00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่
00:00:03 → 00:00:06 แบบหลายคนสนใจมากๆเลยคือ Intermittent
00:00:06 → 00:00:10 fasting หรือเนี่ยแหละครับสวัสดีค่ะใช่
00:00:10 → 00:00:14 ค่ะเป็นหัวข้อที่ฮิตจริงๆนะคะครับเรามี
00:00:14 → 00:00:16 ข้อมูลชุดนึงที่ชื่อไขความลับ
00:00:16 → 00:00:18 Intermittent fasting มาดูกันแล้วก็มี
00:00:18 → 00:00:22 คำถามที่ผมว่าน่าคิดนะคือทำไมแค่เรา
00:00:22 → 00:00:25 เปลี่ยนเวลากินเนี่ยมันถึงส่งผลกับร่าง
00:00:25 → 00:00:28 กายได้เยอะขนาดนั้นทั้งที่บางทีอาจจะยัง
00:00:28 → 00:00:32 ไม่ได้คุมชนิดอาหารเป๊ะๆเลยด้วยซ้ำอืมน่า
00:00:32 → 00:00:35 สนใจค่ะเป้าหมายวันนี้ก็คืออยากจะมาทำ
00:00:35 → 00:00:38 ความเข้าใจกลไกทางวิทยาศาสตร์เบื้องหลัง
00:00:38 → 00:00:41 IF ตามที่ข้อมูลนี้เขาอธิบายไว้นะครับ
00:00:41 → 00:00:44 ได้เลยค่ะเริ่มง่ายๆก่อนเลยนะครับ IF
00:00:44 → 00:00:48 เนี่ยหลักๆที่คนพูดถึงกันบ่อยๆก็อย่าง 168
00:00:48 → 00:00:53 ค่ะอด 16 กิน 8 ใช่ครับคือมีช่วงอด 16
00:00:53 → 00:00:56 ชมงแล้วก็มีหน้าต่างให้กินได้ 8 ชมงคือ
00:00:56 → 00:00:59 เหมือนจะเน้นว่าเมื่อไหร่ที่เรากินมาก
00:00:59 → 00:01:01 กว่าแค่อะไรที่เรากินแต่เบื้องหลังการ
00:01:01 → 00:01:04 ปรับเวลาง่ายๆแค่นี้ร่างกายมันเกิดอะไร
00:01:04 → 00:01:06 ขึ้นบ้างครับตามข้อมูลที่เรามีจริงๆ
00:01:06 → 00:01:09 ประเด็นนี้น่าสนใจมากเลยค่ะจากข้อมูลที่
00:01:09 → 00:01:13 เรามีเนี่ยเขาอธิบายกลไกสำคัญๆไว้เอ่อน่า
00:01:13 → 00:01:16 จะสัก 3 อย่างหลักๆเลยนะคะที่ทำให้การอด
00:01:16 → 00:01:18 อาหารเป็นช่วงๆแบบเนี้ยมันส่งผลมากกว่า
00:01:18 → 00:01:21 แค่เรื่องนับแคลอรี่เฉยๆครับมีอะไรบ้าง
00:01:21 → 00:01:24 ครับอย่างแรกเลยนะคะคือเรื่องของอินซูลิน
00:01:24 → 00:01:27 ค่ะฮอร์โมนตัวนี้ปกติเวลาเรากินอาหารเข้า
00:01:27 → 00:01:29 ไปเนี่ยอินซูลินเค้าก็จะสูงขึ้นมาทำหน้า
00:01:29 → 00:01:32 ที่จัดการน้ำตาลเก็บพลังงานอะไรแบบนี้ใช่
00:01:32 → 00:01:36 มั้ยคะครับผมแต่พอเราอดอาหารคือเว้นช่วง
00:01:36 → 00:01:38 ไม่กินอะไรนานๆเนี่ยระดับอินซูลินมันก็จะ
00:01:39 → 00:01:42 ค่อยๆลดลงค่ะซึ่งแหล่งข้อมูลชี้ว่าจังหวะ
00:01:43 → 00:01:45 นี้ล่ะค่ะมันเหมือนเป็นสัญญาณให้ร่างกาย
00:01:45 → 00:01:48 เราแบบเอ่อเปิดสวิตช์น่ะค่ะเปิดสวิตช์ใช่
00:01:48 → 00:01:51 ค่ะจากโหมดที่แบบเอ่อเก็บพลังงานอย่าง
