็คือว่า
00:04:09 → 00:04:12 ความแตกต่างๆอะไรก็ตามนะครับที่มันสะท้อน
00:04:12 → 00:04:15 ตัวตนหรือว่าสะท้อนความเป็นบุคคลของคนคน
00:04:15 → 00:04:19 นึงนะครับมันจะเป็นหัวข้อที่อ่อนไหวที่
00:04:19 → 00:04:21 ถ้าเราไปคุยตรงนี้นะครับไปวิจารณ์ตรงนี้
00:04:21 → 00:04:24 หรือพยายามไปเปลี่ยนตรงนี้หรือว่าไปทัก
00:04:24 → 00:04:25 ท้วงอะไรตอนนี้มากๆเนี่ยต่อให้เราเป็น
00:04:25 → 00:04:28 เพื่อนสนิทก็อาจจะนำไปสู่การทะเลาะกัน
00:04:28 → 00:04:31 ง่ายจริงอยู่กันที่เป็นสนิทมากๆก็อาจจะพอ
00:04:31 → 00:04:33 คุยยังทักทุกๆได้ต่อยได้นะครับแต่ว่าจับ
00:04:33 → 00:04:35 คนจี้เจ้าหนี้มากๆผู้ตรงนี้มากๆวิจารณ์
00:04:35 → 00:04:38 หนักๆเนี่ยมันน่าจะนำไปสู่ความไม่พอใจได้
00:04:38 → 00:04:41 แต่ถ้าเป็นความต่างความหลากหลายทางด้าน
00:04:41 → 00:04:43 ความคิดนะครับว่าจะเป็นส่วนที่สามารถที่
00:04:43 → 00:04:45 จะพอคุยด้วยเหตุและผลในการได้อาจจะพอ
00:04:45 → 00:04:51 เปลี่ยนความเชื่อกันได้
00:04:51 → 00:04:54 ถ้าเราลองคิดดูนะครับไอ้ความเป็นตัวตนของ
00:04:54 → 00:04:57 คนคนหนึ่งมันมีแค่คุณแค่หนึ่งเดียวจนนะ
00:04:57 → 00:04:59 ครับแต่งตัวตนของเรานะฉันคือฉันฉันเป็น
00:04:59 → 00:05:01 แบบนี้ตั้งปลุกใจกับความเป็นตัวตนชั้นแบบ
00:05:01 → 00:05:04 นี้แต่ความคิดของรางวัลมีความคิดได้หลาก
00:05:04 → 00:05:06 หลายลองคิดเรื่องนึงได้เขาจะที่แบบนึง
00:05:06 → 00:05:08 เรื่องอื่นเราจะคิดแบบนึงนะวันนี้เราคิด
00:05:08 → 00:05:10 แบบนี้พรุ่งนี้เราจะเป็นความคิดได้ตอน
00:05:10 → 00:05:13 เด็กเราคิดแบบนึงต่อตอนต่อๆเราก็จะ
00:05:13 → 00:05:15 เปลี่ยนพรรคคิดของเราปีแบบไม่ได้เพราะ
00:05:15 → 00:05:16 ฉะนั้นโดยส่วนตัวคือความเป็นตัวตนไม่
00:05:16 → 00:05:18 เปลี่ยนแปลงยากคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยาก
00:05:18 → 00:05:20 เปลี่ยนแปลงมากนักแต่ความคิดมันเป็นสิ่ง
00:05:20 → 00:05:23 ที่พอเปลี่ยนแปลงได้คราวนี้นะครับผมได้
00:05:23 → 00:05:25 ประชุมคิดต่ออีกค่าหนึ่งนะครับก็คือเรา
00:05:25 → 00:05:27 Focus ไปที่ความต่างที่เป็นตัวตนทั้ง
00:05:27 → 00:05:29 หลายและจะว่าเป็น Identity ไดเวอร์ซิตี้
00:05:29 → 00:05:31 สิ่งที่เราจะเห็นก็คือว่าไอ้ความต่างตรง
00:05:31 → 00:05:33 นี้มันยังพอแยกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆด้วย
00:05:33 → 00:05:36 กันนะครับส่วนแรกในก็คือว่ามันเป็นความ
00:05:36 → 00:05:38 ต่างนะครับหรือว่าเป็นลักษณะที่ค่อนข้าง
00:05:38 → 00:05:41 ตึกตัวเลยนะครับก็จะเป็นเรื่องของสีผิวสี
00:05:41 → 00:05:45 ผมเรื่องของรูปร่างหน้าตานะครับเป็นสิ่ง
00:05:45 → 00:05:47 ที่ติดตัวอยู่กับเรามาตั้งแต่กำเนิดเลย
00:05:47 → 00:05:49 ไม่ก็ครับอยู่กับเรามาตั้งแต่เด็กๆนะครับ
00:05:49 → 00:05:51 อีกส่วนหนึ่งก็มันเป็นส่วนที่จะเดิมแบบ
00:05:51 → 00:05:54 จริงมันคือเป็นเรื่องของความคิดโจมให้ไม่
00:05:54 → 00:05:56 ว่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อทางศาสนานะ
