00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับมีคนสอบถามผมเข้ามาเกี่ยวข้อง
00:00:02 → 00:00:04 กับเรื่องของคุณ Bruce Willis นะครับที่
00:00:04 → 00:00:07 ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นความจำเสื่อม
00:00:07 → 00:00:10 ชนิดที่เรียกว่า ftd หรือ frontrol
00:00:10 → 00:00:13 dements
00:00:13 → 00:00:17 นั้นมาอธิบายให้ฟังว่ามันคือโรคอะไรมี
00:00:17 → 00:00:19 อาการอย่างไรคนไหนที่มีความเสี่ยงแล้ว
00:00:19 → 00:00:21 อาการมันจะเป็นอย่างไรมีวิธีในการดูแล
00:00:21 → 00:00:24 รักษาอย่างไรบ้างนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:24 → 00:00:26 แพทย์ทันทีทันทีวันนะครับเป็นอาจารย์
00:00:26 → 00:00:28 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
00:00:28 → 00:00:30 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:30 → 00:00:33 บำบัดนะครับสำหรับเรื่องของความจำเสื่อม
00:00:33 → 00:00:35 หรือที่เราเรียกภาษาอังกฤษว่า Ultimate
00:00:35 → 00:00:39 นั้นผมเคยได้เอามาพูดในวิดีโอก่อนหน้านี้
00:00:39 → 00:00:41 แล้วนะครับถ้าเกิดคนไหนจำไม่ได้ก็สามารถ
00:00:41 → 00:00:43 ที่จะไปเปิดฟังดูได้นะครับว่ามันมีอะไร
00:00:43 → 00:00:46 บ้างนะครับคำว่า dementia หรือความจำ
00:00:46 → 00:00:50 เสื่อมนั้นมันมีหลายประเภทนะครับมันไม่
00:00:50 → 00:00:52 ได้มีแค่ประเภทเดียวนะครับแล้วหลายๆคน
00:00:52 → 00:00:55 เนี่ยก็มักจะใช้คำสับสนเช่นว่าใช้คำว่า
00:00:55 → 00:00:57 อัลไซเมอร์กับความจำเสื่อมเนี่ยเป็นสิ่ง
00:00:57 → 00:01:00 เดียวกันซึ่งจริงๆมันไม่ถูกนะครับความจำ
00:01:00 → 00:01:02 เสื่อมเนี่ยมันแยกเป็นหลายๆประเภทเลยที
00:01:02 → 00:01:04 เดียวนะครับการที่เราบอกว่าความจำเสื่อม
00:01:04 → 00:01:08 เนี่ยมันบอกแค่ว่าเรามีปัญหาที่สมองแต่
00:01:08 → 00:01:11 มันไม่ได้บอกว่าปัญหาอะไรนะครับความจำ
00:01:11 → 00:01:13 เสื่อมในแต่ละประเภทนั้นมีอาการที่แตก
00:01:13 → 00:01:16 ต่างกันไปนะครับยกตัวอย่างเช่นอัลไซเมอร์
00:01:16 → 00:01:18 นะครับก็เป็นความจำเสื่อมชนิดหนึ่งนะครับ
00:01:18 → 00:01:21 ชนิดอื่นๆก็ยกตัวอย่างเช่น ftd หรือ
00:01:21 → 00:01:23 frontage temperal dements ซึ่งเราจะ
00:01:23 → 00:01:26 พูดกันในวันนี้นะฮะ
00:01:26 → 00:01:28 ความจำเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:01:28 → 00:01:31 ภาคินสันนะครับก็เป็นอีกอย่างหนึ่งคนที่
00:01:31 → 00:01:33 ดื่มเหล้ามากๆก็จะเป็นสมองเสื่อมชนิด
00:01:33 → 00:01:35 หนึ่งได้นะครับหรือที่เรียกว่าแอลกอฮอล์
00:01:35 → 00:01:38 ess dementia นะครับหรือ Bass Color
00:01:38 → 00:01:40 demential ซึ่งเป็นปัญหาที่หลอดเลือดนะ
00:01:40 → 00:01:43 ครับโดยการที่มีอะไรไปอุดตันหลอดเลือดนะ
00:01:43 → 00:01:45 ครับมีโรคปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด
00:01:45 → 00:01:48 มีไขมันสูงเบาหวานความดันสูงอะไรพวกนี้ก็
00:01:48 → 00:01:51 จะมีปัญหาที่เส้นเลือดพวกเนี้ยโดนอุดตัน
00:01:51 → 00:01:53 ก็ทำให้เกิดความจำเสื่อมได้นะครับเนี่ยก็
00:01:54 → 00:01:57 เป็นสิ่งที่เราเจอได้ในกรณีคนที่มีความจำ
00:01:57 → 00:02:00 เสื่อมซึ่งเกิดจากสาเหตุต่างๆแล้วก็แต่ละ
00:02:00 → 00:02:03 สาเหตุนั้นมันก็จะมีอาการที่แตกต่างกันไป
00:02:03 → 00:02:06 นะครับแล้วมีอย่างนึงซึ่งหลายๆคนก็คงจะ
00:02:06 → 00:02:09 ไม่ทราบก็คือว่าเวลาที่เราวินิจฉัยคนไข้
00:02:09 → 00:02:11 คนหนึ่งว่าเป็นความจำเสื่อมหรือ dements
00:02:11 → 00:02:14 นั้นคนไข้อาจจะไม่ได้มีปัญหาเรื่องความ
00:02:14 → 00:02:18 จำเลยก็ได้นะครับโดยเฉพาะระยะแรกของความ
00:02:18 → 00:02:22 จำเสื่อมเพราะว่าแต่ละระยะนั้นมันก็มีการ
00:02:22 → 00:02:24 ทำลายสมองส่วนที่แตกต่างกันไปดังนั้นสมอง
00:02:24 → 00:02:26 ธุรกิจส่วนที่ถูกทำลายก่อนนั้นก็จะแสดง
00:02:26 → 00:02:29 อาการออกมาก่อนนะครับแล้วเวลาที่แสดง
00:02:29 → 00:02:31 อาการออกมาก่อนอาการแรกนั้นอาจจะไม่ใช่
00:02:31 → 00:02:34 อาการทางด้านความจำด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะใน
00:02:34 → 00:02:36 กรณีของ ftd ซึ่งเราจะพูดกันในวันนี้
00:02:36 → 00:02:39 ปัญหาปัญหาแรกที่เราเจอเนี่ยมักจะไม่ใช่
00:02:39 → 00:02:42 เรื่องของความจำด้วยซ้ำไปนะครับแต่เราก็
00:02:42 → 00:02:43 จะวินิจฉัยว่าคนไข้เป็นโรคความจำเสื่อม
00:02:43 → 00:02:46 ชนิดที่เรียกว่า ftd ได้ด้วยวิธีอื่นๆนะ
