00:00:00 → 00:00:02 ลูกของผ่องนะครับส่งปัญหาหลักของมันเลยก็
00:00:02 → 00:00:03 คือเรื่องของโครงสร้างของทุนรวมและมันถูก
00:00:03 → 00:00:06 ทำลายไปแต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวนะมาเสกและ
00:00:06 → 00:00:08 หลังนะครับแล้วก็เรียกว่าใคร tests เนี่ย
00:00:08 → 00:00:10 ปัญหาหลักแล้วก็จะเป็นหัวใจของมันก็คือมี
00:00:10 → 00:00:13 การสร้างพวกเนี่ยในพวกท่อลมนะครับรถเรา
00:00:13 → 00:00:16 เล็กๆเพิ่มมากจนผิดปกติ
00:00:16 → 00:00:33 [เพลง]
00:00:33 → 00:00:36 สวัสดีครับวันนี้ก็จะเป็นตอนที่ 4 นะครับ
00:00:36 → 00:00:38 ของซีรีส์ใช่คุยกันมานะครับก็คือเรื่อง
00:00:38 → 00:00:41 ของการทำงานของปอดและทางเดินหายใจในตอน
00:00:41 → 00:00:43 ที่ 4 นี้นะครับเราก็จะคุยกันถึงเรื่อง
00:00:43 → 00:00:45 ของโรคนะครับเรื่องของความเจ็บป่วยนะครับ
00:00:45 → 00:00:47 คือใน 3 ตอนแรกเนี่ยที่เราคุยกันมาเป็น
00:00:47 → 00:00:50 เรื่องของการทำงานแบบปกติของปอดนะครับคือ
00:00:50 → 00:00:53 ในปอดสภาวะปกติวันนี้เราจะมาดูภาวะที่ผิด
00:00:53 → 00:00:55 ปกตินั่นบ้างเดี๋ยวเราจะนำความรู้จักตอน
00:00:55 → 00:00:57 ที่ 1-3 นะครับที่เราคุยกันไปนะครับมาทำ
00:00:57 → 00:01:00 ความเข้าใจว่าโรคปอดตอนที่มันก็ผิดปกติ
00:01:00 → 00:01:03 หรือว่าเกิดเป็นโรคขึ้นมาเนี่ยมันมีกลไก
00:01:03 → 00:01:05 อะไรเกิดขึ้นบ้านนะครับมีการเปลี่ยนแปลง
00:01:05 → 00:01:07 อย่างไรบ้างแต่ว่าเราควรจะเลือกคุยกัน
00:01:07 → 00:01:09 เป็นบางโลกนะครับเพราะว่าคงไม่สามารถที่
00:01:09 → 00:01:12 จะคุยโรคกว่าทั่วโลกได้เราจะขอโฟกัสไปที่
00:01:12 → 00:01:15 กลัวกวาดบ้างโลกนะครับที่พบได้บ่อยและคิด
00:01:15 → 00:01:17 ว่าใกล้ตัวกับผู้ฟังสองส่วนใหญ่นะครับ
00:01:17 → 00:01:20 ซึ่งหลักๆนะครับก็คงจะตกการสุดที่ 2 โรค
00:01:20 → 00:01:22 ด้วยกันอันแรกก็คือโรค copd นะครับฟัง
00:01:22 → 00:01:24 ชื่อเนี่ยอาจจะไม่รู้จักนะครับแต่ว่าจริง
00:01:24 → 00:01:26 มันก็คือโรคปอดที่เกี่ยวข้องกับการชลบุรี
00:01:26 → 00:01:29 มาเป็นระยะเวลานานๆตรงที่ 2 นะครับก็คือ
00:01:29 → 00:01:31 ภาวะติดเชื้อของปอดนะครับเพราะว่าช่วง
00:01:31 → 00:01:34 หลายคนคงสนใจนะครับเพราะมีช่วงที่มีก็โทร
00:01:34 → 00:01:37 เวลาซัก Call it to โรคคอวีเดรบานอยู่
00:01:37 → 00:01:39 นะครับหลายคนคงอยากจะรู้ว่ากลไกที่เกิด
00:01:39 → 00:01:41 ขึ้นกับ Point พอติดเชื้อมันเกิดอะไรขึ้น
00:01:41 → 00:01:43 นะครับสำหรับเป้าหมายในการพูดคุยนะครับก็
00:01:43 → 00:01:46 คงจะไม่ได้เป็นลักษณะที่ไปเจาะลึกลงในราย
00:01:46 → 00:01:47 ละเอียดทุกอย่างนะครับที่จะว่าเป้าหมาย
00:01:47 → 00:01:50 หลักเนี่ยก็อยากจะให้ได้พอได้ยินชื่อโรค
00:01:50 → 00:01:52 นี้ขึ้นมาแล้วเนี่ยอย่างน้อยก็พอนึกภาพ
00:01:52 → 00:01:55 ออกนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นในปอดมันมีคน
00:01:55 → 00:01:57 ไกลๆเกิดขึ้นนะครับแล้วก็สิ่งที่เกิดขึ้น
00:01:57 → 00:02:00 ได้ปล่อยมานำมาสู่อาการต่างๆที่เราคุณ
00:02:00 → 00:02:02 เด็กในครรภ์ได้ยังไงแล้วก็หวังว่านะครับ
00:02:02 → 00:02:05 เมื่อพอเรานึกภาพออกนะครับว่าโรคปอดทั้ง
00:02:05 → 00:02:06 ตามันเกิดขึ้นได้ยังไงนะครับอาจจะเป็นนาง
00:02:06 → 00:02:09 ถูกใจสำคัญนะครับที่ทำให้เราอยากจะดูแล
00:02:09 → 00:02:11 สุขภาพหรือว่ารักร่างกายของเรามากขึ้น
00:02:11 → 00:02:14 ด้วยเรามาเริ่มต้นกันที่โลก 4P ดีก่อนเลย
00:02:14 → 00:02:17 นะครับคำว่าสวัสดีดีนะว่าเป็นคำย่อนะครับ
00:02:17 → 00:02:19 มาจากชื่อเต็มคือว่าตัว C ย่อมาจากคำว่า
00:02:20 → 00:02:22 ครอสนึงนะครับที่แปลว่าเรื้อรังส่วนโอโดย
00:02:22 → 00:02:24 อ้อมจากว่า Options นะครับล็อกซักทีนะ
00:02:24 → 00:02:27 ครับที่แปลว่าการอุดตันนะครับส่วนตัวพี่
00:02:27 → 00:02:28 ในย่อมาจากคำว่าพอมา Navy นะครับที่แปล
00:02:29 → 00:02:31 ว่าปอดแล้วก็ตัวดิสก์ตัวดีนะครับก็ยังเขา
00:02:31 → 00:02:34 ไป disease แปลว่าโรคนี้คำรวมของเสื่อม PD
00:02:34 → 00:02:36 ก็คือเป็นคอ neck of updates for
00:02:36 → 00:02:38 novices นะครับแปลเป็นไทยแบบลงตัวกับว่า
00:02:38 → 00:02:40 เป็นโรคปอดนะครับที่มีการอุดกั้นแล้วครับ
00:02:40 → 00:02:44 การของท่านใดใจแบบที่เรื้อรังก็คือท่าใด
00:02:44 → 00:02:47 ใจนำในการติดแท็บเล็ตเองทำให้การเคลื่อน
00:02:47 → 00:02:50 ที่ผ่านไปต่อไม่สะดวกจะช่วยที่คนส่วนใหญ่
00:02:50 → 00:02:53 นะครับคุณเคยกว่าก็คือชื่อโรคถุงลมโป่ง
00:02:53 → 00:02:55 พองนะครับเพราะที่พบในคนที่สูบบุหรี่เป็น
00:02:55 → 00:02:58 ประจำนะครับนานๆแต่ต้องบอกว่าจริงๆเนี่ย
00:02:58 → 00:03:01 โรคถุงลมโป่งพองมันเป็นวันพรุ่งนี้ 2 โลก
00:03:01 → 00:03:04 ของโรค copd นะครับแล้วสาเหตุของโรคเซลล์
00:03:04 → 00:03:06 PD เนี่ยมันก็ไม่มาจากการชมเรียนเดียวนะ
00:03:06 → 00:03:07 ครับมันมีสาเหตุในได้หลายสาเหตุด้วยกัน
00:03:07 → 00:03:10 แต่สาเหตุที่น่าจะเจอบ่อยที่สุดก็คือ
00:03:10 → 00:03:12 เรื่องของการสูบบุหรี่จริงใจนึงนะครับที่
00:03:12 → 00:03:14 สำคัญแล้วก็จะสำคัญมากขึ้นในอนาคตนะครับ
00:03:14 → 00:03:16 ก็เป็นเรื่องของมลภาวะทางการต่างๆนะครับ
00:03:16 → 00:03:19 ก็สามารถทำให้เกิดโรคปอดเรื้อรังปีได้โดย
00:03:19 → 00:03:22 เฉพาะเรื่องของฝุ่นควัน PM 2.5 เนี่ยอาจ
00:03:22 → 00:03:24 จะเป็นสาเหตุที่เกิดโรคเสื่อม PD ได้นะ
00:03:24 → 00:03:26 ครับแล้วก็อย่างที่พูดไปเมื่อกี้นะครับก็
00:03:26 → 00:03:29 คือ PD เดี๋ยวมันก็มาที่เอามันก็เป็น 2
00:03:29 → 00:03:31 โรคนะครับเกิดในหนึ่งคนเกิดโรคปอดศก.โลก
00:03:31 → 00:03:33 ขึ้นมาพร้อมกันที่บอกเป็นของโลกเพราะมี
00:03:33 → 00:03:35 กลไกที่ต่างกันนะครับและนำไปสู่อาการใน
00:03:35 → 00:03:38 ที่ต่างกันมีแต่ว่าเจอคู่กันบ่อยมากนะ
00:03:38 → 00:03:41 ครับก็เลยเรียกกันว่าสิ PD สำโรงที่ว่าใน
00:03:41 → 00:03:43 คืออะไรโรคแรกวันที่พูดไปนะครับถุงลมโป่ง
00:03:43 → 00:03:46 พองนะครับขอชิมช้างพิมพ์เรียกว่าเป็น FC
00:03:46 → 00:03:49 ม่านะครับที่การเดินจะเป็นภาวะหลอดลม
00:03:49 → 00:03:51 อักเสบเรื้อรังนะครับชื่อภาษาอังกฤษหรือ
00:03:51 → 00:03:53 ว่าชื่อทางการแพทย์ในใจว่าคลอในกล่องใคร
00:03:53 → 00:03:56 เตะนะครับ Connect ที่แปลว่าด้วยลังแล้ว
