00:00:00 → 00:00:02 คุณหมอก่อนที่เราจะไปเข้าที่เรื่องของการ
00:00:02 → 00:00:05 ดื่มน้ำเปล่าเนี่ยที่ถูกส่งต่อกันเยอะแยะ
00:00:05 → 00:00:08 มากมายเี่นะฮะว่ามันช่วยเรื่องของอาการ
00:00:08 → 00:00:12 หัวใจล้มเหลวถามคุณหมอก่อนเลยว่าภาวะหัว
00:00:12 → 00:00:16 ใจล้มเหลวคุณหมอครับเอ่อมันมันเกิดขึ้น
00:00:16 → 00:00:19 ได้ยังไงมันมันน่ากลัวขนาดไหนครับถ้าใน
00:00:19 → 00:00:22 ยุคปัจจุบันเนี่ยฮะคุณหมอฮะ
00:00:22 → 00:00:25 ก็อจริงๆแล้วภาวะหัวใจล้มเหลวอ่ะค่ะก็คือ
00:00:25 → 00:00:29 ตามชื่อของมันมันคือเป็นภาวะความผิดปกติ
00:00:29 → 00:00:32 ของการทำงานของหัวใจนะคะก็จะทำให้ร่างกาย
00:00:32 → 00:00:35 เนี่ยไม่สามารถสูบฉิเลือดไปเลี้ยงเนื้อ
00:00:35 → 00:00:37 เยื่อแล้วก็อวัยวะต่างๆของร่างกายได้
00:00:37 → 00:00:40 อย่างเพียงพอต่อความต้องการแล้วก็มันก็จะ
00:00:40 → 00:00:43 แบ่งไปเป็น 2 อย่างก็คือเป็นแบบเรื้อรัง
00:00:43 → 00:00:46 แล้วก็เป็นแบบเฉียบพันธุถ้าเป็นในศัพท์
00:00:46 → 00:00:49 ภาษาอังกฤษก็น่าจะเป็นตรงกับคำว่าซียซึ่ง
00:00:49 → 00:00:52 ก็จะแบ่งเป็นลักษณะของอคิที่แปลว่าเฉียบ
00:00:53 → 00:00:56 พันธแล้วก็โคนิที่แปลว่าเรื้อรังนะคะซึ่ง
00:00:56 → 00:01:00 สาเหตุของการเกิดภวะหัวใจล้มเหลวเนี่ยมัน
00:01:00 → 00:01:02 นี้ได้หลายอย่างค่ะแต่ว่าหลักๆก็คือเป็น
00:01:02 → 00:01:06 ความผิดปกติอันแรกก็เอาจจะเกิดจากความผิด
00:01:06 → 00:01:09 ปกติของโครงสร้างของการทำงานของหัวใจนะคะ
00:01:09 → 00:01:12 เช่นอาจจะเคยได้ยินว่ามีลิ้นหัวใจรั่ว
00:01:12 → 00:01:15 หรือลิ้นหัวใจตีบที่เป็นอย่างรุนแรงพวก
00:01:15 → 00:01:19 นี้ก็จะทำให้เกิดมีภาวะหัวใจล้มเหลวมีหาย
00:01:19 → 00:01:22 ใจลำบากเหนื่อยเพลียบวมเพราะว่ามีน้ำและ
00:01:22 → 00:01:26 เกลือขั่งในร่างกายหรือว่าจะเป็นจากตัว
00:01:26 → 00:01:29 โรคของหลอเลือดหัวใจนะคะจากคนไข้ที่มี
00:01:29 → 00:01:33 ความดันโลหิตสูงที่สูงมากๆในคนไข้ที่มี
00:01:33 → 00:01:36 หัวใจพิการแตกกำเนิดหรือว่าโรคลิ้นหัวใจ
00:01:36 → 00:01:39 รูมาติกซึ่งเราก็จะอาจจะเคยได้ยินชื่อกัน
00:01:39 → 00:01:42 มาบ้างค่ะอืสถานการณ์ปัจจุบันครับคุณหมอ
00:01:42 → 00:01:46 ครับเรื่องของภาวะหัวใจล้มเหลวเนี่ยทั้ง 2
00:01:46 → 00:01:50 รูปแบบที่ว่าเนี่ยถือว่าคนไทยประสบปัญหา
00:01:50 → 00:01:52 กันเยอะมั้ยครับคุณหมอครับ
00:01:52 → 00:01:57 ค่ะหมายถึงว่าเอ่อในคนไทยเจอหัวใจล้มเหลว
00:01:57 → 00:02:00 กี่ประเทศใช่มั้ยคะหรือว่ายังไงนะคะครับ
00:02:00 → 00:02:02 ประมาณนั้นคุณหมอปัญหาเนี่ยมีปัญหาเกี่ยว
00:02:02 → 00:02:04 กับเรื่องของหัวใจล่มเหลวเนี่ยเยอะมั้ย
00:02:04 → 00:02:08 ครับคุณหมอครับในปัจจุบันน่ะฮะก็ภาวะหัว
00:02:08 → 00:02:11 ใจล้มเหลวในประเทศไทยนะคะโอ้โหนี่เป็นข้อ
00:02:11 → 00:02:15 มูลที่ลึกมากเลยปกติแล้วต้องบอกอย่างงี้
00:02:15 → 00:02:18 ก่อนค่ะว่าไอ้ภาวะหัวใจลุ้มเหลวเนี่ยมัน
00:02:18 → 00:02:21 จะแบ่งเป็น 2 แบบก็คือแบบที่หัวใจบีบตัว
00:02:21 → 00:02:24 ได้น้อยกับหัวใจบีบตัวปกติแต่ว่าก็ยังมี
00:02:25 → 00:02:27 ปัญหาเรื่องของตัวอาการนะคะซึ่ง
00:02:28 → 00:02:30 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเนี่ยมันคือขึ้นอยู่
00:02:30 → 00:02:33 กับตัวโรคอ่ะค่ะเช่นว่าเอ่อถ้าเป็นในผู้
00:02:33 → 00:02:37 สูงอายุอย่างเงี้ยค่ะก็จะเจอได้
00:02:37 → 00:02:40 เปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าในคนไข้ที่อายุน้อย
00:02:40 → 00:02:43 สำหรับกลุ่มของคนไข้ที่มีหัวใจล้มเหลวหัว
00:02:43 → 00:02:46 ใจวายแต่ถ้าถามว่าขนาดกี่เปอร์เซ็นต์นี่
00:02:46 → 00:02:48 หมไม่กล้าตอบเดี๋ยวมันจะเป็นตัวเลขที่ไม่
00:02:48 → 00:02:52 ถูกต้องอ่ะค่ะออืเพราะว่าผมเห็นข่าวคราว
00:02:52 → 00:02:56 หลายหลายช่วงเวลาที่ผ่านมาเนี่ยคือคนที่
00:02:56 → 00:02:59 รู้จักคนที่เห็นตามหน้าข่าวอะไรเงี้ยมัน
00:02:59 → 00:03:02 ประสบปัญหาเรื่องของภาวะหัวใจล้มเหลวกัน
00:03:02 → 00:03:04 คือค่อนข้างที่จะบ่อยค่อนข้างที่จะเยอะ
00:03:04 → 00:03:07 อ่ะคุณหมอครับเลยใช้สับรวมกันไปหรือเปล่า
00:03:07 → 00:03:10 นะคะคำว่าหัวใจล้มเหลวอ่ะค่ะคุณหมอคะเออ
00:03:10 → 00:03:14 คือภาวะหัวใจล้มเหลวถ้าเป็นในกการแพทย์
00:03:14 → 00:03:17 จริงๆเราจะใช้คำว่าสำหรับในคนไข้ที่เป็น
00:03:17 → 00:03:20 ภาวะหัวใจวายอ่ะค่ะซึ่งหัวใจวายก็คือการ
00:03:20 → 00:03:23 บีบตัวที่หมอบอกว่าส่งเลือดไปเลี้ยงตาม
00:03:24 → 00:03:27 บริเวณต่างๆของร่างกายอ่ะค่ะเอ่อไม่ทั่ว
00:03:27 → 00:03:30 ถึงอ่ะอันนี้หมอหาข้อมูลมาให้แล้วนะคะบอก
00:03:30 → 00:03:33 ว่าในประเทศไทยเนี่ยเอ่อยังไม่มีข้อมูล
00:03:33 → 00:03:38 ที่เป็นการลงข้อมูลที่ชัดเจนแต่จริงๆเรา
00:03:38 → 00:03:41 มีการพยายามทำแล้วก็คือมีการศึกษาชื่อว่า
00:03:41 → 00:03:44 Thai at here regist อ่ะค่ะซึ่งก็คือ
00:03:44 → 00:03:48 ข้อมูลเนี่ยก็จะเจอว่าเ่อบอกว่าเป็นอยู่
00:03:48 → 00:03:54 ถึง 1-2 แล้วก็มีโอกาสเสียชีวิต 5-7 นะคะ
00:03:54 → 00:03:56 แล้วก็มีโอกาสการ Admission ในโรงพยาบาล
00:03:56 → 00:03:59 การนอนโโรงพยาบาลที่ค่อนข้างเยอะอันนี้
00:03:59 → 00:04:02 เป็นจากเอ่อของ
00:04:02 → 00:04:06 สมาคมภาวะที่ดูแลเรื่องของภาวะหัวใจล้ม
00:04:06 → 00:04:10 เหลวอ่ะค่ะตามารฟไลนของประเทศไทยอืครับ
00:04:10 → 00:04:13 คุณหมอครับเรื่องของเอ่อภาวะหัวใจล้มเหลว
00:04:13 → 00:04:15 เนี่ยทั้งทั้ง 2 รูปแบบเนี่ยทั้งเรื่อง
00:04:15 → 00:04:18 ของเฉียบพลันทั้งเรื้อรังเนี่ยนะฮะส่วน
00:04:18 → 00:04:20 ใหญ่เนี่ยมักจะเกิดขึ้นในกลุ่มคนอายุตั้ง
00:04:20 → 00:04:23 แต่มันมีช่วงอายุที่มักจะเจอบ่อยมั้ยครับ
00:04:23 → 00:04:25 หรือว่ามันจะมีสัญญาณกันตั้งแต่ช่วงอายุ
00:04:25 → 00:04:28 ประมาณไหนครับคุณหมอครับจริงๆมันต้องขึ้น
00:04:28 → 00:04:30 อยู่กับสาเหตุค่ะอย่างที่ที่แจ้งว่าภาวะ
00:04:30 → 00:04:33 หัวใจล้มเหลวมันคือภาวะฉะนั้นมันเหมือน
00:04:33 → 00:04:36 กับว่าเป็นสุดทางของโรคอ่ะค่ะเช่นว่าในคน
00:04:36 → 00:04:40 ไข้ที่อายุน้อยก็อาจจะเอ่อมีสาเหตุมาจาก
00:04:40 → 00:04:44 ภาวะหัวใจพิการแตกกำเนิดหรือว่าเป็นภาวะ
00:04:44 → 00:04:46 ลิ้นหัวใจที่ผิดปกติเช่นลิ้นหัวใจรั่ว
00:04:46 → 00:04:49 รูมาติกก็อาจจะเจอได้ตั้งแต่ในช่วงที่
00:04:49 → 00:04:52 ก่อนอายุ 60 แต่ถ้าเกิดว่าภาวะหัวใจล้ม
00:04:52 → 00:04:55 เหลวนั้นมันเป็นจากภาวะกล้ามในหัวใจขาด
00:04:55 → 00:04:59 เลือดหรือว่าเป็นจากพวกลิ้นหัวใจติดเออติ
00:04:59 → 00:05:02 อย่างเงี้ยค่ะก็มจะเจอได้ในอายุเยอะ
00:05:02 → 00:05:05 ฉะนั้นก็คือถ้าถามว่าอายุเยอะจะเป็นมาก
00:05:05 → 00:05:08 กว่าอายุน้อย 100% มมันต้องขึ้นอยู่กับ
00:05:08 → 00:05:10 สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวค่ะ
00:05:10 → 00:05:12 แต่ภาวะหัวใจล้มเหลวทั้งหมดอ่ะค่ะมันจะ
00:05:12 → 00:05:15 แบ่งออกมาอาการที่ชัดๆก็จะเป็นทางด้าน
00:05:15 → 00:05:18 ซ้ายแล้วก็ด้านขวาถ้าเกิดว่าเป็นอาการของ
00:05:18 → 00:05:20 หัวใจล่มเร็วทางด้านซ้ายก็จะมีปัญหาใน
00:05:20 → 00:05:24 เรื่องของเหนื่อยหอบค่ะนอนลาบไม่ได้ในบาง
00:05:24 → 00:05:27 รายก็จะมีปัญหาเรื่องว่าตอนเ่าหลับไปะ
00:05:27 → 00:05:30 ช่วงหัวคำแต่ว่าต้องลุกขึ้นมานั่งหอละไอ
00:05:30 → 00:05:33 ช่วงกลางคืนเนื่องจากว่าน้ำจากบริเวณอ่า
00:05:33 → 00:05:37 ขาไหลกลับคืนกลับมาในหัวใจแล้วคราวนี้หัว
00:05:37 → 00:05:40 ใจพอบีบตัวไม่ทันก็จะทำให้มีน้ำคั่งในปอด
00:05:40 → 00:05:43 ก็จะต้องลุกขึ้นมาเหนื่อยไอกลางคืนอีก
00:05:43 → 00:05:46 อย่างนึงก็คือคนไข้จะทำอ่ากิจกรรมได้ลดลง
00:05:46 → 00:05:50 นะคะก็เช่นว่าเคยทำดขึ้นบันไดสะพานลอยไม่
00:05:50 → 00:05:52 เหนื่อยเลยแต่ว่าก็อาจจะได้ขึ้นไปครึ่ง
00:05:52 → 00:05:55 ทางแล้วก็เหนื่อยอันนี้สำหรับตัวโรคหัวใจ
00:05:55 → 00:05:59 ทางด้านซ้ายที่มีภาวะล้มเหลวจากการตรวจ
00:05:59 → 00:06:02 ร่างกายก็จะมีเสียงผิดปกติจากตรงภาวะปอด
00:06:02 → 00:06:04 ที่เวลาคุณหมอฟังเสียงของปอดแล้วบอกว่า
00:06:04 → 00:06:07 เออมีเสียงผิดปกติอันนั้นก็จะเอาวินิจฉัย
00:06:07 → 00:06:09 ในเรื่องของน้ำท่วมปอดได้นอกจากนั้นก็มี
00:06:09 → 00:06:12 การเจาะเลือดดูผลเลือดนะคะที่สามารถช่วย
00:06:12 → 00:06:16 วินิฉัยได้แล้วก็ถัดมาก็คือพูดถึงหัวใจ
00:06:16 → 00:06:19 ล้มเหลวพอหัวใจด้านซ้ายล้มเหลวมาเป็นระยะ
00:06:19 → 00:06:22 เวลาสักพักนึงมันก็จะส่งผลทำให้หัวใจด้าน
00:06:22 → 00:06:25 ขวาก็มีล้มเหลวได้ตามมาด้วยพวกนี้ก็จะ
00:06:25 → 00:06:30 เป็นภาวะที่บวมนะคะก็จะมีสขาบวมมีเส้น
00:06:30 → 00:06:33 เลือดที่คอโปร่งพองนะคะมีน้ำในช่องท้องมี
00:06:33 → 00:06:36 ตับโตอันนี้ก็จะเป็นลักษณะของหัวใจทาง
00:06:36 → 00:06:39 ช่องด้านขวาค่ะที่มีปัญหาเรื่องของหัวใจ
00:06:39 → 00:06:43 วายโอ้โหฟังดูแล้วมันมีหัวใจด้านซ้ายมัน
00:06:43 → 00:06:47 มีหัวใจด้านขวานะคุณหมอในในคนธรรมดาอย่าง
00:06:47 → 00:06:50 เราเนี่ยถึงกับอึ้งเลยทีเดียวนะคะไอ้การ
00:06:50 → 00:06:52 ลักษณะที่เรามองว่าหัวใจเนี่ยส่วนมากที่
00:06:52 → 00:06:54 เราเข้าใจกันเนี่ยมันอยู่ด้านซ้ายเวลาเรา
00:06:55 → 00:06:58 นอนเนี่ยหลับไปเนี่ยเอ่อก่อนนอนเนี่ยการ
00:06:58 → 00:07:01 ตะแคงซ้ายการตะแคงขวาเราก็จะไม่ให้ไปกด
00:07:01 → 00:07:05 ทับเรื่องของหัวใจเราถูกสอนกันมาว่าเอ้ย
00:07:05 → 00:07:07 เราอย่านอนตะแคงซ้ายนะเรามาหันขวาทีนี้
00:07:07 → 00:07:10 มันจะยังไงดีคะคุณหมอมันเกี่ยวอันนี้อัน
00:07:10 → 00:07:13 นี้ขอขอสอบถามเรื่องของลักษณะของหัวใจ
00:07:13 → 00:07:15 ซ้ายหัวใจขวาอย่างที่ที่คุณหมอได้กล่าว
00:07:15 → 00:07:19 ถึงเมื่อกี้มันสำพันธกับลักษณะทัไปอ่ะค่ะ
00:07:19 → 00:07:22 การนอนทับซ้ายหรือทับขวาอาจจะไม่ได้มีผล
00:07:22 → 00:07:25 ส่วนมากที่ทางการแพทย์จริงๆถ้าเกิดมีผล
00:07:25 → 00:07:27 ว่าอ่ะนอนทับข้างไหนแล้วจะมีปัญหาอันนั้น
00:07:27 → 00:07:30 น่าจะเป็นในคนท้องมากกว่าค่ะที่ถ้าเราทับ
00:07:30 → 00:07:33 เส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงรกเด็กก็จะได้
00:07:33 → 00:07:36 รับเลือดน้อยลงอันนั้นก็จะเป็นในคนในคน
00:07:36 → 00:07:38 ตั้งครรภ์ที่ตั้งครรภ์ในช่วงท้ายแต่ว่า
00:07:38 → 00:07:41 ถ้าเกิดว่าเป็นในคนทั่วๆไปอ่ะค่ะเอ่อการ
00:07:41 → 00:07:45 นอนหงายนอนตะแคงจริงๆก็คือไม่ไม่ทับตัว
00:07:45 → 00:07:48 หัวใจทำให้แฟทำมาของหัวใจผิดปกติอันนี้
00:07:48 → 00:07:50 นอนได้ตามความถนัดเลยค่ะเพียงแต่ว่าถ้าคน
00:07:50 → 00:07:53 ที่เริ่มมีภาวะหัวใจล้มเหลวแล้วเนี่ยการ
00:07:53 → 00:07:56 นอนราบจะทำให้เาเหนื่อยหายใจไม่สะดวก
00:07:56 → 00:07:58 เพิ่มมากขึึ้นคอกลับกลายเป็นนอนราบเนี่ย
00:07:58 → 00:08:01 เป็นความเอ่อเค้าเรียกว่าลักษณะของอาการ
00:08:01 → 00:08:04 ที่ไม่แนะนำสำหรับคนที่เป็นหัวใจล้มเหลว
00:08:04 → 00:08:10 อืหควรนอนตะแคงเหรอคะคุณหมอเอ่อจริงๆแล้ว
00:08:10 → 00:08:12 ก็คือนอนท่าไหนก็ได้ค่ะหมายถึงว่าเฉพาะใน
00:08:13 → 00:08:16 คนไข้ที่มีน้ำท่วมปอดแล้วการนอนหงายเนี่ย
00:08:16 → 00:08:19 จะทำให้คนไข้รู้สึกแย่ส่วนมากกลุ่มคนไข้
00:08:19 → 00:08:22 กลุ่มนี้ก็จะมีประวัติว่าต้องหุนหมอนสูง
00:08:22 → 00:08:26 หรือว่าต้องนั่งหลับอ่ะค่ะอืคุณหมอครับ
00:08:26 → 00:08:30 ไอ้เรื่องของภาวะเอ่อหัวใจล้มเหลวเครับ
00:08:30 → 00:08:34 คือมันมันดูแล้วมันเป็นเฉพาะตัวเนาะเออ
00:08:34 → 00:08:38 มันเราเราสามารถที่จะเข้าไปทำการรักษา
00:08:38 → 00:08:40 เพื่อที่จะให้อาการเนี่ยมันบรรเทาหรือว่า
00:08:40 → 00:08:43 มันจะหายได้ได้ได้บ้างมั้ยครับคุณปครับ
00:08:43 → 00:08:47 ค่ะแนวทางการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวอ่ะนะ
00:08:47 → 00:08:50 คะก็คือต้องรักษาที่สาเหตุของมันถ้าเกิด
00:08:50 → 00:08:53 สาเหตุของมันยังรักษาได้อยู่แต่ถ้าเกิด
00:08:53 → 00:08:55 ว่ามันเป็นหัวใจร่วมเหลี่ยวเฉียบพันธุเรา
00:08:55 → 00:08:59 ก็จะมีการให้ยาที่เราเ่อเจอกันเยอะเๆเลย
00:08:59 → 00:09:01 ื่อเวลาไปโรงพยาบาลก็คือให้ยากลุ่มยาขับ
00:09:01 → 00:09:04 ปัสสาวะกลุ่มยาขับปัสสาวะอ่ะค่ะก็จะช่วย
00:09:04 → 00:09:08 ทำให้ขับน้ำขับเกลือออกจากร่างกายทำให้
00:09:08 → 00:09:12 พวกภาวะอาการหอบเหนื่อยแน่นหน้าอกขาบวม
00:09:12 → 00:09:15 อ่อฟังเสียงมีเสียงกรอบแดที่ชายปอดหรือ
00:09:15 → 00:09:18 ว่าตับโตเนี่ยมันจะทุเราลงแต่ว่าถ้าเรา
00:09:18 → 00:09:21 รักษาแค่ตรงนั้นมันก็เหมือนกับรักษาแค่
00:09:21 → 00:09:24 ชั่วคราวค่ะเราก็ต้องหาวิธีการรักษาว่า
00:09:24 → 00:09:27 มันเกิดจากสาเหตุอะไรนอกจากนั้นแล้วยา
00:09:27 → 00:09:30 กลุ่มนี้พอหลังจากที่รักษาผู้ปวยอาการดี
00:09:30 → 00:09:34 ขึ้นก็จะยังมียาอีกเอ่อหลายกลุ่มที่จะ