00:01:51 → 00:01:54 เดียวไปเป็นโหมดเอาของเก่ามาใช้ซึ่งของ
00:01:54 → 00:01:57 เก่าที่ว่าเนี่ยก็คือไขมันที่สะสมไว้นั่น
00:01:57 → 00:02:00 เองค่ะเหมือนร่างกายบอกว่าโอเคครัวเก็ด
00:02:00 → 00:02:03 แล้วนะลองไปรื้อๆคนของในห้องเก็บของมาใช้
00:02:03 → 00:02:05 หน่อยซิประมาณนั้นเลยค่ะ
00:02:05 → 00:02:10 อ๋อเห็นภาพเลยครับคือแทนที่จะใช้พลังงาน
00:02:10 → 00:02:13 จากของที่เพิ่งกินเข้าไปก็หันไปดึงพลัง
00:02:13 → 00:02:17 งานสำรองที่เก็บตุนไว้ออกมาใช้แทนแต่เอ้อ
00:02:17 → 00:02:20 ปกติร่างกายเรามันจะชินกับการใช้พลังงาน
00:02:20 → 00:02:23 จากอาหารที่เพิ่งกินไม่ใช่หรอกครับแล้ว
00:02:23 → 00:02:26 การสลับไปใช้ไขมันเนี่ยตามข้อมูลนี้มัน
00:02:26 → 00:02:28 เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากน้อยแค่ไหน
00:02:28 → 00:02:31 ล่ะครับถือว่าสำคัญทีเดียวเลยค่ะเพราะมัน
00:02:31 → 00:02:33 คือการปรับเปลี่ยนแหล่งพลังงานหลักของ
00:02:33 → 00:02:36 ร่างกายชั่วคราวนะคะซึ่งข้อมูลเขาก็
00:02:37 → 00:02:39 อธิบายต่อไปถึงกลไกที่ 2 ด้วยค่ะคือ
00:02:39 → 00:02:41 เรื่องของgrthสฮอร์โมนหรือว่าฮอร์โมนการ
00:02:41 → 00:02:46 เจริญเติบโตอ๋อครับค่ะในช่วงที่เราอด
00:02:46 → 00:02:48 อาหารเนี่ยร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมนตัว
00:02:48 → 00:02:51 นี้ออกมามากขึ้นค่ะข้อมูลที่เรามีก็ชี้
00:02:51 → 00:02:54 ว่าอืมมันทำหน้าที่คล้ายๆกับเป็นผู้จัด
00:02:54 → 00:02:57 การทรัพยากรในร่างกายเลยนะคือช่วยสั่งให้
00:02:57 → 00:03:00 ร่างกายแบบว่าเฮ้ยกล้ามเนื้อนี่มีค่านะ
00:03:00 → 00:03:02 เก็บไว้ก่อนเก็บไว้ก่อนอย่าเพิ่งสลายไป
00:03:02 → 00:03:06 ง่ายๆอืพร้อมๆกันนั้นก็ยังไปกระตุ้นให้
00:03:06 → 00:03:08 เอาไขมันเนี่ยออกมาใช้เป็นพลังงานหลักแทน
00:03:08 → 00:03:11 ด้วยค่ะเป็นการปรับตัวเพื่อใช้ทรัพยากร
00:03:11 → 00:03:14 ให้มันเอ่อมีประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงที่
00:03:14 → 00:03:16 เราไม่ได้รับอาหารเข้ามาใหม่น่ะค่ะสุดยอด
00:03:16 → 00:03:19 เลยครับแล้วกลไกสุดท้ายล่ะครับที่บอกว่า
00:03:20 → 00:03:23 สำคัญไม่แพ้กันออโต้ fagy อันนี้คืออะไร
00:03:23 → 00:03:27 ล่ะครับฟังดูแบบวิชาการนิดๆนะครับออโต้
00:03:27 → 00:03:29 ฟาจี้
00:03:29 → 00:03:32 ออโตฟจีคำนี้น่าสนใจจริงๆค่ะแหล่งข้อมูล
00:03:32 → 00:03:35 เขาอธิบายว่ามันคือกระบวนการที่เซลล์เรา