00:03:56 → 00:03:59 ก็บางคายนะครับรอง Class ในก็คือตัวร้อนๆ
00:03:59 → 00:04:01 นะครับเติมเมื่อเด็กเข้าไปก็แปลว่าหลอดลม
00:04:01 → 00:04:04 อักเสบเรื้อรังนะครับสองโรคนี้นะครับมัน
00:04:04 → 00:04:07 จะมีกลไกในการเกิดที่ต่างกันไปอ๋อถ้าเป็น
00:04:07 → 00:04:10 โรคของถุงลมโป่งพองนะครับตัวปัญหาหลักของ
00:04:10 → 00:04:12 มันเลยก็คือเรื่องของโครงสร้างของทุนรวม
00:04:12 → 00:04:15 รถบรรทุกทำลายไปและเป็นเรื่องของตัวเรามา
00:04:15 → 00:04:17 เสพและหลังนะครับหรือว่าข้อเรียกร้องใคร
00:04:17 → 00:04:19 tests เนี่ยปัญหาหลักนะครับจะเป็นหัวใจ
00:04:19 → 00:04:23 ของมันก็คือมีการสร้างพวกเนี่ยในพวกทอดลม
00:04:23 → 00:04:25 นะครับรถเราเล็กๆเพิ่มมากจนผิดปกติแต่ว่า
00:04:25 → 00:04:27 ทั้งสองโรคนี้เนี่ยในชีวิตจริงเดี๋ยวจะ
00:04:27 → 00:04:29 ไม่ค่อยเจอคนที่เป็นโรคเดียวนะครับจะไม่
00:04:29 → 00:04:31 เจอคนที่เป็นโรคตัวร่วมปลอบทองอย่างเดียว
00:04:31 → 00:04:34 เลยนะครับเพียวเนี่ยหรือว่าเป็นโรคหลอดลม
00:04:34 → 00:04:36 อักเสบเรื้อรังเพียวเนี่ยพบไม่ค่อยเจอนะ
00:04:36 → 00:04:38 ครับแต่ว่าในแง่ของการที่เราจะคุยกันวัน
00:04:38 → 00:04:40 นี้นะครับเราต้องแยกเป็น 2 โรคด้วยการ
00:04:40 → 00:04:42 เพราะว่าสองโลกนี้นะครับมันมีกลไกที่ต่าง
00:04:42 → 00:04:44 กันแล้วก็สุดท้ายนำไปสู่อาการนะครับของ
00:04:44 → 00:04:47 ผู้ป่วยในที่ต่างกันไปท่าแบบในตำรานะครับ
00:04:47 → 00:04:49 แบบคลาสสิกนะครับจะมีคำบรรยายของโลกทั้ง
00:04:49 → 00:04:52 สองโลกเนี้ยคือปัญญาลักษณะของผู้ป่วยต่าง
00:04:52 → 00:04:55 กันไปนะครับถ้าเป็นโรคหลอดลมอักเสบนะครับ
00:04:55 → 00:04:57 ในภาษาอังกฤษจะมีการบรรยายนะครับหรือใน
00:04:57 → 00:04:59 ภาษาทางการแพทย์เนี่ยบรรยายแล้วก็เรียก
00:04:59 → 00:05:01 ผู้ป่วยว่ามีเขาเรียกว่าเป็นบลูโรสเตอร์
00:05:01 → 00:05:03 นะครับดูที่เพราะว่าสีน้ำเงินนะครับล็อต
00:05:03 → 00:05:06 เตอร์เน็ตที่มาถึงแล้วลักษณะของการบวมนะ
00:05:06 → 00:05:07 ครับเป็นคนที่บรรยายลักษณะว่าแบบนี้นะ
00:05:07 → 00:05:09 ครับเพราะว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคคอในต้อง
00:05:10 → 00:05:11 ใครเตทนะครับหรือว่าเราเสร็จแล้วหลัง
00:05:11 → 00:05:14 เนี่ย valenza ควีนที่ปากนะครับก็จะดูสี
00:05:14 → 00:05:16 เขียวนะครับมันที่คนไทยเรียกว่าปากเขียว
00:05:16 → 00:05:18 รวบปากม่วงแต่ฝรั่งในเขาจะเรียกว่าเป็นสี
00:05:18 → 00:05:21 Blue นะครับซึ่งมันก็คือภาวะที่ในเพราะ
00:05:21 → 00:05:23 ว่าเขาเจนนะครับคือในเรื่องเดียวซิเจน
00:05:23 → 00:05:26 เนี่ยค่อนข้างมีรถลงนะครับส่วนเพราะว่าร์
00:05:26 → 00:05:28 เตอร์ที่บอกว่าบวมนะครับเพราะว่าผู้ป่วย
00:05:28 → 00:05:30 เนี่ยจะมีลักษณะที่เหมือนกับปกติจะเป็นคน
00:05:30 → 00:05:33 ค่อนข้างทั่วๆนะครับหรือว่าจะมีลักษณะการ
00:05:33 → 00:05:36 บวมน้ำนะครับที่ตามชั้นขาส่วนโรคถุงลม
00:05:36 → 00:05:38 โป่งพองนะครับเรื่องพิษสามารถนะครับผู้
00:05:38 → 00:05:40 ป่วยจะมีลักษณะที่บรรยายว่าเป็นพิงค์พา
00:05:40 → 00:05:43 เฟอร์นะครับทิ้งที่ประสีชมพูนะครับส่วน
00:05:43 → 00:05:46 ภาพเธอในจะเป็นยายลักษณะของปากของผู้ป่วย
00:05:46 → 00:05:48 นะครับเวลาที่หายใจออกเนี่ยปากเข้าใจไหม
00:05:48 → 00:05:50 ครับเอาพันธุ์นำมาใกล้กันครับมันพยายาม
00:05:50 → 00:05:54 ที่จะผิวป่าเพื่อให้อากาศมันออกมาได้เต็ม
00:05:54 → 00:05:56 ที่นะครับส่วนคำว่า Pink ก็จะบรรยาย
00:05:56 → 00:05:58 ลักษณะไปหน้าของผู้ป่วยหรือว่าแถวๆคอแถว
00:05:58 → 00:06:01 หน้าอกนะครับที่จะมีไม่แพงสำหรับเหตุผล
00:06:01 → 00:06:04 ว่าทำไมหายใจแบบนี้นะครับที่ทำให้อะนำมา
00:06:04 → 00:06:06 ที่ปากมาใกล้ๆกันนะครับหรือว่าใบหน้าในมี
00:06:06 → 00:06:09 สีแดงเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังนะครับคือพอเรา
00:06:09 → 00:06:11 ฟังเรื่องกดไก่เกาะนะครับพอเราเข้าใจกลไก
00:06:11 → 00:06:14 เนื้อจะเข้าใจลักษณะที่แสดงออกมาเนี่ยได้
00:06:14 → 00:06:16 ดีขึ้นนะครับแต่ก็อย่างที่บอกไปตอนแรกนะ
00:06:16 → 00:06:18 คะว่าในชีวิตจริงเนี่ยสองโลกนี้มันไม่เจอ
00:06:18 → 00:06:20 แยกกันนะครับเราจะไม่เจอคนไข้ที่มีลักษณะ
00:06:20 → 00:06:22 เป็นแบบ Robot เอ้ออย่างเดียวหรือว่าเป็น
00:06:22 → 00:06:24 เพราะแบบเดียวนะครับส่วนใหญ่จะเป็นอยู่ใน
00:06:24 → 00:06:27 ตำรานะครับไม่เข้าใจกลไกแต่คนที่ป่วยจริง
00:06:27 → 00:06:29 ๆส่วนใหญ่จะมีรักนะสองอย่างนี้ร่วมกัน
00:06:29 → 00:06:32 คราวนี้นะครับเราจะไม่อยากดูคนไกลการเกิด
00:06:32 → 00:06:34 โรคทีละโลกกันนะครับจะขอเริ่มจากโรคข้อใน
00:06:34 → 00:06:36 ตรงใครเต็ดหรือว่าหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
00:06:36 → 00:06:39 ก่อนอย่างที่พูดไปก่อนหน้านะคะว่าโลกนี้
00:06:39 → 00:06:41 ปัญหาหลักค่ะมันก็คือตัวทางเดินหายใจใน
00:06:41 → 00:06:44 วันนี้การสร้างตัวเมือกนะครับออกมามากผิด
00:06:44 → 00:06:46 ปกติตัวเมื่อที่ว่าในถึงจะเป็นเมือกที่
00:06:46 → 00:06:49 เป็นปกตินะคะเป็นเมือกที่พบในคนทั่วไป
00:06:49 → 00:06:50 แล้วก็เป็นเมื่อที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
00:06:50 → 00:06:52 เหมือนที่เราคุยกันไปก่อนหน้าก็คือตัว
00:06:52 → 00:06:55 เมื่อกี้มันทำหน้าที่คอยดักจับพวกสิ่ง
00:06:55 → 00:06:57 แปลกปลอมนะครับเชื้อโรคหรือว่าพวกฝุ่น
00:06:57 → 00:06:59 ละอองต่างๆเพียงแต่ว่า
00:07:00 → 00:07:02 หน้าที่ของผู้ป่วยเนี่ยมันถูกสร้างออกมา
00:07:02 → 00:07:04 มากเกินไปแล้วก็ถูกสร้างมาเป็นระยะเวลา
00:07:04 → 00:07:07 นานด้วยคือเป็นแบบหลายๆปีตั้งนะครับคำถาม
00:07:07 → 00:07:11 แรกที่น่าสนใจก็คือว่าทำไมนะครับร่างกาย
00:07:11 → 00:07:14 เราถึงได้สร้างเมื่อขึ้นมามากนะครับทำไม
00:07:14 → 00:07:16 เซลล์ที่บุคนะทางเดินหายใจมันถึงได้ผลิต
00:07:16 → 00:07:19 ในตัวเมืองเนี่ยมากเกินผิดมากเกินปกติตัว
00:07:19 → 00:07:20 เมื่อเหล่านี้นะครับหรือที่ภาษาทางการ
00:07:20 → 00:07:23 แพทย์เรียกว่าวิวคลาสนะครับปกติหน้าที่
00:07:23 → 00:07:24 ของมันจะเป็นเรื่องของการที่สร้างมาอย่าง
00:07:24 → 00:07:27 ที่บอกคือจะพวกเชื้อโรคนะครับมีเหตุผลก็
00:07:27 → 00:07:28 คือเป็นเรื่องของการให้ความชุ่มชื่นนะ