00:09:34 → 00:09:38 ช่วยทำให้ตัวอาการของคนไข้อ่ะค่ะทุเราลง
00:09:38 → 00:09:41 ลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลแล้วก็ลดอัตราการ
00:09:41 → 00:09:45 เสียชีวิตค่ะรวมไปถึงถ้าเกิดในคนไข้ที่มี
00:09:45 → 00:09:48 เรื่องของหัวใจที่บีบตัวผิดปกติแล้วนะคะ
00:09:48 → 00:09:51 แล้วก็มีภาวะหัวใจวายแล้วก็จะมีพูดถึง
00:09:51 → 00:09:53 เรื่องการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
00:09:53 → 00:09:55 อิเล็กทรอนิกส์หรือว่าเครื่องกระตุ้นไฟ
00:09:55 → 00:09:58 ฟ้าหัวใจที่เรียกว่า crt อ่ะค่ะพวกนี้ก็
00:09:58 → 00:10:00 จะเป็นการที่ทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น
00:10:00 → 00:10:04 เพิ่มการดิดตัวของหัวใจที่ดีขึ้นอถ้าเรา
00:10:04 → 00:10:07 เจอสาเหตุและว่ามันเป็นสาเหตุจากโรคลิ้น
00:10:07 → 00:10:11 หัวใจตีบลิ้นหัวใจรั่วการผ่าดตัดนะคะก็มี
00:10:11 → 00:10:14 ผลแต่ถ้าเกิดว่าอาการของตัวหัวใจเนี่ยมัน
00:10:14 → 00:10:17 เกิดจากกล้ามเนื้อที่ดีบตัวผิดปกติอ่า
00:10:18 → 00:10:20 ฉะนั้นที่มันเป็นแบบที่เป็นอย่างรุนแรง
00:10:20 → 00:10:23 รักษาไม่ได้ไม่ว่าจะจากสาเหตุไหนก็มีการ
00:10:23 → 00:10:25 ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอย่างที่อันนี้อาจจะ
00:10:25 → 00:10:28 เพิ่งเคยได้ข่าวไปที่อ่าโรงพยาบาศริราช
00:10:29 → 00:10:31 ได้ไม่มีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจนะคะอันนี้
00:10:31 → 00:10:34 ก็เป็นการรักษานอกจากนั้นแล้วก็คือผู้
00:10:34 → 00:10:37 ป่วยก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ
00:10:37 → 00:10:40 ดำเนินชีวิตอ่ะค่ะก็ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอน
00:10:40 → 00:10:42 นั้นเนี่ยเป็นขนาดไหนแล้วถ้าเกิดว่าเป็น
00:10:42 → 00:10:45 ช่วงที่แค่มีภาวะเสี่ยงแล้วก็อยากป้องกัน
00:10:45 → 00:10:49 นะคะก็แนะนำในเรื่องของการงดสุกบุหรี่
00:10:49 → 00:10:52 เพราะว่าสอ่าบุหรี่เนี่ยมีผลกับหัวใจทุกๆ
00:10:52 → 00:10:55 ด้านเลยนะคะลดในเรื่องของการแอกิน
00:10:55 → 00:10:58 แอลกอฮอล์นะคะดื่มแอลกอฮอล์เพราะว่า
00:10:58 → 00:11:00 แอลกอฮอล์เนี่ยในคนไข้ที่หัวใจบีบตัวแย่
00:11:00 → 00:11:03 แล้วเนี่ยก็จะทำให้มีปัญหาเรื่องของบีบ
00:11:03 → 00:11:06 ตัวที่มันผิดปกติเพิ่มขึ้นนะคะก็แนะนำให้
00:11:06 → 00:11:09 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ 30
00:11:09 → 00:11:13 นาทีต่อครั้งนะคะไม่ควรเว้นเกินวันว้นวัน
00:11:13 → 00:11:16 แล้วก็หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มี
00:11:16 → 00:11:19 โซเดียมสูงที่เราที่กินกันประจำอ่ะค่ะ
00:11:19 → 00:11:24 จาบูหมูกระทะดน้ำแกงเยอะๆกินอ่าปรุงรสจัด
00:11:24 → 00:11:26 ๆอะไรแบบนี้เขาก็แนะนำว่าเราควรจะกิน
00:11:27 → 00:11:29 ปริมาณโซเดียมน้อยกว่า 2 มิลลิกรัมต่อวัน
00:11:29 → 00:11:32 2,000 มกรต่อวันค่ะออันนี้ก็คือเป็นการ
00:11:32 → 00:11:35 ป้องกันการการเกิดเนาะคุณหมอเนาะล่วงหน้า
00:11:35 → 00:11:37 เนาะคุณหมอครับสมมุติถ้าคณมีปัญหาเรื่อง
00:11:37 → 00:11:39 เกี่ยวกับภาวะหัวใจแล้วคุณหมอครับการออก
00:11:39 → 00:11:41 กำลังกายนี่มันถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่าง
00:11:41 → 00:11:46 นึงด้วยมครับคุณหมอครับเอ่อการออกกำลัง
00:11:46 → 00:11:50 กายในคนไข้โรคหัวใจอ่ะค่ะถ้าต้องบอกว่า
00:11:50 → 00:11:52 มันต้องขึ้นกับว่าตอนนั้นหัวใจของเขาเป็น
00:11:52 → 00:11:56 ลักษณะไหนแล้วแต่โดยที่ง่ายๆที่สุดเลยก็
00:11:56 → 00:11:58 คือคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจเราจะไม่แนะนำ
00:11:58 → 00:12:01 เกียกีฬาที่เป็นลักษณะของกีฬาแข่งขันน่ะ
00:12:01 → 00:12:03 ค่ะที่มันเป็น competitive Exercise ที่
00:12:03 → 00:12:06 เป็นลักษณะเช่นแบบเป็นการแข่งขันกัน
00:12:06 → 00:12:10 ฟุตบอลบาสเกตบอลเทนนิสอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:12:10 → 00:12:12 แต่เราจะแนะนำกีฬาที่สามารถเล่นคนเดียว
00:12:12 → 00:12:15 มากกว่าเช่นเดินวิ่งว่ายน้ำขี่จักรยานค่ะ
00:12:15 → 00:12:18 เพราะว่ากลุ่มนั้นมันจะไม่ต้องแข่งขันก็
00:12:18 → 00:12:22 จะค่อยๆทำไปเรื่อยๆเวลาที่ชีพจรมันเพิ่ม
00:12:22 → 00:12:25 เร็วขึ้นก็จะค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆนะคะ
00:12:26 → 00:12:29 แล้วก็ถ้าเกิดว่ามีโรคหัวใจแล้วก็แนะนำ
00:12:29 → 00:12:32 ให้ออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งใน
00:12:32 → 00:12:35 ปัจจุบันก็คือเรามีคำแนะนำของกลุ่มที่คน
00:12:35 → 00:12:39 ไข้โรคหัวใจมีฝ่ายที่ดูแลโดยเฉพาะคดกิช
00:12:39 → 00:12:42 ค่ะค่ะกลับมาถึงเรื่องของประเด็นของการ
00:12:42 → 00:12:47 ดื่มน้ำการดื่มน้ำตามปกติมากน้อยขนาดไหน
00:12:47 → 00:12:51 อย่างไรที่จะทำให้หัวใจเราเนี่ยคืออยู่ใน
00:12:51 → 00:12:54 ภาวะที่ที่ดีอ่ะค่ะไม่มากไม่น้อยเกินไป
00:12:54 → 00:12:57 คุณหมอการที่แชร์กันว่าดื่มน้ำตอนเช้าเลย
00:12:57 → 00:13:00 ตื่นมาให้ดื่มเลยึง 2 แก้วก่อนทำอย่าง
00:13:00 → 00:13:04 อื่นมันช่วยเรื่องของหัวใจได้จริงหรือไม่
00:13:04 → 00:13:09 จริงยังไงคะคุณหมอคะอืในเรื่องของการดื่ม
00:13:09 → 00:13:12 น้ำการดื่มน้ำที่เพียงพอมันช่วยทำให้ร่าง
00:13:12 → 00:13:15 กายค่อนข้างดีแล้วแต่ว่าถามว่าจะดื่มน้ำ
00:13:15 → 00:13:18 เปล่า 1-2 แก้วแล้วจะช่วยป้องกันภาวะหัว
00:13:18 → 00:13:21 ใจล้มเหลวได้มยอันนี้น่าจะไม่จริงนะคะอ
00:13:21 → 00:13:24 ยิ่งถ้าคนไข้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวแล้ว
00:13:24 → 00:13:27 เนี่ยเราจะต้องมีการจำกัดน้ำในช่วงที่มี
00:13:27 → 00:13:31 ภาวะหัวใจล้มเหลวเียพันธุ์ด้วยซ้ำไปค่ะอื
00:13:31 → 00:13:34 โอ้โหสรุปว่าไกจริงๆแล้วที่จะช่วยได้น่า
00:13:34 → 00:13:38 จะเป็นการลดเกลือมากกว่าการลดเกลือนี่คือ
00:13:38 → 00:13:43 ช่วยทั้งด้านไตหัวใจใช่ค่ะการลดอาหารลด
00:13:43 → 00:13:45 จัดการลดอาหารเค็มจะเป็นอันที่สามารถลด
00:13:45 → 00:13:48 ภาวะหัวใจล้มเหลงได้ไม่เกี่ยวกับการดื่ม
00:13:48 → 00:13:52 น้ำในช่วงเอ่อเช้าให้มากแต่เราก็แนะนำให้
00:13:52 → 00:13:54 ดื่มน้ำให้เพียงพอในคนที่ไม่ได้มีปัญหา
00:13:54 → 00:13:57 เรื่องที่ต้องจำกัดน้ำใช่ไม่ได้เป็นโรค
00:13:57 → 00:14:00 หัวใจวายเสียบพันหรือจะรุมเหลเชียพัน์
00:14:00 → 00:14:02 อยู่ก็ยังแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ
00:14:02 → 00:14:05 1.5 -2 ลิตรนะคะค่ะแต่ตอนช่วงเช้าตื่น
00:14:05 → 00:14:08 มาดื่มน้ำเลยเนี่ยคนบางคนก็ทำจนเป็นเป็น
00:14:08 → 00:14:10 เค้าเรียกว่าติดเป็นนิสัยแล้วอันนั้นก็
00:14:10 → 00:14:12 แก้วนึงก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยคะคุณหมอ
00:14:12 → 00:14:14 ไม่ได้อันตรายอะไรการดื่มน้ำในช่วงเช้า
00:14:14 → 00:14:18 ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะแต่ว่าถามว่าทำแล้ว
00:14:18 → 00:14:20 มันจะป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
00:14:20 → 00:14:25 มั้ยใช่ไม่น่าจะช่วยค่ะออืออไม่น่าจะช่วย
00:14:25 → 00:14:29 ก็แสดงว่าข้อข้อความที่ถูกส่งต่อที่ที่
00:14:29 → 00:14:31 ถูกแชร์กันมาเนี่ยส่งไม่ว่าจะเป็นผ่านทาง
00:14:32 → 00:14:36 ช่องทางไหนก็ตามก็แสดงว่าก็ก็ก็ไม่จริง
00:14:36 → 00:14:39 ใช่เดื่มนั้นตามปกติดื่มอยากดืใช่หที่เขา
00:14:39 → 00:14:42 บอกว่าโอหมันจะช่วยถึงขั้นแบบว่าลดการ
00:14:42 → 00:14:44 เกิดหัวใจล้มเหลวนี่ก็ถือถือว่าเป็นการ
00:14:44 → 00:14:46 สร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน
00:14:46 → 00:14:49 กันใช่มั้ยคุณหมอฮะใช่ค่ะก็คืออันนี้ก็
00:14:49 → 00:14:53 ถือว่าเป็นเฟกนิวสอันนึงค่ะอก็จริงๆแล้ว
00:14:53 → 00:14:55 มันก็จะมีที่เ้าเรียกว่าอะไรชัวร์ก่อน
00:14:55 → 00:14:56 แชร์ใช่
00:14:56 → 00:15:01 มั้ยครับผมเออทางทางช่องเ้าคือ้าส่วนตัว
00:15:01 → 00:15:03 ก็คือเ่ออาจจะต้องมีการยืนยันก่อนว่า
00:15:03 → 00:15:07 เนื้อหาอันนั้นนะค่ะที่เราส่งเนี่ยมันถูก
00:15:07 → 00:15:09 ต้องมยเพราะว่าบางครั้งเราก็คิดว่าเรา
00:15:09 → 00:15:11 อยากให้เพื่อนได้รับข้อความดีๆแต่ว่าพอ
00:15:11 → 00:15:14 ข้อความนั้นมันเป็นเรื่องที่ผิดก็อาจจะมี
00:15:14 → 00:15:17 มามีปัญหาแต่ว่าถ้าเป็นอย่างเรื่องของการ
00:15:17 → 00:15:20 ดื่มน้ำเนี่ยมันก็ยังไม่ถูกตามนั้นแต่ว่า
00:15:20 → 00:15:22 มันก็ยังไม่ได้เป็นอะไรที่ทำให้เกิด
00:15:22 → 00:15:25 อันตรายค่ะแอมันไม่ได้อันตรายมันไม่ได้
00:15:25 → 00:15:29 ว่าร้ายแรงอะไรดื่มได้แต่คิดว่าอุ๊ยฉัน
00:15:29 → 00:15:31 ดื่มน้ำแล้วฉันไม่เป็นหัวใจล้มเหลวอย่าไป
00:15:31 → 00:15:33 คิดแบบนั้นสิ่งที่คุณหมอแนะนำก็คือเรื่อง
00:15:33 → 00:15:37 ของการลดโซเดียมดีกว่าใช่ค่ะในเรื่องของ
00:15:37 → 00:15:39 การลดโซเดียมอันนี้เป็นอันที่มีหลักฐาน
00:15:39 → 00:15:43 ยืนยันประจักษ์แล้วว่าสามารถลดโอกาสการ
00:15:43 → 00:15:47 เกิดทั้งโรคไตและโรคหัวใจได้ค่ะออืคุณหมอ
00:15:47 → 00:15:52 อันนี้ขอเอ่อสอบถามด้วยความที่มันมีออกมา
00:15:52 → 00:15:55 ขายกันตามท้องตลาดเรื่องของน้ำด่างคุณหมอ
00:15:55 → 00:15:58 ครับไอ้การดื่มนี่มันจะมีสรรพคุณช่วย
00:15:58 → 00:16:01 เรื่องเรื่องของหัวใจช่วยเรื่องของร่าง
00:16:01 → 00:16:07 กายอะไรได้บ้างมากน้อยขนาดไหนไม่ชอชอบใส่
00:16:07 → 00:16:10 มะนาวเปลือกมะนาวอะไรอ้ากันว่าอย่างงั้น
00:16:10 → 00:16:11 อะไรอย่างเงี้ยน้ำด่างที่มันมีขายตามท้อง
00:16:11 → 00:16:14 ตลาดด้วยขวดละ 15 บาท 20 บาทนะคุณหมอ
00:16:14 → 00:16:19 ครับก็คือมันก็จะมีการพูดกันหลายอย่าง
00:16:19 → 00:16:21 เหมือนกันในเรื่องของน้ำด่างนะคะแต่ใน
00:16:21 → 00:16:25 เรื่องของน้ำด่างเจะยังไม่ได้มีการยืนยัน
00:16:25 → 00:16:28 ชัดเจนก็คือน้ำด่างที่เราขายกันก็คือน้ำ
00:16:28 → 00:16:31 อคเราจะทราบอยู่แล้วว่าในร่างกายของเรา
00:16:31 → 00:16:34 ค่ะพีปกติจะอยู่ประมาณ 7 ใช่มั้ยคะแต่ว่า
00:16:34 → 00:16:38 การที่ทำน้ำด่างเนี่ยเขาก็จะอ่าเพิ่มพี
00:16:38 → 00:16:42 ให้มันอยู่ที่ประมาณ 8-9 บางครั้งเขาก็จะ
00:16:42 → 00:16:45 บอกว่าพวกนี้เนี่ยมันสามารถสร้างช่วยใน
00:16:45 → 00:16:48 เรื่องของการต้านอนุมูลอิสระเรื่องความ
00:16:48 → 00:16:51 ชุ่มชื้นควบคุมความดันโลหิตได้ดีกว่าแต่
00:16:51 → 00:16:54 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยหลักฐานทางวิทยศาสตร์ใน
00:16:54 → 00:16:58 ปัจจุบันนะคะยังไม่มีอะไรที่ยืนยันว่า
00:16:58 → 00:17:01 สามารถเชื่อมโยงไปที่น้ำด่างกับสุขภาพของ
00:17:01 → 00:17:04 หัวใจได้เลยนะคะอจริงๆแล้วในร่างกายเรา
00:17:04 → 00:17:08 อ่ะเราต้องการความเป็นกดเบสที่สมดุลนะคะ
00:17:08 → 00:17:10 ถ้าเกิดว่าร่างกายมีภาวะเป็นกรดหรือเป็น
00:17:10 → 00:17:13 เบสที่มากขึ้นกลับจะทำให้ตัวร่างกายเนี่ย
00:17:13 → 00:17:17 มีความผิดปกตินะคะอย่างเช่นในบางรายที่มี
00:17:17 → 00:17:20 ลักษณะที่เป็นด่างเกินหรือว่ากดเกินเนี่ย
00:17:20 → 00:17:23 ร่างกายอวัยวะต่างๆจะไม่สามารถทำงานได้
00:17:23 → 00:17:27 ปกตินะคะออก็แสดงว่าก็คือกินน้ำปกติ
00:17:27 → 00:17:31 ธรรมดาปกติไปสมดุของมันมันสามารถสร้าง
00:17:31 → 00:17:33 สมดุลให้กับร่างกายของเราได้อัตโนมัติเลย
00:17:33 → 00:17:35 ใช่มั้ยคุณหมอครับไอ้การดื่มน้ำเปล่าให้
00:17:36 → 00:17:38 ได้ตามที่ทางการแพทย์แนะนำวันละประมาณสัก
00:17:38 → 00:17:42 6-8 แก้วเอ่อ 1.5 2 หรือว่าคนกินเยอะ
00:17:43 → 00:17:44 หน่อยอาจจะถึง 3 อะไรอย่างเงี้ยคุณหมอ
00:17:44 → 00:17:47 ครับมันจะปสเโดยปกติอ่ะค่ะดื่มน้ำก็คือจะ
00:17:47 → 00:17:50 แนะนำประมาณ 1.5 -2 ลิตรไม่ควรจะกินเกิน
00:17:50 → 00:17:53 3 ลิตรต่อวันเพราะว่าบางทีพอเรากินน้ำ
00:17:53 → 00:17:56 จำนวนที่เยอะเกินนะคะจะมีปัญหาคือทำให้
00:17:56 → 00:18:01 ภาวะแล่ธาในเลือดขาดสมดุล
00:18:01 → 00:18:07 ม้่าเยอะปกว่ามันทำว่่าในเลือที่าดสมุ
00:18:07 → 00:18:09 เช่นโซเดียมหรือโปแทสเซียมที่ต่ำเกินไปก็
00:18:09 → 00:18:11 จะทำให้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
00:18:11 → 00:18:15 ได้ส่วนในเรื่องของน้ำดื่มค่ะจริงๆแล้วใน
00:18:15 → 00:18:18 ปัจจุบันเนี่ยก็มีการพยายามทำสี้ทำการ
00:18:18 → 00:18:21 ศึกษาหลายอย่างเกี่ยวกับว่ากินน้ำด่าง
00:18:21 → 00:18:24 แล้วจะจริงดีจรมอะไรประมาณนี้แต่ว่าตอน
00:18:24 → 00:18:27 นี้ค่ะมันยังไม่มีสี้ไหนที่เป็นการยืนยัน
00:18:27 → 00:18:31 เลยว่าการดื่มน้ำด่างเนี่ยมันจะทำให้ตัว
00:18:31 → 00:18:35 ร่างกายเนี่ยดีขึ้นจริงนะคะก็คือยังแนะนำ
00:18:35 → 00:18:39 ให้ดื่มน้ำทั่วๆไปแต่ว่าพยายามหลีกเลี่ยง
00:18:39 → 00:18:42 ก็คืออ่าเขาจะแนะนำว่าไม่ควรจะดื่มน้ำใน
00:18:42 → 00:18:45 เรื่องของน้ำอออ่ะค่ะที่เป็นน้ำที่ไม่มี
