ทำไมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลถึงสำคัญต่อสุขภาพของประชาชน

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ยา : Daily Health

จากช่อง : TNN


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:1600:00:24 สนับสนุนโดย 7-eleven แมป่วน

00:00:2400:00:28 สนุกหมอพิศลนะครับเป็นประธานคณะทำงาน

00:00:2800:00:31 สร้างความเข้มแข็งประชประชาชนด้านการใช้

00:00:3100:00:36 ยาอย่างสมเหตุผลย่อๆว่าสยสนะครับทำไมเรา

00:00:3600:00:39 ต้องให้ความสำคัญต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุ

00:00:3900:00:42 ผลองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการใช้

00:00:4200:00:45 ยาอย่างสมเหตุผลมากนะครับตอบว่าทำไมเพราะ

00:00:4500:00:48 องค์การอนามัยโลกเนี่ยได้บอกว่ามากกว่า

00:00:4800:00:51 ครึ่งนึงของการใช้ยาเป็นไปอย่างไม่สมเหตุ

00:00:5100:00:54 ผลคำว่าใช้ยาอย่างสมเหตุผลเนี่ยมาจากภาษา

00:00:5400:00:57 อังกฤษว่า rational drug use rational

00:00:5700:01:00 เนี่ยมันแปลว่าสมเหตุผลนะครับครับ drug

00:01:0000:01:03 use ก็คือใช้ยาอย่างสมเหตุผลนั่นเองใน

00:01:0300:01:06 ประเทศไทยในวงการแพทย์เนี่ยเราก็เรียกคำ

00:01:0600:01:10 เนี้ยติดปากเลยว่า rdu นะครับก็อยากจะเอา

00:01:1000:01:13 คำเนี้ยมาสู่ประชาชนด้วยว่า rdu เนี่ย

00:01:1300:01:15 เป็นคำในชีวิตประจำวันกันไปเลยก็แล้วกัน

00:01:1500:01:18 นะครับเนื่องจากว่าเวลาหมอพูดคว่าใช้ยา

00:01:1800:01:21 อย่างสมเหตผลน่ะมันยาวไงอ่ะก็ขอเอาศัพท์

00:01:2100:01:23 ฝรั่งมาใช้ซะหน่อยนะ rdu หรือยังเนี่ยใช้

00:01:2300:01:26 ยานี่ rdu หรือยังสมเหตุผลหรือยังประมาณ

00:01:2600:01:28 อย่างเงี้ยนะครับพฤติกรรมการใช้ยาอย่างสม

00:01:2800:01:30 เหตุผลก็คือว่าใช้ยาเมื่อจำเป็นเท่านั้น

00:01:3000:01:33 นะครับใช้ยาที่เรารู้อย่างแน่ชัดว่าเป็น

00:01:3300:01:37 ประโยชน์กับเราเพื่อไม่ไปแสวงหาพวกอาหาร

00:01:3700:01:40 เสริมสมุนไพรจิปาถะซึ่งไม่ได้มีหลักฐาน

00:01:4000:01:43 ทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันว่ามันเป็น

00:01:4300:01:46 ประโยชน์จริงต่อตัวเรานะครับแล้วก็ใช้ยา

00:01:4600:01:49 ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยจากการใช้ยาเสมอ

