00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับเคยมีคนสงสัยไหมครับว่านักแข่ง
00:00:03 → 00:00:05 กินจุเนี่ยนะครับเขากินเข้าไปได้ยังไง
00:00:05 → 00:00:08 ตั้งเยอะตั้งแยะแล้วก็คนส่วนใหญ่เนี่ยที่
00:00:08 → 00:00:10 เป็นนักแข่งเนี่ยก็ตัวผอมกันทั้งนั้นนะ
00:00:10 → 00:00:12 ครับทั้งๆที่กินเข้าไปก็เยอะแยะเลยนะครับ
00:00:12 → 00:00:15 มันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรนะครับวันนี้ผม
00:00:15 → 00:00:17 ก็เลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังนะ
00:00:17 → 00:00:20 ครับแล้วผมก็จะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งนะครับ
00:00:20 → 00:00:24 ที่เขาไปศึกษาในคนที่เป็นคนปกติเทียบกับ
00:00:24 → 00:00:26 นักกินจุนะครับว่ามันมีความแตกต่างกัน
00:00:26 → 00:00:28 อย่างไรบ้างนะครับเดี๋ยวเราไปฟังกันนะ
00:00:28 → 00:00:31 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวรรณนะ
00:00:31 → 00:00:32 ครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:32 → 00:00:35 อเมริกาเชี่ยวชาญโรคปลอดการปลูกถ่ายปอ
00:00:35 → 00:00:36 แล้ววิกฤตบำบัดนะครับ
00:00:36 → 00:00:39 เรื่องของการกินจุนั้นหลายๆคนก็คงจะเคย
00:00:39 → 00:00:41 เห็นนะครับถ้าใครเคยดูรายการต่างๆอย่าง
00:00:41 → 00:00:44 ที่อเมริกาเนี่ยก็จะมีการแข่งกินตัว
00:00:44 → 00:00:46 ฮอทดอกนะครับก็คือเป็นตัวไส้กรอกแล้วก็มี
00:00:46 → 00:00:49 ตัวแป้งขนมปังนะฮะเนี่ยมันเป็นชิ้นแบบนี้
00:00:49 → 00:00:52 นะครับแล้วก็แข่งกินกันมันจะมีจัดขึ้นทุก
00:00:52 → 00:00:55 ๆวันชาติอเมริกานะครับก็คือวันที่ 4
00:00:55 → 00:00:58 กรกฎาคมนั่นเองนะครับแล้วก็คนที่เขาชนะ
00:00:58 → 00:01:01 เนี่ยเขากินในช่วงเวลาสัก 10 - 12 นาที
00:01:01 → 00:01:05 เนี่ยกินเข้าไป 6-70 อันเลยนะครับคือเยอะ
00:01:05 → 00:01:06 มากนะครับไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไงเหมือน
00:01:06 → 00:01:07 กันนะครับ
00:01:07 → 00:01:10 แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคนเหล่านี้ที่
00:01:10 → 00:01:14 สามารถกินได้เยอะๆเนี่ยนะครับก็งานวิจัย
00:01:14 → 00:01:17 ตัวที่ผมจะเอามาแปะให้ไปดูเนี่ยมันบอกเลย
00:01:17 → 00:01:20 ว่าอาหารที่เข้าไปเนี่ยนะครับมันสามารถ
00:01:20 → 00:01:23 ที่จะเข้าไปสะสมอยู่ตรงบริเวณกระเพาะนะ
00:01:23 → 00:01:26 ครับก็เพราะของคนเหล่านี้เนี่ยจะมีลักษณะ
00:01:26 → 00:01:30 ที่สามารถยืดตัวได้เยอะนะครับแล้วมันก็จะ
00:01:30 → 00:01:32 ไม่มีการบีบตัวแต่อย่างใดทำให้อาหารเนี่ย
00:01:32 → 00:01:35 มันไปสะสมอยู่ในตัวกระเพาะได้เยอะมากนะ
