00:00:00 → 00:00:04 สวัสดีครับทุกคนเคยได้ยินคำว่าคอขาบอลกัน
00:00:04 → 00:00:07 มั้ยครับผมคิดว่าหลายคนนะครับน่าจะเคยได้
00:00:07 → 00:00:10 ยินหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรนะ
00:00:10 → 00:00:14 ครับแต่ว่าบางคนก็เข้าใจเลยแหละว่าเออมัน
00:00:14 → 00:00:17 มีความหมายว่าอะไรนะฮะล่าสุดนี่เองนะครับ
00:00:18 → 00:00:20 มันก็มีการหยิบยกคำว่าคอคาร์บอนขึ้นมาอีก
00:00:20 → 00:00:25 เพราะว่ามีเคสคนนึงนะครับที่เค้าเนี่ยไป
00:00:25 → 00:00:28 หลอกผู้หญิงหลายคนนะฮะเจ้าตัวคนนี้เนี่ย
00:00:28 → 00:00:30 เขามีรูปร่างอ้วนนะฮะฮะแล้วด้านหลังคอ
00:00:30 → 00:00:33 เนี่ยก็มีรอยดำๆนิดนึงนะฮะทำให้เค้าโดน
00:00:33 → 00:00:37 ด่าว่าไอ้คอคาร์บอนนะครับวันนี้ผมก็เลย
00:00:37 → 00:00:40 อยากจะหยิบยกคำว่าคอคาร์บอนมาอธิบายทุกคน
00:00:40 → 00:00:43 ฟังนะครับว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่
00:00:43 → 00:00:45 ที่สำคัญนะครับผมเห็น influencer หลายคน
00:00:45 → 00:00:48 นะครับพูดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วแต่วันนี้ผม
00:00:48 → 00:00:52 จะมาพูดลงลึกเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
00:00:52 → 00:00:55 ทำไมมันต้องเกิดตรงนั้นแล้วมันมีโรคอะไร
00:00:55 → 00:00:57 อย่างอื่นอีกมยที่นอกเหนือจากinfluenซer
00:00:58 → 00:01:00 หลายๆคนที่เขาพูดไปแล้วว่ามันทำให้เกิด
00:01:00 → 00:01:03 โรคนั้นได้นะครับเดี๋ยวลองฟังกันดูพบกับ
00:01:03 → 00:01:05 ผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวัณเป็นอาจารย์
00:01:05 → 00:01:07 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:01:07 → 00:01:11 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:01:11 → 00:01:14 เรื่องของคอคาร์บอนเนี่ยความหมายของมันก็
00:01:14 → 00:01:18 คือเป็นคนที่มีคอด้านหลังนะครับเป็นรอยดำ
00:01:18 → 00:01:20 เป็นปื้นๆนะครับผิวหนังตรงบริเวณนั้น
00:01:21 → 00:01:24 เนี่ยมันก็จะหนานะครับจับดูแล้วมันก็จะ
00:01:24 → 00:01:26 หยาบๆขึ้นมานะครับมักจะเกิดในคนที่เค้า
00:01:26 → 00:01:30 อ้วนนะฮะก็เลยเป็นที่มาของคำว่าคอคาร์บอน
00:01:30 → 00:01:33 เพราะคาร์บอนมันก็ดูสีดำๆนะครับไอ้สีดำๆ
00:01:33 → 00:01:36 นี่ก็คือเป็นสีที่เขาเห็นตรงบริเวณหลังคอ
00:01:36 → 00:01:39 นะครับชื่อทางการแพทย์เนี่ยมันชื่อว่า
00:01:39 → 00:01:44 antosis nigricant นะครับ nigricant
00:01:44 → 00:01:48 มันมาจากภาษากรีกนะครับ acantos เนี่ย
00:01:48 → 00:01:51 ครับแปลว่าหนามนะครับ osis เนี่ยก็แปลว่า
00:01:51 → 00:01:54 เป็นภาวะนะครับเนี่ยคือแปลว่ากลายเป็นสี
00:01:54 → 00:01:58 ดำรวมแล้วเนี่ยก็แปลว่าผิวหนังเนี่ยมัน
00:01:58 → 00:02:02 เป็นหนามๆนะครับแข็งเหมือนหนามๆแล้วก็มี
00:02:02 → 00:02:07 การหนาตัวขึ้นและกลายเป็นสีดำนะฮะนี่คือ
00:02:07 → 00:02:11 ชื่อที่มานะครับต้องบอกว่าภาวะเนี้ยมีการ
00:02:11 → 00:02:15 ค้นพบไว้ตั้งแต่เมื่อประมาณหลายร้อยปี
00:02:15 → 00:02:18 ก่อนแล้วนะครับแต่ตอนนั้นเนี่ยเค้าไปเจอ
00:02:18 → 00:02:21 ว่าภาวะเนี่ยมีความเกี่ยวข้องกับมะเร็ง
00:02:22 → 00:02:25 กระเพาะนะครับอ่าตอนแรกที่เค้าเจอน่ะคน
00:02:25 → 00:02:28 ไข้คนแรกๆที่เขาเจอเนี่ยน่าจะเป็นมะเร็ง
00:02:28 → 00:02:31 กระเพาะนะครับแต่ต่อมาเไปเจอว่าไอ้ภาวะ
00:02:31 → 00:02:34 นี้เนี่ยมันไปเจอในคนอ้วนซะส่วนใหญ่นะ
00:02:34 → 00:02:37 ครับเออก็เลยมีการศึกษาเพิ่มเติมว่ามันไป
00:02:37 → 00:02:40 ทำให้มันเกิดแบบนั้นได้ยังไงนะครับต้อง
00:02:40 → 00:02:44 บอกอย่างี้ว่ากลไกในการเกิดเรื่องของมัน
00:02:44 → 00:02:47 เนี่ยนะครับมันน่าสนใจมากนะเพราะว่ามัน
