00:00:00 → 00:00:03 คนเคยเป็นแบบนี้ไหคะทั้งที่นอนเต็มอิ่ม
00:00:03 → 00:00:06 แล้วแต่พอตื่นขึ้นมากลับรู้สึกเหมือนแบต
00:00:06 → 00:00:09 หมดไม่สดชื่นแถมยังเหนื่อยง่ายกว่าคนอื่น
00:00:09 → 00:00:13 ๆบางทีก็วิงเวียนหน้ามืดบ่อยๆหรือแค่ลุก
00:00:13 → 00:00:16 ขึ้นยืนเร็วๆก็รู้สึกเหมือนโลกจะหมุนที่
00:00:16 → 00:00:19 น่าแปลกคือบางครั้งคุณอาจจะรู้สึก
00:00:19 → 00:00:22 หงุดหงิดง่ายกว่าปกติหรือจำอะไรไม่ค่อย
00:00:22 → 00:00:25 ได้ทั้งที่ก็ไม่ได้มีเรื่องให้เครียดมาก
00:00:25 → 00:00:28 มายอะไรใช่ครับหลายคนอาจจะคิดว่าเป็น
00:00:28 → 00:00:31 อาการของวัยหรือความเครียดจากการทำงาน
00:00:31 → 00:00:34 หนักใช่ไหมครับแต่เคยสงสัยไหมครับว่าทำไม
00:00:34 → 00:00:37 เราถึงพยายามกินอาหารเสริมหรือกินอาหาร
00:00:37 → 00:00:40 บำรุงเลือดตามที่เขาบอกแต่ทำไมอาการเหล่า
00:00:40 → 00:00:43 นี้ก็ยังไม่ดีขึ้นเลยหรือบางทีอาจจะแย่ลง
00:00:43 → 00:00:46 ด้วยซ้ำไปครับวันนี้ค่ะเราจะมาเปิดเผย
00:00:46 → 00:00:50 ความจริงที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่ามี 8
00:00:50 → 00:00:52 อาหารตัวร้ายที่เรากินอยู่ทุกวันนี้แหละ
00:00:52 → 00:00:56 ค่ะที่กำลังเป็นภัยเงียบขัดขวางการดูดซึม
00:00:56 → 00:00:59 ธาตุเหล็กและกำลังทำให้ภาวะโลหิตจางของ
00:00:59 → 00:01:02 คุณหนักกว่าเดิมไปอีกค่ะคุณกำลังกินสิ่ง
00:01:02 → 00:01:05 เหล่านี้อยู่หรือเปล่าห้ามเลื่อนผ่านคลิป
00:01:05 → 00:01:07 นี้เด็ดขาดนะคะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังและผู้
00:01:07 → 00:01:10 ชมทุกท่านยินดีต้อนรับกลับสู่รายการ
00:01:10 → 00:01:14 สุขภาพสนทนาค่ะสร้างสุขภาพดีที่เริ่มต้น
00:01:14 → 00:01:17 จากความเข้าใจก่อนที่เราจะเข้าสู่เนื้อหา
00:01:17 → 00:01:19 สำคัญในวันนี้หากคุณไม่อยากพลาดข้อมูล
00:01:19 → 00:01:23 สุขภาพที่น่าเชื่อถือเข้าใจง่ายและนำไป
00:01:23 → 00:01:26 ใช้ได้จริงแบบนี้อีกอย่าลืมกดติดตามช่อง
00:01:26 → 00:01:29 สุขภาพสนทนาและกดกระดิ่งแจ้งเตือนไว้ด้วย
00:01:29 → 00:01:32 นะครับเอาล่ะค่ะวันนี้เราจะมาเจาะลึก
00:01:32 → 00:01:35 เรื่องที่สำคัญมากๆสำหรับสุขภาพของเรา
00:01:35 → 00:01:38 นั่นก็คือภาวะโลหิตจางค่ะเป็นปัญหาที่พบ
00:01:38 → 00:01:42 ได้บ่อยมากในคนทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะกลุ่ม
00:01:42 → 00:01:45 ผู้หญิงและผู้สูงอายุค่ะครับและแม้ว่าเรา
00:01:45 → 00:01:48 จะรู้กันดีว่าการขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุ
00:01:48 → 00:01:51 หลักของโลหิตจางและพยายามกินอาหารที่มี
00:01:51 → 00:01:54 ประโยชน์แล้วก็ตามแต่คุณรู้มั้ครับว่า
00:01:54 → 00:01:56 อาหารบางอย่างที่เรากินอยู่เป็นประจำ
00:01:56 → 00:01:59 กำลังเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก
00:01:59 → 00:02:01 หรืออาจส่งผลเสียต่อกระบวนการสร้างเลือด
00:02:01 → 00:02:04 ของเราโดยตรงครับในวันนี้เราจะมาทำความ
00:02:04 → 00:02:08 เข้าใจว่าภาวะโลหิตจางคืออะไรทำไมจึง
00:02:08 → 00:02:12 สำคัญและที่สำคัญที่สุดเราจะมาเปิดโป่ง 8
00:02:12 → 00:02:14 อาหารเครื่องดื่มที่คุณควรเลี่ยงด่วน
00:02:14 → 00:02:17 พร้อมเหตุผลทางวิทยาศาสตร์และคำแนะนำใน
00:02:17 → 00:02:20 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างถูก
00:02:20 → 00:02:23 ต้องเพื่อให้คุณมีสุขภาพเลือดที่ดีขึ้น
00:02:23 → 00:02:25 ได้อย่างยั่งยืนค่ะก่อนที่เราจะไปเจาะลึก
00:02:25 → 00:02:28 ถึงอาหารที่ควรเลี่ยงเรามาทำความเข้าใจ
00:02:28 → 00:02:31 กันก่อนดีกว่าค่ะว่าจริงๆแล้วภาวะโลหิต
00:02:31 → 00:02:34 จางคืออะไรกันแน่คะหลายคนอาจจะเคยได้ยิน
00:02:34 → 00:02:38 คำนี้บ่อยๆแต่ไม่แน่ใจว่ามันส่งผลกระทบ
00:02:38 → 00:02:40 ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้างโดยพื้นฐาน
00:02:40 → 00:02:43 แล้วนะครับภาวะโลหิตจางหรือภาษาอังกฤษ
00:02:43 → 00:02:46 เรียกว่าอนีเมียเนี่ยคือภาวะที่ร่างกายมี
00:02:47 → 00:02:49 เม็ดเลือดแดงน้อยเกินไปหรือเม็ดเลือดแดง
00:02:49 → 00:02:52 มีปริมาณฮีโมโลบินไม่เพียงพอครับ
00:02:52 → 00:02:55 ฮีโมโลบินนี่แหละครับคือโปรตีนสำคัญที่
00:02:55 → 00:02:58 อยู่ในเม็ดเลือดแดงมีหน้าที่หลักในการจับ
00:02:58 → 00:03:00 ออกซิเจนจากปอดแล้วลำเลียงไปส่งให้กับ
00:03:00 → 00:03:02 เซลล์และเนื้อเยื่อทั่วร่างกายเพื่อให้
00:03:02 → 00:03:06 ร่างกายของเราทำงานได้อย่างปกติครับแสดง
00:03:06 → 00:03:09 ว่าถ้าเรามีฮีโมโลบินน้อยออกซิเจนที่ไป
00:03:09 → 00:03:11 เลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายก็จะลดลงด้วย
00:03:11 → 00:03:14 ใช่ไหมั้คะถูกต้องเลยครับลองจินตนาการว่า
00:03:14 → 00:03:17 ร่างกายของเราเป็นเหมือนเมืองหนึ่งครับ
00:03:17 → 00:03:19 และออกซิเจนก็คือพลังงานที่ขับเคลื่อน
00:03:19 → 00:03:22 เมืองนั้นส่วนเม็ดเลือดแดงและฮีโมโลบินก็
00:03:23 → 00:03:25 เปรียบเหมือนรถขนส่งพลังงานนี่แหละครับ
00:03:25 → 00:03:28 ถ้ามีรถน้อยไปหรือรถขนพลังงานได้ไม่เต็ม
00:03:28 → 00:03:31 ที่เมืองทั้งเมืองก็จะอ่อนแอลงทำงานได้
00:03:31 → 00:03:34 ไม่เต็มศักยภาพครับฟังดูน่ากลัวเหมือนกัน
00:03:34 → 00:03:37 นะคะแล้วอาการของภาวะโลหิตจางที่เรามัก
00:03:37 → 00:03:40 มองข้ามมีอะไรบ้างคะเพราะบางทีก็คิดว่า
00:03:41 → 00:03:43 เป็นแค่ความเหนื่อยล้าปกติในชีวิตประจำ
00:03:43 → 00:03:46 วันอาการที่พบบ่อยที่สุดและมักถูกมองข้าม
00:03:46 → 00:03:49 เลยก็คืออ่อนเพลียเหนื่อยง่ายแม้จะพัก
00:03:49 → 00:03:52 ผ่อนเพียงพอแล้วก็ตามครับบางคนอาจจะรู้
00:03:52 → 00:03:55 สึกว่าไม่มีเรี่ยวแรงทำอะไรเลยอ่อนปลวก
00:03:55 → 00:03:57 เปียกไปหมดซึ่งต่างจากการเหนื่อยล้า