00:07:28 → 00:07:31 ครับภายในทางเดินหายใจแล้วตัวเมื่อนี้นะ
00:07:31 → 00:07:34 ครับปกติมันจะทำงานร่วมไปกับออกคนเล็กๆนะ
00:07:34 → 00:07:36 ครับที่คุยกันไปนะครับที่ชื่อเรียกว่า
00:07:36 → 00:07:39 ซีเรียนะครับที่จะคอยปกพวกเรานี้นะครับ
00:07:39 → 00:07:41 ให้เหมือนกับขึ้นมาข้างบนนะครับก็คือมัน
00:07:41 → 00:07:44 จะว่าออกมาจากร่างกายนะครับซึ่งก็จะเข้า
00:07:44 → 00:07:47 ให้กว่าเมื่อตัวเมื่อไหร่นี้จากท่อท่อหาย
00:07:47 → 00:07:49 ใจเล็กๆนะครับค่อยๆเคลื่อนที่มาช้าๆจน
00:07:49 → 00:07:51 กว่าจะมาถึงก่อนลมใหญ่และสุดท้ายเนี่ยมัน
00:07:51 → 00:07:55 ก็จะออกมาในรูปของเสมหะที่เราคุ้นเคยนะ
00:07:55 → 00:07:57 ครับอย่างนี้สิ่งที่กระตุ้นให้ตัวเมื่อมี
00:07:57 → 00:07:59 การสร้างขึ้นมากขึ้นนะครับก็คือพวกฝุ่น
00:07:59 → 00:08:01 ควันต่างๆนะครับแล้วว่ามลภาวะต่างๆใน
00:08:01 → 00:08:04 อากาศพวกนี้มันจะทำให้เกิดการระคายเคือง
00:08:04 → 00:08:06 ไปในทางเดินหายใจนะครับก็คือตามทางเดิน
00:08:06 → 00:08:08 หายใจที่อากาศมันเลื่อนผ่านไปเนี่ยมันก็
00:08:08 → 00:08:11 ไปกระตุ้นให้ตัวเซลล์ต่างๆว่าสร้างเมื่อ
00:08:11 → 00:08:14 ผู้ที่เอามามากขึ้นซึ่งในอากาศทั่วๆไปนะ
00:08:14 → 00:08:16 ครับมาถึงว่าอากาศธรรมชาติทั่วไปนะครับ
00:08:16 → 00:08:19 จริงๆแล้วเนี่ยมันก็ทำให้มีการสร้างเมื่อ
00:08:19 → 00:08:21 ขึ้นมาอยู่แล้วนะครับเป็นปังครั้งบางคราว
00:08:21 → 00:08:23 ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าในประสาท
00:08:23 → 00:08:25 คอมพิวเตอร์ชาติเนี่ยแล้วก็เผชิญกับพวก
00:08:25 → 00:08:28 คุณควรต่างๆมาตลอดนะคะตั้งแต่ยังไม่มี
00:08:28 → 00:08:31 เรื่องของของเทคโนโลยียังไม่มีรถยนต์ไม่
00:08:31 → 00:08:34 มีพวกฝุ่นพอเพียง 2.5 เนี่ยในธรรมชาติใน
00:08:34 → 00:08:36 อากาศมันก็มีพวกฝุ่นควันตามปกติของ
00:08:36 → 00:08:38 ธรรมชาติอยู่แล้วเพียงแต่ว่าในคนที่สูบ
00:08:38 → 00:08:40 บุหรี่ทุกวันนะครับหรือว่าสุขเป็นเวลานาน
00:08:40 → 00:08:43 ๆหลายๆปีเนี่ยร่างกายเนี่ยมันก็เลยเหมือน
00:08:43 → 00:08:46 กับถูกรถต้นตลอดเวลานะครับเป็นเวลานานๆ
00:08:46 → 00:08:49 โดนรมควันเนี่ยอยู่เป็นนานๆนะคะเป็นสิบปี
00:08:49 → 00:08:52 เป็น 20 ปีร่างกายมันก็ตอบสนองด้วยการ
00:08:52 → 00:08:54 สร้างเมื่อไหร่ที่เอามาเรื่อยๆที่นี่
00:08:54 → 00:08:56 เมื่อมันถูกกระตุ้นเฮ็ดสร้างเปลือกว่า
00:08:56 → 00:08:58 เป็นเวลานานๆนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:08:59 → 00:09:01 ว่าตัวเซลล์ที่ก็ช่างเนี่ยก็จะมีการเพิ่ม
00:09:01 → 00:09:04 จำนวนมากขึ้นอันได้นะครับวันที่ 2 เนี่ย
00:09:04 → 00:09:06 เซลล์ที่มีอยู่เดิมมันก็จะมีขนาดที่ใหญ่
00:09:06 → 00:09:10 ขึ้นด้วยซึ่งผลก็คือว่าทั้งเสียงที่มัน
00:09:10 → 00:09:11 เพิ่มขึ้นใหญ่ขึ้นเนี่ยมันทำให้มีการ
00:09:11 → 00:09:13 สร้างเมือกเนี่ยออกมามากขึ้นนะครับแล้วก็
00:09:13 → 00:09:16 มากจนเกินไปคราวนี้นะครับคนที่ตามมาเนี่ย
00:09:16 → 00:09:20 ก็เข้าใจต่อใดๆนะครับก็คือนึกถึงข้อนะ
00:09:20 → 00:09:22 ครับสภาพของทอดต่างๆนะครับหรือว่าตลอดลม
00:09:22 → 00:09:24 ก็ได้ที่มันมีลักษณะเหมือนเท่าไหร่เคลือบ
00:09:24 → 00:09:27 คนเยอะๆนะครับเป็นผู้จักกันที่มันเกาะ
00:09:27 → 00:09:29 อยู่ข้างในผนังท่อนะครับสุดท้ายนี้มันก็
00:09:29 → 00:09:32 จะมีผลให้รูของทอดเนี่ยมันเล็กลงโทรไหม
00:09:32 → 00:09:34 ครับอาจจะไม่ถึงกัปตันนะครับ Cat ติดเล็ก
00:09:34 → 00:09:37 ลงเลยว่าแคบลงมากๆเลยซึ่งมันก็จะมีผลให้
00:09:37 → 00:09:40 อากาศไม่สามารถเคลื่อนผ่านท่อเหล่านี้ได้
00:09:40 → 00:09:42 ดีที่นี่ถ้าเป็นท่อใหญ่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
00:09:42 → 00:09:44 จะส่วนที่เป็นท่อลมเล็กๆนะครับส่วนที่ติด
00:09:44 → 00:09:46 กับถุงลมเนี่ยมันก็จะทำให้อากาศและ
00:09:46 → 00:09:49 เคลื่อนพันธุ์ได้ยากทำให้ลมเนี่ยเข้าแล้ว
00:09:49 → 00:09:52 ก็ออกจากโทรเนี่ยได้ยากขึ้นล่านั้นเป็น
00:09:52 → 00:09:54 ปัญหาแรกนะครับก็คือว่าอากาศเข้าไม่ค่อย
00:09:54 → 00:09:57 ได้ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซเนี่ยมันก็ทำ
00:09:57 → 00:10:00 ได้น้อยลงและมีประสิทธิภาพน้อยลงปัญหาข้อ
00:10:00 → 00:10:02 ที่ 2 นะครับที่มันทับถมเข้ามานะก็คือว่า
00:10:02 → 00:10:05 ในคนที่สูบบุหรี่นานๆนะครับเป็นเวลาต่อ
00:10:05 → 00:10:08 เนื่องนานๆตัวนุภาพได้บุหรี่มันจะไปทำลาย
00:10:08 → 00:10:10 พวกตัวคนเล็กๆที่ว่าไปนะครับพวกสิเรียน
00:10:10 → 00:10:12 แล้วหน้าที่ของ select ก็คือพัดเมื่อถูก
00:10:12 → 00:10:15 ไหมครับที่เราเนื้อผ้านะครับ 2 อย่างใน
00:10:15 → 00:10:17 เกิดขึ้นด้วยพร้อมกันนะครับ 2 ปัจจัยนี้
00:10:17 → 00:10:19 นะครับอย่างได้แต่เมื่อถูกตั้งขึ้นมามาก
00:10:19 → 00:10:21 ขึ้นอย่างที่ 2 ตัว C เรียนหรือจะคอยพัด
00:10:21 → 00:10:24 เมื่อให้มันออกมาเนี่ยมันมีจำนวนที่น้อย
00:10:24 → 00:10:27 ลงนะครับแล้วก็มีส่วนที่เหลืออยู่ในยังมี
00:10:27 → 00:10:30 ขณะที่สั้นลงด้วยเพราะมันสั้นลมก็จะพัด
00:10:30 → 00:10:32 ทุกเบื้องเนี่ยไม่ค่อยดีผลก็คือว่าเมื่อ
00:10:32 → 00:10:35 มันก็เลยอยู่ที่ในท่อลมต่างๆมากขึ้นถูก
00:10:35 → 00:10:37 ไหมครับสร้างมากขึ้นและยังไม่สามารถระยะ
00:10:37 → 00:10:40 ขับก็ได้แล้ว 2 ปัจจัยนี้นะครับก็เหมือน
00:10:40 → 00:10:43 กับมันเสริมกันนะครับทำให้ตัวท่อลมเล็กๆ
00:10:43 → 00:10:45 เนี่ยมันยิ่งติดตันเข้าไปอีกแล้วการติด
00:10:45 → 00:10:47 ตันที่เกิดขึ้นนี้นะครับถ้ามันเกิดขึ้น
00:10:47 → 00:10:50 แค่ลมเล็กๆน้อยๆมันมีปัญหาอะไรแต่ว่าในคน
00:10:50 → 00:10:53 ที่สูบบุหรี่เราว่าได้พัฒนาการๆนะครับทำ
00:10:53 → 00:10:56 ให้การอุดตันเนี่ยมันเกิดขึ้นทั่วไทยปลอด
00:10:56 → 00:10:58 ทั้งสองข้างนะครับเรากินบริเวณกว้างมาก
00:10:58 → 00:11:01 ที่นึกภาพนะครับของถูกลบก็ลอง r9 เส้น
00:11:01 → 00:11:04 อยากเข้าถุงแล้วไปน้อยลงโทรไหมครับตัวคำ
00:11:04 → 00:11:07 รักทรายในถุงลมและก็ออกมาได้ยากเรายิ่งไป
00:11:07 → 00:11:09 กว่านั้นก็คือต่อมาเมื่อเลือดในออฟฟิศขับ
00:11:09 → 00:11:12 รถทรายมานะครับก็นำเขารับทรายเนี่ยใส่คน
00:11:12 → 00:11:14 ในถุงลมอีกทำให้มันมีการข้างของคำรับทราย
00:11:14 → 00:11:17 ในทุกลงเนี่ยเพิ่มมากขึ้นการแลกเปลี่ยน
