00:00:00 → 00:00:01 ก็สวัสดีจะก่อนนะครับยินดีต้อนรับเพื่อ
00:00:01 → 00:00:04 ส่งเรื่องเล่าจากร่างกายนะครับผมอ๋อเอว
00:00:04 → 00:00:06 นายแพทย์ชัชพลเกียรติขจรธาดานะครับวันนี้
00:00:06 → 00:00:08 ก็จะเป็นตอนที่ 7 แล้วนะครับของเรื่องที่
00:00:08 → 00:00:10 เราคุยกันอยู่ก็คือเรื่องของหัวใจนะครับ
00:00:10 → 00:00:13 ซึ่งจะไปต่อสุดท้ายแล้ววันนี้เราจะคุยถึง
00:00:13 → 00:00:16 ภาวะที่เรียกว่าภาวะช็อกนะครับจะได้พูด
00:00:16 → 00:00:18 ถึงคำว่าช็อกนะครับผมเชื่อว่าในสำหรับคน
00:00:18 → 00:00:22 ทั่วไปนะครับความหมายว่าจะหมายถึงอะไรก็
00:00:22 → 00:00:24 ตามที่มันสะเทือนอารมณ์มากๆนะครับเช่นได้
00:00:24 → 00:00:26 ยินข่าวที่มันน่ากลัวนะครับข่าวที่ทำให้
00:00:26 → 00:00:29 เสียใจแล้วก็รู้สึกตกใจมากจนกระทั่งเกิด
00:00:29 → 00:00:33 คำว่าช็อกขึ้นมาแต่ว่าคำนี้เนี่ยในทางวง
00:00:33 → 00:00:35 การแพทย์มันมีความหมายที่ต่างกันเลยนะ
00:00:35 → 00:00:37 ครับถ้าหลายครั้งเวลาเราคุยกันหรือสื่อ
00:00:37 → 00:00:40 สารระหว่างทางคนที่เรียกว่าการแพทย์นะ
00:00:40 → 00:00:42 ครับหมอกับพยาบาลคุยกับคนทั่วไปหลายครั้ง
00:00:42 → 00:00:45 เนี่ยมันทำให้เกิดการเข้าใจผิดกันเพราะ
00:00:45 → 00:00:47 ฉะนั้นเริ่มแรกสุดนะครับเรามาดูก่อนว่าคำ
00:00:47 → 00:00:49 ว่าช็อคในทางวงการแพทย์หรือที่หมอหรือ
00:00:49 → 00:00:55 พยาบาลใช้เนี่ยมันมีความหมายว่าอย่างไร
00:00:55 → 00:00:57 โดยทั่วไปนะครับเวลาหมอหรือพยาบาลพูดถึง
00:00:57 → 00:01:00 ภาวะช็อกเนี่ยมันจะเป็นภาวะพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
00:01:00 → 00:01:03 ในการแพทย์อันนึงก็คือคนพบผู้ป่วยเนี่ยมี
00:01:03 → 00:01:05 ความนั้นเลือดที่ตกลงอย่างมากนะครับแล้ว
00:01:05 → 00:01:08 ก็ตกลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเลือดไป
00:01:08 → 00:01:10 เลี้ยงไว้ว่าต่างๆที่สำคัญของร่างกาย
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยไม่พอเพียงจะได้พอเลือดไปเลี้ยงน้อย
00:01:13 → 00:01:16 ก็คือผลตามมาก็แน่นอนก็คือเซลล์ขาดเลือด
00:01:16 → 00:01:19 นะครับขาดพลังงานอวัยวะนั้นขัดพลังงาน
00:01:19 → 00:01:22 เพราะไม่มีพลังงานแล้วก็จะเสี่ยงก็จะตาย
00:01:22 → 00:01:24 นะครับหรือเยอะจะตายอวัยวะเนี่ยก็อาจจะ
00:01:24 → 00:01:27 อยู่ทำงานได้อันนี้เป็นเราบอกว่าอวัยวะ
00:01:27 → 00:01:30 สำคัญนะครับที่ขาดเลือดที่เราควงกันมากๆ
00:01:30 → 00:01:32 เนี่ยก็ได้แก่อะไรบ้างหลักๆก็จะเรื่องของ
00:01:32 → 00:01:36 ไปนะครับสมองหัวใจแล้วก็ pod ซึ่งถ้าไม่
00:01:36 → 00:01:38 สามารถแก้ไขภาวะที่ควรเลือกมันต่ำลงไปใน
00:01:38 → 00:01:42 ได้อย่างทันท่วงทีเนี่ยก็จะเกิดภาวะไตวาย
00:01:42 → 00:01:44 ได้นะครับหรือเกิดภาวะสมองขาดเลือดหัวใจ
00:01:44 → 00:01:47 ขาดเลือดได้รับพระแน่นอนและผู้ป่วยถ้า
00:01:47 → 00:01:50 เป็นมากๆนะครับอาจจะเสียชีวิตได้นั้นก็
00:01:50 → 00:01:52 คือคำนิยามของคำว่าช็อกมีทางการแพทย์นะ
00:01:52 → 00:01:55 ครับที่นี่คำถามถัดไปก็คือว่าอะไรคือ
00:01:55 → 00:02:00 สาเหตุนะครับที่ทำให้ผู้ป่วย Shock ใน
00:02:00 → 00:02:03 ค่ะสำหรับสาเหตุของช็อคนะครับเนี่ยมันมี
00:02:03 → 00:02:05 ได้มากมายนะครับก็คืออะไรก็ได้ที่ทำให้
00:02:05 → 00:02:08 ความดันเลื่อนมาตกลงอย่างรวดเร็วเช่นอ๊อฟ
00:02:08 → 00:02:11 เลือดออกนะครับเช่นอาจารย์เจ้ารถชนนะครับ
00:02:11 → 00:02:14 โดนแทงโดนยิงเนี่ยเราก็จะมีเลือดออกหรือ
00:02:14 → 00:02:16 ว่าจะเกิดจากภาวะติดเชื้อในเลือดก็ได้นะ
00:02:16 → 00:02:18 ครับทำให้ความดันเลือดเนี่ยมันเอาะตกลง
00:02:18 → 00:02:21 ฉันรวดเร็วหรือในบางคนอาจจะแพ้ยานะครับ
00:02:21 → 00:02:24 ถ้ายาแบบที่แพ้รุนแรงนะครับความดันเดือน
