00:00:00 → 00:00:01 เรื่องเป็นเบาหวานเชื้อชาติก็มีส่วนคน
00:00:02 → 00:00:04 เอเชียส่วนมากเป็นเบาหวานมากกว่าทวีปอื่น
00:00:04 → 00:00:06 เป็นเพราะกินสิ่งนี้ครับนั่นก็คือข้าว
00:00:06 → 00:00:09 นั่นเองอย่างที่พี่ท็อปพูดมานะครับเนาะผม
00:00:09 → 00:00:10 ไปอ่านงานวิจัยมาของ The British
00:00:10 → 00:00:13 medical journal เขาบอกไว้ว่าคนเอเชีย
00:00:13 → 00:00:15 เนี่ยกับเรื่องของข้าวเนี่ยมีความ
00:00:15 → 00:00:18 สัมพันธ์อย่างนัยยะสำคัญในการเป็นโรคเบา
00:00:18 → 00:00:21 หวานคือปริมาณที่เรากินเข้าไปในคนเอเชีย
00:00:21 → 00:00:24 นะครับถ้าเราเทียบกับทวีปหรือคนชาติอื่น
00:00:24 → 00:00:26 เนี่ยคือต้องกอว่าคนเอเชียเราตัวเล็กอนะ
00:00:26 → 00:00:29 ครับเนาะแต่ถ้าเทียบกับฝรั่งอะไรอย่าง
00:00:29 → 00:00:32 เงี้ยในตัวของเขาที่ร่างเขาสูงมากกว่า
00:00:32 → 00:00:34 ปริมาณกล้ามเนื้อเขามากกว่าเพราะฉะนั้น
00:00:34 → 00:00:37 ถ้ากินข้าวในจานที่เท่ากันเนี่ยแน่นอนเรา
00:00:37 → 00:00:39 จะมีความเสี่ยงมากกว่าความเสี่ยงมากกว่า
00:00:39 → 00:00:42 เพราะยังไง 1 อย่างเที่เราพูดมาก็คือพอ
00:00:42 → 00:00:44 เรากินข้าวเข้าไปมันเป็นคาร์โบไฮเดรตถูก
00:00:44 → 00:00:46 มั้ยครับอินซูลินก็มีหน้าที่นำพา
00:00:46 → 00:00:49 คาร์โบไฮเดรตที่เรากินเข้าไปเกินเนี่ยเอา
00:00:49 → 00:00:51 ไปวางตามอวัยวะกล้ามเนื้อต่างๆเพราะ
00:00:51 → 00:00:54 ฉะนั้นถ้าเราเปรียบเทียบรูปร่างของคน
00:00:54 → 00:00:56 เอเชียกับฝรั่งก็ได้นะครับเนาะเคตัวใหญ่
00:00:56 → 00:01:00 กว่าเราเพราะฉะนั้นเขาจะมีพื้นที่กักเก็บ
00:01:00 → 00:01:03 เรื่องของไขมันเรื่องของน้ำตาลมากกว่าคน
00:01:03 → 00:01:06 เอเชียถ้าเราได้กินในปริมาณที่มากเท่ากัน
00:01:06 → 00:01:09 นั่นเองเพราะฉะนั้นเนี่ยเราเป็นคนเอเชีย
00:01:09 → 00:01:11 ผมก็เข้าใจว่าข้าวเนี่ยเป็นอะไรที่เรา
00:01:11 → 00:01:13 ต้องกินทุกมื้อนะครับเนาะเพราะฉะนั้น
00:01:13 → 00:01:15 เนี่ยอาจจะต้องลองหลีกเลี่ยงได้บ้างนะ
00:01:15 → 00:01:17 ครับหรือลดปริมาณดูแล้วกันเพราะเราก็เรา
00:01:17 → 00:01:19 ตัวใหญ่สู้เขาไม่ได้เนาะเราจะมาขยายร่าง
00:01:19 → 00:01:22 กายให้มันสูงขึ้นก็ก็คงเป็นไปไม่ได้ถูกม
00:01:22 → 00:01:25 ครับเนาะแป้งน้ำตาลมันก็เป็นตัวที่ทำให้
