00:00:00 → 00:00:02 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง ปวดหัว
00:00:02 → 00:00:08 7 สาเหตุหลัก ที่ทำให้คุณปวดหัวหรือปวดศีรษะได้บ่อยๆ
00:00:08 → 00:00:11 อันนี้มาจาก Harvard Medical School เลย
00:00:11 → 00:00:16 ผมไปลองดูว่าให้มันมีอะไรที่สำคัญ แล้ววันนี้จะมาเล่าให้ฟัง
00:00:23 → 00:00:26 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อป และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:26 → 00:00:29 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระ
00:00:31 → 00:00:35 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง ปวดหัว
00:00:35 → 00:00:40 7 สาเหตุหลัก ที่ทำให้คุณปวดหัวหรือปวดศีรษะได้บ่อยๆ
00:00:40 → 00:00:44 อันนี้มาจาก Harvard Medical School เลย
00:00:44 → 00:00:48 ผมไปลองดูว่าให้มันมีอะไรที่สำคัญ แล้ววันนี้จะมาเล่าให้ฟัง
00:00:49 → 00:00:50 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:00:50 → 00:00:53 กด Subscribe และกดกระดิ่ง ขอบคุณครับ
00:00:53 → 00:00:55 สำหรับท่านที่มีเวลาน้อย
00:00:55 → 00:00:59 ผมแนะนำให้กระโดดข้ามไปดูที่ 3 นาที สุดท้ายก่อน
00:00:59 → 00:01:02 ผมอธิบายรายละเอียดแบบสั้นๆ ไว้ให้เรียบร้อย
00:01:02 → 00:01:05 แล้วมาท่านมีเวลาค่อยย้อนกลับมาลงรายละเอียดกัน
00:01:05 → 00:01:07 เพื่อได้ประโยชน์สูงสุด
00:01:07 → 00:01:10 ส่วนท่านที่พร้อมแล้ว เราไปพร้อมๆ กันเลย
00:01:10 → 00:01:15 อาการปวดศีรษะทำไมเราต้องรู้สาเหตุของการปวดศีรษะ
00:01:15 → 00:01:19 ก็เพราะว่าถ้าเรารู้สาเหตุเราจะได้ป้องกันได้ไง
00:01:19 → 00:01:23 เมื่อเราป้องกันได้มันก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น
00:01:23 → 00:01:25 เขาเรียกว่าเราป้องกันตัวทริคเกอร์
00:01:25 → 00:01:28 ตัวทริคเกอร์ตัวที่มันมากระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะ
00:01:28 → 00:01:31 ซึ่งอาการปวดศีรษะมีหลายอย่างเลย
00:01:31 → 00:01:34 ซึ่งโดยลักษณะเด่นๆ มีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน
00:01:34 → 00:01:38 ก็คือ 1. Tension headache คือปวดหัวแบบมีอะไรรัดรอบศรีษะ
00:01:38 → 00:01:43 2. Migraines ปวดหัวข้างเดียวหรือมีแสงวูบวาบในดวงตาแล้วปวดหัว
00:01:43 → 00:01:48 และ 3. Cluster headache ผมไม่รู้ว่าคำแปลแปลว่าอะไรนะ
00:01:48 → 00:01:52 แต่ Cluster headache มันจะมีลักษณะน้ำมูกไหลบ้าง
00:01:52 → 00:01:54 ตาแดงบ้าง มีอาการปวดตลอดเวลา
00:01:54 → 00:01:57 ปวดทีนี่บางทีก็เป็นชั่วโมงหรือบางคนก็อาจจะไม่นาน
00:01:57 → 00:02:00 แต่ว่าวันหนึ่งอาจจะปวดได้หลายรอบ
00:02:00 → 00:02:02 อันนี้ทรมานมากสำหรับ Cluster headache
00:02:02 → 00:02:06 เรามาดูกันว่ามีสาเหตุอะไรที่กระตุ้นอาการพวกนี้ได้บ้าง