00:02:47 → 00:02:52 เกิดจากการดื้ออินซูลินนะฮะดื้ออินซูลิน
00:02:52 → 00:02:55 ทีนี้เวลาที่เราดื้ออินซูลินแล้วเนี่ยมัน
00:02:55 → 00:02:59 จะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องบอกว่าความดื้อ
00:02:59 → 00:03:02 อินซูลินนะครับมันคือภาวะที่เราจำเป็นจะ
00:03:02 → 00:03:05 ต้องใช้อินซูลินมากกว่าปกติเพื่อที่จะทำ
00:03:05 → 00:03:08 ให้น้ำตาลของเราเนี่ยคุมได้นะฮะการดื้อ
00:03:08 → 00:03:11 อินซูลินเนี่ยจะเกิดในคนที่มีน้ำหนักตัว
00:03:11 → 00:03:14 เยอะนะครับอ้วนนะฮะคนที่เป็นเบาหวานและ
00:03:14 → 00:03:17 อีกภาวะนึงก็คือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ
00:03:17 → 00:03:21 หรือ PCOS นะครับซึ่งย่อมาจาก Polycystic
00:03:21 → 00:03:23 Ovarian Syndrome เรื่องนี้ผมก็เคยทำ
00:03:23 → 00:03:26 คลิปไปแล้วนะครับพวกนี้ก็จะมีภาวะที่เขา
00:03:26 → 00:03:28 ดื้ออินซูลินเหมือนกันนะครับทีนี้
00:03:28 → 00:03:32 อินซูลินที่เา้าดื้อเนี่ยมันก็มีอินซูลิน
00:03:32 → 00:03:35 ผลิตออกมามากๆเพราะว่าเนื่องจากว่าร่าง
00:03:36 → 00:03:37 กายมันดื้ออ่ะก็ต้องใช้อินซูลินเยอะเพื่อ
00:03:37 → 00:03:40 ที่จะได้งานที่เท่าเดิมถูกมั้ยครับ
00:03:40 → 00:03:44 อินซูลินที่มันเยอะเนี่ยนะครับมันก็จะไป
00:03:44 → 00:03:47 จับกับตัวรับตัวนึงที่เซลล์นะฮะเซลล์ผิว
00:03:47 → 00:03:50 หนังของเราเนี่ยตรงนั้นเนี่ยจะมีเซลล์
00:03:50 → 00:03:54 ชื่อว่าแครtinโนไซตนะครับพอแครtinโนไซต
00:03:54 → 00:03:58 มันเจอตัวอินซูลินมาปุ๊บเนี่ยมันจะไปจับ
00:03:58 → 00:04:01 กับตัวรับมันตัวนึงชื่อว่า Insulin Light
00:04:01 → 00:04:05 Growth Factor Receptor 1 นี่ IGF
00:04:05 → 00:04:08 one receptor นะครับตัวนี้เนี่ยจะเป็น
00:04:08 → 00:04:13 ตัวที่จับกับอินซูลินที่มันเยอะมากๆพอจับ
00:04:13 → 00:04:15 เสร็จปุ๊บนะครับเซลล์เคราตโนไซตเนี่ยมัน
00:04:15 → 00:04:18 จะมีการหนาตัวขึ้นนะครับและที่สำคัญคือ
00:04:18 → 00:04:22 มันจะเก็บรวบรวมเม็ดสีเมลานินด้วยไอ้เม็ด
00:04:22 → 00:04:24 สีเมลานินเนี่ยคือเหตุผลที่ทำให้มันเป็น
00:04:24 → 00:04:29 สีดำครับหรือสีน้ำตาลเข้มนะบางคนเนี่ยอาจ
00:04:29 → 00:04:32 จะคิดว่าเฮ้ยเราเคยรู้จักเซลล์ตัวนึงชื่อ
00:04:32 → 00:04:36 ว่าเมลโนไซตนะครับเมลโนไซตเนี่ยคือเป็น
00:04:36 → 00:04:39 เซลล์ซึ่งในตัวมันมีเม็ดเมลานินอยู่นะ
00:04:39 → 00:04:43 ครับแต่เพบว่าในภาวะ acantos nิเนี่ยมัน
00:04:43 → 00:04:46 ไม่ได้เกิดจากการที่มีเซลล์เมลโนไซตเพิ่ม
00:04:46 → 00:04:47 ขึ้นครับแต่มันเป็นเซลล์ตัวอื่นนี่แหละ
00:04:47 → 00:04:50 ที่สะสมเม็ดเมลานินไว้ตรงนั้นแทนนี่นะ
00:04:50 → 00:04:53 ครับอันนี้คือเหตุผลแต่อย่างไรก็ตามนะ
00:04:53 → 00:04:56 ครับมันก็มีตัวรับตัวอื่นอื่นของเซลล์
00:04:56 → 00:05:00 เหล่าเนี้ยที่มีส่วนร่วมนะครับกับการทำ
00:05:00 → 00:05:03 ให้เกิดภาวะดำๆตรงตรงบริเวณหลังคอนะครับ
00:05:03 → 00:05:06 เช่นอ่าตัวรับที่เรียกว่า Fiblast Growth
00:05:06 → 00:05:09 Factor ตัวรับที่เรียกว่า Epidermal
00:05:09 → 00:05:12 Growth Factor Receptor นะครับอ่าแล้ว
00:05:12 → 00:05:15 ก็มีตัวไทซine Kinase Receptor ต่างๆ
00:05:15 → 00:05:18 เป็นต้นนะครับพวกนี้ก็มีอีกหลากหลายตัว
00:05:18 → 00:05:20 แต่ว่าตัวที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดใน
00:05:20 → 00:05:23 กรณีที่มีการดื้ออินซูลินก็คือตัวที่
00:05:23 → 00:05:25 เรียกว่า insulin light growth factor
00:05:25 → 00:05:29 1 ซปตอนะครับอ่าตัวนี้เป็นตัวหลักนะคำ
00:05:29 → 00:05:33 ถามต่อมาเมื่อเราดื้ออินซูลินเรารู้แล้ว
00:05:33 → 00:05:38 ว่าเออแล้วอินซูลินเนี่ยมันไปทั้งร่างกาย