00:02:24 → 00:02:27 ก็ตอบได้เกิดภาวะช็อกได้ที่นี่จะเห็นว่า
00:02:27 → 00:02:29 สาเหตุที่มันทำให้เกิดภาวะช็อกได้ในวัน
00:02:29 → 00:02:32 นี้หลากหลายมากนะครับดังนั้นในทางการ
00:02:32 → 00:02:35 แพทย์ปกติก็เลยแถมยังมีการจัดหมู่นะครับ
00:02:35 → 00:02:39 ของสาเหตุของช็อปเอาไว้ขอเข้าๆเนี่ยจะ
00:02:39 → 00:02:40 แบ่งได้เป็น 5 ประเภทนะครับประเภทใหญ่
00:02:40 → 00:02:43 ด้วยกันที่ 5 ประเภทที่ว่านี้มีอะไรบ้าง
00:02:43 → 00:02:45 นะครับอย่างไรนะครับภาษาทางการแพทย์ในและ
00:02:45 → 00:02:47 ว่าเป็น hypovolemic Shock นะครับแล้ว
00:02:47 → 00:02:49 ว่าก็คือภาวะช็อกที่เกิดจากการเสียเลือด
00:02:49 → 00:02:52 และเสียน้ำไปนะครับอย่างที่สองในหรือว่า
00:02:52 → 00:02:54 Cardio 7x Shock ค่ะเดียวเนี่ยที่ไป
00:02:54 → 00:02:56 หัวใจนะครับก็คือว่าภาวะช็อกที่เกิดจาก
00:02:56 → 00:03:00 ปัญหาต้นปของปัญหามันอยู่ที่หัวใจ
00:03:00 → 00:03:02 มีภาวะที่ 3 นะครับคือภาวะที่เราว่าเสพ
00:03:02 → 00:03:05 ติด Shock นะครับขอบเสพติดเนี่ยรู้ว่า
00:03:05 → 00:03:06 แซ่บเสร็จอย่าคือภาวะติดเชื้อในกระแส
00:03:06 → 00:03:09 เลือดก็คือภาวะช่องที่เกิดจากการที่เรามี
00:03:09 → 00:03:12 การติดเชื้อในกระแสเลือดประเภทที่ 4 นะ
00:03:12 → 00:03:14 ครับเป็นเพราะช็อกที่ชื่อในภาษาการผ้า
00:03:15 → 00:03:17 หรือว่าอะนาฟาแลคติก Shock นะครับก็คือ
00:03:17 → 00:03:21 ภาวะช็อกที่เกิดจากการแพ้ผ้าแบบรุนแรงนะ
00:03:21 → 00:03:23 ครับซึ่งเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะครับร้าน
00:03:23 → 00:03:25 ที่ 5 นั่นก็คือโรเจนเด็กช็อคอยู่โรที่
00:03:25 → 00:03:28 แปลว่าประสาทนะครับก็คือการช็อกที่เกิด
00:03:28 → 00:03:31 จากหรือว่าต้นเหตุสาเหตุมันมาจากความผิด
00:03:31 → 00:03:34 ปกติที่เกิดขึ้นกับระบบประสาทโอเคนี้เป็น
00:03:34 → 00:03:36 5 ชื่อเร็วๆนะครับเดี๋ยวเราจะมาดูทีละ
00:03:36 → 00:03:38 ประเภทกันนะครับจากที่บายให้ฟังว่ากลไก
00:03:38 → 00:03:41 ของมันเป็นยังไงบ้างแต่ก่อนที่เราจะไปดู
00:03:41 → 00:03:43 เรื่องช็อคแบบในรายละเอียดแต่ละประเภทกัน
00:03:43 → 00:03:46 นะครับผมจะขอเริ่มจากการทวนความจำเกี่ยว
00:03:46 → 00:03:48 กับความดันเลือดก่อนสักนิดนึงนะครับเพราะ
00:03:48 → 00:03:50 ว่าความเข้าใจตรงนี้มันจะสำคัญกับตรงที่
00:03:50 → 00:03:55 เราจะไปเข้าใจว่าเรื่องช็อค
00:03:55 → 00:03:57 เราเคยคุยกันไปนะครับว่าความดันเลือด
00:03:57 → 00:04:00 เนี่ยมันจะมากหรือน้อยเดี๋ยวมันมีปัจจัย
00:04:00 → 00:04:02 แต่ผมอยู่ 4 อย่างด้วยกันอย่างแรกก็คือ
00:04:02 → 00:04:05 ตัวเรื่องของน้ำเลือดนะครับปริมาตรของน้ำ
00:04:05 → 00:04:07 เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในระบบก็คือรายวัน
00:04:07 → 00:04:10 อยู่ในเส้นเลือดต่างๆทั่วร่างกายว่ามันมี
00:04:10 → 00:04:12 มากน้อยแค่ไหนถ้าเรามีตัวน้ำเลือดนะครับ
00:04:12 → 00:04:15 หรือว่าตัวเลือกเนี่ยในร่างกายมากความดัน
00:04:15 → 00:04:17 เหลือกได้เขาจะสูงถ้าเรามีตัวปริมาตรของ
00:04:17 → 00:04:21 น้ำในเหลือน้อยความดันก็จะต่ำปัจจัยที่ 2
00:04:21 → 00:04:23 ก็คือหัวใจเนี่ยบีบแรงแค่ไหนนะครับเข้าใจ
00:04:23 → 00:04:26 บีบได้แรงความดันก็จะสูงทั้งหัวใจบีบไม่
00:04:26 → 00:04:29 แรงคนนั้นเลือกก็จะต่ำอันที่สามก็คือความ
00:04:29 → 00:04:32 ถี่และความเร็วในการเต้นหัวใจทั้งหัวใจ
00:04:32 → 00:04:34 เต้นเร็วด้วยความจะเลือกจะสูงขึ้นนะครับ
00:04:34 → 00:04:37 ถ้าเราเข้าใจเต้นช้าลงและความจะเลือก
00:04:37 → 00:04:40 เนี่ยก็จะตกลงปัจจัยที่ 4 นะครับก็คือ
00:04:40 → 00:04:43 ความใหญ่ของตัวเส้นเลือดแดงนะครับก็คือ
00:04:43 → 00:04:46 ถ้าเส้นเลือดแดงบรรพตตัวเล็กลงเนี่ยหรือ