00:01:4900:01:53 โดยการรู้รู้อยู่แก่ใจว่ายาแทบทุกชนิดที่

00:01:5300:01:57 เราใช้อยู่เรียกว่ายาอันตรายมันก็อันตราย

00:01:5700:02:00 จริงๆดังนั้นต้องใช้ด้วยความรอบรู้ตามสม

00:02:0000:02:05 ควรนะครับแล้วก็ใช้ยาให้ถูกต้องตามฉลากยา

00:02:0500:02:08 ได้แก่กินยาด้วยปริมาณยาเท่าใดกินก่อน

00:02:0800:02:11 หรือหลังอาหารกินวันละกี่ครั้งกินยาไปนาน

00:02:1100:02:14 เท่าใดยาบางชนิดต้องใช้ตลอดชีวิตยาบาง

00:02:1400:02:18 ชนิดก็ใช้แล้วหยุดได้พวกเนี้ยก็อยู่ในคำ

00:02:1900:02:22 ถามของเราที่เราใช้ได้เสมอเมื่อเราไปพบ

00:02:2200:02:25 คุณหมอหรือไปที่ร้านขขยาเมื่อไปปรึกษากับ

00:02:2500:02:29 เภสัชกรนะครับถ้าเรามีพฤติกรรม rdu ใน

00:02:2900:02:31 ประชาชนทุกคนแล้วเนี่ยคนทุกคนก็จะมี

00:02:3100:02:35 สุขภาพที่ดีขึ้นใช้ยาได้เกิดประโยชน์จริง

00:02:3500:02:38 แล้วก็อันตรายที่เกิดขึ้นกับเราก็น้อยสุด

00:02:3800:02:42 ท้ายเลยค่าใช้จ่ายจะต่ำลงด้วยครับที่บอก

00:02:4200:02:45 ว่ากินยากันไว้ก่อนจะเป็นโรคกันได้จริง

00:02:4500:02:49 หรือไม่การกินยากันไว้ก่อนเนี่ยนะครับใน

00:02:4900:02:52 ทางการแพทย์จะมีน้อยกรณีมากเลยที่เราจะทำ

00:02:5200:02:55 เช่นนั้นนะครับหรือเรียกว่าการใช้ยากัน

00:02:5500:02:58 ไว้ก่อนเช่นยา

00:02:5800:03:02 ปฏิชาครมีดในคนไข้ที่ท้องมาใช่ไหมครับ

00:03:0200:03:04 แล้วเขาก็ทำสิ่งที่เรียกว่าซน section นะ

00:03:0400:03:07 ครับเอาเอาผ่าตัดแล้วก็เอาเด็กออกมาอัน

00:03:0700:03:09 นี้คุณหมอก็อาจจะฉีดยาปฏิชนะเพียง 1 เข็ม

00:03:0900:03:12 เท่านั้นล่วงหน้าก่อนที่จะนำเด็กออกหมาย

00:03:1200:03:15 ถึงก่อนที่จะกรีดมีดลงไปนั่นเองนะครับใน

00:03:1500:03:17 ทางการแพทย์เนี่ยจะมีวิธีการที่ใช้ยา

00:03:1700:03:20 เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียเนี่ย

00:03:2000:03:22 ไม่กี่กรณีเท่านั้นที่จะใส่ไว้ในตำราว่า

00:03:2200:03:25 กรณีนี้ควรใช้ส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้เลยเพราะ