00:02:06 → 00:02:09 ข้อแรกเลยก็คือเรื่องของ Stress คือ ความเครียด
00:02:09 → 00:02:11 อันนี้ง่ายๆ เราก็รู้กันอยู่แล้ว
00:02:11 → 00:02:14 Stress จะกระตุ้นอาการปวดหัวได้ 2 แบบ
00:02:14 → 00:02:17 ก็คือ Tension headache แล้วก็ Migraines
00:02:17 → 00:02:21 Tension headache ก็คือปวดหัวจากการทำงานหนักความเครียด
00:02:21 → 00:02:25 คือ Tension headache เกิดจากกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ มันเกร็ง
00:02:25 → 00:02:28 เวลาเราเครียดร่างกายเราจะเกร็ง กล้ามเนื้อเราจะเกร็ง
00:02:28 → 00:02:30 ทำให้ คอ บ่า ไหล่ เรามันเกร็ง
00:02:30 → 00:02:33 พอมันเกร็ง มันไปดึงกล้ามเนื้อรอบศรีษะให้เกร็งไปด้วย
00:02:33 → 00:02:36 ทำให้เราปวดหัวเหมือนมีอะไรมารัดรอบศีรษะเรา
00:02:36 → 00:02:40 แบบนี้ก็คือเป็นการกระตุ้นให้ Tension headache เป็นมากขึ้น
00:02:40 → 00:02:43 ก็ให้สังเกตว่าเวลาเรามีเรื่องเครียดๆ นอนไม่หลับ
00:02:43 → 00:02:47 หรือทำงานหนักมากเกินไป รถติดมาก
00:02:47 → 00:02:50 และอะไรอีกหลายอย่างเราจะรู้สึกปวดรอบๆ ศีรษะ
00:02:50 → 00:02:53 ปวดรอบๆ กระบอกตา แบบนี้เป็นไปได้
00:02:53 → 00:02:56 อันที่ 2 ก็คือจะกระตุ้นไมเกรน
00:02:56 → 00:02:58 คือไมเกรนโดนกระตุ้นได้หลายอย่าง
00:02:58 → 00:03:00 ความเครียดเป็นสิ่งหนึ่ง
00:03:00 → 00:03:02 ให้ท่านสังเกตว่าท่านมีอาการความเครียดสูง
00:03:02 → 00:03:07 เช่น นอนไม่หลับ อาหารไม่ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายน้อย
00:03:07 → 00:03:11 หรือว่างานยุ่งอะไรพวกนี้ บางทีมันจะมีแสงวูบวาบขึ้นมาในตา
00:03:11 → 00:03:15 แล้วเกิดอาการปวดหัวขึ้น นี่ก็เรียกว่าเป็นอาการนำของไมเกรน
00:03:15 → 00:03:17 และความเครียดก็เป็นสาเหตุหลักๆ
00:03:17 → 00:03:20 ที่ทำให้อาการไมเกรนเป็นมากขึ้น
00:03:20 → 00:03:22 มาต่อกันที่สาเหตุอย่างที่ 2
00:03:22 → 00:03:24 Harvard Medical School ก็ได้บอกว่า
00:03:24 → 00:03:27 สาเหตุอย่างที่ 2 ที่สำคัญมากๆ ไม่แพ้กันเลย
00:03:27 → 00:03:30 ก็คือเรื่องของไดเอทหรืออาหารนั่นเอง
00:03:30 → 00:03:35 อาหารจะกินมากไปก็ไม่ดี กินน้อยไปก็ไม่ดี
00:03:35 → 00:03:39 ท่านที่อดอาหาร ลดอาหาร งดอาหาร ควบคุมอาหาร
00:03:39 → 00:03:43 จะพบว่ามีอาการปวดหัวแล้วก็เครียดหงุดหงิดมากขึ้น
00:03:43 → 00:03:46 สามารถที่จะทริคเกอร์หรือว่ากระตุ้นอาการปวดหัว
00:03:46 → 00:03:49 เช่น Migraines และ Tension headache ได้เป็นอย่างดีเลย
00:03:49 → 00:03:52 เพราะว่าการอดอาหารทำให้ร่างกายเราเครียด
00:03:52 → 00:03:54 ก็วนกลับไปที่ข้อแรกเหมือนเดิม
00:03:54 → 00:03:58 มันก็กระตุ้นให้ปวดหัวได้ทั้ง Migraines และ Tension headache
00:03:58 → 00:04:01 และอีกอันหนึ่งคือการทานอาหารบางอย่าง
00:04:01 → 00:04:04 จะกระตุ้นให้อาการไมเกรนเป็นมากขึ้น