00:01:35 → 00:01:38 ครับคนทั่วๆไปเนี่ยลองเทียบกันดูนะครับ
00:01:38 → 00:01:41 ถ้าเรากินน้ำหรือว่าพวกของเหลวหรืออาหาร
00:01:41 → 00:01:43 อะไรเข้าไปสักประมาณลิตรถึงลิตรเครื่อง
00:01:43 → 00:01:45 เนี่ยนะครับเราควรที่จะต้องอิ่มแล้ว
00:01:45 → 00:01:48 กระเพาะแล้วมันก็จะเต็มแล้วนะครับแต่ว่า
00:01:48 → 00:01:51 คนที่เขาฝึกเรื่องของการกินจุเนี่ยจะ
00:01:51 → 00:01:53 สามารถทำให้กระเพาะเนี่ยขยายไปมากกว่า
00:01:53 → 00:01:56 นั้นอีกนะครับทำยังไงมันถึงจะเป็นแบบนั้น
00:01:56 → 00:01:59 ได้นะครับบางคนเนี่ยก็อาจจะเป็นเรื่องของ
00:01:59 → 00:02:02 พรสวรรค์ส่วนตัวที่มีมาตั้งแต่เกิดคือตัว
00:02:02 → 00:02:04 กระเพาะเนี่ยมันสามารถขยายได้มากกว่าคน
00:02:04 → 00:02:07 ทั่วไปนะครับอย่างไรก็ตามมันก็จะต้องมี
00:02:07 → 00:02:10 การฝึกอยู่ดีนะครับเวลาที่เขาฝึกเนี่ยก็
00:02:10 → 00:02:12 มีหลากหลายแบบหลากหลายวิธีนะครับยกตัว
00:02:12 → 00:02:15 อย่างเช่นวิธียอดฮิตก็คือ Water loading
00:02:15 → 00:02:17 นะครับก็คือกินน้ำเข้าไปเยอะๆเลยนะครับ
00:02:17 → 00:02:19 เพื่อที่จะให้ตัวกระเพาะเนี่ยมันขยายนะ
00:02:19 → 00:02:22 ครับแล้วเขาก็จะกินให้มันเกิดในส่วนที่
00:02:22 → 00:02:24 เขาอิ่มไปอีกสักนิดนึงเพื่อที่จะกระเพาะ
00:02:24 → 00:02:27 มันขยายเพิ่มขึ้นนะครับบางคนก็กินกะหล่ำ
00:02:27 → 00:02:31 ปลีบางคนก็เป็นตัวแตงโมหรืออาหารหรืออะไร
00:02:31 → 00:02:33 ก็แล้วแต่ที่มันมีแคลอรี่ต่ำนะครับเพื่อ
00:02:33 → 00:02:36 ที่จะไม่ได้รับแคลอรี่มากเกินไปนะครับมัน
00:02:36 → 00:02:38 ก็จะทำให้เป็นการฝึกให้กระเพาะมันขยายมาก
00:02:38 → 00:02:40 ขึ้นได้นะครับ
00:02:40 → 00:02:43 ทีนี้กระเพาะขยายมากขึ้นแล้วมันเกิดอะไร
00:02:43 → 00:02:44 ขึ้น
00:02:44 → 00:02:46 ปกติผนังกระเพาะของเราเนี่ยนะครับมันจะมี
00:02:46 → 00:02:49 กล้ามเนื้อเรียบกล้ามเนื้อเรียบพวกนี้มัน
00:02:49 → 00:02:52 จะคอยบีบอาหารในกระเพาะเราให้ลงไปสู่ลำ
00:02:52 → 00:02:55 ไส้เล็กนะครับถ้าเราไปยืดมันมากๆด้วยการ
00:02:55 → 00:02:57 กินอะไรเข้าไปเยอะๆเนี่ยนะครับแล้วทำ
00:02:57 → 00:02:59 อย่างนี้อยู่ตลอดเวลาสิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:02:59 → 00:03:01 คือว่ากล้ามเนื้อพวกเนี้ยมันจะไม่ทำงานละ
00:03:01 → 00:03:05 นะครับมันจะไม่ค่อยทำงานเพราะมันโดนยืดซะ
00:03:05 → 00:03:08 จนมันมันฝ่อบางไปหมดนะครับดังนั้นเวลาที่
00:03:08 → 00:03:10 กินอาหารอะไรเข้าไปเนี่ยแทนที่ปกติ
00:03:10 → 00:03:13 กระเพาะมันจะบีบเพื่อเอาอาหารลงไปสู่ลำ
00:03:13 → 00:03:15 ไส้เล็กได้เนี่ยมันก็ไม่บีบแล้วครับมันก็
