00:00:04 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:20 [เพลง]
00:00:20 → 00:00:23 โครงการการจัดอบรมความรู้กายภาพบำบัตและ
00:00:23 → 00:00:26 กิกบัตสุประชาชนอย่าเงี้ครับโดยทีมทีมนัก
00:00:26 → 00:00:28 กิจกรบัติและกายภาพบำบัตของทางศูนยเรา
00:00:28 → 00:00:30 เนี่ยเราเล็งเห็นว่าในสังคมปัจจุบันนะ
00:00:30 → 00:00:34 ครับผู้คนเนี่ยมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรค
00:00:34 → 00:00:37 หรือปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาวะต่างๆไม่ว่าจะ
00:00:37 → 00:00:39 เป็นร่างกายหรือจิตใจเนี่ยมากขึ้นด้วย
00:00:39 → 00:00:41 สภาวะสังคมที่เปลี่ยนไปรูปแบบการดำเนิน
00:00:41 → 00:00:43 ชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่าเงี้ยครับเราก็เลย
00:00:43 → 00:00:46 เรียงเห็นแล้วว่าโอเคนักกายภาพบัตินกิจกา
00:00:46 → 00:00:48 บำบัดเนี่ยเรามีบทบาทนะที่จะทำอย่างไร
00:00:48 → 00:00:51 เพื่อให้เค้าเนี่ยเกิดความรู้นี้ขึ้นที่
00:00:51 → 00:00:55 จะป้องกันปัจจัยเสี่ยงป้องกันปัญหาที่มัน
00:00:55 → 00:00:58 จะเกิดขึ้นหรือเมื่อเป็นแล้วเขาจะแก้ไข
00:00:58 → 00:01:01 เขาจะมีวิธีการจัดการตัวเองอย่างไรใน
00:01:01 → 00:01:03 ปัญหาสุขภาพด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับงาน
00:01:03 → 00:01:06 ทางกายภาพบำบัดหรือกิจกรรมบำบัดโดยที่เรา
00:01:06 → 00:01:11 มองว่าเาจะได้มีความรู้นั้นไปเหมือนไปไป
00:01:11 → 00:01:13 ทำเองได้ที่บ้านหรือว่านำไปประยุกต์ใช้ใน
00:01:13 → 00:01:15 การดำเนินชีวิตโดยที่ไม่ต้องพึ่งพิงคุณ
00:01:15 → 00:01:17 หมอหรือนักกายภาพบำบัดนักกิจการบำบัต
00:01:17 → 00:01:19 เพียงอย่างเดียวนะครับแล้วก็อีก
00:01:19 → 00:01:21 วัตถุประสงค์นึงที่ขาดไม่ได้เลยก็เพราะ
00:01:21 → 00:01:23 ด้วยความที่เราเป็นมหิดลนะครับแล้วก็เล็ง
00:01:23 → 00:01:26 เห็นถึงการที่จะต้องทำอะไรเพื่อเพื่อ
00:01:26 → 00:01:29 เพื่อคนอื่นนะครับเราเลยจัดการอบรมนี้
00:01:29 → 00:01:31 ขึ้นนะครับในในทุกเดือนปีนึงเนี่ยจัด 8
00:01:31 → 00:01:35 ครั้งซึ่งจะเป็นการอบรมฟรีนะ
00:01:35 → 00:01:37 [เพลง]
00:01:37 → 00:01:41 ครับการอบรมความรู้สู่ประชาชนเรื่องเมื่อ
00:01:41 → 00:01:44 หนูเป็นสมาธิสั้นเพื่อมุ่งหวังผู้อบรมได้
00:01:44 → 00:01:47 รู้จักและเข้าใจเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น
00:01:47 → 00:01:50 รู้จักการดูแลและส่งเสริมศักยภาพเด็ก
00:01:50 → 00:01:54 สมาธิสั้นในบริบทของผู้ปกครองหรือคุณครู
00:01:54 → 00:01:56 และจะได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์
00:01:57 → 00:01:59 ผ่านกิจกรรม workshop เกี่ยวกับการ
00:01:59 → 00:02:00 ประยุกต์กิจ
00:02:00 → 00:02:03 เพื่อส่งเสริมความสามารถของเด็กสมาธิสั้น
00:02:03 → 00:02:06 โดยมีวิทยากรอบรมเป็นทีมนักกิจกรรมบำบัด
00:02:06 → 00:02:10 จากคลินิกกิจกรรมบำบัดศูนย์กายภาพบำบัด
00:02:10 → 00:02:13 คณะกายภาพบำบัดมหาวิทยาลัย
00:02:13 → 00:02:16 มหิดลสำหรับสาเหตุของโลกสมาธิสั้นนะครับ
00:02:16 → 00:02:20 ก็ยังไม่มีการระบุที่ที่แน่ชัหรือตายตัว
00:02:20 → 00:02:22 นะครับแต่โดยส่วนใหญ่เนี่ยที่เขาศึกษา
00:02:22 → 00:02:25 หรือวิจัยเเขาจะพบว่ามันเกิดจากที่ร่าง
00:02:25 → 00:02:27 กายของเด็กคนนั้นเนี่ยมีการหลั่งสารสื่อ
00:02:27 → 00:02:29 ประสาทออกมาที่ไม่สมดุลนะครับทำให้ให้
00:02:30 → 00:02:32 เด็กคนนั้นเนี่ยมีพลังงานที่มากกว่าปกติ
00:02:32 → 00:02:34 นะครับทำให้เขาเนี่ยซนยุกยิกหรืออยู่ไม่
00:02:34 → 00:02:36 นิ่งที่หหลายท่านอาจจะได้ยินว่าอ่ะเด็ก
00:02:36 → 00:02:39 ไฮเปอร์เด็กไฮเปอร์แคีงี้ครับก็จะเป็น
00:02:39 → 00:02:41 ปัญหาหลักนะครับในเรื่องของโซนยุยิไม่
00:02:41 → 00:02:43 นิ่งเนี่ยส่งผลกับอะไรบ้างอ่าส่งผลต่อ
00:02:43 → 00:02:46 สมาิการเรียนมยการเล่นกับเพื่อนมยอย่าง
00:02:46 → 00:02:48 เงี้ยครับปัญหาที่ 2 เนี่ยมันจะเป็น
00:02:48 → 00:02:51 เหมือนปัญหาย่อยละที่เราพบได้บ่อยในเด็ก
00:02:51 → 00:02:54 สมาธิสั้นอืคือจะไม่ใช่โซนยอยู่นี่อย่าง
00:02:54 → 00:02:57 เดียวละจากประสบการณ์ที่เราพบมาเครับเรา
00:02:57 → 00:02:59 พบว่าเด็กสมัยสั้นหลายคนเจะมีปัญหาเรื่อง
00:02:59 → 00:03:02 เรื่องแบบกล้ามเนื้อมือในการเขียนปัญหา
00:03:02 → 00:03:05 การับรู้ทางสายตาอ่าปัญหาบกพร่องทางด้าน
00:03:05 → 00:03:08 การเรียนรู้ซึ่งไอ้ปัญหาย่อยๆอย่างเนี่ย
00:03:08 → 00:03:11 มันก็ดันไปมีผลที่จะไปเหมือนเป็นตัวปิด
00:03:11 → 00:03:14 ก้าความสามารถไปเป็นตัวบั่นทอนน่ะให้เด็ก
00:03:14 → 00:03:16 สมาชิสั้นเราอ่ะเรียนหนังสือไม่ได้หรือ
00:03:16 → 00:03:18 ดำเนินชีวิตเนี่ยลำบากไปหน่อยเราก็เลยแยก
00:03:18 → 00:03:20 ปัญหานี้ออกมาเป็นปัญหาย่อยนะครับและอัน
00:03:20 → 00:03:22 สุดท้ายนึงเลยก็เป็นอีกทฤษฎีเกี่ยวกับ
00:03:22 → 00:03:25 เชิงของการจัดการหรือว่าการปรับพฤติกรรม
00:03:25 → 00:03:28 เด็กซึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับที่ที่ผู้
00:03:28 → 00:03:30 ร่วมอบรมในวันนี้ว่าจะเป็นคุณครูหรือคุณ
00:03:30 → 00:03:32 พ่อคุณแม่เนี่ยควรจะต้องรู้และเข้าใจ
00:03:32 → 00:03:35 เพื่อที่จะนำไปใช้กับเด็กสมาธิสั้นครับ
00:03:35 → 00:03:37 เราก็เลยเลือก 3 หัวข้อนี้มาจัดเป็นฐาน
00:03:37 → 00:03:38 workshop
00:03:38 → 00:03:39 [เพลง]
00:03:39 → 00:03:42 ครับช่วงนี้พบกับกิจกรรม workshop ในหัว
00:03:42 → 00:03:46 ข้อ hyperactive หรืออาการซนยุคยิกอยู่
00:03:46 → 00:03:49 ไม่นิ่งที่เกิดขึ้นเองด้วยภาวะโรคโดยเด็ก
00:03:49 → 00:03:53 ไม่ได้ตั้งใจและควบคุมไม่ได้ในส่วนของผม
00:03:53 → 00:03:55 นะครับจะพูดในเรื่องของเรื่องของ
00:03:55 → 00:03:58 hyperactive นะครับซึ่งเป็นปัญหาหลักที่
00:03:58 → 00:04:00 เกิดขึ้นในเด็กกลุ่มนี้เลยรอยละ 70-80
00:04:00 → 00:04:03 เลยเนาะที่เขาจะมีไฮเปอร์คุณพ่อคุณแม่อาจ
00:04:03 → 00:04:05 จะเคยได้ยินคุณครูบ่นลูกคุณแม่ไฮเปอร์จัง
00:04:05 → 00:04:08 เลยอ่าคุณครูก็อาจจะได้ยินคุณแม่บน้อง
00:04:08 → 00:04:10 เค้าเป็นเด็กไฮเปอร์หน่อยนะคะจะโซนหน่อย
00:04:10 → 00:04:12 เงี้ยเนาะไฮเปอร์ก็คืออะไรที่มากๆนะครับ
00:04:12 → 00:04:14 Active ก็คือการกระทำก็คือการกระทำที่
00:04:14 → 00:04:18 มากๆเนาะเช่นซนมากๆยุกยิกมากๆพูดมากๆ
00:04:18 → 00:04:20 อย่างเงี้ยครับคือไฮเปอร์ Active ซึ่ง
00:04:20 → 00:04:22 เป็นปัญหาหลักในเด็กกลุ่มสมาธิสั้นนะครับ
00:04:22 → 00:04:26 เดี๋ยวเรามาช่วยกันคิดกิจกรรมสลายพลังงาน
00:04:26 → 00:04:30 ที่รวม sii เข้าไปด้วยนะครับโดยเป็น sii
00:04:30 → 00:04:33 ี่กับรับรู้ผ่านผิวสัมผัสผ่านการทรงท่า
00:04:33 → 00:04:36 แล้วก็ผ่านเอข้อต่อนะครับเพื่อจะได้ให้เา
00:04:36 → 00:04:41 สลายพลังงานกันอย่างมีทฤษฎีรองรับนะครับ
00:04:41 → 00:04:45 อ่ะผิวสัมผัสนะครับก็คืออะไรก็ได้ที่มัน
00:04:45 → 00:04:49 ผ่านผิหนังเรานะครับกิจกรรมอันนี้ก็คือ
00:04:49 → 00:04:53 Hand painting การระบายสีผ่านมือนะครับ
00:04:53 → 00:04:56 เล่นอ่างบอลใช่ไหมมครับเล่นทรายเล่นดิน
00:04:56 → 00:04:58 เล่นไปเลยนะครับไม่ต้องกลัวเชื้อโรคอ่ะที
00:04:58 → 00:05:01 นี้เราลองมาช่วยกันคิดยครับกิจกรรมอะไร
00:05:01 → 00:05:03 บ้างที่มันส่งเสริมผิวสัมผัสน้องได้ที่
00:05:03 → 00:05:06 บ้านดินน้ำมันอ่าก็ได้
00:05:06 → 00:05:12 เนาะแป้งโดก็ได้มีเป้าหมายไปเลยมยทำบนลอย
00:05:12 → 00:05:13 เลยดี
00:05:13 → 00:05:18 กว่าเออใช่ไหครับห่อแผ่น
00:05:18 → 00:05:25 เกี๊ยวทำงานศิลปะทากาวฉีกแปะนะครับใครเคย
00:05:25 → 00:05:28 ใช้ครีมอาบน้ำที่มันเป็นฟองเยอะๆบ้างครับ
00:05:28 → 00:05:31 อ่าพอถูแล้วมันก็จะเป็นอีกแบบนึงเนาหรือ
00:05:32 → 00:05:34 ครีมอาบน้ำที่มันมีเม็ดสครับของเด็กอ่ะ
00:05:34 → 00:05:38 อันนั้นก็เป็นอีกแบบนึงนะครับง่ายๆเดินบน
00:05:38 → 00:05:42 พื้นหญ้าบ้างนะครับถอดรองเท้าเลยคุณแม่
00:05:42 → 00:05:45 เนาะให้เด็กได้ผิวสัมผัสที่บ้านมีปูพรมม
00:05:45 → 00:05:48 มีเนื้อผิวสัมผัสที่หลากหลายไหนี่ไครับ
00:05:48 → 00:05:51 ให้เขาได้รับการรับความรู้สึกนั้นนะครับ
00:05:51 → 00:05:55 ผ่านผิวสัมผัสเนาะอันนี้คือกิจกรรมในบ้าน
00:05:55 → 00:05:57 นะครับอ่ะการทรง
00:05:57 → 00:06:01 ท่าหลายๆคือเล่นช้าเล่นสไลเดอร์นะครับ
00:06:01 → 00:06:05 แล้วถ้าที่บ้านไม่มีชิงช้าล่ะทำยังไงอ้า
00:06:05 → 00:06:08 sit up มีอะไรอีกมครับ
00:06:08 → 00:06:14 ค่ะเต้นเอ้อเต้นหมุนใช่ไหครับกระโดด
00:06:14 → 00:06:18 เชือกกีฬาต่างๆอ่ามาถูกทางแล้ว
00:06:18 → 00:06:22 ครับนอนกลิ้งก็ได้นะครับเนาะนอนแล้วก็
00:06:22 → 00:06:24 หมุนกลิ้งไปอ่าสมมุติวันนี้จะเล่นเกมท่อง
00:06:24 → 00:06:29 สับให้เกลิ้งแล้วก็กลับมาขีดจักรยานต้อง
00:06:29 → 00:06:32 เขย่าหัวหน่อยนะครับแต่หลายท่านอาจจะเคย
00:06:32 → 00:06:35 ได้ยินเนาะที่บอกว่าให้นั่งเก้าอี้หมุน
00:06:35 → 00:06:37 แล้วก็หมุนตัวอย่างเงี้ยครับอันนั้นเนี่ย
00:06:37 → 00:06:39 ก็เป็นกระตุ้นไวซูล่าอย่างหนึ่งนะครับแต่
00:06:39 → 00:06:42 ข้อมันมีงานวิจัยมารองรับว่าบางทีเด็กอาจ
00:06:42 → 00:06:46 จะเวียนหัวค้างคือมันไม่ใช่สนองการรับ
00:06:46 → 00:06:48 ความรู้สึกเขาอย่างเดียวละมันไปเพิ่มภา
00:06:48 → 00:06:50 ว่าะยากลำบากในการดำเนินชีวิตให้น้องเา
00:06:50 → 00:06:52 อีกนะครับก็อาจจะต้องระวังเนาะที่เราฮิต
00:06:52 → 00:06:54 ชิ้งช้าเพราะอะไรเพราะมันเป็นการเหวี่ยง
00:06:54 → 00:06:58 แบบหน้าหลังซ้ายขวาหมุนไปหมุนมาเนี่ยครับ
00:06:58 → 00:07:01 เป็นไปได้ก็คือไปสนามเด็กเล่นนั่นแหละ
00:07:01 → 00:07:04 ครับเนาะให้เขาได้ออกกำลังเกี่ยวกับพวก
00:07:04 → 00:07:08 การเคลื่อนไหวกระตุ้นเกี่ยวกับพวกของระบบ
00:07:08 → 00:07:12 การทรงท่าเยอะๆนะครับอ่าอันนี้ง่ายสุดเลย