00:04:46 → 00:04:48 ว่าท่อมันเล็กลงความจะเลื่อนเนี่ยก็จะ
00:04:48 → 00:04:51 เพิ่มสูงขึ้นถ้าจะเลือกมันขยายนะครับความ
00:04:51 → 00:04:54 เป็นเลื่อนเนี่ยก็จะตกลงง่ายๆนะครับสีข้อ
00:04:54 → 00:04:56 ดีนะครับปัจจัย 4 ข้อนี้ปัจจัย 4 ข้อนี้
00:04:56 → 00:04:59 นะครับจะทำให้เราเข้าใจประเภทหน้าต่างของ
00:04:59 → 00:05:02 ชอบได้ก็จะทำให้เข้าใจด้วยว่าว่าในการ
00:05:02 → 00:05:05 รักษาเนี่ยหมอรักษาให้ตรงสาเหตุนี้ได้ยัง
00:05:05 → 00:05:07 ไงนะครับแต่ว่าแก้ปัญหาให้ตรงจุดมากขึ้น
00:05:07 → 00:05:10 ได้ยังไงเพราะว่าภาวะช็อกก็คือภาวะที่คน
00:05:10 → 00:05:11 นั้นเรือน้ำตกทุกข์นะครับแล้วก็ต้องแก้
00:05:11 → 00:05:14 ที่ 4 ปัจจัยตัวนี้แหละโอเคแค่นี้มาดูกัน
00:05:14 → 00:05:16 นะครับว่าชอบแต่ละประเภทเนี่ยออกไม่มีราย
00:05:16 → 00:05:19 ละเอียดอย่างไรบ้างเริ่มจากช็อคประเภทแรก
00:05:19 → 00:05:21 นะครับที่เรียกว่าเป็นไทยโปรเน็ตช็อกนะ
00:05:21 → 00:05:24 ครับหรือว่าภาวะช็อกที่เกิดจากบีบปริมาตร
00:05:24 → 00:05:29 เลือดเนี่ยในเส้นเลือดเนี่ยน้อยลง
00:05:29 → 00:05:32 โอเคเริ่มจากคำถามนะครับว่าทำไมเราถึงได้
00:05:32 → 00:05:35 มีไปมาศเลือกร่างกายน้อยลงคำตอบก็ตรงไป
00:05:35 → 00:05:38 ตรงมามากๆเลยนะครับก็คือว่าเกิดการเสีย
00:05:38 → 00:05:41 เลือดอย่างรวดเร็วนะครับส่วนสาเหตุก็จะ
00:05:41 → 00:05:42 เป็นอะไรก็ได้นะครับเช่นอุบัติเหตุนะครับ
00:05:42 → 00:05:46 รถชนมีแทนครับโดนยิงอันนี้ตรงไปตรงมานะ
00:05:46 → 00:05:48 ครับต้องหรือฉะนั้นนะครับก็มีเลือดออกใน
00:05:49 → 00:05:51 ลักษณะอื่นได้เช่นเป็นคนที่มีเลือดออกใน
00:05:51 → 00:05:53 ทางเดินอาหารรุนแรงนะครับถ้าเลือดมันออก
00:05:53 → 00:05:56 จากทางเดินอาหารส่วนบนนะครับเช่นออกใน
00:05:56 → 00:05:59 หลอดอาหารครับแถวนี้นะครับคนไข้ในก็จะอา
00:05:59 → 00:06:02 เจียรกับเอามาอัดสดๆนะครับส่วนถ้าเพราะคน
00:06:02 → 00:06:04 เลือดออกในทางเดินอาหารส่วนที่เป็นต่ำลง
00:06:04 → 00:06:07 ไปนะครับเช่นแล้วก็เพราะอาหารลำไส้เล็กลำ
00:06:07 → 00:06:10 ไส้ใหญ่เนี่ยเลื่อนเขาจะออกไปทางทวารหนัก
00:06:10 → 00:06:13 นะครับคือถ่ายว่าเป็นออกเป็นเลือดดำนะ
00:06:13 → 00:06:15 ครับเรื่องเก่าๆส่วนสาเหตุว่าทำไมถึงเกิด
00:06:15 → 00:06:17 ครั้งเดินอร์ดเลือดออกในทางเดินอาหาร
00:06:17 → 00:06:21 เนี่ยที่พบบ่อยมากๆนะครับเจอๆคนสูงอายุก็
00:06:21 → 00:06:24 คือว่าในคนที่กินยาพวกยาแก้ปวดนะครับผม
00:06:24 → 00:06:26 ที่เรียกว่าเอ็นเสดเนี่ยเป็นประจำต่อ
00:06:26 → 00:06:28 เนื่องจากนี้ก็เป็นยาพวกกลุ่มที่มีส่วน
00:06:28 → 00:06:31 ผสมออสเตรลอยด์นะครับเช่นยาพวกยาลูกกลอน
00:06:31 → 00:06:34 ครับยาหม้อพรุ่งนี้คะกินเป็นประจำนั้นๆทำ
00:06:34 → 00:06:36 ให้เกิดเลือดออกในทางเดินอาหารง่ายเหมือน
00:06:36 → 00:06:38 กันโดยปกตินะครับร่างกายของเราเนี่ยมันจะ
00:06:38 → 00:06:41 มีกลไกที่จะตอบสนองหรือพยายามแก้ไขความ
00:06:41 → 00:06:44 ผิดปกติที่เกิดขึ้นนะครับอย่างกรณีนี้ก็
00:06:44 → 00:06:46 เช่นกันนะครับแรกสุดเลยนะคะที่ร่างกาย
00:06:46 → 00:06:48 เพียงจะทำว่าคือว่ามันพยายามจะทำให้หัวใจ
00:06:48 → 00:06:50 ของเราเนี่ยเต้นเร็วขึ้นแล้วก็แรงขึ้น
00:06:50 → 00:06:52 เพราะหวังว่าเมื่อหัวใจเราทำงานหนักขึ้น
00:06:52 → 00:06:55 ในก็คือตัวทั้งเร็วและแรงขึ้นเนี่ยมันจะ
00:06:55 → 00:06:57 ช่วยความดันเลือดที่ตกลงเนี่ยมันเพิ่ม
00:06:57 → 00:06:59 ขึ้นหรือว่าอย่างน้อยคือมันพยุงให้คงที่
00:06:59 → 00:07:02 เอาฮะซึ่งถ้าเลือกที่ออกนี่มันหยุดไปแล้ว
00:07:02 → 00:07:04 นะครับก็คือหมายถึงอาจจะอยู่ด้วยตัวนะ
00:07:04 → 00:07:06 ครับแล้วมีคนกันร่างกายที่ทำให้เริ่มจุด
00:07:06 → 00:07:08 ใกล้เนี่ยการที่หัวใจทำงานหนักขึ้นมันก็