00:03:15 → 00:03:17 อยู่ค้างกันอย่างนั้นนะครับต้องรอให้ระยะ
00:03:17 → 00:03:20 เวลาผ่านไปนานๆคืออาหารพวกเนี้ยคือกล้าม
00:03:20 → 00:03:21 เนื้อมันก็ยังอยู่เหมือนเดิมนะครับแต่การ
00:03:21 → 00:03:24 บีบตัวของมันอาจจะช้าแล้วก็อาจจะไม่ค่อย
00:03:24 → 00:03:26 แข็งแรงเหมือนเข้ากระเพาะคนปกติมันก็จะ
00:03:26 → 00:03:28 ค่อยๆบีบทีละนิดแล้วก็ค่อยๆลงไปนะครับ
00:03:28 → 00:03:32 สมัยก่อนผมเคยคิดว่าคนที่กินจุเหล่านี้
00:03:32 → 00:03:34 สามารถที่จะเปิดหูรูดกระเพาะส่วนที่มัน
00:03:34 → 00:03:36 ต่อระหว่างกระเพาะกับลำไส้เล็กได้ดีขึ้น
00:03:36 → 00:03:39 นะครับแต่ว่าเอาจริงๆจากงานวิจัยตัวนี้ก็
00:03:39 → 00:03:42 ทำให้ความเชื่อที่ผมคิดนะครับมันไม่ถูก
00:03:42 → 00:03:44 ต้องขึ้นมาแล้วนะครับมันกลายเป็นว่าตกลง
00:03:44 → 00:03:47 แล้วเนี่ยมันไม่ใช่เป็นการบีบของกระเพาะ
00:03:47 → 00:03:50 แล้วก็เอาอาหารลงไปในซำไล้ลำไส้เล็กได้
00:03:50 → 00:03:53 เร็วขึ้นแต่ว่ามันเป็นการที่กระเพาะไม่
00:03:53 → 00:03:55 บีบตัวเลยหรือบีบตัวน้อยมากเราก็สามารถทำ
00:03:55 → 00:03:58 ให้อาหารเนี่ยมันค้างอยู่ในกระเพาะได้
00:03:58 → 00:04:00 เยอะขึ้นก็จึงเป็นที่มาของการที่เขากิน
00:04:00 → 00:04:03 เข้าไปตั้งเยอะตั้งแยะเนี่ยมันก็จะไปกรอง
00:04:03 → 00:04:05 อยู่ตรงที่กระเพาะนะครับแล้วคนพวกนี้เวลา
00:04:05 → 00:04:08 ในช่วงที่แข่งขันเนี่ยนะครับกินเยอะซะจน
00:04:08 → 00:04:10 ท้องเขาจะป่องมาเลยนะครับปล่องเหมือนคน
00:04:10 → 00:04:12 ท้องเลยนะฮะแล้วมันจะใช้เวลาประมาณหลายๆ
00:04:12 → 00:04:15 วันเนี่ยกว่าไอ้ท้องตรงเนี้ยมันจะยุบลงไป
00:04:15 → 00:04:19 เป็นปกตินะครับแต่แน่นอนก็จะมีบางคน
00:04:19 → 00:04:22 เหมือนกันที่เอ่อไปใช้ยาขับถ่ายเพื่อที่
00:04:22 → 00:04:24 จะถ่ายมันออกมาหรือบางคนก็ไปอาเจียนมัน
00:04:24 → 00:04:27 ออกมาก็มีบางคนทำเช่นนั้นนะครับแต่ว่าบาง
00:04:27 → 00:04:30 คนก็ไม่ทำเช่นนั้นนะฮะเวลาที่เขาฝึกเนี่ย
00:04:30 → 00:04:33 นอกเหนือจากการที่เขาจะต้องมีการขยายขนาด
00:04:33 → 00:04:37 กระเพาะแล้วก็ยังต้องมีการเรียนรู้ที่จะ
00:04:37 → 00:04:41 ผ่อนคลายหลอดอาหารนะครับหลอดอาหารนี้ก็
00:04:41 → 00:04:43 คือเวลาที่เรากินอาหารเข้าไปปุ๊บมันจะลง
00:04:43 → 00:04:45 ไปที่หลังคอเราก็หลอดอาหารต่อลงมานะครับ
00:04:45 → 00:04:48 ไอ้หลอดอาหารของเราตัวนี้แหละครับเขาจะ
00:04:48 → 00:04:52 ต้องหัดพยายามขยายมันก็คือพยายาม relax
00:04:52 → 00:04:55 มันนะครับทำให้มันไม่ตึงจนเกินไปเพื่อที่
00:04:55 → 00:04:57 จะให้อาหารมันลงไปได้นะครับก็ต้องมีการ
00:04:57 → 00:05:00 ฝึกส่วนนี้นะครับแล้วไม่ใช่แค่ฝึกส่วนนี้