00:18:45 → 00:18:49 ที่น้ำที่มันเป็นบริสุทธิ์มากๆอออ
00:18:49 → 00:18:53 น้ำเพราะว่าเอ่อน้ำอาโอหรือน้ำที่จริงๆเา
00:18:53 → 00:18:56 ที่เขาครีเอทขึ้นมาในการทำครั้งแรกเนี่ย
00:18:56 → 00:18:59 เาใช้มาสำหรับเป็นน้ำล้างไตอ่ะค่ะใน
00:18:59 → 00:19:06 อเลือมันทำนคขาดธาตุอย่างอที่จเต่อ่างกาย
00:19:06 → 00:19:10 แนะนำให้กินเป็นเค่ะน้ำประปาต้มสุกประมาณ
00:19:10 → 00:19:12 นี้ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะคุณหมอครับคำว่า
00:19:12 → 00:19:17 น้ำนี่มันหมายถึงว่าน้ำที่บรรจุขวดขายตาม
00:19:17 → 00:19:21 ท้องตลาดทั่วไปมคือมันจะเขียนว่า R ออะไร
00:19:21 → 00:19:21 เงี้
00:19:21 → 00:19:26 จน้ำ R ขายตามปั๊มน้ำมันไม่แน่ใจว่าพอเคย
00:19:26 → 00:19:30 ได้ยินไแต่ว่าในปัจจุบาน่ะค่ะร่างกายเขา
00:19:30 → 00:19:33 จะอ่าตอนนี้รัฐบาลไม่ได้อนุญาตให้ทำเป็น
00:19:33 → 00:19:37 น้ำ RO ที่ขายแล้ว RO ย่อมาจากรีเวสออมสิ
00:19:37 → 00:19:40 อ่ะค่ะจะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกในน้ำโดย
00:19:40 → 00:19:45 ที่แบบเขาจะมีผ่านตัวรูพุนขนาดเล็กมากๆทำ
00:19:45 → 00:19:48 ให้พวกเกลือแล่ธาตุโลหะหนักสารเคมีไว
00:19:48 → 00:19:50 เลล่าสารตะกั่วสารหนูอเนี้ยมันโดนกองออก
00:19:50 → 00:19:54 ไปแต่ปรากฏว่าพอมันกองสูงเยอะเกินไปแล้ว
00:19:54 → 00:19:58 อ่ะค่ะร่างกายของเรามันก็เลยขาดปริมาณแร่
00:19:58 → 00:20:02 ทาที่มันจำเป็นที่อยู่ในน้ำปกติที่เราทาน
00:20:02 → 00:20:08 ค่ะอืน้ำอโอน้ำออก็คือดื่มน้ำปกติทสมนี้
00:20:08 → 00:20:11 น่าจะไม่ค่อเห็นต้มสุกอะไรงี้ใช่ค่ะน้ำ
00:20:11 → 00:20:14 อาโอส่วนมากจะเป็นอยู่ในเครื่องล้างตาย
00:20:14 → 00:20:17 อ่ะค่ะหรือว่าอยู่ในเกดของโรงงาน
00:20:17 → 00:20:21 อุตสาหกรรมที่เอาไว้มาผสมเพื่อที่จะใช้
00:20:21 → 00:20:24 เป็นเ่าตัวน้ำที่เป็นตัวที่เอามาผสมร่
00:20:24 → 00:20:27 ธาตุอย่างอื่นอย่างเงี้ยค่ะอก็คิดว่าสมัย
00:20:27 → 00:20:30 นึงจะฮิตกินกันมาก็คือน้ำ RO แต่ว่าจริงๆ
00:20:30 → 00:20:35 แล้วมันมีอันตรายในการที่ดื่มตลอดก็เลย
00:20:35 → 00:20:38 อ่าช่วงหลังรัฐบาลก็จะไม่ค่อยจะรณรงคก็
00:20:38 → 00:20:41 แต่ก่อนมันจะมีช่วงนึงที่ช่วงหมอเด็กๆอ่ะ
00:20:41 → 00:20:45 ค่ะทุกคนจะทานกันเยอะมากอ่ะโอมันจะไปดึง
00:20:45 → 00:20:48 ร่ธาตุในในร่างกายเราอย่างนั้นใช่่มั้ยคะ
00:20:48 → 00:20:50 มันจะเป็นน้ำสะอาดที่มีความบริสุทธิ์สูง
00:20:51 → 00:20:54 ที่มีช่วงนึงจะแบบคนทั่วไปจะฮีกินกันมาก
00:20:54 → 00:20:57 เลยแต่ว่าตอนหลังรัฐบาลก็มารณรงคกับว่า
00:20:57 → 00:21:00 จริงๆเราไม่ค่อยแนะนำนะคะอเอาเป็นง่ายๆ
00:21:00 → 00:21:04 ทุกวันนี้ถ้าเราดื่มน้ำที่อยู่ในลักษณะ
00:21:04 → 00:21:07 ของมีเครื่องหมายการค้าต่างๆที่เห็นอยู่
00:21:07 → 00:21:10 เนี่ยก็คือได้รับเอ่ออนุมัติจากอยถูกต้อง
00:21:10 → 00:21:14 ก็ก็กินได้ตามปกติหรือไม่ก็น้ำปาร่างกาย
00:21:15 → 00:21:17 เราจะปรับสมดุลแล่ธาตุได้ในระดับนึอยู่
00:21:17 → 00:21:22 แล้วฉะนั้นก็คือถ้าเรากินน้ำที่ได้อ่ารับ
00:21:22 → 00:21:25 มออกกแล้วออยก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
00:21:25 → 00:21:29 ออ๋อก็คือน้ำที่ขายน้ำท่วขายขวดทั่วไป
00:21:29 → 00:21:32 อย่างเงี้ก็ในท้องตลาดหรือน้ำประปาที่ต้ม
00:21:32 → 00:21:36 สุกก็ได้เช่นเดียวกันนะคะก็คือจริงๆแล้ว
00:21:36 → 00:21:39 น้ำปาปาน่ะถ้าออกจากโรงงานเลยเนี่ยสามารถ
00:21:39 → 00:21:43 ดื่มได้อันนี้น่าจะเคยได้ยินที่เวลาที่
00:21:43 → 00:21:45 ต่างเวลาเราไปต่างประเทศเราก็ดื่มน้ำปาปา
00:21:45 → 00:21:47 ประเทศเราดื่มอย่างสบายใจเพราะมันไม่มี
00:21:47 → 00:21:50 กลิ่นในเมืองไทยอาจจะมีกลิ่นอยู่ว่าบ้าน
00:21:50 → 00:21:55 เราเนี่ยค่ะน้ำประปามันจะต้องผ่านมาทำท่อ
00:21:55 → 00:21:58 ระบท่อเรายังไม่สามารถการันตีมาตรฐานได้
00:21:58 → 00:22:02 ขนาดนั้นฉะนั้นก็คือเขาก็ยังแนะนำให้กิน
00:22:02 → 00:22:05 น้ำกองหรือว่าน้ำต้มสุกมากกว่าที่จะกิน
00:22:05 → 00:22:07 จากน้ำประปาโดยตรงถ้าเป็นประเทศไทยนะ
00:22:07 → 00:22:11 คะเอาง่ายๆน้ำที่มีแร่ท่าตามปกตินะคะแล้ว
00:22:11 → 00:22:14 ก็ดื่มน้ำให้ได้มาตรฐานตามน้ำหนักตัวใคร
00:22:14 → 00:22:18 ที่เอ่อร่างกายที่ค่อนข้างจะมีเอ่อน้ำ
00:22:18 → 00:22:22 หนักมากหน่อยก็ดื่มอาจจะ 2 ลิตร 2 ลิตรพอ
00:22:22 → 00:22:25 มคใชจริงๆมันขึ้นอยู่กับว่าเราเสียน้ำไป
00:22:25 → 00:22:28 ปริมาณเท่าไหร่ด้วยเรามีโรคประจำตัวเท่า
00:22:28 → 00:22:31 ไหด้วยด้วยอ่ะค่ะเช่นถ้าเกิดว่าเราออก
00:22:31 → 00:22:35 กำลังกายหรือทำงานตากแดดที่สูญเสียน้ำ
00:22:35 → 00:22:37 เยอะก็อาจจะต้องกินปริมาณน้ำเปล่าที่เยอะ
00:22:37 → 00:22:41 ขึ้นค่ะอือถ้าเกิดเรามีโรคประจำตัวบาง
00:22:41 → 00:22:46 อย่างเช่นอ่ามีภาวะที่มีเรื่องของไต
00:22:46 → 00:22:50 เสื่อมไตวายอันนั้นเราก็ต้องจำกัดปริมาณ
00:22:50 → 00:22:53 น้ำเพราะว่าถ้าเราดื่มน้ำเยอะเกินไปเราก็
00:22:53 → 00:22:56 จะเกิดภาวะน้ำท่วมปอดเพราะว่าเกิดจากไต
00:22:56 → 00:22:59 มันขับน้ำออกไม่ได้อันนี้ก็คือต้องขึ้น
00:22:59 → 00:23:02 อยู่กับอ่าโรคเเป็นด้วยแต่ถ้าเราเป็นคน
00:23:02 → 00:23:05 ที่แข็งแรงดีปกติใช้ชีวิตประจำวันโดยทั่ว
00:23:05 → 00:23:07 ๆไปก็จะแนะนำประมาณ 1 ลิตรครึ่งถึง 2
00:23:08 → 00:23:10 ลิตรค่ะ 1 ลิตรครึ่งถึง 2 ลิตรแต่ว่าทั้ง
00:23:10 → 00:23:11 นี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรไงสมมุติ
00:23:11 → 00:23:13 ถ้าเป็นนักกีฬาออกกำลังกายอะไรงงี้ก็มัน
00:23:13 → 00:23:16 สามารถก็ดื่มเพิ่มเติมเพื่อที่จะทดแทนน้
00:23:16 → 00:23:19 ที่มันมันสูญเสียไปก็ได้ใช่มั้ยครับคุณ
00:23:19 → 00:23:22 หมอครับอืคือเพราะฉะนั้นแล้วก็คือไอ้
00:23:22 → 00:23:25 เรื่องของโรคหัวใจเี่ก็คือเราก็ต้องดูดู
00:23:25 → 00:23:28 ตั้งแต่ต้นทางเรื่องของโรคว่าเรามีโรค
00:23:28 → 00:23:30 อะไรบ้างก็เพื่อที่จะได้ไปแก้ไขตั้งแต่
00:23:31 → 00:23:34 ต้นทางถูกต้องใช่มั้ยครับคุณหมอครับใช่
00:23:34 → 00:23:37 ค่ะก็คือเราก็คอยสังเกตอาการตัวเองถ้าเรา
00:23:37 → 00:23:40 รู้สึกว่าเราหอบเหนื่อยมีหายใจไม่สะดวก
00:23:40 → 00:23:44 ขณะนอนลาภมีเจ็บแน่นหน้าอกมีคาบ้วมนะคะ
00:23:44 → 00:23:47 แล้วก็หรือว่ามีการแน่นท้องกับโตกดเจ็บ
00:23:47 → 00:23:50 อันนั้นก็แนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาลเพราะ
00:23:50 → 00:23:52 ว่าอาจจะสงสัยว่าอาจจะมีเรื่องของอาการ
00:23:52 → 00:23:56 ภาวะหัวใจจล้มเหลวถ้าเกิดว่าคุณหมอตรวจ
00:23:56 → 00:23:59 แล้วเจอความผิดปกติคุณหมอก็จะตรวจตรวจแยก
00:23:59 → 00:24:02 โรคให้อีกรอบนึงว่าเป็นจากสาเหตุอะไรนะคะ
00:24:02 → 00:24:06 อืคุณหมอคะตับโตกดแล้วเจ็บเนี่ยมันเป็น
00:24:06 → 00:24:09 ลักษณะที่เกิดได้ตอนไหนอย่างไรอ่ะคะหรือ
00:24:09 → 00:24:12 ว่าหลังอาหารหรืออะไเอ่อภาวะตับตัวกดเจ็บ
00:24:12 → 00:24:14 จริงๆมันมีจากหลายสาเหตุค่ะแต่ถ้าจะ
00:24:14 → 00:24:17 อธิบายจากภาวะหัวใจล้มเหลวเนี่ยก็คือถ้า
00:24:17 → 00:24:20 เกิดว่ามีภาวะหัวใจด้านขวาวหัวใจด้านขวา
00:24:20 → 00:24:24 ล้มเหลวอ่ะค่ะมันก็จะตัวหัวใจกับตับอ่ะ
00:24:24 → 00:24:27 ค่ะมันจะมีหลอดเลือดที่ต่อกันอยู่พอหัวใจ
00:24:27 → 00:24:30 มันทำงานได้ไม่ค่อยดีเลือดที่มันเทกลับ
00:24:30 → 00:24:33 จากปราบซึ่งต้องกลับไปหัวใจด้านขวาเพื่อ
00:24:33 → 00:24:36 ส่งไปฟอกที่ปอดแล้วกลับมาด้านซ้ายมันก็จะ
00:24:36 → 00:24:39 เทกลับไปลำบากพอเทกลับไปลำบากน้ำนั้นน่ะ
00:24:39 → 00:24:42 ค่ะมันก็จะมาทนที่ตัวเนื้อตับทำให้ตับโต
00:24:42 → 00:24:46 ค่ะออืโอหมันเกี่ยวสัมพันธ์กันโดยที่เรา
00:24:46 → 00:24:50 ไม่่างกายอวัยวะที่มันต่อเเชื่อมโยงกัน
00:24:50 → 00:24:53 ทั้งหมดค่ะเมื่อมีภาวะนึงร่างกายส่วนนึง
00:24:53 → 00:24:56 ที่เสียไปก็จะทำให้ส่วนอื่นทำงานลำบาก
00:24:56 → 00:25:00 เช่นเดียวกันค่ะอเวลาเราเราอิ่มอาหารในใน
00:25:01 → 00:25:03 มื้อเอาาง่ายๆมื้อเย็นเนี่ยมันรู้สึกจะ
00:25:03 → 00:25:06 แน่นอาการอืดท้องอะไรอย่างงี้มันมันจะ
00:25:06 → 00:25:09 สัมพันธ์กับเรื่องของหัวใจมากน้อยแค่ไหน
00:25:09 → 00:25:11 คะหรือว่าอาจจะทานกระชั้นดึกไปงั้นรเปล่า
00:25:12 → 00:25:15 ออันนั้นไม่น่าจะเกี่ยวเว่าตับโกดเจ็บใน
00:25:15 → 00:25:17 โรคหัวใจจะเป็นอยู่เกือบตลอดเวลาค่ะออ
00:25:18 → 00:25:20 เป็นตลอดเวลาเข้าใจใช่ค่ะเพราะว่าเนื่อง
00:25:20 → 00:25:23 จากว่าตับโตนั้นมันเกิดจากหัวใจห้องขวา
00:25:23 → 00:25:26 วายทำให้รับน้ำที่ต่อออกมาจากเส้นเลือด
00:25:26 → 00:25:29 ที่ตับที่เทกลับไม่ได้อฉะนั้นมันก็เลยจะ
00:25:29 → 00:25:32 เป็นอยู่ตลอดค่ะมันก็จะแน่นอยู่ตลอดเวลา
00:25:32 → 00:25:34 พวกนี้กลุ่มคนไข้กลุ่มนี้พอได้ยาขับ
00:25:34 → 00:25:37 ปัสสาวะไม่มีขับน้ำขับเกลือส่วนเกินที่
00:25:37 → 00:25:41 มากออกไปแล้วเนี่ยค่ะก็จะทำให้หัวใจบีบ
00:25:41 → 00:25:43 ตัวดีขึ้นหลังจากนั้นอาการที่แน่นทองตรง
00:25:43 → 00:25:47 นี้ก็จะทุเราลงหายไปค่ะอืโองั้นเราไม่
00:25:47 → 00:25:50 เป็นละอ๋อตอนนี้กลัวอยู่ก็เลยถามคุณหมอส
00:25:50 → 00:25:53 เกิดจากการไม่เกิดจากการทานมื้อเย็นแล้ว
00:25:53 → 00:25:56 ก็อาจจะไม่ได้เดินเคลื่อนไหวก็นั่งจุม
00:25:56 → 00:25:59 ปุ๊กอะไรประมาณนี้มันก็จะเกิดอาการแน่น
00:25:59 → 00:26:02 อันนี้ก็คือมีลมในท้องมีอะไรประมาณนั้น
00:26:02 → 00:26:06 ไม่ใช่ตลอดเวลาอย่างที่คุณหมออธิบายอืหาย
00:26:06 → 00:26:10 ห่วงความเครียดนี่ถือว่าเป็นภาวะที่น่า
00:26:10 → 00:26:12 กลัวกับเรื่องของอาการเกี่ยวกับหัวใจมั้ย
00:26:12 → 00:26:15 ครับคุณหมอครับณปัจจุบันเพราะว่าหลายๆคนเ
00:26:15 → 00:26:18 ออกมาเตือนกันเหมือนกันว่าภาวะความเครียด
00:26:18 → 00:26:20 นี่มันก็นำไปสู่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ
00:26:20 → 00:26:23 ต่างๆได้เยอะมากก็เลยจะถามว่ามันจะนำไป
00:26:23 → 00:26:25 สู่อาการเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจได้มาก
00:26:25 → 00:26:29 น้อยขนาดไหนฮะคุณหมอฮะก็คือภาวะความ
00:26:29 → 00:26:32 เครียดหรือว่าสเตสที่สูงอ่ะค่ะก็อาจจะทำ
00:26:32 → 00:26:35 ให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจอาจ
00:26:35 → 00:26:37 จะเป็นในกรณีของกลุ่มของเส้นเลือดหัวใจ
00:26:37 → 00:26:42 ตีดที่ตัวสเปสเนี่ยจะทำให้มีความเสี่ยง
00:26:42 → 00:26:44 ของการเกิดโรคหัวใจเส้นเลือดหัวใจตีดที่
00:26:44 → 00:26:47 เพิ่มมากขึ้นน่ะค่ะในคนไข้ที่มีเหมือนกับ
00:26:47 → 00:26:49 personality type a ที่เป็นคนที่แบบ
00:26:49 → 00:26:52 เป๊ะทำอะไรจะต้องแบบเป๊ะทุกอย่างอะไร
00:26:52 → 00:26:55 อย่างเงี้ยค่ะก็จะมีโอกาสที่มีการศึกษา
00:26:55 → 00:26:59 ว่าเจอว่ามีเส้นระหใจติดที่มากกว่าคนที่
00:26:59 → 00:27:06 ค่อนข้างรีแลกอืก็คือหัวใจของคนที่มีความ
00:27:06 → 00:27:10 สุขมันจะเอ่อสุขภาพดีกว่าคนที่มีความ
00:27:10 → 00:27:13 เครียดนั่นเองนะฮะโอหยอดเยี่ยมเลยถ้างั้น
00:27:13 → 00:27:16 ความเครียดเนี่ยถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัย
00:27:16 → 00:27:18 สำคัญที่นำไปสู่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ
00:27:18 → 00:27:22 ต่างๆได้ค่ะมากมายจริงๆขอขอความรู้จากคุณ
00:27:22 → 00:27:27 หมอนะคะมีวิธีที่จะสังเกตแล้วก็เอ่อยังไง
00:27:27 → 00:27:30 คะรู้เรื่องของหัวใจของเราอย่างคุณหมอบอก
00:27:30 → 00:27:33 ด้านซ้ายด้านขวาเมื่อรู้สึกมีการทำงานของ
00:27:33 → 00:27:36 หัวใจไม่ปกติค่ะคุณหมอคะอืืครับอายุซัก
00:27:36 → 00:27:39 ประมาณ 3 แล้วก็จำเป็นรวมๆกันในเรื่องของ
00:27:39 → 00:27:41 ภาวะหัวใจล้มเหลวก็คืออาการอย่างที่หมอ
00:27:41 → 00:27:44 แจ้งค่ะก็คือถ้ารู้สึกว่าเราเหนื่อยง่าย
00:27:44 → 00:27:48 ขึ้นเดิมเนี่ยเราเคยทำกิจกรรมแบบนี้ได้
00:27:48 → 00:27:51 แต่ว่าทำได้ลดลงนะคะหรือว่าพอเราหลับไป
00:27:51 → 00:27:54 และช่วงกลางคืนเรารู้สึกว่านอนลาบแล้วมัน
00:27:54 → 00:27:57 แน่นมันเหนื่อยต้องลุกขึ้นมานั่งหรือว่า
00:27:57 → 00:28:01 ต้องนอนนอนหมอนสูงนะคะหรือตรวจเจอว่าเรา
00:28:01 → 00:28:06 กดบุ๋มบริเวณที่เท้าตรงหน้าขานะคะถ้าเป็น
00:28:06 → 00:28:09 ลักษณะนั้นนะคะก็จะสงสัยว่าเราอาจจะเกิด
00:28:09 → 00:28:15 มีภาวะตัวเอ่อหัวใจที่ทำงานผิดปกติก็จะ
00:28:15 → 00:28:18 แนะนำให้มาตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อวินิจฉัย
00:28:18 → 00:28:21 อีกทีนึงคือคำศัพท์ของภาษาไทยกับคำศัพท์
00:28:21 → 00:28:24 ของการแพทย์เนี่ยค่ะมันจะสับสนกันมากเลย
00:28:24 → 00:28:29 ชาวะหัวใจวายใจล้มเหวเออๆมันดูง่ายๆนะจะ
00:28:29 → 00:28:33 ล้มเหลวเป็นอันที่คือต่อให้อยู่ในสมาคม
00:28:33 → 00:28:36 ลูกหัวใจจริงๆก็คือมันก็เป็นศัพท์ที่ยัง