00:02:46 → 00:02:51 ครับอ่าทีนี้อย่างที่สำคัญต่อมาก็คือว่า
00:02:51 → 00:02:53 เวลาที่เราสงสัยเรื่องของความจำเสื่อม
00:02:54 → 00:02:57 นั้นระยะแรกๆเนี่ยความจำเสื่อมแต่ละ
00:02:57 → 00:02:59 ประเภทจะมีอาการที่แตกต่างกันไปไม่เหมือน
00:02:59 → 00:03:02 กันนะครับนะครับแต่เมื่อเป็นระยะท้ายๆของ
00:03:02 → 00:03:05 ความจำเสื่อมไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนแล้วนะ
00:03:05 → 00:03:07 ครับอาการมันมักจะกลายไปเป็นเหมือนกันนะ
00:03:07 → 00:03:10 ครับอย่างเช่นตอนแรกอาจจะมีปัญหาทางด้าน
00:03:10 → 00:03:12 พฤติกรรมที่ผิดปกติแต่พอปล่อยไปมานานนะ
00:03:12 → 00:03:15 ครับมันก็จะมีปัญหาทางด้านของความจำทาง
00:03:15 → 00:03:17 ด้านของภาษาทางด้านของพฤติกรรมทางด้านของ
00:03:17 → 00:03:19 การช่วยเหลือตัวเองนะครับพวกนี้ก็จะเสีย
00:03:19 → 00:03:22 ไปหมดในคนที่เป็นความจำเสื่อมระยะท้ายๆนะ
00:03:22 → 00:03:24 ครับก็จะเหมือนกันหมดดังนั้นเวลาที่เรา
00:03:24 → 00:03:27 เจอคนที่มีความจำเสื่อมระยะท้ายแล้วเนี่ย
00:03:27 → 00:03:30 นะครับบางครั้งเราไม่สามารถบอกได้ว่าตกลง
00:03:30 → 00:03:32 และคนไข้เป็นความจำเสื่อมชนิดไหนกันแน่นะ
00:03:32 → 00:03:35 ครับเรามักจะต้องวินิจฉัยตั้งแต่คนไข้
00:03:35 → 00:03:38 เนี่ยมาหาหมอใหม่ๆนะครับอ่ามาเข้าเรื่อง
00:03:38 → 00:03:41 กันเลยดีกว่าเรื่องของ fontal dementary
00:03:41 → 00:03:44 ftd นั้นมันคืออะไรกันแน่นะครับ Control
00:03:44 → 00:03:46 Temple dement เชียร์นั้นก็คือเป็น
00:03:46 → 00:03:50 ปัญหาที่เซลล์สมองส่วน funtal load ซึ่ง
00:03:50 → 00:03:51 เป็นสมองส่วนหน้าซึ่งอยู่บริเวณนี้นะครับ
00:03:51 → 00:03:54 กับสมองส่วน Temple ซึ่งอยู่ด้านข้างๆตรง
00:03:54 → 00:03:57 นี้นะครับมันมีการเสียไปนะครับเซลล์มีการ
00:03:57 → 00:04:00 ตายไปนะครับสมอง 2 ส่วนเหล่านี้ก็ควบคุม
00:04:00 → 00:04:02 เกี่ยวข้องกับเรื่องของพฤติกรรมนะครับ
00:04:02 → 00:04:05 แล้วก็เรื่องของภาษาการพูดเป็นหลักดัง
00:04:05 → 00:04:07 นั้นคนที่มีปัญหาเรื่องของ ftd นั้นก็จะ
00:04:07 → 00:04:10 มีปัญหา 2 อย่างนี้เป็นหลักในตอนแรกนะ
00:04:10 → 00:04:14 ครับโดยลักษณะของ ftd นั้นประการหนึ่งที่
00:04:15 → 00:04:17 เด็ดมากๆเลยก็คือมันมักจะเป็นในคนที่อายุ
00:04:17 → 00:04:20 ต่ำกว่า 60 นะครับเป็นได้ตั้งแต่คนอายุ 40
00:04:20 → 00:04:23 ขึ้นไปเลยนะครับอ่า 40-60 เนี่ยเป็นได้
00:04:23 → 00:04:26 เลยนะครับแล้วที่สำคัญคืออาการแรกของมัน
00:04:26 → 00:04:29 ไม่ใช่อาการทางด้านความจำนะครับไม่ใช่
00:04:29 → 00:04:33 อาการทางด้านความจำนะแต่มันแยกเป็น 2
00:04:33 → 00:04:35 อย่างนะครับหรือที่ภาษาทางการแพทย์เรา
00:04:35 → 00:04:38 เรียกว่า 2arience นะครับ varent ที่ 1
00:04:38 → 00:04:42 หรือลักษณะที่ 1 ก็คือฟอนโทรเทมเพิสซึ่ง
00:04:42 → 00:04:45 มีอาการทางพฤติกรรมเป็นอาการเด็กแล้วก็
00:04:45 → 00:04:48 แบบที่ 2 หรือที่เรียกว่าเอ่อ Speech
00:04:48 → 00:04:51 หรือ frontrolabal demential ซึ่งมี
00:04:51 → 00:04:54 ปัญหาทางด้านคำพูดเป็นหลักนะครับทางด้าน
00:04:54 → 00:04:57 ของพฤติกรรมอะไรบ้างนะครับถ้าเรามีอาการ
00:04:57 → 00:04:59 ทางพฤติกรรมเด็กนะฮะสิ่งที่เราจะเจอก็คือ
00:04:59 → 00:05:02 ก็คือเรื่องของ this inhibition หมาย
00:05:02 → 00:05:05 ความว่าเราอาจจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
00:05:05 → 00:05:09 บางครั้งเราใช้ภาษาไม่เหมาะสมนะครับในใน
00:05:09 → 00:05:12 กรณีที่เราควรจะพูดกับคนอย่างเช่นถ้าคน
00:05:12 → 00:05:14 ไหนที่ย้อนไปดูวีดีโอของคุณ Bruce Willis
00:05:14 → 00:05:17 เมื่อสักหลายปีก่อนนะครับเคยมีวิดีโอที่
00:05:17 → 00:05:20 คุณรู้สึกก็หลุดคำหยาบขึ้นมานะฮะในที่
00:05:20 → 00:05:22 สาธารณะชนนะครับซึ่งนั่นก็เป็นอาการอาการ
00:05:22 → 00:05:26 หนึ่งก็ได้นะครับเช่นปกติคนเราเวลาพูดใน
00:05:26 → 00:05:29 ที่สาธารณะเราก็มักจะใช้คำสุภาพถูกไหม
00:05:29 → 00:05:31 ครับแต่คนเหล่านี้ก็อาจจะใช้คำหยาบได้
00:05:31 → 00:05:33 บ้างนะครับหรือบางครั้งก็จะมีอาการ
00:05:33 → 00:05:37 เกรี้ยวกราดโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าตัว
00:05:37 → 00:05:40 นั้นน่ะเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะครับอ่ามีคนมา
00:05:40 → 00:05:41 พูดนิดๆหน่อยๆแล้วก็โมโหขึ้นมาเลยนะครับ
00:05:41 → 00:05:44 หรือบางครั้งเรื่องที่มันไม่ควรจะโมโหก็
