00:00:00 → 00:00:03 อยู่ในสภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิชในทีม
00:00:03 → 00:00:05 ทำให้เกิดการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอด
00:00:05 → 00:00:07 ภัยของตัวเราและผู้คนรอบข้างหรือที่เรา
00:00:07 → 00:00:10 รู้จักกันคือ Social issues and sing
00:00:10 → 00:00:12 นอกจากการเว้นระยะห่างหรือ Social
00:00:12 → 00:00:14 Distance ซิ่งแล้วเรายังต้องใส่หน้ากาก
00:00:14 → 00:00:17 อนามัยตลอดเวลาเพื่อลดการติดเชื้อและป้อง
00:00:17 → 00:00:19 กันเชื้อโรคสู่กันและกันทำให้การสื่อสาร
00:00:19 → 00:00:22 ระหว่างบุคคลพบเจออุปสรรคและมีปัญหาอยู่
00:00:22 → 00:00:24 บาง 1 กลุ่มที่พบปัญหาในการสื่อสารในช่วง
00:00:24 → 00:00:27 โซเชียลเซนซิ่งนั่นก็คือกลุ่มผู้สูงอายุ
00:00:27 → 00:00:30 นั่นเองในวันนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญก็จะมาให้
00:00:30 → 00:00:32 คำแนะนำผู้สูงอายุกับการสื่อสารในช่วง
00:00:32 → 00:00:35 โซเชียลด้วย Shenzhen ครับสำหรับการที่
00:00:35 → 00:00:38 ป้อนคนนึงเนี่ยจะได้ยินเสียงสื่อสารกับคน
00:00:38 → 00:00:41 อื่นได้นะคะหลักๆเลยก็คือเสียงเนี่ยจะ
00:00:41 → 00:00:43 ต้องเข้าไปสู่หูอย่างชัดเจนก่อนนะคะด้วย
00:00:43 → 00:00:46 สีสมมุติว่ามีคนมาคุยกับเราเนี่ยนะคะ
00:00:46 → 00:00:49 เสียงเนี่ยก็จะเข้าผ่านช่องรูหูนะคะผ่าน
00:00:49 → 00:00:53 ตัวหูเนี่ยเข้ามาถึงช่องในรูหูแล้วก็ผ่าน
00:00:53 → 00:00:57 เยื่อแก้วหูชั้นกลางและก็เข้ามาที่หูชั้น
00:00:57 → 00:01:00 ในเพื่อแปลงสัญญาณของเสียงเนี่ยนี่เป็น
00:01:00 → 00:01:03 สัญญาณกษาปณ์ประสาทนำกระแสประสาทเนี่ย
00:01:03 → 00:01:06 ขึ้นสู่บริเวณสมองสมองเนี่ยจะรับแลผลการ
00:01:06 → 00:01:09 ที่ต่างๆตรงนี้เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆแล้ว
00:01:09 → 00:01:11 เนี่ยถ้าเกิดเราดูให้ดีเนี่ยก็จะเห็นว่า
00:01:11 → 00:01:14 หูเนี่ยนะคะจริงเป็นช่องทางที่จะนำพา
00:01:14 → 00:01:17 เสียงการกระตุ้นจากภายนอกเนี่ยเข้ามาสู่
00:01:17 → 00:01:20 การรับรู้การแปลผลเพื่อการสื่อสารที่มี
00:01:20 → 00:01:22 ประสิทธิภาพเนี่ยที่ในบริเวณของสมองจุด
00:01:22 → 00:01:25 นี้นะคะ
00:01:25 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 สำหรับในช่วงนี้นะคะก็คือเป็นช่วงที่เรา
00:01:31 → 00:01:34 เนี่ยต้องเว้นระยะห่างทางสังคมมีโซเชียล
00:01:34 → 00:01:37 ดิสสันซิ่งการเพราะฉะนั้นเนี่ยได้หลายคน
00:01:37 → 00:01:39 เนี่ยจะมีปัญหาในการสื่อสารค่อนข้างมาก
00:01:39 → 00:01:42 โดยเฉพาะอย่างในกลุ่มผู้สูงอายุหรือแม้
00:01:42 → 00:01:44 แต่ในคนที่อาจยังไม่สูงอายุแต่ว่ามีปัญหา
00:01:44 → 00:01:47 การได้ยินอยู่เดิมอยู่แล้วแต่ว่าไม่มาก
00:01:47 → 00:01:49 เนี่ยเมื่อเข้าสู่ยุคต้องเว้นระยะห่างทาง
00:01:49 → 00:01:51 สังคมเนี่ยปัญหาการได้ยินการสื่อสารเนี่ย
00:01:51 → 00:01:53 จะเพิ่มมากขึ้นได้ค่อนข้างมากเพราะว่า
00:01:53 → 00:01:56 จริงๆแล้วเนี่ยการที่เราจะสื่อสารกันได้
00:01:56 → 00:01:59 เนี่ยหนึ่งเลยก็คือเราจะต้องได้ยินอย่าง
00:01:59 → 00:02:02 ชัดเจนก่อนอันนี้ในกรณีที่ทุกๆคนเนี่ยใส่
00:02:02 → 00:02:05 หน้ากากแล้วก็จะต้องเว้นระยะห่างอีกเนี่ย
00:02:05 → 00:02:08 การใส่หน้ากากนี้นะคะก็จะบดบังเสียงในบาง
00:02:08 → 00:02:11 ความถี่ให้ไม่สามารถที่จะนำเสียงเอาไป
00:02:11 → 00:02:14 อย่างชัดเจน 5 ปกติอยู่แล้วสองคือเราจะ
00:02:14 → 00:02:16 ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและเมื่อระยะ
00:02:16 → 00:02:18 ห่างเหล้าห่างกันประมาณเมตรครึ่งถึง 2
00:02:18 → 00:02:21 เมตรเนี่ยก็จะทำให้เสียงที่นำพาไปที่ผ่าน
00:02:21 → 00:02:23 หน้ากากที่ไม่ค่อยชัดอยู่แล้วเนี่ยก็จะ
00:02:23 → 00:02:26 เดินทางผ่านไป 2 เมตรเนี่ยก็ทำให้เสียงจะ
00:02:26 → 00:02:30 ไปถึงหูของผู้รับเนี่ยก็ถูกลดทอนในงานของ
00:02:30 → 00:02:32 ความดังนี้ของคุณภาพเสียงลงไปอีกขั้น
00:02:32 → 00:02:36 หนึ่งแล้วก็ 3 คือการสื่อสารเนี่ยถ้าเกิด
00:02:36 → 00:02:38 ว่าจะสื่อสารให้ได้ชัดเจนดีมากที่สุด
00:02:38 → 00:02:40 เนี่ยนอกจากจะได้ยินทางหูแล้วเนี่ยเราจะ
00:02:41 → 00:02:44 ต้องมีการมองสีหน้าของคนพูดมีการอ่านริม
00:02:44 → 00:02:47 ฝีปากเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อทุกคนใส่หน้า
00:02:47 → 00:02:50 กากและอยู่ห่างกันก็จะทำให้การอ่านริมฝี
00:02:50 → 00:02:53 ปากการมองหน้าคู่สนทนาการที่เราจะสบตาการ
00:02:53 → 00:02:56 ลายต่างๆเนี่ยทำได้ยากขึ้นเดี๋ยวมาแต่คน
00:02:56 → 00:02:58 ที่มีปัญหาการที่อยู่เดิมเลยค่ะอย่างเล่า
00:02:58 → 00:03:01 กันเองที่จริงๆหรือไม่ก็หาการปกติเนี่ย
00:03:01 → 00:03:03 ไม่ได้มีปัญหาการได้ยินอะไรอยู่เดิมเนี่ย
00:03:03 → 00:03:06 แต่พอเข้าอยู่ในยุคที่จะต้องมีการเว้น