00:01:25 → 00:01:26 เราเป็นเบาหวานถูกมั้ยครับถ้าเราเนี่ยกิน
00:01:26 → 00:01:28 ปริมาณมากๆแล้วคราวนี้เรากินอะไรได้บ้าง
00:01:28 → 00:01:31 อ่ะครับพี่ท็อปคือต้องบอกก่อนว่าจริงๆพวก
00:01:31 → 00:01:34 การศึกษาที่ดูความสัมพันธ์เนาะนะครับก็
00:01:34 → 00:01:37 มันไม่เชิงว่าเวลาเจอความสัมพันธ์ในคนคน
00:01:37 → 00:01:39 เดียวเนี่ยแปลว่าสิ่งนึงจะต้องเป็นสาเหตุ
00:01:39 → 00:01:41 ของอีกสิ่งนึงเสมอไปเนอะอาจจะเป็นหนึ่งใน
00:01:41 → 00:01:44 ปัจจัยเสี่ยงนะครับแต่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า
00:01:44 → 00:01:46 ไลฟ์สไตล์หรืออ่าการกินอาหารของคนทุกวัน
00:01:46 → 00:01:48 เนี้ยนะครับสิ่งที่แย่มันไม่ได้มาจากข้าว
00:01:48 → 00:01:51 เป็นหลักนะครับยกเว้นว่าคนที่กินข้าวเยอะ
00:01:51 → 00:01:52 ๆอันนั้นก็อีกเรื่องนึงคือเรากิน
00:01:52 → 00:01:55 คาร์โบไฮเดรตส่วนเกินแต่คาร์โบไฮเดรตแปร
00:01:55 → 00:01:57 รูปมหาศาลเนที่เราทานทุกวันเนี้ยอันเนี้ย
00:01:57 → 00:01:59 น่าจะเป็นปัจจัยเร่งที่สำคัญมากๆนะครับ
00:02:00 → 00:02:02 ครับดังนั้นก็คงไม่ได้บอกว่ากินข้าวไม่
00:02:02 → 00:02:04 ได้เนาะนะครับเรากินข้าวได้แหละนะครับแต่
00:02:04 → 00:02:07 ว่าเราต้องเข้าใจว่าอาหารอะไรคือ
00:02:07 → 00:02:09 คาร์โบไฮเดรตนะครับคาร์โบไฮเดรตดีกับ
00:02:09 → 00:02:12 คาร์โบไฮเดรตไม่ดีนะครับมันต่างกันยังไง
00:02:12 → 00:02:15 ใช่มั้ยครับเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่ออย่างแรก
00:02:15 → 00:02:18 เลยเราตัดคาร์โบไฮเดรตแปรรูปคาร์โบไฮเดรต
00:02:18 → 00:02:20 ไม่ดีออกให้มากที่สุดให้ได้ก่อนนะครับน้ำ
00:02:20 → 00:02:23 หวานเนาะรวมถึงน้ำผลไม้ด้วยนะครับแล้วก็
00:02:23 → 00:02:26 ขนมต่างๆใช่มั้ยครับอ่าเบเกอรี่ต่างๆนะ
00:02:26 → 00:02:28 ครับเราตัดของพวกนี้ออกหรือว่ากินให้น้อย
00:02:29 → 00:02:31 ที่สุดก่อนนะครับครับส่วนอาหารหลักที่
00:02:31 → 00:02:34 เป็นข้าวนะครับจริงๆเราก็ยังสามารถทานได้
00:02:34 → 00:02:37 ถ้าเกิดว่าเรามีระบบเผาผลาญที่ยังปกติดี
00:02:37 → 00:02:39 นะครับอ่ะแต่ว่าสมมุติถ้าเราต้องการฟื้น
00:02:39 → 00:02:41 ฟูสุขภาพนะครับเราก็อาจจะมาคัดกรองคัดแยก
