00:00:00 → 00:00:02 ความหลากหลายแต่ละกลุ่มเนี่ยแต่ละกลุ่มก็
00:00:02 → 00:00:04 มี Challeng ของตัวเองอย่างเงี้ยนะครับ
00:00:04 → 00:00:07 ซึ่งถ้าเกิดเรายอมรับ Challeng ของเราได้
00:00:07 → 00:00:10 แล้วก็เรารู้ว่าเออบางทีเนี่ยที่เราชอบ
00:00:10 → 00:00:12 ที่เราถนัดเนี่ยมันอาจจะไม่ได้มันเป็น
00:00:12 → 00:00:22 สิ่งที่มันถูกทั้งหมดอย่างเงี้ย
00:00:22 → 00:00:24 สวัสดีครับวันนี้ก็ยินดีต้อนรับเข้าสู่
00:00:24 → 00:00:27 พcสของทางสถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริม
00:00:27 → 00:00:29 สุขภาพนะครับผมศาสตราจารย์ดร.นายแพทย์
00:00:29 → 00:00:31 นันธวัฒสิทธิรักษ์ผู้อำนวยการสถาบันการ
00:00:31 → 00:00:33 เรียนรู้การสร้างเสริม
00:00:33 → 00:00:36 สุขภาพหัวข้อที่เราจะมาคุยกันวันนี้ก็คือ
00:00:36 → 00:00:39 เรื่อง DEI กับสุขภาพจิตในการทำงานนะครับ
00:00:39 → 00:00:42 วันนี้เราได้รับเกียรติจากอาจารย์ไอซนะ
00:00:42 → 00:00:45 ครับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.ชยันนะครับจาก
00:00:45 → 00:00:47 ภาควิชาจิตวิทยาคณะมนุษยศาสตร์
00:00:47 → 00:00:50 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับก็อาจจะคุยกัน
00:00:50 → 00:00:52 นิดหน่อยกับอาจารย์ก่อนนะครับว่า
00:00:52 → 00:00:55 แบ็คgroundอาจารย์ทำอะไรหรืออาจารย์สนใจ
00:00:55 → 00:00:57 เรื่องอะไรที่ทำงานอยู่ทางภาควิชา
00:00:57 → 00:01:00 จิตวิทยาเชียงใหม่ครับครับสวัสดีครับ
00:01:01 → 00:01:04 อาจารย์ครับก็โดยแบ็กราoundผมเป็นเอ่อ
00:01:04 → 00:01:06 เป็นนักจิตวิทยาคลินิกนะครับแล้วก็ทำงาน
00:01:06 → 00:01:09 เป็นอาจารย์ที่เอ่อภาควิชาจิตามหา
00:01:10 → 00:01:12 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับเอ่อคณะ
00:01:12 → 00:01:14 มนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับก็
00:01:14 → 00:01:16 เอ่อโดยหลักๆเนี่ยเราก็จะสอนเกี่ยวกับ
00:01:16 → 00:01:19 เรื่องสุขภาพจิตนี่แหละนะครับว่าเออเวลา
00:01:19 → 00:01:23 คนไม่สบายใจเอ่อมีความทุกข์หรือว่าถ้า
00:01:23 → 00:01:26 เกิดทุกข์หนักๆจนเอ่อมีปัญหาทางสุขภาพจิต
00:01:26 → 00:01:29 เนี่ยเอ่อมันมีสาเหตุยังไงแล้วก็เอ่อจะ
00:01:29 → 00:01:32 ช่วยเหลือเขาได้ยังไงนะครับแล้วก็แล้วก็
00:01:32 → 00:01:34 นอกเหนือจากการสอนหนังสือก็อาจจะเป็นการ
00:01:34 → 00:01:37 ให้บริการนะครับการปรึกษาทางจิตวิทยาหรือ
00:01:37 → 00:01:40 ว่าเอ่อเป็นจิตบำบัดอย่างเงี้ยครับก็น่า
00:01:40 → 00:01:42 จะใกล้เคียงกับเอ่อน่าจะเห็นความทุกข์
00:01:43 → 00:01:45 ทุกข์ความไม่สบายใจของผู้คนนะครับซึ่งมัน
00:01:45 → 00:01:49 อาจจะมาจากการใช้ชีวิตแล้วก็การทำงานครับ
00:01:49 → 00:01:52 ผมจริงๆคนเรามนุษย์เราเนี่ยก็เป็นวัยที่
00:01:52 → 00:01:56 ทำงานอยู่เยอะเนตัดวัยเด็กกับวัยสูงอายุ
00:01:56 → 00:01:58 ออกเนี่ยที่เหลือเกินวัยทำงานจริงๆ
00:01:58 → 00:02:01 ประชากรประเทศเกินครึ่งนะครับที่อยู่ใน
00:02:01 → 00:02:03 วัยทำงานคราวนี้หัวข้อเราเนี่ยเราจะพูด
00:02:03 → 00:02:06 ถึงเรื่องความหลากหลายเนาะตัวดีคือ
00:02:06 → 00:02:09 diversity อาจจะขอเล่าให้ฟังนิดหน่อยนะ
00:02:09 → 00:02:11 ครับว่าตัวดีคือตัว diversity ความหลาก
00:02:11 → 00:02:14 หลายนะตัว e คือ equity ความเท่าเทียม
00:02:14 → 00:02:17 ความเป็นธรรมนะครับนะแล้วก็ตัว I คือ
00:02:17 → 00:02:19 inclusion นะครับนะว่าเอ๊ะมันมีผลยังไง
00:02:19 → 00:02:23 กับการสุขภาพจิตในที่ทำงานเอ๊ะเหมือนคนก็
00:02:23 → 00:02:26 อาจจะถามว่าอ้าความหลากหลายมันดีไงถ้าคน