00:05:38 → 00:05:41 ใช่มั้ยครับผิวหนังแล้วก็มีทั้งร่างกาย
00:05:41 → 00:05:44 ทั้งตัวแล้วทำไมมันต้องดำตรงคอที่เดียว
00:05:44 → 00:05:48 อ่ะไม่ดำที่อื่นอ่ะเออแปลกมั้ยฮะต้องบอก
00:05:48 → 00:05:51 อย่างี้ครับมันก็ไม่ได้ดำที่คอที่เดียว
00:05:51 → 00:05:54 ครับมันดำที่คอนะฮะด้านหลังด้านหน้าเนี่ย
00:05:54 → 00:05:58 ก็มีได้บ้างรักแร้ก็สามารถเป็นได้ขาหนีบ
00:05:58 → 00:06:02 ก็เป็นได้นะครับบางคนเนี่ยในช่องปากก็
00:06:02 → 00:06:04 เป็นนะฮะแต่อันนั้นจะยากหน่อยนะฮะถ้าไม่
00:06:04 → 00:06:07 ใช่เป็นภาวะพิเศษจริงๆนะครับส่วนใหญ่นะ
00:06:07 → 00:06:10 ครับมันจะเป็นตามข้อพับครับข้อพับเกือบ
00:06:10 → 00:06:14 ทั้งหมดเลยอ้าวแล้วทำไมต้องเป็นตรงข้อพับ
00:06:14 → 00:06:17 นะครับนี่แหละคือสิ่งที่น่าสนใจนะครับเรา
00:06:17 → 00:06:21 ลองคิดกันเล่นๆก็ได้ครับข้อพับเนี่ยมันมี
00:06:21 → 00:06:24 ความแตกต่างยังไงกับผิวหนังบริเวณอื่นๆ
00:06:24 → 00:06:27 เออเออนะครับลองคิด
00:06:27 → 00:06:31 ดูแบบนี้ครับตรงบริเวณที่มันเป็นข้อพับ
00:06:31 → 00:06:34 เนี่ยมันจะต้องมีการเคลื่อนไหวบ่อยใช่
00:06:34 → 00:06:37 มั้ยครับมีการพับงอพับงออยู่เรื่อยๆนะฮะ
00:06:37 → 00:06:40 ดังนั้นผิวหนังบริเวณนั้นเนี่ยมันจะมี
00:06:40 → 00:06:46 ความบางแล้วก็มีความยืดหยุ่นที่สำคัญคือ
00:06:46 → 00:06:49 มันต้องเจอแรงกระแทกมันบ่อยๆแรงกระทำต่อ
00:06:49 → 00:06:52 บ่อยๆคืออย่างแรงที่มันยืดหดยืดหดอย่าง
00:06:52 → 00:06:54 เงี้ยอยู่เรื่อยๆนะฮะ
00:06:54 → 00:06:58 ร่างกายของเราครับรู้ว่าการที่มีผิวหนัง
00:06:58 → 00:07:02 ที่โดนเคลื่อนไหวบ่อยๆและต้องรับแรงเสียด
00:07:02 → 00:07:05 ทานอยู่เรื่อยๆนั้นมันจะทำให้เซลล์บริเวณ
00:07:05 → 00:07:09 นั้นเสียหายได้ง่ายร่างกายมันฉลาดครับมัน
00:07:09 → 00:07:12 เลยทำให้เซลล์ตรงบริเวณนั้นเนี่ยมีตัวรับ
00:07:12 → 00:07:15 อะไรก็ได้ที่จะสามารถทำให้ตัวเองเนี่ย
00:07:15 → 00:07:18 แข็งแกร่งเพิ่มจำนวนได้รวดเร็วแล้วก็
00:07:18 → 00:07:22 เจริญเติบโตได้ดีตัวรับพวกนั้นก็คือ
00:07:22 → 00:07:25 อินซูลินไลฟ Factor receptor 1 นั่นเอง
00:07:25 → 00:07:30 นะครับนี่ใช่ฮะเราก็เข้าใจแล้วว่าไอ้ตัว
00:07:30 → 00:07:33 รับแบบเนี้ยมันเกิดขึ้นเพราะว่าภาวะนี้
00:07:33 → 00:07:36 นั่นเองนะครับจริงๆเนี่ยเหตุผลมันมีอีก
00:07:36 → 00:07:39 เยอะแยะไปหมดนะครับตรงที่ไอ้โนไซตตรง
00:07:39 → 00:07:45 เนี้ยเซลล์เนี่ยมันตรงผิวหนังนะครับมันมี
00:07:45 → 00:07:47 ตัวนึงซึ่งเรียกว่า Macan
00:07:47 → 00:07:51 Receptor แปลว่าตัวรับแรงที่มากดกระทำ
00:07:51 → 00:07:54 มันนะครับ Mechanis ซปตอรตัวเนี้ยมันจะมี
00:07:54 → 00:07:57 การไปบอกให้ร่างกายบอกว่าเฮ้ยเราต้อง
00:07:57 → 00:08:00 สร้างไอ้ตัวรับ insulin light growth
00:08:00 → 00:08:05 factor 1 เนี่ยมาเยอะๆเพราะว่าเราจะได้
00:08:05 → 00:08:08 รับสารกระตุ้นทำให้ตัวเราโตได้แบ่งตัวได้
00:08:08 → 00:08:11 เร็วขึ้นแล้วก็สามารถทดทดแทนไอ้พวกเซลล์
00:08:11 → 00:08:14 ผิวที่มันเสียไปได้นะครับนั่นก็คือเหตุผล
00:08:14 → 00:08:19 ที่ว่าทำไมบริเวณข้อพับต่างๆนะครับมัน
00:08:19 → 00:08:24 ถึงมีโอกาสตอบสนองต่ออินซูลินได้เยอะกว่า
00:08:24 → 00:08:28 บริเวณอื่นๆนะฮะและเหตุผลนี้เองจึงทำให้
00:08:28 → 00:08:31 เวลาที่มีอินซูลินเยอะมากๆในร่างกายมัน
00:08:31 → 00:08:35 จึงเป็นบริเวณที่ดำก่อนเข้าเพื่อนนะครับ
00:08:35 → 00:08:38 อ่ามันจะดำก่อนเค้าเพื่อนเลยนะและแน่นอน
00:08:38 → 00:08:42 ครับบางคนก็อาจจะสังเกตว่า
00:08:42 → 00:08:46 เอ่อบางคนนะฮะมันก็ดำทั้งตัวเลยอ่ะไม่ใช่
00:08:46 → 00:08:50 เฉพาะแค่คอรักแร้หรือขาหนีบเท่านั้นนะฮะ