00:03:06 → 00:03:09 ระยะห่างทางสังคมทุกคนใส่หน้ากากแล้ว
00:03:09 → 00:03:10 เนี่ยหลายๆท่านเนี่ยอาจจะเริ่มรู้สึกแล้ว
00:03:10 → 00:03:13 ว่าเอ๊ะทำไมเราเนี่ยมีปัญหาเหมือนเวลาใคร
00:03:13 → 00:03:16 คุยหรืออะไรต่างๆจะจับใจความได้ผิดหรือ
00:03:16 → 00:03:18 ว่าอาจจะไม่ได้ยินหรือว่ามีปัญหาในการ
00:03:18 → 00:03:20 สื่อสารได้ค่ะสำหรับในกลุ่มผู้สูงอายุ
00:03:20 → 00:03:23 เนี่ยนะคะปัญหาเหล่านี้อย่างที่บอกไปว่า
00:03:23 → 00:03:25 เขาเริ่มมีปัญหาการที่อยู่เดิมแล้วแต่ว่า
00:03:25 → 00:03:27 ต่างจะไม่ได้ชัดเจนเพราะว่าลูกหลานก็มัก
00:03:27 → 00:03:30 จะเข้ามาใกล้ๆมาตะโกนใส่หูได้แต่เดี๋ยว
00:03:30 → 00:03:31 นี้ก็ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วทั้งนั้นเนี่ย
00:03:31 → 00:03:33 ปัญหาเหล่านี้ในผู้สูงอายุจะยิ่งเพิ่ม
00:03:33 → 00:03:37 ขึ้นเป็นเข้าทวีคูณในช่วงยุคตอนนี้ที่นี้
00:03:37 → 00:03:39 ปกติแล้วเนี่ยแต่เกาะเนี่ยอะไรๆคนก็จะคิด
00:03:39 → 00:03:42 ว่าไม่เป็นไรหรอกเมื่อเราอายุมากขึ้น
00:03:42 → 00:03:44 เนี่ยหูเนี่ยก็จะต้องตึงเป็นธรรมดาแต่ว่า
00:03:44 → 00:03:47 จริงๆแล้วเนี่ยในงานวิจัยช่วงหลังนะคะก็
00:03:47 → 00:03:49 ได้ค้นพบแล้วว่าการที่เราเนี่ยมีปัญหา
00:03:49 → 00:03:52 ด้านการได้ยินการสื่อสารเนี่ยสิ่งนี้นะคะ
00:03:52 → 00:03:55 เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดเลยที่ป้องกันได้
00:03:55 → 00:03:58 ของการที่จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมซึ่ง
00:03:58 → 00:04:01 ถ้าสะมุดลองเทียบเตือนฉันว่าให้คุณแม่ของ
00:04:01 → 00:04:05 เรามีปัญหาหูเสื่อมกับเพื่อนของคุณแม่ที่
00:04:05 → 00:04:07 ไม่มีปัญหาหูเสื่อมเนี่ยมันว่าของเรา
00:04:07 → 00:04:09 เนี่ยมีโอกาสเป็นสมองเสื่อมมากกว่าเพื่อน
00:04:09 → 00:04:12 ของท่านเนี่ยถึง 2 เท่าเลยทีเดียวจากการ
00:04:12 → 00:04:14 ที่หาดการกระตุ้นอะไรต่างๆเราก็จะต้องดู
00:04:14 → 00:04:17 แล้วว่าเอ๋อย่างนี้เราจะสามารถป้องกันจน
00:04:17 → 00:04:19 ลดความเสี่ยงตรงนี้ได้นะดีที่สุดเลยก็คือ
00:04:19 → 00:04:23 นำพาผู้สูงอายุที่บ้านของเราคนที่เรารับ
00:04:23 → 00:04:25 ยามาตรวจประเมินระดับการได้ยินเมื่อตรวจ
00:04:25 → 00:04:27 ประเมินเสร็จปุ๊บทั้งก็จะได้รับการรักษา
00:04:27 → 00:04:31 ได้รับอุปกรณ์ที่จะมาช่วยขยายเสียงเพื่อ
00:04:31 → 00:04:34 ให้ตอบมาได้ยินชัดเจนเท่าเพื่อนๆเนี่ยค่ะ
00:04:34 → 00:04:39 ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้ก็จะได้หายไป
00:04:39 → 00:04:42 สำหรับในช่วงนี้นะคะถ้าเกิดว่าเรายังไม่
00:04:42 → 00:04:44 สามารถนำผู้สูงอายุมาตรวจประเมินรับการ
00:04:44 → 00:04:46 ได้ยินแล้วกันรักษาหรือเครื่องช่วยฟังได้
00:04:46 → 00:04:48 เนี่ยสิ่งที่เราจะช่วยท่านได้ง่ายเลยก็
00:04:48 → 00:04:50 คือเริ่มจากที่บ้านของเราเลยค่ะวิธีการ
00:04:50 → 00:04:53 เราคือเน้นพูดคุยกับทางเยอะๆที่นี้เนี่ย
00:04:53 → 00:04:56 การพูดคุยถ้าสมมติเราจะต้องใส่หน้ากากเรา
00:04:56 → 00:04:58 จะต้องเว้นระยะห่างเนี่ยอย่างหน้ากากแบบ
00:04:58 → 00:05:01 ใสลักษณะอยู่ที่อ่าใส่อยู่นะครับเป็นการ
00:05:01 → 00:05:04 ออกแบบมาโดยเฉพาะเลยสำหรับให้ผู้ที่มี
00:05:04 → 00:05:06 ปัญหาด้านการได้ยินการสื่อสารเนี่ยสามารถ
00:05:06 → 00:05:09 ที่จะอ่านริมฝีปากของเราได้แล้วก็จะสื่อ
00:05:09 → 00:05:12 สารได้ดีมากขึ้นในช่วงนี้นะคะแล้วก็ถ้า
00:05:12 → 00:05:14 สมมติว่าจะคุยกับคุณพ่อคุณแม่เนี่ยเริ่ม
00:05:14 → 00:05:17 แรกเลยเราปิดเสียงรบกวนในห้องลงกรไม่ว่า
00:05:17 → 00:05:20 จะเป็นเสียงดนตรีเสียงเพลงเสียงทีวีหรือ
00:05:20 → 00:05:22 บางทีเสียงเครื่องซักผ้าอุปกรณ์อะไรต่างๆ
00:05:22 → 00:05:25 ในบ้านของเราเนี่ยถ้ามีเสียงรบกวนรอบข้าง
00:05:25 → 00:05:29 ในห้องข้างสูงเนี่ยจะยิ่งทำให้การจับใจ
00:05:29 → 00:05:31 ความคำพูดของท่านผู้สูงอยู่เนี่ยทำได้ยาก
00:05:31 → 00:05:33 มากยิ่งขึ้นนะครับเพราะว่าแต่เดิมก็ฟัง
00:05:33 → 00:05:36 ไม่ค่อยชัดอยู่ละยิ่งเสียงรบกวนมากเนี่ย
00:05:36 → 00:05:38 จะทำให้ท่านจับใจความคำแล้วเนี่ยได้ยาก
00:05:38 → 00:05:41 ขึ้นไปอีกข้อ 2 นะคะหนักลดเสียงรบกวนต่าง
00:05:41 → 00:05:44 ๆแล้วเราควรที่จะพูดที่จังหวะช้าลงนิดนึง
00:05:44 → 00:05:46 เมื่อเราพูดคุยกับท่านผู้สูงอายุในบ้าน
00:05:47 → 00:05:49 ของเราแล้วที่มีปัญหาการได้ยินอยู่เดิม
00:05:49 → 00:05:51 เนี่ยเสี่ยงที่รับผ่านหูก็ไม่ค่อยชัดอยู่
00:05:51 → 00:05:53 แล้วเมื่อขึ้นไปถึงระดับสมองที่จะต้องปลา
00:05:53 → 00:05:56 ผลว่าเองคำนี้คือคำว่าอะไรนะประโยคนี้
00:05:56 → 00:05:59 ประโยคว่าอะไรนะแล้วเราจะตอบลูกกับไปยัง
00:05:59 → 00:06:01 ไงเนี่ยต้องนี้เนี่ยเงียบสมองเนี่ยก็จะ
00:06:01 → 00:06:05 ไม่สามารถที่จะแปลผลหรือว่าทำการประมวลผล
00:06:05 → 00:06:07 ต่างๆได้ฉับไวเหมือนสมัยตอนที่ยังเป็น