00:03:57 → 00:04:00 ธรรมดาที่มักจะดีขึ้นเมื่อได้พักผ่อนนะ
00:04:00 → 00:04:03 ครับอ๋อแบบนั้นเองค่ะแล้วมีอาการอื่นอีก
00:04:03 → 00:04:06 มั้คะนอกจากความอ่อนเพลียแล้วยังมีอาการ
00:04:06 → 00:04:09 อื่นอีกครับเช่นหน้าซีดริมฝีปากซีดเปลือก
00:04:09 → 00:04:12 ตาด้านในซีดซึ่งเป็นเพราะเลือดมีปริมาณ
00:04:12 → 00:04:15 ฮีโมโลบินน้อยครับบางคนอาจจะรู้สึกเวียน
00:04:15 → 00:04:19 หัวหน้ามืดตาลายโดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนท่า
00:04:19 → 00:04:22 ทางกระทันหันเช่นลุกขึ้นยืนเร็วๆหรืออาจ
00:04:22 → 00:04:25 จะรู้สึกใจสั่นหัวใจเต้นเร็วเพราะหัวใจ
00:04:25 → 00:04:28 ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไป
00:04:28 → 00:04:30 เลี้ยงส่วนต่างๆครับอย่างนี้นี่เองค่ะ
00:04:30 → 00:04:33 แล้วนอกจากอาการทางร่างกายแล้วมีผลต่อ
00:04:33 → 00:04:36 อารมณ์หรือสภาพจิตใจมั้คะมีผลแน่นอนครับ
00:04:36 → 00:04:40 บางคนอาจจะรู้สึกหงุดหงิดง่ายขาดสมาธิ
00:04:40 → 00:04:43 หรือมีปัญหาเรื่องความจำได้ครับเพราะสมอง
00:04:43 → 00:04:45 ก็ต้องการออกซิเจนอย่างสม่ำเสมอในการทำ
00:04:45 → 00:04:48 งานครับนอกจากนี้บางคนยังมีอาการทางร่าง
00:04:48 → 00:04:52 กายอื่นๆที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นเช่นเล็บ
00:04:52 → 00:04:55 เปราะฉีกง่ายมีร่องหรือเป็นรูปช้อนครับ
00:04:55 → 00:04:59 บางรายก็มีผมร่วงมากกว่าปกติหรือมีอาการ
00:04:59 → 00:05:02 ที่เรียกว่าพีก้าคืออยากกินของแปลกๆเช่น
00:05:02 → 00:05:06 ดินน้ำแข็งแป้งดิบซึ่งเป็นสัญญาณที่พบได้
00:05:06 → 00:05:09 ในภาวะขาดธาตุเหล็กอย่างรุนแรงครับฟังดู
00:05:09 → 00:05:12 แล้วอาการมีหลากหลายมากเลยนะคะแล้วสาเหตุ
00:05:12 → 00:05:14 หลักๆของภาวะโลหิตจางเกิดจากอะไรได้บ้าง
00:05:14 → 00:05:17 คะสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดเลยนะครับคือการ
00:05:17 → 00:05:20 ขาดธาตุเหล็กครับธาตุเหล็กเป็นวัตถุดิบ
00:05:20 → 00:05:23 สำคัญในการสร้างฮีโมโลบินถ้าเราได้รับไม่
00:05:23 → 00:05:26 เพียงพอจากอาหารหรือมีการเสียเลือดเรื้อ
00:05:26 → 00:05:29 รังเช่นประจำเดือนมามากในผู้หญิงหรือมี
00:05:29 → 00:05:32 เลือดออกในทางเดินอาหารก็จะนำไปสู่ภาวะ
00:05:32 → 00:05:35 โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ครับแล้วมี
00:05:35 → 00:05:38 สาเหตุอื่นอีกมั้ยคะครับนอกจากขาดธาตุ
00:05:38 → 00:05:40 เหล็กแล้วยังมีการขาดสารอาหารอื่นๆที่
00:05:40 → 00:05:43 สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงด้วยครับ
00:05:43 → 00:05:47 เช่นขาดวิตามิน B12 และโฟลิคซ
00:05:47 → 00:05:49 เหล่านี้จำเป็นต่อการแบ่งเซลล์และสร้าง
00:05:49 → 00:05:52 เม็ดเลือดแดงครับนอกจากนี้โรคเรื้อรังบาง
00:05:52 → 00:05:56 ชนิดเช่นโรคไตวายเรื้อรังโรคมะเร็งหรือ
00:05:56 → 00:05:58 โรคอักเสบเรื้อรังก็สามารถส่งผลให้เกิด
00:05:59 → 00:06:02 ภาวะโลหิตจางได้ครับหรือแม้แต่ปัญหาในการ
00:06:02 → 00:06:04 ดูดซึมสารอาหารที่เกิดจากโรคเกี่ยวกับ
00:06:04 → 00:06:08 ระบบทางเดินอาหารเช่นโรคลำไส้อักเสบหรือ
00:06:08 → 00:06:10 การผ่าตัดกระเพาะอาหารก็เป็นอีกหนึ่ง
00:06:10 → 00:06:13 สาเหตุสำคัญครับฟังดูแล้วภาวะโลหิตจาง
00:06:13 → 00:06:16 เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ
00:06:16 → 00:06:18 แล้วทำไมการแก้ไขที่อาหารถึงเป็นสิ่ง
00:06:18 → 00:06:22 สำคัญที่สุดในการดูแลภาวะนี้คะเป็นคำถาม
00:06:22 → 00:06:24 ที่สำคัญมากครับเพราะอาหารที่เรากินเข้า
00:06:24 → 00:06:27 ไปทุกวันนี่แหละครับคือแหล่งที่มาหลักของ
00:06:27 → 00:06:30 สารอาหารทั้งหมดที่ร่างกายต้องการไม่ว่า
00:06:30 → 00:06:33 จะเป็นธาตุเหล็กวิตามิน B12 โฟลิคหรือ
00:06:33 → 00:06:36 วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆที่ช่วยในการดูด
00:06:36 → 00:06:38 ซึมสารอาหารเหล่านั้นครับการปรับพฤติกรรม
00:06:39 → 00:06:42 การกินจึงเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันและ
00:06:42 → 00:06:45 รักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดสารอาหารครับ
00:06:45 → 00:06:48 พูดง่ายๆคือถ้าเรากินได้ถูกต้องเราก็จะ
00:06:48 → 00:06:51 ได้รับสารอาหารที่เพียงพอและทำให้ร่างกาย
00:06:51 → 00:06:53 สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้อย่างมี
00:06:53 → 00:06:56 ประสิทธิภาพมากขึ้นใช่มั้ยคะถูกต้องครับ
00:06:56 → 00:06:58 และในทางกลับกันถ้าเรากินอาหารที่ไม่
00:06:58 → 00:07:01 เหมาะสมโดยเฉพาะอาหารที่เรากำลังจะพูดถึง
00:07:01 → 00:07:04 ต่อไปนี้มันอาจจะไปขัดขวามการดูดสื่อมสาร
00:07:04 → 00:07:07 อาหารดีๆที่เราพยายามจะเติมเข้าไปในร่าง
00:07:07 → 00:07:11 กายทำให้ภาวะโลหิตจางของเราไม่ดีขึ้นหรือ
00:07:11 → 00:07:13 แย่ลงกว่าเดิมได้ครับได้เวลาเปิดเผยราย
00:07:13 → 00:07:16 ชื่ออาหารและเครื่องดื่มตัวร้ายที่เราควร
00:07:16 → 00:07:19 ระมัดระวังเป็นพิเศษแล้วนะคะเพื่อให้คุณ
00:07:19 → 00:07:22 สามารถตรวจสอบพฤติกรรมการกินของตัวเองและ
00:07:22 → 00:07:24 เลี่ยงหรือปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องเพื่อ
00:07:24 → 00:07:27 สุขภาพเลือดที่ดีขึ้นค่ะพร้อมแล้วครับมา
00:07:27 → 00:07:30 ดูกันเลยว่ามีอะไรบ้างเริ่มต้นกันที่
00:07:30 → 00:07:32 เครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายคนขาดไม่ได้ใน
00:07:32 → 00:07:36 แต่ละวันเลยค่ะนั่นก็คือชาและกาแฟหลายคน
00:07:36 → 00:07:38 อาจจะดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่นหรือปลุก
00:07:38 → 00:07:41 สมองให้ตื่นแต่รู้มคะว่าเครื่องดื่มเหล่า