00:05:56 → 00:05:59 ครับความชอบหรือว่าฉันกำลังต่างๆมันก็เคย
00:05:59 → 00:06:01 เป็นสิ่งที่เป็นผมคิดถูกไหมครับแต่ว่าต่อ
00:06:01 → 00:06:04 มาเนี่ยมันย้ายฝั่งนะครับจากการที่เป็น
00:06:04 → 00:06:06 แค่ความต่างทั้งนั้นความคิดมันย้ายสั่งมา
00:06:06 → 00:06:09 เป็นฝั่งตัวตนคำถามเครื่องนี้ครับคำถาม
00:06:09 → 00:06:12 คือว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้สิ่งที่เคย
00:06:12 → 00:06:14 เป็นความคิดเนี่ยบรรยายฝั่งกลายมาเป็นตัว
00:06:14 → 00:06:17 ตนของคนๆหนึ่งคำตอบของคำถามนี้นะครับก็
00:06:17 → 00:06:19 ค่อนข้างตรงไปตรงมาเลยนะครับก็คือว่า
00:06:19 → 00:06:22 เรื่องอะไรก็ตามที่เรา in กันมากๆหรือเรา
00:06:22 → 00:06:25 ใช้เวลาอยู่กับมันนานๆมันจะย้ายฝั่งจาก
00:06:25 → 00:06:28 การที่เป็นแค่ความคิดนะครับมากลายเป็นตัว
00:06:28 → 00:06:30 ของเรายกตัวอย่างนะครับเช่นเรื่องของ
00:06:30 → 00:06:32 ฟุตบอลเป็นต้นจะเดิมเป็นอย่างสมมติว่าเรา
00:06:32 → 00:06:34 เป็นคนที่ไม่ชอบดูฟุตบอลมากเนี่ยเราจะได้
00:06:34 → 00:06:37 ยินเครื่องนี้มากแต่เมื่อโตขึ้นนะครับเรา
00:06:37 → 00:06:39 อีกกับฟุตบอลมากขึ้นก็เริ่มชอบทีมไปทีม
00:06:39 → 00:06:41 นึงนะครับแล้วก็เป็นแฟนของทีมอย่างเดียว
00:06:42 → 00:06:44 นะเนี่ยก็จะรู้สึกว่าการเป็นแฟนของทีมนะ
00:06:44 → 00:06:46 เนี่ยมันไม่ใช่แค่ความคิดหรือความชอบเล็ก
00:06:46 → 00:06:49 ๆน้อยๆจะเป็นตัวตนของเราเหมือนกันถ้าใคร
00:06:49 → 00:06:51 มาวิจารณ์ทีมที่เราชอบมากๆแล้วก็รู้สึก
00:06:51 → 00:06:53 ไม่พอใจเช่นเดียวกันนะครับก็คือกันเรื่อง
00:06:53 → 00:06:55 ของการชอบนักร้องนะครับเรื่องของการเป็น
00:06:55 → 00:06:58 ติ่งดาราชอบดาราคนไหนมากๆเนี่ยใครมาว่า
00:06:58 → 00:07:00 ดาราที่เราชอบเนี่ยเราจะขึ้นนี้นะครับวัน
00:07:00 → 00:07:03 ที่ตัวเราแต่ความกินของมนุษย์นะครับมัน
00:07:03 → 00:07:05 ไม่ได้อยู่ที่มาจากภายในของเราเท่านั้น
00:07:05 → 00:07:07 มนุษย์เราเนี่ยเป็นสัตว์สังคมถูกไหมครับ
00:07:07 → 00:07:11 เราเนี่ยสมาธิรับอิทธิพลจะคนรอบข้างได้
00:07:11 → 00:07:14 จากสังคมได้ดังนั้นเมื่อสังคมอินเรื่อง
00:07:14 → 00:07:17 อะไรก็ตามนะครับอาจจะมีผลกระทบถึงเราได้
00:07:17 → 00:07:18 ทำให้เราเนี่ยมีความสนใจเรื่องนั้นมาก
00:07:18 → 00:07:21 ขึ้นเท่านี้นะครับจากที่คุยมาทั้งหมดแล้ว
00:07:21 → 00:07:22 ก็กลับมาที่เรื่องของการเมืองเรื่องของ
00:07:22 → 00:07:25 การเมืองเนี่ยเช่นที่เรารู้คือว่าถ้าเรา
00:07:25 → 00:07:27 ย้อนเวลากลับไปซัก 20-30 ปีที่แล้วเนี่ย
00:07:27 → 00:07:29 คนสำเร็จในสังคมอาจจะไม่ค่อยสนใจเรื่อง
00:07:29 → 00:07:32 ของการบริการมากเพราะฉะนั้นเวลาเราคุย
00:07:32 → 00:07:33 เรื่องของการเมืองเนี่ยต้องจำเสมือนเป็น
00:07:33 → 00:07:35 เรื่องที่ไม่ใช่ตัวตนมันเป็นเรื่องที่
00:07:35 → 00:07:38 อยู่ห่างไกลออกไปเป็นแค่ความคิดต่างกันไป
00:07:38 → 00:07:40 แต่ในช่วงหลายประมาณสัก 10 กว่าปี 20 ปี