00:02:26 → 00:02:28 เราเหมือนกันหมดไม่ดีเหรอหรือว่ามันต้อง
00:02:28 → 00:02:31 เท่าเทียมกันด้วยเหรอหรือว่าทำไมต้อง
00:02:31 → 00:02:34 inclusion คือต้องนับรวมทุกคนเราก็ส่วน
00:02:34 → 00:02:37 ใหญ่เราก็อยากจะเอาพวกเราคนที่คล้ายๆเรา
00:02:37 → 00:02:40 เข้ามาก่อนอะไรเงี้ยอาจารย์ในประสบการณ์
00:02:40 → 00:02:42 ของอาจารย์นะครับนะเรื่องความหลากหลาย
00:02:42 → 00:02:46 เนี่ยยอกว่า DEI เนี่ยนะครับนะอาจารย์เจอ
00:02:46 → 00:02:49 ปัญหาหรือเจอประเด็นอะไรมาบ้างครับคือคือ
00:02:49 → 00:02:52 ผมผมเข้าใจว่าเอ่อเหมือนที่เห็นด้วยคล้าย
00:02:52 → 00:02:55 ๆกับอาจารย์นะครับคือว่าคนเราก็อาจจะชอบ
00:02:55 → 00:02:56 อะไรที่มันเหมือนกันใช่มั้ครับรู้สึกเป็น
00:02:56 → 00:02:59 ส่วนหนึ่งอ่ะแล้วก็ความหลากหลายว่าความ
00:02:59 → 00:03:01 แตกต่างเนี่ยบางทีมันก็ทำให้เกิดความรู้
00:03:01 → 00:03:04 สึกแบบพวกเราพวกเขาเงี้อันนี้คือพวกเรา
00:03:04 → 00:03:06 อันนี้คือพวกเขาเนี่ยแล้วก็ถ้าเกิดพวกเรา
00:03:07 → 00:03:08 มีเยอะหน่อยก็จะกลายเป็นเหมือนกับเป็น
00:03:09 → 00:03:11 กระแสหลักใช่มั้ครับแล้วก็พวกเขาที่มี
00:03:11 → 00:03:13 น้อยหน่อยเงี้ยก็อาจจะเหมือนกับว่าเออมัน
00:03:13 → 00:03:17 ผิดแปลกออกไปจากคนส่วนใหญ่น่ะซึ่งบางทีก็
00:03:17 → 00:03:20 อาจจะถูกตีความผิดนะครับว่ามันเป็นความ
00:03:20 → 00:03:23 ไม่ถูกความไม่เหมาะสมที่แตกต่างจากผู้คน
00:03:23 → 00:03:25 ส่วนใหญ่เงี้ยนะครับอันนี้อันนี้คือความ
00:03:25 → 00:03:27 รู้สึกเนี่ยแต่ว่ายังไงก็ตามผมว่าถ้าเกิด
00:03:27 → 00:03:30 เรามามองดูที่ความหลากหลายเนี่ยเราก็อาจ
00:03:30 → 00:03:32 จะรู้ว่าความหลากหลายเนี่ยมันมันมีหลาย
00:03:32 → 00:03:36 แง่มุมอ่ะครับซึ่งเอ่อบนคนหนึ่งเนี่ยบาง
00:03:36 → 00:03:39 ทีมันก็ประกอบด้วยเอ่อส่วนผสมหลายอย่าง
00:03:39 → 00:03:41 ที่ทำให้สุดท้ายเนี่ยมนุษย์แต่ละคนน่ะอาจ
00:03:41 → 00:03:44 จะไม่เหมือนกันเลยอย่างเงี้ยครับตัวอย่าง
00:03:44 → 00:03:47 ของความหลากหลายที่เราอาจจะเจอเช่นเอ่อ
00:03:47 → 00:03:50 อย่างตัวอย่างเยอะๆตัวอย่างเช่นอันนึงที่
00:03:50 → 00:03:53 อาจจะหนีไม่พ้นก็คือวัยใช่มั้ครับอายุ
00:03:53 → 00:03:56 อย่างเงี้ยเออแต่ละคนก็เอ่ออาจจะมีวัยที่
00:03:56 → 00:03:58 แตกต่างกันนะครับส่วนประเด็นอื่นๆที่อาจ
00:03:58 → 00:04:00 จะพูดกันก็คือเรื่องของเพศเพศสภาพอย่า
00:04:00 → 00:04:03 เงี้ยนะครับเรื่องของเชื้อชาติเรื่องของ
00:04:03 → 00:04:05 ชาติพันธุ์นะครับหรือว่าถ้าเป็นในประเทศ
00:04:05 → 00:04:08 ไทยก็อาจจะเป็นเรื่องของว่าเอ่อเป็นคนภาค
00:04:08 → 00:04:10 ไหนอือนั่นนะครับแล้วก็บางทีก็อาจจะเป็น
00:04:10 → 00:04:13 ความแตกต่างในในส่วนที่เป็นบุคคลตัวอย่าง
00:04:13 → 00:04:15 เช่นเอ่อเรื่องบุคลิกภาพเรื่องของ
00:04:15 → 00:04:18 แบกrราoundภูมิหลังอย่างเงี้ยนะครับอเอ่อ
00:04:18 → 00:04:22 เรื่องของความออย่างอย่างช่วงนี้ที่พูด
00:04:22 → 00:04:24 ถึงมากขึ้นก็อาจจะมีคำนึงภาษาอังกฤษก็คือ
00:04:24 → 00:04:28 Neurodersity ก็คือความแหลกหลากหลายแตก
00:04:28 → 00:04:31 ต่างกันทางการทำงานของเอ่อปราสาทวิทยา
00:04:31 → 00:04:34 อะไรเงี้ยครับซึ่งไอ้ไอความหลากหลายทั้ง
00:04:34 → 00:04:36 หมดเนี่ยมันไม่ได้จบแค่ความต่างแต่ว่ามัน
00:04:36 → 00:04:39 เอาความเชื่อความคิดแล้วก็วัฒนธรรมกลุ่ม
00:04:39 → 00:04:42 ย่อยเนี่ยติดตัวมาด้วยอย่างเงี้ยนะครับก็
00:04:42 → 00:04:45 ผมก็อาจจะบอกว่าเออบนพื้นฐานน่ะเราอาจจะ
