00:00:00 → 00:00:04 5 ข้อที่ท่านต้องระวังก่อนที่ท่านจะดื่มนมจืด
00:00:11 → 00:00:14 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อป และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:14 → 00:00:17 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระ
00:00:18 → 00:00:22 วันนี้เราจะคุยกันเรื่องของการดื่มนม
00:00:22 → 00:00:26 5 ข้อที่ท่านต้องระวังก่อนที่ท่านจะดื่มนมจืด
00:00:26 → 00:00:27 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:00:27 → 00:00:30 กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ
00:00:30 → 00:00:31 สำหรับท่านที่มีเวลาน้อย
00:00:31 → 00:00:34 ผมขออนุญาตให้กระโดดไปที่ 3 นาทีสุดท้าย ผมสรุปให้เรียบร้อย
00:00:34 → 00:00:37 ส่วนท่านที่มีเวลา เราไปพร้อมๆ กันเลย
00:00:37 → 00:00:39 สำหรับเรื่องของการดื่มนมจืด
00:00:39 → 00:00:43 ต้องบอกว่านมจืดนี้มีประโยชน์มากๆ อยู่แล้ว
00:00:43 → 00:00:49 เพียงแต่ว่าถ้าเรารู้ว่าอะไรที่เราต้องระวังและอะไรที่เหมาะสม
00:00:49 → 00:00:50 หรือว่าการดื่มแบบไหนที่ดีที่สุด
00:00:50 → 00:00:53 เราก็จะยิ่งได้ประโยชน์จากมันแบบสุดๆ
00:00:53 → 00:00:56 คราวนี้ก็ต้องขอบคุณข้อมูลจาก สสส
00:00:56 → 00:01:00 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพของประเทศไทย
00:01:00 → 00:01:04 ได้ให้ข้อมูลนี้มา ก็ลองค้นหากันดูได้
00:01:05 → 00:01:10 สำหรับข้อแรกที่ต้องระวังเลย นั่นก็คือเรื่องของการเติมน้ำตาล
00:01:10 → 00:01:13 ต้องบอกก่อนว่าในนมมีน้ำตาลอยู่แล้ว
00:01:13 → 00:01:17 แม้จะเป็นนมจืด บางคนบอกให้นมจืดจะไปมีน้ำตาลได้ไง
00:01:17 → 00:01:20 บอกนมจืดมีน้ำตาล มีไม่น้อยด้วย
00:01:20 → 00:01:21 น้ำตาลนี้มีชื่อว่าน้ำตาลแลคโตส
00:01:21 → 00:01:26 ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ไม่มีรสหวานนั่นเอง
00:01:26 → 00:01:29 พอท่านดื่มไปท่านก็นึกว่าไม่มีน้ำตาล แต่จริงๆ มันมีน้ำตาล
00:01:29 → 00:01:32 เพราะฉะนั้นแล้วใครจะดื่มนมเป็นปริมาณมาก
00:01:32 → 00:01:35 เพื่ออยากลดความอ้วน เพื่อควบคุมเบาหวาน
00:01:35 → 00:01:40 อันนี้อาจจะเป็นแนวทางที่ผิด เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง
00:01:40 → 00:01:44 สิ่งที่จะแนะนำก็คือว่าไม่ควรจะเติมน้ำตาลเพิ่มเข้าไปในนมจืดอีก
00:01:44 → 00:01:49 โดยเฉพาะปริมาณมากๆ ก็คือว่ามากกว่า 8 กรัม ต่อนม 100 cc
00:01:49 → 00:01:53 นมแก้วนึงมีประมาณ 200 cc 8 กรัม ก็ประมาณ 2 ช้อนชา
00:01:53 → 00:01:58 เพราะฉะนั้นถ้า 200 cc ก็ไม่แนะนำให้เติมมากเกินไป 3-4 ช้อนชา
00:01:58 → 00:02:02 ไม่แนะนำ คือมันหวานเกินไป น้ำตาลได้เยอะเกินไป
