00:00:00 → 00:00:00 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:04 เช็คก่อนสายภาวะหยุดหายใจขณะหลับภัยเงียบ
00:00:04 → 00:00:08 ที่อันตรายถึงชีวิตเปิดขั้นตอนการทำ Sleep
00:00:08 → 00:00:11 Test พร้อมวิธีรักษาการนอนกรนและหยุดหาย
00:00:11 → 00:00:15 ใจขณะหลับไขหวัดใหญ่เรื่องใหญ่ของคนรุ่น
00:00:15 → 00:00:18 ใหญ่เลือกวัคซีนอย่างไรที่ใช่สำหรับคุณ
00:00:18 → 00:00:22 ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN
00:00:22 → 00:00:24 Health วัน
00:00:24 → 00:00:28 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:28 → 00:00:31 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:31 → 00:00:35 คุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ TNN He นะคะและ
00:00:35 → 00:00:37 ดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัตดาวจังวังกรแพทย์
00:00:37 → 00:00:40 เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะ
00:00:40 → 00:00:43 รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชม
00:00:43 → 00:00:52 มาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:52 → 00:00:56 [เพลง]
00:00:56 → 00:01:00 ค่ะสัปดาห์นี้นะคะเราจะมาพูดกันเรื่องของ
00:01:00 → 00:01:03 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับภัยเงียบที่อันตราย
00:01:03 → 00:01:07 ถึงชีวิตค่ะทำไมต้องพูดถึงว่าการที่นอน
00:01:07 → 00:01:10 หลับแล้วเราเนี่ยหยุดหายใจมันเป็นอันตราย
00:01:10 → 00:01:12 ถึงชีวิตต้องบอกอย่างนี้นะคะคุณผู้ชมว่า
00:01:12 → 00:01:15 การนอนนั้นนะคะเป็นเรื่องของการซ่อมแซม
00:01:15 → 00:01:17 ร่างกายและในทำนองเดียวกันถ้าหากนอนหลับ
00:01:17 → 00:01:20 ได้ไม่สนิทนะคะจะทำให้การซ่อมแซมร่างกาย
00:01:20 → 00:01:23 เกิดขึ้นไม่ดีและทำให้เกิดภัยร้ายโรคต่าง
00:01:23 → 00:01:26 ๆเกิดขึ้นด้วยค่ะภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
00:01:26 → 00:01:30 หรือ obstructive Sleep apne หรือ osa
00:01:30 → 00:01:33 เป็นโรคการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอน
00:01:33 → 00:01:36 หลับที่พบได้บ่อยและมีลักษณะเฉพาะคือการ
00:01:36 → 00:01:39 อุดตั่นทางเดินหายใจส่วนบนทั้งหมดหรือบาง
00:01:39 → 00:01:43 ส่วนเกิดขึ้นหลายๆครั้งซ้ำๆส่งผลให้มีการ
00:01:43 → 00:01:46 หายใจลดลงหรือขาดหายไประหว่างการนอนหลับ
00:01:46 → 00:01:49 อาการเหล่านี้เรียกว่าภาวะหยุดหายใจขณะ
00:01:49 → 00:01:52 หลับอาจส่งผลให้ออกซิเจนในเลือดลดลงการ
00:01:52 → 00:01:56 นอนหลับพักผ่อนได้ไม่ดีอาจรบกวนคุณภาพการ
00:01:56 → 00:01:59 นอนหลับส่งผลเสียต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต
00:01:59 → 00:02:02 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถพบได้ในทุกเพศ
00:02:02 → 00:02:05 ทุกวัยนะคะโดยพบอุบัติการณ์การเกิดภาวะ
00:02:05 → 00:02:09 หยุดหายใจขณะหลับประมาณรละ 25 ในผู้ชาย
00:02:09 → 00:02:12 และร้อยละ 10 ในผู้หญิงและอุบัติขารจะ
00:02:12 → 00:02:16 เพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผู้
00:02:16 → 00:02:20 ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีสาเหตุของภาวะหยุด
00:02:20 → 00:02:24 หายใจขณะหลับคือเกิดจากอวัยวะในระบบหายใจ
00:02:24 → 00:02:28 เกิดความผิดปกติเช่นจมูกช่องคอผนังคอหอย
00:02:28 → 00:02:32 เป็นต้นทำให้บรเวดังกล่าวแคบลงเมื่อหายใจ
00:02:32 → 00:02:34 จะทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกลายเป็นเสียง
00:02:34 → 00:02:37 กรนตอนนอนหลับซึ่งเป็นสัญญาณหลักของภาวะ
00:02:37 → 00:02:40 หยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากระบบหายใจที่
00:02:40 → 00:02:44 แคบจะทำให้ร่างกายพยายามหายใจให้แรงขึ้น
00:02:44 → 00:02:47 การกระทำดังกล่าวจะยิ่งทำให้ทางเดินหายใจ
00:02:47 → 00:02:50 แคบลงทำให้ไม่สามารถหายใจเข้าออกได้ชั่ว
00:02:50 → 00:02:53 ขณะหนึ่งใครที่มีภาวะเสี่ยงในเรื่องของ
00:02:53 → 00:02:57 การหยุดหายใจขณะหลับได้บ้าง 1 น้ำหนักตัว
00:02:57 → 00:03:01 เกินทำให้ไขมันไปสะสมสมที่เนื้อเยื่อในลำ
00:03:01 → 00:03:04 คอมากขึ้นโดยเฉพาะผู้ที่มีคอหนาหรือมี
00:03:04 → 00:03:08 ขนาดของรอบคอมากกว่า 43 ซมจะทำให้ทางเดิน
00:03:08 → 00:03:12 หายใจแคบลงหายใจลำบากมากขึ้นและเสี่ยงต่อ
00:03:12 → 00:03:15 การเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ 2 ทางเดิน
00:03:15 → 00:03:18 หายใจแคบอาจเป็นผลมาจากพันธุกรรมหรือมี
