00:00:00 → 00:00:01 เมื่อคุณน้ำตาลเสียชีวิต
00:00:01 → 00:00:06 ผมก็ได้ให้แพทย์หู คอ จมูก ช่วยส่องกล้องไปดูที่หลังโพรงจมูก
00:00:06 → 00:00:11 จึงได้หนีบเนื้อบริเวณนั้น เพื่อนำไปตรวจทางพยาธิวิทยา
00:00:11 → 00:00:13 ก็พบว่ายังมีเลือดไหลตามมาเป็นจำนวนมาก
00:00:13 → 00:00:17 จนนำพามาสู่การเสียชีวิตของคุณน้ำตาล
00:00:22 → 00:00:26 หลังจากนั้น เราจึงได้ทำการตรวจแบบพิเศษ
00:00:26 → 00:00:29 ทั้งที่ศิริราชและที่สถาบันพยาธิวิทยา
00:00:29 → 00:00:32 วิธีการตรวจนั้นก็คือ PCR
00:00:32 → 00:00:35 ผลก็ออกมาว่า มี DNA ของเชื้อวัณโรค
00:00:35 → 00:00:37 ดังนั้น เราจึงสรุปว่า
00:00:37 → 00:00:43 คุณน้ำตาลมีภาวะติดเชื้อวัณโรค ที่บริเวณหลังโพรงจมูก
00:00:46 → 00:00:48 เชื้อวัณโรคเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง
00:00:48 → 00:00:52 ในภาษาทางการแพทย์ เราเรียกว่า Mycobacterium tuberculosis
00:00:52 → 00:00:54 เชื้อวัณโรคแพร่กระจายจากคนสู่คน
00:00:54 → 00:00:55 ทางละอองเสมหะ
00:00:55 → 00:00:58 ซึ่งก็เกิดจากการที่คนคนหนึ่งเป็นวัณโรค
00:00:58 → 00:01:01 ไอ จาม เปล่งเสียง หรือแม้แต่ร้องเพลง
00:01:01 → 00:01:03 ทำให้เกิดละอองเสมหะล่องลอยอยู่ในอากาศ
00:01:04 → 00:01:08 เมื่อเราสูดหายใจเอาละอองเสมหะ ที่มีเชื้อวัณโรคอยู่ เข้าไปในปอดของเรา
00:01:08 → 00:01:10 ก็จะทำให้เราป่วยขึ้น
00:01:10 → 00:01:11 แต่ไม่ได้ทุกคนที่เป็น
00:01:11 → 00:01:15 เราพบแค่ประมาณ 10% ของคนที่ได้รับเชื้อวัณโรคไป
00:01:15 → 00:01:16 จะเกิดวัณโรคเกิดขึ้น
00:01:17 → 00:01:22 ซึ่งคนที่มีร่างกายไม่แข็งแรง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ
00:01:22 → 00:01:24 มีโรคเรื้อรัง เช่น เป็นเบาหวาน
00:01:24 → 00:01:27 ไตวายเรื้อรัง หรือคนที่เป็นภูมิคุ้มกันบกพร่อง
00:01:27 → 00:01:30 ก็จะมีโอกาสติดเชื้อวัณโรค ได้ง่ายกว่าคนธรรมดา
00:01:30 → 00:01:35 โดยที่ 80-85% ของคนที่ได้รับเชื้อวัณโรค เข้าไปที่ปอดนั้น
00:01:35 → 00:01:39 ก็จะเกิดวัณโรคเฉพาะส่วนที่ปอด หรือเราเรียกว่า วัณโรคปอด
00:01:39 → 00:01:43 สำหรับผู้ป่วยส่วนหนึ่ง คือประมาณ 15-20%
00:01:43 → 00:01:45 เชื้อวัณโรคนั้นจะเล็ดลอดออกจากปอดของเขา
00:01:45 → 00:01:49 เข้าไปตามระบบกระแสเลือด หรือระบบกระแสน้ำเหลือง
00:01:49 → 00:01:53 ทำให้เกิดวัณโรค ในอวัยวะอื่น ๆ ได้ทั่วร่างกาย
00:01:53 → 00:01:55 ไม่ว่าจะเป็นวัณโรคเยื่อหุ้มสมอง
00:01:55 → 00:01:56 วัณโรคกระดูก
00:01:56 → 00:01:58 วัณโรคหลังโพรงจมูก
00:01:58 → 00:02:00 เมื่อคนเราได้รับเชื้อวัณโรคเข้าไป