00:02:02 → 00:02:05 จากได้ประโยชน์จากนม กลายเป็นว่าได้โทษจากน้ำตาล
00:02:05 → 00:02:09 และน้ำตาลที่แนะนำให้ใส่ อยากจะให้ใส่เป็นกลุ่มน้ำตาลทรายแดง
00:02:09 → 00:02:11 หรือน้ำตาลอ้อยมากกว่ากลุ่มน้ำตาลขาว
00:02:11 → 00:02:14 เพราะว่าน้ำตาลขาวก็ค่อนข้างที่จะ
00:02:14 → 00:02:16 ถ้าทานเยอะไปจะมีโทษมากกว่ากลุ่มน้ำตาลทรายแดง
00:02:16 → 00:02:19 หรือน้ำตาลอ้อยนั่นเอง ก็ต้องระมัดระวัง
00:02:19 → 00:02:20 กินอย่างพอเหมาะพอควร
00:02:20 → 00:02:23 วันหนึ่งไม่ควรเกิน 6 ช้อนชานั่นเอง
00:02:23 → 00:02:25 และอีกอันนึงที่แนะนำก็คือว่า
00:02:25 → 00:02:30 ไม่ควรที่จะเติมน้ำตาลลงไปในนมที่มีความร้อนสูงๆ
00:02:30 → 00:02:34 นมที่แนะนำก็คือว่าไม่ควรจะเกิน 40-50 องศาเซลเซียส
00:02:34 → 00:02:37 ถ้าเกินแบบนี้ ไม่แนะนำให้เติมน้ำตาลลงไป
00:02:37 → 00:02:41 เพราะว่าน้ำตาลเวลาโดนความร้อนมากๆ มันก็จะโดนปฏิกิริยาต่างๆ
00:02:41 → 00:02:44 ทำให้สูญเสียคุณค่าของมันและเกิดโทษบางอย่างเกิดขึ้น
00:02:44 → 00:02:47 เพราะฉะนั้นก็แนะนำจริงๆ แบบนี้
00:02:47 → 00:02:48 เรื่องของการอย่าเติมน้ำตาลมากไป
00:02:48 → 00:02:52 และอย่าเติมน้ำตาลในนมที่ร้อนเกินไป
00:02:52 → 00:02:54 มาต่อกันที่ข้อที่ 2 บ้าง
00:02:54 → 00:02:57 นั่นคือไม่แนะนำให้เติมช็อคโกแลตลงไปในนม
00:02:57 → 00:03:02 ถามว่าทำไม เพราะว่าการเติมช็อกโกแลตมากๆ ลงไปในนม
00:03:02 → 00:03:07 จะทำให้แคลเซียมในนมไปจัดกับกรดออกซาลิกในช็อกโกแลต
00:03:07 → 00:03:10 คือถ้าเกิดนานๆ ทานที ผมคิดว่าคงไม่ได้เป็นอะไรมากมายหรอก
00:03:11 → 00:03:14 ก็ทานบ้าง แต่ถ้าเกิดเราต้องเติมช็อกโกแลตลงไปทุกวันๆ
00:03:14 → 00:03:19 มันก็จะเกิดการสะสม แคลเซียมบวกกรดออกซาลิก
00:03:19 → 00:03:20 เป็นแคลเซียมออกซาลิก
00:03:20 → 00:03:25 พวกนี้ก็จะทำให้เรื่องของการดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง
00:03:25 → 00:03:27 ก็จะทำให้กระดูกเราไม่แข็งแรง
00:03:27 → 00:03:32 อันที่ 2 คือถ้าเกิดมันมีเยอะๆ ก็อาจจะเกิดตกผลึกเป็นนิ่วในไตได้
00:03:32 → 00:03:34 เพราะฉะนั้นแล้วอันนี้ก็ต้องระมัดระวัง
00:03:34 → 00:03:39 ทานได้ นมใส่ช็อกโกแลตอะไรพวกนี้
00:03:39 → 00:03:42 แต่ถ้าทานทุกวันก็ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่
00:03:42 → 00:03:45 ทุกอย่างควรจะทานแบบสลับผลัดเปลี่ยนกันไป
00:03:45 → 00:03:48 เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่างๆ ที่เหมาะสมนั่นเอง
00:03:49 → 00:03:55 มาต่อกันที่ข้อที่ 3 ที่ควรรู้ นั่นคือไม่ควรทานยาพร้อมกับนม
00:03:55 → 00:03:58 คือตัวของนมจะไปขัดขวางการดูดซึมของยา
00:03:58 → 00:04:00 ถ้าเราต้องการฤทธิ์ของยาเต็มร้อย