00:05:00 → 00:05:02 เท่านั้นเพราะอาหารลงไปจนสุดหลอดอาหาร
00:05:02 → 00:05:05 แล้วเนี่ยตรงส่วนที่มันต่อกับกระเพาะตรง
00:05:05 → 00:05:07 นั้นมันจะมีหูรูดตัวหนึ่งนะครับชื่อว่า
00:05:07 → 00:05:10 Lower is official sprinter นะครับหู
00:05:10 → 00:05:12 รูดตัวนี้เนี่ยมันจะเป็นตัวที่ป้องกันไม่
00:05:12 → 00:05:15 ให้อาหารในกระเพาะเราเนี่ยมันไหลย้อนกลับ
00:05:15 → 00:05:18 มานะครับถ้าหูรูดตัวนี้เสียนะครับหรือว่า
00:05:18 → 00:05:20 เสื่อมไปเนี่ยเราก็จะมีโรคกรดไหลย้อนได้
00:05:20 → 00:05:22 ง่ายขึ้นนะครับแต่คนเหล่านี้เนี่ยสิ่งที่
00:05:22 → 00:05:25 เขาต้องฝึกก็คือว่าต้องฝึกผลักอาหารให้
00:05:25 → 00:05:30 มันผ่านไอ้ตัวตัวเนี้ยไปให้ได้คือมันก็จะ
00:05:30 → 00:05:33 ต้องมีการฝึกที่จะให้มันคลายตัวออกเพื่อ
00:05:33 → 00:05:36 ที่จะให้อาหารอาหารลงไปได้นะครับแต่พอ
00:05:36 → 00:05:37 อาหารลงไปแล้วมันก็ต้องปิดตัวเหมือนเดิม
00:05:37 → 00:05:38 เพราะไม่งั้นมันก็ไหลกลับขึ้นมาเหมือน
00:05:38 → 00:05:41 เดิมนะครับงั้นคนเหล่านี้ก็จะมีการฝึก
00:05:41 → 00:05:44 สิ่งต่างๆเหล่านี้ซึ่งจะต้องใช้เวลาเป็น
00:05:44 → 00:05:47 อย่างมากนะครับแล้วสิ่งที่ตามมาก็คือว่า
00:05:47 → 00:05:51 เขาก็จะต้องมีการทำ fasting คือการอด
00:05:51 → 00:05:54 อาหารนะครับบางคนจะมีการอดอาหารก่อนหน้า
00:05:54 → 00:05:56 วันที่จะแข่งนะครับแล้วหลังจากแข่งเสร็จ
00:05:57 → 00:05:59 ปุ๊บเนี่ยเขาก็จะอดอาหารต่อเพราะว่าใน
00:05:59 → 00:06:00 ช่วงนั้นเขามีอาหารอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด
00:06:00 → 00:06:05 เลยนะครับทีนี้พอเรารู้แล้วว่าโอเคคนพวก
00:06:05 → 00:06:06 นี้เขากินได้เยอะเพราะว่าเขามีการฝึก
00:06:06 → 00:06:10 กระเพาะแล้วก็ฝึกอย่างมีวินัยสุดโหดเลยนะ
00:06:10 → 00:06:12 ครับเพราะต้องฝึกประจำนะถ้าไม่ฝึกประจำ
00:06:12 → 00:06:14 เนี่ยท้องก็จะไม่สามารถทำเช่นนั้นได้นะ
00:06:14 → 00:06:18 ครับการฝึกประจำเช่นนี้มันมีผลเสียอะไร
00:06:18 → 00:06:21 บ้างตรงเนี้ยสำคัญละนะครับอย่างที่บอกคือ
00:06:21 → 00:06:23 เมื่อเราขยายกระเพาะมากๆแล้วเนี่ยนะครับ
00:06:23 → 00:06:26 กล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะมันจะมีการบาง
00:06:26 → 00:06:30 ตัวลงทำงานได้แย่ลงนะครับถ้าไปในอนาคต
00:06:30 → 00:06:33 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือคนพวกเนี้ยกินเข้า
00:06:33 → 00:06:35 ไปเท่าไหร่ก็จะไม่รู้สึกอิ่มนะครับแล้ว
00:06:35 → 00:06:37 ถ้าไม่รู้สึกอิ่มแล้วไม่ควบคุมอาหารที่
00:06:37 → 00:06:40 ตัวเองกินเข้าไปก็จะมีโอกาสเกิดโรคอ้วน