00:02:00 → 00:02:04 จะมีผู้ป่วยเพียง 10% เท่านั้น ที่จะเกิดเป็นวัณโรคเกิดขึ้น
00:02:04 → 00:02:08 แต่ใน 10% นั้น มันไม่ได้เกิดวัณโรคทันทีทันใด
00:02:08 → 00:02:12 เชื้อวัณโรคมันสามารถหลบอยู่ในตัวเรา ได้เป็นปี ๆ เป็นสิบปีโดยที่ไม่ตาย
00:02:12 → 00:02:15 และเมื่อมันพร้อม เชื้อมันแข็งแรงขึ้น
00:02:15 → 00:02:18 หรือร่างกายเราอ่อนแอลง ภูมิต้านทานเราลดลง
00:02:18 → 00:02:19 เชื้อวัณโรคก็จะแสดงอาการออกมา
00:02:19 → 00:02:22 เพิ่มจำนวนขึ้นมา แล้วก็ทำให้ร่างกายเราเกิดโรคครับ
00:02:25 → 00:02:29 ถ้าท่านมีอาการบ่งชี้ว่าอาจจะเป็นวัณโรคปอด
00:02:29 → 00:02:31 เช่น ไอเกิน 2 สัปดาห์
00:02:31 → 00:02:33 มีเบื่ออาหาร น้ำหนักลด
00:02:33 → 00:02:35 หรือมีไข้ไม่ทราบสาเหตุ
00:02:35 → 00:02:39 ควรจะต้องรีบไปรับการตรวจหา ว่าเป็นวัณโรคหรือไม่โดยแพทย์
00:02:39 → 00:02:44 หรือถ้าท่านสงสัยว่าจะมีอาการของวัณโรคนอกปอด
00:02:44 → 00:02:46 ยกตัวอย่างเช่น วัณโรคหลังโพรงจมูก
00:02:46 → 00:02:48 หากท่านมีอาการคลำก้อนได้ที่คอ
00:02:49 → 00:02:53 มีอาการจุกแน่น ระคายคอ เจ็บในคอเรื้อรัง เกิน 2 สัปดาห์
00:02:53 → 00:02:56 ควรจะรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาว่าเป็นวัณโรคหรือไม่
00:02:56 → 00:02:58 การวินิจฉัยของวัณโรคปอด
00:02:58 → 00:03:01 ซึ่งอาศัยการเอกซเรย์ปอด การตรวจเสมหะ
00:03:01 → 00:03:02 หาเชื้อวัณโรคได้
00:03:02 → 00:03:05 แต่ถ้าเป็นวัณโรคนอกปอด
00:03:05 → 00:03:08 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราสนใจกันคือ วัณโรคหลังโพรงจมูก
00:03:08 → 00:03:10 การวินิจฉัยจะยุ่งยาก
00:03:10 → 00:03:12 เนื่องจากว่าแพทย์จะต้องทำการตรวจ
00:03:12 → 00:03:16 แล้วก็ตัดชิ้นเนื้อบริเวณนั้น เพื่อไปตรวจหาเชื้อวัณโรค
00:03:16 → 00:03:21 หรือหาลักษณะบางอย่าง ที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อวัณโรคเกิดขึ้นครับ
00:03:23 → 00:03:25 หลังจากกรณีคุณน้ำตาล
00:03:25 → 00:03:29 เหล่าผู้ปกครองทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งผู้ป่วยหลายราย
00:03:29 → 00:03:32 กังวลว่าเป็นเลือดกำเดาไหลบ่อย
00:03:32 → 00:03:35 จะมีโอกาสเกิดเหตุอย่างคุณน้ำตาลหรือไม่
00:03:35 → 00:03:38 ถ้าถามว่ามีโอกาสเกิดหรือไม่ คำตอบก็ต้อง มี แต่น้อยมาก
00:03:38 → 00:03:39 อีกอย่างคือ เลือดกำเดาไหลนี่
00:03:39 → 00:03:43 จริง ๆ ที่เจอบ่อย มันจะเป็นไหลจาก โพรงจมูกส่วนหน้า ไม่ใช่ด้านหลังโพรงจมูก
00:03:43 → 00:03:45 ที่เส้นเลือดมันเปราะบาง