00:28:36 → 00:28:39 ถกเถียงกันอยู่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยจะใช้คำ
00:28:39 → 00:28:43 ว่าอะไรที่มันจะเหมาะสมนะคะเพราะว่ามัน
00:28:43 → 00:28:46 มันจะพูดยากมากว่าอันนี้คืออะไรแต่ว่าถ้า
00:28:46 → 00:28:49 เป็นภาวะหัวใจล้มเหลวถ้าตรงกับสัพท์ภาษา
00:28:49 → 00:28:51 อังกฤษทางการแพทย์ก็คือ Heart faia
00:28:51 → 00:28:53 อันเนี้ยค่ะก็จะเรียกว่าเป็นภาวะหัวใจล้ม
00:28:53 → 00:28:57 เหลวซึ่งก็จากคำว่าเป็นภาวะก็คือแปลว่า
00:28:57 → 00:28:59 มันมีโรคหลายอันไม่ใช่มีแค่สาเหตุเดียว
00:28:59 → 00:29:03 ค่ะอ๋อแต่ไม่ใช่ Heart อทคนี่คือมันจะอีก
00:29:03 → 00:29:06 แบบนึงใช่่มั้ยครับคุณหมอครับปกติแล้วถ้า
00:29:06 → 00:29:09 คำว่า Heart แทคอ่ะค่ะก็คือมักจะเกิดจาก
00:29:09 → 00:29:12 พวกกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพันธหรือ
00:29:12 → 00:29:15 ภาวะหัวใจเต้นพริ้วหรือเต้นผิดปกติอย่าง
00:29:15 → 00:29:20 รุนแรงเฉียบพันอือันนั้นจะเป็นอีกโรคนึง
00:29:20 → 00:29:24 ค่ะก็คือโรคแบบนั้นพอเป็นแล้วสมมุติว่า
00:29:24 → 00:29:28 เราสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ก็จะมีคความ
00:29:28 → 00:29:30 เสี่ยงที่เราจะเกิดภาวะต่อไปก็คือภาวะหัว
00:29:31 → 00:29:33 ใจล้มเหลวค่ะเพราะว่าเมื่อก้านหัวใจบีบ
00:29:33 → 00:29:36 ตัวผิดปกติแล้วก็จะเกิดน้ำท่วมปอดเกิด
00:29:36 → 00:29:39 ภาวะหัวใจล้มเหลวขึ้นมาค่ะ
00:29:39 → 00:29:42 โหคือถ้าในทางการแพทย์เนี่ยก็คือยังยังมี
00:29:42 → 00:29:45 ข้อถกเถียงกันอยู่เนี่ยเราที่ถ้าเป็นคน
00:29:45 → 00:29:48 ปกติทั่วไปถ้าอาจจะใช้ผิดบ้างถูกบ้างก็ก็
00:29:48 → 00:29:53 ถือว่าพอจะให้อภัยกันได้คุณหมอเพช้เหเพ
00:29:53 → 00:29:56 ฟังดูเบาขนาขนาดเวลาแบบอันนี้คือเหมาะ
00:29:56 → 00:30:00 เวลาหมออ่าตอบเฟกนิวส์หรือว่าให้สัมภาษณ์
00:30:00 → 00:30:03 อย่างเงี้ยค่ะหมอก็ยังต้องเปิดดูทุกครั้ง
00:30:03 → 00:30:06 ว่าตกลงว่าวันนี้ที่จำสัมภาษณ์เนี่ยค่ะ
00:30:06 → 00:30:09 เราจะพูดในเรื่องของเรื่องอะไรดีที่จะให้
00:30:10 → 00:30:13 คนทั่วไปเข้าใจว่าเอ่ออันนี้คือภาวะหัวใจ
00:30:13 → 00:30:16 ล้มเหลวนะคะอันนี้คือภาวะ Heart อทคหัวใจ
00:30:16 → 00:30:20 ไวเฉียบพันธเพราะว่าจริงๆแล้วโรคอ่ะค่ะ
00:30:20 → 00:30:23 มันเหมือนกับว่ามันเป็นแตกกับไข่อ่ะค่ะ
00:30:23 → 00:30:25 มันเป็นอันที่เชื่อมโยงกันมันไม่มันเป็น
00:30:26 → 00:30:29 อันอันนึงที่ทำให้เกิดอีกอันนึง
00:30:29 → 00:30:33 อืนั้นก็คือจริงๆแล้วถ้าถามว่าเรียกผิดใน
00:30:33 → 00:30:36 ส่วนตัวไม่ไม่ไม่ไม่ได้มีความรู้สึกว่ามี
00:30:36 → 00:30:39 ปัญหาอะไรค่ะแต่ก็คือแค่อยากให้เข้าใจว่า
00:30:39 → 00:30:42 มันแตกต่างกันก็คือน้ำท่วมปอดเนี่ยสนว่าก
00:30:42 → 00:30:45 มันมักจะมีอาการมาช่วงนึงก่อนแล้วถึงจะ
00:30:45 → 00:30:48 เสียชีวิตแต่ถ้าเกิดว่าหัวใจวายเฉียบพัน
00:30:48 → 00:30:51 เนี่ยมันจะเป็นลักษณะของ Heart อทคก็คือ
00:30:51 → 00:30:54 มักจะเสียชีวิตทันทีที่เกิดเรื่องเสียบ
00:30:54 → 00:30:56 พลัมากๆเลยแต่ล้มเหลวเนี่ยมันมองดูว่ามัน
00:30:56 → 00:31:00 มีอาการเตือนมีอการเหนื่อยอืใช่ค่ะล้ม
00:31:00 → 00:31:04 เหลวมันจะมักมีช่วงภาวะสักพักนึงก่อนนะคะ
00:31:04 → 00:31:07 ภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดเฉียบพันมากๆจริง
00:31:07 → 00:31:10 ๆมันก็คือมาจากภาวะ Heart แทคนี่แหละค่ะ
00:31:11 → 00:31:14 อื Heart แทคมาก่อนเช่นพอเป็นหัวใจเต้น
00:31:14 → 00:31:16 พริ้วหัวใจมันก็เลือกบีบเลือดไม่ได้ตาม
00:31:16 → 00:31:19 ที่ต้องการก็จะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวตามมา
00:31:19 → 00:31:22 แล้วก็ทำให้เกิดภาวะหัวใที่เสียชีวิตคือ
00:31:22 → 00:31:25 ที่คุณหมอบอกว่าหัวใจล้มเหลวเนี่ยที่มี
00:31:25 → 00:31:28 ภาวะอาการเตือนอยู่เนี่ยนะฮะคุณหมอครับ
00:31:28 → 00:31:31 มันจะมีช่วงเค้าเรียกว่าช่วงช่วงเวลาที่
00:31:31 → 00:31:35 จะต้องรีบไปหาคุณหมอเพื่อทำการรักษาภายใน
00:31:35 → 00:31:38 ระยะเวลากันกี่มากน้อยคุณหมอ
00:31:38 → 00:31:42 ครับคือจริงๆแล้วถ้าเริ่มมีอาการผิดปกติ
00:31:42 → 00:31:46 อ่ะค่ะก็น่าจะเริ่มไปหาเลยเพราะว่าถ้า
00:31:46 → 00:31:49 อาการผิดปกตินั้นน่ะมันยังเป็นน้อยเรา
00:31:49 → 00:31:52 สามารถให้ยากลับบ้านไปกินได้แต่ถ้าเกิด
00:31:52 → 00:31:56 ว่าอาการผิดปกตินั้นน่ะค่ะมันเป็นเยอะจน
00:31:56 → 00:31:59 ขนาดที่เรามีโอกาสมีความเสี่ยงที่ต้องให้
00:31:59 → 00:32:02 ออกซิเจนหรือไซทชวยหายใจมีออกซิเจนใน
00:32:02 → 00:32:05 เลือดที่ต่ำลงไปเยอะและเพราวการทำงานของ
00:32:05 → 00:32:08 ตัวหัวใจและปอดทำงานได้ผิดปกติแล้วเนี่ย
00:32:08 → 00:32:11 ยังไงก็ต้อง admit นะคะก็คือต้องนอนโรง
00:32:11 → 00:32:14 พยาบาลซึ่งแน่นอนการนอนโรงจาก Admission
00:32:14 → 00:32:17 กับเรื่องของซียมีการศึกษาแล้วว่า
00:32:17 → 00:32:19 สัมพันธ์กับอาการที่จะเสียชีวิตเพิ่มมาก
00:32:19 → 00:32:23 ขึ้นทุกครั้งที่ต้อง admit ด้วยารเซียก็
00:32:23 → 00:32:25 จะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพิ่มมาก
00:32:25 → 00:32:28 ขึ้นเรื่อยๆค่ะฉะนั้นในปัจจุบันันการให้
00:32:28 → 00:32:32 ยาหรือว่ารักษาทางยาก็จะมีการใช้ตัวการ
00:32:32 → 00:32:35 Admission เนี่ยแหละค่ะเป็นการเป็นตัว
00:32:35 → 00:32:38 ชี้วัดตัวนึงที่บอกว่าคนไข้คนนั้นเนี่ยมี
00:32:38 → 00:32:40 โอกาสเสียชีวิตเยอะมากขึ้นยาตัวนี้มี
00:32:40 → 00:32:43 ประโยชน์หรือเปล่าถ้าลด Admission ได้ก็
00:32:43 → 00:32:45 ทำให้บอกว่ามีโอกาสที่จะลดการเสียชีวิต
00:32:45 → 00:32:48 ตามมาได้ด้วยเช่นเดียวกันอืเอ่อช่วงท้า
00:32:48 → 00:32:50 เนี่อยากให้คุณหมอช่วยย้ำอีกสักนิดนึงได้
00:32:50 → 00:32:52 มครับว่าเรื่องของภาวะหวใจล้มเหลวเนี่ย
00:32:52 → 00:32:56 สัญญาณเตือนสัญญาณอันตรายที่มันบ่งบอกว่า
00:32:56 → 00:32:59 เราไม่ควรจะจะต้องอยู่นิ่งเฉยควรจะต้องไป
00:32:59 → 00:33:02 พบแพทย์และมีอะไรบ้างอีกครั้งนึงครับคุณ
00:33:02 → 00:33:06 หมอครับรบกวนด้วยครับค่ะก็ผู้ป่วยที่มี
00:33:06 → 00:33:08 ภาวะหัวใจล้มเหลวนะคะจะเริ่มมีอาการ
00:33:08 → 00:33:12 เหนื่อยง่ายเวลาออกแรงแล้วอาการก็จะเพิ่ม
00:33:12 → 00:33:15 มากขึ้นเรื่อยๆนะคะจนในที่สุดเนี่ยก็จะ
00:33:15 → 00:33:19 เริ่มเหนื่อยเมื่ออยู่เฉยๆนะคะแล้วก็ใน
00:33:19 → 00:33:22 กลุ่มนี้เนี่ยจะสังเกตเลยว่าเวลานอนราบ
00:33:22 → 00:33:24 เนี่ยก็จะเหนื่อยมากขึ้นเหมือนกับหายใจ
00:33:24 → 00:33:28 ไม่ออกเหมือนมีอาการแน่นนะคะต้องรู้ขึ้น
00:33:28 → 00:33:31 มานั่งนะคะหลายรายด้วยกันก็จะมีปัญหา
00:33:31 → 00:33:34 เรื่องของการบวมกดบุ๋มที่บริเวณหน้าขา
00:33:34 → 00:33:37 หรือว่าหลังเท้านะคะในบางรายก็จะมีอาการ
00:33:38 → 00:33:41 ท้องโตท้องแน่นซึ่งเกิดจากภาวะคั่งของน้ำ
00:33:41 → 00:33:44 และเลือดในตับนะคะก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ
00:33:44 → 00:33:48 ตับโตมีเจ็บกดเจ็บมีน้ำในช่องท้องหรือบาง
00:33:48 → 00:33:51 รายเนี่ยอาการไม่ชัดเจนลักษณะของอาการมี
00:33:51 → 00:33:53 แค่อ่อนเพียเพราะว่าเลือดเนี่ยไปเลี้ยง
00:33:53 → 00:33:57 ต่างๆในร่างกายไม่เพียงพอเมื่อถ้าเกิดว่า
00:33:57 → 00:34:00 มีอาการดังกล่าวนะคะก็แนะนำให้ไปโรง
00:34:00 → 00:34:03 พยาบาลเพื่อให้คุณหมอได้ทำการซักประวัติ
00:34:03 → 00:34:06 ตรวจร่างกายแล้วก็ทำการสืบค้นเบื้องต้นนะ
00:34:06 → 00:34:08 คะที่เราทำในปัจจุบันก็จะเป็นการตรวจ
00:34:09 → 00:34:11 คลื้นได้ฟ้าหัวใจหรือที่เรียกว่า ekg
00:34:11 → 00:34:15 แล้วก็ตรวจอัตซาวหัวใจเอคคาดิโอแกรมเพื่อ
00:34:15 → 00:34:18 ดูในลักษณะว่าตัวหัวใจเองบีบตัวผิดปกติม
00:34:18 → 00:34:21 มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้ม
00:34:21 → 00:34:24 เหลวนะคะแล้วก็จะนำไปสู่การหาสาเหตุ
00:34:24 → 00:34:27 วินิจฉัยประเมินความรุนแรงแล้วก็จ่ายยา
00:34:27 → 00:34:30 ที่สมกับผู้ป่วยต่อไปค่ะอืเราสามารถที่จะ
00:34:30 → 00:34:33 หายจากอาการของเอ่อเริ่มต้นของการที่แบบ
00:34:34 → 00:34:37 ว่าหัวจะเอ่ออาการเหนื่อยเอ่ออย่างที่คุณ
00:34:37 → 00:34:40 หมอบอกเมื่อกี้นี้ถ้าเราได้รับยาแล้วก็
00:34:40 → 00:34:42 อาจจะออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ก้ามให้หัว
00:34:42 → 00:34:46 ใจแข็งแรงขึ้นเราหายขาดได้มั้ยคะคุณ
00:34:46 → 00:34:51 หมอคำว่าหายขาดที่แปลว่าไม่ต้องกินยาเลย
00:34:51 → 00:34:54 ตลอดชีวิตอาจจะไม่ได้ขนาดนั้นนะคะแต่คำ
00:34:54 → 00:34:58 ว่าอาการดีขึ้นหมายถึงว่ากลับไปใช้ชีวิต
00:34:58 → 00:35:01 ได้ปกติมีแน่นอนค่ะถ้าเกิดว่ายังไม่ได้
00:35:01 → 00:35:04 อยู่ในช่วงที่รุนแรงมากก็คือหลังจากที่
00:35:04 → 00:35:07 เราดูแลตัวเองนะคะปฏิบัติตัวให้ถูกต้องลด
00:35:07 → 00:35:12 การกินอาหารเค็มลดโซเดียมนะคะแล้วก็กินยา
00:35:12 → 00:35:16 สม่ำเสมอรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ถ้าอ้วน
00:35:16 → 00:35:18 อยู่ลดความอ้วนสูบบุหรี่หยิบสูบบุหรี่
00:35:18 → 00:35:22 หยิบดื่มเหล้านะคะดังกล่าวเนี่ยก็จะทำให้
00:35:22 → 00:35:25 เราสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติมีคนไข้จำนวน
00:35:25 → 00:35:28 มากที่ต้องแอดมิด้วยเรื่องของภาวะหัวใจ
00:35:28 → 00:35:31 ล้มเหลวแต่หลังจากที่เขากลับมาปฏิบัติตัว
00:35:31 → 00:35:35 ดีกินยาตามที่แนะนำอ่ะค่ะก็สามารถที่จะ
00:35:35 → 00:35:40 กลับไปใช้ชีวิตทำงานได้ปกติค่ะอือืเริ่ม
00:35:40 → 00:35:42 ต้นคอยสังเกตคอยสังเกตใช่เรื่องของการ
00:35:42 → 00:35:46 ตรวจสุขภาพประจำปีเถือว่ามีมีส่วนช่วยทำ
00:35:46 → 00:35:50 ให้เราทราบสัญญาณที่มันอาจจะเกิดขึ้นใน
00:35:50 → 00:35:53 อนาคตข้างหน้าได้ได้มากน้อยขนาดไหนคุณหมอ
00:35:53 → 00:35:57 ฮะส่วนตัวแนะนำให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี
00:35:57 → 00:36:00 นะคะก็โดยเฉพาะก็คือในปัจจุบันน่าจะมี
00:36:00 → 00:36:03 ทั้งสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า uc ทั้ง
00:36:03 → 00:36:06 ประกันสังคมอนุญาตให้มีการตรวจร่างกาย
00:36:06 → 00:36:08 ประจำปีที่เป็นลักษณะของเช็ค up ให้อยู่
00:36:08 → 00:36:11 แล้วนะคะก็ขึ้นอยู่กับสิทธิ์ไหนอ่ายินดี
00:36:11 → 00:36:14 ให้ตรวจอะไรบ้างการที่เราเช็คอัพเนี่ยเรา
00:36:14 → 00:36:17 ก็จะรู้ถึงความเสี่ยงเช่นถ้าเกิดว่าเรา
00:36:17 → 00:36:19 ไม่เคยตรวจเลยเราก็ไม่เคยรู้นะนว่าเรามี
00:36:19 → 00:36:22 เบาหวานหรือเปล่าความดันสูงมไขมันในเลือด
00:36:22 → 00:36:25 สูงหรือเปล่าซึ่งสาเหตุดังกล่าวเนี่ยค่ะ
00:36:25 → 00:36:29 ตอนแรกสุดเลยมันไม่มีอาการให้เรานินอนใจ
00:36:29 → 00:36:32 แต่ถ้าเราตวจเริ่มรักาตั้งแต่แรกก็จะทำ
00:36:32 → 00:36:35 ให้ป้องกันการเกิดโรคหัวใจในอนาคได้ค่ะ
00:36:35 → 00:36:38 ดังนั้นก็เลยแนะนำให้มีการตรวจเช็ค up นะ
00:36:38 → 00:36:41 คะก็ในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
00:36:41 → 00:36:44 เนี่ยหรือในคนไข้ที่มีประวัติครอบครัว
00:36:44 → 00:36:47 เป็นเส้นหัวใจปีหรือรูหัวใจที่ชวิตไม่
00:36:47 → 00:36:49 ทราบสาเหตุเนี่ยก็อาจจะต้องตรวจเร็วหน่อย
00:36:49 → 00:36:52 จะสัก 35 ปีขึ้นไปนะคะเพื่อดูว่าเรามี
00:36:52 → 00:36:55 กลุ่มความเสี่งตรงไหนที่มันเสี่งสูงหรือ
00:36:55 → 00:36:57 เปล่าเพื่อที่จะได้ประเมินป้องกันแล้วก็
00:36:57 → 00:37:02 รักษาต่อเนื่องไปค่ะโอ 35 ปีก็ก็ควรจะ
00:37:02 → 00:37:05 ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการสสวจ
00:37:05 → 00:37:06 สุขภาพประจำปีแล้วนะเพราเดี๋ยวนี้คนเรา
00:37:06 → 00:37:08 อาจจะมีความเครียดเพิ่มเติมแล้วใช่เรื่
00:37:08 → 00:37:10 ของอาหารการกินด้วยใช่เหมือนที่คุณหมอบอก
00:37:10 → 00:37:12 ให้รสโซเดียมเนี่ยคือโซเดียมเนี่ยมันมัน
00:37:12 → 00:37:15 มาจากทุกทิศทุกทานจริงๆนะอาหารการกินของ
00:37:15 → 00:37:17 เราเนี่ยอาหารแปรรูปอาหารที่ปรุงกันใหม่ๆ
00:37:17 → 00:37:20 ก็แแต่เครื่องดื่มหวานมันเค็มนี่แหละอมาก
00:37:20 → 00:37:23 มายจริงๆนะครับก็วันนี้ก็ได้ความรู้เยอะ
00:37:23 → 00:37:24 จริงๆนะครับเกี่ยวกับเรื่องของภาวะหัวใจ
00:37:24 → 00:37:27 ล้มเหลวลงทคุณหมอก็มายืนยันว่าเรื่องที่
00:37:27 → 00:37:30 แชร์กันเนี่ยอย่าแชร์ต่อนะ
00:37:30 → 00:37:32 ครับต้องไปเชื่อด้วยนะครับวันนี้ต้องขอ
00:37:33 → 00:37:34 ขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับที่มาให้ความ
00:37:35 → 00:37:36 รู้กับเราในค่ำคืนวันนี้นะครับคุณหมอครับ
00:37:36 → 00:37:39 ขอบพระคุณมากๆนะครับขอบินดีค่ะขอบคุณมาก
00:37:39 → 00:37:41 ค่ะครับขอบพระคุณครับสวัสดีครับคุณหมอ
00:37:41 → 00:37:44 ชนิกาคณาเดิมนะครับนายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