00:08:50 → 00:08:53 อันเนี้ยอาจจะเป็นเพราะว่าอินซูลินมันสูง
00:08:53 → 00:08:56 อยู่นานมากๆนะครับมันกระตุ้นตรงบริเวณข้อ
00:08:56 → 00:09:00 พับก่อนก็จริงแต่ว่าบริเวณอื่นๆแน่นอนมัน
00:09:00 → 00:09:02 ก็ต้องโดนกระตุ้นได้ด้วยเพียงแต่ว่ามัน
00:09:02 → 00:09:05 อาจจะไม่ดำเท่ากับบริเวณข้อพับนะครับนี่
00:09:05 → 00:09:09 ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมมันจึงเป็นแบบนี้นะ
00:09:09 → 00:09:12 ฮะต่อมาอีกอย่างนึงซึ่งผมอยากจะเล่าให้
00:09:12 → 00:09:14 ทุกคนฟังก็คือว่า
00:09:14 → 00:09:17 ภาวะดื้ออินซูลินเนี่ยเราเคยได้ยินบ่อย
00:09:17 → 00:09:21 ใช่มั้ครับอ่าเช่นอ้วนเป็นเบาหวานมีถุง
00:09:21 → 00:09:22 น้ำรังขา
00:09:22 → 00:09:24 เยอะๆอย่างเงี้ยมันดื้ออินซูลินดื้อ
00:09:24 → 00:09:27 อินซูลินมันคืออะไรมันวัดกันได้ยังไงเค้า
00:09:27 → 00:09:30 ตรวจกันยังไงไอ้ดื้ออินซูลินเนี่ยนะฮะคือ
00:09:30 → 00:09:33 อย่างที่ผมเล่าคร่าวๆนะครับคำว่าดื้อ
00:09:33 → 00:09:36 อินซูลินเนี่ยมันแปลว่ามันต้องใช้ร่าง
00:09:36 → 00:09:39 เอ่อใช้ตัวอินซูลินมากกว่าปกติเพื่อที่จะ
00:09:39 → 00:09:43 ได้ผลเท่าเดิมนะครับผลในที่นี้ก็คือการ
00:09:43 → 00:09:47 เอาน้ำตาลกลูโคสเข้าไปไว้ในเซลล์นะ
00:09:47 → 00:09:51 ฮะวิธีในการวัดจริงๆนะฮะมันค่อนข้างจะ
00:09:51 → 00:09:53 ยุ่งพุ่งยากเลยทีเดียวแล้วจำเป็นจะต้องทำ
00:09:53 → 00:09:57 ในโรงพยาบาลนะฮะเราเรียกว่าวิธี clamp
00:09:57 → 00:10:01 method นะครับหรือ clampic method นะ
00:10:01 → 00:10:06 ครับวิธีในการทำนะครับคือเขาจะใส่เส้น
00:10:06 → 00:10:09 เอ่อใส่ใส่น้ำเกลือเข้าไปแล้วให้อินซูลิน
00:10:09 → 00:10:12 เข้าไปในร่างกายเรานะให้เข้าไปเยอะเลยนะ
00:10:12 → 00:10:15 ครับและในขณะเดียวกันก็ให้กลูโคสเข้าไปใน
00:10:15 → 00:10:18 ร่างกายเราพร้อมกันด้วยนะแล้วดูซิว่าร่าง
00:10:18 → 00:10:22 กายเราจะตอบสนองแบบไหนนะครับอันเนี้ยก็จะ
00:10:22 → 00:10:25 มีการวัดน้ำตาลในร่างกายตลอดเวลาเลยดูซิ
00:10:25 → 00:10:27 ว่ามันจะต้องใช้น้ำตาลมากหรือตำหนักคือ
00:10:27 → 00:10:30 เค้าให้อินซูลินเข้าไประดับนึงให้มันคง
00:10:30 → 00:10:33 ที่นะครับอ่าเป็นอินซูลินระดับสูงเลยให้
00:10:33 → 00:10:35 คงที่ในร่างกายเเจาะระดับอินซูลินด้วยนะ
00:10:35 → 00:10:38 ครับว่าได้เท่าไหร่พอมันคงที่ปุ๊บหลังจาก
00:10:38 → 00:10:41 นั้นน่ะก็ค่อยๆให้กลูโคสเข้าไปในร่างกาย
00:10:41 → 00:10:45 เรื่อยๆๆๆๆๆจนถึงจุดหนึ่งนะครับซึ่ง
00:10:45 → 00:10:47 สามารถทำให้เวลาเราตรวจระดับน้ำตาลในร่าง
00:10:47 → 00:10:51 กายแล้วมันคงที่นะตอนนี้พอเข้าใจนะฮะว่า
00:10:51 → 00:10:54 เราให้อินซูลินขนาดสูงจนระดับในเลือดมัน
00:10:54 → 00:10:57 คงที่และหลังจากนั้นเราก็ต้องให้กลูโคส
00:10:57 → 00:10:59 เข้าไปเรื่อยๆนะครับจนกระทั่งกลูโคสใน
00:10:59 → 00:11:04 เลือดมันคงที่ไอ้ระดับกลูโคสที่ทำให้เจาะ
00:11:04 → 00:11:06 น้ำตาลในเลือดได้คงที่เนี่ยแต่ละคนมันไม่
00:11:06 → 00:11:09 เท่ากันนะครับและตรงนี้เองที่จะเอามาใช้
00:11:09 → 00:11:12 เป็นการบอกว่าใครที่มีภาวะดื้ออินซูลิน
00:11:12 → 00:11:17 บ้างนะครับแต่แน่นอนครับแมMehธอเนี่ยมัน
00:11:17 → 00:11:19 ทำในโรงพยาบาลมันทำยากแล้วเดี๋ยวนี้มีคน
00:11:19 → 00:11:22 ทำด้วยยกเว้นในงานวิจัยนะครับจึงมีการใช้
00:11:22 → 00:11:26 ตัวแทนอีกตัวนึงชื่อว่า Homa IR ตัว
00:11:26 → 00:11:28 เนี้ยทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเองด้วยนะ
00:11:28 → 00:11:30 ครับเจาะเลื่อนและตรวจได้ด้วยตัวเองนะ
00:11:30 → 00:11:34 ครับมันย่อมาจาก Homeostasis Method
00:11:34 → 00:11:37 Assessment นะครับ Homeostasis Method
00:11:37 → 00:11:40 Assessment for of insulin