00:03:2500:03:28 ว่าในชีวิตประจำวันเนี่ยการใช้ยาปฏิชนะนำ

00:03:2800:03:30 ไปก่อนเนี่ยไม่เคยเกิดประโยชน์ใดๆเลยเอา

00:03:3000:03:32 ยกตัวอย่างนะครับสมมุติว่าเราติดเชื้อ

00:03:3200:03:36 ไวรัสของทางเดินหายใจนะครับแล้วเราก็คิด

00:03:3600:03:39 เอาเองว่าเออมันอาจจะมีแบคทีเรียแทรกเข้า

00:03:3900:03:42 มาก็ได้นะเราก็บอกว่ารู้ๆว่าเป็นไวรัสแต่

00:03:4200:03:44 ขอกินยาปฏิชนะไว้ก่อนเพื่อกันการติด

00:03:4400:03:47 แบคทีเรียแทรกซ้อนอันนี้ขอตอบว่าไม่เกิด

00:03:4700:03:50 ประโยชน์ใดๆเลยนะครับไม่สามารถป้องกันการ

00:03:5000:03:53 ติดแบคทีเรียแทรกซ้อนได้เลยดังนั้นอย่า

00:03:5300:03:57 ใช้ประโยคนี้นะครับในการพยายามที่จะสั่ง

00:03:5700:04:00 ยาปฏิชุณหรือพยายามที่จะจะกินยา

00:04:0000:04:04 ปฏิชาครคชนแต่อย่างใดครับดังนั้นในเรื่อง

00:04:0400:04:08 ของการที่กินยากันไว้ก่อนเนี่ยแทบทุกกรณี

00:04:0800:04:10 เลยไม่เคยเกิดประโยชน์ใดๆถ้าจะเกิด

00:04:1000:04:12 ประโยชน์แปลว่าคุณหมอเป็นผู้สั่งให้เราทำ

00:04:1200:04:16 เท่านั้นนะครับอย่าทำเองเป็นอันขาดกินยา

00:04:1600:04:19 เยอะๆจะช่วยให้ยิ่งหายเร็วจริงหรือไม่กิน

00:04:1900:04:23 ยามันเยอะๆมันต้องได้ผลดีก็ถูกบ้างไม่ถูก

00:04:2300:04:27 บ้างนะครับคือยาเนี่ยถ้าเราใช้ในปริมาณ

00:04:2700:04:30 สูงฤทธิ์ของมันก็จะเพิ่มขึ้นแต่ลิติของ

00:04:3000:04:34 มันเนี่ยจะไปจำกัดที่ค่าค่าหนึยกตัวอย่าง

00:04:3400:04:37 เช่นนะครับพาราเซตามอลเนี่ยเมดนึง 500 มก

00:04:3700:04:40 เราจะกินเกิน 2 เมตคือ 1,000 มกรไม่ได้

00:04:4000:04:41 เลยนะ

00:04:4100:04:44 ครับเรารู้อยู่แล้วว่าพาราเซตามอลเรากิน

00:04:4400:04:48 ตามน้ำหนักตัวใช่มยคือ 10-15 มกรต่อน้ำ

00:04:4800:04:52 หนักตัว 1 กกรถ้าเราหนัก 50 กเอา 10 ไป

00:04:5200:04:55 คูณ 500 เอา 10 ไปคูณ 50 เนี่ยก็ได้ 500

00:04:5500:04:58 ก็ 1 เมตถูกต้องเลยหรือเอา 15 ไปคูณได้

00:04:5800:05:02 750 ก็แปลว่าเม็ดครึ่งดังนั้นใครที่หนัก

00:05:0200:05:05 แถวๆ 50 กลแล้วกินพาราเซตามอล 2 เม็ด

00:05:0500:05:08 เนี่ยกินเกินและถามว่าแล้วกินเกินแล้วมัน

00:05:0800:05:11 เดือดร้อนตรงไหนคำตอบก็คือกินเกินไม่ได้

00:05:1100:05:14 ช่วยให้ไข้ลดลงดีขึ้นและยังอาจจะเกิดพิษ

00:05:1400:05:18 ต่อตับด้วยดังนั้นค่าสูงสุดของยาเนี่ยจะ

00:05:1800:05:20 เป็นสิ่งที่หมอจะต้องจ้องมองอยู่เสมอว่า

00:05:2000:05:22 ยาตัวนี้ต้องไม่เกินเท่านั้นเท่านี้นะดัง