00:05:44 → 00:05:47 โมโหขึ้นมาเฉยๆนะครับก็เป็นแบบนี้นะฮะ
00:05:47 → 00:05:50 หรือบางครั้งเนี่ยการไปพูดคุยกับคนอื่น
00:05:50 → 00:05:53 เราก็จะมีความรู้สึกที่ว่าเอ่อไม่มี
00:05:53 → 00:05:56 อารมณ์ไปกับสิ่งที่พูดนะครับเช่นเราพูด
00:05:56 → 00:05:59 ถึงเรื่องของการตายของคนอยู่นะครับคน
00:05:59 → 00:06:01 เหล่านี้นะครับโดยปกติเวลาเราพูดถึงการ
00:06:01 → 00:06:03 ตายก็อาจจะมีเสียงหดหู่เล็กน้อยนะครับ
00:06:03 → 00:06:06 หรืออาจจะมีสีหน้าที่เศร้าสลดนะครับแต่คน
00:06:06 → 00:06:08 พวกนี้ก็จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาไม่
00:06:08 → 00:06:11 เห็นแตกต่างกันเลยความตายแล้วยังไงมัน
00:06:11 → 00:06:13 เห็นไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติเลยนะครับหรือ
00:06:13 → 00:06:15 เรื่องบางเรื่องที่สนุกสนานก็ไม่รู้สึก
00:06:15 → 00:06:17 หัวเราะไปกับมันแต่รู้สึกว่าเป็นเรื่อง
00:06:17 → 00:06:21 ธรรมดาปกตินะครับโดยพวกนี้นะครับพฤติกรรม
00:06:21 → 00:06:23 ที่เปลี่ยนแปลงไปเนี่ยบางครั้งมันเป็นการ
00:06:23 → 00:06:25 เปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันมากๆนะครับเนี่ย
00:06:25 → 00:06:28 อยู่ๆมาอาทิตย์ก่อนยังปกติอาทิตย์นี้กลาย
00:06:28 → 00:06:30 เป็นผิดปกติไปแล้วแล้วก็มันผิดปกติขึ้น
00:06:30 → 00:06:33 เรื่อยๆนะครับและที่สำคัญเจ้าตัวเขาจะไม่
00:06:33 → 00:06:37 รู้ว่าเขาผิดปกติครับเจ้าตัวไม่รู้นะฮะจะ
00:06:37 → 00:06:40 คิดว่าเอ๊ะตัวเองก็ปกติดีนี่ทำไมคนรอบ
00:06:40 → 00:06:42 ข้างมาบอกว่าเขาไม่ปกตินะครับอย่างเช่น
00:06:42 → 00:06:45 เวลาไปหาหมอนะครับแรกๆก็พูดดีอยู่ๆก็โวย
00:06:45 → 00:06:47 วายขึ้นมาเลยนะครับอย่างนี้เป็นต้นนะครับ
00:06:47 → 00:06:50 ก็คือเป็นอาการหนึ่งของ ftd นั่นเองนะ
00:06:50 → 00:06:52 ครับซึ่งคุณบรูซวิลลิสเนี่ยมีบางอาการ
00:06:52 → 00:06:54 คล้ายแบบนั้นเหมือนกันนะครับหรือที่เรียก
00:06:54 → 00:07:59 ว่าทางด้านที่เรียกว่า Behavior ของ ftd
00:07:59 → 00:08:02 เช่นกินก็กินเยอะกว่าปกติคนพวกนี้บางคนก็
00:08:02 → 00:08:04 จะน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆเลยนะครับ
00:08:04 → 00:08:07 ทั้งๆที่ตัวเองเนี่ยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป
00:08:07 → 00:08:09 ว่าตัวเองกินเยอะนะครับหรือบางครั้งเนี่ย
00:08:09 → 00:08:12 เอาของใส่ปากทั้งๆที่ของสิ่งนั้นมันกิน
00:08:12 → 00:08:14 ไม่ได้นะครับเช่นเอาดินน้ำมันใส่ปากเอา
00:08:14 → 00:08:17 ช็อกใส่ปากเอาหินใส่ปากอะไรอย่างนี้นะ
00:08:17 → 00:08:19 ครับคือขอให้มันมีอะไรอยู่ในปากนะครับคน
00:08:19 → 00:08:22 พวกนี้บางคนก็จะมีอาการแบบนี้ขึ้นมาได้นะ
00:08:22 → 00:08:25 ครับแล้วปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับคนเหล่า
00:08:25 → 00:08:27 นี้เนี่ยมีปัญหาทางด้านพฤติกรรมเด็ดถูก
00:08:27 → 00:08:30 ไหมครับแต่ยังไม่มีปัญหาทางด้านความจำสัก
00:08:30 → 00:08:33 เท่าไหร่คนส่วนมากก็มักจะพาคนไข้ไปหา
00:08:33 → 00:08:36 จิตแพทย์แล้วก็มักจะได้รับการวินิจฉัยว่า
00:08:36 → 00:08:40 เป็นไบโพล่านะครับอ่าอันนี้เราจะเจอได้
00:08:40 → 00:08:42 บ่อยว่าคนไข้เนี่ยได้รับการวินิจฉัยว่า
00:08:42 → 00:08:44 เป็นใบ polar เพราะว่าอาการส่วนใหญ่เนี่ย
00:08:44 → 00:08:47 มันเหมือนกับไปโคราชเลยอยู่ๆเกิดเอ่อแปลก
00:08:47 → 00:08:50 ๆขึ้นมาจะบ้าๆขึ้นมาก็บ้าขึ้นมาเลยนะครับ
00:08:50 → 00:08:52 อยู่ๆหรือว่าจะพูดคำหยาบอะไรพวกเนี้ยนะ
00:08:52 → 00:08:55 ครับในที่สาธารณะอ่าจะกินอะไรเยอะๆนะครับ
00:08:55 → 00:08:59 พวกนี้ก็อยู่ๆเพี้ยนขึ้นมาเลยนะครับก็เลย
00:08:59 → 00:09:01 จะได้รับการวินิจฉัยทางด้านจิตเวชมากกว่า
00:09:01 → 00:09:06 นะครับแล้วก็อีกนานเลยนะครับบางทีสามสี่
00:09:06 → 00:09:08 ปีเลยกว่าจะรู้ตัวว่าจริงๆแล้วเป็น ftd
00:09:08 → 00:09:11 ซึ่งไบโพลาร์กับ ftd เนี่ยมันแตกต่างกัน
00:09:11 → 00:09:14 มากมายเลยนะครับไบโพลาร์เนี่ยยังมีวิธีใน
00:09:14 → 00:09:17 การที่ให้ยาเพื่อไปรักษาแล้วก็ประคับ
00:09:17 → 00:09:18 ประคองอาการทำให้คนไข้ดีขึ้นได้นะครับ
00:09:18 → 00:09:21 สามารถทำพฤติกรรมบำบัดร่วมไปกับการรักษา
00:09:21 → 00:09:23 ด้วยยาทำให้คนไข้ดีขึ้นได้เพราะว่า
00:09:23 → 00:09:26 ไบโพลาร์นี้มันมีปัญหาทางด้านของสารเคมี
00:09:26 → 00:09:29 ในสมองแต่เรื่อง ftd นั้นมันเป็นการ
00:09:29 → 00:09:32 เสื่อมของเซลล์สมองครับยาพวกนั้นก็จะไม่