00:11:40 → 00:11:43 resistance หรือ Homa IR นะครับตัวนี้
00:11:43 → 00:11:47 เนี่ยเค้าก็จะตรวจระดับอินซูลินในขณะที่
00:11:47 → 00:11:49 เราอดอาหารมา 8 ชมง
00:11:49 → 00:11:53 แล้วก็ระดับน้ำตาลในขณะที่เราอดอาหารมา 8
00:11:53 → 00:11:56 ชม.แล้วเอาเข้าไปคำนวณในสูตรเดี๋ยวผมจะ
00:11:56 → 00:11:58 ทิ้งลิงก์สำหรับการคำนวณไว้ให้ทุกคนไปดู
00:11:58 → 00:12:01 ด้วยนะครับถ้าใครอยากจะคำนวณของตัวเองก็
00:12:01 → 00:12:04 สามารถไปเจาะอินซูลินแล้วก็เจาะน้ำตาลใน
00:12:04 → 00:12:07 ขณะที่อดอาหารไปได้แล้วก็เอาเข้าไปในสูตร
00:12:07 → 00:12:10 ในเว็บไซต์นะก็จะบอกว่าเออเรามีภาวะดื้อ
00:12:10 → 00:12:13 อินซูลินหรือยังถ้าเราสงสัยนะครับอย่างไร
00:12:13 → 00:12:16 ก็ตามครับวิธีนี้มันไม่ใช่วิธีเดียวกัน
00:12:16 → 00:12:19 กับที่เขา้าตรวจแบบแม method ในโรงพยาบาล
00:12:19 → 00:12:22 นะครับมันจะไม่ได้แม่นซะทีเดียวแล้วมันก็
00:12:22 → 00:12:26 จะมีข้อบกบกพร่องเช่นใครบ้างคนที่เป็นเบา
00:12:26 → 00:12:30 หวานนานๆครับเวลาเราเป็นเบาหวานนานๆเนี่ย
00:12:30 → 00:12:33 ต้องบอกว่าช่วงแรกของการเริ่มเป็นเบาหวาน
00:12:33 → 00:12:35 น้ำตาในเลือดเราสูงขึ้นนะฮะเราดื้อ
00:12:35 → 00:12:38 อินซูลินตับอ่อนของเราเนี่ยมันจะมีเซลล์
00:12:38 → 00:12:40 ชื่อว่าเบต้าเซลล์จะผลิตอินซูลินมากมาย
00:12:40 → 00:12:43 มหาศาลเข้ามาทดแทนนะครับตอนแรกมันก็ผลิต
00:12:43 → 00:12:46 อินซูลินได้เยอะอยู่หรอกแต่พอผ่านไปเนี่ย
00:12:46 → 00:12:50 เซลล์มันตายครับมันสู้ไม่ไหวอินซูลินที่
00:12:50 → 00:12:53 เคยผลิตได้มหาศาลมันก็ลดๆลงไปเรื่อยๆนะนะ
00:12:53 → 00:12:57 ครับถ้าเกิดคุณตรวจ HMA IR ตอนแรกที่
00:12:57 → 00:13:00 อินซูลินสูงโอเคคุณจะรู้ว่าคุณดื้อ
00:13:00 → 00:13:02 อินซูลินแน่ๆแต่ถ้าเกิดคุณไปตรวจตอนที่
00:13:03 → 00:13:05 เซลล์ตับอ่อนคุณตายไปแล้ว
00:13:05 → 00:13:08 อ่ะอินซูลินมันก็ต่ำครับตอนนั้นน่ะดัง
00:13:09 → 00:13:11 นั้นตรวจออกมาแทนที่จะบอกว่าเอ้ยคนนี้
00:13:11 → 00:13:14 เป็นภาวะดื้ออินซูลินมันจะได้ผลออกมาบอก
00:13:14 → 00:13:17 ว่าคนเนี้ยไม่ดื้ออินซูลินหรือดื้อน้อย
00:13:17 → 00:13:22 ซึ่งมันผิดครับดังนั้นโฮม IR จะมีปัญหาหา
00:13:22 → 00:13:26 ในตรงนี้นะครับอย่างไรก็ตามนะครับเราไม่
00:13:26 → 00:13:28 ได้มีความจำเป็นจะต้องไปตรวจอย่างนี้ทุก
00:13:28 → 00:13:31 คนหรอกนะครับโดยทั่วไปเราก็ต้องไปจัดการ
00:13:31 → 00:13:33 อ่าเราดูเราก็รู้แล้วอ่ะเป็นเบาหวานนะ
00:13:33 → 00:13:37 ครับน้ำหนักเยอะเกินไปนะครับอ้วนเรามีโรค
00:13:37 → 00:13:39 ประจำตัวอะไรเยอะแยะไปหมดหรือมีโรคถุมน้ำ
00:13:39 → 00:13:43 ไข่หลายใบโรค PCOS พวกนี้นะครับเนี่ยก็
00:13:43 → 00:13:49 คือเหตุผลทีนี้ nrican มันอันตรายมยเออ
00:13:49 → 00:13:51 ต้องบอกงี้ครับไม่อันตรายอะไรเลยนะครับ
00:13:52 → 00:13:54 มันแค่น่ารำคาญอย่างเดียวมันไม่เจ็บไม่
00:13:54 → 00:13:57 คันมันแค่สีดำๆแล้วก็คอหรือว่าบริเวณที่
00:13:57 → 00:13:59 มันเป็นเนี่ยเช่นรักแร้ขาเหนียบมันจะหนาๆ
00:13:59 → 00:14:03 นิดนึงจับแล้วมันจะสากๆดำๆหนาๆนะครับแค่
00:14:03 → 00:14:07 นั้นเลยนะแล้วอันเนี้ยวิธีในการรักษานะ
00:14:07 → 00:14:11 ครับมันจะไม่หายตราบใดก็ตามที่ภาวะดื้อ
00:14:11 → 00:14:13 อินซูลินของคุณยังไม่หายดังนั้นถ้าเกิด
00:14:13 → 00:14:16 คุณอ้วนแล้วคุณลดน้ำหนักลงมาเป็นปกติมัน
00:14:16 → 00:14:20 หายเองครับถ้าคุณมีโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ
00:14:20 → 00:14:23 คุณรักษาก็หายได้ครับเช่นถ้าเกิดว่าเรา
00:14:23 → 00:14:26 ให้ยาเม็ดฟอมินเข้าไปเพื่อลดน้ำตาลอ่า
00:14:26 → 00:14:29 อันเนี้ยช่วยได้แล้วมันก็ทำให้มันหายได้