00:03:18 → 00:03:22 ต่อมทอนซินหรือต่อมอดินอยซึ่งเป็นต่อมน้ำ
00:03:22 → 00:03:25 เหลืองอยู่บริเวณหลังรงจมูกและลำคอโตทำ
00:03:25 → 00:03:29 ให้ทางเดินหายใจแคบลงหรือถูกปิดกั้น 3
00:03:29 → 00:03:33 เยื่อบุพรงจมูกบวมโตหรือภาวะคัดจมูกรวม
00:03:33 → 00:03:36 ถึงผู้ที่มีผนังกั้นช่องจมูกคดและผู้ป่วย
00:03:36 → 00:03:40 ฤทสีดวงจมูกจะทำให้ทางเดินหายใจแคบลง 4
00:03:40 → 00:03:43 เรื่องของเพศค่ะสำหรับเพศชายนะคะจะมีความ
00:03:43 → 00:03:46 เสี่ยงเมื่อเทียบกับเพศหญิงแล้วก็คือ 2
00:03:46 → 00:03:49 เท่าในเรื่องของภาวะหยุดหายใจขณะหลับใน
00:03:49 → 00:03:52 ขณะที่คุณผู้หญิงนะคะที่หมดประจำเดือน
00:03:52 → 00:03:54 เนี่ยจะมีเรื่องของการคลายตัวของกล้าม
00:03:54 → 00:03:57 เนื้อลำคอค่ะทำให้มีความเสี่ยงเช่นเดียว
00:03:57 → 00:04:01 กัน 5 พันธุกรรมพบได้มากในผู้ที่มีสมาชิก
00:04:01 → 00:04:03 ในครอบครัวมีประวัติการเกิดภาวะหยุดหายใจ
00:04:04 → 00:04:07 ขณะหลับ 6 อายุภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้
00:04:07 → 00:04:11 กับคนทุกวัยแต่จะพบมากขึ้นในผู้ที่มีอายุ
00:04:11 → 00:04:15 ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป 7 โรคประจำตัวเช่น
00:04:15 → 00:04:18 ความดันโลหิตสูงโรคเบาหวานโรคหอบหืดเป็น
00:04:18 → 00:04:22 ต้น 8 พฤติกรรมต่างๆเช่นการสูบบุหรี่หรือ
00:04:22 → 00:04:25 ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากโดย
00:04:25 → 00:04:28 เฉพาะในช่วงก่อนนอนรวมถึงการรับประทานยา
00:04:28 → 00:04:31 ระงับประสาทยาคลายเครียดหรือยานอนหลับ
00:04:31 → 00:04:34 เป็นต้นได้รู้จักภาวะหยุดหายใจขณะหลับกัน
00:04:34 → 00:04:37 ไปแล้วค่ะจะเห็นได้ว่าเป็นอันตรายอย่าง
00:04:37 → 00:04:39 ยิ่งเลยในสัปดาห์นี้นะคะเรายังจะพูดคุย
00:04:39 → 00:04:43 กันเรื่องของภาวะหยุดหายใจขณะหลับภัย
00:04:43 → 00:04:47 เงียบที่อันตรายถึงชีวิตและเราได้รับ
00:04:47 → 00:04:49 เกียรติจากอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ
00:04:49 → 00:04:52 อาจารย์นายแพทย์ชยานุชิตไชยสุแพทย์
00:04:52 → 00:04:55 อายุรศาสตร์ประศาสตร์วิทยาประจำสูงโรค
00:04:55 → 00:04:59 ระบบสมองโรงพยาบาลนวเวช
00:04:59 → 00:05:00 สวัสดีค่ะ
00:05:00 → 00:05:07 [เพลง]
00:05:07 → 00:05:10 อาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะคะอาจารย์
00:05:10 → 00:05:14 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบไหนที่ต้องรีบพบ
00:05:14 → 00:05:17 แพทย์ด่วนคะจริงๆเราไม่ทราบหรอกครับว่า
00:05:17 → 00:05:20 เรามีการหยุดหายใจขณาหลับหรือเปล่านะครับ
00:05:20 → 00:05:22 เพราะว่าอาการที่จะมาก็คืออาการของการนอน
00:05:22 → 00:05:26 กลนอ่าเพียงแต่ว่าตัวคุณเองเนี่ยตอนที่
00:05:26 → 00:05:28 เรานอนอยู่เราก็จะไม่รู้อ่าว่าเกิดอะไร
00:05:28 → 00:05:32 ขึ้นนะครับอ่าคนไข้ที่จะมาที่จะพอที่จะพอ
00:05:33 → 00:05:37 ได้ก็คือมีเอ่อคนที่นอนด้วยบอกนะครับว่า
00:05:37 → 00:05:40 ตอนที่เรากำลังนอนอยู่พอนอนนอนแล้วก็มี
00:05:40 → 00:05:43 การหยุดหายใจกนลนดังขึ้นเรื่อยๆแล้วก็
00:05:43 → 00:05:46 เงียบช่วงที่เงียบก็คือช่วงที่หยุดหายใจ
00:05:46 → 00:05:50 พอหยุดหายใจเสร็จก็จะมีการเฮือกเหมือนงี้
00:05:50 → 00:05:53 ขึ้นมาครับอันเนี้ยคือการที่กลับมาหายใจ
00:05:53 → 00:05:55 ใหม่อ่าซึ่งอันเนี้ยเป็นการบ่งบอกว่าไม่
00:05:55 → 00:05:58 ใช่การนอนกลนธรรมดาทั่วๆไปนะครับมีการ
00:05:58 → 00:06:01 หยุดหายใจเกิดขึ้นด้วยพอเรามีการหยุดหาย
00:06:01 → 00:06:04 ใจเกิดขึ้นจะเกิดผลอะไรบ้างก็คือทำให้
00:06:04 → 00:06:07 คุณภาพในการนอนเราแย่ลงในบางคนที่มีการ
00:06:07 → 00:06:10 หยุดหายใจบ่อยมากเช่น 60 ครั้งต่อชั่วโมง
00:06:10 → 00:06:12 เนี่ยถ้าคิดง่ายๆคือ 60 ครั้งต่อชั่วโมง
00:06:12 → 00:06:15 ก็เท่ากับทุกๆ 1 นาทีค่ะพอเป็นบ่อยๆเข้า
00:06:15 → 00:06:19 บางคนก็จะเริ่มมีปัญหาเรื่องของสมาธิ
00:06:19 → 00:06:22 เรื่องของความจำการจะโฟกัสก็ทำให้เกิด
00:06:22 → 00:06:26 ปัญหาขึ้นได้อาจารย์คะแล้วสำหรับผู้ที่มี
00:06:26 → 00:06:29 ภาวะหยุดหายใจขณะหลับนั้นเนี่ยจะมีาภาวะ
00:06:29 → 00:06:31 แทรกซ้อนหรือว่ามีโรคอื่นๆที่เป็นความ
00:06:31 → 00:06:34 เสี่ยงคือโรคอะไรได้บ้างคะจริงๆมีข้อมูล
00:06:34 → 00:06:37 มากขึ้นเรื่อยๆครับว่าถ้าเป็นแค่นอนกรน
00:06:37 → 00:06:40 เฉยๆอาจจะแค่สร้างความรำคาญนะครับแต่ถ้า
00:06:40 → 00:06:43 มีการหยุดหายใจขนาดหลับเนี่ยอันนึงที่เจอ