00:11:17 → 00:11:20 ก๊าซระหว่างตัวถ่วงลงกับเลือดจะทำได้แย่
00:11:20 → 00:11:22 ลงนะครับนอกเหนือไปจากนั้นนะครับยังมี
00:11:22 → 00:11:25 ปัญหาหรือปัจจัยอีกคนไกลนึงนะครับที่จะทำ
00:11:25 → 00:11:28 ให้อากาศมันข้างในตรงโน้นมากขึ้นที่จะ
00:11:28 → 00:11:30 เข้าใจคนใดนี้นะครับก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ
00:11:30 → 00:11:33 ของหลอดลมก่อนนะครับก็คือว่าปกติเวลาที่
00:11:33 → 00:11:36 เราหายใจเข้าและออกนะครับตอนที่เราหายใจ
00:11:36 → 00:11:39 ออกตัวหลอดลมเล็กๆนะครับที่ติดกับถุงลม
00:11:39 → 00:11:42 เนี่ยมันจะติดลงนิดนึงเพราะฉะนั้นโดยรวม
00:11:42 → 00:11:44 เนี่ยตอนที่หายใจเข้าอากาศจะเข้าไปได้ดี
00:11:44 → 00:11:47 กว่าตอนที่มันออกนิดนึงประการนี้นะครับ
00:11:47 → 00:11:49 มันไม่ได้เป็นเฉพาะตัวหลอดลมของเราอย่าง
00:11:49 → 00:11:51 เดียวนะครับแต่มันไม่ธรรมชาติของที่ไหล
00:11:51 → 00:11:54 อยู่ในท่อนะครับหมายความว่าปกติในท่อต่าง
00:11:54 → 00:11:55 ๆนะครับไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามนะครับ
00:11:55 → 00:11:57 ถ้ามันไม่ได้แข็งมากเป็นท่อที่เหมือนกับ
00:11:57 → 00:12:00 นิ่มๆหน่อยนะครับแล้วมี
00:12:00 → 00:12:02 แต่ของที่เคลื่อนไหวพังนักข้างในนะครับดี
00:12:02 → 00:12:04 ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนะครับเรามีความเร่ง
00:12:04 → 00:12:07 เช่นเป็นอากาศที่ไหลผ่านในท่อที่เร็วมาก
00:12:07 → 00:12:10 ขึ้นเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่ามันจะมี
00:12:10 → 00:12:14 ความดันในท่อเรยนะเนี่ยลดลงนิดนึงผลก็คือ
00:12:14 → 00:12:16 ว่าจะทำให้ท่อเนี่ยมันมีแนวโน้มที่จะติด
00:12:16 → 00:12:18 ลงนะครับแล้วก็แคบลงรสแซ่บลงนิดนึงได้
00:12:18 → 00:12:20 ปรากฎการณ์นี้นะครับถ้าใครที่เรียนทาง
00:12:20 → 00:12:22 ฟิสิกส์นะครับหรือว่าเป็นวิศวกรอะไรพรุ่ง
00:12:22 → 00:12:25 นี้นะครับก็จะคุ้นเคยดีนะครับก็จะที่รู้
00:12:25 → 00:12:28 จักกันในชื่อว่าเป็นแบร์นูลลี effect เรา
00:12:28 → 00:12:30 ปรากฎการณ์นี้นะครับก็เกิดขึ้นในหลอดลม
00:12:30 → 00:12:32 เล็กๆของคนเอาด้วยนะครับโดยเฉพาะอักษรที่
00:12:33 → 00:12:35 เราหายใจออกที่นึกภาพของทอดนะครับที่มัน
00:12:35 → 00:12:38 มีเมื่ออยู่ภายในนะที่ทำให้มันแคบลงเมื่อ
00:12:38 → 00:12:40 อากาศไหลผ่านบริเวณทานเนี่ยมันจะต้อง
00:12:40 → 00:12:42 เคลื่อนที่ผ่านเร็วขึ้นถูกไหมครับเหมือน
00:12:42 → 00:12:46 เวลาเราดีดสายอย่างที่เราฉีดน้ำนะครับน้ำ
00:12:46 → 00:12:48 ก็จะเคลื่อนผ่านตรงที่แคบในได้เร็วขึ้น
00:12:48 → 00:12:50 เช่นเดียวกันอากาศที่มันเคลื่อนที่ผ่าน
00:12:50 → 00:12:52 ตรงที่เป็นแค่จะเคลื่อนที่ได้เร็วนะครับ
00:12:52 → 00:12:54 ผมก็คือเธอทำให้ความดันภายในท่อนั้นน้อย
00:12:54 → 00:12:57 ลงทำให้ตัวลงและมันติดลงคราวนี้นะครับใน
00:12:57 → 00:13:01 คนปกติทั่วไปนะครับจนๆแล้วมันมีความยืด
00:13:01 → 00:13:03 หยุ่นประมาณนึงนะครับถือว่าเป็นนี้ละ
00:13:03 → 00:13:05 เสร็จ City นะครับทำให้ตัวละลมและมัน
00:13:05 → 00:13:07 สามารถที่จะเหมือนกับคงรูปอยู่ได้มันจะ
00:13:07 → 00:13:09 ไม่แซ่บลงมาม่ามันจะติดตรงนิดเดียวเท่า
00:13:09 → 00:13:12 นั้นเองแต่ในคนที่สุดหรือนานๆนะครับหรือ
00:13:12 → 00:13:15 ว่าอ๋อคนที่เรามลภาวะนานๆจะเกิดภาวะการ
00:13:15 → 00:13:18 อักเสบขึ้นแล้วตัวอิลาสตินนะครับหรือว่า
00:13:18 → 00:13:21 ความยืดหยุ่นของตัวทอดเนี่ยมันจะเสียไป
00:13:21 → 00:13:23 ที่นี่นึกภาพนะครับแต่เดิมนะทอมจะเหมือน
00:13:23 → 00:13:26 กับหนังยางนะครับที่เวลารับดิบก็จะ Smart
00:13:26 → 00:13:28 ที่จะเด้งกลับมาได้แต่อันนี้มันก็จะ
00:13:28 → 00:13:31 เหมือนกับยางยืดที่มันกรอบนะครับมันเสีย
00:13:31 → 00:13:33 สภาพไปที่ตอนนี้มันเกิดอ้ายปะกับการแบบ
00:13:33 → 00:13:36 มูลี่อร์เฟคดีนะครับก็คือตัวทอดเนี่ยมัน
00:13:36 → 00:13:38 ไม่สมัครยังคงรูปอยู่ได้แล้วเกิดการติดลง
00:13:38 → 00:13:42 อย่างมากทำให้ท่อน่ะยิ่งแคบลงไปอีกผลก็
00:13:42 → 00:13:44 คือว่าอากาศจะเคลื่อนที่ผ่านเนี่ยได้ยาก
00:13:44 → 00:13:46 ขึ้นไปอีกนะครับแล้วภาวะเนี่ยมันจะเกิด
00:13:46 → 00:13:49 ขึ้นตอนหายใจออกมาตอนหายใจเข้านะครับ
00:13:49 → 00:13:51 แม็กซ์ว่าตอนที่จะเข้าในอากาศที่พอจะหลาย
00:13:51 → 00:13:54 เขาไม่ได้แต่ตอนให้จะออกท่อมันจะติดลงนิด
00:13:54 → 00:13:56 นึงทำให้อากาศมันเข้าไปมากกว่าตอนนี้เจ๊
00:13:56 → 00:13:59 ออกผลก็คือว่าจะทำให้อากาศมันข้างในถั่ว
00:13:59 → 00:14:01 มากขึ้นนะครับมีลักษณะอ่อนเด่นนะครับของ
00:14:01 → 00:14:04 โลกนี้ก็คือว่ามีอากาศข้างในถูกลงมากนอก
00:14:04 → 00:14:06 เหนือไปจากนั้นนะครับทุกอย่างที่เราคุย
00:14:06 → 00:14:08 กับมานี้นะครับว่าจะเรื่องของการตีบของ
00:14:08 → 00:14:11 ท่อนะครับทำให้อากาศเนี่ยมันขังในถุงโรง
00:14:11 → 00:14:13 เรียนมากขึ้นทั้งหมดนี้นะครับมันจะเพิ่ม
00:14:13 → 00:14:15 ความเสี่ยงของภาวะติดเชื้อที่เกิดขึ้นใน
00:14:15 → 00:14:17 ท่อลมด้วยเพราะว่าอะไรเพราะอย่างที่บอก
00:14:17 → 00:14:19 คือตัวเมื่อกับตัวคนเล็กๆมันทำหน้าที่ใน
00:14:19 → 00:14:21 การที่จะเหมือนกับคอยป้องกันการติดเชื้อ
00:14:21 → 00:14:24 นะครับที่ผมเสียสภาพไปในความเสี่ยงก็มาก
00:14:24 → 00:14:28 ขึ้นแถมอากาศที่เข้าออกปกติจะเข้าแล้วก็
00:14:28 → 00:14:30 ออกเค้าหลอกตลอดเวลานะครับไม่ใช่โลกนะ
00:14:30 → 00:14:32 ครับจิ้มหลุดเพื่อนที่ชมเลือกได้เนี่ยมัน
00:14:32 → 00:14:34 ไม่สามารถที่จะเกาะติดหรือว่าสมันเข้า
00:14:34 → 00:14:36 เซลล์ได้ง่ายแต่พออากาศค่อนข้างอยู่ภายใน
00:14:36 → 00:14:38 นะครับมันจะเหมือนกับน้ำที่มันนิ่งอยู่
00:14:38 → 00:14:41 นานๆนะครับโอกาสที่น้ำเน่าเนี่ยมันจะเกิด
00:14:41 → 00:14:43 ในง่ายขึ้นเช่นเดียวกันพอกลับไม่ค่อย
00:14:43 → 00:14:45 เคลื่อนเนี่ยพวกจุลินทรีย์ต่างๆที่เข้าไป
00:14:45 → 00:14:48 เนี่ยมันจะสมาธิปักหลักในตอนล้มหรือในถุง
00:14:48 → 00:14:51 โรงเรียนได้ง่ายขึ้นดังนั้นคนที่มีภาวะ
00:14:51 → 00:14:53 หลอดลมอักเสบเรื้อรังเนี่ยก็เลยมีความ
00:14:53 → 00:14:56 เสี่ยงที่จะป่วยโรคติดเชื้อในทางเดินหาย
00:14:56 → 00:14:58 ใจหรือว่าเป็นโรคปวดมวนได้ง่ายขึ้นด้วย
