00:00:00 → 00:00:03 บนโซเชียลแชร์สินค้าหม้อหุงข้าวลดน้ำตาล
00:00:03 → 00:00:06 เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานช่วยคนต้องการคุม
00:00:06 → 00:00:08 น้ำหนักรวมทั้งคนอยากผอม
00:00:08 → 00:00:13 ชัวร์หรอ
00:00:13 → 00:00:15 เรื่องนี้ถ้าจริงก็มีประโยชน์และควรรีบ
00:00:15 → 00:00:18 บอกกันครับแต่ก่อนจะแชร์ต่อต้องเช็คให้
00:00:18 → 00:00:20 ถูกชัวร์ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย
00:00:20 → 00:00:23 อสมทสอบถามกับประธานหลักสูตรโภชนาการและ
00:00:23 → 00:00:25 การกำหนดอาหารสถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัย
00:00:25 → 00:00:29 มหิดลครับหม้อหุงข้าวลดน้ำตาลนี่มีจริง
00:00:29 → 00:00:31 เหรอครับหม้อหุงข้าวที่มีการโฆษณาว่า
00:00:31 → 00:00:34 สามารถจะช่วยลดน้ำตาลได้นั้นยังไม่ได้มี
00:00:34 → 00:00:37 การศึกษายืนยันในเรื่องนี้กลไกวิธีการหุง
00:00:37 → 00:00:39 ข้าวที่อาจจะมีความแตกต่างกันที่บอกว่า
00:00:39 → 00:00:42 เอาน้ำเนี่ยออกไปก่อนก็อาจจะทำให้กระบวน
00:00:42 → 00:00:44 การสุขของข้าวอาจจะมีความแตกต่างกันไป
00:00:44 → 00:00:47 ซึ่งยังไม่ได้มีข้อมูลทางการศึกษาในทาง
00:00:47 → 00:00:50 คลินิกจริงๆนะคะว่าการกินข้าวแบบนั้นจะมี
00:00:50 → 00:00:52 ผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลใน
00:00:52 → 00:00:54 เลือดที่ดีขึ้นลดการหุงข้าวที่ลดน้ำตาล
00:00:54 → 00:00:57 ได้ล่ะครับมีจริงไหมครับการหุงข้าวเพื่อ
00:00:57 → 00:00:59 ที่จะลดน้ำตาลในข้าวนั้นเป็นไปไม่ได้นะคะ
00:00:59 → 00:01:02 การหุงข้าวนั้นเพื่อต้องการทำให้ข้าวนั้น
00:01:02 → 00:01:05 สู่ร่างกายเราสามารถย่อยข้าวนั้นได้นั้น
00:01:05 → 00:01:08 การหุงข้าวที่อาจจะไปทำให้ข้าวนั้นย่อย
00:01:08 → 00:01:10 ได้ช้าลงอาจจะเกิดขึ้นได้บ้างแต่ว่า
00:01:10 → 00:01:13 ปริมาณอาจจะไม่ได้มากพอที่จะช่วยในการลด
00:01:13 → 00:01:15 น้ำตาลขณะที่เรารับประทานเข้าไปแล้วการ
00:01:15 → 00:01:18 หุงข้าวโดยรดน้ำลงหรือทิ้งน้ำออกไปนั้นก็
00:01:18 → 00:01:21 จะทำให้คุณค่าของสารอาหารอื่นๆที่มีอยู่
00:01:21 → 00:01:23 ในน้ำข้าวนั้นหายไปด้วยโดยเฉพาะในเรื่อง
00:01:23 → 00:01:26 ของวิตามินบีแล้วก็สารสำคัญอื่นๆที่อาจจะ
00:01:26 → 00:01:28 มีอยู่ในน้ำข้าวก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์
00:01:28 → 00:01:30 อย่างเท่าที่ควรอาจารย์อธิบายว่าวิธีการ
00:01:30 → 00:01:33 หุงข้าวส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของคน
00:01:33 → 00:01:36 กินได้การหุงข้าวจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลง
00:01:36 → 00:01:38 ของระดับน้ำตาลในเลือดที่มีความแตกต่าง
00:01:38 → 00:01:41 กันได้ขึ้นอยู่กับวิธีการหุงที่มีการใช้
00:01:41 → 00:01:45 น้ำมากหรือน้อยแล้วก็รวมทั้งนานหรือว่า
00:01:45 → 00:01:48 ไม่นานเช่นปริมาณข้าวที่เท่ากันในข้าวสาร
00:01:48 → 00:01:50 ที่เท่ากันชนิดเดียวกันถ้าเราหุงเป็นข้าว
00:01:50 → 00:01:53 สวยกับการเป็นข้าวต้มซึ่งใช้น้ำแล้วก็ใช้