00:09:32 → 00:09:35 สามารถรักษาคนพวกนี้ได้แล้วก็อาการก็จะ
00:09:35 → 00:09:39 เป็นมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกันนะครับอ่าทีนี้
00:09:39 → 00:09:41 มาถึง varent ที่ 2 หรือลักษณะที่ 2 ของ
00:09:41 → 00:09:45 ftd ก็คือ Speed นะครับบางคนที่มีอาการ
00:09:45 → 00:09:47 ทางด้านของคำพูดที่เด่นมากๆนี่แหละครับ
00:09:48 → 00:09:51 บางครั้งเนี่ยอยู่ๆวันดีคืนดีจะนึกไม่ออก
00:09:51 → 00:09:53 แล้วเอ๊ะคำที่เราจะพูดเนี่ยมันเรียกว่า
00:09:53 → 00:09:57 อะไรเอ๊ะเอ่ออ่ะอย่างเงี้ยนะครับมันจะติด
00:09:57 → 00:09:59 อ่างอึดอัดอย่างเงี้ยครับพูดไม่ได้นะครับ
00:09:59 → 00:10:04 แล้วพอบางทีอาจจะนึกคำว่า Apple นะครับ
00:10:04 → 00:10:08 มันเรียกลูกแดงๆนี่มันเรียกว่าอะไรเราบอก
00:10:08 → 00:10:11 บางทีเราคุยกับเขาเขาบอกว่าก็เนี่ยอย่าไป
00:10:11 → 00:10:14 กินผลไม้นั้นน่ะไอ้ที่กินประจำอ่ะแต่เขา
00:10:14 → 00:10:16 จะบอกไม่ได้ว่าคือ apple
00:10:16 → 00:10:20 มีปัญหาในด้านของการหาคำพูดนะครับหาคำ
00:10:20 → 00:10:23 ศัพท์ต่างๆมันก็จะเริ่มลืมไปก่อนหรือว่า
00:10:23 → 00:10:25 บางทีเราจะเราคำศัพท์อันนั้นเราเรียกว่า
00:10:25 → 00:10:29 อะไรนะครับพวกนี้ก็จะมีปัญหานะครับหรือ
00:10:29 → 00:10:32 บางคนเนี่ยจะไม่สามารถจำรูปลักษณ์ได้นะ
00:10:32 → 00:10:35 ครับก็คือเห็นหน้าตัวเองเนี่ยกระจกเนี่ย
00:10:35 → 00:10:39 เอ๊ะนี่ใครเฮ้ยใครเราตกใจเรามันผีหรือ
00:10:39 → 00:10:42 เปล่าทำไมอยู่ๆใครมาอยู่หน้ากระจกเราไอ้
00:10:42 → 00:10:44 นี่มันใครเนี่ยนะครับจะเป็นแบบนี้ได้หรือ
00:10:44 → 00:10:47 บางครั้งเจอคนที่รู้จักแต่ก็อื้อคนนี้ไม่
00:10:47 → 00:10:49 เคยเห็นมาก่อนเลยเขาคือใครทำไมเขามาอยู่
00:10:49 → 00:10:53 ในบ้านเราพ่อเราเฮ้ยใครวะจำไม่ได้อะไร
00:10:53 → 00:10:55 อย่างเงี้ยนะครับแล้วพวกเนี้ยมันมักจะ
00:10:55 → 00:10:58 เป็นที่อาการพวกเนี่ยมันเป็นเร็วด้วยส่วน
00:10:58 → 00:11:01 ใหญ่จะเป็นหลายๆคนอายุต่ำกว่า 60 ดังนั้น
00:11:01 → 00:11:03 คนที่มีปัญหาพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ
00:11:03 → 00:11:05 คำพูดเรื่องของพฤติกรรมอะไรพวกนี้นะครับ
00:11:05 → 00:11:08 มันจำเป็นจะต้องหาสาเหตุเพิ่มเติมนะครับ
00:11:08 → 00:11:10 อย่างเช่นอย่างเมื่อกี้ผมบอกแล้วถ้ามี
00:11:10 → 00:11:12 อาการทั้งพฤติกรรมเด่นเนี่ยก็มักจะด้านไป
00:11:12 → 00:11:15 หาหมอทางด้านจิตแพทย์จิตเวชก่อนนะครับแต่
00:11:15 → 00:11:18 พวกนี้นะครับคือเราก็ต้องคิดไว้เสมอว่า
00:11:18 → 00:11:20 มันอาจจะเป็นโรค ftd ขึ้นมาได้เราจะต้อง
00:11:20 → 00:11:23 ไปวินิจฉัยเพิ่มเติมนะครับหรือคนที่มี
00:11:23 → 00:11:25 ปัญหาทางด้านของการหาคำนะครับบางครั้ง
00:11:25 → 00:11:28 เนี่ยไปหาหมอเพราะว่าเนี่ยเราเป็นอย่าง
00:11:28 → 00:11:30 ของ Bruce Willis เนี่ยจริงๆเขามีปัญหา
00:11:30 → 00:11:32 อย่างหนึ่งซึ่งเคยออกทีวีแปลว่าเขาเป็น
00:11:32 → 00:11:36 afaya ก็คือเป็นการพูดไม่ได้นะครับหรือ
00:11:36 → 00:11:39 เป็นปัญหาทางด้านของการหาคำพูดไม่เจอนะ
00:11:39 → 00:11:43 ครับแล้วก็ที่สำคัญคือเวลาเราหาคำพูดหาคำ
00:11:43 → 00:11:46 ศัพท์ไม่เจอพวกนี้เนี่ยนะครับมันมีปัญหา
00:11:46 → 00:11:48 ที่สมองสักส่วนนึงแน่ๆอยู่แล้วเพียงแต่
00:11:48 → 00:11:51 ว่าเราต้องไปหาว่าปัญหาของสมองที่เป็นนะ
00:11:51 → 00:11:54 มันอยู่ตรงไหนนะครับอ่าเราก็ต้องไปหาพวก
00:11:54 → 00:11:56 นี้ให้เจอนะครับแล้วถ้าเจอในบางครั้ง
00:11:56 → 00:11:59 เนี่ยคนส่วนมากมักจะคิดว่าเอ้ยถือว่าเป็น
00:11:59 → 00:12:01 Stroke หรือเปล่า Stroke ก็คือเป็นปัญหา
00:12:01 → 00:12:04 ที่หลอดเลือดสมองเนี่ยมันมีการอุดตันเข้า
00:12:04 → 00:12:06 ไปนะครับบางครั้งมันเป็นชั่วคราวแล้วก็
00:12:06 → 00:12:08 อยู่ๆกลับมาพูดได้เหมือนเดิมอันนั้นเนี่ย
00:12:08 → 00:12:10 น่าจะคิดว่าเป็นทาง Stroke หรือว่าหลอด
00:12:10 → 00:12:12 เลือดสมองอุดตันชั่วคราวซะมากกว่านะครับ
00:12:12 → 00:12:15 แต่ถ้าเป็น from templementia เนี่ยนะ
00:12:15 → 00:12:17 ครับแล้วเป็น speechwarenance เนี่ยบาง
00:12:18 → 00:12:20 ครั้งมันเป็นแล้วมันไม่หายนะครับแล้วมัน
00:12:20 → 00:12:23 เป็นของมันไปเรื่อยๆนะครับดังนั้นอาการ
00:12:23 → 00:12:26 แรกของ FD นั้นขึ้นอยู่กับว่ามีอาการทาง
00:12:26 → 00:12:28 ด้านพฤติกรรมเด่นกว่าหรือเป็นอาการทาง
00:12:28 → 00:12:30 ด้านคำพูดเด่นกว่านะครับหรือบางคนอาจจะมี