00:04:04 → 00:04:08 ตัวไมเกรนค่อนข้างที่จะเกี่ยวพันกับอาหารพอสมควรเลย
00:04:08 → 00:04:13 ซึ่งอาหารมีหลากหลายมาก ซึ่งท่านสามารถที่จะดูซิว่า
00:04:13 → 00:04:17 อาหารชนิดไหนเราทานแล้วเราชอบปวดหัวไมเกรน
00:04:17 → 00:04:20 ก็ต้องไม่ทานนะ ใช้คำว่า ก็ต้องไม่ทานเลย
00:04:21 → 00:04:27 อาหารหลายๆ อย่างที่พบ เช่น กีวี กล้วย อะโวคาโด ชีส ช็อคโกแลต
00:04:27 → 00:04:31 นม หัวหอม เยอะไปหมด อาหารแปรรูป
00:04:31 → 00:04:37 เช่น ไส้กรอก แฮมรมควัน เบคอน กุนเชียง
00:04:37 → 00:04:40 และอันที่น่ากลัวอีกอันนึงคือผงชูรส
00:04:40 → 00:04:43 บางทีท่านไปกินร้านอาหารเขาใส่ผงชูรสไม่ได้ทำเอง
00:04:43 → 00:04:46 ก็มีผงชูรสบ้าง แบบนี้ก็ทำให้ปวดศีรษะได้
00:04:46 → 00:04:50 และนี่ก็คือสาเหตุอย่างที่ 2 ไดเอทหรืออาหารนั่นเอง
00:04:50 → 00:04:55 ต่อมามาดูอย่างที่ 3 ที่กระตุ้นอาการปวดหัวของท่าน
00:04:55 → 00:04:57 ก็คือแอลกฮอล์นั่นเอง
00:04:57 → 00:05:00 คือจะพบว่าหลายๆ ท่านที่มีภาวะปวดศีรษะ
00:05:00 → 00:05:01 หรือเครียดจาก Tension headache
00:05:01 → 00:05:06 ไปดื่มแอลกอฮอล์เพื่อให้เราคลายให้สบายขึ้นนิดหน่อย
00:05:06 → 00:05:09 คือถ้านิดหน่อยมันก็จะช่วย เช่น ครึ่งแก้วหรือแก้วนึง
00:05:09 → 00:05:11 แต่มันจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น
00:05:11 → 00:05:16 การดื่มก็ยิ่งยาวไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดการกระตุ้น
00:05:16 → 00:05:17 ทำให้เกิดอาการปวดหัว
00:05:17 → 00:05:21 เช่น Migraines หรือ Cluster headache เป็นอย่างมาก
00:05:21 → 00:05:25 ก็พวกนี้บางคนทานแค่ครึ่งแก้วก็เป็นแล้ว
00:05:25 → 00:05:30 ไม่จำเป็นต้องทานมาก ระดับการทานไม่สามารถบ่งบอกได้
00:05:30 → 00:05:33 แล้วแต่ว่าใครมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน
00:05:33 → 00:05:37 ก็เป็นอะไรที่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าทานเลย
00:05:37 → 00:05:42 อาจจะมีวิจัยบางอย่างบอกว่าการทานไวน์อะไรพวกนี้
00:05:42 → 00:05:45 อาจจะช่วยลดความดันหรือความเครียดได้
00:05:45 → 00:05:49 วันละครึ่งแก้วอะไรอย่างนี้ก็ลองได้
00:05:49 → 00:05:51 แต่ว่าถ้าเกิดไม่ได้ทานเป็นประจำก็ไม่จำเป็น
00:05:51 → 00:05:54 ก็ทำอย่างอื่นได้ เช่น นั่งสมาธิ เป็นต้น
00:05:54 → 00:05:58 คือครึ่งแก้วก็ขอให้ครึ่งแก้วจริงๆ ไม่ใช่แก้วเท่านี้
00:05:58 → 00:06:03 มาต่อกันอย่างที่ 4 กันบ้างที่ทำให้อาการปวดหัวเป็นมากขึ้น
00:06:03 → 00:06:07 นั่นก็คือเรื่องของ Environment หรือ สภาพแวดล้อม
00:06:07 → 00:06:11 สภาพแวดล้อมสามารถทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ถึง 3 แบบเลย
00:06:11 → 00:06:15 ก็คือทั้ง Tension headache Migraines และ Cluster headache