00:14:58 → 00:15:01 คราวนี้เราจำดูอาการตัวของผู้ป่วยโรคหลอด
00:15:01 → 00:15:03 ลมอักเสบพลังงานบ้างนะครับจริงๆก็ค่อน
00:15:03 → 00:15:05 ข้างตรงไปตรงมานะครับก็คือพอลิเมอร์ในทาง
00:15:05 → 00:15:08 เดินหายใจมากขึ้นตัวมั้ยฮะผู้ป่วยก็มีแนว
00:15:08 → 00:15:10 โน้มที่จะไอมากขึ้นแล้วก็เอาแบบเรื้อรัง
00:15:10 → 00:15:13 นะครับเพื่อที่จะขับเสมหะที่อยู่ในพวกเรา
00:15:13 → 00:15:16 ล้มเล็กๆต่างๆเนี่ยออกมานะครับต้องเหนือ
00:15:16 → 00:15:18 จากนี้นะครับก็จะมีอาการที่เราขอคุยไปนะ
00:15:18 → 00:15:20 ครับที่ว่าบลูโรสเตอร์ต้องนี้ผมจะมา
00:15:20 → 00:15:22 อธิบายให้ฟังนะครับว่าทำไมถึงได้บลูนะ
00:15:22 → 00:15:25 ครับว่าทำไมถึงได้ออกรถเออก็คือบวมนะครับ
00:15:25 → 00:15:28 ฉันว่าพันธุ์ที่บายว่าทำไมถึงได้ปากเขียว
00:15:28 → 00:15:31 เนี่ยค่อนข้างตรงไปตรงมาก็คือว่าตัวอย่าง
00:15:31 → 00:15:33 ที่เราเห็ดไปนะครับก็คือว่าการะเกดกับ
00:15:33 → 00:15:35 ออกซิเจนหรือว่าคำออกไซด์นะทำได้ไม่ค่อย
00:15:35 → 00:15:38 ดีถูกไหมครับทำให้ออกซิเจนในเลือดนะครับ
00:15:38 → 00:15:40 มันมีประมาณที่น้อยลงแล้วก็คำรักทรายใน
00:15:40 → 00:15:43 เรือในก็มีปริมาณที่สูงขึ้นอันนี้เป็นเวร
00:15:43 → 00:15:46 ที่เราสังเกตเขตง่ายนะครับก็คือบริเวณที่
00:15:46 → 00:15:48 ขอเส้นเลือดฝอยนะครับอยู่ใกล้กับผิวแล้ว
00:15:48 → 00:15:51 มากเพราะฉะนั้นเวลาที่ขาดออกซิเจนเนี่ย
00:15:51 → 00:15:53 เปรย์ที่เห็นง่ายที่สุดแล้วเห็นได้ก่อน
00:15:53 → 00:15:56 เพราะมันก็คือเบนทาหรือที่ป่านะครับจะดู
00:15:56 → 00:15:59 ค่ำๆเป็นสีม่วงกับที่เราก็ชอบพูดกันนะ
00:15:59 → 00:16:02 ครับว่าปากสีเขียวหรือปักสีม่วงตั้งเลยมา
00:16:02 → 00:16:04 จากนั้นในคนที่เป็นมากๆหน้ามันก็จะดูมอง
00:16:04 → 00:16:07 ดูคำไปด้วยนะครับส่วนคำว่าร์เตอร์เหรอคำ
00:16:07 → 00:16:10 ว่าบูการบวมนะครับคือมันเกิดจากอะไรตอบร์
00:16:10 → 00:16:13 เตอร์เนี่ยแล้วการบวมนะครับของแขนขาในมัน
00:16:13 → 00:16:15 เกิดจากที่ควรใจด้านขวาเนี่ยมันล้มเหลวนะ
00:16:15 → 00:16:18 ครับก็คือหัวใจจะรู้หัวใจวายก็ได้นะครับ
00:16:18 → 00:16:21 ว่าจะได้ขวามันวายมันเคยทำให้ฉันขาเนี่ย
00:16:21 → 00:16:24 มุมรูบวมขึ้นจะได้คำถามที่เราสนใจก็คือ
00:16:24 → 00:16:27 ว่าโรคปอดนะครับมันจะมีผลต่อหัวใจข้างขวา
00:16:27 → 00:16:30 ได้ยังไงจะตอบคำถามนี้นะครับเราต้องกลับ
00:16:30 → 00:16:32 ไปที่กลไกกลไกนึงนะครับที่เราเคยคุยกันไป
00:16:32 → 00:16:35 ในโสดก่อนหน้านะครับก็คือเป็นคนไกลที่บอด
00:16:35 → 00:16:38 นะครับพยายามที่จะปรับให้ลมกันเลือดมาเจอ
00:16:38 → 00:16:41 ในปริมาณที่เท่ากันจำได้นะครับคืออย่าง
00:16:41 → 00:16:43 นี้ครับปกติปอเนี่ยมันพยายามที่จะให้
00:16:43 → 00:16:46 เลือกจะเกาะตัวอากาศมาเจอกันให้ประมาณ
00:16:46 → 00:16:50 เนี้ยไปเขียนมากที่สุดถ้าเกิดว่ามีอากาศ
00:16:50 → 00:16:52 มาเข้าถุงลมไหนน้อยนะครับก็คือมีออกซิเจน
00:16:52 → 00:16:55 ในถุงลมต่ำตัวเส้นเลือดที่จะไปถุงลมนั้น
00:16:55 → 00:16:58 นะครับมันก็จะมีการตีบแคบลงเพื่อจะให้
00:16:58 → 00:17:00 เลือกเนี่ยก็ไม่เข้าไปที่เบอร์แต่ผมนั้น
00:17:00 → 00:17:03 แต่ว่าไปที่ท้องลมอื่นแทนซึ่งกลไกนี้มัน
00:17:03 → 00:17:05 เป็นกลไกที่ดีนะครับเพราะในภาวะปกติเรา
00:17:05 → 00:17:07 ไม่ได้ใช้ถุงลมพร้อมกันทั้งหมดถูกไหมครับ
00:17:07 → 00:17:09 คือเรามีถุงลมเนี่ยมากเกินพอแล้วก็มีส่วน
00:17:09 → 00:17:12 หนึ่งสำรองไว้ในการหายใจแต่ละครั้งเนี่ย
00:17:12 → 00:17:14 ก็จะทนลมทำงานแค่บางส่วนสลับกันไปนะครับ
00:17:14 → 00:17:17 ผัดกันทำงานไปเรื่อยๆแล้วไก่เนี่ยมันจะทำ
00:17:17 → 00:17:20 ให้เหลือไปหาถุงลมที่ทำงานอยู่ในเวลานั้น
00:17:20 → 00:17:22 แต่ในคนที่มีภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
00:17:22 → 00:17:25 เนี่ยนะครับผลก็คืออย่างที่บอกก็คือมันมี
00:17:25 → 00:17:28 การตีบของตัวหลอดลมเนี่ยทั่วปอดกันไปหมด
00:17:28 → 00:17:31 ทำให้ถุงลมเนี่ยมีลมเข้าไปน้อยเนี่ยทั่ว
00:17:31 → 00:17:34 ปอดออกซิเจนนะคะต่ำผลก็คือเส้นเลือดที่จะ
00:17:34 → 00:17:37 ไปที่ปอดเนี่ยมันพร้อมใจกันบีบตัวมากเลย
00:17:37 → 00:17:40 ทำให้ความดันนะครับภายในปอดนี่มันสูงขึ้น
00:17:40 → 00:17:43 ไปถึงว่าเหลือในจากหลายเข้าไปในปอดได้ยาก
00:17:43 → 00:17:46 ขึ้นเหตุผลก็จบไปตรงมานะครับแต่เดิมท่อ
00:17:46 → 00:17:48 เหมือนกับพ่อน้ำในปอดมันใหญ่และต่อมามัน
00:17:48 → 00:17:50 เล็กลงเนี่ยมันทำให้น้ำไหลเข้าปอดได้ยาก
00:17:50 → 00:17:52 ขึ้นคำถามคือว่าเมื่อเลือดเค้าผ่อนระยะ
00:17:52 → 00:17:55 คืนเนี่ยมันจะทนกับที่ไหนตัวนะครับมันจะ
00:17:55 → 00:17:58 ทนนะครับแล้วก็จะดันกลับไปที่หัวใจห้อง
00:17:58 → 00:18:00 ล่างด้านขวาจะนี้สำหรับท่านทีเด็ดภาพไม่
00:18:00 → 00:18:02 ออกนะครับว่าการวันหัวใจมันเป็นยังไงนะ
00:18:02 → 00:18:05 ครับเข้าๆนะครับขอเข้าใจคนเราก็จะมีอยู่
00:18:05 → 00:18:08 สองข้างตรงนะครับข้างซ้ายและข้างขวาแต่ละ
00:18:08 → 00:18:11 ข้างเนี่ยก็คือจะมีห้องก่อนก็ข้างล่างรวม
00:18:11 → 00:18:14 ทั้งหมดเป็น 4 ห้องด้วยกันหัวใจห้องด้าน
00:18:14 → 00:18:16 ซ้ายนะครับด้านล่างคะด้านซ้ายเนี่ยจะทำ
00:18:16 → 00:18:18 หน้าที่บีบเลือดนะครับเพื่อไปเลี้ยงส่วน
00:18:18 → 00:18:20 ต่างๆของร่างกายเดี๋ยวเลือดแดงนะครับพอ
00:18:20 → 00:18:22 เลือดแดงเนี่ยเดียวส่วนต่างของร่างกายมัน
00:18:22 → 00:18:25 ก็จะเป็นเลือดดำจากเลือดดำก็จะวนกลับมา
00:18:25 → 00:18:27 ที่หัวใจด้านขวาด้วยเข้ามาที่หัวใจด้านบน
00:18:27 → 00:18:30 เกาะนักอะไหล่มาหัวใจด้านล่างจากนั้นหัว
00:18:30 → 00:18:32 ใจห้องล่างด้านขวาและก็จะบีบเลือดไปที่
00:18:32 → 00:18:37 ปอดชนิดพอความดันในปอดมันสูงขึ้นควรใจ
00:18:37 → 00:18:39 ห้องล่างด้านขวามันก็ต้องทำงานหนักมาก
00:18:39 → 00:18:41 ขึ้นก็จะบีบเลือกเนี่ยเข้ามาในปอดให้ได้
00:18:41 → 00:18:43 ถ้าความดันมันเกิดขึ้นอยู่ไม่นานนะครับ
00:18:43 → 00:18:46 แล้วก็หายไปมันก็มีปัญหาอะไรแต่ในคนที่
00:18:46 → 00:18:49 สูบบุหรี่ต่อเนื่องไปนานๆนะครับผลก็คือก็
00:18:49 → 00:18:51 ไม่ได้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแบบถาวร
00:18:51 → 00:18:53 หัวใจห้องล่างขวานี้ก็เพียงจะบีบเลือดไป