00:07:08 → 00:07:11 พรเหมือนกับช่วยซื้อเวลาได้ครับพยุงความ
00:07:11 → 00:07:13 ดันเอาไว้เมื่อความดันมันไม่ตกมากเกินไป
00:07:13 → 00:07:16 เลื่อนก็ยังไปเลี้ยงไว้ว่าต่างๆได้แต่ถ้า
00:07:16 → 00:07:19 ร่างกายไม่สามารถควบคุมกันหลายของเลือด
00:07:19 → 00:07:22 ได้นะเผื่อยังเสียไปเรื่อยๆวิธีนี่มันก็
00:07:22 → 00:07:24 ได้ผลแค่ชั่วคราวเท่านั้นแต่อย่างน้อยก็
00:07:24 → 00:07:26 เป็นให้เห็นว่าเป็นกลไกหนึ่งที่ร่างกาย
00:07:26 → 00:07:29 เนี่ยพยามที่จะแก้ปัญหากลไกที่สอนครับที่
00:07:29 → 00:07:31 ร่างกายมันทำคือว่าเพื่อความดันมันตบ
00:07:31 → 00:07:34 เนี่ยสมองเนี่ยก็จะสั่งให้เสื้อแดงนะครับ
00:07:34 → 00:07:38 หดตัวเพื่ออะไรเพื่อเป็นการพยุงความดัน
00:07:38 → 00:07:40 ของเลือดเอาไว้นะครับก็อย่างนี้ครับลอง
00:07:40 → 00:07:42 นึกภาพนะครับสมมติเวลาเราไปรดน้ำต้นไม้นะ
00:07:42 → 00:07:45 ครับสมุดว่าน้ำจากก๊อกเนี่ยมันเบาเกินไป
00:07:45 → 00:07:48 วิธีหนึ่งที่เราอยากให้น้ำมันพุ่งไปไกลๆ
00:07:48 → 00:07:50 ก็คือเราบีบสายยางโทรไหมครับตอนนี้นี่ก็
00:07:50 → 00:07:53 เหมือนกันก็คือว่าตอนที่เลือดหรือว่าน้ำ
00:07:53 → 00:07:56 ในเส้นเลือดมันน้อยลงนะครับอ่อนเลือดก็จะ
00:07:56 → 00:07:59 ไหลตามที่เหลือไปได้เด็กเอ๋ยนะคะคือนะ
00:07:59 → 00:08:02 เลื่อนจะพุ่งไปถ้าเราอยากให้มันพุ่งไปถึง
00:08:02 → 00:08:05 อวัยวะปลายทางได้แล้วไปด้วยความแรงเราก็
00:08:05 → 00:08:07 ต้องบีบตัวเส้นเลือดลงแต่วิธีนี้จริงๆก็
00:08:07 → 00:08:09 มีปัญหานะครับก็คือมันก็ทำให้กับปัญหา
00:08:09 → 00:08:11 ใหม่เพราะว่าเมื่อเส้นเลือดเล็กลงเนี่ย
00:08:11 → 00:08:14 เลือดที่ไหลผ่านเส้นเลือดไปเนี่ยมันก็ไป
00:08:14 → 00:08:17 ได้น้อยลงถูกไหมครับมันก็คล้ายๆกับว่า
00:08:17 → 00:08:20 เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนก็คือว่า
00:08:20 → 00:08:22 อย่างน้อยเนี่ยไปเลือกไปได้น้อยลงไปให้
00:08:22 → 00:08:24 มันพุ่งไปถึงเป้าหมายนอกเหนือจากนั้นนะ
00:08:24 → 00:08:27 ครับวิธีที่ 3 คือสมองก็จะมีการพยายามจัด
00:08:27 → 00:08:30 สรรการส่งเลือดไปวัดอ่าง่ายใหม่นะครับตัว
00:08:30 → 00:08:32 ที่สมองนี้จะเน้นการส่งเลือดไปที่อวัยวะ
00:08:32 → 00:08:35 สำคํญไก่อนก็นั้นอวัยวะที่ไม่ค่อยสำคัญ
00:08:35 → 00:08:37 มากเช่นผิวหนังและก็จะมีเลือดไหลไปเลี้ยง
00:08:37 → 00:08:40 น้อยนี้จะเห็นว่ากลไกเหล่านี้ของร่างกาย
00:08:40 → 00:08:42 นะครับมันเหมือนเป็นการพยายามทำทุกอย่าง
00:08:42 → 00:08:44 ที่ร่างกายพอจะทำได้นะครับถ้าความดัน
00:08:44 → 00:08:46 เหลือกมันตกชั่วคราวเนี้ยกวนใจเราเนี่ย
00:08:46 → 00:08:48 มันก็จะพอช่วยได้ก็คืออย่างที่ว่าคือเป็น
00:08:48 → 00:08:52 ซื้อเวลาสั้นๆนะครับถ้ากันอ่าปัดเจ็บนะ
00:08:52 → 00:08:54 ครับเรื่องการไหลของเลือดมันอยู่ใต้เนี่ย
00:08:54 → 00:08:56 คนจะพูดแล้วมันก็จะช่วยให้ร่างกายต่างๆ
00:08:56 → 00:08:59 ไว้ต่างๆเนี่ยมันสามารถที่จะรอดผ่านไป
00:08:59 → 00:09:01 ซื้อนั้นไปได้มีแต่อย่างในยุคปัจจุบันเรา
00:09:01 → 00:09:03 ก็จะมีการแพทย์เข้ามาช่วยช่วยไหมครับก็
00:09:03 → 00:09:06 คือในคนที่มีภาวะเลือดออกมาและเราหมอใน
00:09:06 → 00:09:09 เขาสามารถที่จะเข้าไปที่ออกเดินที่ที่
00:09:09 → 00:09:11 เลือดออกนะครับเช่นถ้ามีเรื่องของทางเดิน
00:09:11 → 00:09:13 หายใจนะคะอาจจะมีการผ่าตัดเนี่ยะเพื่อ
00:09:13 → 00:09:15 เข้าไปห้ามเลือดได้นะครับหรืออาจจะเป็น
00:09:15 → 00:09:18 การ 2 กล่องนะครับเข้าไปแล้วก็เพื่อไปจี้
00:09:18 → 00:09:20 จุดที่เลือดออกนะครับหรือว่าไปผูกเส้น
00:09:20 → 00:09:24 เลือดทำให้การไหลของเลือดจะหยุดได้โอเคนะ
00:09:24 → 00:09:26 เป็นการชอบกับที่ 1 นะครับคะนี่เป็นดูการ
