00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะพูดเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:04 เรื่องของยาสตินนะครับซึ่งเป็นยาที่ลด
00:00:04 → 00:00:08 คอเลสเตอรอลตัวหนึนะฮะแล้วเนื่องจากว่ามี
00:00:08 → 00:00:10 หลายๆคนสงสัยว่าเอ๊ะยาตัวนี้มันดีหรือไม่
00:00:10 → 00:00:13 ดีนะครับไปฟังคุณหมอหัวใจท่านนึงนะครับ
00:00:13 → 00:00:15 พูดบอกว่าเอ๊ะมันไม่มีประโยชน์เลยไม่ควร
00:00:15 → 00:00:18 กินนะครับหรือบางบางคนก็บอกว่าเออมันทำ
00:00:18 → 00:00:20 ร้ายร่างกายยาไขมันเนี่ยมันไปฆ่าคุณหรือ
00:00:20 → 00:00:23 เปล่านะครับทำให้เอ่อทุกๆอย่างมันดูน่า
00:00:23 → 00:00:27 กลัวไปหมดนะครับวันนี้ผมก็จะมาลงลึกจนถึง
00:00:27 → 00:00:30 ระดับของเอ่อว่าการทำงานของตัวเนี้ยมันไป
00:00:30 → 00:00:33 ทำอะไรกับร่างกายของเราบ้างนะครับมีข้อ
00:00:33 → 00:00:35 เสียอย่างไรบ้างข้อดีอย่างไรบ้างแล้วถ้า
00:00:35 → 00:00:37 เกิดปัญหาขึ้นมาเเราจะแก้ไขได้อย่างไรนะ
00:00:37 → 00:00:39 ครับรวมทั้งบางคนเนี่ยก็อยากจะให้พูด
00:00:39 → 00:00:42 เกี่ยวข้องกับเรื่องของโอไซ Q10 นะฮะบาง
00:00:42 → 00:00:45 คนมีมาคอมเมนต์เลยนะครับว่าไม่ทราบหรือ
00:00:45 → 00:00:48 ว่าสิเนี่ยจะต้องให้ร่วมกับ Co Q10 นะฮะ
00:00:48 → 00:00:51 จริงๆผิดนะครับตรงเนี้ยนะเดี๋ยวผมจะบอก
00:00:51 → 00:00:54 ว่ามันผิดยังไงนะครับแล้วก็จะมีผลงานทด
00:00:54 → 00:00:58 ลองต่างๆเนี่ยแนกไว้ตามลิงก์ที่ผมแปะปกติ
00:00:58 → 00:01:00 แปะให้นะครับสามารถไปอ่านได้เองเลยนะครับ
00:01:00 → 00:01:03 อ่ะเราเริ่มก่อนเลยนะครับสตินเนี่ยจริงๆ
00:01:03 → 00:01:06 แล้วนะฮะมันเป็นสารสกัดจากเชื้อราในตัว
00:01:06 → 00:01:08 ตัวแรกๆเลยที่ออกมามันเป็นสารสกัดจาก
00:01:08 → 00:01:10 เชื้อราแต่หลังๆจากนั้นเนี่ยมันก็เป็น
00:01:10 → 00:01:13 เพราะว่าเราสังเคราะห์มันได้เองนะครับอ่า
00:01:13 → 00:01:16 ตัวแรกเนี่ยมันจะชื่อเอ่อถ้าผมจำไม่ผิดนะ
00:01:16 → 00:01:22 ฮะชื่อ mva สินะครับตัวนี้นะฮะ mva สติน
00:01:22 → 00:01:25 นะฮะมันเป็นสารที่เขาสกัดมาจากเชื้อราตัว
00:01:25 → 00:01:28 นึงชื่อว่าเพนนิซิเลียมนะครับอ่า
00:01:28 → 00:01:31 เพนนิซิเลียมเนี่ยมันก็ก็มีหลายๆตัวนะ
00:01:31 → 00:01:33 ครับตัวนี้ผมจำชื่อไม่ได้แล้วแต่มีมันมี
00:01:33 → 00:01:35 ชื่อของมันอีกนะฮะแต่ตัวเนี้ยมันใช้ไม่
00:01:35 → 00:01:37 ได้เพราะว่ามันทำให้เกิดอันตรายต่อตับนะ
00:01:37 → 00:01:40 ครับในตอนนั้นเขาก็เลยยกเลิกไปนะฮะจน
00:01:40 → 00:01:43 กระทั่งมาสกัดอีกตัวนึงออกมาได้นะครับอีก
00:01:43 → 00:01:46 ตัวนึงก็คือเป็นตัวสิตัวแรกซึ่งใช้ในทาง
00:01:46 → 00:01:48 การแพทย์นะครับชื่อว่า lova statin นะ
00:01:48 → 00:01:49 ครับ
00:01:49 → 00:01:54 อ่า lova statin ตัวนี้นะฮะก็ตัวนี้สกัด
00:01:54 → 00:01:56 หชื่อลายอีกตัวนึงเหมือนกัน aspergillus
00:01:56 → 00:02:00 นะครับแต่ตัวนี้ผมจำได้เพราะสมัยผมนี่ผม
00:02:00 → 00:02:03 จำไอ้ตัวนี้ได้แม่นเลยนามสกุลมันคือ terus
00:02:03 → 00:02:04 นะ
00:02:04 → 00:02:09 ครับ eus นะฮะ Asus teras แล้วก็เจอใน
00:02:09 → 00:02:12 อ่าอาหารเสริมตัวนึงนะครับคืออันนี้ที่
00:02:12 → 00:02:15 อเมริกาค่อนข้างดังเหมือนกันนะครับ Red
00:02:15 → 00:02:20 Rice ye นะครับอ่าใน R Light ye มัน
00:02:20 → 00:02:22 ก็จะมีตัว lova stein อยู่เหมือนกันนะ
00:02:22 → 00:02:24 ครับเพียงแต่ว่าปริมาณของมันเนี่ยมันไม่
00:02:24 → 00:02:27 แน่ไม่นอนดังนั้นเนี่ยจะใช้ตัว Red R ีส
00:02:27 → 00:02:29 ในการลดคอเลสเตอรอลเนี่ยมันอาจจะไม่ค่อย
00:02:29 → 00:02:32 ดีเท่าที่คนะครับแล้วพอหลังจากตัวนั้นออก
00:02:32 → 00:02:34 มาก็จะมีออกมาตามตามตัวเนี้ยเต็มไปหมดนะ
00:02:34 → 00:02:40 ครับยกตัวอย่างเช่นเอ่อพา statin นะครับ
00:02:40 → 00:02:45 อ่า simv statin บางคนอาจจะเคยได้ยินนะ
00:02:45 → 00:02:47 ครับผมจะไม่พูดชื่อทางการค้าของมันนะครับ
00:02:47 → 00:02:51 เพราะว่าเดี๋ยวมันไม่ดีนะฮะอ่า flu
00:02:51 → 00:02:53 statin นะ
00:02:53 → 00:02:54 ครับ
00:02:54 → 00:02:57 นี่มี
00:02:57 → 00:03:00 เอิ่ม serval statin
00:03:00 → 00:03:03 ตัวนี้ไม่ค่อยใช้กันนะ
00:03:03 → 00:03:10 ครับมีอะไรอีกอ่ะมีเดี๋ยวนะ
00:03:10 → 00:03:13 พิต้า
00:03:13 → 00:03:15 tin
00:03:15 → 00:03:18 วสินะ
00:03:19 → 00:03:25 ครับแล้วก็อ่าซู
00:03:25 → 00:03:29 สิพวกนี้เนี่ยมันมีความแตกต่างกันในแง่
00:03:29 → 00:03:32 ของการออกฤทธิ์ยาวนานแค่ไหนนะครับแล้วก็
00:03:32 → 00:03:35 บางตัวเนี่ยมันมีฤทธิ์มากกว่าอีกตัวนึงใน
00:03:35 → 00:03:37 แง่ของการยับยั้งเอนไซม์ตัวนึงซึ่งเดี๋ยว
00:03:37 → 00:03:40 เราจะพูดกันนะครับโดยตัวที่ออกฤทธิ์ยาวๆ
00:03:40 → 00:03:42 เลยเนี่ยครับก็จะมี 3 ตัวเเป็นหลักนะครับ
00:03:42 → 00:03:45 แล้วมันก็จะมีฤทธิ์ค่อนข้างแรงด้วยนะครับ
00:03:45 → 00:03:47 แรงในที่นี้หมายความว่ามันสามารถที่จะลด
00:03:47 → 00:03:49 คอเลสเตอรอลได้ค่อนข้างที่จะดีแล้วนอก
00:03:49 → 00:03:51 เหนือจากนี้มันยังมีผลที่นอกเหนือไปจาก
00:03:51 → 00:03:54 คอเลสเตอรอลซะอีกนะครับเรียกว่า OTOP
00:03:54 → 00:03:56 effect นะครับซึ่งเดี๋ยววันนี้ผมจะบอก
00:03:56 → 00:04:00 ให้ฟังบางอย่างแล้วกันนะครับยาพวกนี้นะฮะ
00:04:00 → 00:04:04 ส่วนใหญ่แล้วนะฮะไอ้ตัวข้างบนๆเนี่ยนะฮะ
00:04:04 → 00:04:06 ที่เราใช้กันหลักๆก็จะก็จะเหลืออยู่แค่ 2
00:04:06 → 00:04:10 ตัวนี้นะครับเพราะว่าตัวตัวแรกแน่นอนว่า
00:04:10 → 00:04:12 มันไม่ใช้นะฮะเพราะว่ามันมีปัญหาเรื่อง
00:04:12 → 00:04:14 ของตับนะครับไม่มีการผลิตนะครับตัว lova
00:04:14 → 00:04:17 statin เนี่ยมันอ่อนนะครับมันไม่ค่อยไม่
00:04:17 → 00:04:20 ค่อยสามารถเ่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้มาก
00:04:20 → 00:04:21 เท่าไหร่นะครับแต่ตัวที่เหลือๆเนี่ยมันจะ
00:04:21 → 00:04:24 ค่อนข้างแรงขึ้นหน่อยนะครับเอ่อ 2 ตัวเ
00:04:24 → 00:04:26 prava statin กับ stim statin เนี่ย
00:04:26 → 00:04:28 มันจะเป็น Short acting นะครับหมายความ
00:04:28 → 00:04:30 ว่ามันออกฤทธิ์ไม่กี่ชั่วโมงมันก็หมดลนะ
00:04:30 → 00:04:35 ฮะมันมีสิ่งที่เราต้องรู้ก็คือทำไม Short
00:04:35 → 00:04:37 acting มันจะต้องกินตอนก่อนนอนนะครับ
00:04:37 → 00:04:40 เอ่อเพราะว่าเอนไซม์ที่มันไปยับยั้งนะ
00:04:40 → 00:04:42 ครับเอ่อมันจะทำงานมากในตอนที่เรานอนนั่น
00:04:42 → 00:04:45 เองนะครับถ้าเรานอนกลางวันมากๆมันก็ไปทำ
00:04:45 → 00:04:47 งานตอนกลางวันมากๆนะครับเพราะฉะนั้นคนที่
00:04:47 → 00:04:49 เอ่อทำงานพวกเป็นกะอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:04:49 → 00:04:52 แล้วตอนตอนกลางวันเนี่ยก็อาจจะต้องกินยา