00:06:15 → 00:06:18 ตัว Tension headache ก็คือเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เราไม่แฮปปี้
00:06:18 → 00:06:22 เรามีความเครียด มันก็ทำให้เป็น Tension headache
00:06:22 → 00:06:25 หรืออาการปวดหัวรอบๆ ศีรษะ
00:06:25 → 00:06:27 ส่วนเรื่องของ Cluster headache
00:06:27 → 00:06:31 หรือว่าอาการปวดศีรษะที่มีตาแดง มีน้ำมูกไหล ปวดบ่อยๆ
00:06:31 → 00:06:35 วันนึงปวดหลายรอบ ปวดทุกข์ทรมาน พวกนี้รักษายากจริงๆ
00:06:35 → 00:06:37 บางทีมาเป็นหน้า บางคนเป็นหน้าหนาว
00:06:37 → 00:06:40 บางเป็นหน้าฝน บางคนเป็นหน้าร้อน
00:06:40 → 00:06:43 ต่างประเทศอาจจะมีฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง
00:06:43 → 00:06:45 เป็นกันไปหมด อันนี้ก็ทุกข์ทรมานมาก
00:06:45 → 00:06:51 ก็ต้องพยายามรักษาหาทางแก้กันไป หลบเลี่ยงกันไป
00:06:51 → 00:06:53 ส่วนอย่างอื่น เช่น เรื่องของฝุ่นควัน
00:06:53 → 00:06:56 เท่าที่เราสัมผัสได้ก็เช่น PM 2.5 อย่างนี้
00:06:56 → 00:06:59 บางคนปวดหัว น้ำมูกไหล น้ำตาไหลทุกข์ทรมาน
00:06:59 → 00:07:03 ก็ต้องระมัดระวัง แล้วก็แสงสว่างมากๆ ที่กระตุ้น
00:07:03 → 00:07:06 หรือว่าการดูทีวี ดูหน้าจอมากๆ
00:07:06 → 00:07:07 มันกระตุ้นตาเราทำให้ปวดหัว
00:07:07 → 00:07:10 กระตุ้น Migraines กระตุ้น Tension headache
00:07:10 → 00:07:13 อากาศที่ร้อนมากหรือเย็นมาก
00:07:13 → 00:07:16 ก็สามารถที่จะทำให้อาการไมเกรนเป็นมากขึ้นได้
00:07:16 → 00:07:20 และนี่ก็คือชนิดที่ 4 ที่กระตุ้นให้อาการปวดหัวเป็นมากขึ้น
00:07:20 → 00:07:24 มาดูสาเหตุอย่างที่ 5 กันบ้างที่ทางฮาเวิร์ดได้บอกไว้ว่า
00:07:24 → 00:07:27 จะกระตุ้นให้ท่านมีอาการปวดศีรษะได้มากขึ้น
00:07:27 → 00:07:29 ก็คือเรื่องของฮอร์โมนนั่นเองครับ
00:07:29 → 00:07:33 ฮอร์โมนที่สำคัญมากๆ ก็คือฮอร์โมนเอสโตรเจน
00:07:33 → 00:07:36 การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย
00:07:36 → 00:07:39 จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวโดยเฉพาะไมเกรน
00:07:39 → 00:07:45 อันนี้ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะในกลุ่มคุณผู้หญิงที่มีประจำเดือน
00:07:45 → 00:07:47 เวลาเข้าสู่ช่วงมีประจำเดือน
00:07:47 → 00:07:49 ฮอร์โมนเอสโตรเจนมันจะมีการเปลี่ยนแปลง
00:07:49 → 00:07:53 ทำให้กระตุ้นให้อาการไมเกรนเป็นมากขึ้น ปวดหัวมากขึ้น
00:07:53 → 00:07:55 หรือมีอาการปวดท้อง คั่นเนื้อคั่นตัว หงุดหงิด
00:07:55 → 00:07:59 ควบคุมอารมณ์ได้ลำบาก อันนี้ก็อ่านน่าเห็นใจมากๆ
00:07:59 → 00:08:03 คุณผู้ชายก็ต้องระมัดระวังช่วงนี้ให้ดี
00:08:03 → 00:08:07 ส่วนเรื่องของฮอร์โมนในช่วงที่ใกล้หมดประจำเดือน
00:08:07 → 00:08:10 ก็จะมีเรื่องของฮอร์โมนเอสโตรเจนขึ้นลงผิดปกติ
00:08:10 → 00:08:13 ก็จะทำให้มีอาการไมเกรนเป็นมากขึ้น