00:02:42 → 00:02:44 นิดนึงว่าคาร์โบไฮเดรตแบบไหนนะฮะที่ร่าง
00:02:44 → 00:02:47 กายดูดซึมไปไม่เร็วจนเกินไปก็คือ
00:02:47 → 00:02:50 คาร์โบไฮเดรตที่มาพร้อมกับกากใยนะครับอ่า
00:02:50 → 00:02:52 อย่างเช่นแทนที่เราจะทานข้าวขาวเราก็อาจ
00:02:52 → 00:02:55 จะไปทานข้าวกล้องใช่มั้ยครับอ่าแต่ว่า
00:02:55 → 00:02:57 อย่างที่บอกเราต้องมองทุกอย่างให้เป็น
00:02:57 → 00:03:00 คาร์โบไฮเดรตอยู่ดีนะครับไม่ไม่ใช่แปลว่า
00:03:00 → 00:03:03 ข้าวกล้องหรือขนมปังโฮหวีดหรือนมธัญพืช
00:03:03 → 00:03:07 เนาะคืออาหารสุขภาพอมันก็ไม่ใช่นะครับมัน
00:03:07 → 00:03:10 ก็คือคาร์โบไฮเดรตนะครับการทานเอ่อขนมปัง
00:03:10 → 00:03:13 โฮหวีดการทานนมถั่วเหลืองนมธัญพืชเอ่อ
00:03:13 → 00:03:16 ข้าวกล้องเยอะๆคาร์โบไฮเดรตเราก็เกินอยู่
00:03:16 → 00:03:18 ดีดังนั้นมันอยู่ที่ปริมาณคาร์โบไฮเดรต
00:03:18 → 00:03:20 ทั้งหมดนี่แหละให้อยู่ในจุดที่สมดุลนะ
00:03:20 → 00:03:23 ครับให้เหมาะสมนะครับส่วนถ้าเกิดเรามี
00:03:23 → 00:03:25 ปัญหาสุขภาพอยู่เราเป็นเบาหวานเรามีปัญหา
00:03:25 → 00:03:28 โรคอ้วนเนาะนะครับอันเนี้ยก็จำเป็นต้องลด
00:03:28 → 00:03:31 คาร์โบไฮเดรตให้น้อยกว่าที่เรากินตามปกติ
00:03:31 → 00:03:33 อ่านะครับแล้วก็ตัดคาร์โบไฮเดรตที่เป็น
00:03:33 → 00:03:35 คาร์โบไฮเดรตเลวออกไปให้หมดนะครับ
00:03:35 → 00:03:37 อันเนี้ยมันก็ช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพรวม
00:03:37 → 00:03:40 ทั้งมวลกล้ามเนื้อสำคัญมากในการฟื้นฟู
00:03:40 → 00:03:43 สุขภาพนะครับจะได้ระบบเผาผลาเราจะได้คง
00:03:43 → 00:03:45 อยู่ได้นะครับวันนี้เราเจอเบาหวานในอายุ
00:03:45 → 00:03:47 ที่น้อยลงเรื่อยๆนะครับกรณีนี้คงไม่ได้
00:03:47 → 00:03:49 หมายถึงเบาหวานชนิดที่ 1 นะครับเพราะว่า
00:03:49 → 00:03:51 เราก็เจอในอายุน้อยมาตั้งนานแล้วนะครับ
00:03:51 → 00:03:54 แต่ว่าเบาหวานชนิดที่ 2 เนี่ยเอ่อมันเกิด
00:03:54 → 00:03:56 จากการดื้ออินซูลินซึ่งต้องบอกว่าคนสมัย
00:03:56 → 00:03:59 ก่อนนะกว่าจะสะสมการดื้ออินซูลินได้แบบเ
00:03:59 → 00:04:01 นะครับก็อาจจะจะอ่าไลฟ์สไตล์ไม่ดีสะสมแบบ
00:04:01 → 00:04:05 ความดื้ออินซูลินมานานนะครับอ่าแต่ว่าทุก
00:04:05 → 00:04:08 วันนี้ลองดูเอ่ออาหารและขนมรอบตัวเรานะ