00:04:52 → 00:04:54 พวกนี้ตอนกลางวันแทนนะฮะแทนที่จะเป็นกิน
00:04:54 → 00:04:58 กลางคืนแต่ว่าตัวเนี้ยนะครับตัว 3 ตัวเ
00:04:58 → 00:05:00 มันเป็นรอง Active นะครับหมายความว่ามัน
00:05:00 → 00:05:03 ออกฤทธิ์ค่อนข้างที่จะยาวมากเลยนะฮะดัง
00:05:03 → 00:05:05 นั้นหมายความว่าท่านจะกินตอนไหนของวันก็
00:05:05 → 00:05:07 ได้ไม่ต้องกินก่อนนอนนะครับมันจะมีฤทธิ์
00:05:07 → 00:05:10 อยู่เหมือนกันตัว sera เนี่ยที่อเมริกา
00:05:10 → 00:05:13 ไม่มีนะฮะตัว fla เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยชอบ
00:05:13 → 00:05:14 เท่าไหร่เพราะว่ามันมีปัญหาเกี่ยวกับ
00:05:14 → 00:05:16 เรื่องตับค่อนข้างที่จะเยอะเหมือนกันนะ
00:05:16 → 00:05:20 ครับตงนี้มีปัญหาเรื่องตับนะะอ่ะนี้พอเรา
00:05:20 → 00:05:22 ทราบตรงนี้แล้วสิ่งต่อไปที่อยากจะให้ทราบ
00:05:22 → 00:05:25 ก็คือเอ๊ะแล้วสแตตินมันไปยุ่งอะไรกับร่าง
00:05:25 → 00:05:28 กายของเรากันแน่เดี๋ยวอ่าเรื่องนี้ผมจำ
00:05:28 → 00:05:30 อาจจะไม่ค่อยแม่นแบบเป๊ะๆนะครับแต่ว่าจะ
00:05:30 → 00:05:33 เล่าให้ฟังแล้วกันนะมันมีที่มาจากอย่าง
00:05:33 → 00:05:35 นี้ครับในเซลล์ตับที่เป็นเซลล์หลักเลย
00:05:35 → 00:05:39 เนี่ยนะครับมันจะมีเอ่อสารตัวนึงนะครับ
00:05:39 → 00:05:42 ชื่อว่าเซติโอนะครับตรงเนี้ยจะลงไประดับ
00:05:42 → 00:05:44 โมเลกุลหน่อยละนะ
00:05:44 → 00:05:48 ฮะเซติ co a นะครับแล้วมันก็จะไปบวกกับ
00:05:48 → 00:05:51 อีกตัวนึงนะครับก็คืออ่า
00:05:51 → 00:05:56 ซิโตซิโ a
00:05:56 → 00:05:59 เอ่ออ่า
00:05:59 → 00:06:02 บวกกันปุ๊บเนี่ยมันจะได้เป็นตัวนึงนะครับ
00:06:02 → 00:06:04 ก็คือตัว
00:06:05 → 00:06:10 hmg coa นะครับชื่อเต็มๆของมันก็คือเ่า
00:06:10 → 00:06:13 3 ไฮดรอกซี่ 3 เมิลกูติโอนะครับชื่อมัน
00:06:13 → 00:06:15 ยาวๆนะครับของหมอนี่ต้องท่องนะครับถ้าไม่
00:06:15 → 00:06:17 ใช่หมอก็ไม่เป็นไรไม่ต้องรู้จักก็ได้นะ
00:06:17 → 00:06:20 ครับแล้วไอ้ตัวนี้นี่แหละครับมันจะมีการ
00:06:20 → 00:06:23 เปลี่ยนแปลงกันไปเป็นตัวนึงชื่อว่ามี
00:06:23 → 00:06:25 vonic Acid นะ
00:06:25 → 00:06:30 ครับิผมแทนตัวเว่าแิดแล้วกันมันเป็นกรดนะ
00:06:30 → 00:06:33 ครับโดยเอนไซมตัวนึงนะครับชื่อ
00:06:33 → 00:06:35 hmg
00:06:35 → 00:06:38 coa redu Test นะ
00:06:38 → 00:06:40 ครับ
00:06:40 → 00:06:43 นแล้วไอ้ตัวนี้ละครับมันจะเป็นตัวหลักเลย
00:06:43 → 00:06:47 นะสินทำงานตรงนี้ครับไปยับยั้งเอนไซม์ตัว
00:06:47 → 00:06:52 นี้นะฮะนี่สิจะไปยับยั้ง hmg coa redu
00:06:52 → 00:06:55 Test นะครับ
00:06:55 → 00:06:59 อ่าทีนี้ถ้ามันไปยับยั้งแล้วสิ่งที่ตามมา
00:06:59 → 00:07:01 เนี่ยมันคืออะไรเราต้องทราบนิดนึงนะครับ
00:07:01 → 00:07:04 มี vonic Acid เนี่ยมันจะกลายไปเป็นตัว
00:07:04 → 00:07:10 อื่นๆตรงนี้อ่าชื่อซินะครับ
00:07:10 → 00:07:13 ิเอิ่มไพโรฟอสเฟต
00:07:13 → 00:07:18 PP แล้วกันไพโรฟอสเฟตนะแล้วก็สุดท้ายมัน
00:07:18 → 00:07:24 จะกลายไปเป็นตัวอื่นก็คือ
00:07:24 → 00:07:26 สกีนแล้วก็สุดท้ายก็กลายไปเป็น
00:07:26 → 00:07:30 คอเลสเตอรอลที่เรารู้จักนี่เองนะครับ
00:07:30 → 00:07:34 สกีนเนี่ยบางคนอาจจะเคยเห็นว่าเออเอามาทำ
00:07:34 → 00:07:35 เป็นเครื่องสำอางอะไรพวกนี้ใช่มั้ยฮะหรือ
00:07:36 → 00:07:39 ว่าได้มาจากปลาบางชนิดก็ก็มีนะครับทีนี้
00:07:39 → 00:07:42 อ่าอีกอย่างหนึ่งที่มันกลายไปเป็นได้ก็
00:07:42 → 00:07:47 คือชื่อแปลกๆหน่อยเนินะครับเดี๋ยวนะมัน
00:07:47 → 00:07:49 เขียนยังไง
00:07:49 → 00:07:53 หวะน่าจะอย่างเงี้ยนะครับเนิแล้วก็เนิซ้ำ
00:07:53 → 00:07:55 นะ
00:07:55 → 00:08:00 ครับไพโรฟอสเฟตนะครับนี่สารหลักๆของมัน
00:08:00 → 00:08:02 คือไอ้พวกนี้นี่แหละนะฮะแล้วสิ่งที่เรา
00:08:02 → 00:08:04 ต้องรู้ตอนตัดถัดไปก็คือไอ้คอเลสเตอรอล
00:08:04 → 00:08:07 คอเลสเตอรอลตัวนี้เนี่ยยมันจำเป็นต่อร่าง
00:08:07 → 00:08:09 กายเพราะว่ามันเอาไปสร้างเป็นอย่างอื่น
00:08:09 → 00:08:12 เช่นกรดน้ำดีนะครับหรือที่เรียกว่า Bio
00:08:12 → 00:08:16 Acid นะครับอ่าวิตามินดีนะครับก็เป็น
00:08:16 → 00:08:18 คอเลสเตอรอลเหมือนกันนะครับในนั้นแล้วก็
00:08:18 → 00:08:21 เ่อฮอร์โมนบางชนิดนะครับเช่นฮอร์โมน
00:08:21 → 00:08:23 เทสโทสเตอโรนเอสโตรเจนฮอรโมนเพศใชัเพศ
00:08:23 → 00:08:26 หญิงนั่นเองนะครับฮอร์โมนบางอย่างนะครับ
00:08:26 → 00:08:29 อ่าไม่ใช่ทุกอย่างนะฮอร์โมนบางอย่างเท่า
00:08:29 → 00:08:31 นั้นที่มันเป็นเอ่อคอเลสเตอรอลนะครับแล้ว
00:08:31 → 00:08:34 ก็เอิ่มมีเอ่อไลโปโปรตีนแน่นอนเพราะว่า
00:08:34 → 00:08:37 ตัวนี้มันเป็นตัวที่มันเอาคอเลสเตอรอลไป
00:08:37 → 00:08:40 ไว้ตามที่ต่างๆนะครับ
00:08:40 → 00:08:45 อ่าดังนั้นแล้วถ้าเรากินยาสตินเข้าไปมัน
00:08:45 → 00:08:47 ก็จะไปยับยั้งตรงนี้เหมือนกันนะครับไอ้
00:08:47 → 00:08:51 ตัวเนี้ยนะเนิมันมีความสำคัญอย่างไรบ้าง
00:08:51 → 00:08:54 นะครับมันมีกลไกมหาศาลมากเลยไอ้ตัวนี้นะ
00:08:54 → 00:08:58 ฮะแต่เท่าที่ผมจำได้นะครับสิ่งที่มันไปทำ
00:08:58 → 00:09:01 ให้เกิดเอ่อปัญหาต่อๆมาถ้ามีตัวเนี้ยเยอะ
00:09:01 → 00:09:05 ๆนะครับสิ่งก็คือมันจะไปลดตัวเมันจะลด
00:09:05 → 00:09:08 ไนตริกออกไซด์นะครับซึ่งไนตริกออกไซด์
00:09:08 → 00:09:09 เป็นตัวที่เอาไว้ขยายหลอดเลือดของเราถ้า
00:09:09 → 00:09:11 หลอดเลือดเราขยายไม่ได้เราจะมีความดันสูง
00:09:11 → 00:09:14 แล้วก็จะมีโรคอื่นๆตามมาเยอะแยะนะครับมัน
00:09:14 → 00:09:16 จะไปลด
00:09:16 → 00:09:20 เอิม tpa อันนี้คือ tsue plasminogen
00:09:20 → 00:09:23 activator นะครับเ่อ plasminogen มันเอา
00:09:23 → 00:09:26 ไว้ทำให้เลือดไม่ค่อยเลือดเวลามันจับเป็น
00:09:26 → 00:09:28 ก้อนมันต้องละลายทิ้งถ้ามันไปลดตัวเนี้ย
00:09:28 → 00:09:30 มันก็จะไม่ค่อยละลายนะครับซึ่งก็ทำให้
00:09:30 → 00:09:32 ลิ่มเลือดมันอุดตันตามเส้นเลือดต่างๆได้
00:09:33 → 00:09:37 นะครับเอ่อมันมีฤทธิ์เพิ่มตัวนึงชื่อว่า
00:09:37 → 00:09:41 เอ่อิิ 1 นะครับ et1 แล้วะกันตัวนี้ิน 1
00:09:41 → 00:09:44 จะทำให้เส้นเลือดตีบแล้วก็บีบตัวนะครับ
00:09:44 → 00:09:47 อ่าถ้าเราไปถ้าเราไปจัดการมันมันก็จะขยาย
00:09:47 → 00:09:51 ตัวออกอ่าอย่างนั้นเป็นต้นนะมันจะไปเอิ่ม
00:09:52 → 00:09:57 มันมีอีกตัวนึงไปเพิ่มการทำงานของ nad pH
00:09:57 → 00:10:01 ออกซิเดสนะครับตัวนี้มีความสำคัญอย่าง
00:10:01 → 00:10:03 หนึ่งก็คือมันไปสร้างปฏิกิริยาออกซิเดชัน
00:10:03 → 00:10:06 ในร่างกายเพื่อที่จะทำให้เกิดการอักเสบ
00:10:06 → 00:10:08 บางอย่างนะครับงั้นถ้ามันมีเยอะๆก็ไม่ดี