00:06:43 → 00:06:46 ได้คือตอนเช้าบางคนจะมีอาการปวดศีรษะนะ
00:06:46 → 00:06:50 ครับบางคนมีอาการของความดันสูงตอนช่วง
00:06:50 → 00:06:52 เช้าโดยเฉพาะความดันสูงที่เกิดในคนอายุ
00:06:52 → 00:06:54 น้อยโดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 40 ปีความ
00:06:54 → 00:06:57 เสี่ยงที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
00:06:57 → 00:07:00 นะครับจนถึงมีข้อมูลที่อาจจะไม่ได้ชัดเจน
00:07:00 → 00:07:02 มากนะครับแต่เพิ่มโอกาสของการเกิดทั้ง
00:07:02 → 00:07:05 เรื่องของเส้เลือดสมองเส้เลือดหัวใจ
00:07:05 → 00:07:09 อาจารย์ขาเด็กๆมีโอกาสที่จะมีความเสี่ยง
00:07:09 → 00:07:13 ในเรื่องของภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ไหคะ
00:07:13 → 00:07:16 แล้วผู้ปกครองควรจะทำอย่างไรคะคือของเด็ก
00:07:16 → 00:07:19 เนี่ยหลักๆเขาจะเกิดจากการอุดกั้นของแทง
00:07:19 → 00:07:22 เดือนหายใจใน 2 จุดหลักๆอันที่ 1 คือ
00:07:22 → 00:07:25 ทอนซินต่อมทอนซินที่โตนะครับอีกจุดคือ
00:07:25 → 00:07:29 ต่อมอดีนอยอดีนอยก็จะเป็นต่อมน้ำเหลือง
00:07:29 → 00:07:32 อันนึงที่คล้ายๆกันกับตัวต่อมทอนซินนะ
00:07:32 → 00:07:35 ครับอาจารย์ขาแล้วภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
00:07:35 → 00:07:38 นั้นส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กอย่างไรคะของ
00:07:38 → 00:07:42 ในเด็กก็คือจริงๆคิดง่ายๆคือเหมือนเหมือน
00:07:42 → 00:07:47 เด็กเขาไม่ได้นอนปกติแล้วลักษณะของการนอน
00:07:47 → 00:07:51 คนเราคลื่นสมองจะมีการค่อยๆพัฒนานะครับ
00:07:51 → 00:07:54 มันจะมี 2 ช่วงหลักๆช่วงที่ 1 เราเรียก
00:07:54 → 00:07:57 ว่า non rem กับช่วงอีกช่วงนึงเรียกว่า
00:07:57 → 00:08:00 rem Sleep อ่านะครับ non เรนี่คือ rem
00:08:00 → 00:08:03 คือ rid e movement คือมีการเคลื่อนไหว
00:08:03 → 00:08:06 แบบกรอกตาเร็วๆนะครับช่วง non rem เนี่ย
00:08:06 → 00:08:10 เป็นช่วงที่่าจะยาวกว่านะครับจะมีการแบ่ง
00:08:10 → 00:08:12 เป็น Stage เป็นช่วงนะครับ 1 2 3 4
00:08:12 → 00:08:15 อ่าแล้วก็เป็น rem Sleep rem Sleep
00:08:15 → 00:08:17 คือตอนที่เรากำลังฝันฝันคือครึ่งหลับ
00:08:17 → 00:08:20 ครึ่งตื่นนะครับธรรมชาติเนี่ยคลื่นสมอง
00:08:20 → 00:08:22 เราจะเริ่มด้วย non rem แล้วก็ต่อด้วย
00:08:22 → 00:08:26 rem Sleep ต่อกันอ่าเป็นไซคิเป็นวงจรนะ
00:08:26 → 00:08:30 ครับในสมองเนี่ยเราจะใช้เวลาในช่วงเรม
00:08:30 → 00:08:32 Sleep เนี่ยดึงเอาความจำที่อยู่ในแรมของ
00:08:32 → 00:08:35 เราคืออยู่ในที่นึงของสมองนะครับออกมา
00:08:35 → 00:08:38 เก็บเป็นความจำระยะยาวในอีกที่นึงก็คือ
00:08:38 → 00:08:41 เหมือนเก็บไปในฮาร์ดดิสก์ของสมองนะครับที
00:08:41 → 00:08:44 นี้ถ้าคุณไม่ค่อยมีคือคุณภาพการนอนไม่ดี
00:08:44 → 00:08:46 อ่ามีปัญหาเรื่องของเรม
00:08:46 → 00:08:50 Sleep มันทำให้เหมือนมีขยะอยู่ในสมอง
00:08:50 → 00:08:55 เยอะอ่าอะไรก็จำไปหมดเลยแล้วพอเราจำเยอะๆ
00:08:55 → 00:08:58 เยอะๆเข้าเนี่ยมันจะเริ่มสับสนอ่าพอเราจะ
00:08:58 → 00:09:01 จำอะไรใหม่ๆจำไม่ได้ครับเพราะฉะนั้นก็เลย
00:09:01 → 00:09:05 มีผลกับเรื่องของการพัฒนากันครับอยากให้
00:09:05 → 00:09:08 อาจารย์ช่วยอธิบายค่ะว่าการทำ Sleep Test
00:09:08 → 00:09:11 คืออะไรการทำ Sleep Test ก็คือต้องมานอน
00:09:11 → 00:09:14 โรงพยาบาลนะครับคือมีการตรวจของการนอน
00:09:14 → 00:09:17 ซึ่งทำให้เสมือนจริงเหมือนเรานอนอยู่ที่
00:09:17 → 00:09:20 บ้านนะครับตอนช่วงที่นอนโรงพยาบาลก็จะมี
00:09:20 → 00:09:23 การติดเครื่องนะครับเครื่องเนี่ยหลักๆก็
00:09:23 → 00:09:27 จะมีการติดเป็นสายครับอ่ากลุ่มแรกจะเป็น
00:09:27 → 00:09:31 ดูคลื่นสมองมีการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด
00:09:31 → 00:09:35 นะครับมีการตรวจการเคลื่อนไหวของกระบางลม
00:09:35 → 00:09:38 มีการตรวจคลื่นหัวใจแล้วก็ในห้องเนี่ยก็
00:09:38 → 00:09:41 จะมีการตั้งกล้องนะครับที่เรคคอร์ดไว้
00:09:41 → 00:09:44 ทั้งคืนว่าในช่วงระหว่างกลางคืนที่เรานอน
00:09:44 → 00:09:48 เ่ะมีการขยับตัวมีการฟลิกตัวมีการกระตุก
00:09:48 → 00:09:52 ของแขนขามีการหลับตื่นยังไงบ้างเขาจะเอา
00:09:52 → 00:09:56 ข้อมูลตรงเนี้ยเก็บไว้อ่าในคอมพิวเตอร์
00:09:56 → 00:09:59 เพื่อไปทำการ analise ข้อมูลเสร็จแล้วใน
00:09:59 → 00:10:02 กรณีที่มีการหยุดหายใจขนาดหลับอีกครึ่ง
00:10:02 → 00:10:04 คืนจะเป็นช่วงที่เรียกว่า cpap tation