00:05:2200:05:25 นั้นประชาชนก็ต้องคิดตรงนี้ด้วยว่าเมื่อ

00:05:2500:05:27 หมอสัั่งมาเท่านี้เท่านี้เนี่ยเราก็ควรจะ

00:05:2700:05:30 ใช้ตามคำสั่งของหมออย่างเคร่งครัดโดย

00:05:3000:05:33 เฉพาะอย่างยิ่งยาบางชนิดเมื่อใช้มากขึ้น

00:05:3300:05:37 มากขึ้นผลมันจะตามไปเรื่อยๆเช่นยาลดน้ำ

00:05:3700:05:40 ตาลในเลือดเรากินเม็ดนึงมันก็ได้ผลที่ค่า

00:05:4000:05:43 ขั้นนึงใช่มั้ยเราดันกินไปหลายๆเม็ดน่ะ

00:05:4300:05:48 น้ำตาลก็ต่ำลงต่ำลงจนถึงจุดที่หมดสติได้

00:05:4800:05:51 ยาลดความดันเลือดกิน 1 เม็ดลดมา 10 มลม

00:05:5100:05:54 ปลอดอ้าเรากินหลายๆเม็ดมันโลดลงไปมากมาย

00:05:5400:05:57 เนี่ยเราก็หน้ามืดเป็นลมหมดสติอีกดังนั้น

00:05:5700:06:00 การใช้ยาจึงมีความสำคัญที่ว่าด้วยเรื่อง

00:06:0000:06:05 ขนาดยาใช้น้อยไปไม่ออกฤทธิ์ใช้มากไปเป็น

00:06:0500:06:09 พิษดังนั้นการตัดสินใจเรื่องขนาดยาพยายาม

00:06:0900:06:13 ไม่ตัดสินใจเองนะครับพยายามไม่ตัดสินใจ

00:06:1300:06:16 เองและปรึกษาคุณหมอคุณเพสก่อนเสมอหมาย

00:06:1700:06:19 ความว่าเราอาจจะมีความคิดในใจของเราอ่ะ

00:06:1900:06:22 ได้ว่ายานี้น้อยไปมากไปอ่ะได้แต่ควร

00:06:2200:06:26 ปรึกษาก่อนที่จะตัดสินใจไปเองครับถ้าลืม

00:06:2600:06:30 กินยาสามารถกินยารวบยอดได้หรือไม่แล้วถ้า

00:06:3000:06:32 เราลืมกินนยาเรามากินรวบยอดได้ไหมก็จะ

00:06:3200:06:36 กลับไปถึงเรื่องของขนาดยาถูกไหมมครับก็

00:06:3600:06:39 ต้องดูอย่างนี้ครับสมมุติว่าเรากินยาลด

00:06:3900:06:41 ความดันเลือดใช่ไหมมครับแล้วหมอเขาบอกว่า

00:06:4100:06:46 ให้กินวันละครั้งวันละ 1 เม็ดสมมุติว่า

00:06:4600:06:50 เราก็เคยกินปกติก็ 7:00 นนะถ้าเรามานึก

00:06:5000:06:52 ออกตอนสัก 10:00 นเนเนี่ยก็ไม่เป็นไรก็

00:06:5200:06:57 กินไปเลยแต่สมมุติว่าเรามานึกออกอีกทีนึง

00:06:5700:06:59 นะก็เรียกว่าตื่นนอนของอีกวันนึงนึงแล้ว

00:06:5900:07:02 อ่ะมันจะต้องกินยาเม็ดที่ของอีกวันนึง

00:07:0200:07:04 แล้วแล้วมันก็ชิดกันมากถ้าเรากินไปเลยตง

00:07:0400:07:07 เนี้ยก็จะเท่ากับเรากินยา 2 เม็ดในวัน

00:07:0700:07:11 นั้นความหมายก็คือว่าถ้าเราลืมแล้วระยะ

00:07:1100:07:14 เวลาที่เราลืมเนี่ยไม่นานจนเกินไปเราก็

00:07:1400:07:18 กินซ้ำกินไปเลยกินเม็ดที่เราลืมอ่ะกินได้

00:07:1800:07:22 แต่ถ้าเรามานึกออกตอนที่มันคิดกับยาโดส

00:07:2200:07:25 ถัดไปเนี่ยอันนี้ก็ไม่ควรทำเพราะมันจะ

00:07:2500:07:27 เท่ากับในมื้อนั้นน่ะเรากินยาเป็นดับเบิล