00:10:08 → 00:10:11 นะครับอ่าตัวเเป็นปัญหานะฮะแล้วก็ทั้งหมด
00:10:11 → 00:10:15 นี้นะครับมันก็จะมีตัวนึงที่เราอยากจะรู้
00:10:15 → 00:10:19 นั่นเองเราก็จะพูดตรงนี้ก็คือมันเอาไป
00:10:19 → 00:10:23 สร้าง ub
00:10:23 → 00:10:27 quinone หรืออีกชื่อนึงคือซม Q10 ของเรา
00:10:27 → 00:10:30 นั่นเองนะครับอ้าทีนี้รู้หรือยังว่า Cos
00:10:31 → 00:10:33 qt มันเกี่ยวอะไรนะครับคลิปวีีดีโอทีนี้
00:10:33 → 00:10:34 จะยาวหน่อยนะครับเพราะผมต้องการอธิบายให้
00:10:35 → 00:10:37 มันลงลึกไปเลยแล้วคนที่แบบอาจจะเข้าใจไม่
00:10:37 → 00:10:40 เต็มที่ถ้าไม่ใช่หมอเนี่ยมาฟังตรงนี้จะ
00:10:40 → 00:10:42 ได้เข้าใจให้หมดทุกอย่างเลยนะครับแล้วก็
00:10:42 → 00:10:45 ถ้าใครมีความเห็นที่แตกต่างไปก็ลองมาอ่า
00:10:45 → 00:10:47 ทำความเข้าใจตรงนี้ให้เรียบร้อยก่อนนะ
00:10:47 → 00:10:52 ครับเอิม coq10 เนี่ยจริงๆมันมี 3 3 แบบ
00:10:52 → 00:10:54 ด้วยกันขึ้นอยู่กับว่ามันเป็น oxidized
00:10:54 → 00:10:56 form หรือว่าเป็น Reduce form นะครับ
00:10:56 → 00:10:59 คือมียูบินนะฮะซึ่งเป็นออกซิ form นะครับ
00:10:59 → 00:11:02 ครับแล้วก็ ub sequin ซึ่งเป็นออกซิได
00:11:02 → 00:11:05 แค่ครึ่งนึงแล้วก็อีกอันนึงคือบชื่อว่า ub
00:11:05 → 00:11:07 quinol นะครับซึ่งเป็น Reduce form นะ
00:11:07 → 00:11:10 ครับซึ่งตรรงเนี้ยใครที่ไม่ไม่ไม่เข้าใจ
00:11:10 → 00:11:13 ทางการแพทย์ไม่ไม่ต้องสนใจอะไรมากนะฮะมัน
00:11:13 → 00:11:15 มีอีกอย่างนึงซึ่ง
00:11:15 → 00:11:19 อ่าสำคัญก็คือตัวนี้มันเกี่ยวข้องกับ
00:11:19 → 00:11:22 อ่า
00:11:22 → 00:11:29 โปรตีน pril นะครับ
00:11:29 → 00:11:35 อ่าโปรตีนพนิชมันเป็นวิธีในการเอาหมู่
00:11:35 → 00:11:39 เอ่อโมเลกุลซึ่งมันจะไม่ชอบน้ำหรือ
00:11:39 → 00:11:42 ไฮโดรโฟบิกโมเลกุลนะครับไปแปะอยู่กับตัว
00:11:42 → 00:11:43 โปรตีนอะไรสักอย่างเพื่อที่จะให้โปรตีน
00:11:43 → 00:11:46 ตัวนั้นน่ะมันวิ่งเข้าไปอยู่กับเซลล์เ่อ
00:11:46 → 00:11:48 เยื่อหุ้มเซล์ของเราได้เพราะว่าเยื่อหุ้ม
00:11:48 → 00:11:49 เซล์ของเราเนี่ยมันประกอบไปด้วยไขมันมัน
00:11:50 → 00:11:52 จะไม่ชอบอะไรที่ไม่ใช่ไขมันไปเกาะกับมัน
00:11:52 → 00:11:53 นะครับถ้าเราต้องการให้โปรตีนบางอย่าง
00:11:53 → 00:11:55 ขึ้นไปสู่ผิวเซลล์ได้เนี่ยเราจะต้องเอา
00:11:56 → 00:11:59 หมู่ไฮโดรโฟบิกหรือการเกิด ventilation
00:11:59 → 00:12:00 เนี่ยเเกาะกับมันแล้วจะเอาโปรตีนตัวนั้น
00:12:00 → 00:12:03 ขึ้นไปไว้ที่ผิวเซลล์ได้นะครับตันนี้ก็มี
00:12:03 → 00:12:06 สิ่งที่เราใช้นะครับดังนั้นถ้าเราใช้สติน
00:12:06 → 00:12:10 จะเกิดอะไรขึ้นนะครับอ้าสตินผลของสตินเรา
00:12:10 → 00:12:13 ต้องการคือ 1 เราลดคอเลสเตอรอลแน่นอนถ้า
00:12:13 → 00:12:16 เราไปยับยั้งเอนไซม hng coa redu Test
00:12:16 → 00:12:18 ตัวนี้นะครับลงมาตรงเนี้ยทั้งหมดมันก็จะ
00:12:18 → 00:12:21 หายไปนะครับคอเลสเตอรอลเราก็จะลดลงนะครับ
00:12:21 → 00:12:24 นี่อันนี้คือในเซลล์ตับนะครับลดลงแล้ว
00:12:24 → 00:12:26 เวลาคอเลสเตอรอลในเซลล์ตับลดลงเสิ่งที่
00:12:26 → 00:12:28 เกิดขึ้นของเซลล์ตับคือมันต้องการเอา
00:12:28 → 00:12:31 คอเลสเตอรอลเข้ามานะนะครับเซลล์ตับก็จะ
00:12:31 → 00:12:36 เพิ่มนี่ครับ ldl receptor นะครับ
00:12:36 → 00:12:39 อ่า ldl receptor นี่ก็เป็นตัวที่
00:12:39 → 00:12:42 ต้องการดึงเอา ldl ซึ่งมีคอเลสเตอรอลใน
00:12:42 → 00:12:45 เลือดนะครับอ่านี้เป็น ldl คอเลสเตอรอลใน
00:12:45 → 00:12:50 เลือดนะครับเลือดก็ Blood แล้วะกันนะมัน
00:12:50 → 00:12:52 จะมาจับกับตัวเนี้ยนะครับที่มีเพิ่มขึ้น
00:12:52 → 00:12:55 ในกรณีที่เราใช้ยาสตินนะครับทำให้มัน
00:12:55 → 00:12:58 สามารถดึงเอา ldl คอเลสเตอรอลออกมาจาก
00:12:58 → 00:12:59 เลือดได้เพิ่มขึ้นนะครับอันนี้ก็เป็นสิ่ง
00:12:59 → 00:13:02 ที่เราต้องการนะครับคือนอกเหนือจากมันลด
00:13:02 → 00:13:04 การสังเคราะห์ของคอเลสเตอรอลแล้วมันยัง
00:13:04 → 00:13:06 ดึงเอาคอเลสเตอรอลในเลือดเข้ามาไว้ในใน
00:13:06 → 00:13:08 เซลล์ตับด้วยนะครับซึ่งเป็นสิ่งที่
00:13:08 → 00:13:09 ต้องการนะครับเพราะต้องการลดไม่ให้มันไป
00:13:09 → 00:13:11 อยู่ในเลือดนานๆแล้วมันจะมีปัญหาได้นะ
00:13:11 → 00:13:16 ครับอ่าทีนี้บางคนก็สงสัยเอ๊ะถ้ากินแล้ว
00:13:16 → 00:13:20 เอ่อลดคอเลสเตอรอลเนี่ย 1 กรดน้ำดีลดลงนะ
00:13:20 → 00:13:22 ครับกรดน้ำดีลดลงถ้าลดมากๆบางคนก็จะแน่
00:13:22 → 00:13:25 นอนว่ามันย่อยอาหารจำพวกไขมันได้ลำบากอาจ
00:13:25 → 00:13:27 จะมีท้องอืดท้องเฟ้อได้บ้างแต่ว่าน้อยมาก
00:13:27 → 00:13:29 นะครับไม่ไม่เยอะเลยทีเดียวนะฮะอาจจะมีผล
00:13:29 → 00:13:32 ต่อวิตามินดีลดลงได้นะครับแต่ว่าในทางการ
00:13:32 → 00:13:34 แพทย์เวลาศึกษาจริงๆก็ไม่ได้เยอะนะครับ
00:13:34 → 00:13:37 ฮอร์โมนบางคนก็ไปฟังมาอีกบอกว่ามันสามารถ
00:13:37 → 00:13:40 ลดฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนได้ซึ่งในทาง
00:13:40 → 00:13:43 การแพทย์ก็ลดแบบไม่มีความสำคัญแต่อย่างใด
00:13:43 → 00:13:44 นะครับไม่ได้ทำให้ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปนะ
00:13:44 → 00:13:47 ครับไม่ได้ทำให้เรากล้ามเล็กลงหรือว่าหัว
00:13:47 → 00:13:50 เอ่อมีปัญหาต่างๆนะครับอ่าังนั้นตรงเนี้ย
00:13:50 → 00:13:54 ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะครับรวมทั้งอีก
00:13:54 → 00:13:59 อย่างนึงซึ่งก็คือเอ๊ะแล้วถ้าเราไปกินนะ
00:13:59 → 00:14:02 แล้วมันไปลดการสร้างโคเอนไซน์ q1 เนี่ย
00:14:02 → 00:14:04 มันจะมีปัญหาอะไรมนะฮะ coq10 เนี่ยมัน
00:14:04 → 00:14:06 เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างพลังงานของ
00:14:06 → 00:14:09 ร่างกายซึ่งมันไปอยู่ในส่วนประกอบของ
00:14:09 → 00:14:11 เซลล์อันนึงเรียกว่าไมโทคอนเดรียนะครับ
00:14:11 → 00:14:13 ไมโทคอนเดรียเนี่ยมันก็จะมีกระบวนการอัน
00:14:13 → 00:14:16 นึงซึ่งเรียกว่าอิเล็กทรอน Transport
00:14:16 → 00:14:17 System นะครับหรือ electron Transport
00:14:18 → 00:14:19 chain นะครับเวลาที่มันส่งผ่าน
00:14:19 → 00:14:20 อิเล็กตรอนแต่ละตัวเนี่ยมันจะทำให้เรา
00:14:20 → 00:14:23 สร้างพลังงานขึ้นมาได้ซม q1 เนี่ยก็จะไป
00:14:23 → 00:14:26 อยู่ในช่วงนั้นะกันนะครับมันทำให้เอ่อ
00:14:26 → 00:14:29 สามารถสร้างพลังงานได้นะครับทีนี้คนทคิว
00:14:29 → 00:14:32 แทนจริงๆมันมันก็มีที่มาคืออันเนี้ยร่าง
00:14:32 → 00:14:34 กายเราสร้างได้แต่อีกอย่างนึงก็คือเรากิน
00:14:34 → 00:14:36 เข้าไปได้เหมือนกันจากอาหารนะครับอาหาร
00:14:36 → 00:14:38 ประเภทพวกเนื้อพวกปลาที่มีไขมันพวกเนี้ย