00:07:40 → 00:07:43 ที่ผ่านมาเนี่ยสังคมของเมืองไทยนั้นค่อน
00:07:43 → 00:07:45 ข้างตื่นตัวการเมืองกันมากแล้วค่อนข้าง in
00:07:45 → 00:07:47 การเหมือนกันมากมีฉันเลือกข้างในค่อนข้าง
00:07:47 → 00:07:50 ชัดเจนมันทำให้ความคิดความอยู่ในการเมือง
00:07:50 → 00:07:53 ในซึ่งแต่เดิมในยุคฝั่งของแค่ความต่างทาง
00:07:53 → 00:07:56 ความคิดเนี่ยะมันย้ายฝั่งมาเป็นที่ตัวตน
00:07:56 → 00:07:58 ถูกไหมครับเพราะฉะนั้นความเห็นต่างทางการ
00:07:58 → 00:08:01 เมืองมันจะไม่ใช่แค่การบ่ห่างจากเดียวต่อ
00:08:01 → 00:08:03 ไปแล้วมึงกลายเป็นเรื่องของตัวตนของคนแต่
00:08:03 → 00:08:05 ละคนที่จริงแล้วทางวิทยาศาสตร์ก็มีนัก
00:08:05 → 00:08:07 วิทยาศาสตร์นะครับที่สนใจเรื่องนี้อยู่
00:08:07 → 00:08:08 เหมือนกันนะครับก็คือสนใจเรื่องเกี่ยว
00:08:08 → 00:08:11 เรื่องของการเมืองกับสมองนะครับคือเขา
00:08:11 → 00:08:13 ตั้งคำถามอยากรู้ว่าให้เวลาคนเราเถียงกัน
00:08:13 → 00:08:15 เรื่องการเมืองนะครับเป็นช่วงแขนตัดทาง
00:08:15 → 00:08:17 การเมืองแล้วโต้เถียงกันเนี่ยสมองเนี่ยะ
00:08:17 → 00:08:20 เราทำงานแบบไหนอันที่หนึ่งก็คือว่าทำงาน
00:08:20 → 00:08:22 เป็นแบบไหนก็ใช้ตรรกะหรือเปล่าหรือว่า
00:08:22 → 00:08:24 จริงๆแล้วเนี่ยสมองเราทำงานเหมือนตอนที่
00:08:24 → 00:08:27 เรากำลังเถียงเรื่องที่เป็นตัวตนถ้าเป็น
00:08:27 → 00:08:28 งั้นจริงๆแล้วก็จะเห็นว่าสมองได้จะใช้
00:08:28 → 00:08:30 ส่วนที่เป็นเกี่ยวข้องกับร่างกายเกี่ยว
00:08:30 → 00:08:32 กับตัวตนยอดขึ้นแล้วก็เกี่ยวข้องกับ
00:08:32 → 00:08:34 เรื่องของอารมณ์เด่นเป็นหลักก็มีการทำงาน
00:08:34 → 00:08:37 วิจัยนะครับนี่ใจจะทำที่บริการนะครับซึ่ง
00:08:37 → 00:08:38 เป็นประเทศที่คนอย่างเต็มตู้ทางการเมือง
00:08:38 → 00:08:41 พอสมควรนะครับแล้วก็มีการแต่งข้างค่อน
00:08:41 → 00:08:43 ข้างชัดเจนมานานแล้วก็คือเป็นดูภาพนี้กัน
00:08:43 → 00:08:46 กันหรือว่าเป็นจะมาผัดนะครับอย่าไว้ใจเขา
00:08:46 → 00:08:48 ก็เอาประสาทสมัครเน็ตที่ยืนยันว่าตัวเอง
00:08:48 → 00:08:50 นั้นคนที่สนใจเรื่องการมือเข้ามาแกนสมอง
00:08:50 → 00:08:52 ในระหว่างที่กำลังคิดเรื่องการเมืองเช่น
00:08:52 → 00:08:55 อาจจะให้ประสบการณ์อ่านบทความนะครับหรือ
00:08:55 → 00:08:57 ฟังข้อความนะครับที่เป็นลักษณะการวิจารณ์
00:08:57 → 00:09:00 การเมืองฝั่งตัวเองนะครับอาจจะเป็นขอเชิญ
00:09:00 → 00:09:03 ชมป่ะหนูเป็นการด่าแล้วก็แกนสมองดูว่า
00:09:03 → 00:09:05 สมองเขาจะตอบสนองแบบไหนแล้วผลของการสแกน
00:09:05 → 00:09:07 สมองนะครับก็เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ก็คือ
00:09:07 → 00:09:10 ว่าเมื่อคนเราถึงการเมืองนะครับเราโดนโจม
00:09:10 → 00:09:12 ตีอย่างการเมืองเนี่ยสมองเนี่ยะจะไม่ได้
00:09:12 → 00:09:14 ทำงานรักน่ะของการที่เหมือนกันระวังใช้
00:09:14 → 00:09:17 เหตุและผลจะทำงานเหมือนกับหลักการที่มัน
00:09:17 → 00:09:19 เราโดนโจมตีมาที่ตัวตนนะครับก็คือมี
00:09:19 → 00:09:21 เรื่องของอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องกันล้ม