00:10:04 → 00:10:09 คือช่วงของการรักษาโดยการในคนที่มีปัญหา
00:10:09 → 00:10:11 เรื่องการหยุดหายใจขนาดหลับเนี่ยการรักษา
00:10:11 → 00:10:13 ในปัจจุบันคือเราจะต้องใส่เครื่องช่วยหาย
00:10:13 → 00:10:16 ใจนะครับแล้วแต่ว่าตอนที่คุณนอนเนี่ยคุณ
00:10:17 → 00:10:19 อ้าปากหรือเปล่าอันนี้เห็นจากตอนที่ที่
00:10:19 → 00:10:22 ตรวจนะครับถ้าเป็นคนที่นอนแล้วไม่ได้อ้า
00:10:22 → 00:10:26 ปากก็ใส่เฉพาะครอบเฉพาะจมูกถ้าอ้าปากด้วย
00:10:26 → 00:10:28 ก็ครอบทั้งปากทั้งจมูกมันจะเป็นหน้ากากนะ
00:10:28 → 00:10:29 ครับแล้วต่อ
00:10:29 → 00:10:33 ท่อไปที่เครื่องนะครับตัวเครื่องเนี่ยเขา
00:10:33 → 00:10:35 ก็จะเอาอากาศในห้องเแหละครับผ่านตัวกรอง
00:10:35 → 00:10:41 แล้วก็พ่นลมเข้าไปหลักๆคือเพื่อไปยกทาง
00:10:41 → 00:10:44 เดินหายใจที่ข้างในข้างในคอเรานะครับที่
00:10:44 → 00:10:48 ตกไปปิดทางเดือนหายใจยกขึ้นคุณก็จะไม่มี
00:10:48 → 00:10:52 การหยุดหายใจเพื่อทำให้ไม่ไม่เกิดการหลับ
00:10:52 → 00:10:55 ตื่นสลับกันก็ทำให้คุณภาพของการนอนดีขึ้น
00:10:55 → 00:10:59 แล้วการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำได้
00:10:59 → 00:11:02 กี่วิธีคะอาจารย์ณปัจจุบันเนี่ยข้อมูลที่
00:11:02 → 00:11:04 ชัดเจนที่สุดเนี่ยคือการใช้เครื่องช่วย
00:11:04 → 00:11:07 หายใจขนาดเหล่านะครับโดยที่เราไม่ได้ไป
00:11:07 → 00:11:10 เปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของคนไข้แล้ว
00:11:10 → 00:11:13 เราจะมีวิธีป้องกันภาวะหยุดหายใจขนาดหลับ
00:11:13 → 00:11:16 ได้ด้วยตัวเองต้องทำอย่างไรบ้างคะจริงๆจะ
00:11:16 → 00:11:19 บอกว่าการหยุดหายใจขนาดหลับเนี่ยไม่ได้มี
00:11:19 → 00:11:23 วิธีการในการป้องกันโดยตรงนะครับเพราะว่า
00:11:23 → 00:11:26 สาเหตุหลักๆคือลักษณะทางกายภาพของเราอ่า
00:11:26 → 00:11:28 คำว่าลักษณะทางกายภาพคือลักษณะของกะลก
00:11:28 → 00:11:31 ศีรษะคนเราคนที่มีค้างสั้นคนที่น้ำหนัก
00:11:31 → 00:11:34 ตัวเยอะพวกเนี้ยมีโอกาสแล้วจริงๆคนต้อง
00:11:34 → 00:11:37 บอกว่าคนเอเชียคนไทยก็เป็นคนเอเชียก็
00:11:37 → 00:11:40 ลักษณะคางเราจะเป็นลักษณะค่อนข้างสั้น
00:11:40 → 00:11:44 กว่าพวกต่างชาติพวกยุโรปพวกเ่ออาหรับอยู่
00:11:44 → 00:11:47 แล้วครับก็เลยมีโอกาสที่จะเกิดพวกนี้ได้
00:11:47 → 00:11:51 มากขึ้นเ่อมีการทานบางอย่างเช่นแอลกอฮอล์
00:11:51 → 00:11:54 บางคนมีสูบบุหรี่อ่าก็เป็นตัวนึงที่
00:11:54 → 00:11:57 กระตุ้นเรื่องของการกลนได้ครับจริงๆ
00:11:57 → 00:12:00 สาเหตุคือเราไปรีเรียกหลีกเลี่ยงตัว
00:12:00 → 00:12:02 กระตุ้นพวกนั้นมากกว่านะครับเพียงแต่ว่า
00:12:02 → 00:12:05 ถ้าสาเหตุทางทางกายภาพอาจจะเป็นแล้วแต่
00:12:05 → 00:12:08 บุคคลอาจารย์ขาอยากจะขอคำแนะนำในเรื่อง
00:12:08 → 00:12:11 ของการนอนหลับที่ดีค่ะจริงๆลักษณะของการ
00:12:11 → 00:12:15 นอนหลับที่แนะนำคืออ่าอยากแนะนำให้รู้จัก
00:12:15 → 00:12:19 คำว่า Sleep ไยนครับ Sleep ไฮยีนคือการทำ
00:12:19 → 00:12:22 ให้สุขลักษณะของการนอนดีที่สุดนะครับโดย
00:12:22 → 00:12:25 การที่นอนเร็วครับนอนเร็วในที่เนี้ยผมแนะ
00:12:25 → 00:12:28 นำว่าถ้าจะให้ดีคือไม่ควรเกินสัก 22:00 น
00:12:28 → 00:12:32 อแล้วก็ตื่นเช้าที่แนะนำให้นอนเร็วแล้ว
00:12:32 → 00:12:36 ตื่นเช้าคือเพื่อให้วงรอบหรือวงจรของการ
00:12:36 → 00:12:39 นอนเราใกล้เคียงกับธรรมชาติที่สุดออก
00:12:39 → 00:12:42 กำลังกายพยายามไปออกตอนช่วงเช้าถ้าจะให้
00:12:42 → 00:12:44 ดีคือให้ตามองเห็นแดดอาจจะไม่จำเป็นต้อง
00:12:44 → 00:12:47 ไปอยู่กลางแดดก็ได้นะครับแต่อยู่กลางแดด
00:12:47 → 00:12:49 บ้างก็ดีนะครับจริงๆตั้งช่วงเย็นเนี่ย
00:12:49 → 00:12:51 หลังจากสัก 18:00 น 1900 นไปแล้วเนี่ย
00:12:51 → 00:12:55 พยายามลดการกระตุ้นของแสงทุกอย่างนะครับ
00:12:55 → 00:13:00 จากจอคอมพิวเตอร์จากจอโทรศัพท์นะครับจาก
00:13:00 → 00:13:02 จอทีวีหรืออะไรก็ตามเนี่ยพวกเนี้ยหรือว่า
00:13:02 → 00:13:06 แสงในห้องไฟที่เป็นไฟสว่างมากๆนะครับพวก
00:13:06 → 00:13:08 เนี้ยก็เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายเรา
00:13:08 → 00:13:11 เหมือนตื่นตัวขอบพระคุณอาจารย์หมอนะคะที่
00:13:11 → 00:13:14 มาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของภาวะ
00:13:14 → 00:13:16 หยุดหายใจขณะหลับ
00:13:16 → 00:13:19 กันสวัสดีครับต้อนรับกลับเข้ามาสู่ช่วง
00:13:19 → 00:13:22 สุดท้ายของรายการ TNN Health นะครับช่วง