00:04:45 → 00:04:47 มีบางอย่างเหมือนกันแต่ก็มีหลายๆอย่างที่
00:04:47 → 00:04:49 แตกต่างกันเงี้ยครับซึ่งความหลากหลายเป็น
00:04:49 → 00:04:53 อะไรที่อาจจะอาจจะเลี่ยงไม่ได้เงี้ยครับ
00:04:53 → 00:04:57 อาจารย์มันก็ใกล้ตัวมากๆแล้วของบางอย่าง
00:04:57 → 00:05:00 มันก็มากับความแตกต่างมาด้วยเรื่องอคติ
00:05:00 → 00:05:01 หรือเรื่องความคุ้นชินอะไรเงี้ยนะครับ
00:05:02 → 00:05:03 อาจารย์เนาะเช่นจริงๆอาจารย์พูดเรื่อง
00:05:03 → 00:05:07 เชื้อชาติมันจะมากับเรื่องภาษานะภาษาก็จะ
00:05:07 → 00:05:10 มีเรื่องสำเนียงนะมีความแตกแตกต่างหลาก
00:05:10 → 00:05:14 หลายภาษาไทยเองก็ตามก็มีสำเนียงที่หลาก
00:05:14 → 00:05:17 หลายตามท้องถิ่นตามภูมิภาคนะภาคเดียวกัน
00:05:17 → 00:05:20 คนละจังหวัดก็ยังไม่เหมือนกันแล้วเราก็จะ
00:05:20 → 00:05:22 บางทีเราก็พอพูดไม่เหมือนเราก็เราก็พูด
00:05:22 → 00:05:25 ว่าเเห่อผมยกตัวอย่างนะครับเพราะเป็นความ
00:05:25 → 00:05:27 หลากหลายนะแล้วไอ้ความหลากหลายเนี่ยมัน
00:05:27 → 00:05:31 มันมีความสวยงามมีความดีงามยังไงครับ
00:05:31 → 00:05:33 อาจารย์ทำไมคิดว่ามันทำไมเราจะมาส่งเสริม
00:05:33 → 00:05:37 มันเลยแล้วมันทำไมต้องไปเปิดรับหรือโอบ
00:05:37 → 00:05:41 แขนรับความหลากหลายก็ผมผมคิดว่าเอ่อถ้า
00:05:41 → 00:05:43 เป็นสมัยก่อนบางทีแล้วเราแบบผมชอบตัว
00:05:43 → 00:05:45 อย่างที่อาจารย์ยกมากเลยครับคือบางทีเรา
00:05:45 → 00:05:48 ก็จะไปหัวเราะกับความเหนอใช่มั้ฮบางทีเรา
00:05:48 → 00:05:51 ก็จะไปหัวเราะกับเอ่อหรือจะมีคำบางคำที่
00:05:51 → 00:05:54 เหยียดเอ่อเหยียดเหยียดเหยียดความแตกต่าง
00:05:54 → 00:05:57 อะไรเหล่าเหล่านั้นอย่างเงี้ยนะครับอก็
00:05:57 → 00:06:00 เอ่อก็ก็ผมผมคิดว่าแต่ยังไงก็ตามเนี่ยมัน
00:06:00 → 00:06:02 ไม่มีมนุษย์คนไหนเหมือนกันอยู่แล้วอ่ะนะ
00:06:02 → 00:06:05 ครับแล้วก็ผมคิดว่าในที่ทำงานน่ะก็เต็มไป
00:06:05 → 00:06:07 ด้วยความหลากหลายแล้วก็ความหลากหลายในที่
00:06:07 → 00:06:09 ทำงาน่ะมันก็สะท้อนความหลากหลายของสังคม
00:06:09 → 00:06:12 ที่เราอยู่ออย่างเงี้ยนะครับตัวอย่างเช่น
00:06:12 → 00:06:14 ในที่ทำงานของเราอาจจะประกอบด้วยคนหลาย
00:06:14 → 00:06:18 เจนคนจากหลายภูมิภาคใช่มั้ยครับคนเอ่อ
00:06:18 → 00:06:20 ความสามารถที่แตกต่างกันอย่างเงี้ยนะครับ
00:06:20 → 00:06:22 ทีเนี้ยผมคิดว่าสิ่งที่อาจารย์ถามว่าแล้ว
00:06:22 → 00:06:25 ความหลากหลายมันสวยงามยังไงนะครับผมว่า
00:06:25 → 00:06:27 จริงๆมนุษย์อยู่กับความหลากหลายมานานมาก
00:06:27 → 00:06:29 แล้วเนี่ยนะครับเอ่อตัวอย่างอันนึงที่เรา
00:06:29 → 00:06:32 รู้จักก็คืออาชีพค่ะอาจารย์คืออาชีพเนี่ย
00:06:33 → 00:06:34 อันนี้ว่าว่าด้วยเรื่องความหลากหลายตั้ง
00:06:34 → 00:06:36 แต่ต้นเลยนะครับว่าแต่ละคนเนี่ยการที่เรา
00:06:36 → 00:06:38 มีอาชีพแตกต่างกันน่ะมันอยู่บนพื้นฐานว่า
00:06:39 → 00:06:41 ความสามารถความถนัดออของเรามันไม่เหมือน
00:06:41 → 00:06:44 กันเราก็เลยต้องแล้วเราคนนึงไม่ไม่สามารถ
00:06:44 → 00:06:46 ทำได้ทุกอย่างใช่มั้ฮะอาจารย์เราก็เลย
00:06:46 → 00:06:48 ต้องต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กันเป็นกลุ่มคน
00:06:48 → 00:06:52 โดยใช้ความหลากหลายต่างๆคนเก่งด้านนี้คน
00:06:52 → 00:06:53 นี้เก่งด้านนี้แล้วก็มาทำงานร่วมกันอัน
00:06:54 → 00:06:56 นี้คือเริ่มต้นเลยของความหลากหลายนะครับ
00:06:56 → 00:06:59 ทีนี้เวลาสังคมเติบโตแล้วก็มันก็มีความ
00:06:59 → 00:07:02 ซับซ้อนมากขึ้นใช่มั้ครับมันมีการเอ่อคน