00:18:53 → 00:18:56 เรื่อยๆแรกๆเนี่ยน่าจะพอไหวนะครับกล้าม
00:18:56 → 00:18:58 เนื้อหัวใจมาจากแข็งแรงขึ้นแต่ถึงจุด
00:18:58 → 00:19:01 หนึ่งเนี่ยมันจะสู้ถ้าไม่ไหวแล้วก็เกิด
00:19:01 → 00:19:03 ภาวะที่หัวใจวายขึ้นนะครับเราหัวใจล้ม
00:19:03 → 00:19:06 เหลวโดยเฉพาะหัวใจที่อยู่ณห้องล่างด้าน
00:19:06 → 00:19:08 ขวาจากนั้นนะครับผลกระทบมันก็จะเหมือนกับ
00:19:08 → 00:19:11 โดมิโน่ที่ล้มต่อไปก็คือว่าพอหัวใจห้อง
00:19:11 → 00:19:14 ล่างกันขวาล้มเหลวมีเรือไปไม่ได้เลือกก็
00:19:14 → 00:19:17 ต้องทนย้อนกลับไปถูกนะครับมันก็จะย้อน
00:19:17 → 00:19:20 กลับไปที่ไหนก็กลับไปที่ส่วนต่างของร่าง
00:19:20 → 00:19:23 กายก็คือตามแทนค้าต่างๆก็คือเลื่อนจะเล็ก
00:19:23 → 00:19:26 ข้างอยู่ที่แขนขาทำให้ผู้ป่วยได้เกิดภาวะ
00:19:26 → 00:19:29 บวมที่แบรนด์แขนขาหน้าขึ้นและนี่ก็คือคำ
00:19:29 → 00:19:31 ที่บายนะครับว่าทำไมพอพอมีปัญหาที่ปอด
00:19:31 → 00:19:33 แล้วเนี่ยมันกระทบมาที่หัวใจและสุดท้ายนำ
00:19:33 → 00:19:36 ไปสู่อาการบวมของแขนขาได้นะครับแล้วก็คือ
00:19:36 → 00:19:39 ที่มาของคำบรรยายลักษณะที่ว่าร์เตอร์นะ
00:19:39 → 00:19:42 ครับของผู้ป่วยนั้นก็คือภาวะอ่อนลมอักเสบ
00:19:42 → 00:19:45 เรื้อรังนะครับอันนี้เราจะดูโลกทุนหรือปก
00:19:45 → 00:19:47 ครองกันบ้างนะครับเดี๋ยวว่าที่ภาษาการ
00:19:47 → 00:19:50 แพทย์ในหรือว่าเป็นโรค f ซีม่านะครับโรค
00:19:50 → 00:19:52 นี้นะครับตัวปัญหาหลักของมาเลยนะครับก็
00:19:52 → 00:19:55 คือตัวโครงสร้างของถุงลมเนี่ยมันถูกทำลาย
00:19:55 → 00:19:57 ไปนะครับก็เลยก็มาเริ่มจากคำถามแรกก็คือ
00:19:57 → 00:20:01 ว่าอะไรที่ทำให้ตัวทนี้เนี่ยมันถูกทำลาย
00:20:01 → 00:20:04 ไปมันมีกฎไก่อะไรเกิดขึ้นเริ่มแรกสุดนะ
00:20:04 → 00:20:06 ครับก็ต้องเข้าใจก่อนว่าตัวถุงลมเนี่ยมัน
00:20:06 → 00:20:08 ประกอบขึ้นด้วยเซลล์ชนิดนะครับมันก็จะมี
00:20:08 → 00:20:10 ชื่อด้วยครับชื่อเรียกนะครับชิ้นแรกคือ
00:20:10 → 00:20:13 มอเตอร์ไซค์ไทยวันนะครับชนิดที่สองคนอยู่
00:20:13 → 00:20:16 มอเตอร์ไซค์ Tattoo คำว่า New โมนะครับมา
00:20:16 → 00:20:18 แปลว่าปอดไปตรงมานะครับเพราะว่าทรายด้วย
00:20:18 → 00:20:21 ก็แปลว่าเซลล์ก็แปลตรงตัวคือแปลว่าเซลล์
00:20:21 → 00:20:23 ปลอดชนิดที่หนึ่งแล้วก็เซลล์พอเช่นที่ 2
00:20:23 → 00:20:26 เซลล์ 2 ชนิดนี้มันจะทำหน้าที่ต่างกันไป
00:20:26 → 00:20:28 นะครับเซลล์ชนิดที่หนึ่งมันจะเป็นเสื้อ
00:20:28 → 00:20:30 บางๆนะครับหน้าที่ของมันหลักๆจะเป็น
00:20:30 → 00:20:32 เรื่องของการแลกเปลี่ยนก๊าซนะครับแพ้
00:20:32 → 00:20:34 อากาศเนี่ยออกเคลื่อนตัวผ่านมานะครับถัง
00:20:34 → 00:20:37 ออกซิเจนแล้วก็ไม่ออกไซด์ส่วนเซลล์ชนิด
00:20:37 → 00:20:39 ที่สองนะครับมันจะทำหน้าที่สร้างสารเคมี
00:20:39 → 00:20:41 นะคะเป็นของเหลวชนิดนึงเรียกเป็นสารแทรก
00:20:41 → 00:20:45 กันนะครับศาล surfactant เนี่ยคืออะไรมัน
00:20:45 → 00:20:47 เป็นสารเคมีที่เป็นของเหลวนะครับที่ทำ
00:20:47 → 00:20:49 หน้าที่เหมือนกับป้องกันไม่ให้ตัวถุงนม
00:20:49 → 00:20:52 แบบมันแซ่บหรือติ่งไปนะครับซึ่งเขียวตัว
00:20:52 → 00:20:54 นี้นะคะเดี๋ยวผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังใน
00:20:54 → 00:20:56 โสดหน้านะครับตอนที่เราคุยเรื่องของภาวะ
00:20:56 → 00:20:58 ติดเชื้อนะครับว่าที่ 3 จะไปตาลนี่มัน
00:20:58 → 00:21:01 สำคัญยังไงนะครับนะครับแซวชนิดที่ 3 นะ
00:21:01 → 00:21:04 ครับก็คือเสริมที่เราเคยคุยกันไปในโสด
00:21:04 → 00:21:05 เกาะนะครับตอนที่เราคุยเรื่องของระบบภูมิ
00:21:05 → 00:21:07 คุ้มกันนะครับหรือว่าคุยเรื่องของภาวะการ
00:21:08 → 00:21:10 อักเสบก็คือเซลล์ที่ชื่อว่าไมโครไฟล์นะ
00:21:10 → 00:21:12 ครับมันก็คือเซลล์ที่อยู่ในระบบภูมิคุ้ม
00:21:12 → 00:21:15 กันที่ทำหน้าที่คอยจับกินพวกสิ่งแปลกปลอม
00:21:15 → 00:21:17 ต่างๆแล้วแม็คโครฝากที่มันเป็นนั่งอยู่ใน
00:21:17 → 00:21:19 ถุงลมเลยเนี่ยมันก็คือเหมือนกับไปรออยู่
00:21:19 → 00:21:21 ตรงนั้นเลยนะครับก็คืออยู่ในถุงลมอะไรก็
00:21:21 → 00:21:23 ตามที่หลุดผ่านทุกอย่างมาได้ผ่านมาทุกการ
00:21:23 → 00:21:26 เข้าในของเราไปมันก็จะเข้าไปโจมตีนะครับ
00:21:26 → 00:21:28 เข้าจับกินหรือว่าปล่อยสารเคมีเนี่ยของมา
00:21:28 → 00:21:31 ทำลายจากนั้นนะครับกจะเป็นไปอย่างที่เรา
00:21:31 → 00:21:33 เคยคุยกันไปตอนเรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน
00:21:33 → 00:21:36 นะครับก็คือว่าแมคโครฟาจว่ามันกินปุ๊บมัน
00:21:36 → 00:21:37 ก็มีการหลั่งสารเคมีออกมาเพื่อเป็น
00:21:37 → 00:21:40 กระตุ้นเซลล์ต่างๆนะครับของระบบภูมิคุ้ม
00:21:40 → 00:21:42 กันเหมือนกับเป็นการไปเรียกกำลังเสริมให้
00:21:42 → 00:21:45 พวก Cell ต่างๆและเข้าบริเวณนั้นมากขึ้น
00:21:45 → 00:21:48 นี่ผมก็อยากจะแนะนำนะครับว่าถ้าใครยังไม่
00:21:48 → 00:21:50 ได้ฟังให้พี่โสดนะครับคือเรื่องของภาวะ
00:21:50 → 00:21:51 การอักเสบนะครับเรื่องของการทำงานของ
00:21:51 → 00:21:54 กลุ่มผู้การเนี่ยฟังเรื่องนี้จบแล้วนะคะ
00:21:54 → 00:21:56 อยากให้ย้อนกลับไปฟังดึงพร้อมจะช่วยให้
00:21:56 → 00:21:58 เข้าใจเรื่องที่เราคุยกันเนี่ยนะมากขึ้น
00:21:58 → 00:22:00 นะครับที่นี่เผื่อใครยังไม่ได้ฟังนะครับ
00:22:00 → 00:22:02 หรือว่าฟังลืมไปแล้วนะครับเดี๋ยวผมจะเล่า
00:22:02 → 00:22:04 ยอดตรงนี้ให้ฟังนิดนึงนะครับในการทำงาน
00:22:04 → 00:22:06 ของแม็คโครฝากนะครับหลังจากที่มันไปกิน
00:22:06 → 00:22:08 พวกสิ่งแปลกปลอมนะครับและเชื้อโรคต่างๆ
00:22:08 → 00:22:11 เข้ามาแล้วเนี่ยมันจะส่งผลกระทบต่อไปนะ
00:22:11 → 00:22:13 ครับเป็นระลอกและรอดค่ะเหมือนโดมิโนที่
00:22:13 → 00:22:16 ล้มไปเรื่อยๆตัวแม็คโครฝากเนี่ยมันจะหลัง
00:22:16 → 00:22:19 สารเคมีมากลุ่มเลยนะครับเป็นสารที่ปลาที่
00:22:19 → 00:22:21 เราเรียกรวมๆกันนะคะว่าสารไซโตไคน์นะครับ
00:22:21 → 00:22:24 สารเคมีกลุ่มนี้นะครับรถพวกนี้นะครับมัน
00:22:24 → 00:22:26 ก็หน้าที่ของมันก็คือเหมือนกับพอหลังก็มา
00:22:26 → 00:22:29 ปุ๊บมันเข้าในกระแสเลือดแล้วก็ไหลไปเสร็จ
00:22:29 → 00:22:32 แล้วก็มันจะมันก็เป็นเรียบกำลังเสริมนะ
00:22:32 → 00:22:34 ครับพวกเซลล์ต่างๆระบบภูมิคุ้มกันนะว่าจะ
00:22:34 → 00:22:37 ไม่เลือดขาวต่างๆเนี่ยให้เข้ามาในบริเวณ