00:13:22 → 00:13:25 นี้ผมจะพาคุณผู้ชมเนี่ยมาทำความรู้จักกับ
00:13:25 → 00:13:28 โรคติดต่อที่จริงๆคนไทยเนี่ยคุ้นหูกัน
00:13:28 → 00:13:30 เป็นอย่างดีนะแล้วโรคนี้เนี่ยมีการ
00:13:30 → 00:13:32 พยากรณ์นะครับว่ากำลังจะระบาดเพิ่มมาก
00:13:32 → 00:13:35 ขึ้นในปี 2567 นี้เป็นการคาดการณ์โดย
00:13:35 → 00:13:38 กระทรวงสาธารณสุขครับนิกำลังพูดถึงโรคไข้
00:13:38 → 00:13:40 หวัดใหญ่นั่นเองครับโรคไข้หวัดใหญ่เป็น
00:13:40 → 00:13:43 โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจแล้ว
00:13:43 → 00:13:45 ผู้ป่วยเนี่ยอาจจะเป็นอันตรายถึงขั้นเสีย
00:13:45 → 00:13:48 ชีวิตได้เลยนะครับซึ่งถ้าเกิดไปดูสถิติ
00:13:48 → 00:13:50 ครับในปี 2566 ปีที่แล้วที่ผ่านมาเนี่ย
00:13:50 → 00:13:53 ตลอดทั้งปีมีคนไทยติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่
00:13:53 → 00:13:56 นี้เนี่ยมากกว่า 47,000 คนนะครับและเสีย
00:13:56 → 00:13:59 ชีวิต 29 คนด้วยกันขณะที่ในปีนี้ตั้งแต่
00:13:59 → 00:14:02 เปิดปีใหม่มา 1 มกราคมจนถึง 10
00:14:02 → 00:14:04 กุมภาพันธ์
00:14:04 → 00:14:07 2567 มีคนไทยติดเชื้อแล้วเนี่ยมากกว่า
00:14:07 → 00:14:10 55,000 คนและเสียชีวิต 1 คนซึ่งถือได้
00:14:10 → 00:14:12 ว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี
00:14:12 → 00:14:14 ครับและเพื่อให้คุณผู้ชมได้เข้าใจโรคไข้
00:14:14 → 00:14:16 หวัดใหญ่นี้อย่างลึกซึ้งเพิ่มมากขึ้นนะ
00:14:16 → 00:14:18 ครับโอกาสนี้เราจะมาร่วมพูดคุยกันกับผู้
00:14:18 → 00:14:20 เชี่ยวชาญครับนั่นก็คือรองศาสตราจารย์
00:14:21 → 00:14:23 พิเศษนายแพทย์ทวีโชตพิทยสุนนท์ครับท่าน
00:14:23 → 00:14:26 เป็นประธานมุลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้
00:14:26 → 00:14:28 หวัดใหญ่นะให้เกียรติมาร่วมฉ่าภาพให้เห็น
00:14:28 → 00:14:30 ถึงความสำคัญในการฉีดวัคซีนในแต่ละช่วง
00:14:31 → 00:14:33 ววยและเลือกวัคซีนที่ใช่สำหรับคุณอาจารย์
00:14:33 → 00:14:35 อยู่กับผมแล้วครับสวัสดีครับอาจารย์ครับ
00:14:35 → 00:14:38 สวัสดีครับคุณหมอครับตามปกติแล้วเนี่ยวง
00:14:38 → 00:14:40 จรการระบาดของไข้หวัดใหญ่เนี่ยมันเป็น
00:14:40 → 00:14:42 อย่างไรครับมันจะระบาดหนักๆในช่วงไหนครับ
00:14:42 → 00:14:45 ผมคือไข้หวัดใหญ่เนี่ยเราคงรู้ดีกันนะฮะ
00:14:45 → 00:14:48 ว่าประเทศไทยเราเนี่ยมาตลอดปีเจอทั้งปี
00:14:48 → 00:14:52 เลยเจอทั้งปีแต่จะหนักอยู่ตรงช่วงหน้าฝน
00:14:52 → 00:14:56 อืคำคำถามคือว่าเอ๊ยหน้าฝนเนี่ยมันทำไม
00:14:56 → 00:14:59 ระบาดเยอะโรงเรียนเปิดนะฮะฮะพอโรงเรียน
00:14:59 → 00:15:02 เปิดปั๊บเนี่ยคือที่แหล่งชุมนุมคนแล้ว
00:15:02 → 00:15:05 เด็กเนี่ยเป็นตัวการในการที่จะติดโรคพวก
00:15:06 → 00:15:09 นี้ครับแกจะไม่อาการไม่รุนแรงนะแล้วเสร็จ
00:15:09 → 00:15:12 แล้วแกก็จะพาโลกเนี่ยนะเข้าสู่ครอบครัว
00:15:12 → 00:15:14 ครอบครัวที่อันตรายที่กลัวที่สุดนะก็คือ
00:15:14 → 00:15:17 ผู้สูงอายุที่อยู่ในครอบครัวซึ่งท่านเวลา
00:15:17 → 00:15:21 เป็นแล้วเนี่ยอาการอาจมีโอกาสจะหนักได้อ
00:15:21 → 00:15:23 ก็คือน้องๆไปรับเชื้อมาแล้วก็มาแพร่ให้
00:15:23 → 00:15:26 คุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายที่บ้านออแล้วแบบ
00:15:26 → 00:15:28 นี้เราควรจะได้รับวัคซีนกันเนี่ยฉีด
00:15:28 → 00:15:31 วัคซีนกันในช่วงไหนดีครับคุณหมอคือวัคซีน
00:15:31 → 00:15:33 เนี่ยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเราจะเริ่มมีใช้
00:15:33 → 00:15:35 เนี่ยสำหรับประเทศไทยเราเนี่ยคือช่วงตอน
00:15:35 → 00:15:40 เอ่อประมาณักเดือนปลายมีนาคมต่อกับเมษายน
00:15:40 → 00:15:42 อืครับนะครับเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ที่มี
00:15:42 → 00:15:44 วัคซีนแล้วเนี่ยพร้อมเมื่อไหร่ฉีดได้เลย
00:15:45 → 00:15:47 ครับผมแม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับโรคไข้หวใหญ่
00:15:47 → 00:15:49 เป็นอย่างดีนะครับแต่ว่าก็มีรายงานผู้
00:15:49 → 00:15:51 เสียชีวิตทุกปีเลยนะสถิติที่ผ่านมานี่
00:15:51 → 00:15:53 เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอครับปีที่แล้ว
00:15:54 → 00:15:57 เนี่ยคือปี 2566 เนี่ยมีระบาดเยอะนะครับ
00:15:57 → 00:16:01 แล้วก็ข้อมูลในในประเทศไทยก็มีประมาณสัก
00:16:01 → 00:16:04 500,000 คนที่รายงานนะครับอืจริงๆแล้ว
00:16:04 → 00:16:06 รายงานนี่ต่ำกว่าความเป็นจริงเยอะเพราะ
00:16:06 → 00:16:09 บางคนเนี่ยที่ป่วยก็กินยาแก้ป่วดใก้ไๆ