00:03:45 → 00:03:48 หรือว่าช่วงหน้าหนาว มันแห้ง แล้วมันก็แตก
00:03:48 → 00:03:52 ซึ่งสังเกตว่า เราก็แค่ประคบตรงโคนจมูก บีบไว้หน่อย มันก็หยุด
00:03:52 → 00:03:55 ดังนั้น ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น
00:03:55 → 00:03:59 ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน
00:03:59 → 00:04:03 มีรายงานคนไข้วัณโรคหลังโพรงจมูก 39 ราย
00:04:03 → 00:04:09 โดยที่ทั้ง 39 ราย ไม่ได้มาด้วยอาการเฉพาะ ที่บ่งชี้ว่าเป็นวัณโรคหลังโพรงจมูก
00:04:09 → 00:04:12 ส่วนใหญ่เจอเพราะคนไข้ไปด้วยเรื่องอื่น
00:04:12 → 00:04:15 เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต แล้วก็ตรวจร่างกาย
00:04:15 → 00:04:18 แล้วสุดท้าย นำพามาสู่การส่องกล้อง ตัดตรวจชิ้นเนื้อ
00:04:18 → 00:04:19 แล้วถึงพบว่าเป็นวัณโรค
00:04:22 → 00:04:24 การรักษาวัณโรคนั้น รักษาด้วยยาเป็นหลัก
00:04:25 → 00:04:30 แต่สำหรับวัณโรคนอกปอดนั้น อาจจะมีการผ่าตัดช่วยการรักษาในบางกรณี
00:04:30 → 00:04:35 เช่น อวัยวะนั้น ยาไม่สามารถเข้าไป ฆ่าเชื้อวัณโรคได้เต็มที่ดีพอ
00:04:35 → 00:04:36 ก็จะอาศัยการผ่าตัดช่วย
00:04:37 → 00:04:39 สำหรับยารักษาวัณโรคนั้น
00:04:39 → 00:04:41 ต่างจากโรคติดเชื้อทั่ว ๆ ไป
00:04:41 → 00:04:44 ซึ่งเรารักษากัน 5 วัน 7 วัน 14 วัน ก็เพียงพอ
00:04:44 → 00:04:46 แต่เชื้อวัณโรคนั้นเป็นเชื้อที่ตายยาก
00:04:47 → 00:04:48 ต้องการการรักษานาน
00:04:48 → 00:04:50 ระยะเวลาที่สั้นที่สุด
00:04:50 → 00:04:52 เท่าที่วิทยาการปัจจุบันเรามีนั้น
00:04:52 → 00:04:54 คือต้องรักษานาน 6 เดือนนะครับ
00:04:55 → 00:04:56 แล้วก็ต้องใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน
00:04:59 → 00:05:03 การป้องกันตัวเราเองให้เป็นวัณโรคได้ยาก
00:05:03 → 00:05:05 สิ่งที่สำคัญก็คือ การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
00:05:05 → 00:05:09 พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
00:05:09 → 00:05:10 รับประทานอาหารที่มีคุณค่า
00:05:10 → 00:05:14 หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ที่มีโอกาส ที่จะรับเชื้อวัณโรคได้ง่าย
00:05:14 → 00:05:16 ก็คือ สถานที่แออัด
00:05:16 → 00:05:18 ระบบระบายอากาศไม่ดี
00:05:18 → 00:05:20 เมื่อเรารักษาสุขภาพเราดีแล้ว
00:05:20 → 00:05:22 เราก็ยังอาจจะเกิดวัณโรคเกิดขึ้นได้
00:05:22 → 00:05:27 ดังนั้น ถ้าท่านมีอาการบ่งชี้ว่า อาจจะเป็นวัณโรค
00:05:27 → 00:05:31 ควรจะต้องรีบไปรับการตรวจหา ว่าเป็นวัณโรคหรือไม่โดยแพทย์