00:09:21 → 00:09:23 ด้านลบเนี่ยเข้ามาเกี่ยวข้องได้มากแล้วก็
00:09:23 → 00:09:26 จะมีสมองในรัชกาลทำงานจะไปรักษาที่เคยว่า
00:09:26 → 00:09:28 เป็น default หมดเดฟเวอร์ซึ่งเป็นลักษณะ
00:09:28 → 00:09:30 การทำงานแบบนี้เนี่ยมันจะเกิดขึ้นเวลาที่
00:09:30 → 00:09:33 เราคิดถึงตัวเองนะครับก็คือเช่นกลางนึก
00:09:33 → 00:09:34 ถึงเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเองฟัง
00:09:34 → 00:09:37 กลางวันหรือถึงอนาคตคิดถึงอดีตนึกถึง
00:09:37 → 00:09:40 เรื่องราวเรื่องตอนที่ตัวเองด้วยสรุปก็
00:09:40 → 00:09:42 คือว่าเมื่อเราเหมือนการเมืองนะครับสมอง
00:09:42 → 00:09:44 ของเราในจะทำงานเหมือนกับว่าเราเนี่ยการ
00:09:44 → 00:09:47 โดนโจมตีมาที่ตัวตนของเราเกิดความรู้สึก
00:09:47 → 00:09:50 ทางด้านลบขึ้นมาข้าวนี้นะครับเมื่อคนเรา
00:09:50 → 00:09:53 นะครับโดนโจมตีมาที่ตัวตนนะครับสิ่งที่
00:09:53 → 00:09:56 เราจะทำเป็นสัญชาตญาณนะครับของทุกคนเลยก็
00:09:56 → 00:09:58 คือว่าเราจะมีปฏิกิริยาตอบเนาะกัน 2 การ
00:09:58 → 00:10:00 ป้องกันตัวเองซึ่งเดี๋ยวเราจะเห็นได้ว่า
00:10:00 → 00:10:02 ในพวกคุณรักคุณเรื่องการเมืองหลายครั้ง
00:10:02 → 00:10:05 เนี่ยเมื่อฝั่งนึงนะครับไฟล์เนี่ยใช้เหตุ
00:10:05 → 00:10:07 ผลจนเอาชนะอีกฝั่งหนึ่งได้ค่อนข้างชัดเจน
00:10:07 → 00:10:10 นะครับร้านข้างได้ไหมจะโดนต้อนจนมุมแล้ว
00:10:10 → 00:10:13 ก็ตามเนี่ยก็จะไม่ยอมอยู่ดีเพราะอะไร
00:10:13 → 00:10:15 เพราะว่าเวลาคนเอาโจมตีมันที่ตัวบุคคล
00:10:15 → 00:10:18 เนี่ยชีวิตที่เกิดขึ้นเราจะรู้สึกกลัวนะ
00:10:18 → 00:10:21 ครับรู้สึกโกรธเมื่อเรารู้จักกลัวและโปรด
00:10:21 → 00:10:23 นะครับเราพยายามที่จะต่อสู้กับไปเราจะไม่
00:10:23 → 00:10:27 ยอมแพ้มันเหมือนกับการไล่ตีมาเนี่ยจนกรอบ
00:10:27 → 00:10:29 นะครับมาที่จนตรอกเนี่ยสุดท้ายไม่ได้ยอม
00:10:29 → 00:10:31 แพ้แต่มันพยายามที่จะหาทางสู้กับระแวง
00:10:31 → 00:10:33 กลับเช่นเดียวกันนะครับการเขียนและการ
00:10:33 → 00:10:35 เมืองหลายครั้งมาเลยไม่ได้จบลักษณะการที่
00:10:35 → 00:10:38 แพ้ชนะเหตุผลแต่ละสำคัญที่ฝ่ายหนึ่งตี
00:10:38 → 00:10:41 ฝ่ายมีจนเฒ่าอีกฝ่ายนึงเนี่ยทนไม่ได้รู้
00:10:41 → 00:10:43 จักโปรดขึ้นมาหรือว่าหาทางที่จะเถียงข้าง
00:10:43 → 00:10:45 ๆคูไปเรื่อยๆและที่สำคัญไปกว่านั้นนะครับ
00:10:45 → 00:10:48 หลายครั้งนะครับการชนะการเมืองในมันจบลง
00:10:48 → 00:10:50 ด้วยความโกรธและความเกลียดที่มีต่อกัน
00:10:50 → 00:10:53 [เพลง]
00:10:53 → 00:10:56 แล้วก็ไปถึงส่วนที่ 3 นะครับถ้าเช่นนั้น
00:10:56 → 00:10:58 เนี่ยเราควรจะคุยหรือไม่คุยเรื่องการ
00:10:58 → 00:11:01 เมืองปกตินะครับถ้าเราจะคุ้นเคยกันดีว่า
00:11:01 → 00:11:03 เราพยายามที่จะเลี่ยงที่จะคุยเรื่องของ
00:11:03 → 00:11:05 ศาสนาลองตัวที่จะทะเลาะกันในเรื่องของการ
00:11:05 → 00:11:07 เมืองก็เช่นกันหลายครั้งนะครับในไลน์
00:11:07 → 00:11:10 ครอบครัวนั้นก็จะบอกเลยว่าไม่ให้ลูกๆ