00:06:07 → 00:06:09 หนุ่มเป็นสาวอยู่เพราะฉะนั้นเนี่ยตรงนี้
00:06:09 → 00:06:12 เนื่องโดยต้องใช้เวลานานมากขึ้นนิดนึงของ
00:06:12 → 00:06:15 นั้นน่ะจะต้องพูดด้วยจังหวะที่ช้าลงหน่อย
00:06:15 → 00:06:17 นึงนะคะเพื่อให้ท่านได้มีเวลาที่จะประมวล
00:06:17 → 00:06:21 ผลอะไรต่างๆได้อย่างดีมากขึ้นนะคะส่วนข้อ
00:06:21 → 00:06:25 3 ก็คือพูดเสียงดังขึ้นได้แต่อย่าตะโกน
00:06:25 → 00:06:28 และได้ถ้าเนี่ยที่อยู่ที่บ้านเนี่ยคุณพ่อ
00:06:28 → 00:06:31 คุณแม่ก็จะหันนำเธอตะโกนใส่ฉันทำไมเพราะ
00:06:31 → 00:06:35 การที่เราตะโกนใส่ผู้สูงอายุเนี่ยนอกจาก
00:06:35 → 00:06:37 จะทำให้ท่านเนี่ยรู้สึกว่าโมทำไมอยู่ดี
00:06:37 → 00:06:40 รู้มาตะโกนใส่เราแล้วเนี่ยก็ไม่ได้ทำให้
00:06:40 → 00:06:43 การจับใจความเนี่ยทำได้ดีขึ้นเลยเพราะการ
00:06:43 → 00:06:46 ที่เราตะโกนเนี่ยทำให้เสียงที่เราเปล่ง
00:06:46 → 00:06:49 ออกไปเนี่ยความถี่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมทำ
00:06:49 → 00:06:51 ให้การจับใจความจริงทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม
00:06:51 → 00:06:53 อีกนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่หมอแนะนำ
00:06:53 → 00:06:55 ส่วนใหญ่ก็คือพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น
00:06:55 → 00:07:00 นิดนึงแต่จังหวะที่ช้าลงและลดเสียงมีทาง
00:07:00 → 00:07:02 ให้ได้มากที่สุดอันนี้เนี่ยก็จะเป็นอัน
00:07:02 → 00:07:05 ที่ค่อนข้างที่จะทำให้การสื่อสารกับผู้
00:07:05 → 00:07:06 สูงอยู่ที่บ้านของเราเนี่ยทำอย่างมี
00:07:06 → 00:07:08 ประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะอันนี้คือในกรณี
00:07:09 → 00:07:11 ที่เราอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่ในกรณี
00:07:11 → 00:07:13 ที่เราไม่ได้อยู่บ้านกับผู้สูงอายุล่ะ
00:07:13 → 00:07:15 สมุดว่าเพิ่งเข้าคุณแม่ของเราอยู่ที่ต่าง
00:07:15 → 00:07:18 จังหวัดจะต้องทำยังไงในการที่จะคอย
00:07:18 → 00:07:20 กระตุ้นคอยสื่อสารกับทางอยู่ตลอดเวลาให้
00:07:21 → 00:07:23 ท่านได้มีเสียงเข้ามาในหูได้รับกระตุ้น
00:07:23 → 00:07:25 สมองอยู่ตลอดเวลาอาจจะใช้ผ่านทางโทรศัพท์
00:07:25 → 00:07:28 เตียงที่หมอบอกไปตอนแรกค่ะการผ่านทาง
00:07:28 → 00:07:30 โทรศัพท์เนี่ยค่อนข้างทำได้ยากมากในผู้
00:07:30 → 00:07:33 สูงอายุเพราะว่าเสียงที่ออกมาเมื่อผ่าน
00:07:33 → 00:07:35 หน้ากากเนี่ยก็จะผู้พี่ไประดับหนึ่งแล้ว
00:07:35 → 00:07:38 เมื่อผ่านสายสัญญาณโทรศัพท์เนี่ยเสียงก็
00:07:38 → 00:07:42 จะถูกทำให้มีการจับทอนความถี่ต่างๆไปทำ
00:07:42 → 00:07:44 ให้การจับใจความของการได้ยินของผู้ฟังที่
00:07:44 → 00:07:47 ปลายทางเนี่ยทำได้ข้างๆยากเพราะฉะนั้น
00:07:47 → 00:07:49 เนี่ยการสื่อสารตรงจุดนี้ก็คล้ายๆกันค่ะ
00:07:49 → 00:07:51 ก่อนที่เราจะโทรกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่
00:07:51 → 00:07:53 ต่างจังหวัดเราก็ปิดเสียงในห้องของเรา
00:07:53 → 00:07:56 ก่อนไม่ว่าจะเป็นเพียงเริ่มตรีเสียงทีวี
00:07:56 → 00:07:59 เสียงอะไรต่างๆพยายามทำห้องให้เงียบลงนะ
00:07:59 → 00:08:03 คะมี 2 กะโทรไปเนี่ยพูดให้จังหวะช้าลงนิด
00:08:03 → 00:08:06 นึงถ้ามาพูดเร็วมากเนี่ยจะทำให้ท่านจับใจ
00:08:06 → 00:08:09 ความไม่ทันไหมบางที่ถ้าเราคุยแล้วเนี่ย
00:08:09 → 00:08:12 ถ้าไม่เข้าใจว่าเรากำลังพูดว่าอะไรอาจจะ
00:08:12 → 00:08:16 ใช้วิธีการปรับเปลี่ยนคำที่จะพูดอย่าง
00:08:16 → 00:08:19 เช่นถ้าเราถามว่าคุณแม่เมื่อเช้านี้ทำ
00:08:19 → 00:08:22 อะไรคะคุณแม่ฟังไม่เข้าใจแล้วอาจจะ
00:08:22 → 00:08:25 เปลี่ยนใหม่เป็นเมื่อเช้าคุณแม่ได้ไปปลูก
00:08:25 → 00:08:28 ต้นไม้หรือเปล่าคะชอบหรือเปล่าอะไรนะคะใน
00:08:28 → 00:08:30 ลักษณะนี้เนี่ยก็จะเป็นการที่เมื่อ
00:08:30 → 00:08:33 เปลี่ยนแปลงคำพูดออกไปพูดจังหวะให้ช้าลง
00:08:33 → 00:08:36 นิดนึงทำให้ท่าเนี่ยสามารถที่จะจับใจความ
00:08:36 → 00:08:38 ได้ท่านจะได้สื่อสารกับเราได้มากขึ้น
00:08:38 → 00:08:41 สำคัญสุดก็คืออย่ารู้สึกหงุดหงิดหรือว่า
00:08:41 → 00:08:45 โมโหหลายท่านเนี่ยโทรไปก็ไม่ฟังคุยไม่รู้
00:08:45 → 00:08:47 เรื่องแล้วไม่คุยล่ะหงุดหงิดระวังโหดี
00:08:47 → 00:08:51 กว่าลักษณะนี้นะคะจะยิ่งทำให้ผู้ที่มี
00:08:51 → 00:08:53 ปัญหาการได้ยินเนี่ยที่อยู่ที่ปลายทาง
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยรู้สึกว่าเราทำให้เขาจะต้องลำบาก
00:08:56 → 00:08:58 หรือเปล่านั้นวันหลังไม่โทรมาแล้วดีกว่า
00:08:58 → 00:09:01 เราเขาก็จะแยกตัวออกขอรับเงินคืนซึ่งจุด
00:09:01 → 00:09:03 นี้ไม่ดีเลยเราต้องการที่จะเน้นให้ได้มี
00:09:03 → 00:09:06 การสื่อสารการกระตุ้นสมองของท่านนะคะถ้า
00:09:06 → 00:09:08 เกิดไม่โทรละเราไม่โทรล่ะเราหงุดหงิด
00:09:08 → 00:09:10 อย่างเงี้ยหรือว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต่าง