00:07:02 → 00:07:05 ไม่ได้อยู่กระจุกในที่ที่เดียวอีกแล้ว
00:07:05 → 00:07:08 เนี่ยแต่มันมีการข้ามสถานที่ใช่มั้ครับ
00:07:08 → 00:07:10 อย่าอย่างอย่างยิ่งยุคนี้ก็พูดถึงเรื่อง
00:07:10 → 00:07:12 หลายเรื่องมากเรื่องของการย้ายประเทศ
00:07:12 → 00:07:14 เรื่องของอินเทอร์เน็ตที่เราเห็นความหลาก
00:07:14 → 00:07:17 หลายทุกอย่างเนี่ยนะครับผมว่ามันมัน
00:07:17 → 00:07:19 เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนเรามาอยู่รวมกัน
00:07:19 → 00:07:23 เงี้ยนะครับครับอาจารย์ส่วนเรื่อง Equity
00:07:23 → 00:07:25 เป็นเรื่องของความเป็นธรรมนะความเป็นธรรม
00:07:26 → 00:07:28 นี้จริงๆหลักฐานที่ผมเข้าใจมันคือย้อน
00:07:28 → 00:07:30 กลับว่าเรามีพื้นฐานเป็นมนุษย์เท่าเทียม
00:07:30 → 00:07:36 กันเสมอกันนะไม่ว่าจะวัยเด็กวัยอาวุโสเน
00:07:36 → 00:07:38 เดี๋ยวนี้มีปัญหาเรื่อง Genation The
00:07:38 → 00:07:40 Genation ค่อนข้างเยอว่าจะพูดภาษาไหน
00:07:40 → 00:07:44 สำเนียงไหนนะหรือว่าหน้าตายังไงมีร่างกาย
00:07:44 → 00:07:47 ครบถ้วนสมบูรณ์หรือเปล่าเลยมันมีความ
00:07:47 → 00:07:49 ประเด็นอะไรพวกเนี้ยเข้ามาถนัดอะไรยังไง
00:07:49 → 00:07:52 บ้างเนี่ยจริงๆในความเป็นธรรมเนี่ยก็คือ
00:07:52 → 00:07:54 ต้องย้อนไปที่ว่าทุกคนน่ะมีสิทธิ์ความ
00:07:54 → 00:07:57 เป็นมนุษย์เป็นพื้นฐานเนี่ยเท่าเทียมกัน
00:07:57 → 00:07:59 ไอ้ความแตกต่างหลากหลายเนี่ยอาจจะทำต้อง
00:07:59 → 00:08:02 คำนึงดีๆว่าเอ๊ะเวลาเท่าเทียมมันแปลว่า
00:08:02 → 00:08:05 อะไรบ้างต้องคำนึงถึงใครบ้างเนาะสมัยก่อน
00:08:05 → 00:08:09 เเหมือนยกตัวอย่างเราจะมักออกแบบห้องน้ำ
00:08:09 → 00:08:11 เนี่ยเดี๋ยวนี้ห้องน้ำมันจะดีนะผมเพิ่น
00:08:11 → 00:08:13 ลูกเล็กด้วยเก็จะมีห้องน้ำที่ออกแบบไว้
00:08:13 → 00:08:16 ให้เด็กด้วยนะเอ้อถ้าเราไม่มีลูกเราก็ไม่
00:08:16 → 00:08:18 นึกเลยว่าเฮ้ยเด็กตัวเล็กๆเนี่ยเข้าห้อง
00:08:18 → 00:08:21 น้ำเนี่ยเ้าไม่ถนัดเลยนะอะไรเงี้ต้องมี
00:08:21 → 00:08:24 Universal Design นะที่คำนึงถึงว่าคน
00:08:24 → 00:08:26 สูงอายุก็ใช้ได้เด็กก็ใช้ได้เออทำให้มัน
00:08:26 → 00:08:29 มีความสิ่งเหล่าเนี้ยมากขึ้นให้ทุกคนเข้า
00:08:29 → 00:08:32 ถึงได้ให้ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันอะไร
00:08:32 → 00:08:34 อย่างเงี้ยนะอาจารย์ก็ประเด็นเรื่องความ
00:08:34 → 00:08:36 เท่าเทียมเนาะส่วนเรื่อง inclusion เนี่ย
00:08:36 → 00:08:38 อาจารย์ขยายนิดนึงมันคืออะไรครับเพราะ
00:08:38 → 00:08:41 ประเด็น inclusion เราขยี้หัวข้อ DEI นิด
00:08:41 → 00:08:43 นึงก่อนเดี๋ยวลงในเนื้อหาของเรากันก็บาง
00:08:43 → 00:08:46 ทีผมว่าโอเคยอมรับความหลากหลายเนี่ยบางที
00:08:46 → 00:08:49 มันอาจจะไม่พอใช่มั้ครับมันก็ต้องมีการ
00:08:49 → 00:08:51 เคารพความเป็นมนุษย์แล้วก็เป็นเรื่อง
00:08:51 → 00:08:53 โอกาสเหมือนที่อาจารย์บอกคือตัว E ใช่มั้
00:08:53 → 00:08:56 ครับส่วนตัวไอก็คือเอ่อบางทีถ้าเกิดมัน
00:08:56 → 00:08:58 ไม่มี E อ่ะก็คือเราอยู่กันแบบอยู่กัน
00:08:58 → 00:09:00 อย่างพวกเขาพวกเราอ่ะครับมันก็อยู่กันได้
00:09:00 → 00:09:03 ไม่ไม่ฆ่ากันตายไม่ทะเลาะกันแต่ว่าอันนี้
00:09:03 → 00:09:06 พวกเธอไม่ชอบไม่ถูกอะไรเงี้ยครับแต่ว่าอู
00:09:06 → 00:09:09 มันเป็นเรื่องของการทำยอมรับนะครับยอมรับ
00:09:09 → 00:09:11 แล้วก็อยู่ร่วมกันแล้วก็รู้สึกว่าเราเป็น
00:09:11 → 00:09:14 กลุ่มเดียวกันได้เราทำงานรวมกันได้เป็น
00:09:14 → 00:09:17 ทีมโดยที่ความหลากหลายเนี่ยมันไม่มันไม่