00:03:35 → 00:03:39 เนี่ยทำความสะอาดตัวเองค่ะทำความสะอาด
00:03:39 → 00:03:43 เซลล์ใช่ค่ะคล้ายๆกับการรีไซเคิลหรือว่า
00:03:43 → 00:03:46 เก็บกวาดขยะที่มันสะสมอยู่ข้างในเซลล์น่ะ
00:03:46 → 00:03:49 ค่ะพวกโปรตีนเก่าๆหรือส่วนประกอบของเซลล์
00:03:49 → 00:03:52 ที่มันเริ่มจะเสียหายเริ่มจะทำงานไม่ดี
00:03:52 → 00:03:54 แล้วการที่เราอดอาหารเป็นช่วงเวลาหนึ่ง
00:03:54 → 00:03:57 เนี่ยมันจะไปกระตุ้นให้กระบวนการนี้ทำงาน
00:03:57 → 00:04:00 ได้ดีขึ้นค่ะครับลองนึกภาพเหมือนเราได้ทำ
00:04:00 → 00:04:02 Big Cleaning ครั้งใหญ่ให้กับเซลล์เป็น
00:04:02 → 00:04:05 ล้านๆเซลล์ในร่างกายเราเลยค่ะเพื่อให้มัน
00:04:05 → 00:04:07 กลับมาแบบเฟรชขึ้นทำงานได้เต็ม
00:04:07 → 00:04:11 ประสิทธิภาพมากขึ้นอะไรประมาณเค่ะว้าว
00:04:11 → 00:04:14 กระบวนการซคลเลยเหรอครับแสดงว่าตามข้อมูล
00:04:14 → 00:04:17 นี้ IF ไม่ใช่แค่เรื่องลดน้ำหนักลดไขมัน
00:04:17 → 00:04:19 อย่างเดียวแต่เหมือนไปกระตุ้นให้ร่างกาย
00:04:19 → 00:04:21 ได้ซ่อมบำรุงตัวเองลึกลงไปถึงระดับเซลล์
00:04:21 → 00:04:25 เลยใช่เลยค่ะพอเราเอาทั้ง 3 กลไกมาเชื่อม
00:04:25 → 00:04:29 โยงกันนะคืออินซูลินต่ำลงเปิดทางให้เผาไข
00:04:29 → 00:04:32 มันได้ง่ายขึ้นมีโรสฮอร์โมนมาช่วยดูแล
00:04:32 → 00:04:35 กล้ามเนื้อแล้วก็ส่งเสริมการใช้ไขมันอีก
00:04:35 → 00:04:38 แถมยังมีออโตเฟจีมาช่วยเคลียร์เซลล์เก่าๆ
00:04:38 → 00:04:42 ของเสียต่างๆอีกครับมันก็ทำให้เราเห็นภาพ
00:04:42 → 00:04:46 ชัดขึ้นค่ะว่าแค่การปรับเวลากินเนี่ยมัน
00:04:46 → 00:04:49 ส่งผลต่อระบบชีววิทยาในร่างกายเราได้จริง
00:04:49 → 00:04:53 ๆนะแล้วข้อมูลยังชี้ด้วยนะคะว่าพอร่างกาย
00:04:53 → 00:04:55 เราเริ่มปรับตัวกับการใช้ไขมันเป็นพลัง
00:04:56 → 00:04:58 งานได้ดีขึ้นแล้วเนี่ยมันอาจจะช่วยให้เรา
00:04:59 → 00:05:01 ควบคุมความหิวในระยะยาวได้ดีขึ้นตามไป
00:05:01 → 00:05:04 ด้วยค่ะฟังดูมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รอง
00:05:04 → 00:05:08 รับชัดเจนเลยนะครับแต่เอ่อในข้อมูลก็น่า
00:05:08 → 00:05:11 จะมีคำเตือนหรือข้อควรระวังไว้ด้วยใช่มั้
00:05:11 → 00:05:14 ครับว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน
00:05:14 → 00:05:16 ถูกต้องเลยค่ะอันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ
00:05:16 → 00:05:20 มากๆมากๆเลยนะคะข้อมูลที่เรามีเนี่ยเาค้า
00:05:20 → 00:05:23 เน้นย้ำชัดเจนเลยว่ามีบางกลุ่มที่ควรจะ