00:14:29 → 00:14:32 เช่นกันนะครับแต่ถ้าเกิดคุณยังไม่ได้แก้
00:14:32 → 00:14:35 ไขภาวะที่มันเป็นตั้งแต่แรกเนี่ยมันจะไม่
00:14:35 → 00:14:39 หายครับต่อให้คุณจะไปเลเซอร์จะไปเอายามา
00:14:39 → 00:14:42 ทาเอาเรตติอิคaซิดมาทาหรืออะไรก็แล้วแต่
00:14:42 → 00:14:44 นะครับมันก็จะไม่หายผิวนางก็ยังคงมีความ
00:14:44 → 00:14:47 ผิดปกติอยู่อย่างงั้นนั่นแหละนะครับนี่
00:14:47 → 00:14:51 คือกรณีที่ 1 ที่ทำให้เกิดภาวะ anosis
00:14:51 → 00:14:54 nric หรือคอcarาร์บอนก็คือภาวะดื้อ
00:14:54 → 00:14:57 อินซูลินต่างๆนะครับคนไข้ที่เป็นมักจะ
00:14:57 → 00:14:59 อ้วนมักจะอ้วนนะ
00:14:59 → 00:15:04 ฮะแต่มันก็มีสาเหตุอื่นที่ทำให้คุณเป็น
00:15:04 → 00:15:08 โรคคอคาร์บอนเหมือนกัน 1 ก็คือโรคทาง
00:15:08 → 00:15:12 พันธุกรรมบางชนิดนะครับที่อาจจะทำให้ตัว
00:15:12 → 00:15:15 รับอินซูลินเนี่ยมันมีปัญหาถ้าตัวรับ
00:15:15 → 00:15:18 อินซูลินมีปัญหานะครับร่างกายก็ต้องสร้าง
00:15:18 → 00:15:21 อินซูลินเข้าแบบมหาศาลมากๆเลยเพื่อเอาชนะ
00:15:21 → 00:15:25 กลไกที่ร่างกายมันผิดปกตินะครับเช่นอ่า
00:15:25 → 00:15:28 โรคแปลกๆ Reponis นะฮะเราอาจจะไม่เคยได้
00:15:28 → 00:15:31 ยินโลกนี้คือเป็นแล้วก็อาจจะตายไปตั้งแต่
00:15:31 → 00:15:34 อยู่ในครรภ์ะนะครับโรคครูซอนนะครับแล้วก็
00:15:34 → 00:15:36 มีอีกหลากหลายโรคเลยทีเดียวนะครับก็ยกให้
00:15:36 → 00:15:39 ฟังเท่านี้นะฮะส่วนใหญ่พวกเนี้ยมักจะเป็น
00:15:39 → 00:15:41 ตั้งแต่เด็กๆเลยอาจจะมีคอดำๆตั้งแต่เด็ก
00:15:41 → 00:15:45 นะครับแต่มีอีกอันนึงครับที่คุณต้องรู้
00:15:45 → 00:15:48 เพราะว่ามันอันตรายมากและคุณจำเป็นจะต้อง
00:15:48 → 00:15:50 ไปหาสาเหตุว่าทำไม
00:15:50 → 00:15:54 เป็นมันจะเป็นภาวะมะเร็งครับจำได้มั้ย
00:15:54 → 00:15:57 ครับตอนแรกที่ผมเล่าในคลิปนี้นี่แหละผม
00:15:57 → 00:16:00 บอกว่าคนที่เขาเจอ Sosis nrican ครั้ง
00:16:01 → 00:16:03 แรกๆในอดีตเนี่ยเา้าไปเจอในคนที่เป็น
00:16:03 → 00:16:04 มะเร็ง
00:16:04 → 00:16:10 กระเพาะอืมมะเร็งกระเพาะนะครับคือไอ้คอดำ
00:16:10 → 00:16:12 พวกเนี้ยมันสามารถเจอได้ในคนที่เป็น
00:16:12 → 00:16:15 มะเร็งครับเช่นมะเร็งกระเพาะนะครับมะเร็ง
00:16:15 → 00:16:19 ปอดอ่ามะเร็งเต้านมมะเร็งลำไส้ใหญ่นะฮะ
00:16:19 → 00:16:23 มะเร็งตับก็สามารถที่จะทำให้เรามีภาวะคอ
00:16:23 → 00:16:26 คาร์บอนคือมีดำๆตรงหลังคอตรงลักแล้ตรงขา
00:16:26 → 00:16:30 หนีบได้นะครับแต่พอฟังมาถึงตรงเนี้ยทุกคน
00:16:30 → 00:16:34 ก็คงกลัวหรือสงสัยแล้วเฮ้ยทุกคนที่คอดำ
00:16:34 → 00:16:37 อ่ะมันจะเป็นมะเร็งหรือเปล่ามันมีมะเร็ง
00:16:37 → 00:16:39 ซ่อนอยู่แล้วหมอยังไม่ได้หาหรือหาไม่เจอ
00:16:39 → 00:16:42 หรือเปล่าก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ครับข้อแตก
00:16:42 → 00:16:46 ต่างของคอดำในคนที่เป็นภาวะดื้ออินซูลิน
00:16:47 → 00:16:50 กับคนที่คอดำในภาวะที่เป็นมะเร็งมันคือ
00:16:50 → 00:16:53 สิ่งต่อไปนี้ที่จะเล่านะครับข้อแรกคนที่
00:16:53 → 00:16:57 เป็นมะเร็งนะฮะมะเร็งที่เป็นสาเหตุที่ทำ
00:16:57 → 00:17:00 ให้คอมันดำหรืออะไรพวกนี้เนี่ยนะครับคน
00:17:00 → 00:17:06 พวกเนี้ยมักจะอายุเยอะมักจะผอมนะครับและ
00:17:06 → 00:17:10 ไอ้คอดำเนี่ยมันจะเกิดขึ้นเร็วมากนะครับ
00:17:10 → 00:17:13 คือใน 3-6 เดือนจากที่มันไม่เคยเป็นอะไร
00:17:13 → 00:17:18 อยู่ๆมันเป็นขึ้นมานะครับเต็มเลยนะฮะและ
00:17:18 → 00:17:21 เมื่อกี้ที่ผมบอกว่าไอ้รอยดำพวกเนี้ยเกิด
00:17:21 → 00:17:24 ที่ริมฝีปากกับในปากเนี่ยยากใช่ไหมครับ
00:17:24 → 00:17:27 แต่ในมะเร็งเนี่ยเกิดได้บ่อยเออมันจะเกิด
00:17:27 → 00:17:30 ได้บ่อยถ้ามันมีตรงหลังคอตรงเมันยังมีใน