00:09:17 → 00:09:19 ใช่เป็นตัวที่บอกว่าเราเราไม่ได้ไปด้วย
00:09:19 → 00:09:21 กันอย่างเงี้ยครับความหลากหลายไม่ใช่
00:09:21 → 00:09:24 อุปสรรคจะเป็นจะเป็นจุดดีด้วยซ้ำไปในบาง
00:09:24 → 00:09:26 เพื่อนกันได้เราเป็นทีมเดียวกันได้แม้ว่า
00:09:26 → 00:09:29 เราจะไม่เหมือนกันอคราวนี้ถ้าดึงมา
00:09:29 → 00:09:31 ประเด็นเรื่องสุขภาพจิตในการทำงานเนาะเอา
00:09:31 → 00:09:35 ล่ะการทำงานมันก็จะต้องมีพื้นที่มีคน
00:09:35 → 00:09:37 จำนวนนึงซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายไม่ว่า
00:09:37 → 00:09:40 ทางความเชื่อความคิดพื้นฐาน background
00:09:40 → 00:09:43 ที่อาจารย์พูดนะภาษาหรืออะไรก็ตามวัยอะไร
00:09:43 → 00:09:46 ที่แตกต่างกันเนี่ยเนื้อที่ทำงานก็เป็น
00:09:46 → 00:09:50 อะไรล่ะหม้อรวมนะ melting pot นะคราวนี้
00:09:50 → 00:09:52 เนี่ยประเด็นเนี่ยไอ้สิ่งเหล่าเนี้ยมันไป
00:09:53 → 00:09:55 เกี่ยวอะไรกับสุขภาพจิตในการทำงานครับถ้า
00:09:55 → 00:09:58 ในที่ทำงานไม่สนใจไม่มีประเด็นเรื่องพัน
00:09:58 → 00:10:00 diversity มันก็ไม่สำคัญ equity ก็ไม่
00:10:00 → 00:10:02 เป็นไรไอ้ inclusion ก็เหมือนอาจารย์บอก
00:10:02 → 00:10:05 ต่างคนต่างอยู่ก็ทำงานออกมาสิแล้วมันมัน
00:10:05 → 00:10:07 มาสำคัญขั้นอะไรกับเรื่องสุขภาพจิตในการ
00:10:07 → 00:10:11 ทำงานครับออืครับก็ส่วนหนึ่งผมว่าถ้าเกิด
00:10:11 → 00:10:14 คือคือจริงๆผมว่าทุกที่ไม่อยากไม่ได้ไม่
00:10:14 → 00:10:17 ได้อยากได้ที่ทำงานที่ที่ทะเลาะกันใช่มั้
00:10:17 → 00:10:20 ครับเออทุกคนพูดถึงการทำงานเป็นทีมใช่มั้
00:10:20 → 00:10:22 ครับทีนี้เนี่ยการทำงานเป็นทีมเนี่ยมันก็
00:10:22 → 00:10:25 หมายถึงว่าเอ่อทุกคนอาจจะต้องรวมตัวกัน
00:10:25 → 00:10:28 แล้วก็มีจุดมุ่งหมายร่วมกันทำงานร่วมกัน
00:10:28 → 00:10:32 ได้ใช่มั้ครับซึ่งการเคารพความหลากหลาย
00:10:32 → 00:10:35 เนี่ยมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะเพิ่มการทำ
00:10:35 → 00:10:38 งานเป็นทีมนะครับแล้วก็แต่ถ้าเกิดการทำ
00:10:38 → 00:10:40 งานแล้วมันไม่เป็นทีมแล้วก็มันมีการเอ่อ
00:10:40 → 00:10:44 มีการตีตามีการเหยียดกันอย่างเงี้ยเออเธอ
00:10:44 → 00:10:46 เธอไม่ถูกเธอแล้วก็รู้สึกว่าของฉันถูกของ
00:10:46 → 00:10:50 ฉันดีส่วนอีกกลุ่มนึงคิดแบบเนี้ยไม่ถูก
00:10:50 → 00:10:51 ไม่ดีอย่างเงี้ยผมว่าอันนี้มันก็เหมือน
00:10:52 → 00:10:55 กับว่าแต่ละคนก็ทำงานแยกกันแล้วก็มันก็
00:10:55 → 00:10:58 อาจจะมีความเครียดมีความกังวลอย่างเงี้ย
00:10:58 → 00:11:00 เออตอนต้องไปนำเสนองานอย่าเงี้ยเออมันจะ
00:11:00 → 00:11:03 มีเอ่อคนจะไม่เห็นด้วยกับเราหรือเปล่าจะ
00:11:03 → 00:11:04 อะไรหรือเปล่าเงี้ยแล้วก็บางทีก็อาจจะ
00:11:04 → 00:11:08 เป็นส่งผลต่อแบบอื่นเช่นออาจจะเวลาทำงาน
00:11:08 → 00:11:10 อาจจะไม่อยากเสนอความเห็นอย่างเงี้ยนะ
00:11:10 → 00:11:12 ครับไม่อยากเสนอความเห็นเพราะเสนอความ
00:11:12 → 00:11:14 เห็นไปหัวหน้าก็ไม่ชอบอะไรเงี้ยนะครับ
00:11:14 → 00:11:17 หรือว่าเราก็เราก็อยากทำอะไรก็ทำเงี้ยมัน
00:11:17 → 00:11:21 มันก็ส่งผลต่อส่งผลต่อความสุขในการทำงาน
00:11:21 → 00:11:23 อย่างเงี้ยครับตามมาหรือว่าบางทีถ้าเกิด
00:11:24 → 00:11:26 มีความขัดแย้งมากๆใช่มั้ครับที่มันทะเลาะ
00:11:26 → 00:11:29 กันด่าว่ากันอย่างเงี้ยหรือว่าผมว่าอีกคำ
00:11:30 → 00:11:32 นึงที่น่าสนใจก็คือ psychological safety
00:11:32 → 00:11:35 อย่างเงี้ยนะครับคือความรู้สึกปลอดความ
00:11:35 → 00:11:37 ปลอดภัยในที่ทำงานความปลอดภัยทางใจอย่าง