00:05:23 → 00:05:25 ระมัดระวังเป็นพิเศษหรือว่าควรจะต้อง
00:05:25 → 00:05:28 ปรึกษาคุณหมอก่อนที่จะเริ่มทำ IF นะคะมี
00:05:28 → 00:05:31 กลุ่มไหนบ้างครับก็จะมีอย่างเช่นคนที่มี
00:05:31 → 00:05:33 ปัญหาเรื่องของต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
00:05:33 → 00:05:37 อยู่แล้วหรือผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ค่ะ
00:05:37 → 00:05:40 แล้วก็ในผู้หญิงบางรายนะคะการทำ IF อาจจะ
00:05:40 → 00:05:44 มีผลกระทบกับฮอร์โมนได้เหมือนกันนอกจาก
00:05:44 → 00:05:47 นี้ก็แน่นอนค่ะกลุ่มเด็กวัยรุ่นสตรีมี
00:05:47 → 00:05:49 ครรภ์หรือว่าคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร
00:05:49 → 00:05:52 กลุ่มเหล่านี้ก็คือเอ่อไม่แนะนำให้ทำเลย
00:05:52 → 00:05:56 ค่ะถ้าไม่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญนะคะ
00:05:56 → 00:05:59 ครับต้องย้ำอีกทีนะคะว่าอันนี้เป็นข้อมูล
00:05:59 → 00:06:02 ที่มาจากเนื้อหาที่เราได้รับมาศึกษากัน
00:06:02 → 00:06:05 วันนี้ค่ะเข้าใจชัดเจนเลยครับแสดงว่าข้อ
00:06:05 → 00:06:08 มูลที่เราดูกันวันนี้ก็ชี้ให้เห็นว่า IF
00:06:08 → 00:06:11 เนี่ยมันมีหลักการทางชี้วิทยารองรับอยู่
00:06:11 → 00:06:15 นะไม่ใช่แค่ทำตามกันไปเป็นกระแสแฟชั่นแต่
00:06:15 → 00:06:17 ก็ต้องดูด้วยว่ามันเหมาะกับสภาพร่างกาย
00:06:17 → 00:06:21 ของเราจริงๆหรือเปล่าใช่เลยค่ะแล้วก็มี
00:06:21 → 00:06:23 ประเด็นที่น่าชวนคิดต่อนะคะจากข้อมูลชุด
00:06:23 → 00:06:26 นี้คือน้องนอกเหนือจากผลเรื่องน้ำหนัก
00:06:26 → 00:06:29 หรือเรื่องการเผาผ่านไขมันแล้วเนี่ยการ
00:06:29 → 00:06:31 ที่ร่างกายเราได้เข้าสู่กระบวนการซ่อม
00:06:31 → 00:06:34 บำรุงตัวเองอย่างออทฟีเป็นครั้งคราวแบบ
00:06:34 → 00:06:38 นี้อืมมันอาจจะมีนัยยะสำคัญต่อสุขภาพของ
00:06:38 → 00:06:41 เราในระยะยาวในมิติอื่นที่นอกเหนือไปจาก
00:06:41 → 00:06:43 นี้ก็ได้นะคะซึ่งเราอาจจะต้องศึกษาเพิ่ม
00:06:43 → 00:06:45 เติมจากแหล่งข้อมูลลักษณะนี้ต่อไปอีก
00:06:45 → 00:06:48 เรื่อยๆค่ะเป็นคำถามที่น่าสนใจให้เราได้
00:06:48 → 00:06:52 ขบคิดกันต่อจริงๆครับถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้
00:06:52 → 00:06:55 ฝากกดติดตามกดไลก์กดแชร์ให้คนที่คุณห่วง
00:06:55 → 00:06:58 ใยและเป็นกำลังใจให้กับช่องสุขภาพสนทนา
00:06:58 → 00:07:02 ได้มีแรงสร้างสรรค์เรื่องราวดีต่อไปนะ