00:01:53 → 00:01:56 ความร้อนที่นานมากกว่านั้นในข้าวต้มก็จะ
00:01:56 → 00:01:58 ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นได้เร็วกว่าเข้า
00:01:58 → 00:02:01 สวยถ้าเราใช้เป็นข้าวกล้องแทนข้าวขาวตัว
00:02:01 → 00:02:03 เข้ากล้องมีผลต่อการขึ้นของน้ำตาลที่ช้า
00:02:03 → 00:02:05 กว่าข้าวขาวในปริมาณที่เท่ากันแล้วถ้า
00:02:06 → 00:02:08 สมมุติว่าเราลดปริมาณน้ำแค่พอเหมาะไม่ได้
00:02:08 → 00:02:12 ทำให้มันแบบบ้านนิ่มจนเกินไปนั่นก็อาจจะ
00:02:12 → 00:02:14 ทำให้ข้าวมันสุกเป็นเม็ดที่สวยเล็กกว่า
00:02:14 → 00:02:17 โดยปัจจัยสำคัญคือความสุขของข้าวความสุข
00:02:17 → 00:02:19 ของข้าวที่มีความแตกต่างกันนั่นเองก็จะทำ
00:02:19 → 00:02:22 ให้ร่างกายย่อยได้ช้าและย่อยได้เร็วที่
00:02:22 → 00:02:25 แตกต่างกันข้าวที่สุกมากๆใช้ปริมาณน้ำมาก
00:02:25 → 00:02:27 และความร้อนสูงก็อาจจะทำให้น้ำตาลในเลือด
00:02:27 → 00:02:30 เนี้ยขึ้นได้เร็วกว่าข้าวที่หุงแค่สุกพอ
00:02:30 → 00:02:32 ดีทานข้าวก็มีส่วนด้วยเช่นกันยกตัวอย่าง
00:02:32 → 00:02:35 ง่ายๆอย่างเช่นข้าวเหนียวซึ่งมีปริมาณของ
00:02:35 → 00:02:38 อเมโรสต่ำจะเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาลได้เร็ว
00:02:38 → 00:02:41 กว่าเมื่อเทียบกับข้าวเจ้าซึ่งมีปริมาณ
00:02:41 → 00:02:43 ของอะไมโลที่สูงกว่าในส่วนของข้าวเจ้า
00:02:43 → 00:02:46 ด้วยกันเองก็จะมีหลายสายพันธุ์อย่างเช่น
00:02:46 → 00:02:49 ข้าวหอมมะลิซึ่งมีปริมาณของอะไมโลสค่อน
00:02:49 → 00:02:52 ข้างต่ำเมื่อเทียบกับข้าวเสาไห้ซึ่งจะ
00:02:52 → 00:02:55 เห็นว่าเป็นข้าวที่ปกติเราหุงแล้วจะขึ้น
00:02:55 → 00:02:57 หม้อจะเป็นเม็ดแข็งกว่าซึ่งข้าวเสาให้เอง
00:02:57 → 00:03:00 ก็จะมีปริมาณของกำไรโรสในสัดส่วนที่สูง
00:03:00 → 00:03:02 กว่าในปริมาณข้าวที่กินเท่าๆกันข้าว
00:03:02 → 00:03:04 เสาไห้เนี่ยจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด
00:03:04 → 00:03:07 เนี่ยขึ้นสูงช้ากว่าเมื่อเทียบกับข้าวหอม
00:03:07 → 00:03:10 มะลิแต่ที่สำคัญมากคือการกินปริมาณข้าว
00:03:10 → 00:03:12 ที่เรารับประทานเนี่ยน่าจะเป็นปัจจัยหลัก
00:03:12 → 00:03:15 ที่มีผลต่อการขึ้นของน้ำตาลโดยเฉพาะอย่าง
00:03:15 → 00:03:17 ยิ่งเราควรจะกินข้าวซึ่งเป็นอาหารที่ให้
00:03:17 → 00:03:19 พลังงานเนี่ยเพียงพอแก่ความต้องการของ
00:03:19 → 00:03:21 พลังงานของร่างกายเราถ้าเราต้องการพลัง
00:03:21 → 00:03:24 งานมากเราก็สามารถจะกินได้มากแต่ถ้าเรา
00:03:24 → 00:03:26 ต้องการพลังงานน้อยก็อาจจะต้องกินลดน้อย
00:03:26 → 00:03:28 ลงเพื่อจะทำให้การควบคุมน้ำตาลและความ
00:03:28 → 00:03:31 อ้วนหรือน้ำหนักตัวได้ดีขึ้นอาจารย์สรุป 4
00:03:31 → 00:03:34 ปัจจัยในการกินข้าวเพื่อคุมน้ำตาลในเลือด
00:03:34 → 00:03:36 ปัจจัยของการที่เรากินข้าวเราจะช่วยควบ
00:03:36 → 00:03:39 คุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดีอันแรกคงต้อง
00:03:39 → 00:03:41 ดูเรื่องของปริมาณของข้าวเป็นหลักควรจะ