00:04:00 → 00:04:02 ถ้าเราทานไปพร้อมกับนมอาจจะได้เหลือ 80
00:04:02 → 00:04:04 อาจจะได้เหลือ 70 อาจจะได้เหลือ 50
00:04:04 → 00:04:07 เพราะฉะนั้นแล้วไม่แนะนำให้ทานยาพร้อมกับนม
00:04:07 → 00:04:12 ถ้าจะทานจริงๆ ก็ควรเว้นระยะห่าง 1-2 ชั่วโมง
00:04:12 → 00:04:17 เพื่อให้นมไม่ได้คงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารออกไปแล้ว
00:04:17 → 00:04:21 เราค่อยทานยาเข้าไป แบบนี้จะโอเคมากกว่า ดูดซึมได้ดีกว่า
00:04:21 → 00:04:26 มาต่อกันข้อที่ 4 กันบ้าง ข้อควรระวังเมื่อท่านจะดื่มนมจืด
00:04:26 → 00:04:30 นั่นก็คือไม่แนะนำให้ต้มนมจืด
00:04:30 → 00:04:33 เดือดจนเป็นแบบ 100 องศา แบบนี้ไม่แนะนำเลย
00:04:33 → 00:04:36 เพราะว่าอะไร เพราะว่าการต้มนมจนเดือด
00:04:36 → 00:04:39 น้ำตาลอย่างที่ผมบอกไปช่วงแรกว่า
00:04:39 → 00:04:43 ในนมนี้แม้จะเป็นนมจืด มีน้ำตาลชื่อว่าน้ำตาลแลคโตส
00:04:43 → 00:04:47 ซึ่งน้ำตาลตัวนี้ ถ้าเกิดโดนต้มด้วยความร้อนสูงๆ จนเดือด
00:04:46 → 00:04:48 อาจจะทำให้น้ำตาลไหม้ได้
00:04:48 → 00:04:50 แล้วอย่างที่บอกอะไรก็ตามที่ไหม้
00:04:50 → 00:04:54 อะไรก็ตามที่เขาเรียกว่าโดนความร้อนนานเกินไป
00:04:54 → 00:04:56 ก็จะเกิดพวกอนุมูลอิสระขึ้น
00:04:56 → 00:05:02 สิ่งที่พวกอาจจะทำให้เรามีความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่างๆ มากยิ่งขึ้น
00:05:02 → 00:05:04 เพราะฉะนั้นแล้วเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสี่ยง
00:05:04 → 00:05:07 และการต้มนมเดือด 100 องศา มันคงดื่มยาก
00:05:07 → 00:05:09 มันร้อนลวกปาก
00:05:09 → 00:05:13 นมที่ผมคิดว่ากำลังดื่มกำลังพอเหมาะก็คือสักประมาณ 40 องศา
00:05:13 → 00:05:16 40 -50 องศากำลังอุ่นกำลังดี
00:05:16 → 00:05:19 อย่าไปต้มให้เดือดมากจนเกินไป
00:05:19 → 00:05:24 มาต่อเป็นที่ข้อสุดท้าย ข้อที่ 5 ที่ต้องระมัดระวังคือ
00:05:24 → 00:05:29 ไม่ควรเติมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มลงในนม
00:05:29 → 00:05:34 เพราะกรดในน้ำมะนาวหรือน้ำส้มจะทำลายโปรตีนในนมได้
00:05:34 → 00:05:38 ต้องบอกว่าในนมมีสารที่สำคัญมากมาย
00:05:38 → 00:05:41 และสารที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ก็คือโปรตีน
00:05:41 → 00:05:44 โปรตีนที่ร่างกายมนุษย์ต้องการต่อวัน
00:05:44 → 00:05:48 ก็คือประมาณ 1.5-2 กรัม/กิโล
00:05:48 → 00:05:52 ซึ่งโดยส่วนใหญ่ต้องบอกว่ามักจะทานโปรตีนกันไม่ถึงนั่นเอง
00:05:52 → 00:05:55 และพอเราทานนมไปอยากได้โปรตีนใช่ไหม
00:05:55 → 00:06:00 เติมมะนาวเติมส้มลงไป ไอ้โปรตีนที่เราควรจะได้โดนทำลายเข้าอีก