00:11:37 → 00:11:40 เงี้ยครับเพราะว่าความปลอดภัยทางใจมันมัน
00:11:40 → 00:11:42 ผมว่ามันเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากในการ
00:11:42 → 00:11:45 ทั้งในเรื่องของสุขภาพจิตแล้วก็เรื่องของ
00:11:45 → 00:11:49 เอ่อ Productivity หรือว่าไอ้ตัวผลผลิตนะ
00:11:49 → 00:11:52 ครับของของในหน่วยงานด้วยถ้าเกิดเรารู้
00:11:52 → 00:11:55 สึกว่าเอ่อเนี่ยเวลาเสนอความเห็นแบบนี้ไป
00:11:55 → 00:11:58 ความเห็นเราจะถูกปฏิเสธซึ่งบางทีการ
00:11:58 → 00:12:01 ปฏิเสธเนี่ยมันอาจจะได้การเห็นไม่ตรงกัน
00:12:01 → 00:12:04 เอ่อความไม่ชอบความรู้สึกว่าอันเนี้ย
00:12:04 → 00:12:06 อันเนี้ยสำหรับเราเรารู้สึกว่าอันนี้ดี
00:12:06 → 00:12:10 แต่ว่าเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่เห็นอาจจะไม่
00:12:10 → 00:12:12 เห็นด้วยอะไรเงี้ยถ้าเกิดมันเต็มไปด้วย
00:12:12 → 00:12:14 ความขัดแย้งการไม่ยอมรับความคิดกันและกัน
00:12:15 → 00:12:17 เนี่ยผมว่าการทำงานมันก็จะเต็มไปด้วยความ
00:12:17 → 00:12:19 เครียดใช่ๆก็อาจารย์ใช้คำว่า
00:12:19 → 00:12:22 psychological safety นะความปลอดภัยทาง
00:12:22 → 00:12:24 จิตใจเนาะคราวเนี้ยในที่ทำงานจริงๆเนี่ย
00:12:25 → 00:12:28 บางทีเนี่ยอำนาจมันไม่เท่ากันหรือไอ้เค้า
00:12:28 → 00:12:30 เรียกอะไรล่ะอือมีพลังบางอย่างที่ไม่เท่า
00:12:30 → 00:12:34 กันอยู่นะเช่นว่าพอผู้อาวุโสโพูดพูดให้
00:12:34 → 00:12:37 ความเห็นก่อนขึ้นมาปุ๊บเนี่ยเด็กเล็กๆ
00:12:37 → 00:12:40 หรือเด็กรุ่นหลังๆก็จะถ้าให้ความเห็นที่
00:12:40 → 00:12:44 ต่างไปก็เหมือนอ้านี่เห็นต่างเถียงไม่
00:12:44 → 00:12:46 เคารพอะไรอย่างเงี้ยนะครับบางทีมันจะโดน
00:12:46 → 00:12:48 โดนโดนมองอย่างนั้นด้วยความที่เอ่อคนพูด
00:12:49 → 00:12:50 เนี่ยคนพูดก่อนคนออกความเห็นก่อนเป็นคน
00:12:50 → 00:12:54 ที่มีวยวุฒิมากกว่ามีประสบการณ์มากกว่า
00:12:54 → 00:12:55 หรืออะไรอย่างเงี้ยครับแล้วมันรู้สึกว่า
00:12:55 → 00:12:58 ผู้น้อยนะผู้น้อยคืออายุน้อยตำแหน่งน้อย
00:12:58 → 00:13:00 หรืออะไรก็ตามเนี่ยแสดงความเห็นหรือเสนอ
00:13:00 → 00:13:03 ความคิดเนี่ยเาก็ไม่ค่อยกล้ารู้สึกไม่
00:13:03 → 00:13:07 ปลอดภัยที่จะพูดนักอะไรเงี้ยอาจารย์ไอ้
00:13:07 → 00:13:09 สิ่งเผมเคยเห็นในในที่ทำงานมาพอสมควร
00:13:09 → 00:13:11 อาจารย์ลองลองขยี้หรือยกตัวอย่างอีกสัก
00:13:12 → 00:13:13 นิดนึงครับว่า psychological safety
00:13:13 → 00:13:17 เนี่ยมันมันประมาณไหนอะไรเงี้ยอครับก็ก็
00:13:17 → 00:13:21 ผมว่าด้วยคือผมผมชอบที่อาจารย์เห็นแง่มุม
00:13:21 → 00:13:23 ของPowerาเวอร์หรือว่าอำนาจในที่ทำงานที่
00:13:23 → 00:13:26 ไม่เท่ากันนะครับอันนี้เอ่อใช่เลยครับ
00:13:26 → 00:13:29 อาจารย์แล้วก็ผมคิดว่าไอ้ความต่างของแต่
00:13:29 → 00:13:31 ละเจนเนี่ยผมว่าเรื่องของ Power Relation
00:13:31 → 00:13:33 หรือว่าความต่างของอำนาจเนี่ยมันก็แตก
00:13:33 → 00:13:36 ต่างกันตามไปด้วยเงี้ยครับเอ่อสำหรับเอ่อ
00:13:36 → 00:13:39 สำหรับคนที่ที่มาจากเจนวเนี่ยเราอาจจะ
00:13:39 → 00:13:44 เคารพเอ่อไฮyหรือว่าไอ้ไอระดับชั้นในที่
00:13:44 → 00:13:46 ทำงานนะครับแต่ว่าสำหรับเด็กเจนใหม่เนี่ย
00:13:46 → 00:13:49 เขาอาจจะอาจจะไม่ได้เห็นแบบนี้แล้วน่ะอาจ
00:13:49 → 00:13:53 จะเห็นเรื่องของเรื่องของเหตุผลเรื่องของ
00:13:53 → 00:13:56 การเปิดโอกาสให้พูดคุยกันอะไรอย่างเงี้ย
00:13:56 → 00:13:59 ครับซึ่งอซึ่งเอ่อผมผมคิดว่าบางทีวิธีคิด
00:13:59 → 00:14:01 ของแต่ละแต่ละวัยก็ก็ขัดขัดแย้งการอย่าง