00:12:30 → 00:12:33 ทั้งคู่ปนกันเลยก็ได้แต่ว่าสุดท้ายแล้วใน
00:12:33 → 00:12:35 ท้ายที่สุดเนี่ยนะครับมันก็จะกลายเป็น
00:12:35 → 00:12:38 ความจำเสื่อมที่รุนแรงเหมือนกับความจำ
00:12:38 → 00:12:40 เสื่อชนิดอื่นๆก็คือเสียทางด้านความจำไป
00:12:40 → 00:12:43 พฤติกรรมก็มีปัญหาคำพูดก็มีปัญหานะครับ
00:12:43 → 00:12:45 ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้วก็ที่
00:12:45 → 00:12:47 สำคัญคือไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาด้วยนะ
00:12:47 → 00:12:50 ครับอ่าบางคนโดยเฉพาะแบบที่เป็นพฤติกรรม
00:12:50 → 00:12:52 เด่นเนี่ยคือจะไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหานะ
00:12:52 → 00:12:56 ครับแต่คนที่มีปัญหาเด่นทางด้านของหาคำ
00:12:56 → 00:12:58 ศัพท์เรื่องของคำพูดเนี่ยส่วนมากมักจะรู้
00:12:58 → 00:13:00 ตัวว่าเอ๊ะทำไมค้นหาคำศัพท์ไม่เจอแล้วไม่
00:13:00 → 00:13:02 แน่ใจว่าคำคำนั้นพูดอะไรแล้วบางครั้ง
00:13:02 → 00:13:04 เนี่ยมันจะมีอย่างนี้ด้วยซ้ำไปครับคือเขา
00:13:04 → 00:13:07 นึกคำๆนึงอยู่ไม่ออกอยู่ตั้งนานแล้วนึก
00:13:07 → 00:13:09 ไม่ออกแล้วสุดท้ายมันนึกออกพอดีอ่ะเช่น
00:13:09 → 00:13:11 กำลังนึกคำว่า Apple อยู่นะครับแล้วนึก
00:13:11 → 00:13:13 ไม่ออกอยู่ๆนึกออกทันทีก็จะอาจจะตะโกน
00:13:13 → 00:13:16 ขึ้นมา Apple อะไรอย่างนี้นะครับอ่าก็จะ
00:13:16 → 00:13:18 มีแบบนี้ขึ้นมาได้ก็จะรู้สึกว่าไอ้คนนี้
00:13:18 → 00:13:21 แปลกอยู่ๆตะโกน Apple ขึ้นมาตะโกนทำไมนะ
00:13:21 → 00:13:24 ครับนั่นก็คือเป็นอาการหนึ่งของเขานะฮะที
00:13:24 → 00:13:27 นี้มาถึงว่าทำไมถึงเป็น frontembler
00:13:27 → 00:13:29 dement เสียได้นะครับปัจจุบันเนี่ยยัง
00:13:29 → 00:13:32 ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมถึงเป็นแต่ว่า
00:13:32 → 00:13:35 ส่วนใหญ่แล้วมีคนสงสัยว่าน่าจะเป็นจาก
00:13:35 → 00:13:37 พันธุกรรมซะมากกว่านะครับแล้วพวกนี้เนี่ย
00:13:37 → 00:13:40 วินิจฉัยได้ด้วยการทำ MRI ของสมองนะครับ
00:13:40 → 00:13:43 ก็จะพบว่าสมองส่วนหน้า frontal load ตรง
00:13:43 → 00:13:45 นี้นะครับเราก็ templorop ซึ่งอยู่ด้าน
00:13:45 → 00:13:48 ข้างๆตรงเนี้ยมันจะมีการสูญเสียจำนวนของ
00:13:48 → 00:13:51 เซลล์ประสาทไปนะครับนั่นคือสิ่งที่เรา
00:13:51 → 00:13:54 สามารถจะตรวจได้นะครับอ่าเมื่อเรา
00:13:54 → 00:13:56 วินิจฉัยแล้วเนี่ยก็จะมีคำถามต่อไปว่า
00:13:56 → 00:13:59 เอ๊ะแล้วจะเป็นยังไงต่อไปนะครับ
00:13:59 → 00:14:04 บางคนเนี่ยก็จะมีอาการมากขึ้นแบบรวดเร็ว
00:14:04 → 00:14:06 เลยนะครับบางคนก็ใช้เวลานานมากๆเลยกว่า
00:14:06 → 00:14:10 ที่อาการจะเป็นมากนะครับซึ่งทั้งหมดเนี่ย
00:14:10 → 00:14:14 มันมันมีได้ตั้งแต่แบบในช่วงปี 2 ปีเนี่ย
00:14:14 → 00:14:17 อาการจะแย่ลงอย่างรวดเร็วเลยก็ได้หรือบาง
00:14:17 → 00:14:19 คนใช้เวลาเป็น 10-20 ปีเลยกว่าอาการจะแย่
00:14:19 → 00:14:23 ลงนะครับทั้งหมดเนี่ยมันขึ้นอยู่กับว่า
00:14:23 → 00:14:26 พฤติกรรมของคนไข้เป็นอย่างไรก่อนหน้าที่
00:14:26 → 00:14:27 จะป่วยนะครับหรือ
00:14:27 → 00:14:31 การดูแลของญาติๆของครอบครัวมันเป็นอย่าง
00:14:31 → 00:14:34 ไรด้วยนะครับหรือว่าคนไข้มีโรคประจำตัว
00:14:34 → 00:14:35 อะไรอื่นๆอีกไหมที่ทำให้ความจำเสื่อม
00:14:35 → 00:14:37 เนี่ยมันแย่ลงโดยเฉพาะคนที่มีความจำ
00:14:37 → 00:14:40 เสื่อมด้านอื่นๆที่มาเกี่ยวข้องนะครับยัง
00:14:40 → 00:14:42 ยกตัวอย่างเช่นคนที่มี frontrol Timber
00:14:42 → 00:14:44 dementia ร่วมกับอัลไซเมอร์ร่วมกับดื่ม
00:14:44 → 00:14:47 เหล้าเยอะพวกนี้ก็จะเสื่อมเร็วกว่าปกตินะ
00:14:47 → 00:14:50 ครับอ่าดังนั้นเราจะบอกไม่ได้นะครับว่าคน
00:14:50 → 00:14:53 ไข้คนที่เป็น ftd นี้จะเป็นอาการรวดเร็ว
00:14:53 → 00:14:55 แค่ไหนเพราะมันขึ้นกับรายหลายอย่างอย่าง
00:14:55 → 00:14:57 ที่ผมบอกไปนะฮะทีนี้
00:14:57 → 00:15:00 ftd มีการรักษาทันสมัยก็ต้องบอกว่าเป็น
00:15:00 → 00:15:03 ที่น่าเศร้าว่า FD ปัจจุบันนี้ยังไม่มี
00:15:03 → 00:15:06 อะไรที่สามารถชะลอมันได้แล้วมันก็ยังไม่
00:15:06 → 00:15:09 สามารถรักษาได้ยาต่างๆซึ่งใช้ในกรณีของ
00:15:09 → 00:15:12 โรคอัลไซเมอร์นั้นก็ไม่สามารถใช้กับกรณี
00:15:12 → 00:15:16 ของโรค ftd ได้นะครับแล้วถ้าเป็นแล้วเรา
00:15:16 → 00:15:19 จะทำยังไงนะครับคือถ้าเราวินิจฉัยว่าเป็น
00:15:19 → 00:15:21 แล้วเนี่ยนะครับคนที่มีปัญหาทางด้าน