00:07:12 → 00:07:17 จากอะไรดีครับของเล่นตามภาพเลยใช่ไหมครับ
00:07:17 → 00:07:21 คิดว่าถ้าเด็กถือบัวรดน้ำหนักๆเนี่ยได้ม
00:07:21 → 00:07:26 อ่าช่วยให้เารดน้ำต้นไม้ไปเลยเนาะได้งาน
00:07:26 → 00:07:30 บ้านด้วยนะกรอกน้ำใช่กรอกน้ำน้ำเสร็จหนัก
00:07:31 → 00:07:33 นะเนี่ยขวดใหญ่ๆอย่างเงี้ยครับหนักไม่พอ
00:07:33 → 00:07:36 เอาหลายๆขวดใส่ตะกร้ายกทีเดียวเลยใช่มย
00:07:36 → 00:07:40 ครับมีอะไรอีกฟอกซี่ฉีดผ้าให้เขาคมีต้น
00:07:40 → 00:07:45 ไม้สักต้นนึงเป็นของเา้าใช่อ่าช่วยตากผ้า
00:07:45 → 00:07:49 นะครับถูบ้านล้างจานอ่าเริ่มเยอะ
00:07:49 → 00:07:52 นะได้ครับที่ผมพูดเนี่ยคือผมอยากให้มัน
00:07:52 → 00:07:55 เป็นกิจกรรมที่มันเกิดขึ้นได้ที่บ้านนะ
00:07:55 → 00:07:57 ครับไม่จำเป็นว่าเด็กทุกคนต้องมาในคลินิก
00:07:57 → 00:07:59 แต่อันนี้เราเหมือนเป็น
00:07:59 → 00:08:02 sensory Diet sensory Diet ก็คือ
00:08:02 → 00:08:05 อาหารความรู้สึกเหมือนที่ผมบอกคือเด็กเขา
00:08:05 → 00:08:08 มีความแสวงหาใช่ไหมมครับก็เหมือนเราหิว
00:08:08 → 00:08:10 เราหิวเราก็ต้องกินข้าวเด็กกลุ่มเนี่ยที่
00:08:10 → 00:08:13 เขาโซนยุกยิกอยู่ไม่นิ่งเขาก็หิวหิวอะไร
00:08:13 → 00:08:17 หิวผิวสัมผัสหิวเอ็นข้าต่อกล้ามเนื้อหิว
00:08:17 → 00:08:20 ระบบการทรงท่านะครับดังนั้นเขาก็เลยแสดง
00:08:20 → 00:08:23 ออกมาโดยพฤติกรรมที่มันแสวงหาเยอะๆซึ่ง
00:08:23 → 00:08:25 มันดูแล้วมันเป็นกิจกรรมที่ไม่มีเป้าหมาย
00:08:25 → 00:08:27 ใช่มครับแต่ถ้าเราเอากิจกรรมที่ทุกท่าน
00:08:27 → 00:08:30 พูดเมื่อกี้ไปจัดให้เด็กที่บ้านคิดว่ามัน
00:08:30 → 00:08:33 มีเป้าหมายมเนาครับมีเป้าหมายอ่ะเด็กรู้
00:08:33 → 00:08:36 จักการทำงานให้เสร็จตามขั้นตอนเด็กฝึก
00:08:36 → 00:08:39 ความรับผิดชอบแต่การช่วยงานบ้านเด็กภูมิ
00:08:39 → 00:08:41 ใจในตัวเองนะเอาไปบอกเพื่อนได้ว่าหนูมี
00:08:41 → 00:08:43 งานบ้านที่บ้านค่ะขึ้รดน้ำต้นไม้อย่าง
00:08:44 → 00:08:45 เงี้ยครับเนาะแต่มีคุณแม่ท่านนึงบอกว่า
00:08:46 → 00:08:48 ง่ายที่สุดการออกกำลังกายครับเพราะการที่
00:08:48 → 00:08:51 เด็กไปวิ่งเตะบอลคิดว่าเขาได้เกือบทุก
00:08:51 → 00:08:55 อย่างมครับเนาะล้มไปบ้างอ่ะได้ผิวสัมผัส
00:08:55 → 00:08:58 วิ่งเหวี่ยงตัวไปใหครับไปเล่นสนามเด็ก
00:08:58 → 00:09:02 เล่นนะครับนี่คือสิ่งจำเป็นนะครับเพราะ
00:09:02 → 00:09:07 สมัยนี้เด็กเรียนพิเศษถึง 6:00 นเนาะถาม
00:09:07 → 00:09:09 ว่าคุณแม่น้องมีการบ้านมครับแม่บอกไม่มี
00:09:09 → 00:09:12 ค่ะการบ้านทำเสร็จที่โรงเรียนเราเลยรู้
00:09:12 → 00:09:15 สึกว่าตกลงมันเป็นการบ้านมมันเป็นการโรง
00:09:15 → 00:09:19 เรียนเนาะเด็กเขาเลยขาดขาดโอกาสขาดทักษะ
00:09:19 → 00:09:21 ที่จะได้รับ sii เข้าไปนะครับแต่เราไม่
00:09:21 → 00:09:24 โทษใครนะเนาะแต่วันนี้เรารู้ละเราไปปรับ
00:09:24 → 00:09:28 เราไปจัดการนะครับแล้วก็ส่งเสริมวางแผน
00:09:28 → 00:09:30 การเคลื่อนไหวมันชื่อภาษาอังกฤษว่า pris
00:09:30 → 00:09:33 เคยได้ยินมยครับคือวางแผนการเคลื่อนไหว
00:09:33 → 00:09:36 อ่ะทุกท่านเคยพบปัญหานี้มยคือเด็กกระโดด
00:09:36 → 00:09:39 ตบไม่ได้เรียนวิชาภาระที่ต้องเคลื่อนไหว
00:09:39 → 00:09:41 ม้วนหน้าม้วนหลังเด็กงงว่าตัวเองจะต้อง
00:09:41 → 00:09:44 จัดการร่างกายยังไงฝึกเชือกรองเท้าไม่ได้
00:09:44 → 00:09:47 ติดกระดูไม่ได้ร้ายแรงสุดรอยสส่เข็มขัด
00:09:47 → 00:09:49 ไม่ได้อันนี้แหละคือเด็กที่มีปัญหาเรื่อง
00:09:49 → 00:09:52 ของการวางแผนการเคลื่อนไหวอ่าการวางแผน
00:09:52 → 00:09:55 การเคลื่อนไหวคืออะไรอ่ะทุกท่านครับรบกวน
00:09:55 → 00:09:57 เอามือขวาจับหูซ้าย
00:09:57 → 00:10:01 หน่อยอ่าเป็นไงกว่าจะทำได้เนาะสมองเรา
00:10:01 → 00:10:03 ต้องสั่งการวางแผนการเคลื่อนไหวอย่าง
00:10:03 → 00:10:07 เงี้ยครับเนาะมันก็เลยทำให้เกิดการที่
00:10:07 → 00:10:11 สมองเนี่ยมันมีแกบเวลามีช่วงเวลาที่ได้
00:10:11 → 00:10:13 คิดได้ประมวลผลอย่างเงี้แหละครับการวาง
00:10:13 → 00:10:15 แผนการเคลื่อนไหวเลยมีประโยชน์ที่ทำให้
00:10:15 → 00:10:18 เด็กมีสมาธิมากขึ้นใครเคยพารูปมาฝึก
00:10:18 → 00:10:20 กิจกรรมบัตมักจะได้ยินครูกิจกรรบอกว่าให้
00:10:20 → 00:10:23 น้องไปกระโดดกางหุบอ่าเช่นมีแผ่น
00:10:24 → 00:10:27 กระเบื้องอยู่ให้เด็กกระโดดกางหุบกางหุบ
00:10:27 → 00:10:29 อ่าแบบนี้วางแผนการเคลื่อนไหวมครับอ่า
00:10:29 → 00:10:34 กระโดดขาเดียว 2 ขาอ่าขาเดียว 2 ครั้ง 2
00:10:34 → 00:10:38 ขา 2 ครั้งนะครับหรือเบนจิทุกท่านลองไป
00:10:38 → 00:10:40 เสิร์ชดูในเน็ตได้นะครับ Brain gy หรือ
00:10:40 → 00:10:42 ว่าการออกกำลังกายสมองในเด็กเนี่ยเขาก็จะ
00:10:42 → 00:10:45 มีท่าที่ซับซ้อนอ่ะดังนั้นรู้นะครับว่า
00:10:45 → 00:10:47 การช่วยเหลือในเด็กโซนยุคยิกอยู่ไม่นิ่ง
00:10:47 → 00:10:50 ก็คือสลายพลังงานบุรณาการประสาแล้วก็ส่ง
00:10:51 → 00:10:53 เสริมการวาแผนการเคลื่อนไหวสำหรับเนื้อหา
00:10:53 → 00:10:56 ที่เราพูดในฐานของ hyperactive หรือซวน
00:10:56 → 00:10:58 ยุคยิกอยู่ mining นะครับก็จะเป็นเหมือน
00:10:58 → 00:11:00 วิธีให้คุณพ่อคุณแม่หรือคุณครูหรือผู้มา
00:11:00 → 00:11:03 ฟังเนี่ยครับได้เข้าใจก่อนว่าที่เขาโซน
00:11:03 → 00:11:05 ยุกยิกอยู่ไม่นิ่งเนี่ยมันเกิดจากอะไรนะ
00:11:05 → 00:11:08 ครับเกิดจากภาวะตัวโลกเกิดจากเด็กเนี่ยมี
00:11:08 → 00:11:11 ความต้องการทางด้านการบูรณาการศาสตรรับ
00:11:11 → 00:11:14 ความรู้สึกนะครับอย่างไรให้ให้คุณพ่อคุณ
00:11:14 → 00:11:16 แม่เข้าใจก่อนว่าที่เขาเป็นนะตอนเนี้ยคือ
00:11:16 → 00:11:20 เขาเป็นเพราะมันเกิดจากสาสุประศาสตร์มัน
00:11:20 → 00:11:22 เกิดจากร่างกายเขาคเาไม่ได้เป็นเพราะเขาค
00:11:22 → 00:11:25 ตั้งใจอยากจะซนตั้งใจอยากจะเล่นกับเพื่อน
00:11:25 → 00:11:27 แรงอ่ะครับเนาะคือ 1 เราสร้างทัศคติให้
00:11:27 → 00:11:30 คุณพ่อคุณแม่เนี่ยเห็นภาพก 2 ก็จะเป็น
00:11:30 → 00:11:34 วิธีการจัดกิจกรรมง่ายๆนะครับแต่เราจะพูด
00:11:34 → 00:11:36 ในเชิงของการทำที่บ้านหรือที่โรงเรียน
00:11:36 → 00:11:39 เป็นหลักนะครับไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรม
00:11:39 → 00:11:41 เพื่อสลแรงขับนะครับให้น้องเนี่ยได้ระบาย
00:11:41 → 00:11:45 แรงหรือว่าการจัดกิจกรรมสำหรับคุณครูที่
00:11:45 → 00:11:48 เราจะแบ่งงานให้เด็กสมาสั้นทำยังไงที่เรา
00:11:48 → 00:11:50 จะปรับกิจกรรมที่โรงเรียนยังไงหรือว่าการ
00:11:50 → 00:11:54 จัดสิ่งแวดล้อมนะครับรวมถึงการดูแลของผู้
00:11:54 → 00:11:57 ปกครองที่บ้านในการที่จะดูแล The สมาชิ
00:11:57 → 00:11:59 อย่างไรให้ถูกวิธีครับก็คือคือเกี่ยวกับ
00:11:59 → 00:12:02 เรื่องของการเรียนน่ะค่ะคือในห้องเรียน
00:12:02 → 00:12:05 ลูกสาวจะเป็นคนที่อยู่ไม่นิ่งแล้วก็จะชอบ
00:12:05 → 00:12:08 ลุกเดินตลอดเวลาบางทีก็จะมีผลต่อต่อการ
00:12:08 → 00:12:11 เรียนของเขาแล้วก็เพื่อนๆในห้องอ่ะค่ะก็
00:12:11 → 00:12:15 คือเ่อจะเป็นคนค่อนข้างจะรุนแรงในเรื่อง
00:12:15 → 00:12:19 ของการเล่นชอบเล่นกับเด็กผู้ชายอันนี้อ่า
00:12:19 → 00:12:21 จะเป็นปัญหาบางครั้งก็เพื่อนอาจจะแบบเจ็บ
00:12:21 → 00:12:24 บ้างอะไรบ้างเงี้ยค่ะเหตุผลตรงนี้ค่ะก็
00:12:24 → 00:12:27 น่าจะต้องมารับความรู้จากนักกายภาพบำบัด
00:12:27 → 00:12:31 นะคะในการที่ช่วยเหลือเด็กให้ให้ให้เขาลด
00:12:31 → 00:12:34 แรงกระทบกระทั่งให้น้อยลงแล้วก็สามารถ
00:12:34 → 00:12:37 เรียนได้ดีขึ้นนะคะในห้องเรียน
00:12:37 → 00:12:43 [เพลง]
00:12:43 → 00:12:46 ค่ะสำหรับเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นนะครับ
00:12:46 → 00:12:49 มันก็จะส่งผลต่อเรื่องการขาดสมาธิในการ
00:12:49 → 00:12:51 เรียนอยู่แล้วนะครับในส่วนนี้การแก้ไข
00:12:51 → 00:12:53 เนี่ยในกิจกรรม workshop เนี่ยเราก็จะพูด
00:12:53 → 00:12:56 เป็น 2 ส่วนส่วนแรกคือปัจจัยภายภายในกับ
00:12:56 → 00:12:58 ส่วนที่ 2 ปัจจัยภายนอกปัจจัยภายในก็คือ
00:12:58 → 00:13:01 ตัวเด็กนั่นเองนะครับเราจะให้ผู้ปกครอง
00:13:01 → 00:13:04 เ่ะมองปัญหาให้ออกนะครับว่าการที่เด็กคน
00:13:04 → 00:13:06 นึงเนี่ยทำงานไม่เสร็จเนี่ยเป็นเพราะอะไร
00:13:06 → 00:13:08 เป็นเพราะเส่วนยุคยิอยู่ไม่นิ่งหรือเปล่า
00:13:08 → 00:13:10 หรือเป็นเพราะกล้ามเนื้อมือไม่ดีเป็น
00:13:10 → 00:13:12 เพราะเค้ามีปัญหาเรื่องการรับรุทั้งสายตา
00:13:12 → 00:13:14 เป็นเพราะเค้าขาดแรงทูมใจในการเดินหรือ
00:13:14 → 00:13:16 เปล่าเงี้ยครับเมื่อมองปัญหาได้เนี่ยเรา
00:13:16 → 00:13:19 จะได้แก้ไขปัญหาไปทีละจุดเพื่อช่วยเหลือ
00:13:19 → 00:13:22 น้องนะครับส่วนอันที่ 2 เนี่ยเป็นปัจจัย
00:13:22 → 00:13:25 ภายภายนอกนะคปัจจัยภายนอกที่มีผลกับเด็ก
00:13:25 → 00:13:28 เนี่ยผมก็จะพูดใน 2 ส่วนก็คือส่วนของที่
00:13:28 → 00:13:30 บ้านแล้วก็ที่โรงเรียนเรที่บ้านที่จะขาด
00:13:30 → 00:13:33 ไปไม่ได้คือการการเลี้ยงดูหรือการส่ง
00:13:33 → 00:13:35 เสริมให้น้องเขาจัดการกับไอ้เรื่องสมาธิ
00:13:35 → 00:13:38 เขายังไงนะครับแล้วก็ในส่วนของโรงเรียน
00:13:38 → 00:13:41 เนี่ยก็ก็จะเป็นวิธีการปรับกิจกรรมนะครับ
00:13:41 → 00:13:43 หรือว่าปรับรูปแบบการเรียนการสอนปรับสิ่ง
00:13:43 → 00:13:47 แวดล้อมการจัดโต๊ะยังไงนะครับการจัด
00:13:47 → 00:13:49 กิจกรรมหรือครูจะช่วยกระตุ้นหรือมีบทบาท
00:13:49 → 00:13:52 ช่วยเหลือเด็กสมาิสัอย่างไรครับอ่ะทำไม
00:13:52 → 00:13:56 ถึงเล่นกับเพื่อนแรงอ่ะรู้มยทำไมเด็กถึง
00:13:56 → 00:13:59 เล่นกับเพื่อนแรงครับอ่าการแรงไม่ได้
00:13:59 → 00:14:02 เพราะว่าอะไรลึกๆแล้วเแสวงหาอะไรเอ็นข้อ
00:14:02 → 00:14:05 ต่อกล้ามเนื้อไงเขาเลยรู้สึกว่าการทุบ
00:14:05 → 00:14:07 อย่างนี้ไม่มีปัญหาใช่มยอย่างเราทุบแค่
00:14:07 → 00:14:09 นี้เราก็รู้สึกเราเจ็บเนาะแต่เขาเหมือนเ
00:14:09 → 00:14:11 ไม่รู้ตัวนะว่าเาอจะวิ่งไปชนมันให้แรงๆ
00:14:11 → 00:14:13 เลยปึ้งเนี่ยเขาไม่ได้ต้องการอย่างงั้นเ
00:14:13 → 00:14:14 แค่รู้สึกว่าเขาอยากจะไปเล่นกับเพื่อนแต่
00:14:14 → 00:14:17 เขาไม่รู้แล้วเขาจะเล่นกับเพื่อนยังไงนะ
00:14:17 → 00:14:19 ครับดังนั้นกิจกรรมที่ส่งเสริมควรเป็น
00:14:19 → 00:14:22 กิจกรรมพวกกะแรงนะครับกิจกรรมการเล่นแบบ
00:14:22 → 00:14:26 กะแรงคืออะไรก็คือเช่นฉีดกระดาษตรงๆเรา
00:14:26 → 00:14:30 ให้เด็กฉีดกระดาษนะครับอ่ะรบกหน่อยนะครับ
00:14:30 → 00:14:33 การกัดแรงง่ายๆคือ
00:14:33 → 00:14:37 อะไรอ่าใช่มั้ครับคือให้เา้าเรียนรู้ว่า
00:14:37 → 00:14:41 การทำอะไรแรงประมาณไหนมันถึงได้นะครับ
00:14:41 → 00:14:44 กิจกรรมการควบคุมตัวเอง
00:14:44 → 00:14:49 เช่นเคยเห็นที่เราขีดเส้นเราอาจจะใช้วิธี
00:14:49 → 00:14:51 การขีดเส้นตรงไปที่บ้านครับแล้วให้เขา
00:14:51 → 00:14:54 เดินยังไงให้ควบคุมตัวเองให้อยู่ในเส้น
00:14:54 → 00:14:56 นั้นให้ได้นี่ไงครับคือลักษณะของกิจกรรม
00:14:56 → 00:14:59 การควบคุมตัวเองนะครับแล้วก็ต่อตอบสนอง
00:14:59 → 00:15:01 เพื่อนการำซ้ในเชิงบวกไม่ดุเด็กนะครับควร
00:15:01 → 00:15:03 เข้าไปอธิบายแล้วให้เขาเกิดกระบวนการ
00:15:03 → 00:15:05 เรียนรู้ใหม่ว่าการจะเล่นกับเพื่อนยังไง
00:15:05 → 00:15:07 ให้เหมาะสมเด็กที่โดนดูมากๆเื่อเล่นกับ
00:15:07 → 00:15:10 เพื่อนแรงเนี่ยเด็กก็จะไม่อยากเล่นกับ
00:15:10 → 00:15:12 เพื่อนละหรือเพื่อนก็จะไม่อยากเล่นกับ
00:15:12 → 00:15:15 เด็กเนาะเพราะเขารู้สึกว่าเธอเล่นแรงจะ
00:15:15 → 00:15:17 ไม่อยากอยู่กับเธอเลยเธอพูดมากอ่ะเรียน
00:15:17 → 00:15:18 ไม่รู้เรื่องอย่างเงี้ยครับปัญหาที่มัน
00:15:18 → 00:15:21 เกิดขึ้นก็คือเด็กจะแพ้ไม่เป็นกลัวความ
00:15:21 → 00:15:23 ผิดหวังนะครับทำตามกติกาไม่ได้รอคอยไม่
00:15:23 → 00:15:26 ได้นะครับทักษะการสื่อสารไม่ดีละเพะไม่
00:15:26 → 00:15:29 ได้ค่อยได้คุยกับคนอื่นแก้ปัญหาไม่เป็นละ
00:15:29 → 00:15:30 รู้ว่าการที่จะอยู่ร่มกับคนอื่นตัวเอง
00:15:30 → 00:15:32 ต้องปรับตัวยังไงนะครับไม่มั่นใจตัวเอง
00:15:32 → 00:15:35 ไม่เห็นคุณค่าอันนี้จะพบในเด็กโตนะครับโต
00:15:35 → 00:15:37 ขึ้นมาหน่อยเช่น 10 ขวบนะครับเด็กไม่มี
00:15:37 → 00:15:39 เพื่อนเลยเด็กเขาจะไม่รู้ว่าการแสดงออก
00:15:39 → 00:15:42 ที่ดีคืออะไรทำไมอ่ะฉันออกไปพูดหน้าห้อง
00:15:42 → 00:15:44 ทำไมเพื่อนก็ไม่ฟังเพื่อนก็หัวเราะเพื่อน
00:15:44 → 00:15:47 ก็ล้องี้ครับเนาะหรือว่าสุดท้ายเด็กก็จะ
00:15:47 → 00:15:49 เลือกที่จะเก็บตัวคนเดียวเช่นพักเที่ยง
00:15:49 → 00:15:52 เนี่ยไปห้องสมุดเอ่อกินข้าวคนเดียวไม่มี
00:15:52 → 00:15:55 เพื่อนก็ได้ฉันอยู่ได้อย่างเงี้ยครับอ่ะ
00:15:55 → 00:15:57 ปัญหาที่ 3 นะครับก็คือการสาสมาธิในห้อง
00:15:57 → 00:16:00 เรียนนะครับในส่วนนี้เราต้องดูสาเหตุของ
00:16:00 → 00:16:03 ปัญหานะครับว่ามันเกิดขึ้นจากตัวเด็กหรือ
00:16:03 → 00:16:07 ปัจจัยอื่นๆนะครับตัวเด็กเองเนี่ยโอเคเรา
00:16:07 → 00:16:09 ยอมรับว่าเด็กคนนั้นโซนยุกยิกอยู่ไม่นิ่ง
00:16:09 → 00:16:11 มันเป็นปัญหาให้เขานั่งไม่ได้แต่ลึกๆแล้ว
00:16:11 → 00:16:15 มันมีปัญหาย่อยอื่นๆอีกเช่นเด็กทำไมอยู่
00:16:15 → 00:16:19 นิ่งไม่ได้เด็กทำไมเขียนช้าโอ้เอ้ทำไมลอก
00:16:20 → 00:16:22 งานไม่ทันเพื่อนทำไมถามอะไรไม่ค่อยตอบ
00:16:22 → 00:16:26 หรือทำไมต้องนั่งตัวงเลื้อยไปเลื้อยมาอ่ะ
00:16:26 → 00:16:28 บางทีมันไม่ได้เป็นเพะเโซนเลืยุกยิกอยู่ม
00:16:28 → 00:16:31 นี่อย่างเดียวนะครับเราต้องดูปัญหาให้ออก
00:16:31 → 00:16:34 เช่นอ่ะอยู่ไม่นิ่งนี่โอเคโซนยุกยิกทำไม
00:16:34 → 00:16:36 เด็กเขียนช้าเพราะกล้ามเนื้อมือเขาไม่ดี
00:16:36 → 00:16:38 หรือเปล่าเมีปัญหาเรื่องการเขียนหรือ
00:16:38 → 00:16:41 เปล่าทำไมลอกงานไม่ทันเพื่อนการรับรู้ทาง
00:16:41 → 00:16:43 สายตาเขาไม่ดีหรือเปล่าทำไมถามอะไรไม่
00:16:43 → 00:16:46 ค่อยตอบเขขาดแรงจูงใจไปแล้วนี่เรียนมา 3
00:16:46 → 00:16:49 ปีละเพื่อนก็ร้อไม่อยากไปโรงเรียนเลย
00:16:49 → 00:16:52 เรียนก็ไม่ทันครูก็ว่าอีกไม่อยากไปโรง
00:16:52 → 00:16:54 เรียนเลยใช่มยเก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะไป
00:16:54 → 00:16:56 เรียนไปสนใจไปกระตือรือร้นที่จะเรียนใช่
00:16:56 → 00:16:59 มั้ครับหรือทำไมเด็กนั่งตัวงอเลยไปเลอยมา
00:16:59 → 00:17:01 เพราะว่าอะไรกล้ามเนื้อหลังเขาไม่ดีหรือ
00:17:01 → 00:17:04 เปล่ากล้ามเนื้อทรงท่าเขาไม่ดีหรือเปล่า
00:17:04 → 00:17:05 เขาเป็นเด็กที่ขาดประสบการณ์ในการวิ่ง
00:17:06 → 00:17:08 เล่นหรือเปล่าอย่างเงี้ยครับคือปัญหาอื่น
00:17:08 → 00:17:10 ๆที่มันไม่ใช่แต่ความโซนความยุกยิกเท่า
00:17:11 → 00:17:13 นั้นซึ่งเหล่าเนี่ยเราต้องมาหาให้เจอแล้ว
00:17:13 → 00:17:16 ก็แก้ไขให้ได้นะครับเพื่อจะช่วยส่งเสริม
00:17:16 → 00:17:19 คือไสมาธิไอ้โซนยุคยิกก็มีอยู่แล้วปัญหา
00:17:19 → 00:17:21 อื่นก็มีอยู่ะถ้าเราช่วยเคลียร์ปัญหาอื่น
00:17:21 → 00:17:23 ได้เนี่ยมันก็จะดีใช่มมันก็จะเหลือแต่อี
00:17:23 → 00:17:26 ซนยุคยิกอยู่ไม่นิ่งอย่างเดียวนะครับต่อ
00:17:26 → 00:17:30 ไปปัจจัยภายนอกอื่นๆอ่ะปัจจัยภายนอกคือ
00:17:30 → 00:17:32 ไม่ใช่ตัวเด็กละเป็นปัจจัยภายนอกอื่นื่น
00:17:32 → 00:17:35 อ่ะในที่นี้ผมแบ่งเป็น 2 อันก็คือที่บ้าน
00:17:35 → 00:17:38 กับที่โรงเรียนนะครับมีครอบครัวไหนบ้าง
00:17:38 → 00:17:41 ที่เช้ามายังเอากางเกงเอาเสื้อนักเรียน
00:17:41 → 00:17:44 ไว้บนเตียงร้อยใส่เหมขัดให้พร้อมเด็กอาบ
00:17:44 → 00:17:48 น้ำเสร็จลงมาข้าวอยู่จานชามพร้อมแก้วน้ำ
00:17:48 → 00:17:52 เสร็จจะไปโรงเรียนรองเท้าวางอยู่หน้าบ้าน
00:17:52 → 00:17:55 เรียบร้อยอย่างเงี้ยเด็กเขาขาดโอกาสนะ
00:17:55 → 00:17:58 ครับขาดโอกาสในการที่จะจัดการตัวเองเขวาง
00:17:58 → 00:18:01 แผนไม่ได้ได้เพะตัวเองต้องทำอะไรต่อเพราะ
00:18:01 → 00:18:03 เดี๋ยวแม่จะมาบอกฉันละเดี๋ยวพ่อก็จะมาบอก
00:18:03 → 00:18:05 ฉันละเจัดการเวลาไม่ได้เพราว่าเฮ้ยเร็ว
00:18:05 → 00:18:08 ลูกเร็วเดี๋ยวไม่ทันจรไงครับเนาะมันเลย
00:18:09 → 00:18:12 ส่งผลให้พอเไปโรงเรียนเสร็จเครูมาบอกสิ
00:18:13 → 00:18:15 เออเพราะอยู่บ้านเด็กไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการ
00:18:15 → 00:18:17 รีบทำให้เสร็จคืออะไรอย่างเงี้ยครับคือ
00:18:17 → 00:18:20 ปัจจัยที่บ้านที่เราจะต้องช่วยกันแก้ไขก็
00:18:20 → 00:18:22 คือฝึกจัดการตัวเองให้น้องนะครับฝึกจัด
00:18:22 → 00:18:26 การเวลาคนรับผิดชอบงานบ้านง่ายๆใช่มครับ
00:18:26 → 00:18:29 หรือหมั่นพูดคุยกับครูสังเกตพฤติกรรมการ
00:18:29 → 00:18:31 เรียนของน้องด้วยนะครับไม่ได้ไปรับไปส่งก
00:18:31 → 00:18:34 เดียวแล้วก็มารู้ตอนสิ้นเทอมเนาะดูการ
00:18:34 → 00:18:37 บ้านน้องหน่อยว่าเขาทำได้ไหทำเข้าใจไหนะ
00:18:37 → 00:18:41 ครับอ่ะนี้ผมยกตัวอย่างอันนี้คือตาราง
00:18:41 → 00:18:43 เวลานะครับมีเด็กสมท่าหลายคนที่มาฝึกกับ
00:18:43 → 00:18:46 ผมผมจะชอบแนะนำให้คุณแม่ทำตารางเวลากับ
00:18:46 → 00:18:49 น้องแต่ควรเป็นตารางที่เราตกลงร่วมกันไม่
00:18:49 → 00:18:52 ใช่อ่ะเธอไปทำตามนี้ลูกไม่ใช่ทหารเนาะให้
00:18:52 → 00:18:55 เขาดูว่าเขาอยากทำอะไรเช่นควรตื่นกี่โมง
00:18:55 → 00:18:59 ทานข้าวกี่โมงทำอะไรกี่โมงนะครับหลักการ
00:18:59 → 00:19:01 คือ 1 ให้น้องมีส่วนร่วมในการคิดตาราง
00:19:01 → 00:19:04 นั้นนะครับ 2 ยืดหยุ่นบ้างเช่นวันศุกร์
00:19:04 → 00:19:07 อาจจะมีทำการบ้านตอน 16:00 นถ้าวันนี้วัน
00:19:07 → 00:19:10 ศุกร์ละไม่ทำการบ้านก็ได้นะครับหรือทุก
00:19:10 → 00:19:13 วันจะต้องอ่านหนังสือ 15 นาทีถ้าวันพุธ
00:19:13 → 00:19:16 อ่านไป 30 นาทีละวันพฤหัสเป็นรางวัลก็ได้
00:19:16 → 00:19:18 อย่าไงครับมันทำให้เด็กเขาสนุกที่จะอยาก
00:19:18 → 00:19:21 ทำตามกฎกติกาเนาะเพราะเด็กเขายังไม่มี
00:19:21 → 00:19:22 ความรับผิดชอบยังไม่รู้ว่ายังไม่เหมือน
00:19:22 → 00:19:25 ทหารน่ะที่ต้องทำตามกฎถ้าไม่ทำฉันจะโดนลง
00:19:25 → 00:19:27 โทษเด็กเายังคิดไม่ได้เนาะดังนั้นสิ่งที่
00:19:27 → 00:19:29 จะทำให้เขาอยากทำคือความพลาความสนุกความ
00:19:29 → 00:19:32 ยุดหยุ่นความมีส่วนร่วมที่เด็กจะได้เข้า
00:19:32 → 00:19:34 มามีส่วนร่วมกับการทำตารางนี้อันนี้เป็น
00:19:34 → 00:19:38 แค่ตัวอย่างนะครับอ่ะในที่นี้มีมีคุณครู
00:19:38 → 00:19:41 อยู่ไหมครับอ่าคุณครูครับต่อไปก็คือ
00:19:42 → 00:19:45 ปัจจัยที่โรงเรียนนะครับนอกจากเด็กโซนยุก
00:19:45 → 00:19:48 ยิกปัจจัยตัวเขาเองละปัจจัยภายนอกจากที่
00:19:48 → 00:19:50 บ้านละอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ
00:19:50 → 00:19:52 ปัจจัยที่โรงเรียนเพราะช่วงวัยของเด็ก
00:19:52 → 00:19:56 อยู่โรงเรียนเยอะนะวันนึง 8 ชม 9 ชม 10
00:19:56 → 00:19:59 ชมยังมีเลยเด็กบางคนนะครับดังนั้นปัจจัย
00:19:59 → 00:20:01 ภายนอกที่เราควรส่งเสริมก็คือจัดสิ่งแวด
00:20:01 → 00:20:05 ล้อมหรือจัดกิจกรรมที่เด็กต้องทำนะครับ
00:20:05 → 00:20:08 ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนหรือรูปแบบงาน
00:20:08 → 00:20:11 ก่อนเรียนเราลองคิดกิจกรรมอะไรที่เป็นเกม
00:20:11 → 00:20:14 ก่อนเข้าสู่เนื้อหาดีไเออให้เด็กเขาได้
00:20:14 → 00:20:18 ออกกำลังกายหรือ Exercise หรือจัดไปเลย
00:20:18 → 00:20:21 ก่อนคงชาติเสร็จกายบริหารเด็กคนไหนมี
00:20:22 → 00:20:25 ปัญหาแบบพิเศษเอาหนักๆเลยให้เขานิ่งก่อน
00:20:25 → 00:20:28 ที่จะไปโรงเรียนนะคะอันนี้ยกตัวอย่างมี
00:20:28 → 00:20:29 เด็กคนนึง
00:20:29 → 00:20:32 คุณแม่จะให้แทบจะฟิตเนสทุกวันนะครับทุก