00:17:30 → 00:17:32 ปากด้วยนะครับถ้าเราหาแล้วเราเอออาจจะ
00:17:32 → 00:17:35 เห็นอยู่ในนั้นเอ๊ะทำไมปากมันดำๆรีฟิวปาก
00:17:35 → 00:17:39 ดำๆหนาๆนะฮะเช่นขอบปากข้างนอกดำๆหนาๆ
00:17:39 → 00:17:41 เนี่ยและในปากมีข้างหลังคอมีเออเริ่มน่า
00:17:41 → 00:17:45 สงสัยละผอมๆอายุเยอะอันเนี้ยต้องหาแล้ว
00:17:45 → 00:17:48 ล่ะว่ามันมีมะเร็งอะไรซ่อนอยู่ไหมนะครับ
00:17:48 → 00:17:51 กลไกในการเกิดของมะเร็งเนี่ยจะแตกต่างจาก
00:17:51 → 00:17:54 กลไกในการเกิดกรณีที่เป็นภาวะดื้อ
00:17:54 → 00:17:58 อินซูลินนะครับถ้าเกิดคุณเป็นมะเร็งเนี่ย
00:17:58 → 00:18:02 มันจะสร้างสารตัวนึงชื่อว่า TGF Alpha
00:18:02 → 00:18:04 นะครับ Transforming Growth Factor
00:18:04 → 00:18:07 Alpha ตัวเนี้ยจะไปจับกับ Epidermal
00:18:07 → 00:18:10 Growth Factor ของตัวtinositeหรือเซลล์
00:18:10 → 00:18:13 ตรงบริเวณผิวตรงนั้นนั่นแหละและไอ้เนี้ย
00:18:13 → 00:18:17 มันก็จะไปทำให้เกิดการกระตุ้นจนสร้างเม็ด
00:18:17 → 00:18:20 สีเมลานินตรงนั้นออกมาได้นะครับและที่
00:18:20 → 00:18:24 สำคัญครับมันยังไปยุ่งกับกลไก IGF1
00:18:24 → 00:18:27 Receptor อีกต่างหากมันวุ่นวายมากเลยนะ
00:18:27 → 00:18:30 ครับจริงๆอ่าตัวรับต่างๆของเซลล์เนี่ยมัน
00:18:30 → 00:18:32 คุยกันนะครับมันบอกเฮ้ยไปเรียกเพื่อนมา
00:18:32 → 00:18:35 ข้าพเจ้าเนี่ยอยากจะทำให้มันผลิตอะไรขึ้น
00:18:35 → 00:18:38 มาสักอย่างอย่างเงี้ยนะครับคือมันเหมือน
00:18:38 → 00:18:40 กับร่างกายเราเนี่ยมันไม่ได้มีกลไกเดียว
00:18:41 → 00:18:43 ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างหนึ่งแต่มันมี
00:18:43 → 00:18:45 อีกหลายๆช่องทางที่ทำให้เกิดผลลัพธ์แบบ
00:18:45 → 00:18:48 เดียวกันก็ได้นะครับมะเร็งมันก็จะมีเหตุ
00:18:48 → 00:18:51 ผลที่มันทำให้เป็นแบบนั้นได้เหมือนกันนะ
00:18:51 → 00:18:56 ฮะทีนี้มะเร็งเนี่ยมันไม่ใช่มีแค่ดำๆตรง
00:18:56 → 00:18:58 นั้นนะฮะมันอาจจะ
00:18:58 → 00:19:01 เจอปัญหาทางผิวหนังอย่างอื่นที่มาพร้อม
00:19:01 → 00:19:05 กันได้นะครับตัวนึงซึ่งในทางการแพทย์เรา
00:19:05 → 00:19:07 สอนกันประจำแล้วก็แน่นอนนักเรียนแพทย์
00:19:07 → 00:19:10 ต้องจำได้แล้วก็เอาไปสอบมันคือสิ่งที่
00:19:10 → 00:19:13 เรียกว่า lesser thrillat sign ถ้าใคร
00:19:13 → 00:19:15 เรียนแพทย์มาคงรู้ตัวนี้นะครับ lesser
00:19:15 → 00:19:17 thrillat sign เนี่ยเนี่ยมันคือการที่
00:19:17 → 00:19:21 อยู่ๆเนี่ยเรามีผิวที่มันเป็นกลมๆแล้วก็
00:19:21 → 00:19:24 สีน้ำตาลเข้มหรือดำเนี่ยอยู่ๆขึ้นทั้งตัว
00:19:24 → 00:19:27 เลยเป็นเหมือนกับดอกเห็ดขึ้นๆๆๆมาทั้งตัว
00:19:27 → 00:19:30 พวกนี้เนี่ยอยู่ๆมันจะขึ้นมาแล้วหาอะไร
00:19:30 → 00:19:34 ไม่เจอมันดำๆดำๆอ่ะมันไม่ใช่แดงๆเหมือน
00:19:34 → 00:19:36 ผื่นคันสีแดงนะครับไม่ใช่ผืนลมพิษแต่มัน
00:19:36 → 00:19:40 เป็นผื่นสีดำๆนะขึ้นเต็มตัวไอ้เนี่ยถ้า
00:19:40 → 00:19:42 มันมาร่วมกับ acanosis nrican เนี่ยนะ
00:19:43 → 00:19:45 ครับก็ต้องสงสัยแล้วครับว่ามันเป็นหรือ
00:19:45 → 00:19:49 เปล่านะครับผืนที่มากับมะเร็งนะครับมีอีก
00:19:49 → 00:19:51 หลากหลายชนิดอันเนี้ยลองถามเ่อคุณหมอโรค
00:19:52 → 00:19:55 ผิวหนังดูก็จะรู้นะครับมีอันนึงชื่อแปลก
00:19:55 → 00:19:58 ดีชื่อ BX Syndrome นะครับ BX Syndrome
00:19:58 → 00:20:01 เนี่ยก็คือมันก็เป็นผื่นเหมือนกันจะเป็น
00:20:01 → 00:20:04 ตรงเ่อรอบๆเล็บตรงเครับตรงหลังมือตรงเได้
00:20:04 → 00:20:08 ตรงตรงหูเนี่ยก็เป็นได้ตรงข้อสอบก็เป็น
00:20:08 → 00:20:10 ได้ laser that sign นะครับหรือ acusis
00:20:11 → 00:20:13 nrican ซึ่งอยู่ๆมันเกิดอย่างรวดเร็วใน