00:15:21 → 00:15:24 พฤติกรรมเยอะๆเนี่ยนะฮะแน่นอนว่าเราก็อาจ
00:15:24 → 00:15:26 จะต้องพบจิตแพทย์หรือนักพฤติกรรมบำบัด
00:15:26 → 00:15:28 เพื่อที่จะช่วยให้เขาสามารถที่จะเข้าใจ
00:15:28 → 00:15:30 ตัวเองได้แล้วก็สามารถที่จะควบคุม
00:15:30 → 00:15:33 พฤติกรรมบางอย่างบางอย่างได้นะครับแต่นอก
00:15:33 → 00:15:35 เหนือจากนั้นแล้วเรามีความจำเป็นจะต้อง
00:15:35 → 00:15:39 เข้าใจในตัวโรคเพราะว่าคนพวกนี้มันจะมี
00:15:39 → 00:15:41 อย่างนึงซึ่งเหมือนกันก็คือ this Vision
00:15:41 → 00:15:44 หมายความว่าอยู่ๆจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะ
00:15:44 → 00:15:48 สมขึ้นมาเลยเช่นอ่าขับรถอย่างนี้นะครับก็
00:15:48 → 00:15:50 จะอยู่กับโมโหขึ้นมาเฉยๆเลยคนตัดหน้านิด
00:15:50 → 00:15:52 เดียวโมโหขึ้นมาทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคย
00:15:52 → 00:15:55 โมโหขนาดนี้นะครับหรือไปหาที่จอดรถแล้วมี
00:15:55 → 00:15:59 คนบอกให้บอกให้จอดแล้วเขาทำหน้าที่ที่ไม่
00:15:59 → 00:16:02 สมกับที่เราคาดหวังไว้เราก็ไปโกรธเขาแล้ว
00:16:02 → 00:16:04 ก็ไปด่าว่าเขานะครับอย่างนี้เป็นต้นหรือ
00:16:04 → 00:16:07 ไปหาหมอตอนแรกๆก็ดีอยู่ๆก็ด่าหมอขึ้นมา
00:16:07 → 00:16:09 เลยนะครับคือเรื่องพวกนี้มันไม่ได้เป็น
00:16:09 → 00:16:12 ความผิดที่ตัวเขานะครับมันเป็นที่สมองนะ
00:16:12 → 00:16:15 ครับดังนั้นบางครั้งเนี่ยก็ในถ้าเป็นคน
00:16:15 → 00:16:17 ไข้ฝรั่งเนี่ยบางครั้งเราจะแนะนำอย่างนึง
00:16:17 → 00:16:19 ว่าให้มีกระดาษใบนึงถ้าญาติไปไหนนะครับ
00:16:19 → 00:16:23 เขียนว่าเออคนอาจจะเป็นคนนี้นะครับมี
00:16:23 → 00:16:26 ปัญหาทางด้านของสมองอย่างนึงทำให้เขาอาจ
00:16:26 → 00:16:28 จะแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมออกไปบ้างนะครับ
00:16:28 → 00:16:30 ก็ต้องขออภัยไว้ณที่นี้เช่นว่าสมมุติเรา
00:16:30 → 00:16:32 ไปกินข้าวนะครับแล้วคนที่เป็นเนี่ยอาจจะ
00:16:33 → 00:16:36 เป็นพ่อเราเองก็ได้นะครับแล้วเขาก็ไปด่า
00:16:36 → 00:16:39 เอ่อคนที่มารับออเดอร์นะครับว่าคุณนี่มัน
00:16:39 → 00:16:41 ยังอ้วนอย่างงี้อะไรเยอะแยะไปหมดนะครับ
00:16:41 → 00:16:45 คืออยู่ๆก็ด่านะครับเราก็คนที่ไปด้วย
00:16:45 → 00:16:47 เนี่ยก็ยื่นในกระดาษใบเนี้ยไปให้เขาบอก
00:16:47 → 00:16:49 ว่าต้องขออภัยด้วยนะว่าเอ่อพ่อเราที่
00:16:49 → 00:16:52 เนี่ยพูดไปอย่างเงี้ยไม่ดีมันเป็นเพราะ
00:16:52 → 00:16:54 ว่าแบบนี้นะครับเขามีปัญหาทางด้านของสมอง
00:16:54 → 00:16:56 นะอะไรอย่างนี้นะครับเพื่ออย่างน้อยๆก็
00:16:57 → 00:16:58 ให้คนที่เขามา
00:16:58 → 00:17:01 มีปัญหากับพ่อเราเข้าใจได้นะครับว่ามัน
00:17:01 → 00:17:03 เป็นเพราะอะไรโดยที่เราไม่ต้องพูดเพราะ
00:17:03 → 00:17:06 ว่าถ้าเราพูดแน่นอนก็จะมีปัญหากับพ่อเรา
00:17:06 → 00:17:09 เองอีกถูกไหมครับหรือว่าคนที่เป็น ftd
00:17:09 → 00:17:11 อยู่เราก็จะมีปัญหากับเขาอีกบอกว่าเราไป
00:17:11 → 00:17:12 เข้าข้างอีกคนนึงได้ยังไงไม่เข้าข้างคน
00:17:12 → 00:17:14 นี้ล่ะอะไรอย่างนี้นะครับดังนั้นการใช้
00:17:14 → 00:17:16 กระดาษเนี่ยบางครั้งก็จะเป็นวิธีหนึ่ง
00:17:16 → 00:17:19 ซึ่งเราแนะนำคนไข้ฝรั่งเราก็จะแนะนำแบบ
00:17:19 → 00:17:20 นั้นเช่นกันนะครับ
00:17:20 → 00:17:25 ที่เหลือก็คือจะต้องพยายามชะลออาการให้
00:17:25 → 00:17:29 มันออกไปให้ชะลอให้มันนานที่สุดอ่ะให้ให้
00:17:29 → 00:17:31 อาการของเขาเนี่ยดีมากที่สุดเท่าที่จะ
00:17:31 → 00:17:33 เป็นไปได้นะครับก็คือคนเหล่านี้นะครับ
00:17:33 → 00:17:36 สิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดก็คือว่าเราไม่ให้
00:17:36 → 00:17:40 เขาออกสังคมเลยนะครับเพราะว่าผมเข้าใจนะ
00:17:40 → 00:17:43 ครับว่าการที่คนๆเนี้ยออกไปในสังคมจะทำ
00:17:43 → 00:17:45 ให้คนที่อยู่รอบข้างนี่มีปัญหาเยอะแยะไป
00:17:45 → 00:17:47 หมดเลยว่าเขาไปทำพฤติกรรมต่างๆที่มันไม่
00:17:47 → 00:17:49 เหมาะสมในที่สาธารณะนะครับเวลาเขาทำ
00:17:49 → 00:17:51 พฤติกรรมไม่เหมาะสมแล้วเนี่ยเราก็จะอาย
00:17:51 → 00:17:53 เราก็จะกังวลว่าให้เดี๋ยวเค้าไปทำอะไร
00:17:53 → 00:17:56 แล้วมันจะอันตรายต่อตัวเขาต่อคนรอบข้างทำ
00:17:56 → 00:17:58 ให้เราเสียชื่อเสียงหรือเปล่านะครับแต่
00:17:58 → 00:18:00 ที่เอาเขาไว้กับบ้านโดยไม่ให้เขาไปเจอ
00:18:00 → 00:18:04 สิ่งแวดล้อมข้างนอกเลยเนี่ยนะครับมันจะทำ
00:18:04 → 00:18:06 ให้อาการพวกนี้ยิ่งแย่ลงอย่างรวดเร็วนะ