00:16:09 → 00:16:12 เม็ด 2 เม็ดแล้วก็ไปนอนรุ่งขึ้นเอ๊ยรู้
00:16:12 → 00:16:16 สึกสบายขึ้นก็ไปเรียนต่อไปทำงานต่อพวกนี้
00:16:16 → 00:16:19 ก็จะไม่ได้รับการรายงานแต่ที่ตัวเลขที่
00:16:19 → 00:16:22 เห็นชัดเจนคือมีผู้เสียชีวิตจากโลกนี้
00:16:22 → 00:16:25 แล้ว 29 คนในปีที่แล้วซึ่งดูเหมือนกับไม่
00:16:25 → 00:16:29 เยอะนะครับแต่ผมเชื่อว่าเอ่อเอถ้าเผื่อระ
00:16:30 → 00:16:32 ระดับโลกเนี่ยมันจะมีผู้เสียชีวิตเป็นแสน
00:16:32 → 00:16:35 ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุอืๆๆๆ
00:16:35 → 00:16:37 นี่แหละครับคือเป้าหมายหลักของเราเลยครับ
00:16:37 → 00:16:39 ผมนั่นหมายความว่าผู้สูงอายุควรที่จะได้
00:16:39 → 00:16:42 รับวัคซีนเลยอย่านิ่งนอนใจใช่มั้ยครับ
00:16:42 → 00:16:44 ครับคือคือถ้าเผื่อวัคซีนพร้อมเมื่อไหร่
00:16:44 → 00:16:47 ผู้สูงอายุรับได้เลยครับผมคืออย่างที่คุณ
00:16:47 → 00:16:50 หมอบอกว่าน้องๆในโรงเรียนเนี่ยนะครับจะจะ
00:16:50 → 00:16:53 รับเชื้อมานะแล้วก็มาแพร่ต่อให้กับคนใน
00:16:53 → 00:16:55 บ้านนะอยากให้คุณหมอฉ่ายภาพให้เห็นหน่อย
00:16:55 → 00:16:57 ครับว่าเมื่อเทียบกันกับเด็กเล็กนะครับ
00:16:57 → 00:17:00 บุคคลทั่วไปผู้สูงอายุเนี่ยใครเสี่ยงมาก
00:17:00 → 00:17:03 น้อยอย่างไรบ้างครับผมคือความเสี่ยงในการ
00:17:03 → 00:17:06 ติดเชื้อติดเชื้อแล้วก็ป่วยเล็กๆน้อยๆ
00:17:06 → 00:17:08 เนี่ยนะครับคือเด็กครับโดยเฉพาะยิ่งเด็ก
00:17:08 → 00:17:12 นักเรียนเด็กถ้าเอยู่ๆในวัยต้นๆนะเส้น 6
00:17:12 → 00:17:15 เดือนไปจนเอ่อ 2-3 ขวบเนี่ยยังอยู่บ้าน
00:17:15 → 00:17:17 เพราะฉะนั้นพี่เขาจะเป็นคนพาเชื้อเข้ามา
00:17:18 → 00:17:20 ครับแต่เด็กที่จะพาเชื้อที่สำคัญที่สุด
00:17:20 → 00:17:24 คือเด็กกลุ่มที่ไปเรียนหนังสือสำหรับผู้
00:17:24 → 00:17:26 ใหญ่ที่อยู่ตรงกลางนะฮะผู้ใหญ่ผู้ใหญ่
00:17:26 → 00:17:29 เนี่ยส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่แข็งแรงดีนะ
00:17:29 → 00:17:31 ครับเพราะฉะนั้นท่านอาจจะอาการป่วยมี
00:17:31 → 00:17:34 เหมือนกันแต่ไม่ค่อยมากเท่าไหร่นะครับแต่
00:17:34 → 00:17:37 อย่างไรก็ตามก็ป่วยก็จะมีมีผลกระทบต่อ
00:17:37 → 00:17:40 เอ่อไม่ได้ดูแลลูกหลานนะครับไม่ได้เอ่อไป
00:17:40 → 00:17:43 ทำงานอย่างเงี้ยนะแต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ
00:17:43 → 00:17:46 ผู้สูงอายุที่อยู่ในครอบครัวอท่านเอ่อมี
00:17:46 → 00:17:48 สูงอายุแล้วท่านไปถึงจุดนึงแล้วที่ร่าง
00:17:49 → 00:17:51 กายเนี่ยเริ่มอ่อนแอลงมีโรคประจำตัวนะ
00:17:51 → 00:17:54 ครับการต่อสู้กับเชื้อโรคเต่างๆเนี่ยก็จะ
00:17:54 → 00:17:57 อ่อนแอลงเพราะฉะนั้นพอเชื้อเข้ามาพรุนแรง
00:17:57 → 00:17:59 ได้แล้วก็ที่เสียเียชีวิตเนี่ยส่วนใหญ่่
00:17:59 → 00:18:01 แล้วเนี่ยก็เหมือนโควิดเลยนะครับคือผู้
00:18:01 → 00:18:04 สูงอายุเพราะฉะนั้นวัคซีนเนี่ยจะสามารถ
00:18:04 → 00:18:07 ช่วยได้ตรงนี้ครับสำหรับผู้ป่วยโรคไข้
00:18:07 → 00:18:09 หวัดใหญ่เนี่ยนะครับคือมันจะมีผลอย่างไร
00:18:09 → 00:18:11 บ้างครับคุณหมอทั้งทางตรงแล้วก็ทางอ้อม
00:18:11 → 00:18:14 ครับผมไข้หวัดใหญ่เนี่ยบางครั้งเนี่ยเอ่อ
00:18:14 → 00:18:18 บางคนที่เป็นเนี่ยอาการไม่รุนแรงครับกิน
00:18:18 → 00:18:20 ยาแล้วนอนพักอยู่ที่บ้านก็หายแต่ถ้าหนัก
00:18:21 → 00:18:23 ถึงขนาดต้องเข้าโรงพยาบาลเนี่ยแสดงว่าคุณ
00:18:23 → 00:18:25 ไปทำงานไม่ได้เลย 3 วัน 5 วัน 7 วันนะ
00:18:25 → 00:18:28 ครับรายได้ที่ต้องเสียไปนะอันนี้ก็ยัง
00:18:28 → 00:18:31 เป็นผลทางอ้อแต่ผลทางตรงงเนี่ยคือร่างกาย
00:18:31 → 00:18:34 คุณต้องเจ็บป่วยต้องเสียเงินค่ายารักษา
00:18:34 → 00:18:38 ภากรัฐบาลก็มีการคิดคำนวณออกมาแล้วว่าถ้า
00:18:38 → 00:18:41 อย่างงั้นภาครัฐบาลจัดหาวัคซีนให้กับบาง
00:18:41 → 00:18:44 กลุ่มอืที่มีความเสี่ยงสูงๆเนี่ยคุ้มม
00:18:44 → 00:18:47 ปรากฏคุ้มมากอย่างไรก็ตามถ้าเผื่อว่าท่าน
00:18:47 → 00:18:49 อยู่ในกลุ่มที่จะฉีดวัคซีนเองเนี่ยยังไง
00:18:49 → 00:18:52 ก็ขอให้ปรึกษาแพทย์สำหรับวัคซีนไข้วัด
00:18:52 → 00:18:54 ใหญ่เนี่ยมีกี่ขนาดครับแล้วแต่ละประเภท
00:18:54 → 00:18:57 เนี่ยเหมาะสมกับใครบ้างครับที่สำคัญที่
00:18:57 → 00:19:00 เอ่อวันนี้ผมอยากจะกล่าวถึงก็คือรูปแบบ
00:19:00 → 00:19:03 ที่ขนาดปกติหรือขนาดมาตรฐานซึ่งอันนี้ใช้
00:19:03 → 00:19:06 มานาน 80 ปีแล้วนะครับเพราะฉะนั้นเป็นที่
00:19:06 → 00:19:08 มั่นใจได้ว่าวัคซีนไข้หบดใหญ่เนี่ยมีความ