00:07:41 → 00:07:44 นี้อาจเป็นตัวการขัดขวามการดูดสึมธาตุ
00:07:44 → 00:07:47 หลีกตัวฉะกาดเลยค่ะใช่ครับในชาและกาแฟมี
00:07:47 → 00:07:51 สารสำคัญที่เรียกว่าแทนนิและสารประกอบ
00:07:51 → 00:07:54 กลุ่มโพลีฟีนอลครับซึ่งสารเหล่านี้แม้จะ
00:07:54 → 00:07:57 มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
00:07:57 → 00:08:00 ต่อสุขภาพในภาพรวมแต่ก็มีข้อเสียบางอย่าง
00:08:00 → 00:08:02 เมื่อพูดถึงการดูดซึมธาตุเหล็กครับกลไก
00:08:02 → 00:08:06 ของมันคืออะไรคะกลไกก็คือสารแทนนินและ
00:08:06 → 00:08:08 โพลีฟีนอลเหล่านี้จะไปจับตัวกับธาตุเหล็ก
00:08:09 → 00:08:12 ชนิดnonฮีมไอรอนครับหรือก็คือธาตุเหล็ก
00:08:12 → 00:08:15 ที่มาจากพืชผักต่างๆเช่นผักใบ้เขียว
00:08:15 → 00:08:18 ธัญพืชหรือถั่วต่างๆครับเมื่อสารเหล่านี้
00:08:18 → 00:08:21 จับตัวกันร่างกายของเราก็จะดูดซึมธาตุ
00:08:21 → 00:08:24 เหล็กนั้นไปใช้ได้ยากขึ้นหรือแทบจะดูดซึม
00:08:24 → 00:08:27 ไม่ได้เลยครับโอ้โหแบบนี้นี่เองแล้วธาตุ
00:08:27 → 00:08:29 เหล็กจากเนื้อสัตว์ล่ะคะได้รับผลกระทบ
00:08:29 → 00:08:32 ด้วยมั้ยสำหรับธาตุเหล็กชนิดฮีมไอรอนที่
00:08:32 → 00:08:35 มาจากเนื้อสัตว์ตับหรืออาหารทะเลจะได้รับ
00:08:35 → 00:08:38 ผลกระทบน้อยกว่าครับแต่ก็ไม่ได้หมายความ
00:08:38 → 00:08:41 ว่าจะไม่มีผลเลยนะครับเพราะฉะนั้นการดื่ม
00:08:41 → 00:08:43 ชาหรือกาแฟในเวลาใกล้เคียงกับมื้ออาหาร
00:08:43 → 00:08:46 ที่มีธาตุเหล็กสูงจึงเป็นสิ่งที่เราควร
00:08:46 → 00:08:48 หลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่งครับแล้วเราควร
00:08:48 → 00:08:50 ดื่มอย่างไรถึงจะปลอดภัยต่อการดูดซึมธาตุ
00:08:50 → 00:08:54 เหล็กคะคำแนะนำที่ดีที่สุดคือควรดื่มชา
00:08:54 → 00:08:56 หรือกาแฟให้ห่างจากมื้ออาหารหลักอย่าง
00:08:56 → 00:09:00 น้อย 1-2 ช่มงครับโดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อ
00:09:00 → 00:09:02 อาหารที่คุณตั้งใจจะได้รับธาตุเหล็กครับ
00:09:02 → 00:09:05 การดื่มในปริมาณที่พอเหมาะก็สำคัญครับไม่
00:09:05 → 00:09:08 ควรดื่มมากเกินไปและถ้าเป็นไปได้ลองลด
00:09:08 → 00:09:11 ความเข้มข้นลงบ้างก็ช่วยได้ครับและถ้า
00:09:11 → 00:09:14 เป็นไปได้การเลือกดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำ
00:09:14 → 00:09:17 ผลไม้คันสดที่มีวิตามินซีสูงคู่กับมื้อ
00:09:17 → 00:09:19 อาหารจะช่วยส่งเสริมการดูดสึมธาตุเหล็ก
00:09:19 → 00:09:22 ได้ดีกว่าครับมาต่อกันที่อาหารที่เราต่าง
00:09:22 → 00:09:25 รู้ดีว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อกระดูกและ
00:09:25 → 00:09:28 ฟันนั่นก็คือผลิตภัณฑ์นมและอาหารที่อุดม
00:09:28 → 00:09:32 ไปด้วยแคลเซียมค่ะแต่ใครจะรู้ว่าแคลเซียม
00:09:32 → 00:09:34 ที่สำคัญต่อร่างกายนี้ก็อาจเป็นตัวขัด
00:09:34 → 00:09:37 ขวางการดูดซึมธาตุเหล็กได้เหมือนกันนะคะ
00:09:37 → 00:09:40 ใช่แล้วครับแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็น
00:09:40 → 00:09:42 ต่อร่างกายของเราอย่างมากครับไม่ว่าจะ
00:09:42 → 00:09:45 เป็นการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงการทำ
00:09:45 → 00:09:48 งานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทแต่เมื่อ
00:09:48 → 00:09:51 แคลเซียมมีปริมาณสูงมากๆในมื้ออาหารเดียว
00:09:51 → 00:09:54 กันกับธาตุเหล็กมันสามารถไปแข่งขันและยับ
00:09:54 → 00:09:57 ยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กได้ครับโดยเฉพาะ
00:09:57 → 00:09:59 ธาตุเหล็กจากอาหารเสริมครับกลไกมันเป็น
00:09:59 → 00:10:02 ยังไงคะดูเหมือนเป็นเพื่อนกันแต่ก็ขัด
00:10:02 → 00:10:05 ขวางกันเองได้ลองนึกภาพว่าลำไส้ของเรามี
00:10:05 → 00:10:08 ประตูสำหรับดูซึมสารอาหารอยู่จำกัดนะครับ
00:10:08 → 00:10:11 ทั้งแคลเซียมและธาตุเหล็กต่างก็ต้องการ
00:10:11 → 00:10:13 ใช้ประตูเหล่านั้นครับเมื่อแคลเซียมมี
00:10:14 → 00:10:16 ปริมาณมากมันจะเข้าไปแย่งชิงช่องทางดูด
00:10:16 → 00:10:19 ซึมทำให้ธาตุเหล็กมีโอกาสเข้าสู่ร่างกาย
00:10:19 → 00:10:22 ได้น้อยลงครับแล้วเราควรจัดการกับการกิน
00:10:22 → 00:10:24 แคลเซียมและธาตุเหล็กอย่างไรดีคะให้ร่าง
00:10:24 → 00:10:27 กายได้รับประโยชน์ทั้งคู่วิธีที่ฉลาดที่
00:10:27 → 00:10:30 สุดคือแยกมื้ออาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม
00:10:30 → 00:10:33 และธาตุเหล็กออกจากกันครับเช่นถ้ามื้อ
00:10:33 → 00:10:35 เที่ยงเราเน้นอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก
00:10:35 → 00:10:39 เช่นเนื้อแดงหรือผักใบเขียวเข้มก็ให้หลีก
00:10:39 → 00:10:41 เลี่ยงการดื่มนมหรือกินโยเกิร์ตในมื้อ
00:10:41 → 00:10:44 นั้นครับอาจจะไปดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์นม
00:10:44 → 00:10:47 ในมื้อว่างหรือห่างจากมื้ออาหารหลากไปสัก
00:10:47 → 00:10:50 2-3 ชั่วโมงแทนครับแสดงว่าถ้าถ้าเรากิน
00:10:50 → 00:10:52 ยาเสริมธาตุเหล็กก็ไม่ควรกินพร้อมนมหรือ
00:10:52 → 00:10:55 แคลเซียมเสริมใช่ไหมคะถูกต้องเลยครับนี่
00:10:55 → 00:10:58 เป็นข้อควรระวังที่สำคัญมากเลยครับเพราะ
00:10:58 → 00:11:01 แคลเซียมจากยาเสริมหรือผลิตภัณฑ์เสริม
00:11:01 → 00:11:04 อาหารต่างๆสามารถออกฤทธิ์ขัดขวางการดูด
00:11:04 → 00:11:06 ซึมธาตุเหล็กได้ค่อนข้างชัดเจนครับแนะนำ
00:11:06 → 00:11:10 ให้ปรึกษาแพทย์หรือเพศสัชกรเกี่ยวกับช่วง
00:11:10 → 00:11:12 เวลาที่เหมาะสมในการรับประทานยาเสริมธาตุ
00:11:12 → 00:11:15 เหล็กและแคลเซียมครับมาถึงกลุ่มอาหารที่
00:11:15 → 00:11:19 หลายคนมองว่าเป็นอาหารสุขภาพเลยค่ะนั่นก็
00:11:19 → 00:11:22 คือทันธัญพืชไม่ขัดสีและพืชตระกูลถั่วบาง
00:11:22 → 00:11:26 ชนิดซึ่งเราก็รู้กันดีว่ามีใยอาหารและสาร