00:07:2800:07:31 ose ดับเบิลดสคือกิน 2 เท่านะครับยาบาง

00:07:3100:07:34 อย่างถ้ากินไป 2 เท่าเนี่ยจะเกิดปัญหาได้

00:07:3400:07:37 นะครับส่วนเรื่องของการกินยาที่ว่าก่อน

00:07:3700:07:40 หรือหลังอาหารเนี่ยข้อความรู้เป็นเช่นนี้

00:07:4000:07:44 นะครับคือยาบางชนิดถ้าหากเรากินขณะที่มี

00:07:4400:07:47 อาหารอยู่ในกระเพาะของเรานะครับการดูดซึม

00:07:4700:07:52 ยาจะลดลงดูดซึมลดลงหมายความว่าเรากินไป

00:07:5200:07:53 100 มิลกรัม

00:07:5300:07:57 ปกติเนี่ยมันก็จะดูดซึมไปใช้ได้จำนวนนึง

00:07:5700:07:59 ไม่ใช่ทั้งร้อยนะครับสมมติสมมุติว่าดูด

00:07:5900:08:04 ซึมไปใช้ได้สัก 70 ยาก็เข้าสู่ร่างกาย 70

00:08:0400:08:08 แต่ถ้ามีอาหารอยู่ด้วยอาจจะเข้าแค่ 50 นะ

00:08:0800:08:11 ครับก็เลยทำให้ผลของการออกฤทธิ์ของยานี้

00:08:1100:08:15 ไม่ดีพอก็ควรที่จะกินตามที่หมอบอกนั่น

00:08:1500:08:18 แหละคำว่าก่อนอาหารเนี่ยมีความหมายว่ากิน

00:08:1800:08:21 ขณะท้องว่างนั่นเองครับเพื่อไม่ให้ยาไป

00:08:2100:08:24 คลุกกับอาหารแล้วก็ทำให้การดูดซึมมันเสีย

00:08:2400:08:27 ไปนะครับเมื่อเราเข้าใจแล้วว่าก่อนอาหาร

00:08:2700:08:29 แปลลว่าท้องว่างเนี่ยเรากินหลังอาหารก็

00:08:2900:08:33 ได้นะแต่ต้องหลัง 2 ชั่วโมงเพราะหลัง 2

00:08:3300:08:35 ชั่วโมงเนี่ยอาหารมันผ่านไปหมดแล้วไงตอน

00:08:3500:08:37 นั้นก็เรียกว่าเรากินขนาดท้องว่างอันนี้

00:08:3700:08:40 ก็เลยเป็นข้อความรู้ที่ดีสำหรับประชาชนนะ

00:08:4000:08:43 ครับเพราะว่ายาก่อนอาหารเนี่ยลืมบ่อยมาก

00:08:4300:08:45 อันนี้อ้าแล้วยาที่เหมาะให้กินหลังอาหาร

00:08:4500:08:48 น่ะทำไมมันต้องกินหลังอาหารด้วยคำตอบก็

00:08:4800:08:51 คือว่าถ้าคุณกินยาเหล่าเนี้ยขณะท้องว่าง

00:08:5100:08:55 เช่นแสปนยาเอเสเอเสนะครับเช่นพอนสแตนเวลา

00:08:5500:08:59 ผู้หญิงเขาปวดประจำเดือนนะครับไอบูเฟนไดฟ

00:08:5900:09:02 ฟีกพวกเนี้ยเป็นเอ็นเสดเนี่ยมันรบกวน

00:09:0200:09:05 กระเพาะถ้าเรากินตอนท้องว่างเนี่ยเราก็จะ

00:09:0500:09:10 คลื่นไส้นะครับอาเจียนปวดท้องแสบท้อง

00:09:1000:09:13 อย่างนี้เป็นต้นดังนั้นเวลาเขาเขียนเนี่ย

00:09:1300:09:15 เขาจะเขียนอย่างนี้ด้วยนะกินหลังอาหารทัน

00:09:1500:09:18 ทีก็เพื่อว่าให้มันมีอาหารเยอะๆอยู่ใน

00:09:1800:09:22 ท้องแล้วก็กินยาเข้าไปก็จะได้รวบกวนทาง

00:09:2200:09:26 เดินอาหารน้อยลงอันนี้มันมียาอีกกลุ่มนึง