00:14:01 → 00:14:04 เงี้ยใช่มั้ฮะอาจารย์อาจารย์ก็เลยก็เลยก็
00:14:04 → 00:14:08 เลยคิดว่าบางทีเอ่อแต่สิ่งที่ผมอยากบอก
00:14:08 → 00:14:11 ว่าเอ่อส่วนหนึ่งถ้าเกิดตัวเราเราเข้าใจ
00:14:11 → 00:14:14 ได้นะครับอาจารย์ว่าแต่ละช่วงวัยเนี่ยก็
00:14:14 → 00:14:16 มีผมชอบคำนี้ครับอาจารย์ความหลากหลายแต่
00:14:16 → 00:14:18 ละกลุ่มเนี่ยแต่ละกลุ่มก็มี challeng ของ
00:14:18 → 00:14:21 ตัวเองอือย่างเงี้ยนะครับซึ่งถ้าเกิดเรา
00:14:21 → 00:14:24 ยอมรับ challeng ของเราได้แล้วก็เรารู้
00:14:24 → 00:14:26 ว่าเออบางทีเนี่ยที่เราชอบที่เราถนัด
00:14:26 → 00:14:29 เนี่ยมันอาจจะไม่ได้มันเป็นสิ่งที่มันถูก
00:14:29 → 00:14:31 ทั้งหมดอย่างเงี้ยนะครับตัวอย่างเช่นเอ่อ
00:14:31 → 00:14:33 ตอนที่เอ่อเอ่อเราไปทำงานใหม่ๆอ่ะสมมุติ
00:14:33 → 00:14:36 ว่าด้วยเรื่องเจนนะคะอาจารย์เช่นเอ่อ
00:14:36 → 00:14:39 เนี่ยจากวิธีการที่ทำมาพวกนี้มันช้าเรา
00:14:39 → 00:14:41 เปลี่ยนไปใช้คอมพิวเตอร์ดีมั้ยเปลี่ยนไป
00:14:41 → 00:14:43 ใช้ไอ้โน้นไอ้นี่ดีมั้ยอย่างเงี้ยบางที
00:14:43 → 00:14:46 ไอ้ไอ้ตัวอันนี้บางทีมันอาจจะเป็น
00:14:46 → 00:14:49 challeng ของคนที่เอ่ออายุเยอะหน่อยไม่
00:14:49 → 00:14:51 ได้โตมากับไอทีไม่ได้โตมากับคอมพิวเตอร์
00:14:51 → 00:14:53 ใช่มั้ยครับแต่ว่าบางทีถ้าเกิดเขาไม่ได้
00:14:53 → 00:14:55 ยอมรับว่ามันเป็นชallengของตัวเองอ่ะเขา
00:14:55 → 00:14:57 จะรู้สึกว่าอันนี้มันไม่จำเป็นอย่างเงี้ย
00:14:57 → 00:15:00 มันมันก็จะก็จะมีการรู้สึกว่าไม่เห็นไม่
00:15:00 → 00:15:02 เห็นจำเป็นเลยแบบไร้สาระไม่
00:15:02 → 00:15:08 อ้าว่าเป็นของเราแล้วก็อีกความแล้วก็ใน
00:15:08 → 00:15:11 เรื่องนี้ที่เรียนรู้หรือว่าช่วยเราใน
00:15:11 → 00:15:13 เรื่องพวกนี้ได้ในขณะที่ challeng ของ
00:15:13 → 00:15:16 เด็กรุ่นใหม่บางทีเขาอาจจะไม่เข้าใจในบาง
00:15:16 → 00:15:19 เรื่องใช่มครับเอ่อประสบการณ์เอ่อการทำ
00:15:19 → 00:15:22 งานอะไรบางอย่างที่ที่คนอายุเยอะกว่า
00:15:22 → 00:15:25 เนี่ยอาจจะเข้าใจมากกว่าเนี่ยก็อาจจะช่วย
00:15:25 → 00:15:28 เขาได้ครับการยอมรับชallengของตัวเองการ
00:15:28 → 00:15:31 รับฟังนะครับมันก็จะทำให้การทำงานน่ะมัน
00:15:31 → 00:15:35 มีหลายแง่มุมมีหลายมิติมากขึ้นเงี้ยครับ
00:15:35 → 00:15:37 จริงๆเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างที่จะ
00:15:37 → 00:15:39 เค้าเรียกอะไรล่ะซ่อนเร้นมองไม่ค่อยเห็น
00:15:39 → 00:15:42 นะอาจารย์เพราะเราคุ้นชินกับความคุ้นชิน
00:15:42 → 00:15:45 เดิมของเราอยู่นะผมเคยอ่านวิจัยอันนึง
00:15:45 → 00:15:48 สั้นๆเป็นบทความสั้นๆนะเบอกว่าในแต่ละวัน
00:15:48 → 00:15:53 เนี่ยคนต่างกันเนี่ยอคนชัเดิมจะฟังภาษาคน
00:15:53 → 00:15:56 รุ่นใหม่เนี่ยไม่ออกซักประมาณวันละสซัก
00:15:56 → 00:15:58 เกือบ 10 คำมั้งครับเป็นศัพท์ใหม่ภาษา
00:15:58 → 00:16:00 ใหม่อะไรเงี้ยครับมันแตกต่างเพราะว่ามัน
00:16:00 → 00:16:02 จะมีศัพทศัพท์เฉพาะ generation เรามีการ
00:16:02 → 00:16:05 บัญญัติศัพท์ใหม่อะไรเรื่อยๆจริงๆที่ทำ
00:16:05 → 00:16:08 งานผมก็มีนักศึกษามาฝึกงานแล้วเราคุยกับเ
00:16:08 → 00:16:11 ก็จะรู้ว่าเอ้ยเพูดไอ้คำนี้แปลว่าอะไรนะ
00:16:12 → 00:16:16 แต่ผมก็อาจจะตามไม่ทันหรือผมอาจจะมีสบัติ
00:16:16 → 00:16:21 สำนวนนะสุภาษิตอ่าดั้งเดิมคลาสสิคหน่อยยก
00:16:21 → 00:16:24 ตัวอย่างเป็นสุภาษิตเก็จะงงว่าพูดถึงอะไร
00:16:24 → 00:16:26 กันอยู่อะไรเงี้ครับอันนี้คือสิ่งที่สัง
00:16:26 → 00:16:29 ถ้าสังเกตดีๆมันก็เห็นเนาะแต่ว่าถ้ามันมี