00:37:45 → 00:37:48 ด้านเวชกรรมสาขาอายุรกรรมจากสถาบันโรค
00:37:48 → 00:37:54 ทรวงอกกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขนะครับ
00:00:00 → 00:00:02 คุณหมอก่อนที่เราจะไปเข้าที่เรื่องของการ
00:00:02 → 00:00:05 ดื่มน้ำเปล่าเนี่ยที่ถูกส่งต่อกันเยอะแยะ
00:00:05 → 00:00:08 มากมายเี่นะฮะว่ามันช่วยเรื่องของอาการ
00:00:08 → 00:00:12 หัวใจล้มเหลวถามคุณหมอก่อนเลยว่าภาวะหัว
00:00:12 → 00:00:16 ใจล้มเหลวคุณหมอครับเอ่อมันมันเกิดขึ้น
00:00:16 → 00:00:19 ได้ยังไงมันมันน่ากลัวขนาดไหนครับถ้าใน
00:00:19 → 00:00:22 ยุคปัจจุบันเนี่ยฮะคุณหมอฮะ
00:00:22 → 00:00:25 ก็อจริงๆแล้วภาวะหัวใจล้มเหลวอ่ะค่ะก็คือ
00:00:25 → 00:00:29 ตามชื่อของมันมันคือเป็นภาวะความผิดปกติ
00:00:29 → 00:00:32 ของการทำงานของหัวใจนะคะก็จะทำให้ร่างกาย
00:00:32 → 00:00:35 เนี่ยไม่สามารถสูบฉิเลือดไปเลี้ยงเนื้อ
00:00:35 → 00:00:37 เยื่อแล้วก็อวัยวะต่างๆของร่างกายได้
00:00:37 → 00:00:40 อย่างเพียงพอต่อความต้องการแล้วก็มันก็จะ
00:00:40 → 00:00:43 แบ่งไปเป็น 2 อย่างก็คือเป็นแบบเรื้อรัง
00:00:43 → 00:00:46 แล้วก็เป็นแบบเฉียบพันธุถ้าเป็นในศัพท์
00:00:46 → 00:00:49 ภาษาอังกฤษก็น่าจะเป็นตรงกับคำว่าซียซึ่ง
00:00:49 → 00:00:52 ก็จะแบ่งเป็นลักษณะของอคิที่แปลว่าเฉียบ
00:00:53 → 00:00:56 พันธแล้วก็โคนิที่แปลว่าเรื้อรังนะคะซึ่ง
00:00:56 → 00:01:00 สาเหตุของการเกิดภวะหัวใจล้มเหลวเนี่ยมัน
00:01:00 → 00:01:02 นี้ได้หลายอย่างค่ะแต่ว่าหลักๆก็คือเป็น
00:01:02 → 00:01:06 ความผิดปกติอันแรกก็เอาจจะเกิดจากความผิด
00:01:06 → 00:01:09 ปกติของโครงสร้างของการทำงานของหัวใจนะคะ
00:01:09 → 00:01:12 เช่นอาจจะเคยได้ยินว่ามีลิ้นหัวใจรั่ว
00:01:12 → 00:01:15 หรือลิ้นหัวใจตีบที่เป็นอย่างรุนแรงพวก
00:01:15 → 00:01:19 นี้ก็จะทำให้เกิดมีภาวะหัวใจล้มเหลวมีหาย
00:01:19 → 00:01:22 ใจลำบากเหนื่อยเพลียบวมเพราะว่ามีน้ำและ
00:01:22 → 00:01:26 เกลือขั่งในร่างกายหรือว่าจะเป็นจากตัว
00:01:26 → 00:01:29 โรคของหลอเลือดหัวใจนะคะจากคนไข้ที่มี
00:01:29 → 00:01:33 ความดันโลหิตสูงที่สูงมากๆในคนไข้ที่มี
00:01:33 → 00:01:36 หัวใจพิการแตกกำเนิดหรือว่าโรคลิ้นหัวใจ
00:01:36 → 00:01:39 รูมาติกซึ่งเราก็จะอาจจะเคยได้ยินชื่อกัน
00:01:39 → 00:01:42 มาบ้างค่ะอืสถานการณ์ปัจจุบันครับคุณหมอ
00:01:42 → 00:01:46 ครับเรื่องของภาวะหัวใจล้มเหลวเนี่ยทั้ง 2
00:01:46 → 00:01:50 รูปแบบที่ว่าเนี่ยถือว่าคนไทยประสบปัญหา
00:01:50 → 00:01:52 กันเยอะมั้ยครับคุณหมอครับ
00:01:52 → 00:01:57 ค่ะหมายถึงว่าเอ่อในคนไทยเจอหัวใจล้มเหลว
00:01:57 → 00:02:00 กี่ประเทศใช่มั้ยคะหรือว่ายังไงนะคะครับ
00:02:00 → 00:02:02 ประมาณนั้นคุณหมอปัญหาเนี่ยมีปัญหาเกี่ยว
00:02:02 → 00:02:04 กับเรื่องของหัวใจล่มเหลวเนี่ยเยอะมั้ย
00:02:04 → 00:02:08 ครับคุณหมอครับในปัจจุบันน่ะฮะก็ภาวะหัว
00:02:08 → 00:02:11 ใจล้มเหลวในประเทศไทยนะคะโอ้โหนี่เป็นข้อ
00:02:11 → 00:02:15 มูลที่ลึกมากเลยปกติแล้วต้องบอกอย่างงี้
00:02:15 → 00:02:18 ก่อนค่ะว่าไอ้ภาวะหัวใจลุ้มเหลวเนี่ยมัน
00:02:18 → 00:02:21 จะแบ่งเป็น 2 แบบก็คือแบบที่หัวใจบีบตัว
00:02:21 → 00:02:24 ได้น้อยกับหัวใจบีบตัวปกติแต่ว่าก็ยังมี
00:02:25 → 00:02:27 ปัญหาเรื่องของตัวอาการนะคะซึ่ง
00:02:28 → 00:02:30 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเนี่ยมันคือขึ้นอยู่
00:02:30 → 00:02:33 กับตัวโรคอ่ะค่ะเช่นว่าเอ่อถ้าเป็นในผู้
00:02:33 → 00:02:37 สูงอายุอย่างเงี้ยค่ะก็จะเจอได้
00:02:37 → 00:02:40 เปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าในคนไข้ที่อายุน้อย
00:02:40 → 00:02:43 สำหรับกลุ่มของคนไข้ที่มีหัวใจล้มเหลวหัว
00:02:43 → 00:02:46 ใจวายแต่ถ้าถามว่าขนาดกี่เปอร์เซ็นต์นี่
00:02:46 → 00:02:48 หมไม่กล้าตอบเดี๋ยวมันจะเป็นตัวเลขที่ไม่
00:02:48 → 00:02:52 ถูกต้องอ่ะค่ะออืเพราะว่าผมเห็นข่าวคราว
00:02:52 → 00:02:56 หลายหลายช่วงเวลาที่ผ่านมาเนี่ยคือคนที่
00:02:56 → 00:02:59 รู้จักคนที่เห็นตามหน้าข่าวอะไรเงี้ยมัน
00:02:59 → 00:03:02 ประสบปัญหาเรื่องของภาวะหัวใจล้มเหลวกัน
00:03:02 → 00:03:04 คือค่อนข้างที่จะบ่อยค่อนข้างที่จะเยอะ
00:03:04 → 00:03:07 อ่ะคุณหมอครับเลยใช้สับรวมกันไปหรือเปล่า
00:03:07 → 00:03:10 นะคะคำว่าหัวใจล้มเหลวอ่ะค่ะคุณหมอคะเออ
00:03:10 → 00:03:14 คือภาวะหัวใจล้มเหลวถ้าเป็นในกการแพทย์
00:03:14 → 00:03:17 จริงๆเราจะใช้คำว่าสำหรับในคนไข้ที่เป็น
00:03:17 → 00:03:20 ภาวะหัวใจวายอ่ะค่ะซึ่งหัวใจวายก็คือการ
00:03:20 → 00:03:23 บีบตัวที่หมอบอกว่าส่งเลือดไปเลี้ยงตาม
00:03:24 → 00:03:27 บริเวณต่างๆของร่างกายอ่ะค่ะเอ่อไม่ทั่ว
00:03:27 → 00:03:30 ถึงอ่ะอันนี้หมอหาข้อมูลมาให้แล้วนะคะบอก
00:03:30 → 00:03:33 ว่าในประเทศไทยเนี่ยเอ่อยังไม่มีข้อมูล
00:03:33 → 00:03:38 ที่เป็นการลงข้อมูลที่ชัดเจนแต่จริงๆเรา
00:03:38 → 00:03:41 มีการพยายามทำแล้วก็คือมีการศึกษาชื่อว่า
00:03:41 → 00:03:44 Thai at here regist อ่ะค่ะซึ่งก็คือ
00:03:44 → 00:03:48 ข้อมูลเนี่ยก็จะเจอว่าเ่อบอกว่าเป็นอยู่
00:03:48 → 00:03:54 ถึง 1-2 แล้วก็มีโอกาสเสียชีวิต 5-7 นะคะ
00:03:54 → 00:03:56 แล้วก็มีโอกาสการ Admission ในโรงพยาบาล
00:03:56 → 00:03:59 การนอนโโรงพยาบาลที่ค่อนข้างเยอะอันนี้
00:03:59 → 00:04:02 เป็นจากเอ่อของ
00:04:02 → 00:04:06 สมาคมภาวะที่ดูแลเรื่องของภาวะหัวใจล้ม
00:04:06 → 00:04:10 เหลวอ่ะค่ะตามารฟไลนของประเทศไทยอืครับ
00:04:10 → 00:04:13 คุณหมอครับเรื่องของเอ่อภาวะหัวใจล้มเหลว
00:04:13 → 00:04:15 เนี่ยทั้งทั้ง 2 รูปแบบเนี่ยทั้งเรื่อง
00:04:15 → 00:04:18 ของเฉียบพลันทั้งเรื้อรังเนี่ยนะฮะส่วน
00:04:18 → 00:04:20 ใหญ่เนี่ยมักจะเกิดขึ้นในกลุ่มคนอายุตั้ง
00:04:20 → 00:04:23 แต่มันมีช่วงอายุที่มักจะเจอบ่อยมั้ยครับ
00:04:23 → 00:04:25 หรือว่ามันจะมีสัญญาณกันตั้งแต่ช่วงอายุ
00:04:25 → 00:04:28 ประมาณไหนครับคุณหมอครับจริงๆมันต้องขึ้น
00:04:28 → 00:04:30 อยู่กับสาเหตุค่ะอย่างที่ที่แจ้งว่าภาวะ
00:04:30 → 00:04:33 หัวใจล้มเหลวมันคือภาวะฉะนั้นมันเหมือน
00:04:33 → 00:04:36 กับว่าเป็นสุดทางของโรคอ่ะค่ะเช่นว่าในคน
00:04:36 → 00:04:40 ไข้ที่อายุน้อยก็อาจจะเอ่อมีสาเหตุมาจาก
00:04:40 → 00:04:44 ภาวะหัวใจพิการแตกกำเนิดหรือว่าเป็นภาวะ
00:04:44 → 00:04:46 ลิ้นหัวใจที่ผิดปกติเช่นลิ้นหัวใจรั่ว
00:04:46 → 00:04:49 รูมาติกก็อาจจะเจอได้ตั้งแต่ในช่วงที่
00:04:49 → 00:04:52 ก่อนอายุ 60 แต่ถ้าเกิดว่าภาวะหัวใจล้ม
00:04:52 → 00:04:55 เหลวนั้นมันเป็นจากภาวะกล้ามในหัวใจขาด
00:04:55 → 00:04:59 เลือดหรือว่าเป็นจากพวกลิ้นหัวใจติดเออติ
00:04:59 → 00:05:02 อย่างเงี้ยค่ะก็มจะเจอได้ในอายุเยอะ
00:05:02 → 00:05:05 ฉะนั้นก็คือถ้าถามว่าอายุเยอะจะเป็นมาก
00:05:05 → 00:05:08 กว่าอายุน้อย 100% มมันต้องขึ้นอยู่กับ
00:05:08 → 00:05:10 สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวค่ะ
00:05:10 → 00:05:12 แต่ภาวะหัวใจล้มเหลวทั้งหมดอ่ะค่ะมันจะ
00:05:12 → 00:05:15 แบ่งออกมาอาการที่ชัดๆก็จะเป็นทางด้าน
00:05:15 → 00:05:18 ซ้ายแล้วก็ด้านขวาถ้าเกิดว่าเป็นอาการของ
00:05:18 → 00:05:20 หัวใจล่มเร็วทางด้านซ้ายก็จะมีปัญหาใน
00:05:20 → 00:05:24 เรื่องของเหนื่อยหอบค่ะนอนลาบไม่ได้ในบาง
00:05:24 → 00:05:27 รายก็จะมีปัญหาเรื่องว่าตอนเ่าหลับไปะ
00:05:27 → 00:05:30 ช่วงหัวคำแต่ว่าต้องลุกขึ้นมานั่งหอละไอ
00:05:30 → 00:05:33 ช่วงกลางคืนเนื่องจากว่าน้ำจากบริเวณอ่า
00:05:33 → 00:05:37 ขาไหลกลับคืนกลับมาในหัวใจแล้วคราวนี้หัว
00:05:37 → 00:05:40 ใจพอบีบตัวไม่ทันก็จะทำให้มีน้ำคั่งในปอด
00:05:40 → 00:05:43 ก็จะต้องลุกขึ้นมาเหนื่อยไอกลางคืนอีก
00:05:43 → 00:05:46 อย่างนึงก็คือคนไข้จะทำอ่ากิจกรรมได้ลดลง
00:05:46 → 00:05:50 นะคะก็เช่นว่าเคยทำดขึ้นบันไดสะพานลอยไม่
00:05:50 → 00:05:52 เหนื่อยเลยแต่ว่าก็อาจจะได้ขึ้นไปครึ่ง
00:05:52 → 00:05:55 ทางแล้วก็เหนื่อยอันนี้สำหรับตัวโรคหัวใจ
00:05:55 → 00:05:59 ทางด้านซ้ายที่มีภาวะล้มเหลวจากการตรวจ
00:05:59 → 00:06:02 ร่างกายก็จะมีเสียงผิดปกติจากตรงภาวะปอด
00:06:02 → 00:06:04 ที่เวลาคุณหมอฟังเสียงของปอดแล้วบอกว่า
00:06:04 → 00:06:07 เออมีเสียงผิดปกติอันนั้นก็จะเอาวินิจฉัย
00:06:07 → 00:06:09 ในเรื่องของน้ำท่วมปอดได้นอกจากนั้นก็มี
00:06:09 → 00:06:12 การเจาะเลือดดูผลเลือดนะคะที่สามารถช่วย
00:06:12 → 00:06:16 วินิฉัยได้แล้วก็ถัดมาก็คือพูดถึงหัวใจ
00:06:16 → 00:06:19 ล้มเหลวพอหัวใจด้านซ้ายล้มเหลวมาเป็นระยะ
00:06:19 → 00:06:22 เวลาสักพักนึงมันก็จะส่งผลทำให้หัวใจด้าน
00:06:22 → 00:06:25 ขวาก็มีล้มเหลวได้ตามมาด้วยพวกนี้ก็จะ
00:06:25 → 00:06:30 เป็นภาวะที่บวมนะคะก็จะมีสขาบวมมีเส้น
00:06:30 → 00:06:33 เลือดที่คอโปร่งพองนะคะมีน้ำในช่องท้องมี
00:06:33 → 00:06:36 ตับโตอันนี้ก็จะเป็นลักษณะของหัวใจทาง
00:06:36 → 00:06:39 ช่องด้านขวาค่ะที่มีปัญหาเรื่องของหัวใจ
00:06:39 → 00:06:43 วายโอ้โหฟังดูแล้วมันมีหัวใจด้านซ้ายมัน
00:06:43 → 00:06:47 มีหัวใจด้านขวานะคุณหมอในในคนธรรมดาอย่าง
00:06:47 → 00:06:50 เราเนี่ยถึงกับอึ้งเลยทีเดียวนะคะไอ้การ
00:06:50 → 00:06:52 ลักษณะที่เรามองว่าหัวใจเนี่ยส่วนมากที่
00:06:52 → 00:06:54 เราเข้าใจกันเนี่ยมันอยู่ด้านซ้ายเวลาเรา
00:06:55 → 00:06:58 นอนเนี่ยหลับไปเนี่ยเอ่อก่อนนอนเนี่ยการ
00:06:58 → 00:07:01 ตะแคงซ้ายการตะแคงขวาเราก็จะไม่ให้ไปกด
00:07:01 → 00:07:05 ทับเรื่องของหัวใจเราถูกสอนกันมาว่าเอ้ย
00:07:05 → 00:07:07 เราอย่านอนตะแคงซ้ายนะเรามาหันขวาทีนี้
00:07:07 → 00:07:10 มันจะยังไงดีคะคุณหมอมันเกี่ยวอันนี้อัน
00:07:10 → 00:07:13 นี้ขอขอสอบถามเรื่องของลักษณะของหัวใจ
00:07:13 → 00:07:15 ซ้ายหัวใจขวาอย่างที่ที่คุณหมอได้กล่าว
00:07:15 → 00:07:19 ถึงเมื่อกี้มันสำพันธกับลักษณะทัไปอ่ะค่ะ
00:07:19 → 00:07:22 การนอนทับซ้ายหรือทับขวาอาจจะไม่ได้มีผล
00:07:22 → 00:07:25 ส่วนมากที่ทางการแพทย์จริงๆถ้าเกิดมีผล
00:07:25 → 00:07:27 ว่าอ่ะนอนทับข้างไหนแล้วจะมีปัญหาอันนั้น
00:07:27 → 00:07:30 น่าจะเป็นในคนท้องมากกว่าค่ะที่ถ้าเราทับ
00:07:30 → 00:07:33 เส้นเลือดใหญ่ที่ไปเลี้ยงรกเด็กก็จะได้
00:07:33 → 00:07:36 รับเลือดน้อยลงอันนั้นก็จะเป็นในคนในคน
00:07:36 → 00:07:38 ตั้งครรภ์ที่ตั้งครรภ์ในช่วงท้ายแต่ว่า
00:07:38 → 00:07:41 ถ้าเกิดว่าเป็นในคนทั่วๆไปอ่ะค่ะเอ่อการ
00:07:41 → 00:07:45 นอนหงายนอนตะแคงจริงๆก็คือไม่ไม่ทับตัว
00:07:45 → 00:07:48 หัวใจทำให้แฟทำมาของหัวใจผิดปกติอันนี้
00:07:48 → 00:07:50 นอนได้ตามความถนัดเลยค่ะเพียงแต่ว่าถ้าคน
00:07:50 → 00:07:53 ที่เริ่มมีภาวะหัวใจล้มเหลวแล้วเนี่ยการ
00:07:53 → 00:07:56 นอนราบจะทำให้เาเหนื่อยหายใจไม่สะดวก
00:07:56 → 00:07:58 เพิ่มมากขึึ้นคอกลับกลายเป็นนอนราบเนี่ย
00:07:58 → 00:08:01 เป็นความเอ่อเค้าเรียกว่าลักษณะของอาการ
00:08:01 → 00:08:04 ที่ไม่แนะนำสำหรับคนที่เป็นหัวใจล้มเหลว
00:08:04 → 00:08:10 อืหควรนอนตะแคงเหรอคะคุณหมอเอ่อจริงๆแล้ว
00:08:10 → 00:08:12 ก็คือนอนท่าไหนก็ได้ค่ะหมายถึงว่าเฉพาะใน
00:08:13 → 00:08:16 คนไข้ที่มีน้ำท่วมปอดแล้วการนอนหงายเนี่ย
00:08:16 → 00:08:19 จะทำให้คนไข้รู้สึกแย่ส่วนมากกลุ่มคนไข้
00:08:19 → 00:08:22 กลุ่มนี้ก็จะมีประวัติว่าต้องหุนหมอนสูง
00:08:22 → 00:08:26 หรือว่าต้องนั่งหลับอ่ะค่ะอืคุณหมอครับ
00:08:26 → 00:08:30 ไอ้เรื่องของภาวะเอ่อหัวใจล้มเหลวเครับ
00:08:30 → 00:08:34 คือมันมันดูแล้วมันเป็นเฉพาะตัวเนาะเออ
00:08:34 → 00:08:38 มันเราเราสามารถที่จะเข้าไปทำการรักษา
00:08:38 → 00:08:40 เพื่อที่จะให้อาการเนี่ยมันบรรเทาหรือว่า
00:08:40 → 00:08:43 มันจะหายได้ได้ได้บ้างมั้ยครับคุณปครับ
00:08:43 → 00:08:47 ค่ะแนวทางการรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวอ่ะนะ
00:08:47 → 00:08:50 คะก็คือต้องรักษาที่สาเหตุของมันถ้าเกิด
00:08:50 → 00:08:53 สาเหตุของมันยังรักษาได้อยู่แต่ถ้าเกิด
00:08:53 → 00:08:55 ว่ามันเป็นหัวใจร่วมเหลี่ยวเฉียบพันธุเรา
00:08:55 → 00:08:59 ก็จะมีการให้ยาที่เราเ่อเจอกันเยอะเๆเลย
00:08:59 → 00:09:01 ื่อเวลาไปโรงพยาบาลก็คือให้ยากลุ่มยาขับ
00:09:01 → 00:09:04 ปัสสาวะกลุ่มยาขับปัสสาวะอ่ะค่ะก็จะช่วย
00:09:04 → 00:09:08 ทำให้ขับน้ำขับเกลือออกจากร่างกายทำให้
00:09:08 → 00:09:12 พวกภาวะอาการหอบเหนื่อยแน่นหน้าอกขาบวม
00:09:12 → 00:09:15 อ่อฟังเสียงมีเสียงกรอบแดที่ชายปอดหรือ
00:09:15 → 00:09:18 ว่าตับโตเนี่ยมันจะทุเราลงแต่ว่าถ้าเรา
00:09:18 → 00:09:21 รักษาแค่ตรงนั้นมันก็เหมือนกับรักษาแค่
00:09:21 → 00:09:24 ชั่วคราวค่ะเราก็ต้องหาวิธีการรักษาว่า
00:09:24 → 00:09:27 มันเกิดจากสาเหตุอะไรนอกจากนั้นแล้วยา
00:09:27 → 00:09:30 กลุ่มนี้พอหลังจากที่รักษาผู้ปวยอาการดี