00:09:26 → 00:09:30 ชอบแบบที่ 2 กันบ้าง
00:09:30 → 00:09:32 ภาวะช็อกที่ 2 นะครับมีชื่อเรียกว่า
00:09:32 → 00:09:35 Cardio Gen X Shockwave Flash ว่า
00:09:35 → 00:09:38 หัวใจนะครับก็คือตรงไปตรงมาก็คือว่าหัวใจ
00:09:38 → 00:09:41 เนี่ยมันไม่มีแรงนะครับที่จะปั้มเลือดทำ
00:09:41 → 00:09:43 ให้คนดันมันตกลงเพราะความดันตกลงเลือกกับ
00:09:43 → 00:09:46 เลี้ยงส่วนต่างของร่างกายยังไม่พอจะได้คำ
00:09:46 → 00:09:48 ถามว่าถือว่าอะไรคือสาเหตุนะครับที่ทำให้
00:09:48 → 00:09:51 หัวใจเนี่ยบีบเลือกไม่ไหวคำตอบนะครับก็มี
00:09:51 → 00:09:53 ได้หลายสาเหตุนะครับซึ่งจริงๆก็เป็น
00:09:53 → 00:09:55 เรื่องที่เราเคยคุยกันไปแล้วตอนที่เราคุย
00:09:55 → 00:09:57 เรื่องของหัวใจวายนะครับก็คือที่สุดที่
00:09:57 → 00:10:00 แล้วปัญหาในมันก็อาจจะเกิดขึ้นอ้างจาก
00:10:00 → 00:10:02 ทั้งตะวักกล้ามเนื้อหัวใจนะครับที่น่าจะ
00:10:02 → 00:10:04 มีเรื่องของการเนื้อหัวใจขาดเลือดกล้าม
00:10:04 → 00:10:07 เนื้อหัวใจตายทำให้ตัวกล้ามเนื้อเนี่ยมัน
00:10:07 → 00:10:09 บีบตัวไม่ไหวนะครับเพื่อจะเป็นเรื่องของ
00:10:09 → 00:10:11 ระบบไฟฟ้านะครับก็คือที่เราคุยกันไปว่า
00:10:11 → 00:10:14 ปกติเซลล์กล้ามเนื้อของหัวใจเนี่ยมันทำ
00:10:14 → 00:10:17 งานด้วยระบบไฟฟ้าถ้ามันมีปัญหาเรื่องไฟ
00:10:17 → 00:10:19 ฟ้าเนี่ยจะทำให้เซลล์ในเซลล์กล้ามเนื้อ
00:10:19 → 00:10:22 ของเข้าใจเนี่ยมันบิดทำงานไม่ประสานกัน
00:10:22 → 00:10:24 เพราะไม่ประสานกันเนี่ยการบีบตัวนั้นมัน
00:10:24 → 00:10:27 ก็ไม่มีประสิทธิภาพที่เรามาดูวิธีการ
00:10:27 → 00:10:29 พยายามที่จะแก้ปัญหาของร่างกายกันบ้างนะ
00:10:29 → 00:10:31 ครับจริงๆก็เหมือนเมื่อเกี๊ยะนะครับเพลง
00:10:31 → 00:10:34 แต่ว่าตอนนี้ปัญหาอยู่ที่กดใจเพราะฉะนั้น
00:10:34 → 00:10:36 ทำให้หัวใจหยิบตัวมากขึ้นหรือว่าแบบตัว
00:10:36 → 00:10:39 เร็วขึ้นและก็คงไม่ไหววิธีแก้ได้ก็คงเป็น
00:10:39 → 00:10:41 เรื่องของการที่จะเลือกต่างๆในร่างกายนุช
00:10:41 → 00:10:43 พยายามจะกดตัวเพื่อพยายามที่จะพยุงความ
00:10:43 → 00:10:46 ดันเอาไว้แต่เอาจริงๆวิธีการหรือคนใดของ
00:10:46 → 00:10:48 ธรรมชาติมันก็คงไม่สามารถทำอะไรได้มากตรง
00:10:48 → 00:10:51 นะครับเพราะปัญหาในมันคือการเสียหายที่
00:10:51 → 00:10:53 หัวใจที่นี่วิธีการรักษานะก็เป็นวิธีการ
00:10:53 → 00:10:57 รักษาเฉพาะโรคของต่อหัวใจแต่ละโรคไปนะ
00:10:57 → 00:11:02 ครับโอเคมาดูช็อคแบบที่ 3 นะครับนะ
00:11:02 → 00:11:05 คะว่าชอบแบบที่ 3 นี่ก็คือภาวะช็อกที่
00:11:05 → 00:11:08 ชื่อว่าเสพติด Shock นะครับก็คือเกิดภาวะ
00:11:08 → 00:11:12 ติดเชื้อรุนแรงจนกระทั่งความดันตกได้ที่
00:11:12 → 00:11:14 นี่คำว่าเสพติดเนี่ยมันก็คืออย่างที่บอก
00:11:14 → 00:11:16 ก็คือแปลว่าติดเชื้อนะครับซึ่งบางคำก็
00:11:16 → 00:11:18 เริ่มจากจะเริ่มจากที่ใดที่หนึ่งก่อนเช่น
00:11:18 → 00:11:20 อาจจะเริ่มจากติดเชื้อที่แขนที่ขาอะไรก็
00:11:20 → 00:11:23 แล้วแต่นะครับแล้วบังเอิญว่าแผนไอ้หรอว่า
00:11:23 → 00:11:26 การติดเชื้อมันอาจจะลามขึ้นนะครับก็ทำให้
00:11:26 → 00:11:28 เชื้อโรคเนี่ยเป็นแบคทีเรียหรือว่าติด
00:11:28 → 00:11:30 เชื้อเชื้อราต่างๆมันหลุดเข้าในกระแส
00:11:30 → 00:11:33 เลือดเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดซึ่ง
00:11:33 → 00:11:35 ทางการแพทย์เนี่ยใช้คำว่าแซ่บ says จะได้
00:11:35 → 00:11:38 คำถามว่าคือว่าแบคทีเรียหรือเชื้อราน่ะ
00:11:38 → 00:11:39 มันเข้าในกระแสเลือดแล้วเนี่ยมันทำให้
00:11:40 → 00:11:42 ความดันเลือดมันตอบก็ยังไงคำตอบนะครับก็
00:11:42 → 00:11:45 คือวันอาจจะมาจาก 2 คนไกด์ด้วยกันกลไกแรก