00:06:40 → 00:06:43 หรือโรคอื่นๆตามมาได้ดังนั้นในคนเหล่านี้
00:06:43 → 00:06:46 ที่เขามีวินัยจริงๆนะครับช่วงที่เขาไม่
00:06:46 → 00:06:49 ได้แข่งขันเขาก็กินเหมือนกับคนปกติทั่วไป
00:06:49 → 00:06:52 นี่แหละครับ 2-3 มื้อแบบนี้นะครับแต่ว่า
00:06:52 → 00:06:55 ในมื้อนึงที่เขากินเนี่ยเขาก็จะกินไม่
00:06:55 → 00:06:57 เยอะนะครับกลิ่นเท่ากับคนทั่วไปถึงแม้ว่า
00:06:57 → 00:06:59 เขากินเข้าไปแล้วเขาจะไม่รู้สึกว่ามัน
00:06:59 → 00:07:01 อิ่มก็ตามนะครับแต่ว่าเขาจะมีการคำนวณ
00:07:01 → 00:07:04 ปริมาณแคลอรี่เพราะไม่เช่นนั้นถ้าเขากิน
00:07:04 → 00:07:07 เยอะเกินแคลอรี่ที่ร่างกายต้องการเขาก็จะ
00:07:07 → 00:07:10 มีความอ้วนเพิ่มขึ้นแล้วที่สำคัญความอ้วน
00:07:10 → 00:07:13 นี่แหละครับมันทำให้แข็งแพ้ด้วยซ้ำไปนะ
00:07:13 → 00:07:16 ครับถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นนะครับ
00:07:16 → 00:07:19 เวลาที่เรามีกระเพาะอยู่อันนึงที่มันขยาย
00:07:19 → 00:07:23 ได้เยอะๆเนี่ยนะครับเรามันขยายได้ด้วย
00:07:23 → 00:07:25 อาหารที่เขากินเข้าไปตอนแข่งถูกไหมครับ
00:07:25 → 00:07:27 มันก็จะขยายกระเพาะออกไปเรื่อยแต่ถ้ามัน
00:07:27 → 00:07:29 มีอะไรมาดันให้กระเพาะมันไม่สามารถขยาย
00:07:29 → 00:07:32 ได้ล่ะมันก็จะมีโอกาสที่จะทำให้กระเพาะ
00:07:32 → 00:07:34 ไม่สามารถบรรจุอาหารเข้าไปได้เยอะนะครับ
00:07:34 → 00:07:38 อะไรที่มันดันกระเพาะให้มันขยายไปได้ก็
00:07:38 → 00:07:41 ถ้าท่านอ้วนมีหน้าท้องเยอะมีไขมันเยอะพวก
00:07:41 → 00:07:43 นี้มันเป็นน้ำหนักที่กดลงไปบนกระเพาะนะ
00:07:43 → 00:07:46 ครับดังนั้นคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะมีอ้วน
00:07:46 → 00:07:49 เยอะๆพวกนี้นะครับก็จะแข่งกินเราไม่ค่อย
00:07:49 → 00:07:51 ชนะดังนั้นคนที่เขาแข่งชนะเนี่ยท่านจะ
00:07:51 → 00:07:53 สังเกตว่าเขาเป็นตัวที่ผอมๆทั้งนั้นเลย
00:07:53 → 00:07:57 ไม่ได้เป็นคนอ้วนแต่อย่างใดนะครับอ่านานๆ
00:07:57 → 00:08:01 ไปถ้าเกิดเขาเกิดว่าหมดวินัยแล้วไม่อยาก
00:08:01 → 00:08:03 จะควบคุมเขากินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มอันนี้ก็
00:08:03 → 00:08:06 แน่นอนว่าต้องกังวลว่าในอนาคตจะเกิดโรค
00:08:06 → 00:08:09 อ้วนขึ้นมานะครับโรคที่ 2 ที่เกิดขึ้นได้
00:08:09 → 00:08:13 ก็คือการที่กล้ามเนื้อของกระเพาะเนี่ยมัน
00:08:13 → 00:08:15 ฝ่อรีบไปมันไม่สามารถทำงานได้เพราะว่า
00:08:15 → 00:08:17 ท่านไปยื่นมันออกตลอดเวลานะครับอันนี้ก็
00:08:17 → 00:08:20 จะเกิดภาวะอันหนึ่งเรียกว่าแก๊สโทรพลีซิส
00:08:20 → 00:08:24 นะครับแก๊สโซฮาราแต่ว่ากระเพาะพอรีซิสคือ