00:22:37 → 00:22:39 ที่เกิดเหตุเดี๋ยวมากขึ้นถ้ากรณีนี้ก็
00:22:39 → 00:22:42 ขึ้นตัวถูกลมนะครับที่มันก็ฝากมันเป็นจะ
00:22:42 → 00:22:44 กินเธอโรคเท่านี้นะครับหนึ่งในกำลังเสริม
00:22:44 → 00:22:46 สำคัญเลยนะครับแล้วว่าเลิศข่าวที่เข้ามา
00:22:46 → 00:22:49 ถึงนะครับที่เพื่อนถุงโลกเนี้ยที่สำคัญ
00:22:49 → 00:22:51 ระยะพูดถึงเนี่ยก็คือเลือดขาวไม่เลือดขาว
00:22:51 → 00:22:54 นะครับที่มีชื่อว่าดวงฟรีเมื่อนิวโทรฟิล
00:22:54 → 00:22:56 ถ้ามันเข้ามาเนี่ยมันก็จะหลั่งสารเคมีออก
00:22:56 → 00:22:59 มาเหมือนกันนะครับออกมาสารเคมีอีกหลายตัว
00:22:59 → 00:23:02 เลยทีอยู่ในสารเคมีทั้งหลายที่รอฟิวสลัก
00:23:02 → 00:23:04 ออกมามันจะมีสารเคมีสำคัญอยู่ตัวนะครับ
00:23:04 → 00:23:08 ที่สำคัญต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพองที่เรา
00:23:08 → 00:23:10 คุยกันอยู่ฝันที่มีตัวนี้นะครับมันมีชื่อ
00:23:10 → 00:23:12 ว่าอีลาสเตสนะครับหน้าที่ของมันก็คือจะมา
00:23:12 → 00:23:15 ย่อยโปรตีนที่ช่วยอิลาสตินซึ่งอิลาสติน
00:23:15 → 00:23:18 เนี่ยมันเป็นน็อตสารนะครับที่พบได้ใน
00:23:18 → 00:23:21 แบคทีเรียก่อโรคหลายๆชนิดพูดง่ายๆก็คือ
00:23:21 → 00:23:23 ว่าสารเรียกมันปล่อยออกมาเพื่อที่จะมา
00:23:23 → 00:23:26 ทำลายเชื้อโรคปัญหาก็คือว่าปอดของเรานะ
00:23:26 → 00:23:28 ครับก็มีลาซินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญด้วย
00:23:28 → 00:23:31 ก็คือเป็นส่วนประกอบทั้งตัวถุงลมเองนะ
00:23:31 → 00:23:33 ครับแล้วก็ตัวร้อนเล็กๆเนี่ยนี่ละสิมัน
00:23:33 → 00:23:36 สำคัญยังไงก็อย่างที่คุยไปก่อนหน้านะครับ
00:23:36 → 00:23:38 เวลาที่เราหายใจเข้านะครับปกติเราแล้ว
00:23:38 → 00:23:40 ต้องใช้แรงนะครับคือใช้กล้ามเนื้อเนี่ย
00:23:40 → 00:23:42 ช่วยในการหายใจเข้าก็คือกล้ามเนื้อกระบัง
00:23:42 → 00:23:45 ลมกับกล้ามเนื้อที่บริเวณแถวซี่โครงนะ
00:23:45 → 00:23:47 ครับแต่ว่าตอนที่หายใจออกเราไม่ต้องใช้
00:23:47 → 00:23:49 กำลังของกล้ามเนื้อนะครับไม่ต้องใช้พลัง
00:23:49 → 00:23:52 งานเพราะว่าอะไรเพราะว่าตัวถุงลมนะครับ
00:23:52 → 00:23:55 หรือว่าตัวหลอดลมเล็กๆมันจะมาก็ลูกโป่ง
00:23:56 → 00:23:58 ที่เวลาที่เราเป่าไปแล้วเนี่ยตอนที่เรา
00:23:58 → 00:24:00 ปล่อยตัวลูกโป่งเนี่ยมันจะบีบออกมาได้เอง
00:24:00 → 00:24:04 ซึ่งการที่ตัวหลอดลมนะครับหรือว่าตัวถุง
00:24:04 → 00:24:06 ลบนะครับเดี๋ยวปล่อยเนี่ยสามารถทำงานได้
00:24:06 → 00:24:09 เนี่ยเพราะว่าตัวถูกลงแล้วมันมีใครว่ามี
00:24:09 → 00:24:11 ผักความอิลัส x-city นะคะมีความยืนอยู่
00:24:11 → 00:24:15 ซึ่งมันก็มาจากตัวของ elata นี่เองแต่ใน
00:24:15 → 00:24:16 คนที่สูบบุหรี่เยอะนะครับตัวแล้วเซ็นใน
00:24:16 → 00:24:20 หลอดลมเนี่ยมันจะถูกทำลายไปผลก็คืออะไรก็
00:24:20 → 00:24:23 คือเวลาที่เราหายใจออกนะครับตัวทอดลมแล้ว
00:24:23 → 00:24:25 มันจะติดลงมากกว่าคนทั่วไปหรือว่าจะจึง
00:24:25 → 00:24:28 แซ่บลงมาเลยก็ได้ทำให้อากาศที่กำลังไหล
00:24:28 → 00:24:30 ออกอยู่เนี่ยมันสะดุดไปนะครับก็คืออากาศ
00:24:30 → 00:24:32 มันไม่สามารถไลน์ต่อไปได้ค่าการก็จะขัง
00:24:32 → 00:24:35 อยู่ในถุงลมในมากขึ้นที่นี้จะเห็นนะคะว่า
00:24:35 → 00:24:37 สมปัจจัยที่มันบวกกันนะครับก็คือว่าถุงลม
00:24:37 → 00:24:40 แล้วมันดีก็ดีไม่ออกอยู่แล้วตัวท่อลมยาง
00:24:40 → 00:24:43 มาแซ่บลงไปอีกมันก็เหล็กทำให้การข้างของ
00:24:43 → 00:24:46 อากาศในของเราเนี่ยมันแรงร้ายลงไปอีกที
00:24:46 → 00:24:48 นี้คุยมาถึงตรงนี้นะครับผมชื่อว่าหลายคน
00:24:48 → 00:24:50 อาจจะนึกสงสัยขึ้นมานะคะว่าให้ระบบภูมิ
00:24:50 → 00:24:52 คุ้มกันของเราเนี่ยสร้างสารที่เอามาทำ
00:24:52 → 00:24:55 อะไรปอตัวเองจริงๆหรอมาถึงว่าร่างกายของ
00:24:55 → 00:24:58 เราเนี่ยมันออกแบบใหม่นี้จริงหรือเปล่า
00:24:58 → 00:25:00 คือสร้างด้วยครับไม่ค่อยฉลาดเลยนะครับคำ
00:25:00 → 00:25:02 ตอบนะครับก็ถือว่าจริงๆแล้วเนี่ยร่างกาย
00:25:02 → 00:25:05 เรามีคนไกลที่จะคอยเบรกตัวเองสร้างอีลาส
00:25:05 → 00:25:07 เตสนี้อยู่เหมือนกันนะครับขอโดยสารเคมี
00:25:07 → 00:25:10 ที่จะมายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ตัวนี้
00:25:10 → 00:25:12 มาให้มาทำลายตัวเนื้อปอดเนี่ยมันจะถูก
00:25:12 → 00:25:14 สร้างออกมาจากตับแล้วก็จะไหลเวียนไปตาม
00:25:14 → 00:25:16 เลือดนะครับแล้วก็ไปที่อวัยวะต่างๆทั่ว
00:25:16 → 00:25:19 ร่างกายเพราะว่าการหลังสันอีลาสเตสจะมีรถ
00:25:19 → 00:25:21 ฟิวดูไม่ได้เกิดแค่ที่ปลอดที่เดียวมัน
00:25:21 → 00:25:24 เกิดที่อื่นได้ด้วยเราที่ปอดมันก็คือสาร
00:25:24 → 00:25:26 เนี่ยก็จะช่วยมายับยั้งการทำงานของ
00:25:26 → 00:25:30 เอนไซม์ตัวนี้นะครับไม่ทำลายปอดสารเคมี
00:25:30 → 00:25:32 ตัวนี้นะครับมีชื่อว่า Alpha วันอาทิตย์
00:25:32 → 00:25:34 ทริปซินนะครับอันนี้ผมบอกว่าเฉยนะครับ
00:25:34 → 00:25:36 เผื่อมีใครสนใจอยากจะไปทราบเพิ่มเติมนะ
00:25:36 → 00:25:38 ครับแต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องจำก็ได้นะครับ
00:25:38 → 00:25:40 เพราะมันค่อนข้างไกลตัวสำหรับคนส่วนใหญ่
00:25:40 → 00:25:43 แค่อยากให้ฟังเป็นๆหูไปมันมีสารตัวนี้
00:25:43 → 00:25:46 อยู่นะครับจากนั้นจะเห็นว่าปกตินะครับใน
00:25:46 → 00:25:47 เพราะว่าปกติแล้วคนทั่วไปมันขึ้นกับ
00:25:47 → 00:25:50 สมดุลย์ของสองอย่างนี้คือสมดุลของอีลาส
00:25:50 → 00:25:53 เตสกับสมดุลของสารที่มาต่อต้านยาอีลาสเตส
00:25:53 → 00:25:55 นะครับก็คืออัลฟ่าวันอันที่เทพ cm นะครับ
00:25:55 → 00:25:58 ในคนทั่วไปนะครับอย่างคนทั่วไปที่ไม่สูบ
00:25:58 → 00:26:01 บุหรี่ไม่ได้เลยนะครับปกติค่าบริการหายใจ
00:26:01 → 00:26:03 ต่อสิ่งแปลกปลอมเข้าไปประจำอยู่แล้วนะ
00:26:03 → 00:26:06 ครับในอากาศแล้วก็จะมีพวกมลภาวะต่างๆนะคะ
00:26:06 → 00:26:09 มีช่วงต่างๆเข้าไปแล้วนี่โรฟิลล์เสียงก็
00:26:09 → 00:26:11 จะทำงานนะครับก็มีกันหลังสายรัดเซ็ต 2 มา
00:26:11 → 00:26:14 บ้างวันนี้เป็นภาวะปกติธรรมดาแต่ในคนที่
00:26:14 → 00:26:16 สูบบุหรี่นะครับหรือว่าหายใจอากาศที่มี
00:26:16 → 00:26:19 มลภาวะเข้าไปเยอะๆนะครับหรือว่าต่อเนื่อง
00:26:19 → 00:26:22 เป็นเวลานานๆเนี่ยพบควันหรือว่าบุหรี่มัน