00:09:30 → 00:09:34 ขึ้นก็จะยังมียาอีกเอ่อหลายกลุ่มที่จะ
00:09:34 → 00:09:38 ช่วยทำให้ตัวอาการของคนไข้อ่ะค่ะทุเราลง
00:09:38 → 00:09:41 ลดโอกาสการนอนโรงพยาบาลแล้วก็ลดอัตราการ
00:09:41 → 00:09:45 เสียชีวิตค่ะรวมไปถึงถ้าเกิดในคนไข้ที่มี
00:09:45 → 00:09:48 เรื่องของหัวใจที่บีบตัวผิดปกติแล้วนะคะ
00:09:48 → 00:09:51 แล้วก็มีภาวะหัวใจวายแล้วก็จะมีพูดถึง
00:09:51 → 00:09:53 เรื่องการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
00:09:53 → 00:09:55 อิเล็กทรอนิกส์หรือว่าเครื่องกระตุ้นไฟ
00:09:55 → 00:09:58 ฟ้าหัวใจที่เรียกว่า crt อ่ะค่ะพวกนี้ก็
00:09:58 → 00:10:00 จะเป็นการที่ทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น
00:10:00 → 00:10:04 เพิ่มการดิดตัวของหัวใจที่ดีขึ้นอถ้าเรา
00:10:04 → 00:10:07 เจอสาเหตุและว่ามันเป็นสาเหตุจากโรคลิ้น
00:10:07 → 00:10:11 หัวใจตีบลิ้นหัวใจรั่วการผ่าดตัดนะคะก็มี
00:10:11 → 00:10:14 ผลแต่ถ้าเกิดว่าอาการของตัวหัวใจเนี่ยมัน
00:10:14 → 00:10:17 เกิดจากกล้ามเนื้อที่ดีบตัวผิดปกติอ่า
00:10:18 → 00:10:20 ฉะนั้นที่มันเป็นแบบที่เป็นอย่างรุนแรง
00:10:20 → 00:10:23 รักษาไม่ได้ไม่ว่าจะจากสาเหตุไหนก็มีการ
00:10:23 → 00:10:25 ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอย่างที่อันนี้อาจจะ
00:10:25 → 00:10:28 เพิ่งเคยได้ข่าวไปที่อ่าโรงพยาบาศริราช
00:10:29 → 00:10:31 ได้ไม่มีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจนะคะอันนี้
00:10:31 → 00:10:34 ก็เป็นการรักษานอกจากนั้นแล้วก็คือผู้
00:10:34 → 00:10:37 ป่วยก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการ
00:10:37 → 00:10:40 ดำเนินชีวิตอ่ะค่ะก็ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอน
00:10:40 → 00:10:42 นั้นเนี่ยเป็นขนาดไหนแล้วถ้าเกิดว่าเป็น
00:10:42 → 00:10:45 ช่วงที่แค่มีภาวะเสี่ยงแล้วก็อยากป้องกัน
00:10:45 → 00:10:49 นะคะก็แนะนำในเรื่องของการงดสุกบุหรี่
00:10:49 → 00:10:52 เพราะว่าสอ่าบุหรี่เนี่ยมีผลกับหัวใจทุกๆ
00:10:52 → 00:10:55 ด้านเลยนะคะลดในเรื่องของการแอกิน
00:10:55 → 00:10:58 แอลกอฮอล์นะคะดื่มแอลกอฮอล์เพราะว่า
00:10:58 → 00:11:00 แอลกอฮอล์เนี่ยในคนไข้ที่หัวใจบีบตัวแย่
00:11:00 → 00:11:03 แล้วเนี่ยก็จะทำให้มีปัญหาเรื่องของบีบ
00:11:03 → 00:11:06 ตัวที่มันผิดปกติเพิ่มขึ้นนะคะก็แนะนำให้
00:11:06 → 00:11:09 ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 5 ครั้งต่อสัปดาห์ 30
00:11:09 → 00:11:13 นาทีต่อครั้งนะคะไม่ควรเว้นเกินวันว้นวัน
00:11:13 → 00:11:16 แล้วก็หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มี
00:11:16 → 00:11:19 โซเดียมสูงที่เราที่กินกันประจำอ่ะค่ะ
00:11:19 → 00:11:24 จาบูหมูกระทะดน้ำแกงเยอะๆกินอ่าปรุงรสจัด
00:11:24 → 00:11:26 ๆอะไรแบบนี้เขาก็แนะนำว่าเราควรจะกิน
00:11:27 → 00:11:29 ปริมาณโซเดียมน้อยกว่า 2 มิลลิกรัมต่อวัน
00:11:29 → 00:11:32 2,000 มกรต่อวันค่ะออันนี้ก็คือเป็นการ
00:11:32 → 00:11:35 ป้องกันการการเกิดเนาะคุณหมอเนาะล่วงหน้า
00:11:35 → 00:11:37 เนาะคุณหมอครับสมมุติถ้าคณมีปัญหาเรื่อง
00:11:37 → 00:11:39 เกี่ยวกับภาวะหัวใจแล้วคุณหมอครับการออก
00:11:39 → 00:11:41 กำลังกายนี่มันถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่าง
00:11:41 → 00:11:46 นึงด้วยมครับคุณหมอครับเอ่อการออกกำลัง
00:11:46 → 00:11:50 กายในคนไข้โรคหัวใจอ่ะค่ะถ้าต้องบอกว่า
00:11:50 → 00:11:52 มันต้องขึ้นกับว่าตอนนั้นหัวใจของเขาเป็น
00:11:52 → 00:11:56 ลักษณะไหนแล้วแต่โดยที่ง่ายๆที่สุดเลยก็
00:11:56 → 00:11:58 คือคนไข้ที่เป็นโรคหัวใจเราจะไม่แนะนำ
00:11:58 → 00:12:01 เกียกีฬาที่เป็นลักษณะของกีฬาแข่งขันน่ะ
00:12:01 → 00:12:03 ค่ะที่มันเป็น competitive Exercise ที่
00:12:03 → 00:12:06 เป็นลักษณะเช่นแบบเป็นการแข่งขันกัน
00:12:06 → 00:12:10 ฟุตบอลบาสเกตบอลเทนนิสอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:12:10 → 00:12:12 แต่เราจะแนะนำกีฬาที่สามารถเล่นคนเดียว
00:12:12 → 00:12:15 มากกว่าเช่นเดินวิ่งว่ายน้ำขี่จักรยานค่ะ
00:12:15 → 00:12:18 เพราะว่ากลุ่มนั้นมันจะไม่ต้องแข่งขันก็
00:12:18 → 00:12:22 จะค่อยๆทำไปเรื่อยๆเวลาที่ชีพจรมันเพิ่ม
00:12:22 → 00:12:25 เร็วขึ้นก็จะค่อยๆเป็นไปอย่างช้าๆนะคะ
00:12:26 → 00:12:29 แล้วก็ถ้าเกิดว่ามีโรคหัวใจแล้วก็แนะนำ
00:12:29 → 00:12:32 ให้ออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์ซึ่งใน
00:12:32 → 00:12:35 ปัจจุบันก็คือเรามีคำแนะนำของกลุ่มที่คน
00:12:35 → 00:12:39 ไข้โรคหัวใจมีฝ่ายที่ดูแลโดยเฉพาะคดกิช
00:12:39 → 00:12:42 ค่ะค่ะกลับมาถึงเรื่องของประเด็นของการ
00:12:42 → 00:12:47 ดื่มน้ำการดื่มน้ำตามปกติมากน้อยขนาดไหน
00:12:47 → 00:12:51 อย่างไรที่จะทำให้หัวใจเราเนี่ยคืออยู่ใน
00:12:51 → 00:12:54 ภาวะที่ที่ดีอ่ะค่ะไม่มากไม่น้อยเกินไป
00:12:54 → 00:12:57 คุณหมอการที่แชร์กันว่าดื่มน้ำตอนเช้าเลย
00:12:57 → 00:13:00 ตื่นมาให้ดื่มเลยึง 2 แก้วก่อนทำอย่าง
00:13:00 → 00:13:04 อื่นมันช่วยเรื่องของหัวใจได้จริงหรือไม่
00:13:04 → 00:13:09 จริงยังไงคะคุณหมอคะอืในเรื่องของการดื่ม
00:13:09 → 00:13:12 น้ำการดื่มน้ำที่เพียงพอมันช่วยทำให้ร่าง
00:13:12 → 00:13:15 กายค่อนข้างดีแล้วแต่ว่าถามว่าจะดื่มน้ำ
00:13:15 → 00:13:18 เปล่า 1-2 แก้วแล้วจะช่วยป้องกันภาวะหัว
00:13:18 → 00:13:21 ใจล้มเหลวได้มยอันนี้น่าจะไม่จริงนะคะอ
00:13:21 → 00:13:24 ยิ่งถ้าคนไข้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวแล้ว
00:13:24 → 00:13:27 เนี่ยเราจะต้องมีการจำกัดน้ำในช่วงที่มี
00:13:27 → 00:13:31 ภาวะหัวใจล้มเหลวเียพันธุ์ด้วยซ้ำไปค่ะอื
00:13:31 → 00:13:34 โอ้โหสรุปว่าไกจริงๆแล้วที่จะช่วยได้น่า
00:13:34 → 00:13:38 จะเป็นการลดเกลือมากกว่าการลดเกลือนี่คือ
00:13:38 → 00:13:43 ช่วยทั้งด้านไตหัวใจใช่ค่ะการลดอาหารลด
00:13:43 → 00:13:45 จัดการลดอาหารเค็มจะเป็นอันที่สามารถลด
00:13:45 → 00:13:48 ภาวะหัวใจล้มเหลงได้ไม่เกี่ยวกับการดื่ม
00:13:48 → 00:13:52 น้ำในช่วงเอ่อเช้าให้มากแต่เราก็แนะนำให้
00:13:52 → 00:13:54 ดื่มน้ำให้เพียงพอในคนที่ไม่ได้มีปัญหา
00:13:54 → 00:13:57 เรื่องที่ต้องจำกัดน้ำใช่ไม่ได้เป็นโรค
00:13:57 → 00:14:00 หัวใจวายเสียบพันหรือจะรุมเหลเชียพัน์
00:14:00 → 00:14:02 อยู่ก็ยังแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ
00:14:02 → 00:14:05 1.5 -2 ลิตรนะคะค่ะแต่ตอนช่วงเช้าตื่น
00:14:05 → 00:14:08 มาดื่มน้ำเลยเนี่ยคนบางคนก็ทำจนเป็นเป็น
00:14:08 → 00:14:10 เค้าเรียกว่าติดเป็นนิสัยแล้วอันนั้นก็
00:14:10 → 00:14:12 แก้วนึงก็ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยคะคุณหมอ
00:14:12 → 00:14:14 ไม่ได้อันตรายอะไรการดื่มน้ำในช่วงเช้า
00:14:14 → 00:14:18 ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะแต่ว่าถามว่าทำแล้ว
00:14:18 → 00:14:20 มันจะป้องกันการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
00:14:20 → 00:14:25 มั้ยใช่ไม่น่าจะช่วยค่ะออืออไม่น่าจะช่วย
00:14:25 → 00:14:29 ก็แสดงว่าข้อข้อความที่ถูกส่งต่อที่ที่
00:14:29 → 00:14:31 ถูกแชร์กันมาเนี่ยส่งไม่ว่าจะเป็นผ่านทาง
00:14:32 → 00:14:36 ช่องทางไหนก็ตามก็แสดงว่าก็ก็ก็ไม่จริง
00:14:36 → 00:14:39 ใช่เดื่มนั้นตามปกติดื่มอยากดืใช่หที่เขา
00:14:39 → 00:14:42 บอกว่าโอหมันจะช่วยถึงขั้นแบบว่าลดการ
00:14:42 → 00:14:44 เกิดหัวใจล้มเหลวนี่ก็ถือถือว่าเป็นการ
00:14:44 → 00:14:46 สร้างความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน
00:14:46 → 00:14:49 กันใช่มั้ยคุณหมอฮะใช่ค่ะก็คืออันนี้ก็
00:14:49 → 00:14:53 ถือว่าเป็นเฟกนิวสอันนึงค่ะอก็จริงๆแล้ว
00:14:53 → 00:14:55 มันก็จะมีที่เ้าเรียกว่าอะไรชัวร์ก่อน
00:14:55 → 00:14:56 แชร์ใช่
00:14:56 → 00:15:01 มั้ยครับผมเออทางทางช่องเ้าคือ้าส่วนตัว
00:15:01 → 00:15:03 ก็คือเ่ออาจจะต้องมีการยืนยันก่อนว่า
00:15:03 → 00:15:07 เนื้อหาอันนั้นนะค่ะที่เราส่งเนี่ยมันถูก
00:15:07 → 00:15:09 ต้องมยเพราะว่าบางครั้งเราก็คิดว่าเรา
00:15:09 → 00:15:11 อยากให้เพื่อนได้รับข้อความดีๆแต่ว่าพอ
00:15:11 → 00:15:14 ข้อความนั้นมันเป็นเรื่องที่ผิดก็อาจจะมี
00:15:14 → 00:15:17 มามีปัญหาแต่ว่าถ้าเป็นอย่างเรื่องของการ
00:15:17 → 00:15:20 ดื่มน้ำเนี่ยมันก็ยังไม่ถูกตามนั้นแต่ว่า
00:15:20 → 00:15:22 มันก็ยังไม่ได้เป็นอะไรที่ทำให้เกิด
00:15:22 → 00:15:25 อันตรายค่ะแอมันไม่ได้อันตรายมันไม่ได้
00:15:25 → 00:15:29 ว่าร้ายแรงอะไรดื่มได้แต่คิดว่าอุ๊ยฉัน
00:15:29 → 00:15:31 ดื่มน้ำแล้วฉันไม่เป็นหัวใจล้มเหลวอย่าไป
00:15:31 → 00:15:33 คิดแบบนั้นสิ่งที่คุณหมอแนะนำก็คือเรื่อง
00:15:33 → 00:15:37 ของการลดโซเดียมดีกว่าใช่ค่ะในเรื่องของ
00:15:37 → 00:15:39 การลดโซเดียมอันนี้เป็นอันที่มีหลักฐาน
00:15:39 → 00:15:43 ยืนยันประจักษ์แล้วว่าสามารถลดโอกาสการ
00:15:43 → 00:15:47 เกิดทั้งโรคไตและโรคหัวใจได้ค่ะออืคุณหมอ
00:15:47 → 00:15:52 อันนี้ขอเอ่อสอบถามด้วยความที่มันมีออกมา
00:15:52 → 00:15:55 ขายกันตามท้องตลาดเรื่องของน้ำด่างคุณหมอ
00:15:55 → 00:15:58 ครับไอ้การดื่มนี่มันจะมีสรรพคุณช่วย
00:15:58 → 00:16:01 เรื่องเรื่องของหัวใจช่วยเรื่องของร่าง
00:16:01 → 00:16:07 กายอะไรได้บ้างมากน้อยขนาดไหนไม่ชอชอบใส่
00:16:07 → 00:16:10 มะนาวเปลือกมะนาวอะไรอ้ากันว่าอย่างงั้น
00:16:10 → 00:16:11 อะไรอย่างเงี้ยน้ำด่างที่มันมีขายตามท้อง
00:16:11 → 00:16:14 ตลาดด้วยขวดละ 15 บาท 20 บาทนะคุณหมอ
00:16:14 → 00:16:19 ครับก็คือมันก็จะมีการพูดกันหลายอย่าง
00:16:19 → 00:16:21 เหมือนกันในเรื่องของน้ำด่างนะคะแต่ใน
00:16:21 → 00:16:25 เรื่องของน้ำด่างเจะยังไม่ได้มีการยืนยัน
00:16:25 → 00:16:28 ชัดเจนก็คือน้ำด่างที่เราขายกันก็คือน้ำ
00:16:28 → 00:16:31 อคเราจะทราบอยู่แล้วว่าในร่างกายของเรา
00:16:31 → 00:16:34 ค่ะพีปกติจะอยู่ประมาณ 7 ใช่มั้ยคะแต่ว่า
00:16:34 → 00:16:38 การที่ทำน้ำด่างเนี่ยเขาก็จะอ่าเพิ่มพี
00:16:38 → 00:16:42 ให้มันอยู่ที่ประมาณ 8-9 บางครั้งเขาก็จะ
00:16:42 → 00:16:45 บอกว่าพวกนี้เนี่ยมันสามารถสร้างช่วยใน
00:16:45 → 00:16:48 เรื่องของการต้านอนุมูลอิสระเรื่องความ
00:16:48 → 00:16:51 ชุ่มชื้นควบคุมความดันโลหิตได้ดีกว่าแต่
00:16:51 → 00:16:54 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยหลักฐานทางวิทยศาสตร์ใน
00:16:54 → 00:16:58 ปัจจุบันนะคะยังไม่มีอะไรที่ยืนยันว่า
00:16:58 → 00:17:01 สามารถเชื่อมโยงไปที่น้ำด่างกับสุขภาพของ
00:17:01 → 00:17:04 หัวใจได้เลยนะคะอจริงๆแล้วในร่างกายเรา
00:17:04 → 00:17:08 อ่ะเราต้องการความเป็นกดเบสที่สมดุลนะคะ
00:17:08 → 00:17:10 ถ้าเกิดว่าร่างกายมีภาวะเป็นกรดหรือเป็น
00:17:10 → 00:17:13 เบสที่มากขึ้นกลับจะทำให้ตัวร่างกายเนี่ย
00:17:13 → 00:17:17 มีความผิดปกตินะคะอย่างเช่นในบางรายที่มี
00:17:17 → 00:17:20 ลักษณะที่เป็นด่างเกินหรือว่ากดเกินเนี่ย
00:17:20 → 00:17:23 ร่างกายอวัยวะต่างๆจะไม่สามารถทำงานได้
00:17:23 → 00:17:27 ปกตินะคะออก็แสดงว่าก็คือกินน้ำปกติ
00:17:27 → 00:17:31 ธรรมดาปกติไปสมดุของมันมันสามารถสร้าง
00:17:31 → 00:17:33 สมดุลให้กับร่างกายของเราได้อัตโนมัติเลย
00:17:33 → 00:17:35 ใช่มั้ยคุณหมอครับไอ้การดื่มน้ำเปล่าให้
00:17:36 → 00:17:38 ได้ตามที่ทางการแพทย์แนะนำวันละประมาณสัก
00:17:38 → 00:17:42 6-8 แก้วเอ่อ 1.5 2 หรือว่าคนกินเยอะ
00:17:43 → 00:17:44 หน่อยอาจจะถึง 3 อะไรอย่างเงี้ยคุณหมอ
00:17:44 → 00:17:47 ครับมันจะปสเโดยปกติอ่ะค่ะดื่มน้ำก็คือจะ
00:17:47 → 00:17:50 แนะนำประมาณ 1.5 -2 ลิตรไม่ควรจะกินเกิน
00:17:50 → 00:17:53 3 ลิตรต่อวันเพราะว่าบางทีพอเรากินน้ำ
00:17:53 → 00:17:56 จำนวนที่เยอะเกินนะคะจะมีปัญหาคือทำให้
00:17:56 → 00:18:01 ภาวะแล่ธาในเลือดขาดสมดุล
00:18:01 → 00:18:07 ม้่าเยอะปกว่ามันทำว่่าในเลือที่าดสมุ
00:18:07 → 00:18:09 เช่นโซเดียมหรือโปแทสเซียมที่ต่ำเกินไปก็
00:18:09 → 00:18:11 จะทำให้เกิดภาวะที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
00:18:11 → 00:18:15 ได้ส่วนในเรื่องของน้ำดื่มค่ะจริงๆแล้วใน
00:18:15 → 00:18:18 ปัจจุบันเนี่ยก็มีการพยายามทำสี้ทำการ
00:18:18 → 00:18:21 ศึกษาหลายอย่างเกี่ยวกับว่ากินน้ำด่าง
00:18:21 → 00:18:24 แล้วจะจริงดีจรมอะไรประมาณนี้แต่ว่าตอน
00:18:24 → 00:18:27 นี้ค่ะมันยังไม่มีสี้ไหนที่เป็นการยืนยัน
00:18:27 → 00:18:31 เลยว่าการดื่มน้ำด่างเนี่ยมันจะทำให้ตัว
00:18:31 → 00:18:35 ร่างกายเนี่ยดีขึ้นจริงนะคะก็คือยังแนะนำ
00:18:35 → 00:18:39 ให้ดื่มน้ำทั่วๆไปแต่ว่าพยายามหลีกเลี่ยง
00:18:39 → 00:18:42 ก็คืออ่าเขาจะแนะนำว่าไม่ควรจะดื่มน้ำใน