00:08:24 → 00:08:26 การไม่เคลื่อนไหวหรือเป็นอัมพาตนั่นเอง
00:08:26 → 00:08:28 นั่นก็แปลว่ากระเพาะของเขาเนี่ยจะไม่มี
00:08:28 → 00:08:30 การบีบตัวนะครับ
00:08:30 → 00:08:33 แล้วพอมันไม่มีการบีบตัวไปนานๆวันเข้า
00:08:33 → 00:08:35 เนี่ยมันก็จะมีการค้างของอาหารอยู่ใน
00:08:35 → 00:08:38 กระเพาะแล้วพอค้างแล้วเกิดอะไรขึ้นมันก็
00:08:38 → 00:08:41 อาจจะมีบางคนที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
00:08:41 → 00:08:44 กรดไหลย้อนได้นะครับบางคนก็รู้สึกปวดท้อง
00:08:44 → 00:08:47 กินเข้าไปแล้วมันไม่ย่อยเลยนะครับอันนี้
00:08:47 → 00:08:49 ก็คือเป็นปัญหาระยะยาวที่อาจจะเกิดขึ้น
00:08:49 → 00:08:51 กับนักกินจุบางคนนะครับ
00:08:51 → 00:08:54 แล้วนอกเหนือจากนี้มีอะไรที่อันตรายเพิ่ม
00:08:54 → 00:08:57 มากขึ้นมาอีกในช่วงที่เขาแข่งกัน
00:08:57 → 00:09:00 ประการแรกก็คือการสำลักนะครับคือคนพวกนี้
00:09:00 → 00:09:03 ถ้าเกิดว่าเขากินเร็วมากๆแล้วเขาแข่งกับ
00:09:03 → 00:09:06 คนอื่นเนี่ยมันมีรายงานว่าสำลักแล้วเสีย
00:09:06 → 00:09:08 ชีวิตมาแล้วในระหว่างที่แข่งเลยนะครับคือ
00:09:08 → 00:09:11 อาหารเนี่ยมันเต็มทนจนกระทั่งมันสำลัก
00:09:11 → 00:09:13 เข้าไปในปอดแล้วไปอุดตันในปอดหายใจไม่ออก
00:09:13 → 00:09:14 เสียชีวิตนะครับ
00:09:14 → 00:09:17 อันต่อๆมาเนี่ยยังไม่มีการรายงานนะครับ
00:09:17 → 00:09:21 แต่ว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ก็คือการฉีกขาด
00:09:21 → 00:09:23 ของหลอดอาหารนะครับคือว่าอาหารเข้าไปเยอะ
00:09:24 → 00:09:26 จนเกินไปแล้วมันดันให้หลอดอาหารเนี่ยมัน
00:09:26 → 00:09:30 ปริแตกแล้วก็ฉีกขาดออกนะครับอันนี้เป็น
00:09:30 → 00:09:32 ภาวะที่เร่งด่วนเลยถ้าไม่รักษาทันทีก็ตาย
00:09:32 → 00:09:35 ได้เหมือนกันอันนี้ก็เรียกว่า Boy have
00:09:35 → 00:09:38 synd นะครับก็คืออาหารเนี่ยมันทะลุหลอด
00:09:38 → 00:09:40 อาหารเข้าไปแล้วมันทะลุไปไหนตรงนี้สำคัญ
00:09:40 → 00:09:45 มันทะลุไปในส่วนที่เรียกว่า Media ก็คือ
00:09:45 → 00:09:49 เป็นถุงอันนึงที่มีหัวใจอยู่ในนั้นนะครับ
00:09:49 → 00:09:51 มีหัวใจมีเส้นเลือดใหญ่มีเส้นประสาทที่
00:09:51 → 00:09:54 สำคัญมากๆอยู่ในนั้นถ้าอาหารหรือว่ากรด
00:09:54 → 00:09:55 หรืออะไรก็แล้วแต่มันทะลุเข้ามาในช่อง
00:09:55 → 00:09:58 นั้นท่านคิดดูแล้วกันว่ามันจะเกิดอะไร
00:09:58 → 00:10:01 ขึ้นนะครับมันเกิดการอักเสบได้รุนแรงและ
00:10:01 → 00:10:03 บางครั้งถ้าอาหารค้างอยู่ในนั้นแล้วผ่า
00:10:03 → 00:10:06 ตัดเนี่ยระยะยาวก็อาจจะมีการติดเชื้อ
00:10:06 → 00:10:08 เรื้อรังได้นะครับอันนี้ก็เป็นสิ่งที่น่า