00:11:10 → 00:11:11 เนี่ยเถียงเรื่องการเมืองแล้วคุยเรื่อง
00:11:11 → 00:11:13 ของการเมืองเพราะว่ากลัวว่าจะนำไปสู่การ
00:11:13 → 00:11:16 ทะเลาะกันจริงอยู่ว่าการไม่คุยครับแล้ว
00:11:16 → 00:11:17 กันเลขที่จะไม่คุยเรื่องของการเมืองเนี่ย
00:11:17 → 00:11:19 มันก็จะสามารถที่จะเลี้ยงที่จะทะเลาะกัน
00:11:19 → 00:11:23 ได้แต่ปัญหาก็คือว่ามันจะขาดกาศที่เราจะ
00:11:23 → 00:11:26 ได้แลกเปลี่ยนนะครับความคิดกันเพราะว่า
00:11:26 → 00:11:28 จริงและความแตกต่างของความคิดหรือความ
00:11:28 → 00:11:30 หลากหลายของความคิดเนี่ยก็จะนำไปสู่การ
00:11:30 → 00:11:32 ได้เปลี่ยนซึ่งกันและกันแนะนำไปสู่ความ
00:11:32 → 00:11:34 คิดใหม่ๆหรือว่าไอเดียใหม่ๆให้เกิดขึ้น
00:11:34 → 00:11:38 ซึ่งเมื่อมีไอเดียใหม่ๆเกิดขึ้นมันก็จะนำ
00:11:38 → 00:11:40 ไปสู่การพัฒนาเรื่องนั้นให้ดีขึ้นด้วย
00:11:40 → 00:11:43 ครับเพราะฉะนั้นการที่สมุดคนในสังคมสนใจ
00:11:43 → 00:11:44 เรื่องการเมืองและก็คุยแลกเปลี่ยนความคิด
00:11:44 → 00:11:46 กันนะครับตัวเพียงที่จะเลี่ยงที่จะไม่
00:11:46 → 00:11:48 ทะเลาะกันได้เนี่ยมันจะนำไปสู่การแลก
00:11:48 → 00:11:51 เปลี่ยนความคิดที่ทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ
00:11:51 → 00:11:53 ขึ้นและนำสู่การพัฒนาของการเมืองให้ดี
00:11:53 → 00:11:56 ขึ้นแน่นอนครับว่าถ้าเราต้องกับสังคมที่
00:11:56 → 00:11:58 สงบนะครับก็คือเราก็จะเลือกที่จะไม่พูด
00:11:58 → 00:12:00 ถึงเรื่องที่ขัดแย้งกันเลือกที่ติดต่อ
00:12:00 → 00:12:02 เถียงกันแต่มันก็เสียวกับที่จะพัฒนาความ
00:12:02 → 00:12:05 คิดของสังคมในให้มันก้าวหน้าขึ้นคราวนี้
00:12:05 → 00:12:07 นะครับเท่ากับเราต้องการที่จะคุยเรื่อง
00:12:07 → 00:12:09 การเมืองนะครับกับเพื่อนว่าคนในครอบครัว
00:12:09 → 00:12:11 เพื่อที่อยากเรียนรู้ความเห็นซึ่งกันและ
00:12:11 → 00:12:13 กันนะครับเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนความคิด
00:12:13 → 00:12:15 เห็นกันนะครับแต่ไม่อยากเสี่ยงที่จะ
00:12:15 → 00:12:17 ทะเลาะกันเนี่ยเราจะต้องคุยกันยังไงดี
00:12:17 → 00:12:20 หลักการต้องกว่านะครับจริงๆประชาทุกข์คน
00:12:20 → 00:12:22 เดียวพอจะรู้กันอยู่บ้างแล้วนะครับเพราะ
00:12:22 → 00:12:23 ว่าทุกคนก็รู้ว่ากูเราต้องการคุยเรื่อง
00:12:24 → 00:12:26 ของศาสนานะครับแต่ว่าไม่อยากมีเรื่อง
00:12:26 → 00:12:28 ทะเลาะกันเรื่องบัตรบ่ากันเนี่ยก็ต้องทำ
00:12:28 → 00:12:30 ยังไงกันบ้างหลักการแล้วก็ใช้หลักการ
00:12:30 → 00:12:32 คล้ายๆกันนะครับว่าเหมือนเวลาเราจะคุย
00:12:32 → 00:12:34 เรื่องของทีมฟุตบอลอยู่อยากคุยเรื่องของ
00:12:34 → 00:12:37 ศาสนาของคนอื่นเนี่ยเราจะใช้หลักการให้
00:12:37 → 00:12:39 คล้ายกันในที่นี้นะครับผมก็อยากจะสรุป
00:12:39 → 00:12:42 เป็นข้อๆนะครับออกมาเป็นประมาณ 8 คอนครับ
00:12:42 → 00:12:44 เป็นหลักการน้องกวางสั้นๆนะครับเพื่อปรับ
00:12:44 → 00:12:47 ใช้กันดูว่าถ้าจะคุยเราจะคุยกันยังไงดี
00:12:47 → 00:12:49 ข้อที่ 1 นะครับก็คงต้องเริ่มด้วยการที่
00:12:49 → 00:12:52 เราเคารพนะครับขับรถความคิดของเขาก่อนว่า
00:12:52 → 00:12:54 มันมีความคิดต่างจากเราคือเราต้องยอมรับ
00:12:54 → 00:12:56 ว่าคนแต่ละคนนะครับก็มีวิธีคิดที่ต่างกัน
00:12:56 → 00:12:58 ไปและด้วยพื้นเพที่ต่างกันนะครับ
00:12:58 → 00:13:01 ประสบการณ์ชีวิตแต่ละคนก็ที่ต่างกันไปก็
00:13:01 → 00:13:04 นำมาสู่ปัจจุบันนะครับที่เขามีความคิดแบบ
00:13:04 → 00:13:06 นี้ซึ่งอาจจะต่างไปจากเราแต่ว่าก็ไม่ได้
00:13:06 → 00:13:09 แปลว่าเป็นสิ่งที่ผิดข้อที่ 2 ครับคือเรา
00:13:09 → 00:13:11 ไม่เน้นนะครับหรือไม่รับรองไม่ตั้งใจฟอก
00:13:11 → 00:13:13 อัสที่ว่าเราพยายามใจเปลี่ยนความคิดของ
00:13:13 → 00:13:15 เขาแต่ละเพียงคิดว่าการพูดคุยนี้เป็นการ
00:13:15 → 00:13:17 แลกเปลี่ยนความคิดนึงหรือถ้าเราต้องการ
00:13:17 → 00:13:19 จริงๆครับหรือถ้าเราต้องการที่อยากจะลอง
00:13:19 → 00:13:22 เปลี่ยนความคิดของเขาหรือว่าพยายามชี้ให้
00:13:22 → 00:13:25 เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาคิดเนี่ยเราเห็นต่าง
00:13:25 → 00:13:27 ๆอย่างไรบ้างเนี่ยก็อาจจะทดลองดูได้แต่
00:13:27 → 00:13:30 ว่าลองเบาๆนะครับบางเบาและดูท่าทีเขาด้วย
00:13:30 → 00:13:32 ว่าเขามีท่าทีตอบต้องเป็นอย่างไรถ้าดู
00:13:32 → 00:13:34 แล้วเหมือนกับทำให้เขาไม่พอใจในก็พยายาม
00:13:34 → 00:13:36 หยุดตั้งแต่ต้นข้อที่ 3 นะครับจริงจะเป็น
00:13:36 → 00:13:39 มุมกับของข้อที่สองก็คือว่าแทนที่เราจะ
00:13:39 → 00:13:41 เป็นเน้นโฟกัสที่ตั้งใจจะไปตั้งหน้าต่างๆ
00:13:41 → 00:13:43 ป้ายข้าวเนี่ยก็โฟกัสนะครับเป็นเน้นที่
00:13:43 → 00:13:45 การที่จะเรียนรู้และเตรียมจะเข้าใจว่า
00:13:45 → 00:13:48 ทำไมเขาจึงคิดว่าที่เค้าคิดนะครับข้อที่ 4
00:13:48 → 00:13:50 นะครับจริงเป็นหลักการนะครับก็คือเราต้อง
00:13:50 → 00:13:51 แยกให้ออกนะคะว่าสิ่งที่เราคุยมันเป็น
00:13:51 → 00:13:54 เรื่องของตัวตนของคนคนนึงนะครับก็คือตัว
00:13:54 → 00:13:56 คุณหรือว่าตัวเขาเนี่ยกลับดึกส่วนที่เป็น
00:13:56 → 00:13:59 ความคิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลหมาย
00:13:59 → 00:14:00 ความว่าระหว่างที่เราผู้ถ้าเราจะไม่ใช้คำ
00:14:00 → 00:14:03 พูดทำนองที่ว่าลักษณะชี้นิ้วไปที่ตัวเค้า
00:14:03 → 00:14:06 เช่นวิธีคิดแบบนี้คุณคิดผิดแล้วคุณคิดแบบ
00:14:06 → 00:14:08 นี้คุณคิดไม่ถูกต้องจะไปฮะเราไม่ชี้ไปที่
00:14:08 → 00:14:11 ตัวบุคคลนะครับแล้วก็ยังจะแยกสิ่งที่เป็น
00:14:11 → 00:14:13 ความคิดมาตั้งไว้ไกลเหมือนเราสองคนนั่ง
00:14:13 → 00:14:15 อยู่บนเก้าอี้แล้วก็เอาความคิดเนี่ยไป
00:14:15 → 00:14:17 ตั้งอยู่บนโต๊ะเมื่อเราสองคนที่นั่งอยู่
00:14:17 → 00:14:20 ฝั่งเดียวกันนะครับมองจากคนละมุมมองไปที่
00:14:20 → 00:14:22 ปัญหานั้นแล้วก็ให้ความเห็นที่ต่างกันไป
00:14:22 → 00:14:25 จะข้อที่ 5 นะครับจริงก็เป็นอีกมุมหนึ่ง
00:14:25 → 00:14:27 ของข้อที่ 4 นะครับก็คือว่าข้อที่ 4 ระบบ