00:18:42 → 00:18:45 เรื่องของน้ำอออ่ะค่ะที่เป็นน้ำที่ไม่มี
00:18:45 → 00:18:49 ที่น้ำที่มันเป็นบริสุทธิ์มากๆอออ
00:18:49 → 00:18:53 น้ำเพราะว่าเอ่อน้ำอาโอหรือน้ำที่จริงๆเา
00:18:53 → 00:18:56 ที่เขาครีเอทขึ้นมาในการทำครั้งแรกเนี่ย
00:18:56 → 00:18:59 เาใช้มาสำหรับเป็นน้ำล้างไตอ่ะค่ะใน
00:18:59 → 00:19:06 อเลือมันทำนคขาดธาตุอย่างอที่จเต่อ่างกาย
00:19:06 → 00:19:10 แนะนำให้กินเป็นเค่ะน้ำประปาต้มสุกประมาณ
00:19:10 → 00:19:12 นี้ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะคุณหมอครับคำว่า
00:19:12 → 00:19:17 น้ำนี่มันหมายถึงว่าน้ำที่บรรจุขวดขายตาม
00:19:17 → 00:19:21 ท้องตลาดทั่วไปมคือมันจะเขียนว่า R ออะไร
00:19:21 → 00:19:21 เงี้
00:19:21 → 00:19:26 จน้ำ R ขายตามปั๊มน้ำมันไม่แน่ใจว่าพอเคย
00:19:26 → 00:19:30 ได้ยินไแต่ว่าในปัจจุบาน่ะค่ะร่างกายเขา
00:19:30 → 00:19:33 จะอ่าตอนนี้รัฐบาลไม่ได้อนุญาตให้ทำเป็น
00:19:33 → 00:19:37 น้ำ RO ที่ขายแล้ว RO ย่อมาจากรีเวสออมสิ
00:19:37 → 00:19:40 อ่ะค่ะจะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกในน้ำโดย
00:19:40 → 00:19:45 ที่แบบเขาจะมีผ่านตัวรูพุนขนาดเล็กมากๆทำ
00:19:45 → 00:19:48 ให้พวกเกลือแล่ธาตุโลหะหนักสารเคมีไว
00:19:48 → 00:19:50 เลล่าสารตะกั่วสารหนูอเนี้ยมันโดนกองออก
00:19:50 → 00:19:54 ไปแต่ปรากฏว่าพอมันกองสูงเยอะเกินไปแล้ว
00:19:54 → 00:19:58 อ่ะค่ะร่างกายของเรามันก็เลยขาดปริมาณแร่
00:19:58 → 00:20:02 ทาที่มันจำเป็นที่อยู่ในน้ำปกติที่เราทาน
00:20:02 → 00:20:08 ค่ะอืน้ำอโอน้ำออก็คือดื่มน้ำปกติทสมนี้
00:20:08 → 00:20:11 น่าจะไม่ค่อเห็นต้มสุกอะไรงี้ใช่ค่ะน้ำ
00:20:11 → 00:20:14 อาโอส่วนมากจะเป็นอยู่ในเครื่องล้างตาย
00:20:14 → 00:20:17 อ่ะค่ะหรือว่าอยู่ในเกดของโรงงาน
00:20:17 → 00:20:21 อุตสาหกรรมที่เอาไว้มาผสมเพื่อที่จะใช้
00:20:21 → 00:20:24 เป็นเ่าตัวน้ำที่เป็นตัวที่เอามาผสมร่
00:20:24 → 00:20:27 ธาตุอย่างอื่นอย่างเงี้ยค่ะอก็คิดว่าสมัย
00:20:27 → 00:20:30 นึงจะฮิตกินกันมาก็คือน้ำ RO แต่ว่าจริงๆ
00:20:30 → 00:20:35 แล้วมันมีอันตรายในการที่ดื่มตลอดก็เลย
00:20:35 → 00:20:38 อ่าช่วงหลังรัฐบาลก็จะไม่ค่อยจะรณรงคก็
00:20:38 → 00:20:41 แต่ก่อนมันจะมีช่วงนึงที่ช่วงหมอเด็กๆอ่ะ
00:20:41 → 00:20:45 ค่ะทุกคนจะทานกันเยอะมากอ่ะโอมันจะไปดึง
00:20:45 → 00:20:48 ร่ธาตุในในร่างกายเราอย่างนั้นใช่่มั้ยคะ
00:20:48 → 00:20:50 มันจะเป็นน้ำสะอาดที่มีความบริสุทธิ์สูง
00:20:51 → 00:20:54 ที่มีช่วงนึงจะแบบคนทั่วไปจะฮีกินกันมาก
00:20:54 → 00:20:57 เลยแต่ว่าตอนหลังรัฐบาลก็มารณรงคกับว่า
00:20:57 → 00:21:00 จริงๆเราไม่ค่อยแนะนำนะคะอเอาเป็นง่ายๆ
00:21:00 → 00:21:04 ทุกวันนี้ถ้าเราดื่มน้ำที่อยู่ในลักษณะ
00:21:04 → 00:21:07 ของมีเครื่องหมายการค้าต่างๆที่เห็นอยู่
00:21:07 → 00:21:10 เนี่ยก็คือได้รับเอ่ออนุมัติจากอยถูกต้อง
00:21:10 → 00:21:14 ก็ก็กินได้ตามปกติหรือไม่ก็น้ำปาร่างกาย
00:21:15 → 00:21:17 เราจะปรับสมดุลแล่ธาตุได้ในระดับนึอยู่
00:21:17 → 00:21:22 แล้วฉะนั้นก็คือถ้าเรากินน้ำที่ได้อ่ารับ
00:21:22 → 00:21:25 มออกกแล้วออยก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วค่ะ
00:21:25 → 00:21:29 ออ๋อก็คือน้ำที่ขายน้ำท่วขายขวดทั่วไป
00:21:29 → 00:21:32 อย่างเงี้ก็ในท้องตลาดหรือน้ำประปาที่ต้ม
00:21:32 → 00:21:36 สุกก็ได้เช่นเดียวกันนะคะก็คือจริงๆแล้ว
00:21:36 → 00:21:39 น้ำปาปาน่ะถ้าออกจากโรงงานเลยเนี่ยสามารถ
00:21:39 → 00:21:43 ดื่มได้อันนี้น่าจะเคยได้ยินที่เวลาที่
00:21:43 → 00:21:45 ต่างเวลาเราไปต่างประเทศเราก็ดื่มน้ำปาปา
00:21:45 → 00:21:47 ประเทศเราดื่มอย่างสบายใจเพราะมันไม่มี
00:21:47 → 00:21:50 กลิ่นในเมืองไทยอาจจะมีกลิ่นอยู่ว่าบ้าน
00:21:50 → 00:21:55 เราเนี่ยค่ะน้ำประปามันจะต้องผ่านมาทำท่อ
00:21:55 → 00:21:58 ระบท่อเรายังไม่สามารถการันตีมาตรฐานได้
00:21:58 → 00:22:02 ขนาดนั้นฉะนั้นก็คือเขาก็ยังแนะนำให้กิน
00:22:02 → 00:22:05 น้ำกองหรือว่าน้ำต้มสุกมากกว่าที่จะกิน
00:22:05 → 00:22:07 จากน้ำประปาโดยตรงถ้าเป็นประเทศไทยนะ
00:22:07 → 00:22:11 คะเอาง่ายๆน้ำที่มีแร่ท่าตามปกตินะคะแล้ว
00:22:11 → 00:22:14 ก็ดื่มน้ำให้ได้มาตรฐานตามน้ำหนักตัวใคร
00:22:14 → 00:22:18 ที่เอ่อร่างกายที่ค่อนข้างจะมีเอ่อน้ำ
00:22:18 → 00:22:22 หนักมากหน่อยก็ดื่มอาจจะ 2 ลิตร 2 ลิตรพอ
00:22:22 → 00:22:25 มคใชจริงๆมันขึ้นอยู่กับว่าเราเสียน้ำไป
00:22:25 → 00:22:28 ปริมาณเท่าไหร่ด้วยเรามีโรคประจำตัวเท่า
00:22:28 → 00:22:31 ไหด้วยด้วยอ่ะค่ะเช่นถ้าเกิดว่าเราออก
00:22:31 → 00:22:35 กำลังกายหรือทำงานตากแดดที่สูญเสียน้ำ
00:22:35 → 00:22:37 เยอะก็อาจจะต้องกินปริมาณน้ำเปล่าที่เยอะ
00:22:37 → 00:22:41 ขึ้นค่ะอือถ้าเกิดเรามีโรคประจำตัวบาง
00:22:41 → 00:22:46 อย่างเช่นอ่ามีภาวะที่มีเรื่องของไต
00:22:46 → 00:22:50 เสื่อมไตวายอันนั้นเราก็ต้องจำกัดปริมาณ
00:22:50 → 00:22:53 น้ำเพราะว่าถ้าเราดื่มน้ำเยอะเกินไปเราก็
00:22:53 → 00:22:56 จะเกิดภาวะน้ำท่วมปอดเพราะว่าเกิดจากไต
00:22:56 → 00:22:59 มันขับน้ำออกไม่ได้อันนี้ก็คือต้องขึ้น
00:22:59 → 00:23:02 อยู่กับอ่าโรคเเป็นด้วยแต่ถ้าเราเป็นคน
00:23:02 → 00:23:05 ที่แข็งแรงดีปกติใช้ชีวิตประจำวันโดยทั่ว
00:23:05 → 00:23:07 ๆไปก็จะแนะนำประมาณ 1 ลิตรครึ่งถึง 2
00:23:08 → 00:23:10 ลิตรค่ะ 1 ลิตรครึ่งถึง 2 ลิตรแต่ว่าทั้ง
00:23:10 → 00:23:11 นี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรไงสมมุติ
00:23:11 → 00:23:13 ถ้าเป็นนักกีฬาออกกำลังกายอะไรงงี้ก็มัน
00:23:13 → 00:23:16 สามารถก็ดื่มเพิ่มเติมเพื่อที่จะทดแทนน้
00:23:16 → 00:23:19 ที่มันมันสูญเสียไปก็ได้ใช่มั้ยครับคุณ
00:23:19 → 00:23:22 หมอครับอืคือเพราะฉะนั้นแล้วก็คือไอ้
00:23:22 → 00:23:25 เรื่องของโรคหัวใจเี่ก็คือเราก็ต้องดูดู
00:23:25 → 00:23:28 ตั้งแต่ต้นทางเรื่องของโรคว่าเรามีโรค
00:23:28 → 00:23:30 อะไรบ้างก็เพื่อที่จะได้ไปแก้ไขตั้งแต่
00:23:31 → 00:23:34 ต้นทางถูกต้องใช่มั้ยครับคุณหมอครับใช่
00:23:34 → 00:23:37 ค่ะก็คือเราก็คอยสังเกตอาการตัวเองถ้าเรา
00:23:37 → 00:23:40 รู้สึกว่าเราหอบเหนื่อยมีหายใจไม่สะดวก
00:23:40 → 00:23:44 ขณะนอนลาภมีเจ็บแน่นหน้าอกมีคาบ้วมนะคะ
00:23:44 → 00:23:47 แล้วก็หรือว่ามีการแน่นท้องกับโตกดเจ็บ
00:23:47 → 00:23:50 อันนั้นก็แนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาลเพราะ
00:23:50 → 00:23:52 ว่าอาจจะสงสัยว่าอาจจะมีเรื่องของอาการ
00:23:52 → 00:23:56 ภาวะหัวใจจล้มเหลวถ้าเกิดว่าคุณหมอตรวจ
00:23:56 → 00:23:59 แล้วเจอความผิดปกติคุณหมอก็จะตรวจตรวจแยก
00:23:59 → 00:24:02 โรคให้อีกรอบนึงว่าเป็นจากสาเหตุอะไรนะคะ
00:24:02 → 00:24:06 อืคุณหมอคะตับโตกดแล้วเจ็บเนี่ยมันเป็น
00:24:06 → 00:24:09 ลักษณะที่เกิดได้ตอนไหนอย่างไรอ่ะคะหรือ
00:24:09 → 00:24:12 ว่าหลังอาหารหรืออะไเอ่อภาวะตับตัวกดเจ็บ
00:24:12 → 00:24:14 จริงๆมันมีจากหลายสาเหตุค่ะแต่ถ้าจะ
00:24:14 → 00:24:17 อธิบายจากภาวะหัวใจล้มเหลวเนี่ยก็คือถ้า
00:24:17 → 00:24:20 เกิดว่ามีภาวะหัวใจด้านขวาวหัวใจด้านขวา
00:24:20 → 00:24:24 ล้มเหลวอ่ะค่ะมันก็จะตัวหัวใจกับตับอ่ะ
00:24:24 → 00:24:27 ค่ะมันจะมีหลอดเลือดที่ต่อกันอยู่พอหัวใจ
00:24:27 → 00:24:30 มันทำงานได้ไม่ค่อยดีเลือดที่มันเทกลับ
00:24:30 → 00:24:33 จากปราบซึ่งต้องกลับไปหัวใจด้านขวาเพื่อ
00:24:33 → 00:24:36 ส่งไปฟอกที่ปอดแล้วกลับมาด้านซ้ายมันก็จะ
00:24:36 → 00:24:39 เทกลับไปลำบากพอเทกลับไปลำบากน้ำนั้นน่ะ
00:24:39 → 00:24:42 ค่ะมันก็จะมาทนที่ตัวเนื้อตับทำให้ตับโต
00:24:42 → 00:24:46 ค่ะออืโอหมันเกี่ยวสัมพันธ์กันโดยที่เรา
00:24:46 → 00:24:50 ไม่่างกายอวัยวะที่มันต่อเเชื่อมโยงกัน
00:24:50 → 00:24:53 ทั้งหมดค่ะเมื่อมีภาวะนึงร่างกายส่วนนึง
00:24:53 → 00:24:56 ที่เสียไปก็จะทำให้ส่วนอื่นทำงานลำบาก
00:24:56 → 00:25:00 เช่นเดียวกันค่ะอเวลาเราเราอิ่มอาหารในใน
00:25:01 → 00:25:03 มื้อเอาาง่ายๆมื้อเย็นเนี่ยมันรู้สึกจะ
00:25:03 → 00:25:06 แน่นอาการอืดท้องอะไรอย่างงี้มันมันจะ
00:25:06 → 00:25:09 สัมพันธ์กับเรื่องของหัวใจมากน้อยแค่ไหน
00:25:09 → 00:25:11 คะหรือว่าอาจจะทานกระชั้นดึกไปงั้นรเปล่า
00:25:12 → 00:25:15 ออันนั้นไม่น่าจะเกี่ยวเว่าตับโกดเจ็บใน
00:25:15 → 00:25:17 โรคหัวใจจะเป็นอยู่เกือบตลอดเวลาค่ะออ
00:25:18 → 00:25:20 เป็นตลอดเวลาเข้าใจใช่ค่ะเพราะว่าเนื่อง
00:25:20 → 00:25:23 จากว่าตับโตนั้นมันเกิดจากหัวใจห้องขวา
00:25:23 → 00:25:26 วายทำให้รับน้ำที่ต่อออกมาจากเส้นเลือด
00:25:26 → 00:25:29 ที่ตับที่เทกลับไม่ได้อฉะนั้นมันก็เลยจะ
00:25:29 → 00:25:32 เป็นอยู่ตลอดค่ะมันก็จะแน่นอยู่ตลอดเวลา
00:25:32 → 00:25:34 พวกนี้กลุ่มคนไข้กลุ่มนี้พอได้ยาขับ
00:25:34 → 00:25:37 ปัสสาวะไม่มีขับน้ำขับเกลือส่วนเกินที่
00:25:37 → 00:25:41 มากออกไปแล้วเนี่ยค่ะก็จะทำให้หัวใจบีบ
00:25:41 → 00:25:43 ตัวดีขึ้นหลังจากนั้นอาการที่แน่นทองตรง
00:25:43 → 00:25:47 นี้ก็จะทุเราลงหายไปค่ะอืโองั้นเราไม่
00:25:47 → 00:25:50 เป็นละอ๋อตอนนี้กลัวอยู่ก็เลยถามคุณหมอส
00:25:50 → 00:25:53 เกิดจากการไม่เกิดจากการทานมื้อเย็นแล้ว
00:25:53 → 00:25:56 ก็อาจจะไม่ได้เดินเคลื่อนไหวก็นั่งจุม
00:25:56 → 00:25:59 ปุ๊กอะไรประมาณนี้มันก็จะเกิดอาการแน่น
00:25:59 → 00:26:02 อันนี้ก็คือมีลมในท้องมีอะไรประมาณนั้น
00:26:02 → 00:26:06 ไม่ใช่ตลอดเวลาอย่างที่คุณหมออธิบายอืหาย
00:26:06 → 00:26:10 ห่วงความเครียดนี่ถือว่าเป็นภาวะที่น่า
00:26:10 → 00:26:12 กลัวกับเรื่องของอาการเกี่ยวกับหัวใจมั้ย
00:26:12 → 00:26:15 ครับคุณหมอครับณปัจจุบันเพราะว่าหลายๆคนเ
00:26:15 → 00:26:18 ออกมาเตือนกันเหมือนกันว่าภาวะความเครียด
00:26:18 → 00:26:20 นี่มันก็นำไปสู่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ
00:26:20 → 00:26:23 ต่างๆได้เยอะมากก็เลยจะถามว่ามันจะนำไป
00:26:23 → 00:26:25 สู่อาการเกี่ยวกับเรื่องของหัวใจได้มาก
00:26:25 → 00:26:29 น้อยขนาดไหนฮะคุณหมอฮะก็คือภาวะความ
00:26:29 → 00:26:32 เครียดหรือว่าสเตสที่สูงอ่ะค่ะก็อาจจะทำ
00:26:32 → 00:26:35 ให้เกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจอาจ
00:26:35 → 00:26:37 จะเป็นในกรณีของกลุ่มของเส้นเลือดหัวใจ
00:26:37 → 00:26:42 ตีดที่ตัวสเปสเนี่ยจะทำให้มีความเสี่ยง
00:26:42 → 00:26:44 ของการเกิดโรคหัวใจเส้นเลือดหัวใจตีดที่
00:26:44 → 00:26:47 เพิ่มมากขึ้นน่ะค่ะในคนไข้ที่มีเหมือนกับ
00:26:47 → 00:26:49 personality type a ที่เป็นคนที่แบบ
00:26:49 → 00:26:52 เป๊ะทำอะไรจะต้องแบบเป๊ะทุกอย่างอะไร
00:26:52 → 00:26:55 อย่างเงี้ยค่ะก็จะมีโอกาสที่มีการศึกษา
00:26:55 → 00:26:59 ว่าเจอว่ามีเส้นระหใจติดที่มากกว่าคนที่
00:26:59 → 00:27:06 ค่อนข้างรีแลกอืก็คือหัวใจของคนที่มีความ
00:27:06 → 00:27:10 สุขมันจะเอ่อสุขภาพดีกว่าคนที่มีความ
00:27:10 → 00:27:13 เครียดนั่นเองนะฮะโอหยอดเยี่ยมเลยถ้างั้น
00:27:13 → 00:27:16 ความเครียดเนี่ยถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัย
00:27:16 → 00:27:18 สำคัญที่นำไปสู่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ
00:27:18 → 00:27:22 ต่างๆได้ค่ะมากมายจริงๆขอขอความรู้จากคุณ
00:27:22 → 00:27:27 หมอนะคะมีวิธีที่จะสังเกตแล้วก็เอ่อยังไง
00:27:27 → 00:27:30 คะรู้เรื่องของหัวใจของเราอย่างคุณหมอบอก
00:27:30 → 00:27:33 ด้านซ้ายด้านขวาเมื่อรู้สึกมีการทำงานของ
00:27:33 → 00:27:36 หัวใจไม่ปกติค่ะคุณหมอคะอืืครับอายุซัก
00:27:36 → 00:27:39 ประมาณ 3 แล้วก็จำเป็นรวมๆกันในเรื่องของ
00:27:39 → 00:27:41 ภาวะหัวใจล้มเหลวก็คืออาการอย่างที่หมอ
00:27:41 → 00:27:44 แจ้งค่ะก็คือถ้ารู้สึกว่าเราเหนื่อยง่าย
00:27:44 → 00:27:48 ขึ้นเดิมเนี่ยเราเคยทำกิจกรรมแบบนี้ได้
00:27:48 → 00:27:51 แต่ว่าทำได้ลดลงนะคะหรือว่าพอเราหลับไป
00:27:51 → 00:27:54 และช่วงกลางคืนเรารู้สึกว่านอนลาบแล้วมัน
00:27:54 → 00:27:57 แน่นมันเหนื่อยต้องลุกขึ้นมานั่งหรือว่า
00:27:57 → 00:28:01 ต้องนอนนอนหมอนสูงนะคะหรือตรวจเจอว่าเรา
00:28:01 → 00:28:06 กดบุ๋มบริเวณที่เท้าตรงหน้าขานะคะถ้าเป็น
00:28:06 → 00:28:09 ลักษณะนั้นนะคะก็จะสงสัยว่าเราอาจจะเกิด
00:28:09 → 00:28:15 มีภาวะตัวเอ่อหัวใจที่ทำงานผิดปกติก็จะ
00:28:15 → 00:28:18 แนะนำให้มาตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อวินิจฉัย
00:28:18 → 00:28:21 อีกทีนึงคือคำศัพท์ของภาษาไทยกับคำศัพท์
00:28:21 → 00:28:24 ของการแพทย์เนี่ยค่ะมันจะสับสนกันมากเลย
00:28:24 → 00:28:29 ชาวะหัวใจวายใจล้มเหวเออๆมันดูง่ายๆนะจะ
00:28:29 → 00:28:33 ล้มเหลวเป็นอันที่คือต่อให้อยู่ในสมาคม
00:28:33 → 00:28:36 ลูกหัวใจจริงๆก็คือมันก็เป็นศัพท์ที่ยัง