00:03:41 → 00:03:43 กินข้าวในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการ
00:03:43 → 00:03:46 ของร่างกายไม่มากเกินไปในส่วนที่ 2 คือ
00:03:46 → 00:03:49 ชนิดของข้าวข้าวที่มีปริมาณของ americh
00:03:49 → 00:03:51 สูงกว่าก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้น
00:03:51 → 00:03:54 ช้ากว่าข้าวที่มีปริมาณอะไมโลสต่ำปัจจัย
00:03:54 → 00:03:58 ถัดไปก็คือวิธีการหุงข้าวข้าวที่หุงโดย
00:03:58 → 00:04:01 ที่ใช้ความร้อนสูงใช้น้ำมากว่ากลายเป็น
00:04:01 → 00:04:03 ต้มและกินเข้าไปแล้วย่อยได้เร็วก็จะทำให้
00:04:03 → 00:04:06 น้ำตาลในเลือดขึ้นได้สูงกว่าฉะนั้นอีก 1
00:04:06 → 00:04:08 ปัจจัยที่มีความสำคัญก็คือความแตกต่างของ
00:04:08 → 00:04:11 ในแต่ละคนซึ่งในแต่ละคนอาจจะมีความสามารถ
00:04:11 → 00:04:14 ในการย่อยอาหารที่มีความแตกตัวอย่างกัน
00:04:14 → 00:04:16 หรือว่าความสามารถของระดับฮอร์โมนในร่าง
00:04:16 → 00:04:18 กายที่จะดึงน้ำตาลไปใช้อาจจะมีความแตก
00:04:18 → 00:04:21 ต่างกันก็จะส่งผลต่อการขึ้นของน้ำตาลที่
00:04:21 → 00:04:23 แตกต่างกันได้สำหรับผู้ที่ไม่ปวดเบาหวาน
00:04:23 → 00:04:26 อาจารย์แนะนำว่าถ้าหากว่าเรายังมีสุขภาพ
00:04:26 → 00:04:29 ที่ดีในแง่ของปริมาณที่เหมาะสมร่วมกับการ
00:04:29 → 00:04:31 ออกกำลังกายน่าจะมีส่วนที่มีความสำคัญที่
00:04:31 → 00:04:34 ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีอาจารย์แนะนำการกิน
00:04:34 → 00:04:36 ข้าวสำหรับคนเป็นเบาหวานแต่สำหรับท่านที่
00:04:36 → 00:04:38 เป็นเบาหวานหรือมีปัญหาในเรื่องของการควบ
00:04:38 → 00:04:41 คุมระดับน้ำตาลในเลือดจากการทำงานของ
00:04:41 → 00:04:44 ฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายได้ลดน้อยลงนอก
00:04:44 → 00:04:46 จากควบคุมปริมาณของข้าวแล้วการที่เราจะ
00:04:46 → 00:04:49 ช่วยชะลอการขึ้นของน้ำตาลโดยการที่จะมี
00:04:49 → 00:04:52 การบริโภคใยอาหารหรือพืชผักให้มากขึ้นก็
00:04:52 → 00:04:54 อาจจะมีส่วนสำคัญสำหรับวิธีการหุงข้าว
00:04:54 → 00:04:57 นั้นก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งนะคะชนิดของข้าว
00:04:57 → 00:05:00 ที่มีปริมาณของอะไมโลสที่สูงขึ้นก็อาจจะ
00:05:00 → 00:05:02 เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถที่จะเอามาแทน
00:05:02 → 00:05:05 ที่ข้าวที่มีปริมาณของอะไมโลที่ต่ำกว่าก็
00:05:06 → 00:05:08 อาจจะช่วยทำให้การคุมของน้ำตาลได้ดีขึ้น
00:05:08 → 00:05:11 แต่ก็ขอย้ำว่าปริมาณของข้าวที่รับประทาน
00:05:11 → 00:05:13 อย่างเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญ
00:05:13 → 00:05:15 ก็ต้องเอาข้าวไปแช่ตู้เย็นไหมครับอาจจะมี
00:05:15 → 00:05:18 การที่พูดถึงว่าการแช่ข้าวในตู้เย็นจะทำ
00:05:18 → 00:05:21 ให้เกิดแป้งที่ทนต่อการย่อยและทำให้ร่าง
00:05:21 → 00:05:24 กายย่อยได้ช้าลงอันนี้ก็เป็นเรื่องจริง
00:05:24 → 00:05:26 ดังนั้นถ้าสมมุติว่าเราบอกเรากินข้าวแล้ว
00:05:26 → 00:05:28 เหลือสามารถจะเก็บข้าวในตู้เย็นแล้วข้าว