00:08:13 → 00:08:16 แต่ว่าหมดประจำเดือนแล้วอาการทุกอย่างก็มักจะดีขึ้น
00:08:16 → 00:08:18 อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งว่า
00:08:18 → 00:08:22 ถ้าท่านหมดประจำเดือนแล้วอาการปวดหัวแบบนี้ก็จะดีขึ้น
00:08:22 → 00:08:28 นี่ก็คือสาเหตุอย่างที่ 5 ฮอร์โมนนั่นเอง ฮอร์โมนเอสโตรเจน
00:08:28 → 00:08:34 มาต่อกันที่อย่างที่ 6 นั่นก็คือเรื่องของ Caffeine withdrawal
00:08:34 → 00:08:37 หมายความว่า การหยุดกาแฟโดยกระทันหัน
00:08:37 → 00:08:42 โดยปกติแล้วเราทานกาแฟทุกวัน เราก็จะรู้สึกดีโอเคแฮปปี้
00:08:42 → 00:08:46 แต่เมื่อวันไหนที่เราหยุดทานไป เราก็จะเริ่มหงุดหงิดงุ่นง่าน
00:08:46 → 00:08:51 ซึ่งบางครั้งบางคนมันมีการตอบสนองต่อการหยุดกาแฟ
00:08:51 → 00:08:52 ค่อนข้างรุนแรงมาก
00:08:52 → 00:08:56 โดยพื้นฐานตัวกาแฟจะทำให้หลอดเลือดของเราตีบแคบลง
00:08:56 → 00:08:59 เขาเรียกว่า Vasoconstriction
00:08:59 → 00:09:02 แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามถ้าเราหยุดกาแฟ
00:09:02 → 00:09:05 มันจะเกิดเรื่องของการกลับมาขยายตัวของหลอดเลือดแทน
00:09:05 → 00:09:09 ซึ่งการขยายตัวของหลอดเลือดโดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ศีรษะ
00:09:09 → 00:09:12 ทำให้อาการปวดหัวเป็นมากขึ้นโดยเฉพาะไมเกรนนั่นเอง
00:09:12 → 00:09:18 จะมีอาการปวดหัวที่ลักษณะเป็นปวดตุ๊บๆ แล้วอาจจะมีแสงสว่าง
00:09:18 → 00:09:21 แล้วก็แบบ โอ้โห ทุกข์ทรมานพอสมควรสำหรับไมเกรน
00:09:21 → 00:09:25 เพราะฉะนั้นเรื่องของการหยุดกาแฟแบบกระทันหัน
00:09:25 → 00:09:28 ถ้าใครอยากจะเลิกจริงๆ ก็ให้ลดปริมาณทีละนิด อย่าไปหักดิบ
00:09:28 → 00:09:31 ทำอะไรก็อยู่บนทางสายกลาง
00:09:31 → 00:09:34 มาต่อกันที่อย่างสุดท้ายอย่างที่ 7 ที่ทางฮาเวิร์ดได้กล่าวไว้
00:09:34 → 00:09:37 นั่นก็คือเรื่องของการนอนนั่นเอง
00:09:37 → 00:09:40 การนอนไม่พอสามารถกระตุ้นอาการปวดหัว
00:09:40 → 00:09:44 โดยเฉพาะ Tension headache และ Migraines ได้เป็นอย่างดี
00:09:44 → 00:09:47 เนื่องจากการนอนไม่พอทำให้ฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ
00:09:47 → 00:09:50 กระตุ้นให้ฮอร์โมนความเครียดออกมามาก
00:09:50 → 00:09:52 เราก็มีเรื่องของความเครียดมาสะสม
00:09:52 → 00:09:55 พวกนี้ก็จะมีทั้ง Tension headache ทั้ง Migraines
00:09:55 → 00:09:59 วันหนึ่งควรจะนอนได้ประมาณซัก 7-8 ชั่วโมง จะดีมากๆ
00:09:59 → 00:10:01 และนอนเท่ากันทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์
00:10:01 → 00:10:03 นอนเวลาเดิม ตื่นเวลาเดิม ถ้าเป็นไปได้
00:10:03 → 00:10:07 เวลาที่ดีที่สุดที่ผมแนะนำ ขอให้ได้นอนคืน 4 ทุ่ม ถึง ตี 2
00:10:07 → 00:10:12 เพราะโกรทฮอร์โมนออกมามากจะทำให้ท่านอ่อนยาวกว่าปกติเป็น 10 ปี