00:09:10 → 00:09:12 จังหวัดก็ไม่กล้าโทรมาแล้วเพราะว่าเราจะ
00:09:12 → 00:09:14 หงุดหงิดใส่ตรงนี้หักอาจจะทำให้เกิดปัญหา
00:09:14 → 00:09:16 ในระยะยาวได้นะคะเพราะว่าเนี่ยก็เย็นนิด
00:09:16 → 00:09:19 นึงขอให้เข้าใจด้วยว่าในช่วงนี้ครับเป็น
00:09:19 → 00:09:22 ช่วงที่ยากลำบากจริงๆสำหรับทุกๆท่านเลยใน
00:09:22 → 00:09:24 แง่ที่ว่าสื่อสารก็ลำบากอยู่แล้วบางคน
00:09:24 → 00:09:26 เก็บตัวอยู่ที่บ้านคนเดียวไม่ได้พูดคุย
00:09:26 → 00:09:28 ไม่ได้สื่อสารกับใครเลยเพราะว่าไม่กล้า
00:09:28 → 00:09:31 ออกไปข้างนอกอยู่แล้วเนี่ยการที่เราคอย
00:09:31 → 00:09:33 โทรศัพท์จากลูกหลานที่จะโทรมาคุยกับเรา
00:09:33 → 00:09:36 เนี่ยทำให้วันของเขาเนี่ยสงสัยช่วงมาได้
00:09:36 → 00:09:40 ค่ะหากก็สำหรับท่านผู้สูงอายุนะคะที่ดู
00:09:40 → 00:09:42 รายการอยู่ทางบ้านนะคะถ้าเกิดว่าเราเริ่ม
00:09:42 → 00:09:45 สงสัยแล้วว่าเรามีปัญหาเหล่านี้ว่าช่วง
00:09:45 → 00:09:47 นี้พูดคุยกับใครไม่ค่อยเข้าใจเลยก่อนอื่น
00:09:47 → 00:09:51 เลยคืออย่าคิดว่ามีเราเป็นปัญหาคนเดียวนะ
00:09:51 → 00:09:54 คะจริงๆแล้วเนี่ยภาวะนี้พบได้บ่อยมากผู้
00:09:54 → 00:09:57 สูงอายุเกินครึ่งเลยค่ะในช่วงที่มีการ
00:09:57 → 00:10:00 เว้นระยะห่างทางสังคมเนี่ยที่มีปัญหาสิ่ง
00:10:00 → 00:10:02 ที่เราประสบเพราะฉะนั้นเนี่ยเราได้ประสบ
00:10:02 → 00:10:04 ปัญหานี้อยู่คนเดียวเราไม่ต้องคิดว่าเรา
00:10:04 → 00:10:07 จะมีฉันเป็นปัญหานี้อยู่คนเดียวหรือเปล่า
00:10:07 → 00:10:11 ถ้าเกิดว่าเราสื่อสารไม่เข้าใจใจเย็นๆ
00:10:11 → 00:10:14 ค่อยๆอธิบายให้คนที่คุยกับเราฟังว่าโอเค
00:10:14 → 00:10:17 ตอนนี้เนี่ยขอโทษนะเรามีปัญหาทางด้านการ
00:10:17 → 00:10:20 ได้ยินอาจจะพูดให้ช้าลงนิดนึงได้ไหมอย่าง
00:10:20 → 00:10:24 นี้ค่ะดีกว่าเราปล่อยผ่านไปแล้วก็คิดว่า
00:10:24 → 00:10:27 โอ้งั้นก็ไม่ต้องคุยกับใครดีกว่างคิดแบบ
00:10:27 → 00:10:29 นี้เนี่ยจึงทำให้สมองของเราเนี่ยเสื่อม
00:10:29 → 00:10:31 ถอยลงทุกวันทุกวันทุกวันอย่างนี้ค่ะอ่ะ
00:10:31 → 00:10:33 อาจจะทำให้ค่อนข้างยากและถ้าเราจะเริ่ม
00:10:33 → 00:10:35 กลับมาสื่อสารกับผู้คนอื่นๆเพราะว่าสมอง
00:10:35 → 00:10:38 เนี่ยขาดการกระตุ้นการได้ยินมาตลอดทุกๆ
00:10:38 → 00:10:41 วันเป็นเวลานานนะคะ
00:10:41 → 00:10:45 ถ้าสำหรับวิธีการดูแลสุขภาพหูของเรานะคะ
00:10:45 → 00:10:47 ป้องกันไม่ให้มีสุขภาพหูเสื่อมก่อนวัยอัน
00:10:47 → 00:10:51 ควรนะคะก็ทำได้อย่างเช่นว่าหนึ่งเลยก็คือ
00:10:51 → 00:10:55 เราเน้นที่จะป้องกันการนำพาตัวเองเนี่ยไป
00:10:55 → 00:10:57 สู่การภาวะที่ได้ยินเสียงดังอย่างในช่วง
00:10:57 → 00:11:00 นี้บางคนอาจจะเปิดเพลงช่วงทีวีเสียงดัง
00:11:01 → 00:11:03 เลยใส่หูฟังการที่จะเสียงดังเป็นระยะเวลา
00:11:03 → 00:11:06 นานแบบนี้นะคะก็จะทำให้ประสาทหูเนี่ย
00:11:06 → 00:11:09 เสื่อมเร็วก่อนวัยอันควรได้บางคนเนี่ย 3
00:11:10 → 00:11:12 40 ช่วงนี้หาหมอก็เจอเราว่าโอ้เริ่มมี
00:11:12 → 00:11:15 ปัญหาการได้ยินแล้วเพราะว่าเจอเสียงดัง
00:11:15 → 00:11:18 มากๆเป็นระยะเวลานานอาการที่ว่าหูเสื่อม
00:11:18 → 00:11:20 ก่อนวัยอันควรเนี่ยต้องจุดเนี่ยเป็นจุด
00:11:20 → 00:11:22 ที่เราเนี่ยสามารถที่จะทำได้ง่ายเลยเรา
00:11:22 → 00:11:24 เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เลยที่ตัวของเราเอง
00:11:24 → 00:11:27 เพื่อป้องกันระดับการดิ้นของเราให้ดีตลอด
00:11:27 → 00:11:30 ไปค่ะ
00:11:30 → 00:11:33 5 สำหรับท่านไหนนะคะที่เริ่มคิดว่าเรา
00:11:33 → 00:11:35 น่าจะมีปัญหาการได้ยินแล้วล่ะเพราะว่า
00:11:35 → 00:11:38 เพราะช่วงนี้ปุ๊บทุกคนใส่หน้ากากเว้นระยะ
00:11:38 → 00:11:40 ห่างทางสังคมและมีปัญหาการสื่อสารและไม่
00:11:40 → 00:11:43 แน่ใจเรามีปัญหาการได้ยินไหมหรืออาจจะมี
00:11:43 → 00:11:46 ผู้สูงอายุเริ่มจะแสดงอาการเหล่านี้เริ่ม
00:11:46 → 00:11:48 จะมีปัญหาการสื่อสารในช่วงนี้แล้วนะคะก็
00:11:48 → 00:11:51 สามารถที่จะติดต่อสอบถามได้นะคะที่ฝ่าย
00:11:51 → 00:11:55 โสตศอนาสิกอาคารภปรชั้น 10 โรงพยาบาล
00:11:55 → 00:12:00 จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทยค่ะอ่ะและก็ได้รับ
00:12:00 → 00:12:02 คำแนะนำที่น่าสนใจและมีประโยชน์จากแพทย์
00:12:02 → 00:12:04 ผู้เชี่ยวชาญกันไปแล้วนะครับท่านผู้ชมก็
00:12:04 → 00:12:06 จะลืมมันตรวจเช็คประสิทธิภาพในการได้ยิน
00:12:06 → 00:12:08 และคำแนะนำจากแพทย์ปรับใช้กันดูนะครับ
00:12:08 → 00:12:11 เพื่อที่เราจะได้สื่อสารกับคนรอบข้าง
00:12:11 → 00:12:13 อย่างเข้าใจและได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
00:12:13 → 00:12:14 ด้วยครับ
00:12:14 → 00:12:16 [เพลง]
00:12:16 → 00:12:19 ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