00:05:28 → 00:05:31 ตู้เย็นนั้นมาอุ่นเพื่อที่จะรับประทานอาจ
00:05:31 → 00:05:34 จะยังมีปริมาณของแป้งที่ทนต่อการย่อยอยู่
00:05:34 → 00:05:36 บ้างที่จะช่วยทำให้การเคลื่อนของน้ำตาล
00:05:36 → 00:05:39 ที่ช้าลงก็สามารถที่จะทำได้แต่ว่าก็ไม่
00:05:39 → 00:05:42 ได้มีความจำเป็นว่าหุงข้าวสุกใหม่ๆทุก
00:05:42 → 00:05:44 ครั้งจำเป็นต้องเอาข้าวนั้นไปแช่ในตู้
00:05:44 → 00:05:46 เย็นก่อนแล้วค่อยมากินนะคะเพราะว่าเวลาไป
00:05:46 → 00:05:49 แช่ในตู้เย็นนั่นเองเนี่ยจะทำให้ข้าวนั้น
00:05:49 → 00:05:52 เกิดการเปลี่ยนแปลงในโมเลกุลบางอย่างนะคะ
00:05:52 → 00:05:55 เกิดเป็นแป้งที่ทนต่อการย่อยแต่เมื่อไหร่
00:05:55 → 00:05:57 ก็ตามที่เรากลับมาอุ่นใหม่แป้งที่ทนต่อ
00:05:57 → 00:06:00 การย่อยนั้นก็จะลดน้อยลงอาจจะหลงเหลือ
00:06:00 → 00:06:02 อยู่บ้างแต่ปริมาณก็อาจจะไม่ได้มากพอที่
00:06:02 → 00:06:05 จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้มากๆด้วย
00:06:05 → 00:06:07 หม้อเดิมได้จะต้องใส่ใจปริมาณให้มากขึ้น
00:06:07 → 00:06:11 การหุงข้าวที่ให้แค่สุกพอดีโดยที่ใช้น้ำ
00:06:11 → 00:06:14 ปริมาณเหมาะสมน่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสม
00:06:14 → 00:06:17 ที่สุดการบริโภคข้าวในวิถีชีวิตประจำวัน
00:06:17 → 00:06:19 ของคนเรามักจะต้องทานร่วมกับอาหารประเภท
00:06:19 → 00:06:22 อื่นๆร่วมด้วยอย่างเช่นพรรคพวกผักต้มน้ำ
00:06:22 → 00:06:25 พริกหรือว่าพวกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ
00:06:25 → 00:06:27 อาหารอื่นๆที่เรากินร่วมกับข้าวนั่นเองจะ
00:06:27 → 00:06:29 ช่วยในการชะลอการพริ้งของน้ำตาลที่มีความ
00:06:29 → 00:06:32 เหมาะสมเนื่องมาจากปริมาณของใยอาหารต่างๆ
00:06:32 → 00:06:34 แล้วก็จะทำให้เราได้แร่ธาตุอาหารต่างๆที่
00:06:34 → 00:06:37 มีความเหมาะสมในการที่จะช่วยคุมน้ำตาลให้
00:06:37 → 00:06:39 ดีขึ้นโดยที่อาจจะไม่ต้องคำนึงถึงวิธีการ
00:06:39 → 00:06:43 หุงข้าวมากจนเกินไปแต่สรุปแล้วเรื่องหม้อ
00:06:43 → 00:06:45 หุงข้าวลดน้ำตาลนี่เป็นยังไงครับหม้อหุง
00:06:45 → 00:06:48 ข้าวที่ช่วยลดน้ำตาลไม่ควรจะแชร์ต่อนะคะ
00:06:48 → 00:06:51 เนื่องจากว่าไม่มีกระบวนการใดๆที่จะช่วย
00:06:51 → 00:06:54 ทำให้การหุงนั้นจะไปช่วยลดน้ำตาลได้ใน
00:06:54 → 00:06:57 ข้าวนะคะดูแลสุขภาพได้โดยใส่ใจอาหารทาง
00:06:57 → 00:07:00 ด้านคุณค่าและปริมาณครับส่งเรื่องน่า
00:07:00 → 00:07:03 สงสัยแจ้งเตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอดไลน์
00:07:03 → 00:07:05 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่
00:07:05 → 00:07:08 เพิ่มเพื่อนแล้วค้นหาแอปชัวร์ & Share
00:07:08 → 00:07:10 ยังมีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยเพื่อสังคม
00:07:10 → 00:07:13 ออนไลน์หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อ
00:07:13 → 00:07:16 ร่วมตรวจสอบไปด้วยกันกับช่วงก่อนแชร์
00:07:16 → 00:07:32 [เพลง]
00:07:32 → 00:07:35