00:10:08 → 00:10:09 กังวลนะครับ
00:10:09 → 00:10:13 อีกอย่างนึงในไอ้ตัวทางเดินอาหารนะครับ
00:10:13 → 00:10:16 ตัวหลอดอาหารส่วนล่างเนี่ยมันอาจจะมีการ
00:10:16 → 00:10:19 ฉีกขาดได้นะครับอันนี้เราเรียกว่า Memory
00:10:19 → 00:10:22 White ก็คือในหลอดอาหารเราจะมีเส้นเลือด
00:10:22 → 00:10:25 ถ้ามันเกิดการฉีดขาดตรงบริเวณนั้นแล้ว
00:10:25 → 00:10:26 เข้าไปที่เส้นเลือดสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:10:26 → 00:10:28 อาเจียนออกมาเป็นเลือดเยอะเลยนะครับอัน
00:10:28 → 00:10:30 นี้ก็เป็นประการหนึ่งซึ่งหน้ากลัวเหมือน
00:10:30 → 00:10:32 กันถ้ามันเกิดขึ้นได้แต่ยังไม่มีการราย
00:10:32 → 00:10:33 งานในส่วนนี้นะครับ
00:10:33 → 00:10:36 หรือบางคนถ้ากินมากจนเกินไปแน่นอนว่า
00:10:36 → 00:10:38 กระเพาะเราเนี่ยมันขยายได้จนถึงจุดหนึ่ง
00:10:38 → 00:10:40 เท่านั้นแหละครับถ้ามันเลยกว่านั้นไปมัน
00:10:40 → 00:10:42 อาจจะแตกหรือทะลุออกมาเลยก็ได้ซึ่งอัน
00:10:42 → 00:10:44 นั้นก็เป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดเหมือนกัน
00:10:44 → 00:10:46 นะครับดังนั้นพวกนี้เนี่ยก็คือเป็น
00:10:46 → 00:10:51 อันตรายของคนที่แข่งกินจุนะครับทั่วไปก็
00:10:51 → 00:10:53 ไม่ได้แนะนำให้แข็งกินจุอะไรเท่าไหร่นะ
00:10:53 → 00:10:55 ครับแต่ว่าคนที่เขาแข่งเขาก็จะต้องมีการ
00:10:55 → 00:10:57 ดูแลตัวเองอย่างดีนะครับมีการควบคุม
00:10:57 → 00:11:00 ปริมาณแคลอรี่ให้ดีนะครับไม่ได้ทำอะไรจน
00:11:00 → 00:11:03 เกินฝืนจนเกินไปบางคนเวลาที่พยายามจะขยาย
00:11:03 → 00:11:06 ขนาดกระเพาะด้วยการกินน้ำเยอะๆอันนี้ถ้า
00:11:06 → 00:11:08 ไม่เคยทำมาก่อนเนี่ยอาจจะอันตรายได้อย่าง
00:11:08 → 00:11:10 ที่ผมเคยเล่าไปในคลิปเรื่องเกี่ยวข้องกับ
00:11:10 → 00:11:13 การกินน้ำทีเดียวเยอะๆเพราะว่าร่างกายของ
00:11:13 → 00:11:15 เราเนี่ยมันดูดน้ำเข้าไปเยอะๆพวกนี้มันจะ
00:11:15 → 00:11:17 ไปเจือจางโซเดียมในร่างกายนะครับทำให้
00:11:18 → 00:11:20 โซเดียมต่ำพอโซเดียมต่ำเสร็จปุ๊บเนี่ยจะ
00:11:20 → 00:11:21 เกิดอาการสมองบวม
00:11:21 → 00:11:24 สมองบวมแล้วเกิดอะไรขึ้นชักได้นะครับแล้ว
00:11:24 → 00:11:27 ถ้าสมองบวมแล้วมันบวมมากๆเนี่ยมันก็จะมี
00:11:27 → 00:11:30 ความดันในสมองสูงมากๆมันก็จะต้องพยายาม
00:11:30 → 00:11:33 ดันตัวสมองเราไปสักทีนึงแล้วที่สำคัญก็
00:11:33 → 00:11:36 คือมันดันลงมาตรงก้านสมองไปกดโดนก้านสมอง
00:11:36 → 00:11:39 เป็นสมองมันไหลลงมาตรงนั้นน่ะเป็นเส้น
00:11:39 → 00:11:41 เลือดสมองเราก็เสียชีวิตได้ทันทีนะครับ