00:04:08 → 00:04:11 ครับคือคาร์โบไฮเดรตแปรรูปเยอะมากนะครับ
00:04:11 → 00:04:14 น้ำตาลแปรรูปเยอะมากเราไม่ได้กินแค่ข้าว
00:04:14 → 00:04:18 เนาะนะครับเรามีการกินขนมจุกจิกอ่าชานม
00:04:18 → 00:04:20 ไข่มุกน้ำผลไม้ใช่มั้ยครับเยอะแยะมากมาย
00:04:20 → 00:04:23 ขนมต่างๆนะครับเบเกอรี่เพราะฉะนั้นพวก
00:04:23 → 00:04:26 เนี้ยมันสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ดีให้
00:04:26 → 00:04:28 คนไทยซึ่งบางทีเป็นตั้งแต่วัยเด็กและตั้ง
00:04:28 → 00:04:30 แต่วัยรุ่นแล้วก็ก็กินอาหารพวกนี้แล้ว
00:04:30 → 00:04:32 เพราะฉะนั้นบางทีเนี่ยเราดื้ออินซูลิน
00:04:32 → 00:04:35 เป็น 10 ปีเนี่ยแต่เราเริ่มมาตั้งแต่อายุ
00:04:35 → 00:04:37 10 กว่าแลเพราะฉะนั้นบางทีอายุ 20 กว่า
00:04:37 → 00:04:40 เราก็เข้าไปเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้คน
00:04:40 → 00:04:42 ที่เริ่มกังวลเฮ้ยตัวเองมันมีอเราอาจจะมี
00:04:42 → 00:04:44 ความเสี่ยงเรื่องจะเป็นเบาหวานอย่างเงี้ย
00:04:44 → 00:04:47 ครับเวลาไปโรงพยาบาลส่วนมากเาตรวจอะไร
00:04:47 → 00:04:49 บ้างอ่ะครับอ่าครับถ้าในแพ็คเกจโดยทั่วไป
00:04:50 → 00:04:53 ของการตรวจสุขภาพมาตรฐานนะครับสิ่งที่น่า
00:04:53 → 00:04:55 จะได้ตรวจกันเสมอในการตรวจสุขภาพประจำปี
00:04:55 → 00:04:58 ก็คือการตรวจน้ำตาลหลังอดอาหารเนาะหรือ
00:04:58 → 00:05:00 ว่า fasting Blood กลูโคสใช่มครับอ่า
00:05:00 → 00:05:04 อันเนี้ยก็จะพอบอกได้ส่วนนึงนะครับอ่าโดย
00:05:04 → 00:05:07 ที่ปกติก็ไม่ควรจะเกิน 100 นะครับจริงๆก็
00:05:07 → 00:05:08 ควรจะเป็นเลข 2 หลักนั่นแหละนะครับอ่า
00:05:08 → 00:05:11 แล้วก็เอ่อถ้าเกิน 100 นะตั้งแต่ 100
00:05:11 → 00:05:14 ขึ้นไปเราก็ถือว่าเป็นภาวะก่อนเบาหวานนะ
00:05:14 → 00:05:16 ครับซึ่งบอกว่าเรามีภาวะดื้ออินซูลินแน่
00:05:16 → 00:05:18 นอนจริงๆเรามีมาก่อนหน้านั้นด้วยนะครับ
00:05:18 → 00:05:20 น้ำตาลมันถึงค่อยมาขึ้นตอนนี้เนาะนะครับ
00:05:20 → 00:05:24 อ่า 100-15 เป็นภาวะก่อนเบาหวานตั้งแต่
00:05:24 → 00:05:28 126 ขึ้นไปก็ถือว่าเป็นโรคเบาหวานนะครับ
00:05:28 → 00:05:31 อันนี้กรณีที่ดูจากน้ำตาลเพียงอย่างเดียว
00:05:31 → 00:05:35 นะครับจริงๆมันก็จะมีกรณีของว่าบางคนเนมา
00:05:35 → 00:05:38 ตรวจสุขภาพเนาะตั้งใจนะครับในการคุมอาหาร
00:05:38 → 00:05:41 มาอย่างเต็มที่ใช่มั้ยครับอ่านะครับเอ่อ 1
00:05:41 → 00:05:44 วันนะครับกิ่นน้อยมากตัดคาร์โบไฮเดรตหมด
00:05:44 → 00:05:47 เลยอะไรเลือดให้ขนเลือดมันดูดีนะครับอ่า
00:05:47 → 00:05:50 นะครับกรณีนี้ก็ต้องบอกว่านะครับเอ่อการ
00:05:50 → 00:05:53 ตรวจที่สามารถบอกได้เลยว่าการคุมน้ำตาล
00:05:53 → 00:05:55 ที่ผ่านมาเราเป็นยังไงนะครับไม่สามารถ
00:05:55 → 00:05:59 หลอกอ่าหมอได้นะครับก็คือน้ำตาลสะสมนั่น
00:05:59 → 00:06:02 เองนะฮะหรือเราเรียกว่าฮีโมโกลบิน a1c นะ
00:06:02 → 00:06:05 ครับอ่าเป็นน้ำตาลที่อยู่ในเม็ดเลือดแดง
00:06:05 → 00:06:07 นะครับอ่าดังนั้นเนี่ยเอ่อการตรวจ
00:06:07 → 00:06:10 อันเนี้ยนะครับมันจะสะท้อนถึงการคุมน้ำ
00:06:10 → 00:06:13 ตาลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานะครับค่าปกติ
00:06:13 → 00:06:16 ไม่ควรเกิน 5.7 per นะครับตั้งแต่เกิน
00:06:16 → 00:06:19 5.7 ขึ้นไปถึงไม่เกิน 6.5 นะฮะก็จะเรียก
00:06:20 → 00:06:22 ว่าภาวะก่อนเบาหวานนะครับตั้งแต่ 6.5%
00:06:22 → 00:06:25 ขึ้นไปก็ถือว่าเป็นเบาหวานนะครับอันเนี้ย
00:06:25 → 00:06:28 นะครับการตรวจเ่อน้ำตาลเนาะกับน้ำตาลสะสม
00:06:28 → 00:06:30 นะครับส่วนใหญ่มักจะอยู่ในแพ็คเกจตรวจ
00:06:30 → 00:06:33 สุขภาพแบบมาตรฐานทั่วไปนะครับซึ่งจริงๆ
00:06:33 → 00:06:36 อันเนี้ยก็ถือว่าเ่อดีเพียงพอแล้วแหละนะ
00:06:36 → 00:06:40 ครับในการที่จะเอ่อ detect เนหรือตรวจเจอ
00:06:40 → 00:06:43 ภาวะที่ผิดปกตินะครับเอ่อสิ่งที่อยากจะ
00:06:43 → 00:06:46 แนะนำก็คือว่าเ่อกรณีที่เราตรวจเ่อเฉพาะ
00:06:46 → 00:06:49 น้ำตาลกับน้ำตาลสะสมนะครับการที่น้ำตาล
00:06:49 → 00:06:51 เราอยู่ในภาวะก่อนเบาหวานเนี่ยนะครับเช่น
00:06:51 → 00:06:54 น้ำตาลเราสมมุติ 110 นะครับน้ำตาลสะสมเรา
00:06:54 → 00:06:56 อาจจะ 6% อย่างเงี้ยนะครับมันยังไม่ถึง
00:06:56 → 00:06:58 เกณฑ์เบาหวานนะครับอันเนี้ยเราชะล่าใจไม่
00:06:59 → 00:07:01 ได้เด็ขาดนี่คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนะ
00:07:01 → 00:07:03 ครับการที่เราสะสมการดื้ออินซูลินมาเป็น
00:07:03 → 00:07:06 10 ปีนะครับจนกระทั่งเรามีภาวะก่อนเบา
00:07:06 → 00:07:09 หวานได้เนี่ยมันแปลว่าถ้าเราทำพฤติกรรม
00:07:09 → 00:07:12 แบบเดิมกินอาหารแบบเดิมไลฟ์สไตล์แบบเดิม
00:07:12 → 00:07:14 นั่นแปลว่าเรารอวันเป็นเบาหวานนะครับไม่
00:07:14 → 00:07:17 ใช่ว่าเฮ้ยเรายังไม่เป็นเบาหวานนะครับเรา
00:07:17 → 00:07:19 กลับไปกินปกติได้อันนี้เป็นความเข้าใจที่
00:07:19 → 00:07:22 ผิดนะครับดังนั้นเอ่ออยากให้ปรับ
00:07:22 → 00:07:24 ไลฟ์สไตล์ปรับพฤติกรรมการกินเสมือนเรา
00:07:24 → 00:07:26 เป็นเบาหวานแล้วก็ได้นะครับเพราะว่าเรามี
00:07:26 → 00:07:28 ภาวะดื้ออินซูลินมาเป็น 10 ปีแล้วอ่ะใช่
00:07:28 → 00:07:30 มั้ยครับอ่าดังนั้นนั้นจริงๆแค่การเจอ
00:07:30 → 00:07:33 ภาวะก่อนเบาหวานเนี่ยแล้วเราตั้งใจที่จะ
00:07:33 → 00:07:36 ปรับไลฟ์สไตล์ตัวเองเนี่ยเราสามารถฟื้นฟู
00:07:36 → 00:07:38 สุขภาพนะครับในลอดเลือดในตับอ่อนของเรา
00:07:38 → 00:07:41 ให้กลับไปสู่ภาวะปกติได้นะครับอย่างน้อย
00:07:41 → 00:07:43 มันก็ไม่ยากเท่าตอนที่เราเป็นเบาหวานแล้ว
00:07:43 → 00:07:46 นะครับอ่ะแต่ทีนี้สมสมมุติว่าในคนที่
00:07:46 → 00:07:48 ต้องการจะดูเชิงลึกไปกว่านั้นเป็นเชิง
00:07:48 → 00:07:50 ป้องกันนะครับเพราะนี่เราบอกว่าการตรวจ
00:07:50 → 00:07:53 น้ำตาลกับน้ำตาลสะสมเป็นการตรวจหาโรคเนาะ
00:07:53 → 00:07:56 หรือภาวะที่ผิดปกตินะครับอ่ะมันก็จะมีการ
00:07:56 → 00:07:58 ตรวจเชิงป้องกันที่มากไปกว่าการตรวจน้ำ
00:07:58 → 00:08:01 ตาลนะครับก็คือคือการตรวจอินซูลินในเลือด
00:08:01 → 00:08:03 นะครับหรือ fasting อินซูลินนะครับซึ่ง
00:08:03 → 00:08:06 เราจะตรวจหลังอดอาหารเหมือนกันก็คือตรวจ
00:08:06 → 00:08:08 ตอนเช้าเหมือนกันกับตัวแรกใช่ใช่ครับซึ่ง
00:08:08 → 00:08:10 นะฮะเราย้อนกลับไปที่กลไกการเกิดโรคเบา
00:08:10 → 00:08:12 หวานเราบอกว่ามาจากภาวะดื้ออินซูลินจาก
00:08:12 → 00:08:15 การที่อินซูลินมันสูงเป็นเวลานานเพื่อสู้
00:08:15 → 00:08:17 กับน้ำตาลในเลือดใช่ไหมมครับดังนั้นเนี่ย
00:08:17 → 00:08:20 ในคนที่มีภาวะดื้ออินซูลินนะครับ fasting
00:08:20 → 00:08:24 อินซูลินก็จะสูงกว่าปกตินะครับอ่าโดยปกติ
00:08:24 → 00:08:26 เราจะแนะนำให้ไม่เกินอ่าถ้าเอาค่าเฉลี่ย
00:08:26 → 00:08:29 ทั่วไปนะก็ไม่อยากให้เกิน 10 อ่านะครับ
00:08:29 → 00:08:31 แต่ว่าว่าโอเคคนที่สุขภาพดีจริงๆตำกใช่
00:08:31 → 00:08:33 เราอยากให้ต่ำกว่า 5 อ่านะครับแต่อย่าง
00:08:33 → 00:08:36 น้อยเนี่ยถ้าเกิน 10 เนี่ยเราต้อง Alert
00:08:36 → 00:08:37 ตัวเองแล้วแหละนะครับแม้ว่าน้ำตาลในเลือด
00:08:38 → 00:08:40 เราจะปกติก็ตามนะครับต้องบอกว่า fasting
00:08:40 → 00:08:42 inulin เหมาะมากสำหรับคนที่น้ำตาลใน
00:08:42 → 00:08:45 เลือดยังอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือปริ่มๆมันจะ
00:08:45 → 00:08:47 โชว์ว่าสูงนะครับอ่าซึ่งอันเนี้ยมันจะ
00:08:47 → 00:08:50 ช่วย Alert ให้เราแก้พฤติกรรมสุขภาพได้นะ
00:08:50 → 00:08:51 ครับแต่ถ้าเราเป็นเบาหวานไปแล้วอันเนี้ย
00:08:52 → 00:08:53 การตรวจ fasting อินซูลินอาจจะไม่ได้มี
00:08:53 → 00:08:55 ประโยชน์เท่าไหร่นะครับพอเป็นเบาหวานเ
00:08:56 → 00:08:58 อินซูลินมันจะลดลงอ่านะครับมันไม่ได้แปล
00:08:58 → 00:09:00 ว่าเราไม่ดื้ออินซูลินนะครับแต่ว่าน้ำตาล
00:09:00 → 00:09:02 มันสูงไปเลยเรียบร้อยนะครับอ่าแต่ช่วงที่
00:09:02 → 00:09:05 น้ำตาลยังไม่สูงเนี่ยการตรวจอินซูลินแล้ว
00:09:05 → 00:09:07 เจอว่าสูงเนี่ยมันบอกว่าดื้ออินซูลินอัน
00:09:07 → 00:09:09 นี้คือการดูอย่างง่ายๆก็คือดู fasting
00:09:09 → 00:09:12 inulin นะครับอ่ะบางคนอาจจะดูแบบเชิงลึก
00:09:12 → 00:09:15 นิดนึงมันก็จะมีค่าที่เรียกว่า homa ir
00:09:15 → 00:09:18 อ่านะครับนะครับก็เอ่อท่านอาจจะลองไป
00:09:18 → 00:09:20 เสิร์ช Google ดูก็ได้นะครับถ้าเกิดว่า
00:09:20 → 00:09:22 เอ่อไปดูสูตรอ่ะนะครับอหลักๆมันก็จะเอา
00:09:22 → 00:09:24 ใช่หลักๆเขาก็จะเอาน้ำตาลเนี่ยแหละที่อด
00:09:24 → 00:09:27 อาหารตอนเช้าหรือฟาติกลูโคสเนี่ยนะครับ
00:09:27 → 00:09:29 คูณกับ fasting อินซูลิน
00:09:29 → 00:09:32 หารด้วย 405 อ่านะครับถ้าเกิน 1.9 เนี่ย
00:09:32 → 00:09:35 บอกว่าเราดื้ออินซูลินและถ้าเกิน 2.9 ก็
00:09:35 → 00:09:37 ถือว่าดื้ออินซูลินอย่างมีนัยยะสำคัญมาก
00:09:37 → 00:09:39 และนะครับมีความเสี่ยงที่เราจะเป็นเบา
00:09:39 → 00:09:41 หวานอันเนี้ยหมอมองว่ามันคือการตรวจ
00:09:41 → 00:09:43 สุขภาพเชิงป้องกันนะครับไม่ได้รอให้เป็น
00:09:43 → 00:09:46 โรคสามารถดูคลิปเต็มๆได้ที่นี่คลิกตรงนี้
00:09:46 → 00:09:49 ได้เลยครับ