00:11:45 → 00:11:47 เนี่ยจะเป็นเรื่องของตัวไปเที่ยวและตัว
00:11:47 → 00:11:50 เชื้อราเองก็คือสันตะเข้บางตัวนะครับมัน
00:11:50 → 00:11:52 สามารถที่จะสร้างสรรค์ชะนีพยากรณ์มาได้
00:11:52 → 00:11:55 แล้วสารเคมีเนี่ยมันทำให้เส้นเลือดขยาย
00:11:55 → 00:11:58 ตัวได้ถ้าการติดเชื้อในกระแสเลือดและ
00:11:58 → 00:12:00 มะรุมแรงนะครับว่ามีสารเคมีแต่ว่าในออกมา
00:12:00 → 00:12:03 เยอะมากนี่เส้นเลือดจะขยายตัวทั่วตัวทำ
00:12:03 → 00:12:06 ให้ความดันเลือดเราตกอย่างมากได้จนถึง
00:12:06 → 00:12:08 ภาวะที่เข้าสู่ภาวะช็อกได้อันนั้นก็เป็น
00:12:08 → 00:12:11 คนใจได้นะครับคนไข้ที่สอนครับบางครั้ง
00:12:11 → 00:12:13 ความดันที่ตอบหน่อยอาจจะไม่ได้เกิดจากสาร
00:12:13 → 00:12:16 เคมีที่แบบทุเรียนสร้างขึ้นมาแต่เป็นผล
00:12:16 → 00:12:18 จากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของเราเอง
00:12:18 → 00:12:21 นะครับหรือว่าจะเป็นผลร่วมกันระหว่างทั้ง
00:12:21 → 00:12:23 แบคทีเรียและก็ผลคุ้มครับคุ้มกันของเราก็
00:12:24 → 00:12:26 อย่างที่เราเคยคุยกันไปในเรื่องเกาะในตอน
00:12:26 → 00:12:28 ที่เราคือเรื่องของภูมิคุ้มกันนะครับว่า
00:12:28 → 00:12:31 อ๋อในเซลล์ภูมิคุ้มกันในเวลามาต่อสู้กับ
00:12:31 → 00:12:33 เชื้อโรคเนี่ยตายข้างว่าจะมีการสร้างสาร
00:12:33 → 00:12:36 เคมีเอามาต่อสู้ที่ศาลอักเสบบางตัวนะครับ
00:12:36 → 00:12:39 มันจะมีผลทำให้เส้นเลือดขยายตัวได้แล้วก็
00:12:39 → 00:12:42 ยังรู้ว่าได้ด้วยถ้าจำกันได้เนี่ยการที่
00:12:42 → 00:12:44 จะเลือกขยายตัวลักษณ์เกิดภาวะร่วงของเส้น
00:12:44 → 00:12:46 เลือดเนี่ยมันเป็นข้อดีนะครับเป็นคนไกล
00:12:46 → 00:12:49 ที่ดีเพราะว่าในภาวะทั่วไปเช่นมีภาวะติด
00:12:49 → 00:12:52 เชื้อในเนื้อเยื่อต่างๆมันจะทำให้เซลล์
00:12:52 → 00:12:54 ภูมิคุ้มกันที่ไหลเวียนอยู่ในเรื่องเนี่ย
00:12:54 → 00:12:56 สามารถออกจากเส้นเลือดแล้วไปต่อสู้กับ
00:12:56 → 00:13:00 เชื้อโรคที่อยู่ในเนื้อเยอะได้แต่ถ้าศาล
00:13:00 → 00:13:02 นี้นะครับมันมากเกินไปนะครับอย่างที่เกิด
00:13:02 → 00:13:04 ว่าที่เช่นประชาเลื่อนแล้วมันกระจายไป
00:13:04 → 00:13:06 ทั่วตัวเนี่ยมันก็จะมีผลให้เส้นเลือดต่าง
00:13:06 → 00:13:09 ๆในร่างกายขยายตัวได้แล้วก็ทำให้เกิดภาวะ
00:13:09 → 00:13:13 รัวได้ควรก็คือพวกน้ำเหลืองนะครับมันก็จะ
00:13:13 → 00:13:14 ไหลออกจากเส้นเลือดเนี่ยเข้าไปในเนื้อ
00:13:14 → 00:13:17 เยื่อเมื่อน้ำในเลือดเนี่ยออกไปอยู่ใน
00:13:17 → 00:13:19 เนื้อเยอะมากขึ้นเนี่ยผู้ป่วยก็จะรู้ตัว
00:13:19 → 00:13:22 บวมๆนะครับแล้วก็จะอุ่นๆเพราะว่าตัวเลือด
00:13:22 → 00:13:24 มันเข้าอยู่ในเนี่ยเพิ่มขึ้นแล้วเมื่อน้ำ
00:13:24 → 00:13:26 ในตัวเส้นเลือดน้อยลงและความดันเลือด
00:13:26 → 00:13:28 เนี่ยก็ตกลงแล้วก็ตกลงอย่างรวดเร็วและ
00:13:28 → 00:13:32 รุนแรงจนเข้าสู่ภาวะช็อกได้ที่คำถามคือ
00:13:32 → 00:13:34 ว่าเมื่อเกิดภาวะนี้ขึ้นนะครับร่างกาย
00:13:34 → 00:13:36 เดี๋ยวพยายามจะต่อสู้หรือพยายามที่จะแก้
00:13:36 → 00:13:41 ไขความดันที่มันต่ำยังไงบ้างจริงๆก็คล้าย
00:13:41 → 00:13:43 กับที่คุยกันไปนะครับอย่างแรกหัวใจในก็จะ
00:13:43 → 00:13:46 เต้นเร็วขึ้นแรงขึ้นนะครับด้วยความดันจะ
00:13:46 → 00:13:48 เพิ่มขึ้นแต่จริงๆก็ทำอะไรไม่ค่อยได้มาก
00:13:48 → 00:13:52 เพราะสาเหตุหลักๆอยู่ที่การติดเชื้อดัง
00:13:52 → 00:13:54 นั้นนะครับในการรักษาเนี่ยอ๋อบ่อนี้ก็จะ
00:13:55 → 00:13:56 ให้การรักษาถ้าเป็นลักษณะการประคับประคอง
00:13:56 → 00:13:59 นะครับหรือรักษาแบบตามอาการไปเกาะเนี่ยก็
00:13:59 → 00:14:01 จะอ้างจากการให้น้ำเกลือเลยนะครับเราให้
00:14:01 → 00:14:04 สารน้ำเพื่อพยุงข้อตาลเอาไว้ส่วนการรักษา