00:12:19 → 00:12:30 สภากาชาดไทย
00:12:30 → 00:12:33 ม.ค
00:00:00 → 00:00:03 อยู่ในสภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิชในทีม
00:00:03 → 00:00:05 ทำให้เกิดการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอด
00:00:05 → 00:00:07 ภัยของตัวเราและผู้คนรอบข้างหรือที่เรา
00:00:07 → 00:00:10 รู้จักกันคือ Social issues and sing
00:00:10 → 00:00:12 นอกจากการเว้นระยะห่างหรือ Social
00:00:12 → 00:00:14 Distance ซิ่งแล้วเรายังต้องใส่หน้ากาก
00:00:14 → 00:00:17 อนามัยตลอดเวลาเพื่อลดการติดเชื้อและป้อง
00:00:17 → 00:00:19 กันเชื้อโรคสู่กันและกันทำให้การสื่อสาร
00:00:19 → 00:00:22 ระหว่างบุคคลพบเจออุปสรรคและมีปัญหาอยู่
00:00:22 → 00:00:24 บาง 1 กลุ่มที่พบปัญหาในการสื่อสารในช่วง
00:00:24 → 00:00:27 โซเชียลเซนซิ่งนั่นก็คือกลุ่มผู้สูงอายุ
00:00:27 → 00:00:30 นั่นเองในวันนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญก็จะมาให้
00:00:30 → 00:00:32 คำแนะนำผู้สูงอายุกับการสื่อสารในช่วง
00:00:32 → 00:00:35 โซเชียลด้วย Shenzhen ครับสำหรับการที่
00:00:35 → 00:00:38 ป้อนคนนึงเนี่ยจะได้ยินเสียงสื่อสารกับคน
00:00:38 → 00:00:41 อื่นได้นะคะหลักๆเลยก็คือเสียงเนี่ยจะ
00:00:41 → 00:00:43 ต้องเข้าไปสู่หูอย่างชัดเจนก่อนนะคะด้วย
00:00:43 → 00:00:46 สีสมมุติว่ามีคนมาคุยกับเราเนี่ยนะคะ
00:00:46 → 00:00:49 เสียงเนี่ยก็จะเข้าผ่านช่องรูหูนะคะผ่าน
00:00:49 → 00:00:53 ตัวหูเนี่ยเข้ามาถึงช่องในรูหูแล้วก็ผ่าน
00:00:53 → 00:00:57 เยื่อแก้วหูชั้นกลางและก็เข้ามาที่หูชั้น
00:00:57 → 00:01:00 ในเพื่อแปลงสัญญาณของเสียงเนี่ยนี่เป็น
00:01:00 → 00:01:03 สัญญาณกษาปณ์ประสาทนำกระแสประสาทเนี่ย
00:01:03 → 00:01:06 ขึ้นสู่บริเวณสมองสมองเนี่ยจะรับแลผลการ
00:01:06 → 00:01:09 ที่ต่างๆตรงนี้เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆแล้ว
00:01:09 → 00:01:11 เนี่ยถ้าเกิดเราดูให้ดีเนี่ยก็จะเห็นว่า
00:01:11 → 00:01:14 หูเนี่ยนะคะจริงเป็นช่องทางที่จะนำพา
00:01:14 → 00:01:17 เสียงการกระตุ้นจากภายนอกเนี่ยเข้ามาสู่
00:01:17 → 00:01:20 การรับรู้การแปลผลเพื่อการสื่อสารที่มี
00:01:20 → 00:01:22 ประสิทธิภาพเนี่ยที่ในบริเวณของสมองจุด
00:01:22 → 00:01:25 นี้นะคะ
00:01:25 → 00:01:28 [เพลง]
00:01:28 → 00:01:31 สำหรับในช่วงนี้นะคะก็คือเป็นช่วงที่เรา
00:01:31 → 00:01:34 เนี่ยต้องเว้นระยะห่างทางสังคมมีโซเชียล
00:01:34 → 00:01:37 ดิสสันซิ่งการเพราะฉะนั้นเนี่ยได้หลายคน
00:01:37 → 00:01:39 เนี่ยจะมีปัญหาในการสื่อสารค่อนข้างมาก
00:01:39 → 00:01:42 โดยเฉพาะอย่างในกลุ่มผู้สูงอายุหรือแม้
00:01:42 → 00:01:44 แต่ในคนที่อาจยังไม่สูงอายุแต่ว่ามีปัญหา
00:01:44 → 00:01:47 การได้ยินอยู่เดิมอยู่แล้วแต่ว่าไม่มาก
00:01:47 → 00:01:49 เนี่ยเมื่อเข้าสู่ยุคต้องเว้นระยะห่างทาง
00:01:49 → 00:01:51 สังคมเนี่ยปัญหาการได้ยินการสื่อสารเนี่ย
00:01:51 → 00:01:53 จะเพิ่มมากขึ้นได้ค่อนข้างมากเพราะว่า
00:01:53 → 00:01:56 จริงๆแล้วเนี่ยการที่เราจะสื่อสารกันได้
00:01:56 → 00:01:59 เนี่ยหนึ่งเลยก็คือเราจะต้องได้ยินอย่าง
00:01:59 → 00:02:02 ชัดเจนก่อนอันนี้ในกรณีที่ทุกๆคนเนี่ยใส่
00:02:02 → 00:02:05 หน้ากากแล้วก็จะต้องเว้นระยะห่างอีกเนี่ย
00:02:05 → 00:02:08 การใส่หน้ากากนี้นะคะก็จะบดบังเสียงในบาง
00:02:08 → 00:02:11 ความถี่ให้ไม่สามารถที่จะนำเสียงเอาไป
00:02:11 → 00:02:14 อย่างชัดเจน 5 ปกติอยู่แล้วสองคือเราจะ
00:02:14 → 00:02:16 ต้องเว้นระยะห่างทางสังคมและเมื่อระยะ
00:02:16 → 00:02:18 ห่างเหล้าห่างกันประมาณเมตรครึ่งถึง 2
00:02:18 → 00:02:21 เมตรเนี่ยก็จะทำให้เสียงที่นำพาไปที่ผ่าน
00:02:21 → 00:02:23 หน้ากากที่ไม่ค่อยชัดอยู่แล้วเนี่ยก็จะ
00:02:23 → 00:02:26 เดินทางผ่านไป 2 เมตรเนี่ยก็ทำให้เสียงจะ
00:02:26 → 00:02:30 ไปถึงหูของผู้รับเนี่ยก็ถูกลดทอนในงานของ
00:02:30 → 00:02:32 ความดังนี้ของคุณภาพเสียงลงไปอีกขั้น
00:02:32 → 00:02:36 หนึ่งแล้วก็ 3 คือการสื่อสารเนี่ยถ้าเกิด
00:02:36 → 00:02:38 ว่าจะสื่อสารให้ได้ชัดเจนดีมากที่สุด
00:02:38 → 00:02:40 เนี่ยนอกจากจะได้ยินทางหูแล้วเนี่ยเราจะ
00:02:41 → 00:02:44 ต้องมีการมองสีหน้าของคนพูดมีการอ่านริม
00:02:44 → 00:02:47 ฝีปากเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อทุกคนใส่หน้า
00:02:47 → 00:02:50 กากและอยู่ห่างกันก็จะทำให้การอ่านริมฝี
00:02:50 → 00:02:53 ปากการมองหน้าคู่สนทนาการที่เราจะสบตาการ
00:02:53 → 00:02:56 ลายต่างๆเนี่ยทำได้ยากขึ้นเดี๋ยวมาแต่คน
00:02:56 → 00:02:58 ที่มีปัญหาการที่อยู่เดิมเลยค่ะอย่างเล่า
00:02:58 → 00:03:01 กันเองที่จริงๆหรือไม่ก็หาการปกติเนี่ย
00:03:01 → 00:03:03 ไม่ได้มีปัญหาการได้ยินอะไรอยู่เดิมเนี่ย
00:03:03 → 00:03:06 แต่พอเข้าอยู่ในยุคที่จะต้องมีการเว้น