00:06:00 → 00:06:03 กลายเป็นว่าเราไม่มีโปรตีนมาเสริมสร้างกล้ามเนื้อของเรา
00:06:03 → 00:06:08 ทำให้เราขาดโปรตีนไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นเอง
00:06:08 → 00:06:12 และนี่ก็คือ 5 ข้อที่ท่านควรระมัดระวังเมื่อท่านดื่มนมจืด
00:06:12 → 00:06:15 อย่างที่บอกนมจืดเป็นสิ่งที่ดี
00:06:15 → 00:06:19 ถ้าท่านดื่มได้ถูกต้องและเข้าใจข้อไหนควรระวังนั่นเอง
00:06:20 → 00:06:22 คราวนี้ผมขออนุญาตสรุป
00:06:22 → 00:06:26 5 ข้อควรระวังเมื่อท่านจะดื่มนมจืด
00:06:26 → 00:06:30 อันนี้ต้องขอบคุณข้อมูลจาก สสส
00:06:30 → 00:06:33 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
00:06:33 → 00:06:39 ก็มีข้อมูลให้เราอ่านชัดเจน อันนี้ผมก็นำมาเล่าสู่กันฟังนั่นเอง
00:06:39 → 00:06:43 ข้อแรก ก็คือไม่ควรเติมน้ำตาลมากเกินไปลงในนมจืด
00:06:43 → 00:06:47 เพราะในนมจืดโดยปกติมันมีน้ำตาลอยู่แล้ว
00:06:47 → 00:06:49 ท่านก็บอกมันไม่หวาน จะมีน้ำตาลได้ไง
00:06:49 → 00:06:53 มันมี เขาชื่อน้ำตาลแลคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลที่ไม่หวาน
00:06:53 → 00:06:56 แปลว่าการดื่มนมจืด เราก็ได้น้ำตาลอยู่แล้ว
00:06:56 → 00:06:59 ถ้าดื่มมากไปก็จะอ้วนได้ ไม่ใช่ดื่มนมแล้วจะลดความอ้วนได้
00:06:59 → 00:07:01 จะคุมน้ำหนักก็ต้องทานอย่างพอเพียง
00:07:01 → 00:07:04 ถ้าเรายิ่งใส่น้ำตาลลงไปอีกโดยเป็นปริมาณมาก
00:07:04 → 00:07:08 เขาไม่แนะนำให้มากเกินกว่า 8 กรัม ในนม 100 cc
00:07:08 → 00:07:10 นมแก้วใหญ่ๆ ประมาณ 200 cc
00:07:10 → 00:07:12 เพราะฉะนั้นไม่ควรจะเกินซัก 16 กรัม
00:07:12 → 00:07:17 แปลว่าประมาณสัก 3-4 ช้อนชา ไม่ควรจะเติมลงไปแล้ว
00:07:17 → 00:07:19 เพราะว่ามันคงจะหวานมากๆ จนเกินไป
00:07:19 → 00:07:23 และอีกอันนึงคือเวลาเติม ไม่ควรจะเติมในนมที่ร้อนมากๆ
00:07:23 → 00:07:27 แนะนำว่านมไม่ควรเกิน 50 องศา อย่างนี้เติมได้
00:07:27 → 00:07:29 ถ้าร้อนกว่านี้ไม่แนะนำแล้ว
00:07:29 → 00:07:31 เพราะว่าน้ำตาลอาจจะเปลี่ยนโดนทำลาย
00:07:31 → 00:07:34 โดนมีปฏิกิริยา อาจจะมีผลเสียกับร่างกายได้
00:07:34 → 00:07:39 ข้อที่ 2 ที่ควรรู้นั่นคือไม่ควรเติมช็อกโกแลตลงในนม
00:07:39 → 00:07:42 คือถามว่านานๆ ทีกินได้ไหม กินได้ เติมช็อคโกแลตลงไปในนม
00:07:42 → 00:07:44 แต่ถ้าทานบ่อยๆ มันจะเกิดอะไรขึ้น
00:07:44 → 00:07:48 คือตัวแคลเซียมในนมจะไปจับกับกรดออกซาลิกในช็อกโกแลต
00:07:48 → 00:07:50 ทำให้เกิดแคลเซียมออกซาลิก
00:07:50 → 00:07:53 ถ้าเรานานๆ ทานที มันก็ไม่เป็นไรเท่าไหร่
00:07:53 → 00:07:56 แต่ถ้าเราทานบ่อยๆ บางทีมันไปตกผลึกกลายเป็นนิ่วบ้าง
00:07:56 → 00:08:00 และการไปบ่อยไอ้ตัวแคลเซียมออกซาลิก