00:14:04 → 00:14:06 ที่จองกับสาเหตุและก็คือเป็นเรื่องของการ
00:14:06 → 00:14:09 ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อเข้าไปฆ่าเชื้อโรคที่
00:14:09 → 00:14:12 เป็นสาเหตุของภาวะติดเชื้อโอเคแล้วก็มา
00:14:12 → 00:14:14 ถึงภาวะช็อกแบบที่ 4 นะครับที่มีชื่อ
00:14:14 → 00:14:16 เรียกว่าอันนาไฟติด Shock นะครับก็คือ
00:14:16 → 00:14:22 ภาวะช็อกที่เกิดจากการแพ้การ
00:14:22 → 00:14:24 การแพ้นะครับที่เราเรียกว่าเหมือนกับคน
00:14:24 → 00:14:27 ไทยการแพ้ในที่จะมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน
00:14:27 → 00:14:29 นะครับมันมีคนไทยที่ต่างๆกันไปนะครับแล้ว
00:14:29 → 00:14:32 ก็มีหลายชนิดความรู้ได้ในก็ต่างกันไปซึ่ง
00:14:32 → 00:14:34 ว่าหลังนี้ผมจะพูดเรื่องการแพ้ให้ฟังนะ
00:14:34 → 00:14:36 ครับแต่การแพ้ที่เราจะคุยกันถึงวันนี้นะ
00:14:36 → 00:14:39 ครับและมันเป็นการพัฒนาสกิตช็อคนะครับ
00:14:39 → 00:14:42 ซึ่งเป็นการแพ้แบบที่เรียกว่ารุนแรงที่
00:14:42 → 00:14:44 สุดแพ้แบบนี้นะครับก็คือการแพ้แบบที่
00:14:44 → 00:14:47 เหมือนคนแพ้พวกแพ้อาหารรุนแรงนะครับเช่น
00:14:47 → 00:14:49 แพ็คกุ้งแพ้ถั่วลิสงหรือว่าบางคนที่ได้
00:14:49 → 00:14:52 รับยาปฏิชีวนะฉีดวันนี้ฉันเลือกพญาบาง
00:14:52 → 00:14:55 อย่างเนี่ยเรามีความเป็นเลือดออกฉันรวด
00:14:55 → 00:14:58 เร็วจนถึงขั้นเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสำหรับ
00:14:58 → 00:15:00 คนกายการแพ้แบบนี้นะครับเราเคยพูดว่าจะไป
00:15:00 → 00:15:02 นิดนึงนะครับในตอนที่เราคือเรื่องระบบ
00:15:02 → 00:15:04 ภูมิคุ้มกันนะครับก็คือ
00:15:04 → 00:15:07 ในเซลล์ประกบคู่กันในมันจะมีเซลล์อยู่ตัว
00:15:07 → 00:15:09 นึงนะครับที่ว่าแม็กเซลนะครับซึ่งเมื่อ
00:15:09 → 00:15:11 เซลล์ตัวนี้มันถูกกระตุ้นที่ทำงานมันจะ
00:15:11 → 00:15:14 ปล่อยสารเคมีมาตัวนึงซึ่งที่จะปล่อยหลาย
00:15:14 → 00:15:17 ตัวนะคะตัวหลักตัวที่เราสนใจก็คือสารที่
00:15:17 → 00:15:21 ช่วยฮีสตามีนซึ่งวิตามินมันก็เป็นสารเคมี
00:15:21 → 00:15:23 ที่มีประโยชน์กำลังกายนะครับมันช่วย
00:15:23 → 00:15:25 เรื่องของการชาร์จล้างช่วยเรื่องของการ
00:15:25 → 00:15:28 ต่อสู้กับเชื้อโรคซึ่งเราเคยคุยกันไปตอน
00:15:28 → 00:15:30 ที่คุยเรื่องที่สนเรื่องภูมิคุ้มกันนะ
00:15:30 → 00:15:32 ครับถ้าใครจะไม่ได้ลองย้อนกลับไปฟังนะ
00:15:32 → 00:15:35 ครับก็จะทำให้เข้าใจตัวนี้มากขึ้นแต่ใน
00:15:35 → 00:15:37 บางครั้งนะครับในบางคนตัวคนไก่เนี่ยมันทำ
00:15:37 → 00:15:40 งานมากเกินไปจนกระทั่งมันเหมือนกับคุมไม่
00:15:40 → 00:15:42 อยู่นะครับแล้วก็กลไกที่มันมีประโยชน์มัน
00:15:42 → 00:15:45 ก็เลยกลายเป็นโทษที่รุนแรงขึ้นมาผลที่
00:15:45 → 00:15:47 เกิดขึ้นตามมานะครับมันจะคล้ายๆกับการ
00:15:47 → 00:15:50 ช้อปที่เกิดจากภาวะติดเชื้อก็คือว่ามันจะ
00:15:50 → 00:15:52 มีการขยายตัวของเส้นเลือดทั่วร่างกายอาจ
00:15:52 → 00:15:55 หรืออาจจะพูดได้นะครับว่าจริงๆแล้วการ
00:15:55 → 00:15:57 ช็อกแบบที่ 3 แบบพิเศษมันมีความคล้ายกัน
00:15:57 → 00:16:00 อยู่ก็คือผลสุดท้ายมันจะคล้ายก็คือเส้น
00:16:00 → 00:16:03 เลือดในร่างกายมาขยายจนคนไปเล่นน้ำตก
00:16:03 → 00:16:09 เพียงแต่ว่าสาเหตุจุดเริ่มต้นมันต่างกัน
00:16:09 → 00:16:12 แล้วก็มาถึงเกาะช็อปประเภทที่ 5 นะครับ
00:16:12 → 00:16:15 ประเภทสุดท้ายที่จะคุยกันก็คือการช็อก
00:16:15 → 00:16:18 เทวัญยูโร Jenny ช็อกนะครับเขาไม่รู้โร
00:16:18 → 00:16:21 นัลด์แปลว่าประสาทที่นี่โดน Shock คือการ
00:16:21 → 00:16:23 ช็อกภาวะชอบเรียนที่เกิดจากความผิดปกติ
00:16:23 → 00:16:26 ของระบบประสาทก็อย่างที่เราเคยคุยกันไป
00:16:26 → 00:16:29 เก่าในพิสูจน์กันเกาะนะครับว่าเส้นเลือด