00:03:06 → 00:03:09 ระยะห่างทางสังคมทุกคนใส่หน้ากากแล้ว
00:03:09 → 00:03:10 เนี่ยหลายๆท่านเนี่ยอาจจะเริ่มรู้สึกแล้ว
00:03:10 → 00:03:13 ว่าเอ๊ะทำไมเราเนี่ยมีปัญหาเหมือนเวลาใคร
00:03:13 → 00:03:16 คุยหรืออะไรต่างๆจะจับใจความได้ผิดหรือ
00:03:16 → 00:03:18 ว่าอาจจะไม่ได้ยินหรือว่ามีปัญหาในการ
00:03:18 → 00:03:20 สื่อสารได้ค่ะสำหรับในกลุ่มผู้สูงอายุ
00:03:20 → 00:03:23 เนี่ยนะคะปัญหาเหล่านี้อย่างที่บอกไปว่า
00:03:23 → 00:03:25 เขาเริ่มมีปัญหาการที่อยู่เดิมแล้วแต่ว่า
00:03:25 → 00:03:27 ต่างจะไม่ได้ชัดเจนเพราะว่าลูกหลานก็มัก
00:03:27 → 00:03:30 จะเข้ามาใกล้ๆมาตะโกนใส่หูได้แต่เดี๋ยว
00:03:30 → 00:03:31 นี้ก็ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วทั้งนั้นเนี่ย
00:03:31 → 00:03:33 ปัญหาเหล่านี้ในผู้สูงอายุจะยิ่งเพิ่ม
00:03:33 → 00:03:37 ขึ้นเป็นเข้าทวีคูณในช่วงยุคตอนนี้ที่นี้
00:03:37 → 00:03:39 ปกติแล้วเนี่ยแต่เกาะเนี่ยอะไรๆคนก็จะคิด
00:03:39 → 00:03:42 ว่าไม่เป็นไรหรอกเมื่อเราอายุมากขึ้น
00:03:42 → 00:03:44 เนี่ยหูเนี่ยก็จะต้องตึงเป็นธรรมดาแต่ว่า
00:03:44 → 00:03:47 จริงๆแล้วเนี่ยในงานวิจัยช่วงหลังนะคะก็
00:03:47 → 00:03:49 ได้ค้นพบแล้วว่าการที่เราเนี่ยมีปัญหา
00:03:49 → 00:03:52 ด้านการได้ยินการสื่อสารเนี่ยสิ่งนี้นะคะ
00:03:52 → 00:03:55 เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดเลยที่ป้องกันได้
00:03:55 → 00:03:58 ของการที่จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมซึ่ง
00:03:58 → 00:04:01 ถ้าสะมุดลองเทียบเตือนฉันว่าให้คุณแม่ของ
00:04:01 → 00:04:05 เรามีปัญหาหูเสื่อมกับเพื่อนของคุณแม่ที่
00:04:05 → 00:04:07 ไม่มีปัญหาหูเสื่อมเนี่ยมันว่าของเรา
00:04:07 → 00:04:09 เนี่ยมีโอกาสเป็นสมองเสื่อมมากกว่าเพื่อน
00:04:09 → 00:04:12 ของท่านเนี่ยถึง 2 เท่าเลยทีเดียวจากการ
00:04:12 → 00:04:14 ที่หาดการกระตุ้นอะไรต่างๆเราก็จะต้องดู
00:04:14 → 00:04:17 แล้วว่าเอ๋อย่างนี้เราจะสามารถป้องกันจน
00:04:17 → 00:04:19 ลดความเสี่ยงตรงนี้ได้นะดีที่สุดเลยก็คือ
00:04:19 → 00:04:23 นำพาผู้สูงอายุที่บ้านของเราคนที่เรารับ
00:04:23 → 00:04:25 ยามาตรวจประเมินระดับการได้ยินเมื่อตรวจ
00:04:25 → 00:04:27 ประเมินเสร็จปุ๊บทั้งก็จะได้รับการรักษา
00:04:27 → 00:04:31 ได้รับอุปกรณ์ที่จะมาช่วยขยายเสียงเพื่อ
00:04:31 → 00:04:34 ให้ตอบมาได้ยินชัดเจนเท่าเพื่อนๆเนี่ยค่ะ
00:04:34 → 00:04:39 ซึ่งความเสี่ยงตรงนี้ก็จะได้หายไป
00:04:39 → 00:04:42 สำหรับในช่วงนี้นะคะถ้าเกิดว่าเรายังไม่
00:04:42 → 00:04:44 สามารถนำผู้สูงอายุมาตรวจประเมินรับการ
00:04:44 → 00:04:46 ได้ยินแล้วกันรักษาหรือเครื่องช่วยฟังได้
00:04:46 → 00:04:48 เนี่ยสิ่งที่เราจะช่วยท่านได้ง่ายเลยก็
00:04:48 → 00:04:50 คือเริ่มจากที่บ้านของเราเลยค่ะวิธีการ
00:04:50 → 00:04:53 เราคือเน้นพูดคุยกับทางเยอะๆที่นี้เนี่ย
00:04:53 → 00:04:56 การพูดคุยถ้าสมมติเราจะต้องใส่หน้ากากเรา
00:04:56 → 00:04:58 จะต้องเว้นระยะห่างเนี่ยอย่างหน้ากากแบบ
00:04:58 → 00:05:01 ใสลักษณะอยู่ที่อ่าใส่อยู่นะครับเป็นการ
00:05:01 → 00:05:04 ออกแบบมาโดยเฉพาะเลยสำหรับให้ผู้ที่มี
00:05:04 → 00:05:06 ปัญหาด้านการได้ยินการสื่อสารเนี่ยสามารถ
00:05:06 → 00:05:09 ที่จะอ่านริมฝีปากของเราได้แล้วก็จะสื่อ
00:05:09 → 00:05:12 สารได้ดีมากขึ้นในช่วงนี้นะคะแล้วก็ถ้า
00:05:12 → 00:05:14 สมมติว่าจะคุยกับคุณพ่อคุณแม่เนี่ยเริ่ม
00:05:14 → 00:05:17 แรกเลยเราปิดเสียงรบกวนในห้องลงกรไม่ว่า
00:05:17 → 00:05:20 จะเป็นเสียงดนตรีเสียงเพลงเสียงทีวีหรือ
00:05:20 → 00:05:22 บางทีเสียงเครื่องซักผ้าอุปกรณ์อะไรต่างๆ
00:05:22 → 00:05:25 ในบ้านของเราเนี่ยถ้ามีเสียงรบกวนรอบข้าง
00:05:25 → 00:05:29 ในห้องข้างสูงเนี่ยจะยิ่งทำให้การจับใจ
00:05:29 → 00:05:31 ความคำพูดของท่านผู้สูงอยู่เนี่ยทำได้ยาก
00:05:31 → 00:05:33 มากยิ่งขึ้นนะครับเพราะว่าแต่เดิมก็ฟัง
00:05:33 → 00:05:36 ไม่ค่อยชัดอยู่ละยิ่งเสียงรบกวนมากเนี่ย
00:05:36 → 00:05:38 จะทำให้ท่านจับใจความคำแล้วเนี่ยได้ยาก
00:05:38 → 00:05:41 ขึ้นไปอีกข้อ 2 นะคะหนักลดเสียงรบกวนต่าง
00:05:41 → 00:05:44 ๆแล้วเราควรที่จะพูดที่จังหวะช้าลงนิดนึง
00:05:44 → 00:05:46 เมื่อเราพูดคุยกับท่านผู้สูงอายุในบ้าน
00:05:47 → 00:05:49 ของเราแล้วที่มีปัญหาการได้ยินอยู่เดิม
00:05:49 → 00:05:51 เนี่ยเสี่ยงที่รับผ่านหูก็ไม่ค่อยชัดอยู่
00:05:51 → 00:05:53 แล้วเมื่อขึ้นไปถึงระดับสมองที่จะต้องปลา
00:05:53 → 00:05:56 ผลว่าเองคำนี้คือคำว่าอะไรนะประโยคนี้
00:05:56 → 00:05:59 ประโยคว่าอะไรนะแล้วเราจะตอบลูกกับไปยัง
00:05:59 → 00:06:01 ไงเนี่ยต้องนี้เนี่ยเงียบสมองเนี่ยก็จะ
00:06:01 → 00:06:05 ไม่สามารถที่จะแปลผลหรือว่าทำการประมวลผล
00:06:05 → 00:06:07 ต่างๆได้ฉับไวเหมือนสมัยตอนที่ยังเป็น