00:11:26 → 00:11:30 อาหารมากมายแต่ในขณะเดียวกันก็มีสารบาง
00:11:30 → 00:11:32 อย่างที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการดูดซึมธาตุ
00:11:32 → 00:11:35 เหล็กได้เช่นกันค่ะใช่ครับในกลุ่มอาหาร
00:11:35 → 00:11:38 เหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเปลือกของ
00:11:38 → 00:11:41 ธัญพืชหรือในเมล็ดถั่วบางชนิดมีสารที่
00:11:41 → 00:11:45 เรียกว่าไฟเทดหรือกรดไฟติกครับสารตัวนี้
00:11:45 → 00:11:48 เป็นสารที่พืชใช้เก็บสะสมฟอสฟอรัสซึ่ง
00:11:48 → 00:11:51 เป็นประโยชน์ต่อพืชเองครับแล้วสารไฟเทด
00:11:51 → 00:11:55 นี้ไปทำอะไรกับธาตุเหล็กของเราคะกลไกของ
00:11:55 → 00:11:58 ไฟเทดก็คล้ายกับแทนนินครับคือมันจะไปจับ
00:11:58 → 00:12:02 ตัวกับแร่ธาตุต่างๆรวมถึงธาตุเหล็กสังกสี
00:12:02 → 00:12:05 และแคลเซียมครับเมื่อจับตัวกันแล้วสาร
00:12:05 → 00:12:07 ประกอบที่เกิดขึ้นจะอยู่ในรูปที่ร่างกาย
00:12:08 → 00:12:10 ของเราไม่สามารถย่อยและดูดซึมไปใช้ได้
00:12:10 → 00:12:13 ครับทำให้เราได้รับธาตุเหล็กจากอาหาร
00:12:13 → 00:12:16 เหล่านั้นไม่เต็มที่ครับฟังดูแล้วน่าตกใจ
00:12:16 → 00:12:19 เหมือนกันนะคะเพราะธัญพืชไม่ขัดสีก็เป็น
00:12:19 → 00:12:22 อาหารหลักของหลายคนเลยแล้วเราจะทำอย่างไร
00:12:22 → 00:12:25 ดีคะเพื่อลดผลกระทบของไฟเทยังคงได้
00:12:25 → 00:12:28 ประโยชน์จากธัญพืชเหล่านี้อยู่ไม่ต้อง
00:12:28 → 00:12:31 กังวลเลยครับเรามีวิธีจัดการกับสารไฟเทรด
00:12:31 → 00:12:34 ได้ครับวิธีที่ง่ายที่สุดคือการแช่น้ำ
00:12:34 → 00:12:37 ครับไม่ว่าจะเป็นถั่วเมล็ดพืชหรือธัญพืช
00:12:37 → 00:12:41 ต่างๆการแช่น้ำค้างคืนก่อนนำไปปรุงอาหาร
00:12:41 → 00:12:43 จะช่วยกระตุ้นเอนไซม์บางชนิดในพืชให้ไป
00:12:43 → 00:12:47 ย่อยสลายไฟเทดลงได้ครับนอกจากนี้การงอก
00:12:47 → 00:12:50 sprouting หรือการหมัก fermentation ก็
00:12:50 → 00:12:53 เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณ
00:12:53 → 00:12:56 ไฟเทดได้มากเช่นกันครับแสดงว่าเราไม่
00:12:56 → 00:12:59 จำเป็นต้องงดอาหารเหล่านี้ไปเลยเพียงแค่
00:12:59 → 00:13:01 ต้องเตรียมให้ถูกวิธีใช่ไหมคะถูกต้องเลย
00:13:01 → 00:13:04 ครับเพราะธัญพืชไม่ขัดสีและพืชตระกูลถั่ว
00:13:05 → 00:13:08 ก็ยังคงเป็นแหล่งใยอาหารวิตามินและแร่
00:13:08 → 00:13:10 ธาตุอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม
00:13:10 → 00:13:13 ของเรามากครับเพียงแค่เราเข้าใจคุณสมบัติ
00:13:13 → 00:13:16 ของมันและรู้วิธีจัดการที่ถูกต้องก็จะ
00:13:16 → 00:13:18 ช่วยให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดและลด
00:13:18 → 00:13:21 อุปสรรคในการดูดเสริมธาตุเหล็กครับมาถึง
00:13:21 → 00:13:23 กลุ่มอาหารที่เรารู้กันดีว่าไม่ดีต่อ
00:13:23 → 00:13:27 สุขภาพโดยรวมค่ะนั่นก็คืออาหารแปรรูปและ
00:13:27 → 00:13:30 อาหารขยะหรือที่เราเรียกติดปากว่า
00:13:30 → 00:13:33 จังฟoodดนั่นเองค่ะแม้จะไม่ได้มีสารที่
00:13:33 → 00:13:35 ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กโดยตรงเหมือนชา
00:13:35 → 00:13:39 หรือแคลเซียมแต่ก็ส่งผลกระทบต่อภาวะโลหิต
00:13:39 → 00:13:42 จางได้อย่างคาดไม่ถึงเลยนะคะใช่ครับปัญหา
00:13:42 → 00:13:45 หลักของอาหารแปรรูปและอาหารขยะคือมีคุณ
00:13:45 → 00:13:49 ค่าทางโภชนาการต่ำครับคือมีวิตามินแร่
00:13:49 → 00:13:53 ธาตุใยอาหารน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยแต่
00:13:53 → 00:13:57 กลับมีแคลอรี่สูงไขมันสูงน้ำตาลสูงและ
00:13:57 → 00:13:59 โซเดียมสูงครับแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับ
00:13:59 → 00:14:02 ภาวะโลหิตจางคะเมื่อเราบริโภคอาหารเหล่า
00:14:02 → 00:14:05 นี้เป็นประจำร่างกายก็จะไม่ได้รับสาร
00:14:05 → 00:14:07 อาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเลือดอย่าง
00:14:07 → 00:14:11 เพียงพอครับเช่นธาตุเหล็กวิตามิน B12
00:14:11 → 00:14:15 หรือโฟลิคนอกจากนี้สารเติมแต่งสารกันบูด
00:14:15 → 00:14:18 หรือสารเคมีต่างๆที่อยู่ในอาหารแปรรูปก็
00:14:18 → 00:14:22 อาจไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหารและทำ
00:14:22 → 00:14:25 ให้เกิดภาวะอักเสบในร่างกายได้ครับซึ่ง
00:14:25 → 00:14:28 ภาวะอักเสบเรื้อรังนี้เองก็เป็นสาเหตุ
00:14:28 → 00:14:31 หนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้นะครับ
00:14:31 → 00:14:34 ที่เรียกว่า anemia of chronic disease
00:14:34 → 00:14:37 ครับอ๋อแบบนี้นี่เองค่ะก็คือไม่ได้ขัด
00:14:37 → 00:14:39 ขวางโดยตรงแต่เป็นการทำให้ร่างกายไม่ได้
00:14:39 → 00:14:42 รับสิ่งดีๆและยังไปสร้างปัญหาเพิ่มใช่ไหม
00:14:42 → 00:14:46 คะถูกต้องเลยครับยิ่งไปกว่านั้นการกิน
00:14:46 → 00:14:48 อาหารเหล่านี้บ่อยบ่อยยังทำให้เราอิ่ม
00:14:48 → 00:14:51 เร็วแต่ได้รับสารอาหารน้อยทำให้เราพลาด
00:14:51 → 00:14:54 โอกาสในการกินอาหารที่มีประโยชน์จริงๆ
00:14:54 → 00:14:57 ครับพูดง่ายๆคือมันไปแย่งพื้นที่ใน
00:14:57 → 00:15:01 กระเพาะอาหารและในจานของเราทำให้เราไม่มี
00:15:01 → 00:15:03 ที่ว่างสำหรับอาหารดีๆที่จะช่วยบำรุง
00:15:03 → 00:15:06 เลือดครับแล้ววิธีแก้ไขก็คือการเลือกกิน
00:15:06 → 00:15:09 อาหารสดใหม่ใช่มั้ยคะใช่ครับเน้นอาหารที่
00:15:09 → 00:15:13 ปรุงสดใหม่ลดการพึ่งพาอาหารสำเร็จรูปหรือ
00:15:13 → 00:15:16 อาหารที่ผ่านการแปรรูปอย่างหนักครับเลือก
00:15:16 → 00:15:20 ผักผลไม้เนื้อสัตว์ไม่ติดมันธัญพืชไม่ขัด
00:15:20 → 00:15:23 สีและถั่วต่างๆซึ่งเป็นแหล่งของสารอาหาร
00:15:23 → 00:15:26 ที่จำเป็นต่อการสร้างเลือดและสุขภาพโดย