00:09:2600:09:29 นะอาหารไม่รบกวนการดูดซึม

00:09:2900:09:33 ยาไม่รบกวนกระเพาะก็แปลว่ากินตอนไหนก็ได้

00:09:3300:09:35 อยากกินตอนไหนก็กินอย่างพาราเซตามอลเนี่ย

00:09:3600:09:38 กินตอนไหนมันก็ดุดซึมเท่ากันกินไปแล้ว

00:09:3800:09:40 เนี่ยมีอาหารไม่มีอาหารมันก็ไม่ได้ทำให้

00:09:4000:09:43 เราแสบท้องปวดท้องแต่อย่างใดเลยดังนั้น

00:09:4300:09:45 ปวดหัวตอน 3:00 นเนี่ยก็กินพาราตอน 3:00

00:09:4500:09:47 นไม่ใช่ว่าต้องไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกิน

00:09:4700:09:50 ยางั้นจะมียาอีกกลุ่มนึงกินตอนไหนก็ได้นะ

00:09:5000:09:52 ครับเช่นยาลดความดันเลือดเนี่ยบางทีหมอ

00:09:5200:09:56 เวลาสั่งก็จะเขียนว่ากินเวลาเช้ากินตอน

00:09:5600:09:58 เช้าเพื่อว่าอ่ะบางคนเตั้งในกปลุกใช่มั้ย

00:09:5800:10:01 อ่ะตื่นมา 7:00 นกิน 8:00 นกินคือไม่ต้อง

00:10:0100:10:03 รอไปกินอาหารแล้วไงกินตอนไหนก็ได้อันนี้

00:10:0300:10:06 เขาก็จะบอกไว้เป็นยา 3 กลุ่มนะครับกิน

00:10:0600:10:08 ก่อนอาหารคือท่ว่างกินหลังอาหารคือมี

00:10:0800:10:11 อาหารแล้วในกระเพาะแล้วก็กินเวลาใดก็ได้

00:10:1100:10:14 นะครับเช่นยาปฏิชุณส่วนใหญ่ก็กินเวลาใดก็

00:10:1400:10:17 ได้หมายความว่าตั้งเวลาเลยทุก 8 ช่วโมง

00:10:1700:10:20 ทุก 6 ชั่วโมงก็กินไปตามนั้นแต่อันนี้ยา

00:10:2000:10:24 เป็นชื่อๆไม่เหมือนกันนะก็ต้องไปดูฉลากยา

00:10:2400:10:27 ดังนั้นจะสรุปตรงนี้ว่าขอให้ทุกคนอ่าน

00:10:2700:10:30 ฉลากยาที่แปะมาที่ซองยาให้ละเอียดนะครับ

00:10:3000:10:33 ดังนั้นซองยาเนี่ยมิใช่ว่าอ่านครั้งหนึ

00:10:3300:10:35 แล้วก็ไม่ต้องอ่านอีกเลยทุกครั้งที่ได้มา

00:10:3500:10:37 ก็อ่านอ่านทุกครั้งเลยครับเพราะว่ามันอาจ

00:10:3700:10:40 จะมีคำสั่งที่เปลี่ยนแปลงไปที่ฉลากยาด้วย

00:10:4000:10:46 นะ

00:10:4600:10:50 ครับ TNN Health เราจะรวบรวมความรู้ทาง

00:10:5000:10:53 ด้านสุขภาพจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

00:10:5300:10:56 พร้อมก่อติดความเคลื่อนไหวจากทุกประเด็น

00:10:5600:11:00 สุขภาพรอบโลกสะท้อนผ่านความคิดมุมมองของ

00:11:0100:11:03 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและองค์ความรู้ทางด้าน

00:11:0300:11:07 ต่างๆ TNN Health เข้าถึงทุการะสุขภาพ

00:11:0700:11:10 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน

00:11:1000:11:27 [เพลง]

00:11:2700:11:33 โรค

00:11:3300:11:43 [เพลง]

00:11:4300:11:46 T