00:06:07 → 00:06:09 หนุ่มเป็นสาวอยู่เพราะฉะนั้นเนี่ยตรงนี้
00:06:09 → 00:06:12 เนื่องโดยต้องใช้เวลานานมากขึ้นนิดนึงของ
00:06:12 → 00:06:15 นั้นน่ะจะต้องพูดด้วยจังหวะที่ช้าลงหน่อย
00:06:15 → 00:06:17 นึงนะคะเพื่อให้ท่านได้มีเวลาที่จะประมวล
00:06:17 → 00:06:21 ผลอะไรต่างๆได้อย่างดีมากขึ้นนะคะส่วนข้อ
00:06:21 → 00:06:25 3 ก็คือพูดเสียงดังขึ้นได้แต่อย่าตะโกน
00:06:25 → 00:06:28 และได้ถ้าเนี่ยที่อยู่ที่บ้านเนี่ยคุณพ่อ
00:06:28 → 00:06:31 คุณแม่ก็จะหันนำเธอตะโกนใส่ฉันทำไมเพราะ
00:06:31 → 00:06:35 การที่เราตะโกนใส่ผู้สูงอายุเนี่ยนอกจาก
00:06:35 → 00:06:37 จะทำให้ท่านเนี่ยรู้สึกว่าโมทำไมอยู่ดี
00:06:37 → 00:06:40 รู้มาตะโกนใส่เราแล้วเนี่ยก็ไม่ได้ทำให้
00:06:40 → 00:06:43 การจับใจความเนี่ยทำได้ดีขึ้นเลยเพราะการ
00:06:43 → 00:06:46 ที่เราตะโกนเนี่ยทำให้เสียงที่เราเปล่ง
00:06:46 → 00:06:49 ออกไปเนี่ยความถี่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมทำ
00:06:49 → 00:06:51 ให้การจับใจความจริงทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม
00:06:51 → 00:06:53 อีกนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่หมอแนะนำ
00:06:53 → 00:06:55 ส่วนใหญ่ก็คือพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น
00:06:55 → 00:07:00 นิดนึงแต่จังหวะที่ช้าลงและลดเสียงมีทาง
00:07:00 → 00:07:02 ให้ได้มากที่สุดอันนี้เนี่ยก็จะเป็นอัน
00:07:02 → 00:07:05 ที่ค่อนข้างที่จะทำให้การสื่อสารกับผู้
00:07:05 → 00:07:06 สูงอยู่ที่บ้านของเราเนี่ยทำอย่างมี
00:07:06 → 00:07:08 ประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะอันนี้คือในกรณี
00:07:09 → 00:07:11 ที่เราอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่ในกรณี
00:07:11 → 00:07:13 ที่เราไม่ได้อยู่บ้านกับผู้สูงอายุล่ะ
00:07:13 → 00:07:15 สมุดว่าเพิ่งเข้าคุณแม่ของเราอยู่ที่ต่าง
00:07:15 → 00:07:18 จังหวัดจะต้องทำยังไงในการที่จะคอย
00:07:18 → 00:07:20 กระตุ้นคอยสื่อสารกับทางอยู่ตลอดเวลาให้
00:07:21 → 00:07:23 ท่านได้มีเสียงเข้ามาในหูได้รับกระตุ้น
00:07:23 → 00:07:25 สมองอยู่ตลอดเวลาอาจจะใช้ผ่านทางโทรศัพท์
00:07:25 → 00:07:28 เตียงที่หมอบอกไปตอนแรกค่ะการผ่านทาง
00:07:28 → 00:07:30 โทรศัพท์เนี่ยค่อนข้างทำได้ยากมากในผู้
00:07:30 → 00:07:33 สูงอายุเพราะว่าเสียงที่ออกมาเมื่อผ่าน
00:07:33 → 00:07:35 หน้ากากเนี่ยก็จะผู้พี่ไประดับหนึ่งแล้ว
00:07:35 → 00:07:38 เมื่อผ่านสายสัญญาณโทรศัพท์เนี่ยเสียงก็
00:07:38 → 00:07:42 จะถูกทำให้มีการจับทอนความถี่ต่างๆไปทำ
00:07:42 → 00:07:44 ให้การจับใจความของการได้ยินของผู้ฟังที่
00:07:44 → 00:07:47 ปลายทางเนี่ยทำได้ข้างๆยากเพราะฉะนั้น
00:07:47 → 00:07:49 เนี่ยการสื่อสารตรงจุดนี้ก็คล้ายๆกันค่ะ
00:07:49 → 00:07:51 ก่อนที่เราจะโทรกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่
00:07:51 → 00:07:53 ต่างจังหวัดเราก็ปิดเสียงในห้องของเรา
00:07:53 → 00:07:56 ก่อนไม่ว่าจะเป็นเพียงเริ่มตรีเสียงทีวี
00:07:56 → 00:07:59 เสียงอะไรต่างๆพยายามทำห้องให้เงียบลงนะ
00:07:59 → 00:08:03 คะมี 2 กะโทรไปเนี่ยพูดให้จังหวะช้าลงนิด
00:08:03 → 00:08:06 นึงถ้ามาพูดเร็วมากเนี่ยจะทำให้ท่านจับใจ
00:08:06 → 00:08:09 ความไม่ทันไหมบางที่ถ้าเราคุยแล้วเนี่ย
00:08:09 → 00:08:12 ถ้าไม่เข้าใจว่าเรากำลังพูดว่าอะไรอาจจะ
00:08:12 → 00:08:16 ใช้วิธีการปรับเปลี่ยนคำที่จะพูดอย่าง
00:08:16 → 00:08:19 เช่นถ้าเราถามว่าคุณแม่เมื่อเช้านี้ทำ
00:08:19 → 00:08:22 อะไรคะคุณแม่ฟังไม่เข้าใจแล้วอาจจะ
00:08:22 → 00:08:25 เปลี่ยนใหม่เป็นเมื่อเช้าคุณแม่ได้ไปปลูก
00:08:25 → 00:08:28 ต้นไม้หรือเปล่าคะชอบหรือเปล่าอะไรนะคะใน
00:08:28 → 00:08:30 ลักษณะนี้เนี่ยก็จะเป็นการที่เมื่อ
00:08:30 → 00:08:33 เปลี่ยนแปลงคำพูดออกไปพูดจังหวะให้ช้าลง
00:08:33 → 00:08:36 นิดนึงทำให้ท่าเนี่ยสามารถที่จะจับใจความ
00:08:36 → 00:08:38 ได้ท่านจะได้สื่อสารกับเราได้มากขึ้น
00:08:38 → 00:08:41 สำคัญสุดก็คืออย่ารู้สึกหงุดหงิดหรือว่า
00:08:41 → 00:08:45 โมโหหลายท่านเนี่ยโทรไปก็ไม่ฟังคุยไม่รู้
00:08:45 → 00:08:47 เรื่องแล้วไม่คุยล่ะหงุดหงิดระวังโหดี
00:08:47 → 00:08:51 กว่าลักษณะนี้นะคะจะยิ่งทำให้ผู้ที่มี
00:08:51 → 00:08:53 ปัญหาการได้ยินเนี่ยที่อยู่ที่ปลายทาง
00:08:53 → 00:08:56 เนี่ยรู้สึกว่าเราทำให้เขาจะต้องลำบาก
00:08:56 → 00:08:58 หรือเปล่านั้นวันหลังไม่โทรมาแล้วดีกว่า
00:08:58 → 00:09:01 เราเขาก็จะแยกตัวออกขอรับเงินคืนซึ่งจุด
00:09:01 → 00:09:03 นี้ไม่ดีเลยเราต้องการที่จะเน้นให้ได้มี
00:09:03 → 00:09:06 การสื่อสารการกระตุ้นสมองของท่านนะคะถ้า
00:09:06 → 00:09:08 เกิดไม่โทรละเราไม่โทรล่ะเราหงุดหงิด
00:09:08 → 00:09:10 อย่างเงี้ยหรือว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต่าง