00:14:38 → 00:14:41 ก็จะมีโอไซกูทนอยู่พวกถั่วต่างๆก็จะมี
00:14:41 → 00:14:43 โคเอนไซม์กูทนอยู่ในนั้นอยู่แล้วถ้าเรา
00:14:43 → 00:14:46 กินเข้าไปยังไงก็ไม่มีปัญหานะครับก็มีคน
00:14:46 → 00:14:48 สงสัยว่าเอ๊ะถ้าเรากินสตินแล้วไอ้ตัว
00:14:48 → 00:14:51 เนี้ยมันต่ำลงมากๆนะก็โินเอ่อร่างกายไม่
00:14:51 → 00:14:54 สามารถสังเคราะห์ได้เนี่ยจะเกิดปัญหาอะไร
00:14:54 → 00:14:57 มนะครับแล้วก็คิดว่าจะทำให้มีปัญหาต่างๆ
00:14:57 → 00:14:59 เช่นกล้ามเนื้ออักเสบหรือปวดกล้ามเนื้อ
00:14:59 → 00:15:01 เหนือจากสตินนะฮะแต่มีงานวิจัยพบแล้วนะ
00:15:01 → 00:15:03 ครับหลายชิ้นเลยทีเดียวอย่างน้อยๆก็ 6
00:15:03 → 00:15:05 ชิ้นที่ผมเอามาให้ดูนะครับแล้วผมจะแปะ
00:15:05 → 00:15:08 ลิงก์ไว้ให้ท่านไปอ่านเองได้เลยนะครับว่า
00:15:08 → 00:15:12 เค้ามีงานวิจัยชิ้นนึงทำโดยการให้ดูว่าคน
00:15:12 → 00:15:14 ไหนที่มีปัญหาจากสตินนะครับแล้วเอาคนนั้น
00:15:14 → 00:15:17 เนี่ยมาหยุดกินสตินก่อนแล้วให้กินโคทเข้า
00:15:17 → 00:15:19 ไปเยอะๆนะครับแล้วหลังจากนั้นเนี่ยก็ให้
00:15:19 → 00:15:22 กินสตินซ้ำเข้าไปดูซิมันจะหายหรือมันจะ
00:15:22 → 00:15:24 เป็นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่านะครับกับ
00:15:24 → 00:15:26 อีกกลุ่มนึงให้กินยาหลอกนะครับเ้าพบว่า
00:15:26 → 00:15:29 ให้เรากินโคคทนเนี่ยมันไม่ได้ทำให้อาการ
00:15:29 → 00:15:31 ปวดกล้ามเนื้อมันหายไปไหนนะครับไม่ได้
00:15:31 → 00:15:33 ช่วยเลยนะฮะแล้วก็ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อ
00:15:33 → 00:15:35 มันไม่อักเสบแต่อย่างใดนะครับคนที่อักเสบ
00:15:35 → 00:15:37 แล้วกินโคคิวเทนเข้าไปก็ไม่ได้เกิด
00:15:37 → 00:15:40 ประโยชน์อะไรขึ้นมานะฮะดังนั้นจริงๆแล้ว
00:15:40 → 00:15:43 เนี่ยก็มันเป็นผลทางด้านจิตใจซะมากกว่า
00:15:43 → 00:15:45 สำหรับคนที่กินแล้วหายนะครับก็ซึ่งซึ่ง
00:15:45 → 00:15:47 เรียกว่าเอ่อ plb effect หมายความว่าถ้า
00:15:47 → 00:15:50 จริงๆตัวยามันไม่ได้มีปไม่ได้มีผลอะไรใน
00:15:50 → 00:15:52 การช่วยเรื่องของกล้ามเนื้อนะครับแต่ว่า
00:15:52 → 00:15:55 ท่านกินเข้าไปเราอาจจะเออเฮ้ยมันดีนะฮะ
00:15:55 → 00:15:59 อ่าโอเคนี่คือหลักการทำการทำงานของสตินนะ
00:16:00 → 00:16:02 ครับต่อไปเราจะมาพูดถึงในแง่ของ
00:16:02 → 00:16:07 เอิ่มปัญหาของสตินแล้วะกันนะครับเพราะว่า
00:16:07 → 00:16:09 เรารู้แล้วประโยชน์คืออะไรนะครับประโยชน์
00:16:09 → 00:16:12 อ่าแน่ๆคอเลสเตอรอลตรงนี้ลดลงถูกมั้ยฮะ
00:16:12 → 00:16:13 อันนี้เราต้องการนะครับเพราะว่า
00:16:13 → 00:16:15 คอเลสเตอรอลเยอะมันจะไปทำให้ผนังล้อเลือด
00:16:16 → 00:16:19 มีปัญหาแล้วตันนะครับอันที่ 2 นะครับสติน
00:16:19 → 00:16:21 เนี่ยมันมีผลนอกเหนือจากการลดคอเลสเตอรอล
00:16:21 → 00:16:25 อันนี้เรารู้นะครับ 1 นี่เลยนะครับตรงนี้
00:16:25 → 00:16:27 นะครับคือ
00:16:27 → 00:16:31 อะไรตรงนี้เนี่ยเมื่อกี้ผมบอกละถ้าเราไม่
00:16:31 → 00:16:34 มีสตินอยู่นะครับไอ้กระบวนการทั้งหมด
00:16:34 → 00:16:37 เนี่ยนะครับมันจะไปลดไนตริกออกไซด์ลดทิชู
00:16:37 → 00:16:40 plm activator ทดรดโนรดนี่หมดเลยนะครับ
00:16:40 → 00:16:43 ทั้งหมดเนี่ยมันจะทำให้เกิดคำคำนึงขึ้นมา
00:16:43 → 00:16:46 คือว่าคำนั้นคือ endothelial dis
00:16:46 → 00:16:49 funtion endothelium คือเยื่อบุเป็น
00:16:49 → 00:16:51 เซลล์เยื่อบุของหลอดเลือดนะครับฟังก์ชัน
00:16:51 → 00:16:53 คือการทำงานที่ผิดปกตินะครับมันอาจจะมี
00:16:53 → 00:16:56 การหดเกร็งมากเกินไปนะครับมีเลือดไปแข็ง
00:16:56 → 00:16:59 ตัวตรงนั้นได้ง่ายขึ้นนะครับแล้วก็เอ่อมี
00:16:59 → 00:17:03 การเกิดปัญหาต่างๆได้นะฮะนั่นคือสิ่งที่
00:17:03 → 00:17:05 เกิดขึ้นนะครับแล้วก็เราไม่ต้องการให้มัน
00:17:05 → 00:17:07 เกิดดังนั้นสตินเนี่ยมันจะมีผลนอกเหนือ
00:17:07 → 00:17:09 จากการลดคอเลสเตอรอลคือมันไปช่วยเรื่อง
00:17:09 → 00:17:12 ของเส้นเลือดพวกนี้ด้วยนะครับอ่านอกเหนือ
00:17:12 → 00:17:14 จากนั้นนี่มันยังช่วยให้มันไม่มีการอุด
00:17:14 → 00:17:17 ตันของเส้นเลือดเ่อมีการช่วยในแง่ของอัน
00:17:17 → 00:17:21 นึงซึ่งผมไม่ได้เขียนในนี้ก็คือเวลาเกิด
00:17:21 → 00:17:25 อ่าเวลาถ้าเรามีหลอดเลือดนะครับอันนึงเรา
00:17:25 → 00:17:28 วาดให้ดูแล้วกันสมมุติว่าเรามีหลอดเลือด
00:17:28 → 00:17:30 อันนึงนะครับนี่ตรงนี้เป็นผนังหลอดเลือด
00:17:30 → 00:17:34 แล้วก็ตรงนี้มันเป็นตัวที่เรามีเอาเนี่ย
00:17:34 → 00:17:36 เอาไขมันมาอยู่ตรงเยนะครับสิ่งที่เรากลัว
00:17:36 → 00:17:39 ที่สุดก็คือการที่ไอ้ก้อนทั้งก้อนเนี่ยนะ
00:17:39 → 00:17:42 ครับอยู่ๆมันหลุดออกมาจากผนังหลอดเลือด
00:17:42 → 00:17:44 แล้วลอยออกไปนะครับแล้วมันจะทำให้มันไป
00:17:44 → 00:17:47 อุดสักที่นึงซึ่งที่นั้นก็คือสมองหรือว่า
00:17:47 → 00:17:49 หลอดเลือดหัวใจนะครับเวลามันอุดแล้วมันก็
00:17:49 → 00:17:51 ขาดเลือดนะครับเราไม่ต้องการนะครับเราเลย
00:17:51 → 00:17:53 ต้องการให้มันอยู่กับที่นั่นแหละถ้ามัน
00:17:53 → 00:17:55 อยู่ตรงนั้นเนี่ยนะครับอันนี้เราเรียกว่า
00:17:55 → 00:17:57 ถ้าเราต้องการให้มันอยู่กับที่เราเรียก
00:17:57 → 00:18:04 ว่าแกนะนะครับ stabilization นะครับ
00:18:04 → 00:18:08 อ่าทำยังไงนะครับทำไม plag ถึงอยู่กับที่
00:18:08 → 00:18:11 ได้นะครับประการแรกก็คือเราต้องให้มัน
00:18:11 → 00:18:14 เล็กๆเพราะถ้ามันใหญ่มันมันก็หลุดง่ายนะ
00:18:14 → 00:18:16 ครับมันเล็กมันจะหลุดยากหน่อยนะครับเวลา
00:18:16 → 00:18:18 มันมันเกาะพวกเนี้ยนะครับเราถ้ายิ่งมัน
00:18:18 → 00:18:21 หนักมันก็มันก็เกาะไม่อยู่นะครับประการ
00:18:21 → 00:18:22 นึงที่ทำให้มันหนักก็
00:18:22 → 00:18:26 คือในเนี้ยมันจะมีเซลล์ตัวนึงชื่อว่าแครช
00:18:26 → 00:18:29 นะครับนี่
00:18:29 → 00:18:32 แล้วแครชพวกเนี้ยนะครับมันจะไปมี
00:18:32 → 00:18:34 คอเลสเตอรอลอยู่ในตัวมันเองนะครับมันตัว
00:18:35 → 00:18:36 กลมๆอย่างเงี้นะครับตรงนี้เป็นนิวเคลียส
00:18:36 → 00:18:39 ของมันละกันนะฮะเวลามันมีคอเลสเตอรอลอยู่
00:18:39 → 00:18:41 ข้างในเยอะๆเนี่ยมันก็มันก็ทำให้ตรงเใหญ่
00:18:41 → 00:18:44 ขึ้นไปเรื่อยๆนะครับเราไม่ต้องการให้มัน
00:18:44 → 00:18:45 มีนะฮะยาสตินเนี่ยมันจะไปลดพวก
00:18:46 → 00:18:48 คอเลสเตอรอลตรงเนี้ยลงไปด้วยนะครับก็ทำ
00:18:48 → 00:18:51 ให้มันตัวเล็กลงนะครับอันที่ 2 ก็คือมัน
00:18:51 → 00:18:55 จะอยู่กับที่ได้ก็ต้องมีการสร้างพวกสาร
00:18:55 → 00:18:58 พวกไฟเบอร์ต่างๆนะครับหรือพวกโปรตีนเพื่อ
00:18:58 → 00:19:00 ให้มันมีมีความแข็งแรงแล้วก็เกาะอยู่กับ
00:19:00 → 00:19:03 ที่นะครับแต่ว่าร่างกายของเราเนี่ยแฟาพวก