00:10:12 → 00:10:17 และนี่ก็คือ 7 สาเหตุหลักๆ ที่จะกระตุ้นอาการปวดหัวของท่าน
00:10:17 → 00:10:19 คราวนี้ผมขออนุญาตสรุป
00:10:20 → 00:10:24 7 สาเหตุหลักๆ ที่จะกระตุ้นอาการปวดหัวของท่าน
00:10:24 → 00:10:27 อย่างที่เล่ามาตอนแรก อาการปวดหัวมี 3 แบบ
00:10:27 → 00:10:29 Tension headache Migraines และ Cluster headache
00:10:29 → 00:10:32 รายละเอียดกระโดดไปดูที่ข้างหน้า
00:10:32 → 00:10:34 คราวนี้เรื่องของความเครียด
00:10:35 → 00:10:38 นั่นก็คืออันแรก ข้อที่ 1 Stress หรือความเครียด
00:10:38 → 00:10:40 จะกระตุ้นให้เกิดภาวะ Tension headache
00:10:40 → 00:10:44 หรือว่าเรื่องของ Migraines ได้บ่อยๆ
00:10:44 → 00:10:47 การมีความเครียดมากๆ จะทำให้กล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ เราตึง
00:10:47 → 00:10:52 และจะดึงให้กล้ามเนื้อรอบๆ ตา รอบๆ ศีรษะตึงไปด้วย
00:10:52 → 00:10:55 ก็ทำให้ปวดเหมือนมีอะไรมารับรอบหัว
00:10:56 → 00:11:00 สาเหตุที่กระตุ้นอย่างที่ 2 ก็คือเรื่องของไดเอทหรืออดอาหาร
00:11:00 → 00:11:04 อาหารจะกินน้อยก็คือเราอดอาหารหรือควบคุมอาหาร
00:11:04 → 00:11:06 ทำให้ฮอร์โมนความเครียดออกมา
00:11:06 → 00:11:09 ก็จะมีภาวะ Tension headache หรือ Migraines ได้
00:11:09 → 00:11:11 หรือถ้าจะกินมากหรือกินผิดปกติ
00:11:11 → 00:11:16 เช่น กินถั่วบางอย่าง กินกีวี กินกล้วย
00:11:16 → 00:11:20 กินอะโวคาโด กินชีส กินช็อกโกแลต กินนม กินหัวหอม
00:11:20 → 00:11:25 กินอาหารแปรรูปต่างๆ เช่น ไส้กรอก เบคอน แฮม
00:11:25 → 00:11:28 และผงชูรส ก็จะกระตุ้นให้อาการไมเกรนเป็นมากขึ้นได้
00:11:28 → 00:11:32 ถ้าท่านทานของพวกนี้แล้วมีอาการเป็นไมเกรนมากขึ้น
00:11:32 → 00:11:34 ก็แนะนำให้หลีกเลี่ยง
00:11:34 → 00:11:37 คราวนี้มาดูอย่างที่ 3 นั่นก็คือแอลกอฮอล์
00:11:37 → 00:11:40 แอลกอฮอล์เวลาเราเครียด เราปวดหัว เราชอบไปดื่มใช่ไหม
00:11:40 → 00:11:42 มันก็อาจจะทำให้ Tension headache หรือความเครียด
00:11:42 → 00:11:47 มันลดลงนิดหน่อย แต่มันดันไปกระตุ้นให้เกิดเรื่องของ
00:11:47 → 00:11:50 Migraines และ Cluster headache ได้มากขึ้น
00:11:50 → 00:11:53 อันนี้ก็ค่อนข้างที่จะอันตรายพอสมควรเลย
00:11:53 → 00:11:57 อันนี้ก็อยากแนะนำว่า ถ้าจะทานก็ทานนิดๆ หน่อยๆ
00:11:57 → 00:12:00 แล้วก็เข้านอนไปซะ คือไม่ควรเกินครึ่งแก้วนั่นเอง
00:12:00 → 00:12:02 แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องทานก็ไม่จำเป็นต้องทาน
00:12:02 → 00:12:04 มันไม่น่าจะเกิดประโยชน์อะไรมากขึ้น
00:12:05 → 00:12:08 มาต่อกันที่อย่างที่ 4 ที่ทำให้อาการปวดหัวมากขึ้น
00:12:08 → 00:12:11 นั่นก็คือเรื่องของ Environment หรือ สภาพแวดล้อม
00:12:11 → 00:12:14 Environment มักจะทำให้เกิดเรื่องของ