00:11:41 → 00:11:43 ดังนั้นตรงนี้เนี่ยอันตรายมากนะครับ
00:11:43 → 00:11:46 คำถามอีกอย่างนึงซึ่งหลายๆคนก็คงจะสงสัย
00:11:46 → 00:11:48 อยู่เหมือนกันว่าเอ๊ะทำไมคนพวกนี้มันไม่
00:11:48 → 00:11:50 อ้วนสักทีกินเข้าไปตั้งเยอะตั้งแยะนะครับ
00:11:50 → 00:11:53 ต้องบอกอย่างนี้ครับเพราะว่าทุกๆอย่างที่
00:11:53 → 00:11:55 เขากินเข้าไปตอนแข่งเนี่ยนะครับมันไม่ได้
00:11:55 → 00:11:57 ถูกดูดซึมเข้าไปหมดหรอกครับนะส่วนไหนที่
00:11:57 → 00:12:00 มันไม่ถูกดูดซึมเราก็ถ่ายอุจจาระออกมานะ
00:12:00 → 00:12:02 ครับทำให้ส่วนนั้นไม่ได้มีการย่อยแล้วก็
00:12:02 → 00:12:05 เอาพลังงานไปใช้ในร่างกายนะครับอย่างไรก็
00:12:05 → 00:12:08 ตามถ้าในช่วงที่เขาไม่แข็งแล้วเขาไม่ได้
00:12:08 → 00:12:10 ควบคุมปริมาณพลังงานแคลอรี่ที่เขากินเข้า
00:12:10 → 00:12:13 ไปเนี่ยมันก็อาจจะเกิดการอ้วนได้นะครับ
00:12:13 → 00:12:16 ดังนั้นโดยสรุปแล้วนักกินจุเนี่ยนะครับ
00:12:16 → 00:12:19 เขาจะมีกระเพาะที่สามารถบรรจุอาหารเข้าไป
00:12:19 → 00:12:21 ได้มากกว่าคนธรรมดาโดยการที่เขาฝึกเพื่อ
00:12:21 → 00:12:24 ที่จะขยายขนาดกระเพาะฝึกเพื่อที่จะขยาย
00:12:24 → 00:12:27 ขนาดของหลอดทางเดินอาหารแล้วก็เพื่อที่จะ
00:12:27 → 00:12:30 ให้ตัววาล์วที่ปิดระหว่างหลอดอาหารกับตัว
00:12:30 → 00:12:32 กระเพาะอาหารเนี่ยสามารถเปิดได้ตามใจนึก
00:12:33 → 00:12:35 ตามเวลาที่เขากินเข้าไปนี่คือการฝึกของ
00:12:35 → 00:12:36 เขานะฮะ
00:12:36 → 00:12:40 แล้วแน่นอนว่าระยะยาวถ้าฝึกแล้วก็เลิกฝึก
00:12:40 → 00:12:43 หรือว่าเลิกมีวินัยในการรับประทานอาหารนะ
00:12:43 → 00:12:45 ครับการที่เขากินไม่อิ่มอยู่ตลอดเวลา
00:12:45 → 00:12:47 เนี่ยก็อาจจะมีโอกาสทำให้เขาเป็นโรคอ้วน
00:12:47 → 00:12:49 หรือเป็นโรคเบาหวานเป็นโรคอะไรต่างๆใน
00:12:49 → 00:12:52 อนาคตได้ขึ้นมานะครับอ่าดังนั้นพวกนี้ก็
00:12:52 → 00:12:56 คิดว่าเอามาเล่าเท่านี้น่าจะเข้าใจกันดี
00:12:56 → 00:12:58 เพิ่มขึ้นนะครับแล้วเดี๋ยวผมจะเอางาน
00:12:58 → 00:13:01 วิจัยที่ผมไปอ่านมาเนี่ยทิ้งลิงก์ไว้ให้
00:13:01 → 00:13:03 ทุกท่านตามไปอ่านได้เองเลยนะครับมันจะมี
00:13:03 → 00:13:05 รูปถ่ายกระเพาะของคนที่เขากินแข่งกินเข้า
00:13:05 → 00:13:08 ไปเยอะๆนะครับกับรูปถ่ายของกระเพาะคนปกติ
00:13:08 → 00:13:10 ด้วยนะครับว่ามันแตกต่างกันอย่างไรเมื่อ
00:13:10 → 00:13:13 ที่เราให้ 2 คนเนี่ยมากินแข่งกันนะครับดู
00:13:13 → 00:13:16 ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะครับโอเควันนี้ก็
00:13:16 → 00:13:18 เท่านี้นะครับใครมีอะไรสงสัยสอบถามมาได้
00:13:18 → 00:13:22 นะครับอ่าขอบคุณมากครับสวัสดีครับ