00:15:26 → 00:15:29 รวมครับการลดปริมาณอาหารแปรรูปก็เท่ากับ
00:15:29 → 00:15:32 เพิ่มพื้นที่ให้กับอาหารที่มีคุณค่าในจาน
00:15:32 → 00:15:34 ของเราครับมาถึงเครื่องดื่มอีกชนิดที่
00:15:34 → 00:15:36 หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าเกี่ยวข้องกับ
00:15:36 → 00:15:40 ภาวะโลหิตจางนะคะนั่นก็คือแอลกอฮอล์ค่ะ
00:15:40 → 00:15:43 แม้จะไม่ได้เป็นอาหารโดยตรงแต่การดื่ม
00:15:43 → 00:15:46 แอลกอฮอล์ในปริมาณมากและเป็นประจำก็ส่งผล
00:15:46 → 00:15:48 เสียต่อการสร้างเลือดของเราได้เช่นกันค่ะ
00:15:48 → 00:15:51 ถูกต้องครับแอลกอฮอล์มีผลกระทบต่อร่างกาย
00:15:51 → 00:15:55 หลายด้านครับและหนึ่งในนั้นคือผลกระทบต่อ
00:15:55 → 00:15:58 ระบบเลือดครับประการแรกเลยคือแอลกอฮอล์
00:15:58 → 00:16:01 สามารถขัดขวางการดูดซึมโฟลิคและวิตามิน
00:16:01 → 00:16:04 B12 ได้ครับซึ่งวิตามินทั้ง 2 ชนิดนี้มี
00:16:04 → 00:16:06 ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างเม็ดเลือด
00:16:06 → 00:16:10 แดงที่สมบูรณ์ครับถ้าขาดไปก็จะทำให้เกิด
00:16:10 → 00:16:13 ภาวะโลหิตจางชนิดาโลบลาสติกอนีเมียได้
00:16:13 → 00:16:16 ครับนอกจากเรื่องการดูดซึมแล้วมีผลต่อการ
00:16:16 → 00:16:19 ผลิตเม็ดเลือดแดงโดยตรงมั้คะมีครับ
00:16:19 → 00:16:22 แอลกอฮอล์ในปริมาณมากสามารถกดการทำงานของ
00:16:22 → 00:16:25 ไขกระดูกได้ครับไขกระดูกของเราคือโรงงาน
00:16:25 → 00:16:28 หลักในการสร้างเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาว
00:16:28 → 00:16:31 และเกล็ดเลือดครับเมื่อโรงงานถูกกดทับการ
00:16:31 → 00:16:34 ผลิตเม็ดเลือดแดงก็จะลดลงทำให้เกิดภาวะ
00:16:34 → 00:16:37 โลหิตจางได้ครับฟังดูน่าเป็นห่วงนะคะแล้ว
00:16:37 → 00:16:41 ยังมีผลเสียอีกมั้ยคะนอกจากนี้แอลกอฮอล์
00:16:41 → 00:16:43 ยังสามารถทำลายเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร
00:16:43 → 00:16:46 ได้ครับซึ่งเซลล์เหล่านี้มีหน้าที่สำคัญ
00:16:46 → 00:16:49 ในการดูดซึมสารอาหารรวมถึงธาตุเหล็กด้วย
00:16:49 → 00:16:52 ครับเมื่อเยื่อบุทางเดินอาหารเสียหายการ
00:16:52 → 00:16:55 ดูดซึมสารอาหารก็จะลดประสิทธิภาพลงไปอีก
00:16:55 → 00:16:58 ครับและในบางรายการดื่มแอลกอฮอล์อย่าง
00:16:58 → 00:17:00 หนักก็อาจทำให้เกิดเลือดออกในทางเดิน
00:17:00 → 00:17:03 อาหารเล็กน้อยแต่เหลือรังซึ่งนำไปสู่การ
00:17:03 → 00:17:06 เสียเลือดและโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
00:17:06 → 00:17:09 ได้ครับสรุปคือแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อการ
00:17:09 → 00:17:11 สร้างเลือดได้หลายทางเลยใช่มั้ยคะใช่ครับ
00:17:11 → 00:17:14 ดังนั้นการจำกัดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์
00:17:14 → 00:17:18 หรือการงดดื่มไปเลยหากมีภาวะโลหิตจางก็
00:17:18 → 00:17:20 เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพ
00:17:21 → 00:17:23 เลือดของเราครับเพราะผลกระทบของแอลกอฮอล์
00:17:23 → 00:17:26 ต่อระบบเลือดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
00:17:26 → 00:17:29 ครับคราวนี้มาถึงกลุ่มอาหารที่หลายคนอาจ
00:17:29 → 00:17:32 ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีผลต่อภาวะโลหิตจาง
00:17:32 → 00:17:36 ค่ะนั่นก็คือผักบางชนิดที่อุดมไปด้วยสาร
00:17:36 → 00:17:39 ออกซิเลตค่ะโดยเฉพาะการบริโภคในรูปดิบและ
00:17:39 → 00:17:43 ปริมาณที่มากเกินไปนะคะถูกต้องเลยครับเรา
00:17:43 → 00:17:46 มักจะคิดว่าผักทุกชนิดดีต่อสุขภาพเสมอ
00:17:46 → 00:17:48 ซึ่งส่วนใหญ่ก็จริงครับแต่มีผักบางชนิด
00:17:48 → 00:17:52 ที่มีสารออกซิเลตสูงครับเช่นผักโขมดิบใบ
00:17:52 → 00:17:55 ชะพรูดิบหัวบีดรูทดิบและผักอื่นๆอีกหลาย
00:17:55 → 00:17:58 ชนิดครับแล้วสารออกซิเลตนี้ไปทำอะไรกับ
00:17:58 → 00:18:02 ธาตุเหล็กของเราคะกลไกของสารออกซิเลตคือ
00:18:02 → 00:18:04 มันจะไปจับตัวกับแร่ธาตุต่างๆรวมถึงธาตุ
00:18:05 → 00:18:08 เหล็กโดยเฉพาะnonฮีมไอรอนและแคลเซียมครับ
00:18:08 → 00:18:10 เมื่อสารออกซิเลตจับกับธาตุเหล็กแล้วมัน
00:18:11 → 00:18:13 จะเกิดเป็นสารประกอบที่ไม่สามารถละลายน้ำ
00:18:13 → 00:18:16 ได้ครับทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถดูด
00:18:16 → 00:18:18 ซึมธาตุเหล็กเหล่านั้นไปใช้ได้อย่างเต็ม
00:18:18 → 00:18:21 ที่นั่นเองครับแสดงว่าถ้าเรากินผักโขมดิบ
00:18:21 → 00:18:24 ในสลัดบ่อยๆก็อาจจะได้รับธาตุเหล็กน้อย
00:18:24 → 00:18:26 กว่าที่คิดใช่มั้ยคะใช่ครับโดยเฉพาะถ้า
00:18:27 → 00:18:29 กินในปริมาณมากและไม่ได้ผ่านการปรุงสุก
00:18:29 → 00:18:32 ครับแล้วเราจะจัดการกับสารออกซิเลตอย่าง
00:18:32 → 00:18:34 ไรดีคะเพื่อให้ยังคงได้รับประโยชน์จากผัก
00:18:34 → 00:18:37 เหล่านี้อยู่วิธีที่ง่ายที่สุดและมี
00:18:37 → 00:18:40 ประสิทธิภาพคือการนำผักเหล่านี้ไปปรุงสุก
00:18:40 → 00:18:43 ก่อนรับประทานครับเช่นการลวกการต้มหรือ
00:18:43 → 00:18:46 การนึ่งจะช่วยลดปริมาณสารออกซิเลตลงได้
00:18:46 → 00:18:49 อย่างมากครับทำให้เรายังคงได้รับประโยชน์
00:18:49 → 00:18:52 จากใยอาหารวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆในผัก
00:18:52 → 00:18:55 เหล่านั้นครบถ้วนโดยไม่ขัดขวางการดูดซึม
00:18:55 → 00:18:58 ธาตุเหล็กมากนักครับแสดงว่าเราไม่จำเป็น
00:18:58 → 00:19:00 ต้องงดผักเหล่านี้ไปเลยแค่เปลี่ยนวิธีการ
00:19:00 → 00:19:03 กินใช่ไหมั้คะถูกต้องเลยครับการกินผักให้
00:19:03 → 00:19:06 หลากหลายและปรุงให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ
00:19:06 → 00:19:09 ที่สุดครับไม่ควรกินผักชนิดใดชนิดหนึ่งใน
00:19:09 → 00:19:12 ปริมาณที่มากเกินไปติดต่อกันเป็นเวลานานๆ