00:19:03 → 00:19:05 เนี้มันก็สามารถสร้างเอนไซม์ตัวนึงซึ่งไป
00:19:05 → 00:19:08 ย่อยไอ้้พวกนี้ได้นะครับเอนไซมตัวนี้คือ
00:19:08 → 00:19:12 เาลโปรติสนะครับ
00:19:12 → 00:19:16 อ่าตัวเนี้ยนะฮะเวลามันไปจัดการนะครับพอ
00:19:16 → 00:19:20 มันไปลดตัวนี้ออกมาปุ๊บเนี่ยมันจะไปจัด
00:19:20 → 00:19:22 การกับไอ้พวกนี้หมดเลยนะทำให้มันไม่แข็ง
00:19:22 → 00:19:24 แรงนะครับแล้วก็พวกไฟเบอร์ต่างๆของมันไม่
00:19:24 → 00:19:26 แข็งแรงมันก็หลุดลอยไปได้นะครับนี่คือ
00:19:26 → 00:19:29 ปัญหานะครับแล้วเอิของเรานี่เองนะครับมัน
00:19:29 → 00:19:32 สามารถไปจัดการตัวนี้ได้นะให้มันไม่สร้าง
00:19:32 → 00:19:34 นะครับพอมันไม่สร้างปุ๊บไอ้ตัวนี้ก็เกาะ
00:19:34 → 00:19:37 อยู่กับที่ได้ดีนะครับอ่ะเราพูดถึงข้อดี
00:19:37 → 00:19:40 ของมันมาเยอะะเดี๋ยวเรามาดูข้อเสียของมัน
00:19:40 → 00:19:43 อย่างที่ผมบอกทุกๆอย่างในโลกนี้มีข้อดีก็
00:19:43 → 00:19:46 มีข้อเสียนะครับเพราะว่าอ่ามันก็เป็นของ
00:19:46 → 00:19:50 คู่กันอยู่แล้วนะฮะทีนี้อ่อก่อนอื่นเลย
00:19:50 → 00:19:54 ข้อเสียเนี่ยอะไรบ้างซึ่งเราไปฟังมาแล้ว
00:19:54 → 00:19:57 เอ่อมันไม่จริงนะครับแล้วเรากลัวไปเกิน
00:19:57 → 00:20:00 กว่าเหตุนะครับสิ่งที่ไม่จริงแน่ๆนะครับ
00:20:00 → 00:20:02 แล้วก็มีข้อมูลซึ่งออกมาแล้วแล้วก็มีข้อ
00:20:02 → 00:20:04 มูลที่ขัดแย้งกันเป็นอย่างยิ่งนะครับ
00:20:04 → 00:20:08 ประการแรกสตินทำให้เกิดอัลไซเมอร์สตินทำ
00:20:08 → 00:20:11 ให้เรามีปัญหาทางด้านความจำเสื่อนชนิด
00:20:11 → 00:20:14 อื่นๆสตินทำให้เรามีเลือดออกในสมองง่าย
00:20:14 → 00:20:17 ขึ้นพวกนี้ไม่จริงนะครับเอ่อสตินทำให้
00:20:17 → 00:20:20 เกิดโรคไตเพิ่มขึ้นอันนี้ก็ไม่จริงสตินทำ
00:20:20 → 00:20:24 ให้เราเอ่อมีโรคซึมเศร้ามีคนมาบอกนะมีโรค
00:20:24 → 00:20:26 ซึมเศร้าอันนี้ก็ไม่จริงนะครับสตินทำให้
00:20:26 → 00:20:29 เกิดโรคปลอดอักเสบอันนี้ไม่จริงสตินทำให้
00:20:29 → 00:20:32 เกิดเอ่อเส้นเอ็นมันไม่แข็งแรงแล้วมันมัน
00:20:32 → 00:20:36 ขาดอันนี้ก็ไม่จริงสตินทำให้เกิดเ่อเทสส
00:20:36 → 00:20:38 หรือว่าฮอร์โมนเพศชายต่ำอันนี้ก็ไม่จริง
00:20:38 → 00:20:40 นะครับทั้งหมดที่พูดไปเนี่ยไม่จริงนะส่วน
00:20:40 → 00:20:43 ไอ้ที่จริงไอ้ที่จริงคืออะไรนะครับเราจะ
00:20:43 → 00:20:46 มาพูดถึงกันตรงนี้เลยนะฮะประการแรกก็คือ
00:20:46 → 00:20:49 มันอาจจะมีปัญหาพิษต่อตับได้นะครับพิษต่อ
00:20:49 → 00:20:51 ตับเนี่ยเราจะเรียกว่า
00:20:52 → 00:20:55 เาท toxicity นะ
00:20:55 → 00:21:00 ครับเปตเนี่ยแปลว่าตับนะทกิว่าพิษนะฮะอ่า
00:21:00 → 00:21:03 ตัวนี้เนี่ยมันเป็นเหตุที่ว่าเวลาหมอจ่าย
00:21:03 → 00:21:05 ยาสแตตินไปแล้วเนี่ยจะต้องมีการตรวจค่า
00:21:05 → 00:21:08 เอนไซม์ต่ำนะครับซ้ำที่ประมาณซักเ่า 6
00:21:08 → 00:21:10 อาทิตย์หรือว่าเดือนเอ่อ 3 เดือนอย่าง
00:21:10 → 00:21:12 เงี้ยนะครับเพื่อที่จะดูว่ามีปัญหาอะไรม
00:21:12 → 00:21:14 นะครับเวลาที่เราวินิจฉัยนะครับก็คือเรา
00:21:14 → 00:21:16 จะดูค่าเอนไซม์ของตับนั่นเองนะครับ
00:21:16 → 00:21:19 เอนไซม์อะไรที่เราดูนะครับเอนไซม์ของตับ
00:21:19 → 00:21:20 ที่เราดูก็คือตัว
00:21:21 → 00:21:25 alt แล้วก็ ast นะครับหรือมันมีอีกชื่อ
00:21:25 → 00:21:29 นึงก็คือ SG PT แล้วก็ก็อีกตัวนึงก็คือ
00:21:29 → 00:21:31 sgot คือทั้งหมดเนี่ยมันคือชื่อเดียวกัน
00:21:31 → 00:21:34 หมดเลยนะฮะแล้วโดยทั่วไปเนี่ยไอ้พวกเนี้ย
00:21:34 → 00:21:36 มันจะสูงขึ้นถ้าเรามีปัญหาเรื่องตับ
00:21:36 → 00:21:38 อักเสพนะครับเราจะต้องหยุดยาถ้าเกิดว่า
00:21:38 → 00:21:43 มันมากเกิน 3 เท่า 3 เท่านะครับของค่า
00:21:43 → 00:21:46 ปกตินะครับอ่าถ้ามันมากเกินสเท่าของค่า
00:21:46 → 00:21:47 ปกติเราจะต้องหยุดยาตัวนั้นที่เรากินอยู่
00:21:47 → 00:21:51 นะครับแล้วถามว่าไอ้เอ่อตับอักเสบจากยา
00:21:51 → 00:21:53 ตัวเนี้ยมันเจอเยอะแค่ไหนนะครับเจออยู่
00:21:53 → 00:21:59 ที่ประมาณซัก 2% นั่นเองนะครับอ่า 2% นะา
00:21:59 → 00:22:01 สตินตัวไหนที่มีปัญหากับตับอักเสบเยอะๆนะ
00:22:01 → 00:22:07 ครับเอิมถ้าเรียงตาม flu สินะครับตัวนี้
00:22:07 → 00:22:09 ที่ผมบอกว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยชอบใช้กัน
00:22:09 → 00:22:11 แล้วเพราะว่ามันทำให้มันมีตับอักเสบเยอะ
00:22:11 → 00:22:13 แล้วมันก็ไม่ได้ดีมากในแง่ของการลด
00:22:13 → 00:22:17 คอเลสเตอรอลนะครับลองลงมาก็คือตัว
00:22:17 → 00:22:20 วัตินะ
00:22:20 → 00:22:24 ครับลองลงมาก็จะเป็นกลุ่มที่เรียกว่า
00:22:24 → 00:22:31 prava statin นะครับแล้วแล้วก็ซู
00:22:31 → 00:22:35 statin แล้วมากกว่า SV
00:22:35 → 00:22:39 statin อ่าอย่างนี้นะครับเรียงตามนี้
00:22:39 → 00:22:43 แล้วก็เท่าที่เราดูมาทั้งหมดเนี่ยตัวที่
00:22:43 → 00:22:47 โอเค 2 ตัวนี้นะครับ 2 ตัวนี้ UA กับ ata
00:22:47 → 00:22:50 เนี่ยนะครับมันมีฤทธิ์ที่ออกฤทธิ์ยาวแล้ว
00:22:50 → 00:22:53 ก็ดีมันค่อนข้างที่จะลดคอเลสเตอรอลได้ดี
00:22:53 → 00:22:56 นะครับส่วนตัวที่ออกฤทธิ์สั้นแล้วก็ลด
00:22:56 → 00:22:58 คอเลสเตอรอลได้น้อยกว่าก็จะเป็นเป็นตัว
00:22:58 → 00:23:02 pla กับตัว sva นะครับก็แล้วแต่ว่า
00:23:02 → 00:23:04 คอเลสเตอรอลที่เราเป็นมันมากน้อยแค่ไหน
00:23:04 → 00:23:07 เราก็จะเลือกให้มันเหมาะสมนะครับคนที่มี
00:23:07 → 00:23:10 ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆด้วยนะครับก็อาจจะทำให้
00:23:10 → 00:23:14 มีการตับอักเสบได้เช่นใครบ้างนะครับข้อ
00:23:14 → 00:23:17 แรกตามตามชนิดของสตินเมื่อตะกี้ที่บอกไป
00:23:17 → 00:23:22 อันที่ 2 คือ ose ของสินนะครับสูงๆนะครับ
00:23:22 → 00:23:27 โดสสูงอ่าถ้าโดสสูงมันจะมีโอกาสมากขึ้นคน
00:23:27 → 00:23:29 ที่กินเหล้านะครับกินเหล้ากินแอลกอฮอล์นะ
00:23:29 → 00:23:33 ฮะก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นคนที่มีโรคตับเรืรัง
00:23:33 → 00:23:37 นะครับเช่นอ่ามีโรคอ่าโรคตับอักเสบ B นะ
00:23:37 → 00:23:42 ครับโรคตับอักเสบ C นะครับ hb HC เมัน
00:23:42 → 00:23:44 ย่อมาจากเปติหรือตับอักเสบ B ะสีเรื้อรัง
00:23:44 → 00:23:47 นะครับพวกนี้หรือว่ากินยาตัวอื่นๆที่ึมัน
00:23:47 → 00:23:50 มีเ่าผลกระทบต่อสตินนะครับหรือเรียกว่า
00:23:50 → 00:23:53 ดักนะครับอ่ามันเกิดว่ามันมีผลกระทบต่อ
00:23:53 → 00:23:56 กันก็จะมีปัญหาตรงนี้ได้นะครับนี่คือตับ
00:23:56 → 00:23:58 อักเสบเจอประมาณ 2% นะครับวิธีแก้ก็คือ
00:23:58 → 00:24:01 เราหยุดไปก่อนแล้วเราอาจจะไปใช้ยาสตินตัว
00:24:01 → 00:24:04 อื่นๆซึ่งมันมีผลต่ออ่าเรื่องของตับน้อย