00:08:00 → 00:08:03 มันก็จะทำให้เราดูดซึมแคลเซียมได้ไม่ดีเพียงพอ
00:08:03 → 00:08:05 เพราะมันไปจับกันเรียบร้อยแล้ว
00:08:05 → 00:08:08 ก็ทำให้เราขาดแคลเซียม มีกระดูกเปราะอะไรอย่างนี้ได้
00:08:08 → 00:08:12 เพราะฉะนั้นทานได้ไหม ทานได้ แต่อย่าทำบ่อยเท่านั้นเอง
00:08:12 → 00:08:15 ทานทุกวันอย่างนี้ไม่แนะนำ นมจืดก็นมจืดดีกว่า
00:08:15 → 00:08:18 อย่าไปเติมอะไรให้มันมากมายจนเกินไป
00:08:18 → 00:08:23 มาต่อกันที่ข้อที่ 3 นั่นคือไม่ควรทานยาพร้อมกับนม
00:08:23 → 00:08:26 เพราะยาจะดูดซึมได้น้อยกว่าเดิม
00:08:26 → 00:08:29 ทำให้ความเข้มข้นของยาที่เราต้องการไม่ถึงปริมาณที่เราต้องการ
00:08:29 → 00:08:32 อาจจะลดคุณภาพลงเหลือ 80% 70% 50% ได้
00:08:32 → 00:08:36 เพราะฉะนั้นระมัดระวัง ถ้าดื่มนมให้เว้น 1-2 ชั่วโมง
00:08:36 → 00:08:38 ค่อยทานกันนั่นเอง
00:08:38 → 00:08:44 มาต่อกันที่ข้อที่ 4 บ้าง นั่นคือไม่ควรต้มจนเดือดถึง 100 องศาเซลเซียส
00:08:44 → 00:08:48 เพราะว่าน้ำตาลในนมอย่างที่บอก
00:08:48 → 00:08:51 นมจืดก็มีน้ำตาล น้ำตาลแลคโตสที่ไม่หวาน
00:08:51 → 00:08:54 ถ้าโดนต้มไปเรื่อยๆ เป็นไง น้ำตาลก็ไหม้
00:08:54 → 00:08:57 อะไรก็ตามที่ไม่ก็ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งได้
00:08:57 → 00:08:59 เพราะฉะนั้นระมัดระวัง
00:08:59 → 00:09:03 มาต่อกันที่ข้อที่ 5 นั่นก็คือไม่ควรเติมมะนาว
00:09:03 → 00:09:06 ไม่ควรเติมน้ำส้มลงไปในนม
00:09:06 → 00:09:10 ถามว่าเพราะอะไร เพราะว่ากรดจากมะนาว กรดจากส้ม
00:09:10 → 00:09:14 ทำปฏิกิริยาอาจจะทำลายโปรตีนในนมได้
00:09:14 → 00:09:16 ซึ่งโปรตีนเป็นโปรตีนชั้นดีเลยในนม
00:09:16 → 00:09:18 เราอุตส่าห์ทานเพื่อให้ได้โปรตีน
00:09:18 → 00:09:23 เราดันไปเติมของที่ทำลายโปรตีน แบบนี้เราเสียดายของ
00:09:23 → 00:09:27 เพราะฉะนั้นแล้วนี่ก็พยายามทานนมจืดแบบสบายๆ ดีกว่า
00:09:27 → 00:09:31 โดยส่วนตัวผมก็แนะนำว่าถ้าท่านอยากจะทานนมจืด
00:09:31 → 00:09:34 ก็เป็นนมจืดวันนึงก็สักแก้วนึงนะ
00:09:34 → 00:09:36 อย่าไปเยอะเกินกว่านั้น เพราะอาจจะอ้วนได้
00:09:36 → 00:09:39 โดยส่วนตัวแนะนำแค่แก้วเดียว วันละ 200 cc
00:09:39 → 00:09:41 อาจจะทานตอนเช้าหรือทานก่อนนอนก็ได้
00:09:41 → 00:09:44 ถ้าทานก่อนนอน อาจจะทำให้ท่านหลับสบายดี
00:09:44 → 00:09:47 เพราะว่ามีเรื่องของเมลาโทนินอยู่ในตัวนมจืด
00:09:47 → 00:09:50 โดยเฉพาะนมอุ่นๆ ไม่ใช่นมร้อนนะ
00:09:50 → 00:09:53 นมองศาที่แนะนำก็สักประมาณ 40-50 องศานั่นเอง
00:09:53 → 00:09:56 ก็ขอให้ทุกท่านดื่มนมอย่างมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
00:09:56 → 00:09:57 สวัสดีครับ