00:19:12 → 00:19:15 ครับอีกกลุ่มผักที่น่าสนใจและหลายคนอาจ
00:19:15 → 00:19:18 ไม่ทราบถึงผลกระทบทางอ้อมต่อภาวะโลหิตจาง
00:19:18 → 00:19:22 นะคะนั่นก็คือผักตระกูลกะหล่ำที่เรากิน
00:19:22 → 00:19:26 กันบ่อยๆเช่นกะหล่ำปลีดิบบร็อกโคดิบคะน้า
00:19:26 → 00:19:29 ดิบและกะหล่ำดอกดิบค่ะใช่ครับผักเหล่านี้
00:19:29 → 00:19:33 มีสารที่เรียกว่าสารก่อกอยเจนครับสาร
00:19:33 → 00:19:36 เหล่านี้โดยเฉพาะเมื่อบริโภคในรูปดิบและ
00:19:36 → 00:19:39 ในปริมาณที่มากเกินไปสามารถเข้าไปยับยั้ง
00:19:39 → 00:19:42 การทำงานของต่อมไทรรอยด์ได้ครับแล้วต่อม
00:19:42 → 00:19:45 ไทรอยด์เกี่ยวอะไรกับภาวะโลหิตจางคะ
00:19:45 → 00:19:48 ฮอร์โมนไทรอยด์มีบทบาทสำคัญในการควบคุม
00:19:48 → 00:19:51 การเผาผลาญของร่างกายครับรวมถึงกระบวนการ
00:19:51 → 00:19:54 สร้างเม็ดเลือดแดงด้วยครับหากต่อมไทรอยด์
00:19:54 → 00:19:57 ทำงานผิดปกติหรือมีภาวะพร่องไทรอยด์ก็อาจ
00:19:57 → 00:20:00 ส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจางได้ในบางกรณี
00:20:00 → 00:20:03 ครับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง anemia of
00:20:03 → 00:20:05 chronic disease หรือ anemia in
00:20:05 → 00:20:08 hyperroidism ครับแสดงว่าถ้าเราไม่ได้มี
00:20:08 → 00:20:11 ปัญหาต่อมไทรรอยด์อยู่แล้วการกินผักเหล่า
00:20:11 → 00:20:13 นี้ก็ไม่ได้อันตรอันตรายใช่มั้ยคะสำหรับ
00:20:13 → 00:20:16 คนทั่วไปที่ไม่มีปัญหาเรื่องไทรรอยด์การ
00:20:16 → 00:20:19 กินผักตระกูลกะหล่ำเหล่านี้ในปริมาณปกติ
00:20:19 → 00:20:21 ไม่ก่อให้เกิดปัญหาครับเพราะผักเหล่านี้
00:20:21 → 00:20:25 ก็มีประโยชน์มหาศาลครับมีวิตามินซีสูงใย
00:20:25 → 00:20:28 อาหารเยอะและสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย
00:20:28 → 00:20:31 ครับแล้วสำหรับผู้ที่กังวลหรือมีภาวะ
00:20:31 → 00:20:33 พร่องไทรอยด์อยู่แล้วควรทำอย่างไรคะ
00:20:33 → 00:20:36 สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องไทรอยด์อยู่แล้ว
00:20:36 → 00:20:38 หรือผู้ที่บริโภคผักเหล่านี้ในปริมาณที่
00:20:38 → 00:20:42 มากผิดปกติการปรุงสุกจะช่วยลกปริปริมาณ
00:20:42 → 00:20:45 สารกอยเจนลงได้อย่างมากครับเช่นการนึ่ง
00:20:45 → 00:20:48 การต้มหรือการผัดก็จะทำให้ผักเหล่านี้
00:20:48 → 00:20:51 ปลอดภัยต่อการบริโภคและไม่ส่งผลกระทบต่อ
00:20:51 → 00:20:54 การทำงานของตอมไทรอยด์แล้วครับมาถึงอาหาร
00:20:54 → 00:20:56 ชนิดสุดท้ายในลิสต์ที่เราจะพูดถึงวันนี้
00:20:56 → 00:20:59 ค่ะซึ่งหลายคนอาจจะแปลกใจเพราะเป็นสิ่ง
00:20:59 → 00:21:02 ที่เราพยายามกินให้มากขึ้นเพื่อสุขภาพที่
00:21:02 → 00:21:06 ดีนั่นก็คืออาหารที่อุดมด้วยใยอาหารค่ะ
00:21:06 → 00:21:09 แต่ในบางกรณีการบริโภคในปริมาณที่มากเกิน
00:21:09 → 00:21:12 ไปก็อาจส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็กได้
00:21:12 → 00:21:15 เหมือนกันนะคะใช่ครับใยอาหารมีประโยชน์
00:21:15 → 00:21:18 มหาศาลต่อสุขภาพลำไส้การควบคุมระดับน้ำ
00:21:18 → 00:21:22 ตาลและการขับถ่ายครับแต่ในปริมาณที่สูง
00:21:22 → 00:21:25 มากและบริโภคต่อเนื่องใยอาหารบางชนิดโดย
00:21:25 → 00:21:28 เฉพาะใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำอาจไปเร่งการ
00:21:28 → 00:21:31 เคลื่อนที่ของอาหารในลำไส้ทำให้สารอาหาร
00:21:31 → 00:21:34 รวมถึงธาตุเหล็กมีเวลาสัมผัสกับผนังลำไส้
00:21:34 → 00:21:38 เพื่อดูดซึมได้น้อยลงครับแสดงว่าไม่ใช่ใย
00:21:38 → 00:21:40 อาหารไม่ดีแต่เป็นปริมาณที่มากเกินไปใช่
00:21:40 → 00:21:44 มั้คะถูกต้องเลยครับร่างกายเราต้องการใย
00:21:44 → 00:21:47 อาหารประมาณ 25-30 กรัมต่อวันครับแต่บาง
00:21:47 → 00:21:50 คนอาจจะบริโภคใยอาหารจากอาหารเสริมหรือ
00:21:50 → 00:21:53 จากอาหารบางชนิดในปริมาณที่สูงกว่านั้น
00:21:53 → 00:21:56 มากครับซึ่งอาจจะส่งผลให้การดูดซึมธาตุ
00:21:56 → 00:21:59 เหล็กและแร่ธาตุอื่นๆลดลงได้ครับแล้วเรา
00:21:59 → 00:22:01 จะรู้ได้อย่างไรว่าเรากินใยอาหารมากเกิน
00:22:01 → 00:22:05 ไปหรือเปล่าคะสังเกตจากอาการได้ครับเช่น
00:22:05 → 00:22:08 ท้องอืดท้องเฟ้อมีแก๊สในกระเพาะอาหารหรือ
00:22:08 → 00:22:11 การขับถ่ายที่ผิดปกติไปจากเดิมครับนอกจาก
00:22:12 → 00:22:15 นี้การได้รับใยอาหารในปริมาณที่สูงมากๆ
00:22:15 → 00:22:17 อาจทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นทำให้รับ
00:22:17 → 00:22:20 ประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กน้อยลงได้ครับ
00:22:20 → 00:22:22 แล้ววิธีที่ดีที่สุดในการบริโภคใยอาหาร
00:22:22 → 00:22:25 คืออะไรคะคือการบริโภคใยอาหารจากแหล่ง
00:22:25 → 00:22:28 ธรรมชาติที่หลากหลายและในปริมาณที่พอ
00:22:28 → 00:22:32 เหมาะครับไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ธัญพืชไม่
00:22:32 → 00:22:35 ขัดสีและถั่วต่างๆครับการค่อยๆเพิ่ม
00:22:35 → 00:22:38 ปริมาณใยอาหารในแต่ละวันก็สำคัญเพื่อให้
00:22:38 → 00:22:40 ร่างกายปรับตัวได้และควรดื่มน้ำให้เพียง
00:22:40 → 00:22:43 พอด้วยครับเพื่อช่วยให้ใยอาหารทำงานได้
00:22:43 → 00:22:45 อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดปัญหาท้อง
00:22:45 → 00:22:49 ผูกครับเมื่อรู้แล้วว่าอะไรควรเลี่ยนคราว
00:22:49 → 00:22:52 นี้เรามาดูกันบ้างดีกว่าค่ะว่าแล้วเราควร
00:22:52 → 00:22:55 กินอะไรเพื่อเพิ่มธาตุเหล็กและแก้ไขภาวะ
00:22:55 → 00:22:58 โลหิตจางได้อย่างมีประสิทธิภาพกันบ้างคะ
00:22:58 → 00:23:01 แน่นอนครับการเลือกกินอาหารที่ถูกต้อง
00:23:01 → 00:23:04 เป็นหัวใจสำคัญเลยครับเราจะแบ่งแหล่งธาตุ
00:23:04 → 00:23:07 เหล็กออกเป็น 2 ประเภทหลักๆนะครับคือธาตุ
00:23:07 → 00:23:10 เหล็กชนิดฮีมไอรอนและธาตุเหล็กชนิด Non
00:23:10 → 00:23:11 non
00:23:11 → 00:23:14 2 อย่างนี้ต่างกันยังไงคะธาตุเหล็กชนิด
00:23:14 → 00:23:17 ฮีมไอรอนจะพบในอาหารที่มาจากสัตว์ครับ
00:23:17 → 00:23:21 เช่นเนื้อแดงเนื้อวัวเนื้อหมูตับตับหมู
00:23:22 → 00:23:26 ตับไก่สัตว์ปีกเนื้อไก่ปลาและอาหารทะเล
00:23:26 → 00:23:29 ครับธาตุเหล็กชนิดนี้ร่างกายจะดูดซึมได้
00:23:29 → 00:23:31 ดีกว่าธาตุเหล็กชนิดนอนฮีมไอรอนมากครับ
00:23:31 → 00:23:35 อ๋อแบบนี้นี่เองแล้วนฮีมไอรอนล่ะคะธาตุ
00:23:35 → 00:23:38 เหล็กชนิดนอนฮีมไอรอนจะพบในอาหารที่มาจาก
00:23:38 → 00:23:43 พืชครับเช่นผักใบเขียวเข้มเช่นคะน้าตำลึง
00:23:43 → 00:23:47 บล็อกโคลี่ผักโขมที่ปรุงสุกแล้วธัญพืชไม่
00:23:47 → 00:23:51 ขัดสีเช่นข้าวโอ๊ตข้าวกล้องพืชตระกูลถั่ว
00:23:51 → 00:23:55 เช่นถั่วเลนทิลถั่วดำและเมล็ดพืชเช่น
00:23:55 → 00:23:58 เมล็ดฟักทองเมล็ดงาครับแม้การดูดซึมจะ
00:23:58 → 00:24:01 ด้อยกว่าชนิดฮีมไอรอนแต่เราสามารถเพิ่ม
00:24:01 → 00:24:04 ประสิทธิภาพการดูดซึมได้ครับทำยังไงคะ
00:24:04 → 00:24:08 สิ่งสำคัญเลยคือวิตามินซีครับวิตามินซีมี
00:24:08 → 00:24:11 บทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเปลี่ยนรูป
00:24:11 → 00:24:14 ธาตุเหล็กชนิดnonฮีมไอรอนให้อยู่ในรูปที่
00:24:14 → 00:24:17 ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีขึ้นครับ
00:24:17 → 00:24:19 เพราะฉะนั้นการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กจาก
00:24:19 → 00:24:23 พืชควบคู่ไปกับอาหารที่มีวิตามินซีสูงจะ
00:24:23 → 00:24:25 ช่วยเพิ่มการดูดซึมได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
00:24:25 → 00:24:29 ครับมีอาหารอะไรบ้างคะที่มีวิตามินซีสูง
00:24:29 → 00:24:32 เยอะแยะเลยครับเช่นผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง
00:24:32 → 00:24:37 ส้มฝรั่งกีวี่มะนาวผักต่างๆเช่นพริกหวาน
00:24:37 → 00:24:40 มะเขือเทศหรือบล็อกคอลี่ครับลองนึกภาพการ
00:24:40 → 00:24:43 กินสลัดผักโขมลวกโรยด้วยเมล็ดฟักทองแล้ว
00:24:43 → 00:24:46 บีบมะนาวหรือกินส้มตามแบบนี้ก็จะช่วยให้
00:24:47 → 00:24:49 ร่างกายได้รับธาตุเหล็กจากผักอย่างเต็ม
00:24:49 → 00:24:52 ที่ครับนอกจากธาตุเหล็กแล้วมีวิตามินและ
00:24:52 → 00:24:55 แร่ธาตุอื่นๆที่สำคัญต่อการสร้างเลือดอีก
00:24:55 → 00:24:59 ไหมคะมีครับนั่นก็คือโฟลิคและวิตามิน B12
00:24:59 → 00:25:02 ครับโฟลิคพบมากในผักใบเขียวเข้มเช่นผัก
00:25:03 → 00:25:07 โขมบล็อกหน่อไม้ฝรั่งถั่วต่างๆส้มและ
00:25:07 → 00:25:10 ธัญพืชเสริมโฟลิกครับส่วนวิตามิน B12 จะ
00:25:10 → 00:25:13 พบมากในผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้นครับ
00:25:13 → 00:25:17 เช่นเนื้อสัตว์ตับปลาโน้มไข่และชีสครับ
00:25:17 → 00:25:20 ผู้ที่ทานมังสวิรัสหรือวีแกนอาจต้องระวัง
00:25:20 → 00:25:24 ภาวะขาดวิตามิน B12 เป็นพิเศษและอาจต้อง
00:25:24 → 00:25:27 พิจารณาการเสริมอาหารครับแสดงว่าการกิน
00:25:27 → 00:25:29 อาหารให้หลากหลายและสมดุลเป็นสิ่งสำคัญ
00:25:29 → 00:25:33 ที่สุดใช่มั้คะใช่ครับการกินอาหารแบบองค์
00:25:33 → 00:25:35 รวมที่เน้มความหลากหลายทั้งธาตุเหลียกจาก
00:25:35 → 00:25:39 พืชและสัตว์กินคู่กับวิตามินซีและไม่ลืม
00:25:39 → 00:25:41 โฟลิคกับวิตามิน B12 จะช่วยให้เรามี
00:25:41 → 00:25:44 สุขภาพเลือดที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืนครับ
00:25:44 → 00:25:47 และยังได้รับสารอาหารอื่นๆที่จำเป็นต่อ
00:25:47 → 00:25:49 ร่างกายโดยรวมด้วยครับนอกจากการปรับ
00:25:49 → 00:25:52 เรื่องอาหารแล้วมีเคล็ดลับหรือข้อควร
00:25:52 → 00:25:55 ระวังอื่นๆที่สำคัญในการดูแลภาวะโลหิตจาง
00:25:55 → 00:25:59 อีกมั้ยคะมีแน่นอนครับสิ่งสำคัญอันดับแรก
00:25:59 → 00:26:01 เลยคือการปรึกษาแพทย์ก่อนเสริมธาตุเหล็ก
00:26:01 → 00:26:05 เองครับแม้ธาตุเหล็กจะสำคัญแต่การเสริม
00:26:05 → 00:26:07 มากเกินไปโดยไม่จำเป็นก็เป็นอันตรายได้
00:26:07 → 00:26:11 ครับเพราะร่างกายเราไม่มีกลไกในการกำจัด
00:26:11 → 00:26:13 ธาตุเหล็กส่วนเกินที่ดีนักการสะสมมากเกิน
00:26:13 → 00:26:17 ไปอาจทำให้เกิดภาวะธาตุเหล็กเกินในอวัยวะ
00:26:17 → 00:26:20 ต่างๆเช่นตับหัวใจซึ่งเป็นอันตรายต่อ
00:26:20 → 00:26:23 ชีวิตได้ครับแสดงว่าการตรวจเลือดก่อนเป็น
00:26:23 → 00:26:26 สิ่งสำคัญที่สุดใช่มั้ยคะถูกต้องเลยครับ
00:26:26 → 00:26:28 การตรวจเลือดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการ
00:26:28 → 00:26:32 วินิจฉัยและติดตามผลภาวะโลหิตจางครับ
00:26:32 → 00:26:35 แพทย์จะสามารถระบุชนิดและสาเหตุของโลหิต
00:26:35 → 00:26:38 จางได้แม่นยำและให้คำแนะนำในการรักษาที่
00:26:38 → 00:26:41 เหมาะสมกับแต่ละบุคคลครับแล้วยาบางชนิด
00:26:41 → 00:26:43 ที่เรากินอยู่เป็นประจำมีผลต่อโลหิตจาง
00:26:43 → 00:26:46 ได้มั้ยคะเป็นประเด็นสำคัญที่หลายคนไม่
00:26:46 → 00:26:49 ทราบครับยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการดูดซึม
00:26:49 → 00:26:52 ธาตุเหล็กหรือทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้
00:26:52 → 00:26:57 ครับยาลดกรดแอนทasหรือ ppi ยาเหล่านี้ไป
00:26:57 → 00:27:00 ลดกรดในกระเพาะอาหารซึ่งกรดมีความสำคัญ
00:27:00 → 00:27:03 ต่อการดูดซึมธาตุเหล็กการใช้เป็นเวลานาน
00:27:03 → 00:27:06 อาจลดการดูดซึมได้ครับยาต้านการอักอักเสบ
00:27:06 → 00:27:10 ที่ไม่ใช่สเตีรอยด์เซตเช่น
00:27:10 → 00:27:13 ไบูโพฟenการใช้ประจำอาจทำให้เกิดเลือดออก
00:27:13 → 00:27:16 ในทางเดินอาหารเล็กน้อยแต่เรือรังนำไปสู่
00:27:16 → 00:27:19 การเสียเลือดได้ครับหากคุณกำลังใช้ยา