00:20:32 → 00:20:35 เช้าให้เหงื่อแฉะแล้วถึงอาบน้ำไปโรงเรียน
00:20:35 → 00:20:37 เพื่อให้น้องสสลแรงขับจากที่บ้านไปเลย
00:20:38 → 00:20:40 ครับก็ได้ผลในระดับนึงนะครับหรือการเพิ่ม
00:20:40 → 00:20:43 กิจกรรมใหม่ๆให้เด็กควบคุมตัวเองเพิ่มแรง
00:20:43 → 00:20:46 จูงใจเพิ่มกิจกรรมใหม่ๆเช่นอะไรจะมีเด็ก
00:20:46 → 00:20:49 สมาธิสั้นบางกลุ่มที่เป็นเด็กเก่งครูสอน
00:20:49 → 00:20:52 ให้เวลาทำงาน 10 นาที 3 นาทีทำเสร็จละอีก
00:20:53 → 00:20:58 7 นาทีทำอะไรดีลุกแกล้งเพื่อน
00:20:58 → 00:21:01 เสียงดังพูดคุยอ่ะอย่างเงี้ยเราควรจัด
00:21:01 → 00:21:05 กิจกรรมพิเศษใหม่ๆเช่นอ่ะน้องเอคะเดี๋ยว
00:21:05 → 00:21:08 ถ้าหนูทำงานเสร็จแล้วหนูช่วยเก็บงานของ
00:21:08 → 00:21:12 เพื่อนๆให้คุณครูหน่อยได้มอ่ะน้องเอคะ
00:21:12 → 00:21:15 เดี๋ยวแจกใบงานต่อไปให้เพื่อนๆได้มยค่ะคน
00:21:15 → 00:21:19 เดียวกันอ่ะพอเห็นไอเดียมครับเนาะคือใช้
00:21:19 → 00:21:21 อีก 7 นาทีที่เหลือน่ะให้เด็กทำอะไรดีโดย
00:21:21 → 00:21:24 การเป็นแซนงานใหม่ๆโดยที่ไม่ต้องให้งาน
00:21:24 → 00:21:26 เพิ่มหรืออะไรที่ให้เขารู้สึกว่าฉันผิด
00:21:27 → 00:21:29 ปกติหรอทำไมถึงต้องได้เพเนาะแต่เป็นอะไร
00:21:29 → 00:21:31 ที่เป็นเชิงของเชิงบวกอย่างเงี้ยครับให้
00:21:31 → 00:21:34 เขาได้รู้ว่าอ๋อจะมีหน้าที่นึงนะที่ต้อง
00:21:34 → 00:21:36 ทำที่ได้ช่วยเหลือคุณครูอย่างเงี้ยครับ
00:21:36 → 00:21:39 ต่อไปคือปัจจัยภายนอกอื่นๆในเรื่องของ
00:21:39 → 00:21:41 สิ่งแวดล้อมนะครับโต๊ะเรียนที่เหมาะสม
00:21:41 → 00:21:44 เนี่ยหลายโรงเรียนเป็นอย่างนี้นะคะก็คือ
00:21:44 → 00:21:49 อีตัวโต๊ะเนี่ยโค้งมาด้านหน้าหน่อยนะครับ
00:21:49 → 00:21:51 เพื่ออะไรเพื่อให้มันอยู่ในทิศของการมอง
00:21:51 → 00:21:54 ของน้องเครับเนาะพวกเก้าอี้อะไรอันนี้ถ้า
00:21:54 → 00:21:57 เป็นที่บ้านได้นะครับก็คือไม่ไม่แนะนำให้
00:21:57 → 00:21:59 เก้าอี้เด็กไปทำเก้าอี้ตัวใหญ่ของคุณพ่อ
00:21:59 → 00:22:01 คุณแม่เนาะเพราะการนั่งเขาจะไม่สบายนะ
00:22:01 → 00:22:06 ครับควรให้นั่งแบบสะโพกง 90 ขไอ้เข่าง 90
00:22:06 → 00:22:09 นะครับเท้าแลหน้าพื้นนะครับมือวางพอดีตัว
00:22:09 → 00:22:12 ไม่ก้มไปหรือเอนไปอย่างเงี้ย
00:22:12 → 00:22:16 ครับหรือคิดว่าเด็กสมาชิสั้นควรนั่ง
00:22:16 → 00:22:20 ตำแหน่งไหนดีครับ a b c d e f CD
00:22:20 → 00:22:26 อ่านะครับชึบอ่ะถูกต้องเนาะ B CD ทำไม
00:22:26 → 00:22:30 เราไม่ให้นั่งตรง a ครับประตูติดหน้าต่าง
00:22:30 → 00:22:35 ใช่เดี๋ยวเธอจะโลกสวยหลุดลอยไปไกลนะครับ
00:22:35 → 00:22:38 โอเคครับอันนี้เป็นคร่าวๆนะครับเกี่ยวกับ
00:22:38 → 00:22:41 เรื่องของภาวะ hyperactive นะครับที่ที่
00:22:41 → 00:22:43 เราจะช่วยเหลือเขายังไงนะครับไม่ว่าจะ
00:22:43 → 00:22:45 เป็นอ่าเรื่องโซนยุกยิกอยู่ไม่นิ่งนะครับ
00:22:45 → 00:22:49 เรื่องเล่นกับเพื่อนแรงนะครับหรือขาด
00:22:49 → 00:22:53 สมาธิในการเรียนนะครับ hyperactive เนี่ย
00:22:53 → 00:22:57 มันก็จะส่งผลต่ออะไรอีกหลายๆอย่างนะครับ
00:22:57 → 00:22:59 แต่ก่อนคุยกันเนี่ยเดี๋ยวผมขอทำความเข้า
00:22:59 → 00:23:01 ใจจก่อนว่าไอ้เรื่อง hyperactive เนี่ย
00:23:01 → 00:23:05 เราอยากให้รู้ว่ามันเกิดขึ้นด้วยภาวะของ
00:23:05 → 00:23:07 โลกที่เด็กคนนึงโซนยุกยิกอยู่ไม่นิ่ง
00:23:07 → 00:23:10 เนี่ยนะมันเกิดจากสาซึบประสาทเนาะเด็กเขา
00:23:10 → 00:23:13 ไม่ได้ตั้งใจที่จะซนเด็กเขาไม่ได้ตั้งใจ
00:23:13 → 00:23:16 ที่จะกวนโมโหเราเาควบคุมมันไม่ได้นะครับ
00:23:16 → 00:23:18 ดังนั้นจงเข้าใจว่าอย่าไปดูเด็กซักที
00:23:18 → 00:23:20 เดียวนะครับโปรดทำความเข้าใจกับเขาก่อน
00:23:20 → 00:23:22 เพื่อเราจะได้ช่วยเหลือเขาได้ถูกต้องนะ
00:23:22 → 00:23:25 ครับสำหรับคุณพ่อคุณแม่นะครับหรือว่าคุณ
00:23:25 → 00:23:29 คูณที่ที่มีความใกล้ชิดหรือความเกี่ยวพัน
00:23:29 → 00:23:31 กับเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นนะครับในส่วน
00:23:31 → 00:23:34 นี้ก็อยากให้คุณพ่อคุณแม่กับคุณครูเนี่ย
00:23:34 → 00:23:36 ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่าสิ่งที่
00:23:36 → 00:23:38 เกิดขึ้นเนี่ยน้องเไม่ได้ตั้งใจที่อยากจะ
00:23:38 → 00:23:40 โซนนะครับมันเกิดขึ้นจากภาวะตัวโลกที่ทำ
00:23:40 → 00:23:44 ให้เขาแสดงพฤติกรรมมาลักษณะนี้นะครับก็
00:23:44 → 00:23:47 อยากให้เข้าใจในตัวน้องแล้วก็ลองมองปัญหา
00:23:47 → 00:23:49 นะครับลองช่วยเหลือน้องอย่างถูกวิธีไม่
00:23:49 → 00:23:52 ว่าจะเป็นการพบแพทย์การพบนักบำบัดหรือว่า
00:23:52 → 00:23:55 การเลี้ยงดูอย่างถูกวิธีอย่าเงี้ยครับ
00:23:55 → 00:23:57 เพื่อจะได้ช่วยเหลือน้องได้อย่างอย่างถูก
00:23:57 → 00:23:59 วิธีอย่างเหมาะสมนะครับครับแล้วก็ขอเป็น
00:23:59 → 00:24:01 กำลังใจให้นะครับสำหรับคุณพ่อคุณแม่หรือ
00:24:01 → 00:24:04 คุณครูนะครับที่จะต้องช่วยเหลือหรือจัด
00:24:04 → 00:24:07 การปัญหานี้นะครับเนาะแล้วก็ไม่อยากมอง
00:24:07 → 00:24:10 ว่าน้องเป็นเป็นเด็กที่มีปัญหาเป็นเด็ก
00:24:10 → 00:24:12 พิเศษนะครับเด็กสมัยสร้านก็คือเด็กคนนึง
00:24:12 → 00:24:16 นี่แหละแต่เขามีภาวะนึงที่มาขจัดความ
00:24:16 → 00:24:19 สามารถเคนะครับเมื่อไรที่คุณครูหรือคุณ
00:24:19 → 00:24:21 แม่เนี่ยซึ่งคุณพ่อคุณแม่ที่มีส่วนสำคัญ
00:24:21 → 00:24:24 เนี่ยช่วยกันลดปัญหานี้ได้เค้าก็จะเติบโต
00:24:24 → 00:24:27 นะครับจะเรียนรู้ได้จะเติบโตไปเป็นผู้
00:24:27 → 00:24:29 ใหญ่ที่สมบูรณ์ได้อยู่แล้วครับในส่วนนี้
00:24:29 → 00:24:32 ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่มีบทบาทมี
00:24:32 → 00:24:34 ส่วนร่วมในการช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นครับ
00:24:34 → 00:24:38 สิ่งที่พบบ่อยๆของลูกนะคะปัญหาของลูกก็
00:24:38 → 00:24:41 คือการจัดการอารมณ์ของตัวเองไม่ได้เก็จะ
00:24:41 → 00:24:44 เป็นแบบพวกโวยวายเสียงดังแล้วก็ใช้ความ
00:24:44 → 00:24:48 รุนแรงเป็นแบบบางครั้งซึ่งเราคอยที่จะแบบ
00:24:48 → 00:24:51 สอนเค้าหลายๆครั้งแล้วก็บางครั้งไม่ได้ผล
00:24:51 → 00:24:53 อะไรเงี้ยคะเราก็จะเสียอารมณ์ไปด้วยก็คือ
00:24:53 → 00:24:58 จะใช้วิธีการที่แบบว่าพูดเบาๆพูดใช้คำพูด
00:24:58 → 00:25:00 ที่ดีๆกับลูกอะไรเงี้ยคะไม่ให้เขารู้สึก
00:25:00 → 00:25:04 ว่าเราไปกดดันเขาอีกรอบนึงส่วนที่เป็น
00:25:04 → 00:25:09 ส่วนส่งเสริมให้ลูกเราดีขึ้นในเรื่องของ
00:25:09 → 00:25:13 การทำงานให้มีประสิทธประสิทธิภาพก็ในแง่
00:25:13 → 00:25:15 ของการแบบให้ความรักอ่ะค่ะก็คือรักเาแล้ว
00:25:15 → 00:25:17 ก็ให้โอกาส
00:25:17 → 00:25:21 เค้าให้สิ่งดีๆกับเค้าถึงแม้จะเขาจะทำผิด
00:25:21 → 00:25:23 พลาดอะไรก็ให้โอกาสเในด้านการปรับปรุง
00:25:23 → 00:25:27 อะไรเงี้ยเไม่ได้ไม่ได้มีปมด้อยไปเลวร้าย
00:25:27 → 00:25:30 อะไรเงี้ยไม่ได้ไม่ถึงกับว่าทำงานไม่ได้
00:25:30 → 00:25:33 อะไรอย่าเงี้ยค่ะเป็นแค่เพียงส่วนนึงที่
00:25:33 → 00:25:35 จะต้องเสริมสร้างในด้านพฤติกรรมบางอย่าง
00:25:35 → 00:25:38 ให้เขามีความสามารถเพิ่มขึ้นให้เหมือนคน
00:25:38 → 00:25:40 ปกติ
00:25:40 → 00:25:46 [เพลง]
00:25:46 → 00:25:49 ค่ะที่พบมากเด็กๆสมาธิสั้นเลยนะคะคือจริง
00:25:49 → 00:25:52 ๆอาจจะเป็นเรื่องของช่วงวัยอ่ะค่ะอย่าง
00:25:52 → 00:25:54 ถ้าสมมุติว่าเด็ก 3 ขวบเงี้ยค่ะหรือว่า
00:25:54 → 00:25:57 3-4 ปีในช่วงวัยอนุบาลเอ่อพฤติกรรมที่
00:25:57 → 00:26:00 เราจะพบมากที่สุดเลยก็คือซนอยู่ไม่นิ่ง
00:26:00 → 00:26:03 ชอบวิ่งไปทั่วทั้งที่บ้านทั้งที่โรงเรียน
00:26:03 → 00:26:05 อย่างเงี้ยค่ะแล้วก็จะชอบปีนป่ายชอบ
00:26:05 → 00:26:08 กระโดดมากกว่าชอบส่งเสียงดังแต่ถ้าเป็นใน
00:26:08 → 00:26:11 เด็กวัยเรียนแล้วอ่ะค่ะอย่างเช่นวัยตั้ง
00:26:11 → 00:26:15 แต่ 6 ขวบค่ะเริ่มเข้าป 1 พฤติกรรมที่จะ
00:26:15 → 00:26:17 พบบ่อยๆเลยเนี่ยจะเป็นพฤติกรรมในเรื่อง
00:26:17 → 00:26:21 ของการเรียนก็คืออาจจะเ่าวุ่นวายในห้อง
00:26:21 → 00:26:24 เรียนอย่างเงี้ยค่ะหรือว่าซนหรือว่าการ
00:26:24 → 00:26:26 เรียนไม่ทันเพื่อนแล้วก็อีกปัญหานึงเลยก็
00:26:26 → 00:26:28 คือเป็นปัญหาในเรื่องของการเล่นกับเพื่อน
00:26:29 → 00:26:33 แรงอ่ะค่ะจนจนไม่ไม่มีเพื่อนมากกว่า
00:26:33 → 00:26:34 [เพลง]
00:26:34 → 00:26:37 ค่ะช่วงนี้พบกับกิจกรรม workshop ในหัว
00:26:38 → 00:26:41 ข้อปัญหาพฤติกรรมไม่เหมาะสมเพื่อผู้เข้า
00:26:41 → 00:26:44 อบรมจะได้เข้าใจเด็กสมาธิสั้นและวิธีการ
00:26:44 → 00:26:46 เรียนรู้หลักการปรับพฤติกรรมไม่เหมาะสม
00:26:46 → 00:26:49 ขั้นพื้นฐานและเทคนิคในการปรับพฤติกรรม
00:26:49 → 00:26:52 ที่ถูกต้องและเหมาะสมามว่าทำไมเราถึงต้อง
00:26:52 → 00:26:55 ปับพฤติกรรมเนาะในเด็กสมาธิสั้นปัญหา
00:26:55 → 00:26:58 พฤติกรรมเนี่ยตามมากับกลุ่มโลกนี้อยู่ละท
00:26:58 → 00:27:01 ทำไมอยู่ไม่นิ่งเลยทำไมต้องถามตลอดเลย
00:27:01 → 00:27:03 ทำไมเล่นกับเพื่อนมีปัญหาตลอดเลยทำไมมี
00:27:03 → 00:27:06 แผลกลับมาตลอดเลยอะไรอย่างเงี้ยนะคะมันก็
00:27:06 → 00:27:08 จะเป็นปัญหาในเรื่องของพฤติกรรมทั้งหมด
00:27:08 → 00:27:11 ซึ่งในแนวทางของนักกิจกรรมบำบัดเราเนี่ย
00:27:11 → 00:27:14 ก่อนอื่นเลยเนี่ยต้องเรียนก่อนว่าเอ่อการ
00:27:14 → 00:27:17 ปรับพฤติกรรมเนี่ยคือการเสริมสร้างการ
00:27:17 → 00:27:20 เรียนรู้ทักษะใหม่ๆนะคะเราเน้นว่าทักษะ
00:27:20 → 00:27:23 ใหม่ๆของเด็กทั้งการแสดงออกทางท่าทางเนาะ
00:27:23 → 00:27:26 คำพูดอาการความรู้สึกทัศนคติหรืออะไรก็
00:27:26 → 00:27:28 ตามเงี้ยค่ะเป็นทักษะการเรียนรู้ใหม่ๆ
00:27:28 → 00:27:32 โดยที่ผ่าการเปลี่ยนแปลงของระบบการตอบ
00:27:32 → 00:27:35 สนองของสิ่งแวดล้อมถามว่าทำไมเราถึงเลือก
00:27:35 → 00:27:37 เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมทำไมเราไม่เลือกไม่
00:27:37 → 00:27:39 เลือกเปลี่ยนเด็กทำไมเราไม่เลือกเปลี่ยน
00:27:39 → 00:27:42 อย่างอื่นนะคะอเราก็จะมาดูกันในข้างล่าง
00:27:42 → 00:27:46 นี้นะคะ A B C ค่ะมีใครเคยได้ยินทฤษฎี a
00:27:46 → 00:27:50 BC ในเรื่องของพฤติกรรมบ้างไหคะเอเคยได้
00:27:50 → 00:27:53 ยินนะคะ a ของเราก็คืออะไรคะช่วยๆน้ำตอบ
00:27:53 → 00:27:58 นิดนึงค่ะสิ่งสิ่งเล้าใช่ค่ะเป็นสิ่งเนาะ
00:27:58 → 00:28:01 B เนี่ยเราแทนให้เป็นตัวพฤติกรรมนะคะ
00:28:01 → 00:28:05 ส่วน C เนี่ยก็คือการตอบสนองเนาะสมมติว่า
00:28:05 → 00:28:09 พาน้องไปห้างร้องจะเอาของเล่นเป็นเป็น
00:28:09 → 00:28:12 เป็นเหตุการณ์ที่เกือบจะทุกบ้านเจอเหมือน
00:28:12 → 00:28:15 กันอย่างเงี้ยค่ะเรามาดูลองวิเคราะห์
00:28:15 → 00:28:17 กิจกรรมกันดูค่ะว่า a ของเราเนี่ยสิ่ง
00:28:17 → 00:28:21 เล้าของน้องคืออะไรคะของเล่นเนาะพาไปห้าง
00:28:21 → 00:28:24 เจอของเล่นพฤติกรรมของน้องคืออะไร
00:28:25 → 00:28:28 เอ่ยอ่าร้องไห้เนาวยว
00:28:28 → 00:28:32 ดิ้นก็มีถามว่าตัวการตอบสนองของเราเองคือ
00:28:32 → 00:28:34 อะไร
00:28:34 → 00:28:38 คะซื้อบางท่านซื้อบางท่านใช้วิธีการตีเลย
00:28:38 → 00:28:41 ให้หยุดร้องบางท่านใช้วิธีการเดินหนีเลย
00:28:41 → 00:28:45 แม่อายอย่างเงี้ยค่ะแล้วแต่บางบ้านเนาะที
00:28:45 → 00:28:48 นี้ถามว่าทำไมเราถึงเรียกการปรับพฤติกรรม
00:28:48 → 00:28:50 ว่าการเปลี่ยนการตอบสนองของสิ่งแวดล้อม
00:28:50 → 00:28:53 ถ้าให้เราเปลี่ยนพฤติกรรมของน้องทันทีเลย
00:28:53 → 00:28:55 เป็นไปได้ไหคะในเมื่อในเมื่อ B เนี่ยมัน
00:28:55 → 00:28:58 เกิดมาจาก A อย่างเงี้ยค่ะเปลี่ยน
00:28:58 → 00:28:59 พฤติกรรมของน้องทันทีเลยคิดว่าเป็นไปได้
00:29:00 → 00:29:04 ไหมเอ่ยเนาะยากถามว่าเปลี่ยนก็ก็ B มาจาก
00:29:04 → 00:29:07 a นี่ลูกศรมันไปด้วยกันแบบนี้น้องเห็น
00:29:07 → 00:29:09 ของเล่นก่อนก็เลยร้องเปลี่ยน a เลยได้ไห
00:29:09 → 00:29:12 จะไปโลตัสโทรไปหาก่อนเลยห้ามวางของเล่นนะ
00:29:12 → 00:29:15 คะเดี๋ยวน้องจะเดินผ่านชั้น 2 เป็นไปได้ม
00:29:15 → 00:29:17 เอ่ยเป็นไปไม่ได้เนาะเพราะฉะนั้นเราต้อง
00:29:17 → 00:29:20 เปลี่ยนระบบสิ่งแวดล้อมซึ่งก็คือตัวเรา
00:29:20 → 00:29:22 เนาะจริงๆพ่อกับแม่หรือว่าคุณครูผู้ปก
00:29:22 → 00:29:24 ครองทุกท่านเนี่ยเป็นสิ่งแวดล้อมที่ใกล้
00:29:25 → 00:29:26 ตัวเด็กมากที่สุดอย่างเงี้ยค่ะเพราะ
00:29:26 → 00:29:29 ฉะนั้นเราต้องเปลี่ยนตัวตรงีที่จะได้ผล
00:29:29 → 00:29:31 มากที่สุดจริงๆเเนี่ยไม่ใช่เปลี่ยนไม่ได้
00:29:31 → 00:29:33 เลยเนาะในบางเหตุการณ์บางสถานการณ์เนี่ย
00:29:33 → 00:29:35 เราอาจจะเปลี่ยนได้แต่ถามว่ามันยากเพราะ
00:29:35 → 00:29:38 เราไม่สามารถที่จะกำหนดได้เลยว่าไปตลาดน
00:29:38 → 00:29:40 จะเจอมยสิ่งเราที่ทำให้เขาร้องไห้ทำให้
00:29:40 → 00:29:43 เขาอยากได้หรืออะไรอย่างเงี้ยนะคะแต่ถาม
00:29:43 → 00:29:44 ว่า C เนี่ยมันเป็นที่เราอย่างเงี้ยเรา
00:29:44 → 00:29:47 สามารถเปลี่ยนได้ง่ายที่สุดมากกว่าเนาะ
00:29:47 → 00:29:50 การปรับพฤติกรรมเลยเนี่ยพื้นฐาน 2 อย่าง
00:29:50 → 00:29:52 ซึ่งถ้าไม่มีเลยการปรับพฤติกรรมอาจจะไม่
00:29:52 → 00:29:56 ได้ผลก็คือ 1 สัมพันธภาพของผู้เลี้ยงดูนะ
00:29:56 → 00:29:58 คะไม่ว่าจะเป็นคุณครูคุณหน้าคุณคุณแม่คุณ
00:29:58 → 00:30:00 ยายใครก็ตามที่เป็นคนเลี้ยงดูเด็กใกล้ชิด
00:30:00 → 00:30:03 ที่สุดนะคะ 2 ก็คือการสร้างวินัยตั้งแต่
00:30:03 → 00:30:07 เด็กอื 2 ตัวนี้สัมพันธ์กันยังไงสมมุติ
00:30:07 → 00:30:11 ว่าอ่าสัมพันธภาพความรักใคร่ในครอบครัวคำ
00:30:11 → 00:30:14 ความคาดหวังของผู้ปกครองที่มีต่อเด็กหรือ
00:30:14 → 00:30:16 ว่าความเข้าใจเด็กความเอาใจใส่เด็กอ่ะค่ะ
00:30:16 → 00:30:19 พวกเคือสัมพันธภาพบรรยากาศภายในครอบครัว
00:30:19 → 00:30:21 พวกนี้คือสัมพันธภาพทั้งหมดเนาะการเลี้ยง
00:30:21 → 00:30:25 ดูคืออะไรการอ่าถามถามความรู้สึกเด็กการ
00:30:25 → 00:30:28 ให้โอกาสแสดงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของ
00:30:28 → 00:30:31 เด็กหรือว่าการสร้างกฎระเบียบวินัยในบ้าน
00:30:31 → 00:30:33 ความเคร่งครัดความจริงจังความยืดหยุ่นของ
00:30:33 → 00:30:36 ผู้ปกครองนะคะทีนี้เรามาดูว่าสมมุติว่าส
00:30:36 → 00:30:40 เด็กสัมพันธภาพดีแต่ว่าวินัยไม่ดีเลยจะ
00:30:40 → 00:30:43 เป็นอ่าเด็กในกลุ่มที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ
00:30:43 → 00:30:45 ตัวเองเนาะไม่ค่อยยอมรับฟังความคิดเห็น
00:30:45 → 00:30:47 ของผู้อื่นอันนี้คือสัมพันธภาพดีแต่วินัย
00:30:47 → 00:30:51 ไม่ดีถ้าถามว่าสัมพันธภาพไม่ดีแต่วินัยดี
00:30:51 → 00:30:54 จะเป็นลักษณะไหนเอ่ยคุณพ่อคุณแม่สั่งการ
00:30:54 → 00:30:57 ตลอดเลยตื่นกินข้าวอาบน้ำไปโรงเรียนตื่น
00:30:57 → 00:30:59 กินข้าวอาบน้ำเป็นโรงเรียนไปเรียนพิเศษไป
00:30:59 → 00:31:02 นั่นไปนี่แต่ว่าไม่เคยมีบรรยากาศภายใน
00:31:02 → 00:31:04 ครอบครัวที่รู้สึกแบบรีแลกผ่อนคลายไป
00:31:04 → 00:31:06 เที่ยวสัมพันธภาพไม่ค่อยดีอย่างเงี้ยค่ะ
00:31:06 → 00:31:09 แต่วินัยทุกอย่างเป๊ะๆๆๆหมดเด็กจะโตออกมา
00:31:09 → 00:31:13 ในรูปแบบของเก็บกดนิดนึงเนาะเอออาจจะเป็น
00:31:13 → 00:31:17 ในลักษณะของรู้สึกแบบไม่รู้จะบรรยายความ
00:31:17 → 00:31:19 คับข้องใจกับใครได้บ้างในเมื่อพ่อก็สั่ง
00:31:19 → 00:31:21 ให้ทำแบบนี้แม่ก็สั่งให้ทำแบบนี้บางทีตัว
00:31:21 → 00:31:23 เองอาจจะยังไม่ได้ไม่อยากทำด้วยซ้ำอย่าง
00:31:23 → 00:31:26 เงี้ยนะคะเออ 3 ก็คือในรูปแบบของ
00:31:26 → 00:31:29 สัมพันธภาพก็ไม่ดีวินัยก็ไม่ดีเด็กจะโต
00:31:29 → 00:31:32 ออกมายังไงเอ่ยปัญหาสังคมเนาะจะเป็นในรูป
00:31:32 → 00:31:34 แบบนี้มากกว่านะคะแบบที่ 4 ก็คือ
00:31:34 → 00:31:38 สัมพันธภาพดีวินัยดีมักจะสร้างพฤติกรรมดี
00:31:38 → 00:31:40 ๆเนาะและประสบการณ์ดีๆให้กับเด็กนะคะ
00:31:40 → 00:31:42 เพราะฉะนั้นปัจจัยพื้นฐานในการปัก
00:31:42 → 00:31:44 พฤติกรรมเลยเนี่ยก็เป็นเรื่องของ
00:31:44 → 00:31:47 สัมพันธภาพกับการสร้างวินัยนะคะทีนี้ถาม
00:31:47 → 00:31:51 ว่าสัมพันธภาพตัวหลักของสัมพันธภาพเลย
00:31:51 → 00:31:53 เนี่ยที่เราพบกันมากบ่อยๆเลยคือเรื่องของ
00:31:53 → 00:31:55 การสื่อสารบางทีเนี่ยเรามองว่าเออ
00:31:55 → 00:31:58 ครอบครัวเราก็อบอุ่นนะก็พาไปเที่ยวอะไร
00:31:58 → 00:32:00 อย่างเงี้ยมีบรรยากาศภายในครอบครัวก็
00:32:00 → 00:32:03 รีแล็กดีไม่ได้แบบว่าสัมพันธภาพไม่ดีแต่
00:32:03 → 00:32:06 น้ำถามว่าเคยมีการพูดจาคำเหล่านี้บ้าง
00:32:06 → 00:32:08 มั้ยคะในครอบครัวอย่างเช่นดูน้องคนนั้นสิ
00:32:08 → 00:32:11 ทำไมเยังนั่งนิ่งๆได้เลยล่ะเด็กข้างบ้าน
00:32:11 → 00:32:13 เราเรียนเก่งมากเลยปีนี้สอบได้ที่ 1 อีก
00:32:13 → 00:32:16 แล้วอย่างเงี้ยค่ะบางทีเราไม่ได้ตั้งใจจะ
00:32:16 → 00:32:18 พูดกับลูกเราหรอกเนาะแต่ว่าพูดในขณะที่
00:32:18 → 00:32:20 น้องนั่งอยู่ตรงนั้นเนี่ยเอ่อเขาอาจจะไม่
00:32:20 → 00:32:23 ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เราเห็นแต่
00:32:23 → 00:32:26 ว่ามันจะทำให้เป็นการบั่นทอนกำลังใจของ
00:32:26 → 00:32:28 เด็กลงไปเรื่อยๆเพราะว่าเจะรู้สึกว่าเค
00:32:28 → 00:32:30 กำลังโดนตำหนิหรือเปล่ากำลังโดนเปรียบ
00:32:30 → 00:32:33 เทียบหรือเปล่าอย่างเงี้ยค่ะหรือว่าเป็น
00:32:33 → 00:32:35 แบบทำตัวให้ดีกว่านี้หน่อยได้มั้ยนั่ง
00:32:35 → 00:32:37 นิ่งๆกว่านี้หน่อยได้มั้ยอะไรอย่างเงี้ย
00:32:37 → 00:32:39 ค่ะมันเป็นคำพูดที่ไม่ได้แสดงความรู้สึก
00:32:39 → 00:32:41 ของคนพูดหรือคนเป็นพ่อคนเป็นแม่อย่างชัด
00:32:41 → 00:32:43 เจนอย่างเงี้ยนะคะเพราะฉะนั้นเราลองมา
00:32:43 → 00:32:46 เปลี่ยนคำพูดกันดูอย่างเช่นสอนการบ้าน
00:32:46 → 00:32:49 อยู่ข้อที่แล้วก็เป็นบวกลบเลขธรรมดานี่
00:32:49 → 00:32:52 แหละข้อนี้ก็มาเป็นบวกลบเลขธรรมดาอีกแต่
00:32:52 → 00:32:54 ก็ทำไม่ได้เหมือนเดิมบางทีเลขใกล้เคียง
00:32:54 → 00:32:56 กันด้วยซ้ำก็ทำไม่ได้เหมือนเดิมเคยมีมั้ย
00:32:56 → 00:32:58 คะพูดไปทำไมสอนเท่าไหร่เไหร่ก็ไม่รู้จัก
00:32:58 → 00:33:01 จำสักทีเนี่ยทำไม่ได้อีกะเออลองเปลี่ยนคำ
00:33:01 → 00:33:04 พูดนี้ดูมยคะพยายามอีกนิดนึงเนาะเมื่อกี้
00:33:04 → 00:33:07 ข้องเมื่อกี้เราก็ทำได้แล้วหรือหนูมี
00:33:07 → 00:33:09 ปัญหากับการท่องจำหรือเปล่าลูกเรากลับไป
00:33:09 → 00:33:12 ดูข้อเมื่อกี้กันอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:33:12 → 00:33:15 ประโยคที่ 2 ตั้งใจหน่อยสิมิน่าทำอะไรก็
00:33:15 → 00:33:19 ผิดไปหมดเลยเคยไเอ่ยเออบางทีบางทีอาจจะมี
00:33:19 → 00:33:22 แค่ตั้งใจหน่อยสิอย่างเงี้ยคำว่าตั้งใจ
00:33:22 → 00:33:24 หน่อยสิบางทีเด็กเขาก็ไม่รู้นะว่าแค่ไหน
00:33:24 → 00:33:26 ที่ที่ที่ผู้ปกครองจะพอใจคำว่าตั้งใจ
00:33:26 → 00:33:29 อย่างเงี้ยนะคะอาจจะเปลี่ยนเป็นแบบสมมุติ
00:33:29 → 00:33:32 ว่าเขาไม่มีสมาธิละเออดูเขาไม่ตั้งใจละ
00:33:32 → 00:33:34 อาจจะเปลี่ยนเป็นแบบหนูกำลังแม่ว่าหนู
00:33:34 → 00:33:36 กำลังไม่มีสมาธิกับงานนี้แล้วนะไปพักสัก 5
00:33:36 → 00:33:38 นาทีดีมยแล้วเดี๋ยวเรากลับมาทำกันใหม่
00:33:38 → 00:33:42 หรือเลข 5 ข้อตั้งใจหน่อยสิทำไมไม่ทำสัก
00:33:42 → 00:33:45 ทีเลข 5 ข้ออ่ะโอเคแม่ว่าหนูตั้งใจทำอีก
00:33:45 → 00:33:47 สัก 2 ข้อนะแล้วเดี๋ยวเราค่อยไปพักกัน
00:33:47 → 00:33:49 อย่างเงี้ยค่ะเนาะเปิดโอกาสให้เขารู้สึก
00:33:49 → 00:33:52 แบบโอเคฉันก็ไม่ได้ทำผิดอะไรมากมายอย่าง
00:33:52 → 00:33:55 เงี้ยเนาะหรือว่านี่ครูมาบอกแม่อีกแล้วนะ
00:33:55 → 00:33:58 ว่าหนูไม่ส่งงานอ่าเด็กก็จะรู้รู้สึกแล้ว
00:33:58 → 00:34:00 ว่าเออแม่กับครูไปแอบคุยกันตอนไหนอะไร
00:34:00 → 00:34:02 อย่างเงี้ยค่ะเนาะให้เปลี่ยนเป็นอย่าง
00:34:02 → 00:34:05 เช่นแม่ปรึกษากับคุณครูแล้วนะัญหาใหญ่่ๆ
00:34:05 → 00:34:08 ของลูกเลยเนี่ยคือการส่งงานไม่ตรงเวลา
00:34:08 → 00:34:11 เพราะอะไรเงี้ยค่ะเป็นการเอ่อเปลี่ยนคำ
00:34:11 → 00:34:13 พูดที่ให้เขาได้ได้โต้ตอบกับเราบ้างเนาะ
00:34:13 → 00:34:16 ได้บอกเหตุผลของเขาบ้างงเงี้ยเขาก็จะรู้
00:34:16 → 00:34:19 สึกว่าเอ่อคนที่เป็นพ่อคนที่เป็นแม่คนที่
00:34:19 → 00:34:22 เป็นคุณครูเนี่ยเป็นคนที่พึ่งพาได้ปรึกษา
00:34:22 → 00:34:24 ได้เนาะเป็นพื้นฐานทางอารมณ์ให้เด็กด้วย
00:34:24 → 00:34:27 นะคะอ่ะสัมพันธภาพไปแล้วนะคะทีนี้มา
00:34:27 → 00:34:30 เรื่องเรื่องของการสร้างวินัยถามว่าวินัย
00:34:30 → 00:34:32 เนี่ยเราจำเป็นต้องสร้างกับเด็กมากน้อย
00:34:32 → 00:34:34 แค่ไหน 1 เลยเราอย่าลืมคำนึงเรื่องของ
00:34:34 → 00:34:36 อายุบางทีเด็ก 2 ขวบเนี่ยไม่สามารถที่จะ
00:34:37 → 00:34:39 ไปบอกเขาได้ว่าต้องทำแบบนี้อย่าทำแบบนี้
00:34:39 → 00:34:41 เพราะอะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะว่าบางที
00:34:41 → 00:34:43 เนี่ยเขายังไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลเนาะเรามา
00:34:43 → 00:34:45 ดูช่วงวัยก่อนแบ่งเป็น 3 ช่วงวัยช่วงวัย
00:34:45 → 00:34:49 แรกคือตั้งแต่ทารกเลยจนถึง 1 ปีแรกนะคะ
00:34:49 → 00:34:52 ขวบแรกของเราถามว่าช่วงวัยนี้สำคัญตรงไหน
00:34:52 → 00:34:57 สำคัญตรงที่ 1 ถ้าเราตอบสนองเไวรู้อ่ารู้
00:34:57 → 00:35:01 ว่าเวลาเเร้องจะกินให้เขกินอ่าร้องเพราะ
00:35:01 → 00:35:03 เจ็บร้องเพราะร้องหาแม่ต้องอุ้มต้องอะไร
00:35:03 → 00:35:06 อย่างเงี้ยเราตอบสนองให้ไวแล้วเป็นเวลา
00:35:06 → 00:35:08 กินเป็นเวลากล่อมให้นอนเป็นเวลาอย่าง
00:35:08 → 00:35:10 เงี้ยค่ะเราจะสร้างความมั่นคงทางด้าน
00:35:10 → 00:35:13 อารมณ์ให้เขาได้เนาะเพราะว่าเด็กสมาธิ
00:35:13 → 00:35:16 สั้นเนี่ยบางทีกันน้อง 1 ขวบยังบอกไม่ได้
00:35:16 → 00:35:18 ว่าเป็นสมาธิสั้นหรือไม่เป็นแต่ถามว่ากัน
00:35:18 → 00:35:21 ไว้ก่อนดียดีกว่าเด็กสมาธิสั้นเนี่ยส่วน
00:35:21 → 00:35:23 ใหญ่จะมีปัญหาในเรื่องของความมั่นคงทาง
00:35:23 → 00:35:26 อารมณ์อยู่ละดีใจเว่อร์เสียใจเวอร์อย่าง
00:35:26 → 00:35:28 เงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นในช่วงปีแรกเนี่ยถ้า
00:35:28 → 00:35:30 เราสร้างความมั่นคงทางอารมณ์ให้เด็กได้
00:35:30 → 00:35:31 ไม่ว่าเด็กจะโตมาเป็นหรือไม่เป็นสมาธิ
00:35:31 → 00:35:34 สั้นก็ตามเนี่ยเาจะมีความมั่นคงอยู่ตรง
00:35:34 → 00:35:37 นี้ในส่วนนึงนะคะจะเป็นเรื่องของการสร้าง
00:35:37 → 00:35:39 วินัยในเรื่องของกิจวัตรประจำวันทำตาราง
00:35:39 → 00:35:42 ชีวิตกิจวัตรประจำวันให้เป็นเวลาเนาะกิน
00:35:42 → 00:35:45 นอนขับถ่าย 3 อย่างหลักๆนะคะช่วงวัยที่ 2
00:35:45 → 00:35:48 คือช่วงวัยต่อแตกก็คือตั้งแต่ 1 ปีถึง 2
00:35:48 → 00:35:50 ปีโดยประมาณนะคะช่วงวัยเนี้ยจะเป็นช่วง
00:35:50 → 00:35:54 ที่มีช่วงความสนใจในกิจกรรมน้อยอยู่ะเอ่อ
00:35:54 → 00:35:56 ไม่น่าจะเกิน 5 นาทีบางท่านเนี่ยสงสัยะ
00:35:56 → 00:35:58 ลูก 2 ขวบเป็นสมาธิที่สั้นรือเปล่าทำไม
00:35:58 → 00:36:00 ยุกยิกตลอดเลยวิ่งไปตรงนู้นวิ่งไปดูตรง
00:36:00 → 00:36:01 นี้หยิบของเล่นอันนั้นไปหยิบของเล่นอัน
00:36:01 → 00:36:04 นี้อย่าเพิ่งยัดเยียดให้น้องเป็นนะคะ
00:36:04 → 00:36:06 เพราะว่าช่วงวัย 2 ขวบเนี่ยช่วงสมาธิเขา
00:36:06 → 00:36:08 จะไม่เยอะเนาะประมาณไม่เกิน 5 นาทีนี่
00:36:08 → 00:36:11 แหละก็ถือว่าโอเคละสำหรับวัยนี้เยังชอบ
00:36:11 → 00:36:13 สำรวจสิ่งแวดล้อมอะไรอย่างเงี้ยปล่อยให้
00:36:13 → 00:36:15 เขาทำไปมีการเคลื่อนไหวปล่อยให้เขา
00:36:15 → 00:36:17 เคลื่อนไหวไปแต่เมื่อไหร่ที่มันเริ่มรู้
00:36:17 → 00:36:19 สึกว่าเป็นอันตรายอย่างเช่นเอานิ้วไปแหย่
00:36:19 → 00:36:21 ปลั๊กไฟอะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือไปเล่นใกล้ๆ
00:36:21 → 00:36:25 ไมโครเวฟใกล้ๆปลั๊กไฟอะไรก็ตามบอกเให้ว่า
00:36:25 → 00:36:28 ไม่เอาไม่ทำไม่เล่นบอกเป็นทำสั้นๆ wording
00:36:28 → 00:36:31 สั้นๆแล้วพาเขาหันออกมาทำอย่างอื่นหรือ
00:36:31 → 00:36:34 เอาของเล่นอื่นไปส่งให้เขาก็คือการเบ่ง
00:36:34 → 00:36:36 เบนความสนใจอย่างเงี้ยค่ะพอละสำหรับเด็ก
00:36:36 → 00:36:39 วัยนี้ไม่ต้องไปขนาดแบบอย่าไปเล่นนะ
00:36:39 → 00:36:41 เดี๋ยวปลั๊กมันเดี๋ยวไฟมันจะช็อตนะรู้ม
00:36:41 → 00:36:43 เนี่ยช็อตแล้วจะเป็นยังไงไม่เข้าใจไม่
00:36:43 → 00:36:46 input และไม่เข้าะอย่างเงี้ยนะคะเป็นคำ
00:36:46 → 00:36:48 ดดิ้งสั้นๆแล้วก็ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความ
00:36:48 → 00:36:51 สนใจเอาพอละสำหรับเด็กกลุ่มนี้นะคะส่วน
00:36:51 → 00:36:54 กลุ่มที่ 3 คือช่วงวัยเรียนวัยเรียนนี่
00:36:54 → 00:36:56 คือตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปแล้วค่ะเด็กกลุ่ม
00:36:56 → 00:36:59 นี้เขาจะเริ่มเข้าใจกดกติกาง่ายๆะเริ่ม
00:36:59 → 00:37:02 เรียนรู้ผลลัพธ์ของการกระทำเองะอย่างเช่น
00:37:02 → 00:37:05 ไม่กินข้าวหิวข้าวนะบางท่านมีเหมือนกัน
00:37:05 → 00:37:09 เอ่อน้องไม่ทานข้าวเป็นห่วงมากเลยน้ำหนัก
00:37:09 → 00:37:12 ไม่ตามเกณฑ์ตัวผอมมากเลยกลัวลูกขาสาร
00:37:12 → 00:37:14 อาหารไม่ยอมกินข้าวแต่ถามว่าใน 1 มื้อ
00:37:14 → 00:37:17 น้องไม่กินข้าวแม่อัดนมเข้าไปอัดขนมเข้า
00:37:17 → 00:37:20 ไปอัดผลไม้อะไรเข้าไปแต่ข้าวก็กินได้น้อย
00:37:20 → 00:37:21 เหมือนเดิมมื้อเย็นกว่าน้อยเหมือนเดิม
00:37:21 → 00:37:23 มื้อเช้าก็น้อยเหมือนเดิมมาเป็นอาทิตย์ละ
00:37:24 → 00:37:25 ก็น้อยเหมือนเดิมอย่างเงี้ยค่ะเนาะเพราะ
00:37:25 → 00:37:27 ว่าเราไม่ได้ปล่อยให้น้องเนี่ยเรียเรียน
00:37:27 → 00:37:31 รู้ผลของการกระทำว่าไม่กินคือหิวนะข้าว
00:37:31 → 00:37:33 เที่ยงกินน้อยใช่ไหมบังคับให้กินแล้วน้ำ
00:37:33 → 00:37:35 ไม่กินบอกให้กินแล้วน้ำไม่กินโอเคไม่กิน
00:37:35 → 00:37:39 ก็ไม่กินเก็บแต่นมไม่มีนะขนมไม่มีนะผลไม้
00:37:39 → 00:37:41 ไม่มีนะมื้อเย็นลูกหิวนะต้องกินเยอะกว่า
00:37:41 → 00:37:43 เดิมแน่นอนเงี้ยค่ะเนาะขอให้เขาคเรียนรู้
00:37:43 → 00:37:46 ผลลับของเขาเองช่วงวัย 3 ขวบเป็นต้นไปนะ
00:37:46 → 00:37:50 คะกติกาง่ายๆอย่างเช่นถ้าเล่นอันนี้แม่จะ
00:37:50 → 00:37:53 ตีนะบอกก่อนตกลงกันไว้ก่อนเล่นปุ๊บตีไม่
00:37:53 → 00:37:56 ต้องแรงมากก็ได้ให้รู้แค่ว่าเนี่ยแม่ตี
00:37:56 → 00:37:59 แบบเนี้ยคือแม่ตีแม่ไม่พอใจนะแม่โมโหนะ
00:37:59 → 00:38:02 บอกความรู้สึกด้วยน้ำเสียงที่คงที่เหมือน
00:38:02 → 00:38:04 น้ำเสียงที่เราพูดกับน้องปกติเนี่ยค่ะจะ
00:38:04 → 00:38:07 ทำให้เขารู้สึกเกรงใจมากกว่ากลัวอย่าง
00:38:07 → 00:38:11 เงี้ยนะคะเออทีนี้ได้วินัยแล้วเนาะวินัย
00:38:11 → 00:38:13 กับอายุนะคะอย่าคาดหวังวินัยให้มากกว่า
00:38:13 → 00:38:15 อายุเนาะมันจะกลายเป็นแรงกดดันให้เด็ก
00:38:15 → 00:38:18 อย่างเงี้ยค่ะสัมพันธภาพไปแล้วนะเรามาดู
00:38:18 → 00:38:20 ในเรื่องของการปรับพฤติกรรมมาดูหลักการ
00:38:20 → 00:38:23 ปรับพฤติกรรมละการปรับพฤติกรรมเนี่ยอย่าง
00:38:23 → 00:38:26 ที่น้ำบอกก็คือ 1 ส่งเสริมพฤติกรรมที่เรา
00:38:26 → 00:38:29 ดูว่าเหมาะแล้วก็ลดพฤติกรรมที่เราดูว่า
00:38:29 → 00:38:32 ไม่เหมาะอย่างเงี้ยนะคะซึ่งอ่าต้องเรียน
00:38:32 → 00:38:35 อย่างงี้ก่อนในเด็กสมาธิสั้นอันนี้เพิ่ม
00:38:35 → 00:38:37 นิดนึงนะคะในเรื่องของเด็กสมาธิสั้นนะคะ
00:38:37 → 00:38:40 เขาจะมีสมาธิไม่พอกับ 1 กิจกรรมบางที
00:38:40 → 00:38:42 เนี่ยเรามองว่ากิจกรรมเนี้ยอย่างเช่นการ
00:38:42 → 00:38:46 จัดตารางสอนมีแค่การดูวิชากับการหยิบสมุด
00:38:46 → 00:38:49 ใส่ในกระเป๋าเรามองว่ามันมีแค่ 2 ขั้นตอน
00:38:49 → 00:38:51 แต่สำหรับเด็กสมาธิสั้นเนี่ย 2 ขั้นตอน
00:38:51 → 00:38:54 เนี่ยมันนานเกินไปเพราะฉะนั้นเราลองแตก
00:38:54 → 00:38:57 งานของเขาดูเป็นสัก 4-5 ขั้นตอนก็ก็ได้
00:38:57 → 00:39:00 อย่างเช่นดูวิชาในครึ่งเช้ากับดูวิชาใน
00:39:00 → 00:39:02 ครึ่งบ่ายอ่ะไปหยิบวิชาในครึ่งเช้ามาก่อน
00:39:02 → 00:39:05 นะแล้วค่อยไปหยิบวิชาในครึ่งบ่ายเงี้ยคะ
00:39:05 → 00:39:07 แต่ขั้นตอนให้มันย่อยกว่านี้อีกนิดนึง
00:39:07 → 00:39:09 แล้วปล่อยให้เขาทำขั้นตอนที่ 1 ก่อนอย่าง
00:39:09 → 00:39:11 เช่นดูวิชาเช้ามีอะไรบ้างบอกแม่หน่อยบอก
00:39:12 → 00:39:15 อ๋อโอเคหนูดูได้ครบมากเลยค่ะชมนิดนึงอ่ะ
00:39:15 → 00:39:18 ไปหยิบสมุดมานะสมุดเรียนวิชานี้วิชาที่ 1
00:39:18 → 00:39:21 คืออะไรย้ำกับเคอย่างงี้หน่อยนึงมันจะมัน
00:39:21 → 00:39:23 จะเป็นเหมือนการแบบเปลี่ยนกิจกรรมทุกๆ 2
00:39:24 → 00:39:25 นาทีอย่างเงี้ยค่ะเนาะเปลี่ยนกิจกรรมทุกๆ
00:39:25 → 00:39:28 2 นาทีโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวแล้วเก็จะทำ
00:39:28 → 00:39:30 ได้อย่าเงี้ยค่ะแล้วสมมุติเราบอกว่าไปจัด
00:39:30 → 00:39:33 ตารางสอนจบเลยเริ่มตรงไหนหยิบอะไรไม่อยู่
00:39:33 → 00:39:36 ละสมาธิฉันไปที่อื่นแล้วอย่างเงี้ยค่ะจะ
00:39:36 → 00:39:38 ต้องแบบใส่ใจเนิดนึงในเด็กกลุ่มนี้อย่าง
00:39:38 → 00:39:40 เงี้ยค่ะแตกงานให้ย่อยที่สุดแล้วก็พยายาม
00:39:41 → 00:39:43 ให้เขาคทำให้เยอะที่สุดหรือในกระทั่งใน
00:39:43 → 00:39:46 ห้องเรียนมันจะมีอยู่ 2 ประเภทเนาะเด็ก
00:39:46 → 00:39:48 สมาธิสั้นเนี่ยเด็กสมาธิสั้นที่อารมณ์
00:39:48 → 00:39:50 เหมือนจีเนียสเก่งมากกับเด็กสมาธิสั้นที่
00:39:50 → 00:39:53 เรียนไม่เข้าใจไม่รู้เรื่องถามว่าถ้า
00:39:53 → 00:39:55 สมมุติเป็นเด็กในกลุ่มจีเนียสคุณครูสอน
00:39:55 → 00:39:58 แค่เนี้ยการบ้าน 10 ข้อเธอทำละ 1-10
00:39:58 → 00:40:00 เสร็จะรอไม่ได้ละจะลุกออกจากที่ไปทำอย่าง
00:40:01 → 00:40:04 อื่นะกับเด็กกลุ่มที่ 2 ก็คือ 1-10 1
00:40:05 → 00:40:08 คืออะไรอ่ะครูไป 2 แล้ว 1 คืออะไรคืออะไร
00:40:08 → 00:40:10 ไม่รู้คืออะไรลุกละกันอย่างเงี้ยจะมีอยู่
00:40:10 → 00:40:12 2 กลุ่มเนาะซึ่งถ้าเป็นทั้ง 2 กลุ่ม
00:40:12 → 00:40:15 เนี้ยเ่อการดูแลอาจจะแตกต่างกันอย่างเช่น
00:40:15 → 00:40:17 กลุ่มแรกกลุ่มจีเนียสถ้าเขาทำเร็วไปเร็ว
00:40:17 → 00:40:20 คุณครูอาจจะต้องดึงเขาให้มานั่งข้างหน้า
00:40:20 → 00:40:22 ช่วยคุณครูแจกสมุดอ่ะลบกระดานข้อนี้คุณ
00:40:22 → 00:40:24 ครูหน่อยเดี๋ยวครูจะอธิบายหนูทำเสร็จแล้ว
00:40:24 → 00:40:26 ใช่มั้ยล่ะอ่ะเดี๋ยวครูจะอธิบายข้อ 2 ให้
00:40:26 → 00:40:28 เพื่อนๆฟังลบให้คุณหน่อยพยายามให้
00:40:28 → 00:40:31 activity เค้าอ่ะค่ะเขาจะได้คือพยายาม
00:40:31 → 00:40:34 ให้ activity ที่เป็นพฤติกรรมที่ที่เรา
00:40:34 → 00:40:36 ยอมรับได้เจะได้ไม่ต้องไปเดินไปทำอย่าง
00:40:36 → 00:40:39 อื่นที่เรารู้สึกแบบเฮ้ยไปทำอะไรอ่ะนั่ง
00:40:39 → 00:40:41 ได้มยอะไรอย่างเงี้ยเนาะพยายามกำหนด
00:40:41 → 00:40:44 พฤติกรรมให้เขาไปเลยอย่างเงี้ยนะคะแต่ถ้า
00:40:44 → 00:40:47 เป็นในกลุ่มเด็กที่ไม่รู้อ่ะมันคืออะไร 1
00:40:47 → 00:40:49 ก็ไม่ได้คุณครูไป 2 แล้วอ่ะคณครูไป 3
00:40:49 → 00:40:51 แล้วอ่ะเรายังติดอยู่ที่ 1 เลยอ่ะไม่ไม่
00:40:51 → 00:40:54 ทำแล้วะกันอย่างเงี้ยค่ะเป็นกลุ่มเนี้ยจะ
00:40:54 → 00:40:56 ต้องค่อยๆย่อยข้อให้เค้าหน่อยข้อ 1 อ่ะ
00:40:56 → 00:40:58 หนูเริ่มเขียนโจทย์หรือยังคะอาจจะต้องให้
00:40:59 → 00:41:01 ความสนใจกับเด็กกลุ่มนี้นิดนึงอย่างเงี้ย
00:41:01 → 00:41:03 นะคะอืนี่คือเรื่องของการแตกงานเนาะ
00:41:03 → 00:41:06 สำหรับกลุ่มเด็กสมาธิสั้นแต่ทีนี้พอเขา
00:41:06 → 00:41:09 แตกงานเขาทำได้อย่างที่เราต้องการละการ
00:41:09 → 00:41:11 เสริมพฤติกรรมของเขาเนี่ยอันอันแรกเลย
00:41:11 → 00:41:14 เนี่ยที่ทำได้ง่ายมากที่สุดก็คือการชมการ
00:41:14 → 00:41:16 ให้คำชมนะคะซึ่งการให้คำชมเนี่ยมีหลัก
00:41:16 → 00:41:20 ง่ายๆอยู่ที่ 1 ชมอย่างตั้งใจนะ 2 ชมทัน
00:41:20 → 00:41:22 ทีที่เกิดพฤติกรรมไม่ใช่ชมชมวันนี้
00:41:23 → 00:41:26 พฤติกรรมเกิดเมื่อวานไม่มีผลชมชมไปไม่ได้
00:41:26 → 00:41:29 ผลนะคะชมทันทีที่เกิดพฤติกรรมแล้วก็บอก
00:41:29 → 00:41:32 ความรู้สึกร่วมกับคำชมนั้นด้วยนะคะไม่ชม
00:41:32 → 00:41:37 พร่ำเพรื่อต้องแน่ใจว่าสิ่งที่เราให้คำชม
00:41:37 → 00:41:39 ไปเนี่ยไม่มีการพูดประชดประชันเข้าไป
00:41:39 → 00:41:42 อย่างอ่าชมแบบประชดประชันคือชมยังไงอย่าง
00:41:42 → 00:41:46 เช่นสมมุติว่าน้องมาช่วยล้างจานแต่ว่า
00:41:46 → 00:41:48 เลอะเทอะไปหมดเลยซิงล้างจานเลอะไปหมดจาน
00:41:48 → 00:41:52 แตกหนูแม่ดีใจนะคะที่หนูมาช่วยล้างจานแต่
00:41:52 → 00:41:54 คราวหน้าขอสะอาดกว่านี้หน่อยตกลงดีหรือ
00:41:54 → 00:41:56 ไม่ดีไม่แน่ใจเหมือนกันอย่างเงี้ยนะคะ
00:41:56 → 00:42:00 เนาะพยายามชมแค่แบบความรู้สึกของเราแล้ว
00:42:00 → 00:42:02 ก็สิ่งที่เขาทำได้ดีจริงๆอย่างเงี้ยค่ะ
00:42:02 → 00:42:04 เนาะอย่างเช่นสมมติว่าน้องเอาน้ำมาให้
00:42:04 → 00:42:07 อย่างเงี้ยค่ะหรือไปบอกเขบอกเขาว่าเ่อหนู
00:42:07 → 00:42:10 เอาน้ำมาให้แม่หน่อยสิอ่ะหยิบน้ำมาให้แม่
00:42:10 → 00:42:12 ชื่นใจมากเลยที่หนูเอาน้ำมาให้ตอนนี้แม่
00:42:12 → 00:42:15 กำลังหิวอยู่พอดีอาจจะดูเป็นประโยคยาวดู
00:42:15 → 00:42:18 เสียแสร้งแกล้งทำนิดนึงอาจจะไม่คุ้นเนาะ
00:42:18 → 00:42:20 แต่ถามว่าสมมุติว่าเราทำไปแบบนี้เรื่อยๆ
00:42:20 → 00:42:22 อ่ะค่ะน้องเขก็จะรู้สึกแบบเอ้ยพฤติกรรม
00:42:23 → 00:42:26 นี้มันน่าทำนะทำแล้วแบบมีคนชมได้แรงจูงใจ
00:42:26 → 00:42:29 อย่างเงี้ยค่ะแต่ถามว่าเอ่อพฤติกรรมเยเรา
00:42:29 → 00:42:31 ต้องมั่นใจว่าที่ทำอยู่น่ะไม่ได้อยากเอา
00:42:31 → 00:42:34 หน้านะไม่ได้อยากอยากทำกับแม่แต่ไม่ทำกับ
00:42:34 → 00:42:37 พ่ออะไรประมาณอย่างเงี้ยให้แม่ชมอ่าตัด
00:42:37 → 00:42:39 หน้าน้องอะไรอย่างเงี้ยเนาะต้องแน่ใจว่า
00:42:39 → 00:42:41 ไม่ใช่พฤติกรรมเหล่านี้แล้วเราถึงจะให้คำ
00:42:41 → 00:42:44 ชมนะทุกครั้งที่ให้คำชมอย่าลืมมองตาน้อง
00:42:44 → 00:42:47 จับมือน้องรูปไหล่รูปหัวน้องอะไรอย่าง
00:42:47 → 00:42:49 เงี้ยนะคะเนาะนิดนึงเพื่อที่จะได้ให้เขา
00:42:49 → 00:42:52 แบบสัมผัสได้ว่าเออเราชมอย่างตั้งใจจริงๆ
00:42:52 → 00:42:54 เนาะหรือว่าอย่าชมในขณะที่เราก็ทำอย่าง
00:42:54 → 00:42:56 อื่นอยู่แล้วตาเรายังไม่ได้ดูเลยอย่าง
00:42:56 → 00:42:59 เงี้ยหันไปสักนิดนึงชมเสักหน่อยนึงนะคะ
00:42:59 → 00:43:02 เนาะมันจะช่วยเสริมพฤติกรรมเขาวิธีนี้
00:43:02 → 00:43:04 เป็นวิธีที่ง่ายแล้วก็ได้ผลดีที่สุดนะคะ
00:43:04 → 00:43:07 สำหรับเด็กเนาะอืวิธีต่อไปนะคะก็คือใน
00:43:07 → 00:43:11 เรื่องของการให้รางวัลอย่างเช่นถ้าวันนี้
00:43:11 → 00:43:15 หนูการให้รางวัลเนี่ยมีข้อตกลงอยู่แค่ว่า
00:43:15 → 00:43:17 1 ต้องให้ทันทีแล้วก็ 2 คือเป็นรางวัล
00:43:17 → 00:43:21 ที่เราตกลงไว้แล้วอือย่างเช่นสมมุติตอน
00:43:21 → 00:43:23 เช้าไปส่งที่โรงเรียนตกลงกันว่าวันนี้ถ้า
00:43:23 → 00:43:24 หนูไม่ทะเลาะกับเพื่อนตอนเย็นแม่ไม่รับไป
00:43:24 → 00:43:27 ทานไอติมนะอ่ะตอนเย็นกับกลับมาถามคุณครู
00:43:28 → 00:43:30 ละไม่มีทะเลาะกับเพื่อนอาจจะมีเถียงกัน
00:43:30 → 00:43:32 นิดหน่อยแต่ไม่ได้ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย
00:43:32 → 00:43:35 อันนี้คือความยืดหยุ่นนะคะอ่าโอเคได้แม่
00:43:35 → 00:43:37 พาไปทานไอติมระหว่างทางเนี่ยวันนี้หนวัน
00:43:37 → 00:43:40 นี้แม่ดีใจมากเลยนะหนูไม่ทะเลาะกับเพื่อน
00:43:40 → 00:43:42 เลยวันนี้เดี๋ยวแม่พาหนูไปทานไอติมดีกว่า
00:43:42 → 00:43:44 หนูทำตัวดีอย่างเงี้ยค่ะเนาะเป็นการให้
00:43:44 → 00:43:47 รางวัลได้แต่ว่าเหมือนกันอย่าให้พ่ำเพื่อ
00:43:47 → 00:43:49 อย่าให้ถ้าเรายังไม่ได้ตกลงกันอย่างเงี้ย
00:43:49 → 00:43:52 ค่ะหรือให้เพื่อที่จะให้เขาหยุดอย่างเช่น
00:43:52 → 00:43:54 เขากำลังพูดแทรกแม่แม่กำลังคุยกับเพื่อน
00:43:54 → 00:43:57 อยู่คุณแม่คุณแม่คุณแม่ดูอันนี้สิคุณแม่
00:43:57 → 00:43:58 พูดแทรกในขณะที่แม่คุยกับเพื่อนอยู่อ่ะ
00:43:59 → 00:44:01 เอา iPad ไปไปเล่นจะได้เงียบแบบเนี้ยไม่
00:44:01 → 00:44:03 ใช่การให้รางวัลแบบนี้จะเป็นการติดสินบน
00:44:03 → 00:44:06 ซึ่งจะไม่ช่วยให้น้องเกิดพฤติกรรมใหม่ๆ
00:44:06 → 00:44:08 ที่ดีขึ้นอย่างเงี้ยค่ะแยกระหว่างการให้
00:44:08 → 00:44:11 รางวัลกับการติดสินบนนิดนึงเนาะเอต่อไปนะ
00:44:11 → 00:44:15 คะเป็นเรื่องของเทคนิคการให้คะแนนเทคนิค
00:44:15 → 00:44:18 การให้คะแนนคุณครูหรือว่าคุณพ่อคุณแม่เคย
00:44:18 → 00:44:21 เห็นตารางดาวอาจจะไม่ต้องเป็นดาวก็ได้
00:44:21 → 00:44:23 เนาะอาจจะเป็นแบบวิธีการให้คะแนนแบบอื่น
00:44:23 → 00:44:27 ซึ่ง 1 เนี่ยหลักการให้ก็คือเรากำหนดก่อน
00:44:27 → 00:44:29 ว่าพฤติกรรมเนี่ยคืออะไรที่เราจะให้คะแนน
00:44:29 → 00:44:33 2 เนี่ยคือเรากำหนดก่อนว่าแต้มที่เราจะ
00:44:33 → 00:44:36 ให้เนี่ยคืออะไรเป็นแค่ขีดเป็นตัวแตมหรือ
00:44:36 → 00:44:39 เป็นดาวเป็นสติ๊กเกอร์เป็นอะไรก็ตามเงี้ย
00:44:39 → 00:44:43 ค่ะแล้วก็กำหนดของรางวัลว่าถ้าหนูทำได้ทำ
00:44:43 → 00:44:46 พฤติกรรมนี้นะแม่ให้ 1 คะแนนทำพฤติกรรม
00:44:46 → 00:44:48 นี้แม่ให้ 1 คะแนนจนได้กี่คะแนนหนูเอามา
00:44:48 → 00:44:51 แลกของรางวัลกับแม่มันเป็นเทคนิคที่ไม่
00:44:51 → 00:44:54 ไม่ยากนะคะแล้วก็ใช้กันได้แม้กระทั่งเด็ก
00:44:54 → 00:44:58 โตก็จะใช้ได้ได้ผลดีแต่แต่ให้ระวังตรงที่
00:44:58 → 00:45:00 ว่าเวลาเราจะให้คะแนนเนี่ยไอ้ใบให้คะแนน
00:45:00 → 00:45:02 เนี้ยต้องอยู่ในที่ที่ทุกคนเห็นได้ชัดทุก
00:45:02 → 00:45:05 ครั้งที่จะให้หรือหักคะแนนเขาต้องให้เขา
00:45:05 → 00:45:08 รับรู้ว่าแม่หักเพราะอะไรแม่ให้เพราะอะไร
00:45:08 → 00:45:10 อย่างเงี้ยนะคะที่โรงเรียนก็ทำได้นะคะ
00:45:10 → 00:45:12 ส่วนใหญ่ถ้าทำที่โรงเรียนเนี่ยจะค่อนข้าง
00:45:12 → 00:45:14 สนุกสนานเพราะว่าเด็กจะเยอะจะมีการแข่ง
00:45:14 → 00:45:16 ขันกันมากขึ้นอย่างเงี้ยค่ะเนาะอันเนี้ย
00:45:16 → 00:45:20 จะทำได้ดีในเด็กวัย 4 ปีขึ้นไปเนาะ 456
00:45:20 → 00:45:23 เนี่ยจะกำลังสนุกเลยกับเด็กกลุ่มนี้หรือ
00:45:23 → 00:45:25 แม้กระทั่ง 7-8 แล้วเนี่ยก็ได้แต่ว่าของ
00:45:25 → 00:45:27 รางวัลหรือว่าพฤติกรรมเนี่ยจะต้องแบบ
00:45:27 → 00:45:30 challeng กับเด็กนิดนึงของรางวัลจะต้อง
00:45:30 → 00:45:32 แบบใหญ่หน่อยกับแล้วก็พฤติกรรมเนี่ยจะ
00:45:32 → 00:45:34 ต้องรู้สึกว่าต้องใช้ความควบคุมตัวเองให้
00:45:34 → 00:45:36 มากหน่อยอย่าเงี้ยค่ะเดี๋ยวเขาก็จะโอเค
00:45:36 → 00:45:38 ขึ้นเนาะข้อสุดท้ายของการปรับพฤติกรรม
00:45:38 → 00:45:40 แล้วการลงโทษเนี่ยเราลงโทษเพื่อให้เขา
00:45:40 → 00:45:43 หยุดพฤติกรรมนั้นแล้วก็ลดพฤติกรรมนั้นไป
00:45:43 → 00:45:47 ที่สุดนะคะคำถามยอดฮิตเลยตีได้ไหตีได้ใน
00:45:47 → 00:45:50 ทางกิจกรรมบำบัดนะคะออกตัวก่อนว่าในทาง
00:45:50 → 00:45:53 กิจกรรมบำบัดตีได้แต่ทุกครั้งที่ตีเนี่ย
00:45:53 → 00:45:56 ตกลงกันก่อนไตกลงกันก่อนนะทำแบบนี้แม่จะ
00:45:56 → 00:45:59 ตีนะคะเมื่อไหร่เกิดพฤติกรรมตีทันทีแล้ว
00:45:59 → 00:46:02 ก็บอกเขาว่าที่ตีเพราะอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:46:02 → 00:46:04 อันเนี้ยได้แต่ถ้าสมมุติว่าตีด้วยอารมณ์
00:46:04 → 00:46:06 อย่างเงี้ยแล้วก็ตีตีเสร็จแล้วไม่บอกเขา
00:46:06 → 00:46:09 ว่าพฤติกรรมต่อไปที่ดีเขาต้องทำยังไง
00:46:09 → 00:46:12 เนี่ยก็ไม่มีผลตีก็จะเป็นเป็นแบบรอยด่าง
00:46:13 → 00:46:15 ในจิตใจให้เขาเปล่าๆอย่างเช่นจะไปโรง
00:46:15 → 00:46:18 เรียนคุณแม่ก็ปลูกมาอาบน้ำอะไรละไม่ยอม
00:46:18 → 00:46:20 แปรงฟันเล่นอยู่นั่นน่ะเล่นน้ำเล่นอะไร
00:46:20 → 00:46:23 อย่าเงี้ยไม่ยอมแปรงฟันสักทีนึงอแม่ก็มา
00:46:23 → 00:46:25 ตามครั้งที่ 1 แปลงฟันได้แล้วอ่ะแม่ไป
00:46:25 → 00:46:27 เตรียมอาหารไปอะไรให้มาครั้งที่ 2 แปรง
00:46:27 → 00:46:29 ฟันครั้งที่ 3 แปรงฟันไม่ไหวแล้วแม่ไม่
00:46:29 → 00:46:32 ไหวแล้วเพี้ยะเข้าไปให้ทีนึงแล้วแม่ก็ไป
00:46:32 → 00:46:34 จัดการบีบยาสีฟันยื่นให้เลยบางทีแปรงให้
00:46:34 → 00:46:38 ด้วยไม่ได้ผลตีไปไม่ได้ผลอันเนี้ยจะเป็น
00:46:38 → 00:46:40 รอยด่างในจิตใจเขาอย่างเดียวว่าทำไมแม่
00:46:40 → 00:46:42 ต้องใช้ความรุนแรงอ่ะทำไมต้องตีทำไมแม่
00:46:42 → 00:46:45 ต้องโมโหทำไมแม่ต้องโกรธเงี้ยค่ะถ้า
00:46:45 → 00:46:47 สมมุติจะตีเค้าตีปุ๊บบอกเหน่อยว่าเนี่ย
00:46:47 → 00:46:49 หนูไม่ยอมแปรงฟันนะแม่เตือน 3 ครั้งแล้ว
00:46:50 → 00:46:52 นะทำไมถึงไม่แปรงไปหยิบแปรงสีฟันอย่าง
00:46:52 → 00:46:55 เงี้ยค่ะคือตีปุ๊บบอกเว่าเพราะอะไรแล้ว
00:46:55 → 00:46:57 แนะนำพฤติกรรมที่พึงประสงค์ทันทีอย่าง
00:46:57 → 00:47:00 เงี้ยจะเป็นการตีที่ได้ผลเนาะอืยังย้ำว่า
00:47:00 → 00:47:02 ตีได้นะคะในทางกิจกรรมบำบัดเนาะเหมือน
00:47:02 → 00:47:06 เดิมเราในทางวิชาชีพเราหรือถ้าเป็นการลง
00:47:06 → 00:47:08 โทษอย่างอื่นอย่างเช่นการ Time Out ใคร
00:47:08 → 00:47:11 เคยได้ยินบ้างเอ่ย Time Out เนาะเคยได้
00:47:11 → 00:47:13 ยินอยู่เนาะจะเป็นอ่าส่วนใหญ่เนี่ยเราจะ
00:47:13 → 00:47:16 ใช้ในกิจกรรมกลุ่มกลุ่มเนี่ยอาจจะไม่ต้อง
00:47:16 → 00:47:17 เยอะอาจจะแค่เป็นพี่น้องเล่นกันแล้ว
00:47:18 → 00:47:20 ทะเลาะกันอะไรอย่างเงี้ยค่ะแยกอีกคนนึงไป
00:47:20 → 00:47:23 เลยหรือแยกทั้ง 2 คนเลยไปอยู่คนละห้อง
00:47:23 → 00:47:25 อยู่คนละมุมห้องแต่การ Time Out เนี่ย
00:47:25 → 00:47:28 เราแนะนำต้องทำในในเด็กวัย 2-6 ปีเท่า
00:47:28 → 00:47:31 นั้นถึงจะได้ผลหลังจาก 6 ปีเนี่ยไม่ได้ผล
00:47:31 → 00:47:33 ะเพราะเขาจะเริ่มมีจินตนาการเริ่มอยาก
00:47:33 → 00:47:36 เล่นนู่นอยากเล่นนี่ของเขาแลการ Time Out
00:47:36 → 00:47:38 เนี่ยคือสวรรค์ของเขาเลยเออ 6 ขวบหลัง 6
00:47:38 → 00:47:41 ขวบไปเนี่ยแม่จับเข้ามุม Time Out ปุ๊บ
00:47:41 → 00:47:42 ฉันจะเล่นอย่างอื่นแล้วเพราะไม่อยากอยู่
00:47:43 → 00:47:45 ตรงนั้นแล้วไงคะอย่างเงี้ยเนาะแต่ถ้า 2-6
00:47:45 → 00:47:47 เนี่ยยังทำได้อยู่แล้วถามว่า Time Out
00:47:47 → 00:47:50 นานแค่ไหน 2 ขวบ 2 นาที 3 ขวบ 3 นาที 4
00:47:50 → 00:47:52 ขวบ 4 นาที 5 ขวบ 5 นาที 6 ขวบ 6 นาทีแค่
00:47:52 → 00:47:56 เนี้ยเพียงพอละทุกครั้งที่เอ่อที่จะทำ Out
00:47:56 → 00:47:59 เเราต้องตกลงกันก่อนอ่าว่าพฤติกรรมที่จะ
00:47:59 → 00:48:01 ทำ Out เนี่ยจะต้องเป็นพฤติกรรมที่รบกวน
00:48:01 → 00:48:05 เพื่อนในกลุ่มรบกวนคุณครูรบกวนน้องที่
00:48:05 → 00:48:07 เล่นด้วยเงี้ยค่ะเมื่อไหร่ที่มีพฤติกรรม
00:48:07 → 00:48:09 นี้ Time Out ทันทีแต่ทุกครั้งที่ดึง
00:48:09 → 00:48:12 กลับมาเข้ากลุ่มแล้วเนี่ยต้องไม่พูดซ้ำ
00:48:12 → 00:48:15 ความผิดของเขาะเพราะนั่นถือการเป็นการลง
00:48:15 → 00:48:17 โทษะเราไม่ต้องไปย้ำนะว่าก็เธอผิดเนี่ยเพ
00:48:17 → 00:48:20 เธอทำอย่างงี้อะไรอย่างเงี้ยนะคะมันมัน
00:48:20 → 00:48:23 อาจจะรู้สึกเด็กอาจจะรู้สึกแบบด้อยค่ามาก
00:48:23 → 00:48:26 กว่าเดิมอะไรอย่างเงี้ยเนาะเออ
00:48:26 → 00:48:29 ที่ 2 คือการเสียค่าปรับการเสียค่าปรับ
00:48:29 → 00:48:31 เนี่ยก็คือพวกการตัดสิทธิ์ต่างๆค่ะไม่ให้
00:48:31 → 00:48:34 เล่นเกมหรือว่าให้เล่นน้อยลงเอ่อไม่ให้
00:48:34 → 00:48:37 รางวัลไม่พาไปกินไอติมหรืออะไรก็ตามแต่
00:48:37 → 00:48:39 ว่าการตัดสิทธิ์เนี่ยจะต้องเกิดกับ
00:48:39 → 00:48:41 พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์เท่านั้นอย่าง
00:48:41 → 00:48:43 เงี้ยนะคะตกลงกันก่อนเหมือนเดิมเนาะแล้ว
00:48:44 → 00:48:46 ก็ตัดสิทธิเอันที่ 3 คือการออกคำสั่งให้
00:48:46 → 00:48:50 หยุดหยุดทำหยุดเล่นหยุดพูดทุกครั้งที่พูด
00:48:50 → 00:48:52 เนี่ยเวลาออกคำสั่งให้หยุดเนี่ยจะต้อง
00:48:52 → 00:48:55 เป็นคำสั่งที่เราเนี่ยสามารถอยู่เข้าถึง
00:48:55 → 00:48:58 ตัวเด็กได้ทันทีเงี้ยค่ะสมมุติว่าบอกให้
00:48:58 → 00:49:00 หยุดยังไม่หยุดเราต้องไปจับแล้วพูดด้วย
00:49:00 → 00:49:03 ว่าหยุดทำไม่ทำอย่างเงี้ยค่ะทุกครั้งที่
00:49:03 → 00:49:06 พูดเนี่ยพยายามพยายามนะน้ำใชช้คว่าพยายาม
00:49:06 → 00:49:09 ไม่ตะโกนไม่ใช้อารมณ์อย่างเงี้ยค่ะหยุด
00:49:09 → 00:49:12 แล้วก็ใช้เสียงแบบเสียงปกติเหมือนที่เรา
00:49:12 → 00:49:15 คุยกันทุกครั้งอย่างเงี้ยค่ะอย่าพยายาม
00:49:15 → 00:49:17 อย่าตะโกนกับเขาเพราะถ้าตะโกนกับเขาปุ๊บ
00:49:17 → 00:49:19 เนี่ยบางทีเขาหยุดด้วยเสียงเราไม่ได้หยุด
00:49:19 → 00:49:21 ด้วยการควบคุมตัวเองอย่างเงี้ยนะคะเนาะ
00:49:21 → 00:49:25 อืมแล้วก็ให้ให้พูดทันทีที่น้องทำ
00:49:25 → 00:49:28 พฤติกรรมนั้นเลยทุกครั้งที่เป็นการลงโทษ
00:49:28 → 00:49:31 เนี่ยน้ำจะย้ำว่าไม่ต้องไปพูดซ้ำในเรื่อง
00:49:31 → 00:49:33 ของพฤติกรรมที่เขาทำผิดอย่างเช่นสมมุติ
00:49:33 → 00:49:36 ว่าเอ่อเขาทำอะไรสักอย่างนึงที่เรารู้สึก
00:49:36 → 00:49:39 แบบเฮ้ยอย่าทำเงี้ยหยุดไม่หยุดเดินไปจับ
00:49:39 → 00:49:42 มือหยุดอย่าทำแต่ก็ไม่ต้องไปย้ำว่าบอก
00:49:42 → 00:49:44 แล้วไงว่าอย่าทำบอกไม่ให้เล่นเกมไม่ให้กด
00:49:44 → 00:49:46 ตรงนี้จะไปกดอะไรอย่างเงี้ยไม่ต้องย้ำ
00:49:46 → 00:49:48 พยายามถ้าสมมุติเราใช้การลงโทษเมื่อไหร่
00:49:48 → 00:49:50 แล้วเนี่ยเราไม่ต้องไปย้ำความผิดเขาละ
00:49:50 → 00:49:53 เพราะถือว่าเขาเนี่ยได้ได้รับผลของการลง
00:49:53 → 00:49:55 โทษแล้วอย่าเงี้ยเนาะแล้วก็อันสุดท้ายเลย
00:49:55 → 00:49:58 คือการรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำการรับผิดชอบ
00:49:58 → 00:50:00 กับสิ่งที่ทำเนี่ยมันก็จะคล้ายๆกันกับ
00:50:00 → 00:50:03 เมื่อกี้คือต้องเป็นเด็กที่รู้รู้กติกาละ
00:50:03 → 00:50:06 ในระดับนึง 3-4 ขวบเงี้ยค่ะเนาะรู้ว่าถ้า
00:50:06 → 00:50:09 ไม่กินข้าวก็จะหิวนะคือให้เขารับอารมณ์
00:50:09 → 00:50:13 แบบรับผลกรรมอ่ะค่ะหรือกับเด็กที่เ่อมี
00:50:13 → 00:50:16 อาการแบบก้าวร้าวหรือว่าปิดประตูเสียงดัง
00:50:17 → 00:50:19 ด้วยความตั้งใจนะคะด้วยความตั้งใจแบบปิด
00:50:19 → 00:50:22 กระแทกปิดพ่อกับแม่พูดอะไรไม่พอใจตูเสียง
00:50:22 → 00:50:23 ดัง
00:50:23 → 00:50:27 ตึ้งไปหาเด็กทันทีปิดใหม่ลูกปิดเบาๆไม่
00:50:27 → 00:50:31 ใช่ปิดครั้งเดียวปิด 20 ปิด 30 ปิด 40
00:50:31 → 00:50:33 ถ้ายังดังขึ้นมาสัก 1 ครั้งแม่นับ 1 ใหม่
00:50:33 → 00:50:36 นะอย่างเงี้ยค่ะจะทำให้เขารู้สึกว่าเออ
00:50:36 → 00:50:38 สิ่งที่เขาทำเนี่ยมันไม่ได้จริงๆนะห้ามทำ
00:50:38 → 00:50:41 จริงๆนะมันไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมจริงๆ
00:50:41 → 00:50:43 อย่างเงี้ยค่ะเนาะจะอ่าอันเนี้ยเป็นการลง
00:50:43 → 00:50:46 โทษที่มากกว่าสิ่งที่เขาทำผิดแต่วิธีนี้
00:50:46 → 00:50:49 เนี่ยคุณพ่อกับคุณแม่เนี่ยต้องมีเวลาอยู่
00:50:49 → 00:50:52 กับเจริงๆอย่างเงี้ยค่ะเนาะการการการให้
00:50:52 → 00:50:54 บทลงโทษที่โอเวอร์กว่าที่เขาทำผิดเนี่ยจะ
00:50:54 → 00:50:57 ต้องมีเวลาแล้วก็อยู่กับเาตรงนั้นได้จริง
00:50:57 → 00:50:59 ๆเพราะไม่งั้นเนี่ยก็จะไม่ได้ผลเหมือนกัน
00:50:59 → 00:51:03 นะคะสำหรับเอ่อคุณพ่อคุณแม่ที่มีบุตรหลาน
00:51:03 → 00:51:05 เป็นสมาธิสั้นนะคะหรือว่าสงสัยว่าน้องจะ
00:51:05 → 00:51:08 เป็นสมาธิสั้นหรรือเปล่าเนี่ยบางทีการนัด
00:51:08 → 00:51:10 พบคุณหมอเนี่ยอาจจะรอคิวนานถ้าสมมุติว่า
00:51:10 → 00:51:13 คุณพ่อคุณแม่อยากที่จะสกรีนนิ่งก่อนหรือ
00:51:13 → 00:51:16 ว่าคัดกรองก่อนว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่
00:51:16 → 00:51:18 ไหนสามารถที่จะพามาพบนักกิจกรรมบำบัดทั่ว
00:51:18 → 00:51:21 ประเทศได้หรือว่าพบนักกิจกรรมบำบัดของทาง
00:51:21 → 00:51:24 ศูนย์กายภาพบำบัดเราก็ได้เงี้ยคะเราก็จะ
00:51:24 → 00:51:26 มาคัดกรองให้ก่อนว่าน้องเนี่มีความเสี่ยง
00:51:26 → 00:51:28 มากน้อยแค่แคไหนหลังจากนั้นเราก็จะแนะนำ
00:51:28 → 00:51:30 คุณพ่อคุณแม่ได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ควรจะเดิน
00:51:30 → 00:51:32 ทางไปตามพาทเวย์ไหนต้องพบคุณหมอมั้ยต้อง
00:51:32 → 00:51:35 ทานยามั้ยหรือต้องทำกิจกรรมบำบัติเอ่อ
00:51:35 → 00:51:37 ความถี่ต่อสัปดาห์เนี่ยมากน้อยแค่ไหนอย่า
00:51:37 → 00:51:40 เงี้ยค่ะซึ่งนักกิจกรรมบำบัติเราเนี่ยจะ
00:51:40 → 00:51:43 เวลาเราดูปัญหาของเด็กเนี่ยเราจะครอบคลุม
00:51:43 → 00:51:45 ทั้งเรื่องของที่บ้านเรื่องของที่โรง
00:51:45 → 00:51:48 เรียนการเรียนการทำกิจวัตรประจำวันรวมถึง
00:51:48 → 00:51:50 การเข้าสังคมกับเพื่อนๆด้วยอืซึ่งถ้าคุณ
00:51:50 → 00:51:52 พ่อคุณแม่เนี่ยอยากที่จะให้น้องเนี่ย
00:51:52 → 00:51:55 เหมือนกับอ่าดึงศักยภาพน้องทุกๆด้านร่วม
00:51:55 → 00:51:58 กันพร้อมพร้อมกันเนี่ยนักกิจกรรมบำบัดก็
00:51:58 → 00:52:01 ยินดีที่จะเป็นวิชาชีพนึงที่ส่งเสริมแล้ว
00:52:01 → 00:52:05 ก็ช่วยคุณพ่อคุณแม่ผลักดันน้องไปในทิศทาง
00:52:05 → 00:52:09 ที่ดีขึ้นค่ะท่านผู้ชมสามารถสอบถามข้อมูล
00:52:09 → 00:52:12 ได้ที่คลินิกกิจกรรมบำบัดศูนย์กายภาพ
00:52:12 → 00:52:15 บำบัดคณะกายภาพบำบัดมหาวิทยาลัยมหิดล
00:52:15 → 00:52:21 โทรศัพท์ 02 433 7098 ต่อ 1 หรือทาง
00:52:21 → 00:52:26 เว็บไซต์ www.ptd.ac.th
00:52:26 → 00:52:28 อ
00:52:28 → 00:52:56 [เพลง]
00:52:56 → 00:53:00 แ
00:53:00 → 00:53:15 [เพลง]