00:24:04 → 00:24:07 กว่านะครับแต่อย่างที่บอกคือสตินเนี่ย
00:24:07 → 00:24:10 ก่อนที่เราจะใช้เต้องไปดูวีีดีโอก่อนของ
00:24:10 → 00:24:12 ผมนะครับว่าคนไหนที่ต้องใช้บ้างนะครับมัน
00:24:12 → 00:24:14 ไม่ใช่ทุกคนต้องใช้นะครับแล้วถ้ามัน
00:24:14 → 00:24:16 จำเป็นต้องใช้เนี่ยคือมันมีประโยชน์มากๆ
00:24:16 → 00:24:19 นะครับอ่ามีมากกว่าข้อข้อเสียซะอีกนะฮะ
00:24:19 → 00:24:22 อันที่ 2 แน่นอนอันนี้ไม่พูดถึงไม่ได้
00:24:22 → 00:24:26 เรื่องของกล้ามเนื้อนะครับ
00:24:26 → 00:24:30 Muscle ก้าเนื้อนี่มีปัญหาได้อยู่ประมาณ
00:24:30 → 00:24:32 สัก 3-4 แบบเท่าที่ผมจำได้นะครับเกิดแค่
00:24:32 → 00:24:37 ไหนเกิดประมาณ 2-1 34% แล้วกันนะประมาณ
00:24:37 → 00:24:40 เท่าเนี้ยนะไม่เยอะนะครับแล้วเวลามันเกิด
00:24:40 → 00:24:43 เนี่ยโอ้คำคำนึงก่อนที่เราจะลงไปถึงราย
00:24:43 → 00:24:47 ละเอียดผมอยากจะบอกคำนี้ไว้คำนึงคำว่า
00:24:47 → 00:24:48 nasib นะ
00:24:48 → 00:24:50 ครับ
00:24:50 → 00:24:54 อ่ามันตรงข้ามกับคำว่า
00:24:54 → 00:24:59 plb plb เนี่ยมันเป็นคล้ายๆยาออกแล้วก็
00:24:59 → 00:25:01 เรากินเข้าไปเนี่ยเราจะรู้สึกว่าเฮ้ยเรา
00:25:01 → 00:25:04 ดีขึ้นนะครับมันดีขึ้นแต่จริงๆยาตัวนั้น
00:25:04 → 00:25:08 ไม่มีผลอะไรสิ้นนะครับนาโบเนี่ยเวลาคุณไป
00:25:08 → 00:25:10 ฟังใครที่บอกว่ายาตัวนี้ไม่ดีไม่ดีอย่าง
00:25:10 → 00:25:12 เงี้ยกินแล้วเนี่ยเดี๋ยวโอ้ยกล้ามเนื้อ
00:25:12 → 00:25:14 อักเสบแน่ๆเลยกินเข้าไปแล้วเนี่ยคนๆนั้น
00:25:14 → 00:25:16 จะรู้สึกอยู่ๆปวดกล้ามเนื้อขึ้มาทันที
00:25:16 → 00:25:18 ทั้งๆจริงๆมันไม่ได้เกิดอะไรขึึ้นจรงเลย
00:25:18 → 00:25:21 นะครับเนี่ยคือปัญหาของ naso คือการไปฟัง
00:25:21 → 00:25:23 คนมาแล้วก็คิดว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
00:25:23 → 00:25:25 โดยเฉพาะคนที่น่าเชื่อถือนะครับเป็นหมอ
00:25:25 → 00:25:28 ใหญ่นะครับหรือเป็นยูอชื่อดังคนคนู้นคน
00:25:28 → 00:25:31 นี้นะครับไปฟังมาแล้วเ้มันต้องเสียแน่ๆ
00:25:31 → 00:25:32 เลยเรากินเข้าไปเราจะรู้สึกขึ้นมาอย่าง
00:25:33 → 00:25:34 งั้นนะครับทั้งที่จริงๆมันไม่มีอะไรด้วย
00:25:34 → 00:25:37 ซ้ำไปแล้วก็อันเนี้ยมีการวิจัยแล้วด้วย
00:25:37 → 00:25:40 เรื่อง naso เฟคในเอ่อในคนที่กินสติน
00:25:40 → 00:25:42 เพราะว่าคนที่ไปฟังวิทยุฟังฟังจากทีวี
00:25:42 → 00:25:44 ฟังคนนู้นคนนี้มาแล้วมันมีปัญหาเนี่ยสุด
00:25:45 → 00:25:46 ท้ายพอเราเอามาอธิบายดีๆให้เค้ากินตัว
00:25:46 → 00:25:49 เดิมเข้าไปไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้นนะครับ
00:25:49 → 00:25:51 อันนี้ตลกดีเหมือนกันผมก็เล่าให้ฟังเล่นๆ
00:25:51 → 00:25:56 นะฮะอ่า Muscle disease เนี่ยมีอะไรบ้าง
00:25:56 → 00:25:59 My alg นะครับอันนี้คือปวดกล้ามเนื้อ
00:25:59 → 00:26:02 ธรรมดาโดยไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้นนะครับต่อ
00:26:02 → 00:26:03 ไปคือ
00:26:03 → 00:26:08 ไอีนะครับอันนี้คือมีพยะทิสภาพของกล้าม
00:26:08 → 00:26:10 เนื้อขึ้นมาแล้วะเริ่มมีปัญหาละนะครับต่อ
00:26:11 → 00:26:12 มาคือ
00:26:12 → 00:26:15 rapd
00:26:15 → 00:26:18 miis อันนี้คือกล้ามเนื้อสลายนะครับซึ่ง
00:26:18 → 00:26:20 รุนแรงขึ้นมาและอันสุดท้ายที่พบน้อยมากๆ
00:26:20 → 00:26:22 เลยก็
00:26:22 → 00:26:25 คืออันนี้เป็นอันที่ผมสนใจอยู่ผมก็เลยจะ
00:26:25 → 00:26:29 ทราบเยอะหน่อยนะครับ immune medi
00:26:29 → 00:26:34 เ necrotizing
00:26:34 → 00:26:37 อ่า myopathy นะ
00:26:37 → 00:26:41 ครับอ่านี่คือ 4 อย่างหลักๆที่เกิดขึ้น
00:26:41 → 00:26:44 กับกล้ามเนื้อเได้นะครับแมเจียปวดกล้าม
00:26:44 → 00:26:45 เนื้อธรรมดาพวกนี้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรแล้ว
00:26:45 → 00:26:48 กล้ามเนื้อที่ปวดมักจะเป็นกล้ามเนื้อขานะ
00:26:48 → 00:26:49 ครับไม่ใช่กล้ามเนื้อแขนกล้ามเนื้อหลัง
00:26:50 → 00:26:52 กล้ามเนื้อคออะไรเงี้ยถ้าอยู่ๆบอกโอกิน
00:26:52 → 00:26:55 สแตตินแล้วเนี่ยโอ้ยมันปวดไหล่ปวดบ่าจัง
00:26:55 → 00:26:57 นั่นท่านไปดูิว่าท่านแบกหามอะไรมาหรือ
00:26:57 → 00:26:59 เปล่าหรือว่าท่านไปเอ่อนั่งก้มคออย่าง
00:26:59 → 00:27:01 เงี้ยบ่อยๆหรือเปล่านะครับพวกนั้นก็อาจจะ
00:27:01 → 00:27:04 ทำให้เราเ่อมีปัญหาได้นะครับไม่ไม่ได้
00:27:04 → 00:27:07 เกี่ยวอะไรกับตัวยาเลยนะครับส่วนใหญ่จะ
00:27:07 → 00:27:10 ปวดขานะครับอย่าลืมนะส่วนใหญ่พวกนี้เป็น
00:27:10 → 00:27:14 ปวดที่ขานะครับ myopathy เนี่ยคือพวก
00:27:14 → 00:27:21 เนี้ยมันจะมีค่านึงคือว่าค่า cpk หรือีอี
00:27:21 → 00:27:24 โคสนะครับ cretin ฟสเป็นเอนไซม์ของกล้าม
00:27:24 → 00:27:27 เนื้อมันจะออกมาเมื่อมีการอักเสบของกล้าม
00:27:27 → 00:27:29 เนื้อนะครับค่าเนี้ยมันจะสูงขึ้นประมาณ
00:27:29 → 00:27:32 อ่าเกิน 10 เท่าขึ้นไปของปกติซึ่งถ้าเรา
00:27:32 → 00:27:35 ไปดูหน่วยจริงๆก็น่าจะประมาณสัก 2,000 นะ
00:27:35 → 00:27:38 ฮะสูงเกิน 2,000 นะครับอันนี้จะเป็น
00:27:38 → 00:27:41 myopathy นะครับ rapd miis เนี่ยจะสูง
00:27:41 → 00:27:43 มากกว่านั้นส่วนใหญ่มันจะสูงไปจนถึงโน่น
00:27:43 → 00:27:47 40 50 เท่าหรือมากกว่านั้นนะครับ 40 50
00:27:47 → 00:27:50 เท่าหรือมากกว่านั้นนะฮะแต่ว่าอันเนี้ยจะ
00:27:50 → 00:27:54 มีอาการไวายร่วมด้วยนะครับไ Y นะ
00:27:54 → 00:27:58 ครับอ่าไ Y เพราะว่าเวลาก้าเนื้อมันสลาย
00:27:58 → 00:28:00 มันจะมีสารตัวนึงออกมาซึ่งเรียกว่า
00:28:00 → 00:28:02 ไมโลบิง
00:28:02 → 00:28:05 ครับแล้วร่างกายเราไม่ชอบนะฮะมันไตมันไม่
00:28:05 → 00:28:08 ชอบไปเจอตัวนี้เข้าไปแล้วมันก็จัดการเข้า
00:28:08 → 00:28:12 อ้าวไตเสียเลยอย่างนี้นะครับอ้อก็จะมีไต
00:28:12 → 00:28:13 วายร่วมด้วยนะครับพวกนี้ต้องรักษาในโรง
00:28:13 → 00:28:17 พยาบาลต้องหยุดสตินเสมอนะครับแล้วไอ้อัน
00:28:17 → 00:28:19 สุดท้ายอันสุดท้ายนี่คือมีปัญหามากสุด
00:28:19 → 00:28:23 เนี่ยคือว่ามันทำให้เกิดภูมิต้านทานต่อ
00:28:23 → 00:28:26 ต้านตัวเองต่อตัวกล้ามเนื้อนะครับทำให้
00:28:26 → 00:28:28 กล้ามเนื้อมันตายนะครับอันนี้ดูรุนแรงนะ
00:28:28 → 00:28:30 ครับแล้วมันต้องใช้การรักษาพิเศษนะครับ
00:28:30 → 00:28:33 คือ 1 ที่เราเจอคือเพิ่มขึ้นของเอนไซม
00:28:33 → 00:28:37 กล้ามเนื้อคาตีนฟอสโฟคสนะครับแล้วก็จะมี
00:28:37 → 00:28:41 แิอนะครับหรือภูมิต่อ
00:28:41 → 00:28:45 hmg coa redu Test นะ
00:28:45 → 00:28:49 ครับ
00:28:49 → 00:28:53 อ่าพวกนี้ดูน่ากลัวนะครับแต่ว่ามันเจอได้
00:28:53 → 00:28:57 1 ใน 100,000 คนนะฮะคือเจอน้อยมากนะครับ
00:28:57 → 00:28:59 เจอน้อยมากแต่ถ้าเจอแล้วเนี่ยมันเป็นภาวะ