00:18:06 → 00:18:10 ครับยิ่งแย่ลงทีนี้เวลาที่เราจะให้เขาออก
00:18:10 → 00:18:14 สังคมเนี่ยครับเราก็จะต้องมีการค่อยๆพูด
00:18:14 → 00:18:17 กับเขาใหม่ๆนะครับผู้ให้เขาเหมือนกับเขา
00:18:17 → 00:18:19 เป็นเด็กเลยอ่ะเป็นเด็กแบบ 6-7 ขวบเลย
00:18:19 → 00:18:21 ครับเพราะว่าเราสังเกตว่าเด็ก 60 ขวบ
00:18:21 → 00:18:23 เนี่ยบางครั้งมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมถูก
00:18:23 → 00:18:26 ไหมครับมีปัญหาทางด้านการหาคำพูดบางชนิด
00:18:26 → 00:18:28 ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรนะครับนั่นเราก็
00:18:28 → 00:18:30 คิดเหมือนกับเขาเป็นเด็กนะครับเราต้องพูด
00:18:30 → 00:18:32 กับเขาแบบนั้นนะฮะอะไรที่เขาเคยทำได้
00:18:32 → 00:18:35 พยายามให้เขาทำนะครับหัดร้องเพลงนะครับจะ
00:18:35 → 00:18:37 ได้มีคำศัพท์อยู่ในหัวเยอะๆโดยไม่ลืมนะ
00:18:37 → 00:18:39 ครับอ่านอ่านหนังสือนะครับอ่านหนังสือถ้า
00:18:39 → 00:18:41 เราให้เขาอ่านหนังสือออกเสียงได้เนี่ยก็
00:18:42 → 00:18:44 จะเป็นการดีเพราะว่ามันจะเป็นการฝึกคำ
00:18:44 → 00:18:46 ศัพท์ที่เราอ่านแล้วก็เป็นการฝึกการออก
00:18:46 → 00:18:49 เสียงการพูดนะครับทำให้ปัญหาทางด้านการ
00:18:49 → 00:18:51 พูดเนี่ยอย่างน้อยๆมันก็ชะลอตัวออกไปนะ
00:18:51 → 00:18:54 ครับอ่าการดูโทรทัศน์การมีปฏิสัมพันธ์
00:18:54 → 00:18:56 ด้วยการพูดการร้องเพลงการอ่านหนังสือพวก
00:18:56 → 00:19:00 นี้ครับการคิดคำนวณการบวกเลขก็เป็นสิ่ง
00:19:00 → 00:19:02 ที่เราสามารถทำแล้วก็ให้ชะลอพวกนี้ออกไป
00:19:02 → 00:19:05 ได้นะครับการออกกำลังกายก็ช่วยได้นะครับ
00:19:05 → 00:19:08 โดยเฉพาะการออกกำลังกายซึ่งเป็นกลุ่มของ
00:19:08 → 00:19:11 แอโรบิคแล้วก็การออกกำลังกายซึ่งมีการใช้
00:19:11 → 00:19:15 ส่วนต่างๆของร่างกายพอประมาณนะครับพวกนี้
00:19:15 → 00:19:17 ก็มีความจำเป็นที่เราจะต้องทำนะครับอ่า
00:19:18 → 00:19:20 ดังนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราควรจะ
00:19:20 → 00:19:23 ต้องฝึกหัดนะครับเรื่องของการควบคุมน้ำ
00:19:23 → 00:19:25 หนักอันนี้ก็มีความเกี่ยวข้องเพราะว่าบาง
00:19:25 → 00:19:27 คนอย่างที่บอกคือมีปัญหาทางด้านของ
00:19:27 → 00:19:30 hyperority หมายความว่าชอบเอาของเข้าป่า
00:19:30 → 00:19:32 นะครับอาจจะเป็นของกินก็ได้ถ้าเป็นของกิน
00:19:32 → 00:19:35 กินเยอะๆก็อ้วนนะครับอ้วนแล้วก็จะมีปัญหา
00:19:35 → 00:19:37 อย่างอื่นตามมาอีกมากมายดังนั้นเราจะต้อง
00:19:37 → 00:19:40 แก้ไขภาวะนี้นะฮะนอกเหนือจากนี้บางคนมี
00:19:40 → 00:19:42 โรคประจำตัวต่างๆเช่นเบาหวานความดันไขมัน
00:19:42 → 00:19:45 ต่างๆพวกเนี้ยนะครับมันก็จะมีปัญหาทาง
00:19:45 → 00:19:48 ด้านหลอดเลือดได้ถ้าเกิดว่าโรคพวกนี้มัน
00:19:48 → 00:19:50 คุมได้ไม่ชัดเจนหรือคนไหนที่มีปัญหาทาง
00:19:50 → 00:19:53 ด้านการนอนหลับนะครับมีการหยุดหายใจในขณะ
00:19:53 → 00:19:55 หลับอาจจะรู้ตัวไม่รู้ตัวก็ไม่ทราบล่ะ
00:19:55 → 00:19:57 ครับแต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาก็จะมีปัญหา
00:19:57 → 00:20:00 ทางด้านความจำมากขึ้นความจำเสื่อมพวกแอพ
00:20:00 → 00:20:03 ซีดีนี้ก็จะพัฒนาไปรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนะ
00:20:03 → 00:20:05 ครับดังนั้นจะต้องไปแก้ไขโรคประจำตัวต่าง
00:20:05 → 00:20:08 ๆถ้าไม่เคยตรวจก็รีบไปตรวจซะนะครับถ้ามี
00:20:08 → 00:20:10 อะไรก็ต้องรีบแก้ไขถ้าเราปล่อยไว้เฉยๆ
00:20:10 → 00:20:13 เนี่ยอาการก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและ
00:20:13 → 00:20:15 สุดท้ายเนี่ยพอมีปัญหาทางหน้าพฤติกรรมมาก
00:20:15 → 00:20:18 จนกระทั่งที่บ้านเอาไม่ไหวแน่ก็มักจะต้อง
00:20:18 → 00:20:20 ส่งตัวไปอยู่ตามศูนย์ต่างๆนะครับแล้วก็
00:20:20 → 00:20:23 แน่นอนว่าการส่งไปอยู่ตามศูนย์ต่างๆนั้น
00:20:23 → 00:20:25 การดูแลมันก็จะไม่ได้ดูแลเหมือนกับ
00:20:25 → 00:20:27 ครอบครัวคนที่บ้านเราถูกไหมครับเพราะว่า
00:20:27 → 00:20:29 เจ้าหน้าที่ 1 คนก็ต้องดูแลคนเหล่านี้
00:20:29 → 00:20:33 เป็น 10 คนนะครับแล้วเวลาดูแลคนไข้ที่มี
00:20:33 → 00:20:36 ปัญหามากๆเป็น 10 คนก็แน่นอนว่าการดูแล
00:20:36 → 00:20:38 มันก็จะต้องไม่ดีนะครับเหมือนกับว่าบางคน
00:20:38 → 00:20:41 เนี่ยเราไปเจอที่ศูนย์รับเลี้ยงคนชราหรือ
00:20:41 → 00:20:43 ศูนย์รับเลี้ยงพวกนี้นะครับเราก็จะเห็น
00:20:43 → 00:20:45 บอกว่าเอ๊ะทำไมคนไข้อื่นแล้วไม่มีใครมา