00:19:08 → 00:19:11 ปลอดภัยสูงนะครับอีกอย่างนึงก็คือเเพิ่ง
00:19:12 → 00:19:15 พัฒนาออกมาได้ไม่ไม่กี่ปีนี้เพื่อสำหรับ
00:19:15 → 00:19:19 มามาให้กับผู้สูงอายุโดยเฉพาะอ๋อเพราะว่า
00:19:19 → 00:19:21 เค้าเองเค้าก็มองว่าผู้สูงอายุคือกลุ่ม
00:19:21 → 00:19:24 ที่เวลาเป็นแล้วเนี่ยรุนแรงโรครุนแรงได้
00:19:24 → 00:19:27 เพราะฉะนั้นเขาก็จะเพิ่มขนาดของส่วน
00:19:27 → 00:19:30 ประกอบของของไอ้ตัววัคซีนเนี่ยเพิ่มขึ้น
00:19:30 → 00:19:32 จากเดิมเนี่ยประมาณ 4 เท่าให้เหมาะสมกับ
00:19:32 → 00:19:34 ผู้สูงอายุโดยเฉพาะเลยผสูงโดยเฉพาะปรากฏ
00:19:34 → 00:19:38 ว่าผลการศึกษาวิจัยพบว่าเอ่อวัคซีนตัวนี้
00:19:38 → 00:19:41 เนี่ยสามารถที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุก็คือ
00:19:41 → 00:19:44 อายุเกิน 65 ปีขึ้นไปไม่ว่าจะมีโรคจำตัว
00:19:44 → 00:19:47 หรือไม่มีโรคประจำตัวก็ตามนะฮะกลุ่มนี้ก็
00:19:47 → 00:19:51 จะเหมาะเ่อในการที่จะมีวัคซีนที่เป็นเ่อ
00:19:51 → 00:19:53 ชนิดขนาดสูงซึ่งจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น
00:19:53 → 00:19:55 ครับครับผมดังนั้นก็อย่างที่นอนใจนะครับ
00:19:55 → 00:19:58 ลูกหลานเองก็พาคุณปู่คุณย่าคุณพ่อคุณแม่
00:19:58 → 00:19:59 ที่บ้านเนี่ยไปปรึกษาคุณหมอเพื่อรับ
00:20:00 → 00:20:02 วัคซีนที่เหมาะสมที่สุดจะดีที่สุดนะครับ
00:20:02 → 00:20:04 ถูกต้องครับคุณหมอครับแล้วแล้วสมมุติว่า
00:20:04 → 00:20:07 เราได้รับวัคซีนไปแล้วเนี่ยเอ่อมันจะช่วย
00:20:07 → 00:20:09 ลดความรุนแรงหรือว่าลดการติดเชื้อได้มาก
00:20:09 → 00:20:11 น้อยขนาดไหนครับกี่เปอร์เซ็นต์อย่างเงี้ย
00:20:11 → 00:20:12 บอกได้เลยมั้ยครับบอกได้ครับมีการศึกษา
00:20:12 → 00:20:16 เนี่ยมีในเอ่อในประเทศที่เขาใช้บ่อยเนี่ย
00:20:16 → 00:20:18 เขาจะเก็บข้อมูลไว้เยอะเลยนะฮะแล้วก็ใน
00:20:18 → 00:20:21 ประเทศไทยเราก็พอจะมีเก็บข้อมูล้าพบว่าใน
00:20:21 → 00:20:25 ขณะที่เป็นมาตรฐานเนี่ยนะในบุคคลที่อายุ
00:20:25 → 00:20:29 ต่างๆนะฮะเราพบว่าได้ผลประมาณ 50-60
00:20:29 → 00:20:32 ในการป้องกันการติดเชื้อหรือป้องกันโรคนะ
00:20:32 → 00:20:34 แต่ป้องกันการโรครุนแรงและเสียชีวิตเนี่ย
00:20:34 → 00:20:39 ได้ระดับสูงกว่านั้นอีกอืครับผมแล้วที่มี
00:20:39 → 00:20:42 การแนะนำกันมาเสมอครับว่าวัคซีนไข้หวัด
00:20:42 → 00:20:44 ใหญ่เนี่ยควรจะได้รับการฉีดเนี่ยปีละ 1
00:20:44 → 00:20:46 ครั้งตรงนี้อยากให้คุณหมอช่วยแย้ำความ
00:20:46 → 00:20:48 สำคัญของการได้รับวัคซีนในแต่ละปีหน่อย
00:20:48 → 00:20:50 ครับผมเราจะเห็นว่าเ่อการระบาดเนี่ยใน
00:20:50 → 00:20:54 ประเทศที่เอ่อมีอากาศหนาวนะฮะยุโรป
00:20:54 → 00:20:57 อเมริกาเนี่ยเขาจะอยู่ตรงช่วงหน้าหนาวนะ
00:20:57 → 00:21:00 ฮะซึ่งเขาก็ฉีดปีปีละครั้งแต่ของบ้านเรา
00:21:00 → 00:21:03 เนี่ยตลอดทั้งปีอันนี้ไม่ใช่ว่าฉีดที
00:21:03 → 00:21:05 เดียวเนี่ยมันจะป้องกันได้แค่เดือน 2
00:21:05 → 00:21:08 เดือนไม่มันสามารถครอบคลุมได้ทั้งเกือบปี
00:21:08 → 00:21:11 เพราะฉะนั้นฉีดปีละครั้งที่จะต้องฉีด 2
00:21:11 → 00:21:15 เข็มใน 1 ปีมีอยู่ 2 กรณีครับกรณีที่ 1
00:21:15 → 00:21:18 คือเด็กเล็กซึ่งฉีดเป็นปีแรกตั้งแต่ 6
00:21:18 → 00:21:21 เดือนถึง 9 ปีเนี่ยปีแรกเนี่ยต้องฉีด 2
00:21:21 → 00:21:24 เข็มห่างกันประมาณเดือนนึงเป็นการกระตุ้น
00:21:24 → 00:21:27 เตือนให้เขาอันที่ 2 ก็คือกลุ่มที่มีโรค
00:21:27 → 00:21:30 จำตัวที่รุนแรงมากนะครับผู้ใหญ่พวกนี้เรา
00:21:30 → 00:21:34 ก็จะฉีดปีละ 2 ครั้งเท่านั้นเองนอกนั้น
00:21:34 → 00:21:37 ฉีดแค่ปีละครั้งพอนะครับถ้าเกิดว่าฉีดไป
00:21:37 → 00:21:39 แล้วเนี่ยมันจะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
00:21:39 → 00:21:42 ครับวัคซีนตัวนี้เนี่ยในฐานะที่เป็นเอ่อ
00:21:42 → 00:21:45 หมอที่ทำงานเกี่ยวกับวัคซีนมาประมาณ 450
00:21:45 → 00:21:48 ปีนะวัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนที่เซฟที่สุด
00:21:48 → 00:21:51 วัคซีนเนี่ยนะครับฉีดแล้วเนี่ยนะครับที่
00:21:51 → 00:21:53 ที่มีอาการไข้ปวดเมื่อยตามตัวอันนี้
00:21:54 → 00:21:56 ประมาณ 5 -10% อืนะครับอีกที่เหลืออีก
00:21:56 → 00:21:59 90% ไม่มีอาการเลยครับเพราะฉะนั้นยืน
00:21:59 → 00:22:02 อีกีว่าวัคซีเนี่ยปลอดภัยมากตัวหมอเอง
00:22:02 → 00:22:06 เนี่ยฉีดมาประมาณ 20 กว่าปีโอทุกปีนะฮทุก
00:22:06 → 00:22:08 ปีว่า 20 กว่าเข็มแล้วใช่มั้ยหมอ 20 กว่า
00:22:08 → 00:22:11 เข็มนะฮะรับรองว่าไม่มีการสะสมหรือไม่มี
00:22:11 → 00:22:13 ไม่ต้องไปกลัวเรื่องนี้นะครับอืครับผมดัง
00:22:13 → 00:22:15 นั้นสุดท้ายอยากให้คนไทยเห็นประโยชน์ถึง
00:22:15 → 00:22:17 เรื่องนี้ครับอยากให้คุณหมอได้ฝากไว้ให้
00:22:17 → 00:22:20 คนไทยเราห่างไกลจากโรคไข้หวัดใหญ่หน่อย
00:22:20 → 00:22:22 ครับผมเอ่อเรื่องไข้หวัดใหญ่นี่ยังเป็น
00:22:22 → 00:22:25 โรคที่มาทุกปีมาทั้งปีเพราะฉะนั้นพวกเรา
00:22:25 → 00:22:28 คงจะต้องระวังเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพนะ
00:22:28 → 00:22:31 ครับกินร้อนช้อนกลางล้างมือยังเป็นตรรกะ
00:22:31 → 00:22:35 ซึ่งใช้ได้ตลอดเวลานอกจากนี้แล้วเนี่ยขณะ
00:22:35 → 00:22:38 นี้มีวัคซีนและงั้นการที่มีวัคซีนเนี่ย
00:22:38 → 00:22:41 เราก็จะต้องไปฉีดวัคซีนเมื่อวัคซีนเริ่ม
00:22:41 → 00:22:43 มานะฮะซึ่งส่วนใหญ่เนี่ยจะมาประมาณสัก
00:22:43 → 00:22:47 เดือนเอ่อมีปลายมีนาคมเมษายนแล้วก็หลง
00:22:47 → 00:22:50 หลังจากนั้นก็ลงมือฉีดได้จำไว้นะครับเก็บ
00:22:50 → 00:22:53 วัคซีนในร่างกายดีกว่าเก็บวัคซีนอยู่ใน
00:22:53 → 00:22:55 ตู้เย็นเพราะมันทำงานไม่ได้ร่างกายทำงาน
00:22:55 → 00:22:59 ได้แล้วนอกจากนั้นนะครับโรคไข้หวัดใหญ่
00:22:59 → 00:23:02 เนี่ยกลุ่มที่เสี่ยงเป็นมากที่สุดคือเด็ก
00:23:02 → 00:23:04 โดยเฉพาะยิ่งเด็กนักเรียนแต่กลุ่มที่
00:23:04 → 00:23:06 เสี่ยงตายขออนุญาตต้องใช้คำว่าเสี่ยงตาย
00:23:06 → 00:23:10 นะครับก็คือผู้สูงอายุนะเพราะฉะนั้นเอ่อ
00:23:10 → 00:23:13 วัคซีนเป็นส่วนที่มีความคุ้มค่าคุ้มทุน
00:23:13 → 00:23:16 มากที่สุดนะครับในการป้องกันโรคไข้วัน
00:23:16 → 00:23:19 ใหญ่ครับครับผมมาฟังคุณหมอก็รู้สึกเห็น
00:23:19 → 00:23:21 ถึงประโยชน์ของวัคซีนนะครับเดี๋ยวผมต้อง
00:23:21 → 00:23:23 พาคุณพ่อไปรับวัคซีนแล้วตัวผมเองด้วยปีละ
00:23:23 → 00:23:25 1 ครั้งครับผมก็วันนี้ขอบคุณคุณหมอมาก
00:23:25 → 00:23:27 เลยที่มาชายภาพเห็นถึงความสำคัญของเรื่อง
00:23:27 → 00:23:30 นี้นะครับขอบพระคุณครับสวัสดีครับคุณผู้
00:23:30 → 00:23:32 ชมครับโรคไข้หวัดใหญ่แม้ว่าเราจะคุ้นเคย
00:23:32 → 00:23:34 กันเป็นอย่างดีแต่ประมาทไม่ได้นะครับควร
00:23:34 → 00:23:37 ที่จะป้องกันด้วยการได้รับวัคซีนปีละ 1
00:23:37 → 00:23:39 ครั้งด้วยกันและที่สำคัญนะครับวันนี้เรา
00:23:39 → 00:23:41 เห็นภาพชัดเจนแล้วว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่
00:23:41 → 00:23:43 ไม่ได้เหมือนกันทุกชนิดนะครับต้องเลือก
00:23:43 → 00:23:46 ให้เหมาะสมสำหรับตัวคุณและคนที่คุณรักนะ
00:23:46 → 00:23:49 ครับจะได้ครอบคลุมปลอดภัยและมั่นใจมาก
00:23:49 → 00:23:51 กว่าเดิมครับช่วงนี้กลับไปที่คุณหมอดาว
00:23:51 → 00:23:53 ครับเป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสาระ
00:23:54 → 00:23:56 สุขภาพดีๆที่วันนี้ T Health นำมาฝากคุณ
00:23:57 → 00:23:59 ผู้ชมกันก็หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้
00:23:59 → 00:24:02 ชมจะสามารถนำสาระสุขภาพดีๆที่ได้นะคะไปดู
00:24:02 → 00:24:06 แลตัวเองและครอบครัวค่ะและอย่าลืมนะคะกด
00:24:06 → 00:24:09 ไลกดแชร์กด Subscribe เป็นกำลังใจให้หมอ
00:24:09 → 00:24:11 ดาวและรายการ TE and Health ในช่องทาง
00:24:11 → 00:24:13 โซเชียล Network ต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:24:13 → 00:24:15 YouTube tiktok Facebook Instagram
00:24:15 → 00:24:18 รวมถึง LINE official ด้วยเพื่อที่จะ
00:24:18 → 00:24:21 เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุมกันรู้
00:24:21 → 00:24:24 ทันโรคไปด้วยกันและแน่นอนค่ะอย่าลืมติด
00:24:24 → 00:24:27 ตามรับชมรายการเป็นประจำทุกวันเสาร์เวลา
00:24:27 → 00:24:32 ดี 15 นถึง 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16
00:24:32 → 00:24:35 ที่สำคัญนะคะวันนี้ต้องขอขอบคุณสถานที่
00:24:35 → 00:24:38 ค่ะคืออาคาร True Digital Park ค่ะชั้น
00:24:38 → 00:24:41 6 นะคะขอบคุณที่เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำ
00:24:41 → 00:24:43 ให้กับรายการของเราค่ะเพื่อที่จะเข้าถึง
00:24:43 → 00:24:47 ทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรค
00:24:47 → 00:24:49 ไปด้วยกันสำหรับวันนี้หมอดาวและทีมงาน
00:24:49 → 00:24:53 ต้องขอตัวลาไปก่อนสวัสดี
00:24:53 → 00:24:57 [เพลง]
00:24:57 → 00:24:59 ค่ะ
00:24:59 → 00:25:27 [เพลง]
00:25:27 → 00:25:43 เ
00:25:43 → 00:25:46 A