00:28:36 → 00:28:39 ถกเถียงกันอยู่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยจะใช้คำ
00:28:39 → 00:28:43 ว่าอะไรที่มันจะเหมาะสมนะคะเพราะว่ามัน
00:28:43 → 00:28:46 มันจะพูดยากมากว่าอันนี้คืออะไรแต่ว่าถ้า
00:28:46 → 00:28:49 เป็นภาวะหัวใจล้มเหลวถ้าตรงกับสัพท์ภาษา
00:28:49 → 00:28:51 อังกฤษทางการแพทย์ก็คือ Heart faia
00:28:51 → 00:28:53 อันเนี้ยค่ะก็จะเรียกว่าเป็นภาวะหัวใจล้ม
00:28:53 → 00:28:57 เหลวซึ่งก็จากคำว่าเป็นภาวะก็คือแปลว่า
00:28:57 → 00:28:59 มันมีโรคหลายอันไม่ใช่มีแค่สาเหตุเดียว
00:28:59 → 00:29:03 ค่ะอ๋อแต่ไม่ใช่ Heart อทคนี่คือมันจะอีก
00:29:03 → 00:29:06 แบบนึงใช่่มั้ยครับคุณหมอครับปกติแล้วถ้า
00:29:06 → 00:29:09 คำว่า Heart แทคอ่ะค่ะก็คือมักจะเกิดจาก
00:29:09 → 00:29:12 พวกกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพันธหรือ
00:29:12 → 00:29:15 ภาวะหัวใจเต้นพริ้วหรือเต้นผิดปกติอย่าง
00:29:15 → 00:29:20 รุนแรงเฉียบพันอือันนั้นจะเป็นอีกโรคนึง
00:29:20 → 00:29:24 ค่ะก็คือโรคแบบนั้นพอเป็นแล้วสมมุติว่า
00:29:24 → 00:29:28 เราสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ก็จะมีคความ
00:29:28 → 00:29:30 เสี่ยงที่เราจะเกิดภาวะต่อไปก็คือภาวะหัว
00:29:31 → 00:29:33 ใจล้มเหลวค่ะเพราะว่าเมื่อก้านหัวใจบีบ
00:29:33 → 00:29:36 ตัวผิดปกติแล้วก็จะเกิดน้ำท่วมปอดเกิด
00:29:36 → 00:29:39 ภาวะหัวใจล้มเหลวขึ้นมาค่ะ
00:29:39 → 00:29:42 โหคือถ้าในทางการแพทย์เนี่ยก็คือยังยังมี
00:29:42 → 00:29:45 ข้อถกเถียงกันอยู่เนี่ยเราที่ถ้าเป็นคน
00:29:45 → 00:29:48 ปกติทั่วไปถ้าอาจจะใช้ผิดบ้างถูกบ้างก็ก็
00:29:48 → 00:29:53 ถือว่าพอจะให้อภัยกันได้คุณหมอเพช้เหเพ
00:29:53 → 00:29:56 ฟังดูเบาขนาขนาดเวลาแบบอันนี้คือเหมาะ
00:29:56 → 00:30:00 เวลาหมออ่าตอบเฟกนิวส์หรือว่าให้สัมภาษณ์
00:30:00 → 00:30:03 อย่างเงี้ยค่ะหมอก็ยังต้องเปิดดูทุกครั้ง
00:30:03 → 00:30:06 ว่าตกลงว่าวันนี้ที่จำสัมภาษณ์เนี่ยค่ะ
00:30:06 → 00:30:09 เราจะพูดในเรื่องของเรื่องอะไรดีที่จะให้
00:30:10 → 00:30:13 คนทั่วไปเข้าใจว่าเอ่ออันนี้คือภาวะหัวใจ
00:30:13 → 00:30:16 ล้มเหลวนะคะอันนี้คือภาวะ Heart อทคหัวใจ
00:30:16 → 00:30:20 ไวเฉียบพันธเพราะว่าจริงๆแล้วโรคอ่ะค่ะ
00:30:20 → 00:30:23 มันเหมือนกับว่ามันเป็นแตกกับไข่อ่ะค่ะ
00:30:23 → 00:30:25 มันเป็นอันที่เชื่อมโยงกันมันไม่มันเป็น
00:30:26 → 00:30:29 อันอันนึงที่ทำให้เกิดอีกอันนึง
00:30:29 → 00:30:33 อืนั้นก็คือจริงๆแล้วถ้าถามว่าเรียกผิดใน
00:30:33 → 00:30:36 ส่วนตัวไม่ไม่ไม่ไม่ได้มีความรู้สึกว่ามี
00:30:36 → 00:30:39 ปัญหาอะไรค่ะแต่ก็คือแค่อยากให้เข้าใจว่า
00:30:39 → 00:30:42 มันแตกต่างกันก็คือน้ำท่วมปอดเนี่ยสนว่าก
00:30:42 → 00:30:45 มันมักจะมีอาการมาช่วงนึงก่อนแล้วถึงจะ
00:30:45 → 00:30:48 เสียชีวิตแต่ถ้าเกิดว่าหัวใจวายเฉียบพัน
00:30:48 → 00:30:51 เนี่ยมันจะเป็นลักษณะของ Heart อทคก็คือ
00:30:51 → 00:30:54 มักจะเสียชีวิตทันทีที่เกิดเรื่องเสียบ
00:30:54 → 00:30:56 พลัมากๆเลยแต่ล้มเหลวเนี่ยมันมองดูว่ามัน
00:30:56 → 00:31:00 มีอาการเตือนมีอการเหนื่อยอืใช่ค่ะล้ม
00:31:00 → 00:31:04 เหลวมันจะมักมีช่วงภาวะสักพักนึงก่อนนะคะ
00:31:04 → 00:31:07 ภาวะหัวใจล้มเหลวที่เกิดเฉียบพันมากๆจริง
00:31:07 → 00:31:10 ๆมันก็คือมาจากภาวะ Heart แทคนี่แหละค่ะ
00:31:11 → 00:31:14 อื Heart แทคมาก่อนเช่นพอเป็นหัวใจเต้น
00:31:14 → 00:31:16 พริ้วหัวใจมันก็เลือกบีบเลือดไม่ได้ตาม
00:31:16 → 00:31:19 ที่ต้องการก็จะเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวตามมา
00:31:19 → 00:31:22 แล้วก็ทำให้เกิดภาวะหัวใที่เสียชีวิตคือ
00:31:22 → 00:31:25 ที่คุณหมอบอกว่าหัวใจล้มเหลวเนี่ยที่มี
00:31:25 → 00:31:28 ภาวะอาการเตือนอยู่เนี่ยนะฮะคุณหมอครับ
00:31:28 → 00:31:31 มันจะมีช่วงเค้าเรียกว่าช่วงช่วงเวลาที่
00:31:31 → 00:31:35 จะต้องรีบไปหาคุณหมอเพื่อทำการรักษาภายใน
00:31:35 → 00:31:38 ระยะเวลากันกี่มากน้อยคุณหมอ
00:31:38 → 00:31:42 ครับคือจริงๆแล้วถ้าเริ่มมีอาการผิดปกติ
00:31:42 → 00:31:46 อ่ะค่ะก็น่าจะเริ่มไปหาเลยเพราะว่าถ้า
00:31:46 → 00:31:49 อาการผิดปกตินั้นน่ะมันยังเป็นน้อยเรา
00:31:49 → 00:31:52 สามารถให้ยากลับบ้านไปกินได้แต่ถ้าเกิด
00:31:52 → 00:31:56 ว่าอาการผิดปกตินั้นน่ะค่ะมันเป็นเยอะจน
00:31:56 → 00:31:59 ขนาดที่เรามีโอกาสมีความเสี่ยงที่ต้องให้
00:31:59 → 00:32:02 ออกซิเจนหรือไซทชวยหายใจมีออกซิเจนใน
00:32:02 → 00:32:05 เลือดที่ต่ำลงไปเยอะและเพราวการทำงานของ
00:32:05 → 00:32:08 ตัวหัวใจและปอดทำงานได้ผิดปกติแล้วเนี่ย
00:32:08 → 00:32:11 ยังไงก็ต้อง admit นะคะก็คือต้องนอนโรง
00:32:11 → 00:32:14 พยาบาลซึ่งแน่นอนการนอนโรงจาก Admission
00:32:14 → 00:32:17 กับเรื่องของซียมีการศึกษาแล้วว่า
00:32:17 → 00:32:19 สัมพันธ์กับอาการที่จะเสียชีวิตเพิ่มมาก
00:32:19 → 00:32:23 ขึ้นทุกครั้งที่ต้อง admit ด้วยารเซียก็
00:32:23 → 00:32:25 จะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเพิ่มมาก
00:32:25 → 00:32:28 ขึ้นเรื่อยๆค่ะฉะนั้นในปัจจุบันันการให้
00:32:28 → 00:32:32 ยาหรือว่ารักษาทางยาก็จะมีการใช้ตัวการ
00:32:32 → 00:32:35 Admission เนี่ยแหละค่ะเป็นการเป็นตัว
00:32:35 → 00:32:38 ชี้วัดตัวนึงที่บอกว่าคนไข้คนนั้นเนี่ยมี
00:32:38 → 00:32:40 โอกาสเสียชีวิตเยอะมากขึ้นยาตัวนี้มี
00:32:40 → 00:32:43 ประโยชน์หรือเปล่าถ้าลด Admission ได้ก็
00:32:43 → 00:32:45 ทำให้บอกว่ามีโอกาสที่จะลดการเสียชีวิต
00:32:45 → 00:32:48 ตามมาได้ด้วยเช่นเดียวกันอืเอ่อช่วงท้า
00:32:48 → 00:32:50 เนี่อยากให้คุณหมอช่วยย้ำอีกสักนิดนึงได้
00:32:50 → 00:32:52 มครับว่าเรื่องของภาวะหวใจล้มเหลวเนี่ย
00:32:52 → 00:32:56 สัญญาณเตือนสัญญาณอันตรายที่มันบ่งบอกว่า
00:32:56 → 00:32:59 เราไม่ควรจะจะต้องอยู่นิ่งเฉยควรจะต้องไป
00:32:59 → 00:33:02 พบแพทย์และมีอะไรบ้างอีกครั้งนึงครับคุณ
00:33:02 → 00:33:06 หมอครับรบกวนด้วยครับค่ะก็ผู้ป่วยที่มี
00:33:06 → 00:33:08 ภาวะหัวใจล้มเหลวนะคะจะเริ่มมีอาการ
00:33:08 → 00:33:12 เหนื่อยง่ายเวลาออกแรงแล้วอาการก็จะเพิ่ม
00:33:12 → 00:33:15 มากขึ้นเรื่อยๆนะคะจนในที่สุดเนี่ยก็จะ
00:33:15 → 00:33:19 เริ่มเหนื่อยเมื่ออยู่เฉยๆนะคะแล้วก็ใน
00:33:19 → 00:33:22 กลุ่มนี้เนี่ยจะสังเกตเลยว่าเวลานอนราบ
00:33:22 → 00:33:24 เนี่ยก็จะเหนื่อยมากขึ้นเหมือนกับหายใจ
00:33:24 → 00:33:28 ไม่ออกเหมือนมีอาการแน่นนะคะต้องรู้ขึ้น
00:33:28 → 00:33:31 มานั่งนะคะหลายรายด้วยกันก็จะมีปัญหา
00:33:31 → 00:33:34 เรื่องของการบวมกดบุ๋มที่บริเวณหน้าขา
00:33:34 → 00:33:37 หรือว่าหลังเท้านะคะในบางรายก็จะมีอาการ
00:33:38 → 00:33:41 ท้องโตท้องแน่นซึ่งเกิดจากภาวะคั่งของน้ำ
00:33:41 → 00:33:44 และเลือดในตับนะคะก็อาจจะทำให้เกิดภาวะ
00:33:44 → 00:33:48 ตับโตมีเจ็บกดเจ็บมีน้ำในช่องท้องหรือบาง
00:33:48 → 00:33:51 รายเนี่ยอาการไม่ชัดเจนลักษณะของอาการมี
00:33:51 → 00:33:53 แค่อ่อนเพียเพราะว่าเลือดเนี่ยไปเลี้ยง
00:33:53 → 00:33:57 ต่างๆในร่างกายไม่เพียงพอเมื่อถ้าเกิดว่า
00:33:57 → 00:34:00 มีอาการดังกล่าวนะคะก็แนะนำให้ไปโรง
00:34:00 → 00:34:03 พยาบาลเพื่อให้คุณหมอได้ทำการซักประวัติ
00:34:03 → 00:34:06 ตรวจร่างกายแล้วก็ทำการสืบค้นเบื้องต้นนะ
00:34:06 → 00:34:08 คะที่เราทำในปัจจุบันก็จะเป็นการตรวจ
00:34:09 → 00:34:11 คลื้นได้ฟ้าหัวใจหรือที่เรียกว่า ekg
00:34:11 → 00:34:15 แล้วก็ตรวจอัตซาวหัวใจเอคคาดิโอแกรมเพื่อ
00:34:15 → 00:34:18 ดูในลักษณะว่าตัวหัวใจเองบีบตัวผิดปกติม
00:34:18 → 00:34:21 มีสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้ม
00:34:21 → 00:34:24 เหลวนะคะแล้วก็จะนำไปสู่การหาสาเหตุ
00:34:24 → 00:34:27 วินิจฉัยประเมินความรุนแรงแล้วก็จ่ายยา
00:34:27 → 00:34:30 ที่สมกับผู้ป่วยต่อไปค่ะอืเราสามารถที่จะ
00:34:30 → 00:34:33 หายจากอาการของเอ่อเริ่มต้นของการที่แบบ
00:34:34 → 00:34:37 ว่าหัวจะเอ่ออาการเหนื่อยเอ่ออย่างที่คุณ
00:34:37 → 00:34:40 หมอบอกเมื่อกี้นี้ถ้าเราได้รับยาแล้วก็
00:34:40 → 00:34:42 อาจจะออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ก้ามให้หัว
00:34:42 → 00:34:46 ใจแข็งแรงขึ้นเราหายขาดได้มั้ยคะคุณ
00:34:46 → 00:34:51 หมอคำว่าหายขาดที่แปลว่าไม่ต้องกินยาเลย
00:34:51 → 00:34:54 ตลอดชีวิตอาจจะไม่ได้ขนาดนั้นนะคะแต่คำ
00:34:54 → 00:34:58 ว่าอาการดีขึ้นหมายถึงว่ากลับไปใช้ชีวิต
00:34:58 → 00:35:01 ได้ปกติมีแน่นอนค่ะถ้าเกิดว่ายังไม่ได้
00:35:01 → 00:35:04 อยู่ในช่วงที่รุนแรงมากก็คือหลังจากที่
00:35:04 → 00:35:07 เราดูแลตัวเองนะคะปฏิบัติตัวให้ถูกต้องลด
00:35:07 → 00:35:12 การกินอาหารเค็มลดโซเดียมนะคะแล้วก็กินยา
00:35:12 → 00:35:16 สม่ำเสมอรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ถ้าอ้วน
00:35:16 → 00:35:18 อยู่ลดความอ้วนสูบบุหรี่หยิบสูบบุหรี่
00:35:18 → 00:35:22 หยิบดื่มเหล้านะคะดังกล่าวเนี่ยก็จะทำให้
00:35:22 → 00:35:25 เราสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติมีคนไข้จำนวน
00:35:25 → 00:35:28 มากที่ต้องแอดมิด้วยเรื่องของภาวะหัวใจ
00:35:28 → 00:35:31 ล้มเหลวแต่หลังจากที่เขากลับมาปฏิบัติตัว
00:35:31 → 00:35:35 ดีกินยาตามที่แนะนำอ่ะค่ะก็สามารถที่จะ
00:35:35 → 00:35:40 กลับไปใช้ชีวิตทำงานได้ปกติค่ะอือืเริ่ม
00:35:40 → 00:35:42 ต้นคอยสังเกตคอยสังเกตใช่เรื่องของการ
00:35:42 → 00:35:46 ตรวจสุขภาพประจำปีเถือว่ามีมีส่วนช่วยทำ
00:35:46 → 00:35:50 ให้เราทราบสัญญาณที่มันอาจจะเกิดขึ้นใน
00:35:50 → 00:35:53 อนาคตข้างหน้าได้ได้มากน้อยขนาดไหนคุณหมอ
00:35:53 → 00:35:57 ฮะส่วนตัวแนะนำให้มีการตรวจสุขภาพประจำปี
00:35:57 → 00:36:00 นะคะก็โดยเฉพาะก็คือในปัจจุบันน่าจะมี
00:36:00 → 00:36:03 ทั้งสิทธิ์ประกันสุขภาพถ้วนหน้า uc ทั้ง
00:36:03 → 00:36:06 ประกันสังคมอนุญาตให้มีการตรวจร่างกาย
00:36:06 → 00:36:08 ประจำปีที่เป็นลักษณะของเช็ค up ให้อยู่
00:36:08 → 00:36:11 แล้วนะคะก็ขึ้นอยู่กับสิทธิ์ไหนอ่ายินดี
00:36:11 → 00:36:14 ให้ตรวจอะไรบ้างการที่เราเช็คอัพเนี่ยเรา
00:36:14 → 00:36:17 ก็จะรู้ถึงความเสี่ยงเช่นถ้าเกิดว่าเรา
00:36:17 → 00:36:19 ไม่เคยตรวจเลยเราก็ไม่เคยรู้นะนว่าเรามี
00:36:19 → 00:36:22 เบาหวานหรือเปล่าความดันสูงมไขมันในเลือด
00:36:22 → 00:36:25 สูงหรือเปล่าซึ่งสาเหตุดังกล่าวเนี่ยค่ะ
00:36:25 → 00:36:29 ตอนแรกสุดเลยมันไม่มีอาการให้เรานินอนใจ
00:36:29 → 00:36:32 แต่ถ้าเราตวจเริ่มรักาตั้งแต่แรกก็จะทำ
00:36:32 → 00:36:35 ให้ป้องกันการเกิดโรคหัวใจในอนาคได้ค่ะ
00:36:35 → 00:36:38 ดังนั้นก็เลยแนะนำให้มีการตรวจเช็ค up นะ
00:36:38 → 00:36:41 คะก็ในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป
00:36:41 → 00:36:44 เนี่ยหรือในคนไข้ที่มีประวัติครอบครัว
00:36:44 → 00:36:47 เป็นเส้นหัวใจปีหรือรูหัวใจที่ชวิตไม่
00:36:47 → 00:36:49 ทราบสาเหตุเนี่ยก็อาจจะต้องตรวจเร็วหน่อย
00:36:49 → 00:36:52 จะสัก 35 ปีขึ้นไปนะคะเพื่อดูว่าเรามี
00:36:52 → 00:36:55 กลุ่มความเสี่งตรงไหนที่มันเสี่งสูงหรือ
00:36:55 → 00:36:57 เปล่าเพื่อที่จะได้ประเมินป้องกันแล้วก็
00:36:57 → 00:37:02 รักษาต่อเนื่องไปค่ะโอ 35 ปีก็ก็ควรจะ
00:37:02 → 00:37:05 ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการสสวจ
00:37:05 → 00:37:06 สุขภาพประจำปีแล้วนะเพราเดี๋ยวนี้คนเรา
00:37:06 → 00:37:08 อาจจะมีความเครียดเพิ่มเติมแล้วใช่เรื่
00:37:08 → 00:37:10 ของอาหารการกินด้วยใช่เหมือนที่คุณหมอบอก
00:37:10 → 00:37:12 ให้รสโซเดียมเนี่ยคือโซเดียมเนี่ยมันมัน
00:37:12 → 00:37:15 มาจากทุกทิศทุกทานจริงๆนะอาหารการกินของ
00:37:15 → 00:37:17 เราเนี่ยอาหารแปรรูปอาหารที่ปรุงกันใหม่ๆ
00:37:17 → 00:37:20 ก็แแต่เครื่องดื่มหวานมันเค็มนี่แหละอมาก
00:37:20 → 00:37:23 มายจริงๆนะครับก็วันนี้ก็ได้ความรู้เยอะ
00:37:23 → 00:37:24 จริงๆนะครับเกี่ยวกับเรื่องของภาวะหัวใจ
00:37:24 → 00:37:27 ล้มเหลวลงทคุณหมอก็มายืนยันว่าเรื่องที่
00:37:27 → 00:37:30 แชร์กันเนี่ยอย่าแชร์ต่อนะ
00:37:30 → 00:37:32 ครับต้องไปเชื่อด้วยนะครับวันนี้ต้องขอ
00:37:33 → 00:37:34 ขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับที่มาให้ความ
00:37:35 → 00:37:36 รู้กับเราในค่ำคืนวันนี้นะครับคุณหมอครับ
00:37:36 → 00:37:39 ขอบพระคุณมากๆนะครับขอบินดีค่ะขอบคุณมาก
00:37:39 → 00:37:41 ค่ะครับขอบพระคุณครับสวัสดีครับคุณหมอ
00:37:41 → 00:37:44 ชนิกาคณาเดิมนะครับนายแพทย์ชำนาญการพิเศษ
00:37:45 → 00:37:48 ด้านเวชกรรมสาขาอายุรกรรมจากสถาบันโรค
00:37:48 → 00:37:54 ทรวงอกกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขนะครับ