รังสีที่ใช้ในเอ็กซ์เรย์มีลักษณะอย่างไร และทำไมหมอจึงต้องป้องกันร่างกายบางส่วนขณะตรวจ

รังสีมีอันตรายหรือเปล่า - Matt Anticole

จากช่อง : จงใฝ่รู้อยู่เสมอ — TED-Ed


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0600:00:08 เมื่อได้ยินคำว่ารังสีหรือการแผ่รังสี

00:00:0800:00:13 ก็มักอดนึกถึงการระเบิดมหึมา และการกลายพันธุ์ที่น่าสยองขวัญไม่ได้

00:00:1300:00:14 แต่นั่นเป็นเพียงด้านเดียว

00:00:1400:00:16 รังสียังพบได้ในสายรุ้ง

00:00:1600:00:19 และเอ็กซ์เรย์ที่หมอใช้ตรวจเรา

00:00:1900:00:21 แล้วจริง ๆ แล้วรังสีคืออะไร

00:00:2100:00:25 และเราควรกังวลเรื่องผลของมันมากแค่ไหน

00:00:2500:00:28 คำตอบต้องเริ่มจากเข้าใจก่อนว่า คำว่า รังสี

00:00:2800:00:31 ใช้เรียกปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ สองอย่างที่แตกต่างกัน

00:00:3100:00:33 คือ การแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า

00:00:3300:00:36 และการแผ่รังสีนิวเคลียร์

00:00:3600:00:39 รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นพลังงานบริสุทธิ์

00:00:3900:00:43 ที่ประกอบด้วยคลื่นไฟฟ้าและแม่เหล็ก ที่มีปฏิสัมพันธ์กัน

00:00:4300:00:46 สั่นไหวเป็นความถี่

00:00:4600:00:47 เมื่อคลื่นเหล่านี้มีความถี่สูงขึ้น

00:00:4700:00:50 ก็จะยิ่งมีพลังงานมากขึ้นตาม

00:00:5000:00:53 รังสีกลุ่มที่มีความถี่ต่ำ ได้แก่ คลื่นวิทยุ

00:00:5300:00:53 รังสีอินฟราเรด

00:00:5300:00:56 และแสงที่เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

00:00:5600:00:58 ส่วนรังสีความถี่สูง ได้แก่ รังสีอัลตราไวโอเลต

00:00:5800:00:59 รังสีเอกซ์

00:00:5900:01:00 และรังสีแกมมา

00:01:0000:01:06 โลกยุคปัจจุบันพึ่งพาการรับส่ง สัญญาณรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

00:01:0600:01:10 เราอาจต้องดาวน์โหลดอีเมล เข้ามาในโทรศัพท์ด้วยคลื่นวิทยุ

00:01:1000:01:12 เพื่อเปิดภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์

00:01:1200:01:16 ซึ่งเราเห็นได้ เพราะจอภาพส่องแสงที่เรามองเห็นได้

00:01:1600:01:18 แต่รังสีนิวเคลียร์นั้น

00:01:1800:01:21 เกิดจากนิวเคลียสของอะตอม

00:01:2100:01:25 ที่โปรตอนผลักกัน เนื่องจากมีประจุบวกเหมือนกัน

00:01:2500:01:28 ปรากฏการณ์ที่เรียกว่าแรงนิวเคลียร์ชนิดเข้ม

00:01:2800:01:31 พยายามเอาชนะแรงผลักนี้

00:01:3100:01:33 และตรึงให้นิวเคลียสอยู่ด้วยกัน

00:01:3300:01:37 แต่ทว่า การรวมตัวของ โปรตอนและนิวตรอนบางแบบ

00:01:3700:01:38 ที่เรียกกันว่า ไอโซโทป

00:01:3800:01:40 มีความไม่เสถียร

00:01:4000:01:43 หรือมีกัมมันตรังสี

00:01:4300:01:46 ไอโซโทปจะปล่อยสสาร หรือ พลังงาน ออกมาอย่างสุ่ม

00:01:4600:01:48 เรียกว่า การแผ่รังสีนิวเคลียร์

00:01:4800:01:50 เพื่อให้ตนเองเสถียรขึ้น

00:01:5000:01:54 รังสีนิวเคลียร์มาจากแหล่งธรรมชาติ เช่น เรดอน

00:01:5400:01:56 ซึ่งเป็นก๊าซที่ซึมขึ้นจากพื้นดิน

00:01:5600:02:00 เรายังถลุงแร่กัมมันตรังสี ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

00:02:0000:02:02 เพื่อใช้เป็นพลังงานให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์

00:02:0200:02:08 แม้แต่กล้วยก็ยังมีไอโซโทปโพแทสเซียม ที่มีกัมมันตรังสีในปริมาณเล็กน้อย

00:02:0800:02:10 เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยู่ในโลกที่มีแต่รังสี

00:02:1000:02:13 จะหลีกเลี่ยงอันตรายจากมันได้อย่างไร

00:02:1300:02:17 ก่อนอื่น ใช่ว่ารังสีทุกชนิดจะเป็นอันตราย

00:02:1700:02:23 รังสีจะอันตรายก็เมื่อกระทบอะตอมแล้วทำให้ อิเล็กตรอนหลุดออกมา

00:02:2300:02:26 กระบวนการนี้ทำให้ดีเอ็นเอเสียหายได้

00:02:2600:02:28 กระบวนการนี้เรียกกันว่า รังสีก่อประจุ

00:02:2800:02:33 เพราะอะตอมที่เสียหรือได้อิเล็กตรอน เรียกว่าอะตอมมีประจุหรือไอออน

00:02:3300:02:36 รังสีนิวเคลียร์ทั้งหมดเป็นรังสีก่อประจุ

00:02:3600:02:40 ในขณะที่รังสีพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า พลังงานสูงสุดเท่านั้นที่เป็นรังสีก่อประจุ

00:02:4000:02:41 ได้แก่ รังสีแกมมา

00:02:4100:02:43 รังสีเอกซ์

00:02:4300:02:46 และรังสีอัลตราไวโอเล็ตที่มีพลังงานสูง

00:02:4600:02:48 จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ระหว่างใช้รังสีเอกซ์

00:02:4800:02:53 หมอจึงป้องกันร่างกาย ส่วนที่ไม่ได้ต้องตรวจ

00:02:5300:02:55 และทำไมคนที่ไปชายหาด จึงต้องทาครีมกันแดด

00:02:5500:03:01 ส่วนโทรศัพท์มือถือและไมโครเวฟ ทำงานด้วยพลังงานต่ำ

00:03:0100:03:04 ฉะนั้น จึงใช้ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงต่อรังสีก่อประจุ

00:03:0400:03:08 ความเสี่ยงต่อสุขภาพที่รุนแรงที่สุด เกิดขึ้นเมื่อได้รับรังสีก่อประจุ

00:03:0800:03:11 ปริมาณมากในเวลาอันสั้น

00:03:1100:03:14 หรือที่เรียกว่า การรับรังสีเฉียบพลัน

00:03:1400:03:19 การรับรังสีเฉียบพลันทำให้ร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่ถูกทำลายไม่ทัน

00:03:1900:03:20 อาจกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง

00:03:2000:03:22 เซลล์ทำงานผิดปกติ

00:03:2200:03:24 หรือแม้แต่กระทั่งเสียชีวิต

00:03:2400:03:27 โชคดี ที่การรับรังสีเฉียบพลันเกิดขึ้นได้ยาก

00:03:2700:03:31 แต่เราก็ยังได้รับรังสีก่อประจุ ระดับต่ำ ๆ อยู่ทุกวัน

00:03:3100:03:35 ทั้งจากแหล่งตามธรรมชาติ และที่มนุษย์สร้าง

00:03:3500:03:38 นักวิทยาศาสตร์วัดความเสี่ยงเหล่านี้ได้ ลำบากกว่ามาก

00:03:3800:03:42 ร่ายกายของเรามักซ่อมแซม ส่วนที่เสียหายจากรังสีก่อประจุเล็กน้อย

00:03:4200:03:43 และถ้าซ่อมแซมไม่ได้

00:03:4300:03:48 ผลความเสียหายนั้นอาจไม่ปรากฏ จนผ่านไปเป็นทศวรรษหรือนานกว่านั้น

00:03:4800:03:51 วิธีหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ ใช้เปรียบเทียบการรับรังสีก่อประจุ

00:03:5100:03:53 คือหน่วยที่เรียกว่า ซีเวิร์ต

00:03:5300:03:59 การรับรังสีปริมาณหนึ่งซีเวิร์ตเฉียบพลัน อาจทำให้คลื่นไส้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

00:03:5900:04:02 และสี่ซีเวิร์ตอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

00:04:0200:04:06 อย่างไรก็ดี รังสีที่เราได้รับในชีวิตประจำวัน อยู่ในระดับต่ำกว่านั้นมาก

00:04:0600:04:10 คนโดยทั่วไปได้รับรังสีรวม 6.2 มิลลิซีเวิร์ต

00:04:1000:04:12 จากทุก ๆ แหล่ง ในหนึ่งปี

00:04:1200:04:15 ราว ๆ หนึ่งในสามมาจากเรดอน

00:04:1500:04:17 คุณได้รับรังสีเพียงห้าไมโครซีเวิร์ต

00:04:1700:04:20 ในการเอ็กซเรย์ฟันแต่ละครั้ง จึงต้องเอ็กซเรย์กว่า 1200 ครั้ง

00:04:2000:04:22 จึงจะเพิ่มปริมาณรังสีที่ได้รับต่อปีได้

00:04:2200:04:24 และจำกล้วยนั่นได้ไหม

00:04:2400:04:27 ถ้าคุณดูดซับรังสีจากกล้วยทั้งหมดได้

00:04:2700:04:32 จะต้องกินถึงวันละ 170 ลูก จึงจะครบปริมาณที่ได้รับใน 1 ปี

00:04:3200:04:34 เราอยู่ในโลกของการแผ่รังสี

00:04:3400:04:38 แต่กระนั้น รังสีส่วนใหญ่เป็นรังสีไม่ก่อประจุ

00:04:3800:04:40 ส่วนรังสีที่ก่อประจุ

00:04:4000:04:42 โดยปกติแล้วเราได้รับน้อยมาก

00:04:4200:04:45 และการตรวจระดับเรดอนในบ้าน

00:04:4500:04:47 และการทาครีมกันแดด

00:04:4700:04:50 ก็ช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้

00:04:5000:04:53 มารี คูรี หนึ่งในผู้บุกเบิกด้านรังสี

00:04:5300:04:55 สรุปความท้าทายเรื่องรังสีไว้ว่า

00:04:5500:04:59 "สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตไม่ได้มีไว้เพื่อกลัว แต่มีไว้เพื่อเข้าใจเท่านั้น”

00:04:5900:05:04 ถึงเวลาแล้วที่เราจะเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้กลัวให้น้อยลง"