00:28:59 → 00:29:02 พิเศษซึ่งพวกเนี้ยจะต้องรักษาด้วยการหยุด
00:29:02 → 00:29:07 สตินนะครับหยุดสแตตินและกินยากดภูมินะ
00:29:08 → 00:29:10 ครับ
00:29:10 → 00:29:13 อ่าแต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ดูน่ากลัว
00:29:13 → 00:29:15 ใช่มั้ยฮะแต่ถ้าท่านมีความจำเป็นจะต้อง
00:29:15 → 00:29:17 ใช้สตินจริงๆแล้วเนี่ยแล้วท่านไม่สามารถ
00:29:17 → 00:29:20 ใช้ได้ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่มันมียาตัว
00:29:20 → 00:29:21 อื่นที่ใช้ได้นะครับเพราะว่าเป้าหมายของ
00:29:21 → 00:29:23 เราก็คือจะต้องเอาคอเลสเตอรอลลงมาให้ได้
00:29:23 → 00:29:28 นั่นเองนะฮะโอเคทีนี้ทั้งหมดที่พูดมาตรง
00:29:28 → 00:29:32 นี้เนี่ยนะครับมันเจอ 2-14 per ของเอ่อ
00:29:32 → 00:29:35 ปัญหากล้ามเนื้อนะครับแล้วใครบ้างที่
00:29:35 → 00:29:38 เสี่ยงโอเคคนที่เสี่ยงต่ออาการกล้ามเนื้อ
00:29:38 → 00:29:41 อักเสบเยอะๆนะครับเราคิดว่า risk Factor
00:29:42 → 00:29:45 แล้วกันนะครับใครบ้าง 1 ถ้าเราใช้เอ่อ
00:29:45 → 00:29:50 สตินกลุ่มที่มันแรงนะครับแรงก็คือ
00:29:50 → 00:29:54 UA สินะครับ
00:29:54 → 00:29:59 อ่าจะมากกว่า ata นะครับ
00:29:59 → 00:30:03 มากกว่า sva
00:30:03 → 00:30:06 statin มากกว่าเอ่า pras นะ
00:30:06 → 00:30:11 ครับแล้วก็มากกว่า ose เอ่อ
00:30:11 → 00:30:16 ovas พิวาตินน่าจะอยู่แถวๆนี้นะครับผม
00:30:16 → 00:30:21 ไม่แน่ใจนะฮะแล้วก็ถ้าเราใช้โดสขนาดสูงนะ
00:30:21 → 00:30:25 ครับโดสขนาดสูงแน่นอนว่ามีปัญหาถ้าเรากิน
00:30:25 → 00:30:28 ยาตัวอื่นซึ่งมีผลต่อการปัญหาของกล้าม
00:30:28 → 00:30:31 เนื้อเช่นยาเจมไฟโบรซิลซึ่งเป็นยาที่ลดไข
00:30:31 → 00:30:33 มันไตรกีซาไลน์นะ
00:30:33 → 00:30:34 ครับ
00:30:34 → 00:30:39 อ่าเอิ่มมีโรคไฮโปไทรอยด์หรือไทรรอยด์ทำ
00:30:39 → 00:30:42 งานต่ำนะ
00:30:42 → 00:30:46 ครับนี่ถ้าเรามีไฮโปไทรอยด์นะฮะเราต้อง
00:30:46 → 00:30:48 รักษานะครับเพราะบางทีเนี่ยเกิดกล้าม
00:30:48 → 00:30:50 เนื้ออักเสบเพราะว่าไฮโปไทรอยด์ไม่ได้
00:30:50 → 00:30:51 เกี่ยวอะไรกับสแตตินเลยนะครับต้องรักษานะ
00:30:51 → 00:30:55 ครับคนที่มีวิตามินดีต่ำนะครับพวกนี้อาจ
00:30:55 → 00:30:57 จะมีปัญหาได้คนที่มีโรคของกล้ามเนื้ออยู่
00:30:57 → 00:31:00 แล้วนะครับเรียเรียกว่าเอ่อ Pre
00:31:00 → 00:31:04 existing Muscle disease นะครับไม่ว่า
00:31:05 → 00:31:06 จะเป็นโรคอะไรก็แล้วแต่นะครับที่เกี่ยว
00:31:06 → 00:31:08 ข้องกับกล้ามเนื้อเช่นว่าบางคนอ่ามี
00:31:08 → 00:31:10 สเตียรอยด์กินแล้วก็เกิดกล้ามเนื้ออักเสบ
00:31:11 → 00:31:14 จากสเตียรอยด์เช่นสเตียรอยด์นะฮะกินเซติ
00:31:14 → 00:31:16 เยอะๆเนี่ยกล้ามืออักเสบได้นะครับแล้วก็
00:31:16 → 00:31:20 คนที่มีโรคเอิ่มต่อต้านตัวเองเช่นว่าเป็น
00:31:20 → 00:31:23 โรคภูมิต้านทานอันนึงแล้วกันนะชื่อว่า poy
00:31:23 → 00:31:28 ไมอ stis นะครับเป็นต้นนะพวกพวกนี้ก็คือ
00:31:28 → 00:31:32 เป็นเป็นปัญหาเอิ่อ้อผมลืมพูดไปอย่างนึง
00:31:32 → 00:31:35 ในแง่ของ immune mediated NEC siding
00:31:35 → 00:31:37 myopathy ตัวนี้นะครับที่เป็นจากสิเนี่ย
00:31:37 → 00:31:42 มันจะมีอันนี้สำหรับหมอเฉยๆนะฮะจะมีอัน
00:31:42 → 00:31:44 นึงคือ
00:31:44 → 00:31:48 hla Dr 11 ซึ่งเราตรวจได้นะครับหรือ
00:31:48 → 00:31:51 ว่า al ตัวนึงก็คือ
00:31:51 → 00:31:57 drb 1 นะครับ 11 0 1 อ่าชื่อประหลาด
00:31:57 → 00:31:59 นะครับถ้าเราตรวจแล้วเราเจอตัวเนี้ยเป็น
00:31:59 → 00:32:00 แทบจะบอกได้เลยว่าเป็นการยืนยันว่าเป็น
00:32:00 → 00:32:03 ไอ้นี่แน่ๆนะครับแล้วเราต้องรักษานะครับ
00:32:03 → 00:32:05 แต่ว่าคนทั่วไปก็ไม่ต้องทราบก็ได้เพราะ
00:32:05 → 00:32:09 มันก็เยอะเกินหน่อยนะครับอ่านี่คือเป็น
00:32:09 → 00:32:11 ปัญหาของถ้าเรามีพวกนี้นะครับแล้วก็คน
00:32:11 → 00:32:14 อื่นๆเช่นถ้าคนอายุเยอะนะครับ older นะ
00:32:14 → 00:32:19 ครับโออายุเยอะมีโรคไตนะครับก็คือ chronic
00:32:19 → 00:32:21 kidney disease นะครับ chronic kidney
00:32:21 → 00:32:24 disease ก็เป็นโรคไตนะฮะถ้าเรามีก็มี
00:32:24 → 00:32:27 เยอะนะครับคนเอเชียนะครับอ่าคนเอเชียจะมี
00:32:27 → 00:32:29 โอกาสเกิดกล้ามเนื้อมีปัญหาได้ง่ายกว่านะ
00:32:29 → 00:32:32 ครับแล้วถ้าเราออกกำลังกายแบบหนักๆเลยนะ
00:32:32 → 00:32:35 Super Heavy Exercise นะครับอ่าพวก
00:32:35 → 00:32:38 เนี้ยมันก็จะมีปัญหาได้นะครับ
00:32:38 → 00:32:41 เอิ่มถ้าเราเกิดอารปวดกล้ามเนื้อขึ้นมา
00:32:41 → 00:32:45 สิ่งนึงที่เราจะไปดูก็คือเราจะตรวจค่า cpk
00:32:45 → 00:32:48 ก่อนนะครับตรวจค่า cpk ก่อนแล้วก็ถ้ามัน
00:32:48 → 00:32:51 สูงมากๆเราก็อาจจะต้องหยุดยาแล้วก็
00:32:51 → 00:32:52 เปลี่ยนชนิดเป็นตัวอื่นนะครับถ้าเรา
00:32:53 → 00:32:55 จำเป็นต้องใช้สตินแต่ถ้าเรากินไม่ได้จริง
00:32:55 → 00:32:57 ๆเราก็ต้องไปใช้ตัวอื่นแทนนะครับถ้าเรามี
00:32:57 → 00:32:59 แค่ปุกปวดอย่างเดียวเช่นปวดขาอย่างเดียว
00:32:59 → 00:33:02 ค่า cpk ปกติต่ำกว่า 10 เนี่ยเราอาจจะ
00:33:02 → 00:33:05 เปลี่ยนชนิดของสินเป็นตัวอื่นก็ได้นะครับ
00:33:05 → 00:33:08 อ่านั่นคือวิธีในการรักษานะครับแล้วถ้า
00:33:08 → 00:33:10 มันจำเป็นต้องใช้สติจริงๆจริงๆยามันมี
00:33:10 → 00:33:12 เต็มไปหมดแล้วให้เราเลือกนะถ้ามันจำเป็น
00:33:12 → 00:33:14 จะต้องลดคอเลสเตอรอลให้ได้มันก็มีวิธี
00:33:14 → 00:33:17 อื่นเหมือนกันนะครับที่ไม่ใช่สินะฮะเราก็
00:33:17 → 00:33:20 ต้องไปเน้นตรงนั้นนะฮะแล้วอันสุดท้ายซึ่ง
00:33:20 → 00:33:23 เกี่ยวข้องก็คือการเกิดเบาหวานนะครับ
00:33:23 → 00:33:26 เรียกว่า New
00:33:26 → 00:33:30 onset diabetes meritus นะครับซึ่ง
00:33:30 → 00:33:33 เกิดขึ้นประมาณสัก 3% ของคนที่กินสติน
00:33:33 → 00:33:37 ทั้งหมดนะครับนี้คนก็กังวลเอ๊ะสตินเรา
00:33:37 → 00:33:39 เป็นเบาหวานเรากินไม่ได้เดี๋ยวมันเกิดเบา
00:33:39 → 00:33:42 หวานไม่จริงครับสตินตัวนี้เนี่ยมันมี
00:33:42 → 00:33:44 ประโยชน์ถ้าท่านมีความจำเป็นจะต้องกิน
00:33:44 → 00:33:46 แล้วท่านย้อนกลับไปดูคลิปที่แล้วก็ได้ว่า
00:33:46 → 00:33:48 คนไหนที่ต้องกินแล้วต้องต้องเอ่อต้องใช้
00:33:48 → 00:33:51 นะครับเพราะว่าถ้าท่านไม่ใช้ข้อเสียมันมี
00:33:51 → 00:33:54 เยอะกว่าเราต้องชั่งข้อดีกับข้อเสียถูก
00:33:54 → 00:33:56 มั้ยครับถ้าเรากินแล้วเรามีข้อดีที่เยอะ
00:33:56 → 00:33:58 กว่าข้อเสียนั่นนเราก็จำเป็นจะต้องกินแต่
00:33:58 → 00:34:00 ถ้าเรากินแล้วข้อเสียมันเต็มไปหมดเลยเรา
00:34:00 → 00:34:03 ไม่มีข้อดีอะไรสักอย่างเราก็ไม่ควรกินถูก