00:26:22 → 00:26:23 จะเหมือนกับทำให้สมดุลที่ว่าเนี่ยมันเสีย
00:26:23 → 00:26:26 ไปสมดุลเนี่ยมันจะหนักไปทางอีลาสเตเตอร์
00:26:26 → 00:26:30 มากขึ้นก็คือหนักไปทางการทำลายเนี่ยมาก
00:26:30 → 00:26:32 ขึ้นและผลที่ตามมาก็แน่นอนนะครับก็คือ
00:26:32 → 00:26:34 โครงสร้างของถุงลมและตัวหลอดลมเนี่ยมันก็
00:26:34 → 00:26:37 ถูกทำลายไปคะนี้ผมจะอธิบายต่อนะคะว่าทำไม
00:26:37 → 00:26:40 ถึงเรียกโลกดีว่าโรคถุงลมโป่งพองนะครับก็
00:26:40 → 00:26:42 อย่างที่คุยกับไปในพี่โสดแรกๆนะครับก็คือ
00:26:42 → 00:26:45 บอกว่าปอดของเราเนี่ยจะมีถุงลมเล็กๆจำนวน
00:26:45 → 00:26:47 มากนะครับเพราะว่าถูกล้มเหล่านี้เนี่ยมัน
00:26:47 → 00:26:49 จะช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวในการแลกเปลี่ยน
00:26:49 → 00:26:52 ก๊าซในสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าไอ้ถุงลม
00:26:52 → 00:26:54 เล็กๆเหล่านี้นะครับมันจะโดนผู้เอนไซม์
00:26:54 → 00:26:57 เวลาสเกซเนี่ยทำลายผนังของถุงลงไปทำให้
00:26:57 → 00:27:00 ผนังของถุงลมเล็กๆนะคะมันมันถูกทำลายมา
00:27:00 → 00:27:02 แล้วจะพูดเรื่องไหมครับต้องรอมันตายออกนะ
00:27:02 → 00:27:05 ครับในถุงเล็กๆมันก็จะค่อยรวมกันนะครับจะ
00:27:05 → 00:27:08 กลายเป็นถุงลมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นถ้าจะให้
00:27:08 → 00:27:10 นึกภาพออกนะครับเรานึกถึงภาพของเหมือนกับ
00:27:10 → 00:27:13 หอประชุมนะครับจะใหญ่สักที่นึงหรือว่า
00:27:13 → 00:27:15 เป็นที่จัดแสดงสินค้านะครับเป็นห้องโล่งๆ
00:27:15 → 00:27:19 ใหญ่ๆนะครับที่มีพนังอยู่สีด้านนี่เวลา
00:27:19 → 00:27:21 เรามีงานแสดงสินค้าในเราก็จะมีการตั้งบูธ
00:27:21 → 00:27:24 ถูกนะครับและตั้งบูธเนี่ยก็จะมีมีตัวกั้น
00:27:24 → 00:27:27 นะครับตัวผนังได้มากันเป็นบุญเล็กๆตัว
00:27:27 → 00:27:29 ผนังของบุญนะครับที่มีจำนวนมากมายเนี่ย
00:27:29 → 00:27:32 มันคือเวรที่ใช้แลกเปลี่ยนก๊าซในสิ่งที่
00:27:32 → 00:27:34 เกิดขึ้นก็คือว่าเมื่อเราเอาผนังบู๊ท
00:27:34 → 00:27:36 เหล่านี้นะครับค่อยยกออกไปทีละอันที่ร้าน
00:27:36 → 00:27:38 ที่ล่ะเนี้ยพื้นที่จะใช้แลกเปลี่ยนก๊าซ
00:27:38 → 00:27:41 มันจะน้อยลงเรื่อยๆมันจะเหลือแค่ขนาดใหญ่
00:27:41 → 00:27:43 ๆ 4 ด้านเท่านั้นเองเช่นเดียวกันนะครับใน
00:27:43 → 00:27:46 ปอดของคนปกติได้มันจะเหมือนกับที่แสดง
00:27:46 → 00:27:48 สินค้าที่มีบูธต่างๆมากมายมีผนังเนี่ย
00:27:48 → 00:27:51 เต็มไปหมดนะครับส่วนปอดของคนที่ป่วยโรค
00:27:51 → 00:27:54 ถุงลมโป่งพองเนี่ยก็คือจะมีเหมือนกับผมลม
00:27:54 → 00:27:57 ที่มีขนาดใหญ่มากจะมีผนังเรียนดอยมากทำ
00:27:57 → 00:27:59 ให้พื้นที่แถวการแลกเปลี่ยนก๊าซเนี่ยมัน
00:27:59 → 00:28:02 รอดีมากโอเคคิดว่าน่าจะพอเห็นภาพด้วยนะ
00:28:02 → 00:28:05 ครับคันนี้จะมาตอบคำถามสุดท้ายนะครับก็
00:28:05 → 00:28:07 คือว่าทำไมผู้ป่วยเนี่ยถึงแม้จะถูกบรรยาย
00:28:07 → 00:28:09 ว่ามีลักษณะที่ว่าเป็นทิ้งพับเฟอร์นะครับ
00:28:09 → 00:28:12 อย่างแรกเลยนะครับสีพีเนี่ยก็คือสีชมพูนะ
00:28:12 → 00:28:15 ครับมาถึงว่าตัวผู้ป่วยเนี่ยจะมีบริเวณ
00:28:15 → 00:28:17 แถวหน้าร่ำคอนะครับเดี่ยวช่วงบนของหน้าอก
00:28:17 → 00:28:20 เบี้ยจากค่อนข้างดูแดงๆนะครับสาเหตุก็คือ
00:28:20 → 00:28:23 ว่าคนที่เปิดเป็นโรคนี้นะครับขอจะหายใจ
00:28:23 → 00:28:26 ออกยากมากนะครับเวลาที่หายใจออกแต่ละ
00:28:26 → 00:28:29 ครั้งเนี่ยจะต้องใช้แรงเยอะมากดังนั้นผู้
00:28:29 → 00:28:31 ป่วยเนี่ยจะเป็นคนที่เหมือนกับทุกลมหายใจ
00:28:31 → 00:28:33 ออกแต่ละครั้งเนี่ยมันจะต้องใช้แรงตลอด
00:28:33 → 00:28:35 เวลาใช่แรงมากกว่าคนทั่วไป
00:28:35 → 00:28:39 ทำให้ Brain แถวๆหน้ามันแดงๆเหมือนคนที่
00:28:39 → 00:28:42 ไปออกกำลังกายมาตลอดแล้วผู้ป่วยมักจะค่อน
00:28:42 → 00:28:44 ข้างผอมนะครับเพราะว่าการหายจะเอาแต่ละ
00:28:44 → 00:28:46 ครั้งเนี่ยมันเบิ๊ดคณะพี่นะไม่ใช่พลังงาน
00:28:46 → 00:28:49 เยอะมากทั้งผู้ป่วยเนี่ยค่อนข้างผอมแห้ง
00:28:49 → 00:28:51 เลยส่วนคำว่าพับเฟอร์นะครับที่บอกว่าพูด
00:28:51 → 00:28:54 เวลาผู้ป่วยหายใจออกและผู้จะเอานาทีปาก
00:28:54 → 00:28:56 ได้มาใกล้ๆกันนะครับเหมือนปลาที่ควรจะ
00:28:56 → 00:28:59 พิมพ์ปากเฉพาะคำที่บายก็คือว่าการที่ผู้
00:28:59 → 00:29:01 ป่วยเนี่ยค่ะเต็มปากมาขวางรอมาไว้นะครับ
00:29:01 → 00:29:03 ตอนนี้ให้จะออกเนี่ยมันจะทำให้มันก็มีแรง
00:29:03 → 00:29:06 ดันในทางเดินหายใจเพิ่มขึ้นเหมือนกับเวลา
00:29:06 → 00:29:09 ที่เราบีบที่ปลายสายอย่างชะโดฉีดน้ำนะ
00:29:09 → 00:29:12 ครับแรงดันของน้ำภายในสายอย่างมันจะเพิ่ม
00:29:12 → 00:29:15 มากขึ้นและแรงดันในทะเลในใจนี้นะครับมัน
00:29:15 → 00:29:18 จะช่วยเหมือนกับไปขยายนะครับไม่ให้หลอดลม
00:29:18 → 00:29:21 เล็กๆมันแซ่บลงไปทำให้อารมณ์หายใจในมัน
00:29:21 → 00:29:24 สามารถที่จะออกมาได้นะครับแต่ในชีวิตจริง
00:29:24 → 00:29:26 นะครับก็อย่างที่ว่าไปนะครับมันจะไม่ค่อย
00:29:26 → 00:29:27 มีเป็นบลูโรสเตอร์อย่างเดียวเราพิมพ์ผ้า
00:29:27 → 00:29:29 ฝ้ายอย่างดีกว่าเพราะคนส่วนใหญ่ที่สุด
00:29:29 → 00:29:31 บุหรี่มันจะเหมือนกับมีสองโลกนี้เกิดขึ้น
00:29:31 → 00:29:34 พร้อมๆกันนะครับทำให้ลักษณะของผู้ป่วยจะ
00:29:34 → 00:29:37 ดี 2 แบบหล่อนกันแน่นอนคะมันจะมีบางคนที่
00:29:37 → 00:29:40 จะมีลักษณะของโรคนู้นโรคนี้มากกว่าเช่นจะ
00:29:40 → 00:29:42 มีลักษณะของโรคถุงลมโป่งพองมากกว่าควรจะ
00:29:42 → 00:29:45 มีสัดส่วนของโรคก็เราลดพิเศษเนี่ยมากกว่า
00:29:45 → 00:29:48 ก็จะทำให้มีลักษณะเดียวแตกต่างกันไปนะ
00:29:48 → 00:29:50 ครับและทั้งหมดนี้นะครับก็คือโรคปอดนะ
00:29:50 → 00:29:52 ครับที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่เป็นระยะ
00:29:52 → 00:29:55 เวลานานๆนะครับก็หวังว่าถ้าฟังจนเข้าใจ
00:29:55 → 00:29:57 และนึกภาพตามได้นะครับอาจจะช่วยเป็นกำลัง
00:29:57 → 00:30:00 ใจให้นะครับ 2 ใครก็ตามที่จะมีบุหรี่อยู่
00:30:00 → 00:30:03 นะครับสำหรับวันนี้ผมก็ขอจบตรงนี้เลยนะ
00:30:03 → 00:30:05 ครับแล้วก็เรามาเจอกันใหม่ในปีส่วนหน้านะ
00:30:05 → 00:30:07 ครับก็เป็นเรื่องของภาวะติดเชื้อที่ปอดนะ
00:30:07 → 00:30:08 ครับอ่ะ
00:30:08 → 00:30:21 [เพลง]
00:30:21 → 00:30:23 ม.ค