00:14:27 → 00:14:29 เราจะไม่ชี้นิ้วไปที่เขาตัวไม่ใช่วันที่
00:14:29 → 00:14:31 ตัวตนของเขาและวิจารณ์วิพากษ์วิจารณ์ที่
00:14:31 → 00:14:33 ตัวตนแต่ถ้าคนเราก็จะชี้นิ้วนะครับก็คือ
00:14:33 → 00:14:36 ที่อยู่มาที่ตัวเองก็คือที่นี่บอกว่าผม
00:14:36 → 00:14:39 เนี่ยไม่เห็นด้วยความคิดนี้เพราะอะไรคือ
00:14:39 → 00:14:41 ทุกครั้งที่ที่พูดถึงก็คือเราจะสามารถมอง
00:14:41 → 00:14:43 ได้ว่าเราคิดอะไรเราไม่ชอบอะไรสำหรับข้อ
00:14:43 → 00:14:45 ที่ 6 นะครับมันเป็นเรื่องของตัวนักการ
00:14:45 → 00:14:47 เมืองนะครับปกติเวลาเราคุยของการเมือง
00:14:47 → 00:14:49 ส่วนหนึ่งเลยคือเราชอบด่านักการเมืองตรง
00:14:49 → 00:14:51 นี้เธอจะต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าพอการ
00:14:51 → 00:14:54 เมืองในคนที่อินมากๆบางครั้งเนี่ยการ
00:14:54 → 00:14:56 เมืองมันเป็นเรื่องของตัวตนแล้วนักการ
00:14:56 → 00:14:57 เมืองมันเหมือนเป็นคนที่เขาให้ความเคารพ
00:14:57 → 00:14:59 นับถือหรือจะเรียกว่าไหมเป็นศาสนาเรื่อง
00:14:59 → 00:15:01 ย่อหมอเขาเลยก็ได้ครับศาสดาเล็กๆเพราะ
00:15:01 → 00:15:03 ฉะนั้นการโจมตีวันที่ตัวนักการเมืองเองใน
00:15:03 → 00:15:05 บางครั้งเนี่ยมันอาจเป็นสิ่งที่ทำให้
00:15:05 → 00:15:08 กระตุ้นให้เกิดอารมณ์โกรธง่ายขึ้นเพราะ
00:15:08 → 00:15:10 ฉะนั้นจะเป็นไปได้เราพยายามจะเลี่ยงที่จะ
00:15:10 → 00:15:12 พูดถึงตัวบุคคลแต่พยายามพูดถึงนโยบาย
00:15:12 → 00:15:15 เพื่อนพูดถึงความคิดมากกว่านะครับซึ่ง
00:15:15 → 00:15:18 จริงๆว่าโอเคปกติส่วนที่การคุยผู้โต้
00:15:18 → 00:15:20 เถียงเนี่ยคุยเรื่องนั้นมันจะสนุกกว่า
00:15:20 → 00:15:22 นโยบายเป็นส่วนที่อาจจะไม่ค่อยน่าสนุก
00:15:22 → 00:15:24 เท่าแต่อย่างที่บอกให้ก็คือถ้าเรายังจาก
00:15:24 → 00:15:27 ที่จะคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกันโดยที่ไม่ให้
00:15:27 → 00:15:29 เกิดการกระทบกระทั่งกันเนี่ยก็จะต้องตก
00:15:29 → 00:15:31 เกษตรในส่วนที่ไม่สนุก Tower คือเรื่อง
00:15:31 → 00:15:33 ของนโยบายข้อที่ 7 นะครับว่าคือว่าลาย
00:15:33 → 00:15:35 ข้างที่เราคุยกันไปในบางครั้งเรียกพอมัน
00:15:35 → 00:15:38 เริ่มมีเพื่อนหน้ารวมเริ่มขึ้นเนี่ยที่จะ
00:15:38 → 00:15:40 มาข้างเราจะต้องเบรคนะครับแล้วก็ลองพญา
00:15:40 → 00:15:42 มองหาจุดร่วมที่เรามีความเห็นตรงกันเท่า
00:15:42 → 00:15:45 ไหร่คะว่าเราคุยกันเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยเรา
00:15:45 → 00:15:48 จะมีความเห็นในที่คล้ายกันอยู่หลายครั้ง
00:15:48 → 00:15:50 เราไม่ได้โฟกัสหรือพูดถึงความเห็นที่เรา
00:15:50 → 00:15:53 เห็นตรงกันบางครั้งการพูดถึงจุดรวบนะครับ
00:15:53 → 00:15:55 ที่เราเห็นตรงกันเนี่ยมันจะช่วยทำให้เกิด
00:15:55 → 00:15:57 ความรู้สึกเป็นเพื่อนกันกลับคืนมาได้
00:15:57 → 00:16:00 สำหรับข้อที่ 8 ข้อสุดท้ายนะครับก็นะคะ
00:16:00 → 00:16:02 ถ้าสมมติเราคุยด้วยเหตุผลนะครับแล้วเราดู
00:16:02 → 00:16:04 เหมือนว่าเรามีแนวโน้มจะชนะด้วยเหตุผล