00:34:03 → 00:34:06 มั้ยครับท่านที่ต้องการที่จะลดไขมันด้วย
00:34:06 → 00:34:08 ด้วตัวเองก่อนก็จะต้องดูความเสี่ยงของตัว
00:34:08 → 00:34:10 เองว่าท่านลองทำแล้วมันลดหรือเปล่าถ้ามัน
00:34:10 → 00:34:12 ลองทำแล้วลดอ่ะโอเคไม่เป็นไรแต่ถ้าลองทำ
00:34:12 → 00:34:16 แล้วไม่ลดอันนี้ไม่ได้แล้วนะครับดังนั้น
00:34:16 → 00:34:19 อันนี้สรุปให้เลยนะครับคือสตินตัวเนี้ยนะ
00:34:19 → 00:34:22 ครับเท่าที่เราดูนะฮะมันมีอยู่หลายตัวเลย
00:34:22 → 00:34:25 นะครับตัวที่ออกฤทธิ์ยาวๆนะครับตัวนี้กิน
00:34:25 → 00:34:27 ตอนไหนก็ได้นะครับตัวตัวที่ออกฤทธิ์สั้นๆ
00:34:27 → 00:34:29 เนี่ยเนี่ยกินก่อนนอนเพราะว่าเอนไซม์ซึ่ง
00:34:29 → 00:34:31 มันไปยับยั้งคือตัวนี้ hmg go a redu
00:34:32 → 00:34:34 Test เนี่ยทำงานมากๆตอนที่เรานอนนั่นเอง
00:34:34 → 00:34:37 นะครับแล้วก็เวลาที่เรากินสตินไปเนี่ยมัน
00:34:37 → 00:34:39 มีผลนอกเหนือจากการลดคอเลสเตอรอลคือมันลด
00:34:39 → 00:34:42 คอเลสเตอรอลแน่ๆอยู่แล้ว่ะครับแต่มันจะไป
00:34:42 → 00:34:45 ลดทำให้มีทำให้เส้นเลือดไม่ค่อยอักเสบทำ
00:34:45 → 00:34:47 ให้เส้นเลือดมันขยายตัวได้แล้วก็ไม่ตีบ
00:34:47 → 00:34:50 ไม่ตันไม่มีอะไรไปอุดตันอันนี้เป็นเอฟเฟค
00:34:50 → 00:34:52 ที่นอกเหนือไปจากของการลดคอเลสเตอรอลนะ
00:34:52 → 00:34:56 ครับมีการไปช่วยเรื่องไม่ให้ตัวนี้ plag
00:34:56 → 00:34:58 ตัวเนี้ยหรือที่ที่อุดตันหลอดเลือดเนี่ย
00:34:58 → 00:35:00 หลุดออกไปไปอุดตันเส้นเลือดนะครับสามารถ
00:35:00 → 00:35:03 ที่จะช่วยตรงนี้ได้นะครับผลจากสตินที่
00:35:04 → 00:35:06 เป็นผลเสียจริงๆมีทั้งหมด 3 อย่างซึ่งได้
00:35:06 → 00:35:09 รับการยืนยันทางการแพทย์แน่ๆนะครับข้อแรก
00:35:09 → 00:35:12 ก็คือมีการเกิดตับมีปัญหาได้นะครับตับมี
00:35:12 → 00:35:15 ปัญหาเนี่ยก็ส่วนมากไม่ต้องทำอะไรสามารถ
00:35:15 → 00:35:18 ที่จะหยุดยาแล้วก็เปลี่ยนชนิดยาได้โอกาส
00:35:18 → 00:35:20 เจอประมาณ 2% นะครับอ่าส่วนใหญ่พวกนี้
00:35:20 → 00:35:23 เวลากินยามาใหม่ๆเนี่ยอาจจะมีปัญหาได้แต่
00:35:23 → 00:35:24 ถ้ากินไปนานๆแล้วส่วนใหญ่ไม่เกิดอะไรขึ้น
00:35:24 → 00:35:27 ไม่ได้มีปัญหานะครับเอ่อความเสี่ยงต่างๆ
00:35:27 → 00:35:29 ก็คือคือขึ้นอยู่ว่าท่านกินแอลกอฮอล์อยู่
00:35:29 → 00:35:31 เยอะหรือเปล่ามีโรคประจำตัวเรื่องตับอะไร
00:35:31 → 00:35:32 อยู่แล้วมั้ยกินยาตัวอื่นที่มีผลกับยา
00:35:32 → 00:35:36 สแตตินหรือเปล่านะครับต่อมาก็คือเรื่อง
00:35:36 → 00:35:37 ของกล้ามเนื้อนะครับพวกปวดกล้ามเนื้อ
00:35:37 → 00:35:40 กล้ามเนื้อสลายตัวนะครับเจออยู่ที่ 2-14
00:35:40 → 00:35:42 เพนะครับคนเอเชียจะเจอเยอะหน่อยนะครับ
00:35:42 → 00:35:46 แล้วก็ที่สำคัญก็คือเวลาที่เราเจอเนี่ย
00:35:46 → 00:35:49 เราจะไปตรวจค่า cpk นะครับเวลาปวดเนี่ย
00:35:49 → 00:35:51 มักจะปวดที่ขานะครับไม่ปวดที่แขนหรือตัว
00:35:51 → 00:35:54 อะไรพวกนี้เท่าไหร่นะครับแล้วก็ถ้าเรามี
00:35:54 → 00:35:56 ปัญหาเรื่องเนี้ยเราต้องไปหาเหตุผลอื่นๆ
00:35:56 → 00:35:58 ที่ทำให้มีกล้ามเนื้อมีปัญหาเช่นเราเป็น
00:35:58 → 00:36:01 โรคไทรรอยด์ทำงานต่ำเรามีขาดวิตามินดีเรา
00:36:01 → 00:36:03 มีโรคกล้ามเนื้อปัญหาต่างๆอยู่แล้วนะครับ
00:36:03 → 00:36:06 หรือว่าเรากินยาที่มีปัญหากับมันนะครับ
00:36:06 → 00:36:09 พวกเนี้ยก็จะต้องไปแหาเหตุผลนะครับว่ามี
00:36:09 → 00:36:13 อะไรหรือเปล่านะครับน่าแล้วก็สุดท้ายนี้
00:36:13 → 00:36:17 ก็จะมีเรื่องของนี่เลยเบาหวานนะครับอาจจะ
00:36:17 → 00:36:19 เกิดขึ้นได้ถ้าท่านไม่มีความจำเป็นจะต้อง
00:36:19 → 00:36:21 กินสตินเนี่ยก็ไม่ได้มีประโยชน์ที่ต้อง
00:36:21 → 00:36:23 กินแต่ถ้าท่านจำเป็นก็กินไปเถอะครับไม่
00:36:23 → 00:36:25 ได้มีอะไรนะครับ
00:36:25 → 00:36:29 เอิ่มเนี่ยโอเคก็น่าจะประมาณเท่านี้เท่า
00:36:29 → 00:36:31 ที่ผมพอจะคิดได้แล้วก็จำจำมาได้นะเรื่อง
00:36:31 → 00:36:33 เกี่ยวข้องกับสตินเพราะว่าจริงๆมันมัน
00:36:34 → 00:36:36 ยุ่งยากมากกว่านี้อีกนะครับแต่ว่าเ่าผม
00:36:36 → 00:36:39 อาจจะจำได้ไม่หมดเท่าไหร่นะครับเท่าที่ผม
00:36:39 → 00:36:41 ใช้จริงๆในในเวทปฏิบัติจริงๆก็คือมี
00:36:41 → 00:36:44 ประมาณเท่าเยที่ผมทราบนะครับส่วนคนที่ไม่
00:36:44 → 00:36:47 ใช่หมอนะครับแล้วมาต้องการจะคุยเรื่องของ
00:36:47 → 00:36:49 สตินนะฮะแล้วบอกว่าเออสตินมันไม่ดีอย่าง
00:36:49 → 00:36:51 งั้นอย่างนี้หรือแม้กระทั่งหมอบางคนที่
00:36:51 → 00:36:55 บอกว่าสตินมันไม่ดีนะครับก็ต้องมาช่างผล
00:36:55 → 00:36:58 ดีผลเสียนะครับทุกๆอย่างมีผลดีผลเสียผม
00:36:58 → 00:37:00 ไม่ได้บอกว่าสแตตินเ่อไม่มีผลเสียนะครับ
00:37:00 → 00:37:02 มันก็มีนะครับเพียงแต่ว่าท่านมีประโยชน์
00:37:02 → 00:37:05 มากกว่าหรือเปล่านะครับอ่าส่วนอะไรที่นอก
00:37:05 → 00:37:07 เหนือจาก 3 อย่างที่เป็นเรื่องของกล้าม
00:37:07 → 00:37:10 เนื้อเรื่องเบาหวานแล้วก็เรื่องของอ่าตับ
00:37:10 → 00:37:13 อักเสบที่ผมบอกเนี่ยนะครับแตตินเนี่ยไม่
00:37:13 → 00:37:15 ได้ทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นนะครับไม่ไม่
00:37:15 → 00:37:17 ยุ่งอะไรเกี่ยวกับสมองนะครับไม่ได้ทำให้
00:37:17 → 00:37:20 สมองเสื่อมไม่ทำให้อายุสั้นลงไม่ได้ทำให้
00:37:20 → 00:37:23 เกิดเอ่อโรคไตวายหรือปอดอักเสบหรืออะไร
00:37:23 → 00:37:24 แต่อย่างใดไม่เกี่ยวอะไรกันเลยนะครับพวก
00:37:24 → 00:37:27 นั้นคนที่ไปฟังมาเนี่ยคงจะไม่สามารถหาข้อ
00:37:27 → 00:37:29 มูลให้มันชัดเจนได้เขาก็เลยมาพูดให้มันดู
00:37:29 → 00:37:32 น่ากลัวไปอย่างนั้นเองนะครับงั้นตรงนี้ก็
00:37:32 → 00:37:33 ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่เราต้องกลัวแบบนั้น
00:37:33 → 00:37:36 นะฮะแต่ถ้าเราต้องการจะคุมพวกนี้ได้ด้วย
00:37:36 → 00:37:38 ตัวเองเราก็ต้องมีวินัยกับตัวเองมากๆ
00:37:38 → 00:37:40 หน่อยนะครับเรื่องระวังเรื่องการกินการ
00:37:40 → 00:37:43 ออกกำลังกายให้ดีนะครับโอเคถ้าเกิดว่าใคร
00:37:43 → 00:37:45 มีข้อสงสัยอะไรก็สอบถามมาได้นะครับแล้วผม
00:37:45 → 00:37:48 จะแปะลิงก์งานวิจัยต่างๆในวันนี้เอาไว้
00:37:48 → 00:37:50 ใต้นี้ได้เองนะครับแล้วใครที่ต้องการที่
00:37:50 → 00:37:53 จะมาเห็นต่างกับผมนะครับกรุณาไปอ่านมา
00:37:53 → 00:37:55 ก่อนนะครับอ่านให้ลึกขนาดนี้อย่างน้อยๆ
00:37:55 → 00:37:57 ต้องลึกเท่าผมนะครับถ้าไม่ได้ลึกกว่าผมก็
00:37:57 → 00:37:59 ไม่สามารถที่จะมาต่อต้านได้นะครับเพราะ
00:37:59 → 00:38:03 ว่าข้อมูลที่เราใช้กันเนี่ยมันค่อนข้างจะ
00:38:03 → 00:38:05 เยอะหน่อยนะครับโอเควันนี้เท่านี้นะครับ
00:38:05 → 00:38:09 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