00:16:29 → 00:16:31 เนี่ยมันสามารถถูกควบคุมโดยเส้นประสาทนะ
00:16:31 → 00:16:34 ครับระบบประสาทก็คือเส้นเลือดจะขดตัวหรือ
00:16:34 → 00:16:37 ขยายตัวเนี่ยมันขึ้นในการทำงานของสมอง
00:16:37 → 00:16:39 ด้วยนะครับแล้วก็ไข่สั่นหลังด้วยก็คือ
00:16:40 → 00:16:42 เป็นส่วนที่เป็นภาษาที่มาเลี้ยงตัวเส้น
00:16:42 → 00:16:44 เลือดที่นี่ถ้ามีความผิดปกติของระบบ
00:16:44 → 00:16:47 ประสาทการควบคุมการขนขยายของเส้นเลือด
00:16:47 → 00:16:50 ใหญ่มักจะเสียไปผลก็คือเส้นเลือดมันจะ
00:16:50 → 00:16:53 ขยายตัวเราความดันก็จะตกลงตั้งนั้นนะครับ
00:16:53 → 00:16:55 ก็คือผลสุดท้ายมันจะไปคล้ายกับแบบที่ 3
00:16:55 → 00:16:58 แบบที่ 4 ที่เราคุยกันไปนะครับก็คือจะเลย
00:16:58 → 00:17:00 มาขยายตัวพี่จะสาเหตุ
00:17:00 → 00:17:03 ถ้าเกิดที่ที่มาจากระบบประสาทเพราะว่านี้
00:17:03 → 00:17:05 จริงๆเจอไม่บ่อยมากนะครับแล้วก็ลายข้าง
00:17:05 → 00:17:07 เมื่อจะเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุ
00:17:07 → 00:17:10 ที่ทำให้หลังหักเพราะเส้นประสาทที่ควบคุม
00:17:10 → 00:17:12 การขยายของเส้นเลือดเนี่ยมันมาจากใครสระ
00:17:12 → 00:17:15 หลังถ้ามีเหตุไรก็ตามนะครับเหตุที่ทำให้
00:17:15 → 00:17:17 ตัวใครสั่งของเราเนี่ยมันบัตรบาดเจ็บ
00:17:17 → 00:17:20 เนี่ยต้องนี้ก็จะเสียไปโดยสรุปนะครับภาวะ
00:17:20 → 00:17:22 ช็อกเลยนะครับว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไรก็
00:17:22 → 00:17:25 ตามนะครับผลสุดท้ายเข้ามาในกจะทำให้ความ
00:17:25 → 00:17:28 ดันเลือดมันตกลงมากกระทั่งเลือดไปเลี้ยง
00:17:28 → 00:17:30 ส่วนอวัยวะที่สำคัญต่างๆในร่างกายและไม่
00:17:30 → 00:17:33 พอเพียงโดยเฉพาะอวัยวะที่ค่อนข้างไวต่อ
00:17:33 → 00:17:35 การขาดเลือดมากสองไว้ว่าก็คือเรื่องของ
00:17:35 → 00:17:39 สมองกับไปถ้าภาวะความดันต่ำเนี่ยนะครับ
00:17:39 → 00:17:41 หรือว่าภาวะช็อกมันเกิดไม่นานพอนะคะเรา
00:17:41 → 00:17:44 สามารถแก้ไขได้เนี่ยก็อาจจะไม่มีปัญหา
00:17:44 → 00:17:47 อะไรนะคะจะไม่มีผลระยะยาวแต่ถ้าภาวะช็อก
00:17:47 → 00:17:50 มันดำเนินอยู่นานเกินไปนะครับก็จะเกิดก็
00:17:50 → 00:17:53 ปัญหารุ่นลายตามมาได้เช่นสมองขาดเลือดนะ
00:17:53 → 00:17:55 ครับหรือว่าถ้าเป็นไปนะคะจะเกิดภาวะที่
00:17:55 → 00:17:57 สมัยก่อนเรียกว่าภาวะไตวายเฉียบพลันนะ
00:17:57 → 00:18:00 ครับปัจจุบันจะเรียกว่าเป็นไปบาทน่าจะ
00:18:00 → 00:18:03 ผ่านนะครับซึ่งเรื่องของตายในเป็นซีรีส์
00:18:03 → 00:18:06 ที่เราจะคุยกันต่อในซีรีส์นะครับว่าจะพูด
00:18:06 → 00:18:08 เรื่องของไตกันแล้วเราจะคุยผมจะคุยให้ฟัง
00:18:08 → 00:18:11 ด้วยนะครับว่าให้ภาวะไตบาดเจ็บอ่าเนี่ย
00:18:11 → 00:18:13 มันเป็นยังไงแล้วทั้งหมดนี้นะครับก็คือ
00:18:13 → 00:18:14 เรื่องราวนะครับที่อยากจะเล่าให้ฟังนะ
00:18:14 → 00:18:17 ครับเกี่ยวกับหัวใจนะครับผมก็อยากจะขอจบ
00:18:17 → 00:18:19 ซีรีส์ส่งเข้าใจไว้ตรงนี้เลยนะครับก็หวัง
00:18:20 → 00:18:22 ว่าที่เรามานะครับมันจะทำให้เข้าใจจะวัด
00:18:22 → 00:18:25 การทำงานของหัวใจมากขึ้นแล้วเรามาเจอกัน
00:18:25 → 00:18:27 ใหม่ในชีวิตหน้านะครับก็คือเรื่องของไตนะ
00:18:27 → 00:18:30 ครับก็จะจากกันไปนะครับก็ถ้าใครชอบ
00:18:30 → 00:18:32 Content ที่ทำให้นะครับหรือว่าเรื่องที่
00:18:32 → 00:18:34 เล่าให้ฟังนะครับเราอยากสับสนุนนะครับ
00:18:34 → 00:18:36 อยากเป็นกำลังใจให้เนี่ยง่ายๆนะครับก็ฝาก
00:18:36 → 00:18:39 กด Subscribe นะครับกดไลค์กดแชร์นะครับ
00:18:39 → 00:18:41 เป็น Comment ให้หน่อยครับสำหรับวันนี้ผม
00:18:41 → 00:18:43 ก็ขอลาไปก่อนแล้วมาเจอกันใหม่ในที่สุด
00:18:43 → 00:18:44 หน้านะครับสวัสดีครับ
00:18:44 → 00:18:55 [เพลง]