00:20:45 → 00:20:47 เช็ดทำความสะอาดให้เลยทำไมคนไข้คนนี้
00:20:48 → 00:20:50 ปล่อยให้กินข้าวแล้วเลอะเทอะเต็มไปหมดนะ
00:20:50 → 00:20:53 ครับทำไมคนไข้คนนี้เอ่อเกิดอุบัติเหตุได้
00:20:53 → 00:20:55 นะครับทำไมทำไมทำไมนะครับทำไมเจ้าหน้าที่
00:20:55 → 00:20:57 ดูแลไม่ดีเหรอเราอุตส่าห์จ่ายเงินให้เขา
00:20:57 → 00:21:00 ดูแลทำไมเขาถึงไม่ทำให้เราก็ต้องบอกว่า
00:21:00 → 00:21:02 ครับถ้าเป็นตัวเราต้องไปดูแลคนไข้ที่มี
00:21:02 → 00:21:04 ปัญหาแบบนี้ 10 คนเราดูแลไม่ได้หรอกครับ
00:21:04 → 00:21:06 แค่คนเดียวก็ยังไม่ได้นะครับแล้วเจ้าหน้า
00:21:06 → 00:21:09 ที่พวกนี้เหนื่อยมากนะครับคือต้องดูแลทุก
00:21:09 → 00:21:11 ๆคนเนี่ยตลอดเวลาแล้วมันทำไม่ได้หรอกครับ
00:21:11 → 00:21:14 ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือการพยายามให้
00:21:14 → 00:21:16 คนไข้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดทำบ่อยๆ
00:21:16 → 00:21:20 เพื่อที่จะชะลออาการของพวกนี้ลงไปให้ได้
00:21:20 → 00:21:22 มากที่สุดนะครับไม่ว่าจะเป็นการออกกำลัง
00:21:22 → 00:21:25 กายดนตรีบำบัดการคิดคำนวณการร้องเพลงการ
00:21:25 → 00:21:28 อ่านหนังสือนะครับพวกนี้การวาดรูปต่างๆ
00:21:28 → 00:21:30 การทำศิลปะทุกอย่างมันช่วยกันหมดนะครับ
00:21:30 → 00:21:33 ดังนั้นสิ่งนี้คือเป็นสิ่งที่สมควรนะฮะ
00:21:33 → 00:21:36 ฉะนั้นเรื่องของคุณบรูซวิลลิสต์เนี่ยก็จะ
00:21:36 → 00:21:38 มีอาการกลุ่มพวกเนี้ยเยอะแยะไปหมดนะครับ
00:21:38 → 00:21:40 ผมเชื่อว่าคนไทยบางคนเนี่ยก็อาจจะเป็นแบบ
00:21:40 → 00:21:43 นี้ด้วยซ้ำไปนะครับแล้วอย่างที่หลายๆคน
00:21:43 → 00:21:45 อาจจะเข้าใจผิดก็คือความจำเสื่อมเป็น
00:21:45 → 00:21:47 เรื่องของคนอายุเยอะนะครับแต่ ftd ไม่ใช่
00:21:47 → 00:21:50 แล้วนะครับ ftd เป็นตั้งแต่อายุประมาณ 40
00:21:50 → 00:21:52 ขึ้นไปดังนั้นบางคน 450 ก็เป็นได้นะครับ
00:21:52 → 00:21:55 ไม่ต้องรอจน 6-70 ถึงจะเริ่มเป็นนะครับ
00:21:55 → 00:21:57 แล้วก็ไม่ต้องมีปัญหาทางด้านความจำก่อนก็
00:21:57 → 00:22:00 ได้นะครับ ftd มีปัญหาทางด้านของพฤติกรรม
00:22:00 → 00:22:04 หรือการพูดก่อนเลยครับนะถ้าเกิดว่าคนไหน
00:22:04 → 00:22:07 ที่มีปัญหาด้านพฤติกรรมความคำพูดต่างๆพวก
00:22:07 → 00:22:09 นี้แล้วรักษาแล้วมันไม่ดีขึ้นนะครับนอก
00:22:09 → 00:22:11 เหนือจากคิดว่าเป็นโรคของ Stroke หรือ
00:22:11 → 00:22:14 หลอดเลือดสมองหรือโรคของไบโพล่าโรคทาง
00:22:14 → 00:22:16 ด้านจิตเวชต่างๆแล้วสิ่งหนึ่งซึ่งควรจะ
00:22:16 → 00:22:19 คิดคำนึงถึงก็คือโรคของ ftd หรือ fontrol
00:22:19 → 00:22:22 templementia อาจจะต้องทำการตรวจ MRI
00:22:22 → 00:22:25 สมองนะครับเพื่อการวินิจฉัยแล้วก็รักษา
00:22:25 → 00:22:27 ร่วมไปกับคุณหมอทางด้านจิตเวชคุณหมอทั้ง
00:22:27 → 00:22:30 นั้นสมองต่างๆด้วยนะครับสิ่งที่เราทำได้
00:22:30 → 00:22:34 ไม่มีวิธีไหนที่ทำให้โรคนี้มันหายได้ใน
00:22:34 → 00:22:36 ปัจจุบันนะครับรักษาไม่ได้นะครับเราจะ
00:22:36 → 00:22:38 ต้องดูแลด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้
00:22:38 → 00:22:41 เขาทำในสิ่งที่ถนัดนะครับดูแลเรื่องของ
00:22:41 → 00:22:44 อุปนิสัยนะครับเรื่องการเรียนรู้อ่าน
00:22:44 → 00:22:47 หนังสือนะครับอ่านออกเสียงนะครับเล่นกีฬา
00:22:47 → 00:22:50 คิดคำนวณเล่นทำศิลปะดนตรีพวกนี้นะครับ
00:22:50 → 00:22:53 เป็นสิ่งที่ทำให้คนไข้คนเนี้ยมีคุณภาพ
00:22:53 → 00:22:56 ชีวิตที่ดีและที่สำคัญคือจะต้องดูแลผู้ดู
00:22:56 → 00:22:59 แลซะด้วยเพราะว่าผู้ดูแลนั้นก็จะเป็นคน
00:22:59 → 00:23:01 ที่มีความเครียดสูงมากๆและที่สำคัญคือเรา
00:23:01 → 00:23:05 พบว่าผู้ดูแลคนไข้ที่มีความจำเสื่อมก็มัก
00:23:05 → 00:23:08 จะเป็นความจำเสื่อมก่อนวัยนะครับอ่างั้น
00:23:08 → 00:23:11 เราจะต้องดูแลทั้งผู้ดูแลแล้วก็ผู้ป่วย
00:23:11 → 00:23:13 ด้วยนะครับนั้นผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ
00:23:13 → 00:23:16 ท่านซึ่งมีปัญหาทางด้านของความจำเสื่อมนะ
00:23:16 → 00:23:18 ครับรวมทั้งคุณ Bruce ด้วยนะครับก็หวัง
00:23:18 → 00:23:20 ว่าอาการความจำเสื่อมของเขาเนี่ยจะชะลอ
00:23:20 → 00:23:24 ตัวลงด้วยวิธีที่ครอบครัวเขาดูแลเขาแล้ว
00:23:24 → 00:23:26 ก็เขาดูแลตัวเองนะครับวันนี้ก็เท่านี้นะ
00:23:26 → 00:23:28 ครับใครมีอะไรสงสัยเกี่ยวข้องกับดีๆก็สอบ
00:23:28 → 00:23:32 ถามมาได้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