00:09:10 → 00:09:12 จังหวัดก็ไม่กล้าโทรมาแล้วเพราะว่าเราจะ
00:09:12 → 00:09:14 หงุดหงิดใส่ตรงนี้หักอาจจะทำให้เกิดปัญหา
00:09:14 → 00:09:16 ในระยะยาวได้นะคะเพราะว่าเนี่ยก็เย็นนิด
00:09:16 → 00:09:19 นึงขอให้เข้าใจด้วยว่าในช่วงนี้ครับเป็น
00:09:19 → 00:09:22 ช่วงที่ยากลำบากจริงๆสำหรับทุกๆท่านเลยใน
00:09:22 → 00:09:24 แง่ที่ว่าสื่อสารก็ลำบากอยู่แล้วบางคน
00:09:24 → 00:09:26 เก็บตัวอยู่ที่บ้านคนเดียวไม่ได้พูดคุย
00:09:26 → 00:09:28 ไม่ได้สื่อสารกับใครเลยเพราะว่าไม่กล้า
00:09:28 → 00:09:31 ออกไปข้างนอกอยู่แล้วเนี่ยการที่เราคอย
00:09:31 → 00:09:33 โทรศัพท์จากลูกหลานที่จะโทรมาคุยกับเรา
00:09:33 → 00:09:36 เนี่ยทำให้วันของเขาเนี่ยสงสัยช่วงมาได้
00:09:36 → 00:09:40 ค่ะหากก็สำหรับท่านผู้สูงอายุนะคะที่ดู
00:09:40 → 00:09:42 รายการอยู่ทางบ้านนะคะถ้าเกิดว่าเราเริ่ม
00:09:42 → 00:09:45 สงสัยแล้วว่าเรามีปัญหาเหล่านี้ว่าช่วง
00:09:45 → 00:09:47 นี้พูดคุยกับใครไม่ค่อยเข้าใจเลยก่อนอื่น
00:09:47 → 00:09:51 เลยคืออย่าคิดว่ามีเราเป็นปัญหาคนเดียวนะ
00:09:51 → 00:09:54 คะจริงๆแล้วเนี่ยภาวะนี้พบได้บ่อยมากผู้
00:09:54 → 00:09:57 สูงอายุเกินครึ่งเลยค่ะในช่วงที่มีการ
00:09:57 → 00:10:00 เว้นระยะห่างทางสังคมเนี่ยที่มีปัญหาสิ่ง
00:10:00 → 00:10:02 ที่เราประสบเพราะฉะนั้นเนี่ยเราได้ประสบ
00:10:02 → 00:10:04 ปัญหานี้อยู่คนเดียวเราไม่ต้องคิดว่าเรา
00:10:04 → 00:10:07 จะมีฉันเป็นปัญหานี้อยู่คนเดียวหรือเปล่า
00:10:07 → 00:10:11 ถ้าเกิดว่าเราสื่อสารไม่เข้าใจใจเย็นๆ
00:10:11 → 00:10:14 ค่อยๆอธิบายให้คนที่คุยกับเราฟังว่าโอเค
00:10:14 → 00:10:17 ตอนนี้เนี่ยขอโทษนะเรามีปัญหาทางด้านการ
00:10:17 → 00:10:20 ได้ยินอาจจะพูดให้ช้าลงนิดนึงได้ไหมอย่าง
00:10:20 → 00:10:24 นี้ค่ะดีกว่าเราปล่อยผ่านไปแล้วก็คิดว่า
00:10:24 → 00:10:27 โอ้งั้นก็ไม่ต้องคุยกับใครดีกว่างคิดแบบ
00:10:27 → 00:10:29 นี้เนี่ยจึงทำให้สมองของเราเนี่ยเสื่อม
00:10:29 → 00:10:31 ถอยลงทุกวันทุกวันทุกวันอย่างนี้ค่ะอ่ะ
00:10:31 → 00:10:33 อาจจะทำให้ค่อนข้างยากและถ้าเราจะเริ่ม
00:10:33 → 00:10:35 กลับมาสื่อสารกับผู้คนอื่นๆเพราะว่าสมอง
00:10:35 → 00:10:38 เนี่ยขาดการกระตุ้นการได้ยินมาตลอดทุกๆ
00:10:38 → 00:10:41 วันเป็นเวลานานนะคะ
00:10:41 → 00:10:45 ถ้าสำหรับวิธีการดูแลสุขภาพหูของเรานะคะ
00:10:45 → 00:10:47 ป้องกันไม่ให้มีสุขภาพหูเสื่อมก่อนวัยอัน
00:10:47 → 00:10:51 ควรนะคะก็ทำได้อย่างเช่นว่าหนึ่งเลยก็คือ
00:10:51 → 00:10:55 เราเน้นที่จะป้องกันการนำพาตัวเองเนี่ยไป
00:10:55 → 00:10:57 สู่การภาวะที่ได้ยินเสียงดังอย่างในช่วง
00:10:57 → 00:11:00 นี้บางคนอาจจะเปิดเพลงช่วงทีวีเสียงดัง
00:11:01 → 00:11:03 เลยใส่หูฟังการที่จะเสียงดังเป็นระยะเวลา
00:11:03 → 00:11:06 นานแบบนี้นะคะก็จะทำให้ประสาทหูเนี่ย
00:11:06 → 00:11:09 เสื่อมเร็วก่อนวัยอันควรได้บางคนเนี่ย 3
00:11:10 → 00:11:12 40 ช่วงนี้หาหมอก็เจอเราว่าโอ้เริ่มมี
00:11:12 → 00:11:15 ปัญหาการได้ยินแล้วเพราะว่าเจอเสียงดัง
00:11:15 → 00:11:18 มากๆเป็นระยะเวลานานอาการที่ว่าหูเสื่อม
00:11:18 → 00:11:20 ก่อนวัยอันควรเนี่ยต้องจุดเนี่ยเป็นจุด
00:11:20 → 00:11:22 ที่เราเนี่ยสามารถที่จะทำได้ง่ายเลยเรา
00:11:22 → 00:11:24 เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เลยที่ตัวของเราเอง
00:11:24 → 00:11:27 เพื่อป้องกันระดับการดิ้นของเราให้ดีตลอด
00:11:27 → 00:11:30 ไปค่ะ
00:11:30 → 00:11:33 5 สำหรับท่านไหนนะคะที่เริ่มคิดว่าเรา
00:11:33 → 00:11:35 น่าจะมีปัญหาการได้ยินแล้วล่ะเพราะว่า
00:11:35 → 00:11:38 เพราะช่วงนี้ปุ๊บทุกคนใส่หน้ากากเว้นระยะ
00:11:38 → 00:11:40 ห่างทางสังคมและมีปัญหาการสื่อสารและไม่
00:11:40 → 00:11:43 แน่ใจเรามีปัญหาการได้ยินไหมหรืออาจจะมี
00:11:43 → 00:11:46 ผู้สูงอายุเริ่มจะแสดงอาการเหล่านี้เริ่ม
00:11:46 → 00:11:48 จะมีปัญหาการสื่อสารในช่วงนี้แล้วนะคะก็
00:11:48 → 00:11:51 สามารถที่จะติดต่อสอบถามได้นะคะที่ฝ่าย
00:11:51 → 00:11:55 โสตศอนาสิกอาคารภปรชั้น 10 โรงพยาบาล
00:11:55 → 00:12:00 จุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทยค่ะอ่ะและก็ได้รับ
00:12:00 → 00:12:02 คำแนะนำที่น่าสนใจและมีประโยชน์จากแพทย์
00:12:02 → 00:12:04 ผู้เชี่ยวชาญกันไปแล้วนะครับท่านผู้ชมก็
00:12:04 → 00:12:06 จะลืมมันตรวจเช็คประสิทธิภาพในการได้ยิน
00:12:06 → 00:12:08 และคำแนะนำจากแพทย์ปรับใช้กันดูนะครับ
00:12:08 → 00:12:11 เพื่อที่เราจะได้สื่อสารกับคนรอบข้าง
00:12:11 → 00:12:13 อย่างเข้าใจและได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง
00:12:13 → 00:12:14 ด้วยครับ
00:12:14 → 00:12:16 [เพลง]
00:12:16 → 00:12:19 ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
00:12:19 → 00:12:30 สภากาชาดไทย
00:12:30 → 00:12:33 ม.ค