00:12:14 → 00:12:16 Migraines และ Cluster headache เป็นส่วนมาก
00:12:16 → 00:12:18 แต่ Tension headache ก็เกิดได้
00:12:18 → 00:12:23 Cluster headache ก็คือปวดหัวแล้วก็มีตาแดง มีน้ำมูกไหล
00:12:23 → 00:12:25 มักจะมาเป็นช่วง เป็นซีซั่น
00:12:25 → 00:12:29 เช่น เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฤดูใบไม้ผลิ
00:12:29 → 00:12:32 หน้าหนาว หน้าฝน หน้าร้อน ก็แล้วแต่คน
00:12:32 → 00:12:35 ช่วงไหนใครเป็นมากก็มักจะเป็นมันขึ้นอยู่กับคน
00:12:35 → 00:12:37 ไม่เกี่ยวกับว่าต้องเป็นช่วงนี้โดยเฉพาะ
00:12:37 → 00:12:41 คราวนี้เรื่องของตัว Migraines หรือ Tension headache
00:12:41 → 00:12:44 ก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝุ่นควัน PM 2.5
00:12:44 → 00:12:50 อากาศที่ชื้นมากๆ ที่แสงกระทบตามากๆ ดูทีวี ดู iPad มากๆ
00:12:50 → 00:12:53 อากาศที่ร้อนมากๆ หนาวมากๆ
00:12:53 → 00:12:55 ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการพวกนี้ได้
00:12:55 → 00:12:58 ต่อมาข้อที่ 5 ก็คือเรื่องของฮอร์โมน
00:12:58 → 00:12:59 ฮอร์โมนที่สำคัญคือเอสโตรเจน
00:12:59 → 00:13:01 เพราะฉะนั้นผู้หญิงจะมีอาการพวกนี้เยอะ
00:13:01 → 00:13:04 จะกระตุ้นให้เกิดเรื่องของไมเกรน
00:13:04 → 00:13:08 โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือนแล้วก็ช่วงใกล้หมดประจำเดือน
00:13:08 → 00:13:10 วัยใกล้หมดประจำเดือนหรือวัยทองก็มักจะมีอาการพวกนี้
00:13:10 → 00:13:15 แต่เมื่อหมดประจำเดือนไปแล้ว อาการพวกนี้มักจะดีขึ้น
00:13:15 → 00:13:21 มาต่อกันที่ข้อที่ 6 ก็คือเรื่องของการหยุดกาแฟแบบกระทันหัน
00:13:21 → 00:13:24 ปกติเรากินกาแฟ เราก็จะแฮปปี้ สบายๆ
00:13:24 → 00:13:26 วันไหนเราหยุดอาการปวดหัวก็จะมากขึ้น
00:13:26 → 00:13:31 กาแฟทำให้หลอดเลือดบริเวณรอบๆ ศีรษะหดตัว
00:13:31 → 00:13:34 พอเราเลิกกินมันจะเกิดอาการที่ตรงข้ามขึ้นมา
00:13:34 → 00:13:38 คือหลอดเลือดมันจะคลายตัว แล้วเมื่อไหร่เราเลือดคลายตัวมากๆ
00:13:38 → 00:13:40 มันจะเกิดอาการปวดศีรษะขึ้น
00:13:40 → 00:13:43 ก็แบบนี้ก็จะกระตุ้นให้เกิดไมเกรนขึ้นมาได้
00:13:43 → 00:13:45 สำหรับการหยุดกาแฟแบบกระทันหัน
00:13:45 → 00:13:48 ต่อมาข้อสุดท้ายก็คือเรื่องของการนอน
00:13:48 → 00:13:51 เมื่อนอนไม่พอทำให้เกิดความเครียดที่มากขึ้น
00:13:51 → 00:13:55 หลังจากนั้นก็จะกระตุ้นให้เกิดเรื่องของ Migraines
00:13:55 → 00:13:58 เรื่องของ Tension headache ก็คือปวดหัวแบบความเครียด
00:13:58 → 00:14:00 มีอะไรมารัดหัวนั่นเอง
00:14:00 → 00:14:04 และนี่ก็คือ 7 ข้อ ที่ทำให้อาการปวดหัวเป็นมากขึ้น
00:14:04 → 00:14:06 จาก Harvard Medical School
00:14:06 → 00:14:08 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:14:08 → 00:14:10 กด Subscribe และกดกระดิ่ง สวัสดีครับ