00:16:04 → 00:16:07 อย่าพยายามไปไล่ต้อนเค้านะครับจนกระทั่ง
00:16:07 → 00:16:10 จดมุมพะเยาเปิดช่องทางนะครับให้เขาเนี่ย
00:16:10 → 00:16:13 สามารถที่จะดีออกมาได้นักเรียนที่บอกคุย
00:16:13 → 00:16:15 ไปตอนแรกก็คือว่าพอเป็นเรื่องของตัวตนใน
00:16:15 → 00:16:17 เวลาไล่ตอนเค้าเนี่ยก็ให้ไปเล่นด้วยเหตุ
00:16:17 → 00:16:20 ผลก็ตามเนี่ยมันจะมีความเสมือนโจมตีพี่
00:16:20 → 00:16:22 ตัวบุคคลทำให้เขารู้สึกกลัวนะครับรู้สึก
00:16:22 → 00:16:24 เจ็บละหลายครั้งละคนรู้สึกกลัวรู้สึกเจ็บ
00:16:24 → 00:16:27 นิ้วชีวิตทำก็คือเหมือนเราตีหมาจนจองนะ
00:16:27 → 00:16:30 ครับก็คือไม่ต้องหันมาสู้กับระแวงกัดกลับ
00:16:30 → 00:16:32 เราเราก็มีอารมณ์ร่วมเข้ามาด้วยทำให้เกิด
00:16:32 → 00:16:34 ความโกรธหรือเกลียดกันขึ้นมาได้เพราะ
00:16:34 → 00:16:36 ฉะนั้นคำพูดที่เราใช้ในบางครั้งอาจจะต้อง
00:16:36 → 00:16:38 เปิดช่องทางให้เขาว่าสามารถที่จะลงมาได้
00:16:38 → 00:16:40 เลยนิยมไม่ได้บ้างนะครับและทั้งหมดนี้นะ
00:16:40 → 00:16:42 ครับก็คือคำแนะนำนะครับที่ผมจดไว้สั้นๆ
00:16:42 → 00:16:45 ประมาณ 8 ข้อนะครับให้ลองไปใช้ดูนะครับ
00:16:45 → 00:16:47 เพื่อนเราอยากจะคุยเรื่องของการเมือง
00:16:47 → 00:16:49 พัทยาแลกเปลี่ยนไอเดียกันแต่ก็ไม่อยากที่
00:16:49 → 00:16:52 จะเสี่ยงที่จะทะเลาะกันแล้วขัดใจกันแต่
00:16:52 → 00:16:54 อย่างไรก็ตามนะครับวิธีการนี้นะครับมันจะ
00:16:54 → 00:16:56 ได้ผลจริงๆก็ต่อมาทั้งสองฝ่ายเนี่ยใช้
00:16:56 → 00:16:58 วิธีการเข้าใจหลักการนี้ด้วยกันทั้งสอง
00:16:58 → 00:17:01 ฝ่ายถ้าสมมติว่าเราดีนะครับแล้วเราเลือก
00:17:01 → 00:17:03 ที่จะไม่โจมตีไปที่ตัวบุคคลเราพยายาม
00:17:03 → 00:17:05 เรื่องที่ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจเนี่ยแต่
00:17:05 → 00:17:07 เขาเนี่ยเรื่องที่จะโจมตีมที่ตัวบุคคลนะ
00:17:07 → 00:17:10 ครับก็โจมตีมาที่เรายังไม่หยุดยั้งนะครับ
00:17:10 → 00:17:12 มันก็คงไม่ได้ผลถูกมั้ยเพราะสุดท้ายแล้ว
00:17:12 → 00:17:14 ก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันเพราะฉะนั้นนะครับ
00:17:14 → 00:17:15 ถ้าเราต้องการจะคุยเรื่องของการตัวอย่าง
00:17:15 → 00:17:18 สร้างสรรค์นะครับแล้วก็คงอาจจะต้องตกลง
00:17:18 → 00:17:19 กันไว้เกาะนะครับหลักการหรือว่าอย่างน้อย
00:17:19 → 00:17:22 ก็คืออธิบายเข้าใจกันก่อนว่าคุณของการ
00:17:22 → 00:17:24 เมืองมันไม่ใช่เรื่องของความคิดต่างแต่
00:17:24 → 00:17:26 ว่าเรื่องของตัวบุคคลและเข้าใจกันทั้งสอง
00:17:26 → 00:17:28 ฝ่ายนะครับการอย่างสร้างสรรค์เนี่ยจึง
00:17:28 → 00:17:31 จะเกิดขึ้นได้แล้วก็เช่นเคยนะครับฝากกด
00:17:31 → 00:17:34 ไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจด้วยนะครับและใครจำ
00:17:34 → 00:17:36 ได้กดปุ่ม Subscribe นะครับก็อย่าลืมกด
00:17:36 → 00:17:38 ปุ่ม Subscribe และกดปุ่มกระดิ่งไว้ด้วย
00:17:38 → 00:17:42 จะได้ไม่พลาดเมื่อผมดีคลิปใหม่เข้ามาครับ