00:20:13 → 00:20:16 คนอายุเยอะพร้อมๆอ่าใช่แน่ๆนะครับอีกอัน
00:20:16 → 00:20:21 นึงซึ่งอ่าสมัยผมเรียนนะมันดูน่าสนใจมาก
00:20:21 → 00:20:26 เลยคือเรียกว่าima Jitum Repens irima
00:20:27 → 00:20:30 Jitum Repens เนี่ยลักษณะของมันนะครับ
00:20:30 → 00:20:35 มันเหมือนเป็นวงๆๆวงแหวนเนี่ยเป็นลายอ่ะ
00:20:35 → 00:20:38 แบบกินบริเวณกว้างๆของตัวเลยนะเดี๋ยวผม
00:20:38 → 00:20:40 เอารูปมาแปะให้ดูนะครับมันขึ้นทั้งตัวเลย
00:20:40 → 00:20:44 เหมือนเป็นเป็นเหมือนวงแหวนกระจายตัวนะ
00:20:44 → 00:20:46 ครับพวกนี้มันคันด้วยนะแล้วก็มันมักจะ
00:20:46 → 00:20:49 เกี่ยวข้องกับมะเร็งปอดครับนะผมเรียนโรค
00:20:49 → 00:20:52 ปอดผมก็เลยจำตัวนี้ได้แม่นมากเลยแต่แน่
00:20:52 → 00:20:53 นอนมันเจอในมะเร็งอย่างอื่นได้บ้างแต่ก็
00:20:54 → 00:20:56 ไม่ได้เจอได้เยอะนะครับดังนั้นโดยสรุป
00:20:56 → 00:21:01 เนี่ยคอคาร์บอนหรือcanนสุนิรคนไม่ได้เจอ
00:21:01 → 00:21:03 แค่เฉพาะตรงคอนะครับแต่ส่วนใหญ่จะเจอตรง
00:21:03 → 00:21:07 บริเวณข้อพับนะเหตุผลที่มันเป็นแบบนี้ได้
00:21:07 → 00:21:10 เนี่ยนะครับก็จะมีภาวะดื้ออินซูลินนะครับ
00:21:10 → 00:21:14 ซึ่งก็เจอในคนอ้วนคนที่เป็นเบาหวานแล้วก็
00:21:14 → 00:21:18 คนที่เเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ PCOS
00:21:18 → 00:21:21 อันที่ 2 เจอในคนที่เป็นโรคเนี้ยบางที
00:21:21 → 00:21:23 เป็นตั้งแต่กำเนิดก็ได้ไม่ได้เกี่ยวข้อง
00:21:23 → 00:21:25 อะไรกับการดื้ออินซูลินและอันที่ 3 ก็คือ
00:21:25 → 00:21:28 กลุ่มโรคมะเร็งที่เราจำเป็นจะต้องหาวิธี
00:21:28 → 00:21:31 ในการแยกนะครับถ้าเราอ้วนอายุน้อยเป็นเบา
00:21:32 → 00:21:34 หวานมีถุงน้ำรังไข่หลายใบพวกเนี้ย
00:21:34 → 00:21:36 อันเนี้ยเป็นภาวะดื้ออินซูลินค่อนข้างที่
00:21:36 → 00:21:39 จะแน่นอนนะครับแต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้แปล
00:21:39 → 00:21:40 ว่าจะเป็นมะเร็งไม่ได้นะมันก็เป็นได้
00:21:40 → 00:21:42 เหมือนกันนะครับแต่ถ้าเกิดคุณเป็นคนอายุ
00:21:42 → 00:21:46 เยอะตัวผอมนะครับไอ้คอดำพวกเนี้ยอยู่ๆมัน
00:21:46 → 00:21:48 ขึ้นมาอย่างรวดเร็วเนี่ยประมาณ 3-6 เดือน
00:21:48 → 00:21:50 แล้วไม่ได้มีแค่คอเท่านั้นที่ดำรักแร้ดำ
00:21:51 → 00:21:53 แต่มันมีผื่นอะไรขึ้นมาเยอะแยะไปหมดนะฮะ
00:21:53 → 00:21:56 อาจจะมีอาการเบื่ออาหารน้ำหนักลดนะครับมี
00:21:56 → 00:22:00 ไข้ต่ำๆเวลากลางคืนนะฮะหรือมีประวัติแบบ
00:22:00 → 00:22:02 สูบบุหรี่จัดอะไรอย่างเงี้ยนะฮะหรือกิน
00:22:02 → 00:22:05 เหล้าเยอะนะฮะหรือประวัติในครอบครัวมี
00:22:05 → 00:22:08 มะเร็งต่างๆพวกเนี้ยต้องรีบไปหามะเร็งเลย
00:22:08 → 00:22:11 โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะนะครับอ้าวันนี้ผม
00:22:11 → 00:22:14 ก็หวังว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรบ้างบ้าง
00:22:14 → 00:22:16 จากตัวข่าวนอกเหนือจากเรื่องของดราม่านะ
00:22:16 → 00:22:19 ครับโดยปกติแล้วเนี่ยเรื่องดราม่าต้องบอก
00:22:19 → 00:22:21 อย่างนี้ครับผมพูดเสมอว่ามันไม่ใช่เรื่อง
00:22:21 → 00:22:25 ของเราดังนั้นถ้าเกิดคุณจะไปเรียนรู้อะไร
00:22:25 → 00:22:26 สักอย่างเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขา้า
00:22:26 → 00:22:29 ดราม่ากันเนี่ยน่าจะต้องหาอะไรสักอย่าง
00:22:29 → 00:22:32 ที่ทำให้เราได้ความรู้นะครับมากกว่าแค่
00:22:33 → 00:22:36 การที่เราจะไปคอมเมนต์ไปด่าไปเข้าข้างใคร
00:22:36 → 00:22:39 คนใดคนหนึ่งนะครับโอเควันนี้ผมก็ฝากไว้
00:22:40 → 00:22:41 เพียงเท่านี้นะครับถ้าใครมีอะไรสงสัยก็
00:22:41 → 00:22:46 สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