00:27:19 → 00:27:22 เหล่านี้เป็นประจำและมีอาการโลหิตจางควร
00:27:22 → 00:27:24 ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและปรับแผนการ
00:27:24 → 00:27:27 รักษาครับห้ามหยุดยาเองเด็ดขาดนะครับแล้ว
00:27:27 → 00:27:29 ถ้าเราปรับเรื่องอาหารแล้วแต่ยังรู้สึก
00:27:29 → 00:27:32 ไม่ดีขึ้นล่ะคะนั่นคือสัญญาณสำคัญว่าคุณ
00:27:32 → 00:27:35 ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ซ่อนอยู่
00:27:35 → 00:27:38 ครับเพราะโลหิตจางอาจเป็นเพียงอาการของ
00:27:38 → 00:27:41 โรคอื่นๆที่ร้ายแรงกว่าเช่นโรคเกี่ยวกับ
00:27:41 → 00:27:45 ระบบทางเดินอาหารเช่นโรคลำไส้อักเสบ IBD
00:27:45 → 00:27:49 โรคซีacซีcaseหรือการติดเชื้อปรสิทธิ์ใน
00:27:49 → 00:27:51 ลำไส้ที่ทำให้การดูดซึมสารอาหารบกพร่อง
00:27:51 → 00:27:55 ครับภาวะเลือดออกเรื้อรางอื่นๆเช่นฤทธิ์
00:27:55 → 00:27:58 สีดวงทวารหนักหรือประจำเดือนมามากผิดปกติ
00:27:58 → 00:28:01 ที่อาจต้องการการรักษาเฉพาะทางครับโรคไต
00:28:01 → 00:28:04 วัยเรื้อรังหรือโรคอักเสบเรื้อรังเหล่า
00:28:04 → 00:28:06 นี้ก็สามารถทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้เช่น
00:28:06 → 00:28:09 กันครับนอกจากเรื่องอาหารและยาแล้ว
00:28:09 → 00:28:12 ไลฟ์สไตล์อื่นๆมีผลมั้คะมีครับการพักผ่อน
00:28:13 → 00:28:15 ที่เพียงพอและการจับการความเครียดก็ส่งผล
00:28:15 → 00:28:19 ต่อสุขภาพโดยรวมถึงสุขภาพเลือดด้วยครับ
00:28:19 → 00:28:22 นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็
00:28:22 → 00:28:24 ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเพิ่ม
00:28:24 → 00:28:26 ประสิทธิภาพการลำเลียงออกซิเจนซึ่งเป็น
00:28:26 → 00:28:29 ปัจจัยเสริมที่ดีต่อผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง
00:28:29 → 00:28:32 ครับการดูแลตัวเองแบบองค์รวมจึงเป็นสิ่ง
00:28:32 → 00:28:34 สำคัญที่สุดใช่มั้คะถูกต้องเลยครับการ
00:28:34 → 00:28:37 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินการตรวจสุขภาพ
00:28:37 → 00:28:40 และการปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้
00:28:40 → 00:28:43 คุณมีสุขภาพเลือดที่ดีและมีคุณภาพชีวิต
00:28:43 → 00:28:46 ที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอนครับวันนี้เราได้
00:28:46 → 00:28:48 เรียนรู้เกี่ยวกับ 8 อาหารตัวร้ายที่อาจ
00:28:48 → 00:28:51 ทำให้ภาวะโลหิตจางของคุณแย่ลงกว่าเดิมไป
00:28:51 → 00:28:56 แล้วนะคะไม่ว่าจะเป็นชากาแฟผลิตภัณฑ์นม
00:28:56 → 00:28:59 บางชนิดธัญพืชไม่ขัดสีที่ไม่ได้เตรียม
00:28:59 → 00:29:03 อย่างถูกวิธีอาหารแปรรูปแอลกอฮอล์ผักที่
00:29:04 → 00:29:07 มีออกซลตสูงที่กินดิบผักตระกูลกะหล่ำดิบ
00:29:07 → 00:29:10 ที่มากเกินไปหรือแม้แต่ใยอาหารที่มากเกิน
00:29:10 → 00:29:13 ความจำเป็นค่ะใช่ครับสิ่งสำคัญที่พวกเรา
00:29:13 → 00:29:16 อยากย้ำคือข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้หมายความ
00:29:16 → 00:29:18 ว่าเราต้องงดอาหารเหล่านี้ไปทั้งหมดนะ
00:29:18 → 00:29:21 ครับแต่เป็นการให้ความรู้ความเข้าใจที่
00:29:21 → 00:29:24 ถูกต้องเพื่อให้เราสามารถเลือกบริโภคได้
00:29:24 → 00:29:26 อย่างชานฉลาดและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ
00:29:26 → 00:29:29 กินที่ไม่เหมาะสมครับการเข้าใจถึงกลไกที่
00:29:29 → 00:29:32 อาหารเหล่านี้ส่งผลต่อร่างกายจะช่วยให้
00:29:32 → 00:29:35 เราสามารถป้องกันและจัดการกับภาวะโลหิต
00:29:35 → 00:29:38 จางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับอย่า
00:29:38 → 00:29:40 ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าความอ่อนเพลียเป็น
00:29:40 → 00:29:43 เรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคุณนะคะลอง
00:29:43 → 00:29:46 กลับไปสำรวจพฤติกรรมการกินและไลฟ์สไตล์
00:29:46 → 00:29:49 ของคุณดูค่ะบางทีการปรับเปลี่ยนเล็กๆน้อย
00:29:49 → 00:29:52 ๆในวันนี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสุขภาพ
00:29:52 → 00:29:55 ครั้งยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าได้ค่ะการ
00:29:55 → 00:29:57 เริ่มต้นที่ดีคือการมีความเข้าใจที่ถูก
00:29:57 → 00:30:00 ต้องครับและถ้าคุณมีอาการของโลหิตจางหรือ
00:30:00 → 00:30:03 สงสัยว่าตัวเองอาจมีภาวะนี้อย่าลังเลที่
00:30:04 → 00:30:06 จะปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการ
00:30:06 → 00:30:09 รักษาที่เหมาะสมนะครับการดูแลตัวเองตั้ง
00:30:09 → 00:30:12 แต่เนิ่นๆจะช่วยให้คุณกลับมามีชีวิตที่สด
00:30:12 → 00:30:15 ใสและมีพลังอีกครั้งครับพวกเราหวังว่าข้อ
00:30:15 → 00:30:18 มูลในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านนะคะ
00:30:18 → 00:30:20 และช่วยให้คุณเข้าใจเรื่องโลหิตจางได้ลึก
00:30:20 → 00:30:23 ซึ้งขึ้นค่ะถ้าชื่นชอบเนื้อหาแบบนี้อย่า
00:30:23 → 00:30:26 ลืมกดไลค์กดแชร์และแสดงความคิดเห็นกัน
00:30:26 → 00:30:29 เข้ามานะคะว่าคุณเคยมีประสบการณ์กับอาหาร
00:30:29 → 00:30:32 เหล่านี้หรือมีเคล็ดลับอะไรดีๆที่อยาก
00:30:32 → 00:30:35 แบ่งปันกันบ้างค่ะและที่สำคัญที่สุดอย่า
00:30:35 → 00:30:38 ลืมกดติดตามช่องสุขภาพสนทนาพร้อมกด
00:30:38 → 00:30:40 กระดิ่งแจ้งเตือนไว้ด้วยนะครับเพื่อที่
00:30:40 → 00:30:43 คุณจะไม่พลาดข้อมูลสุขภาพดีๆที่น่าเชื่อ
00:30:43 → 00:30:46 ถือและเข้าใจง่ายแบบนี้ในตอนต่อไปครับ
00:30:46 → 00:30:49 สำหรับวันนี้พวกเราทั้ง 2 คนต้องขอลาไป
00:30:49 → 00:30:52 ก่อนนะคะขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง
00:30:52 → 00:30:55 มีเลือดที่สมบูรณ์แข็งแรงกันทุกคนค่ะ
00:30:55 → 00:30:59 สวัสดีค่ะสวัสดี TR