00:16:29 → 00:16:32 ความยอมรับในการเปิดกว้างจริงๆก็ก็ถามได้
00:16:32 → 00:16:34 ว่ามันแปลว่าอะไรหรืออะไรอย่างเงี้ยนะ
00:16:34 → 00:16:36 ครับแต่ถ้าไม่พูดถึงหรือนั่นเอาไว้เนี่ย
00:16:36 → 00:16:40 มันก็จะเกิดอคติอ่ะเอออคติว่าพูดอะไรกัน
00:16:40 → 00:16:42 ทำอะไรกันมีสงภาษาอะไรอย่างเงี้ยมันจะมี
00:16:42 → 00:16:45 เรื่องประเด็นเหล่าเนี้ยเล็กๆน้อยๆแต่มัน
00:16:45 → 00:16:47 ก็จะค่อยๆก่อรูปขึ้นมาเป็นเรื่องวัยที่
00:16:47 → 00:16:49 อาจารย์พยายามจะเลี่ยงคำว่าช่วงวัยที่แตก
00:16:49 → 00:16:52 ต่างกันนะจริงๆมันมีอะไรเมันก็กลายเป็น
00:16:52 → 00:16:54 แล้วมีอคติมีบวกเรื่องอำนาจที่ไม่เท่า
00:16:54 → 00:16:57 เทียมกันอะไรอย่างเงี้ยอาจารย์พูดล่ะคน
00:16:57 → 00:16:59 ไทยให้เกียรติผู้อาวุโสเยอะแล้วก็มักจะ
00:16:59 → 00:17:01 ให้ผู้อาวุโสเนี่ยมีอำนาจมากกว่าหรือมัน
00:17:01 → 00:17:04 โดยทั่วก็ต้องรู้จักเกรงใจผู้ใหญ่หรือ
00:17:04 → 00:17:07 อะไรเงี้ยแต่ว่าทั้งในที่ทำงานเนี่ยมัน
00:17:07 → 00:17:09 อาจจะไม่ใช่แค่คือความเกรงใจมันก็ต้องมี
00:17:09 → 00:17:12 เนาะแต่ว่าไอ้ความเสนอความเห็นที่มันแตก
00:17:12 → 00:17:15 ต่างหลากหลายเสนอไอเดียใหม่ๆมันจะเกิด
00:17:15 → 00:17:17 ความคิดสร้างสรรค์ทางเลือกใหม่ๆวิธีการ
00:17:17 → 00:17:20 ที่คนรุ่นใหม่มองเห็นที่อาจารย์บอกก็ใช้
00:17:20 → 00:17:22 คอมพิวเตอร์มาช่วยสิใช้ AI มาช่วยสิไม่
00:17:22 → 00:17:24 ต้องใช้วิธีเดิมก็ได้อย่างเงี้ยคือถ้าไม่
00:17:25 → 00:17:27 เปิดกว้างเนี่ยคนรุ่นเดิมเนี่ยก็จะไม่มี
00:17:27 → 00:17:30 โอกาสได้เห็นสิ่งเหล่า
00:17:30 → 00:17:32 มันแล้วมันเป็นที่มันเป็นปัญหาในที่ทำงาน
00:17:32 → 00:17:34 เยอะเหรอครับอาจารย์ที่เราพูดกันเนี่ยคือ
00:17:34 → 00:17:37 คือผมผมว่าเรื่องพวกนี้ละเอียดอ่อนนิดนึง
00:17:37 → 00:17:39 คือเราอาจจะพูดถึงเรื่องเจนเยอะใช่มั้แต่
00:17:39 → 00:17:41 ว่าถ้าเราไม่พูดถึงตัวอื่นเลยบางทีเขาจะ
00:17:41 → 00:17:43 เอ๊ะไม่พูดถึงความเรื่องอื่นหรือเปล่า
00:17:43 → 00:17:47 เรื่องเพศเรื่องความพิการเรื่องร่างกาย
00:17:47 → 00:17:50 เงี้ยจริงๆผมผมคิดว่าเราจริงๆพวกนี้สำคัญ
00:17:50 → 00:17:52 หมดนะครับผมผมว่าเราอาจจะไม่ได้พูดถึงใน
00:17:52 → 00:17:58 พcสแต่แต่ทั้งหมดสำคัญฮะผมว่าสวนนึงไอ้
00:17:58 → 00:18:01 ความเอผมผมว่ามันมีมันมีไอเดียนึงที่ผม
00:18:01 → 00:18:03 ค่อนข้างชอบอ่ะครับคือคือประเด็นประเด็น
00:18:03 → 00:18:06 พวกนี้มันอยู่ในเรื่องของความแตกต่างทาง
00:18:06 → 00:18:08 วัฒนธรรมอย่างเงี้ยใช่มั้ยครับคือ
00:18:08 → 00:18:10 วัฒนธรรมเรามองอาจจะมองไม่ไม่ได้เป็นแค่
00:18:10 → 00:18:13 คนเหนือคนอีสานไทยฝรั่งแต่ว่าจริงๆเป็น
00:18:13 → 00:18:17 วัฒนธรรมย่อยเงี้ยเออของของศาสนาของเพศ
00:18:17 → 00:18:19 สภาพอะไรเงี้ยนะครับก็ผมว่าสิ่งหนึ่งที่
00:18:19 → 00:18:23 ทำให้เราก็คือเราเราเอ่อเราอาจจะตระหนัก
00:18:23 → 00:18:25 นะครับว่าเรามาจากที่ไหนทำให้เรามีวิธี
00:18:25 → 00:18:28 คิดแบบนี้มีความเชื่อแบบนี้เงี้ยแล้วก็คน
00:18:28 → 00:18:31 อื่นอาจจะไม่คิดไม่เห็นไม่เหมือนกับเรา
00:18:31 → 00:18:36 แล้วก็ความสนใจใครรู้การอยากเข้าใจเา
00:18:36 → 00:18:38 เนี่ยการอยากยอมรับแล้วก็อยากเรื่องของ
00:18:38 → 00:18:41 empathy อะไรเงี้ยนะฮผมว่ามันน่าจะเป็น
00:18:41 → 00:18:45 เครื่องมือสำคัญน่ะที่ทำให้มันลดความลดลด
00:18:45 → 00:18:49 ความเอ่ออคติที่มีต่อเวลาเราไม่รู้เรื่อง
00:18:50 → 00:18:52 อะไรมันก็คืออคติใช่มั้แต่ถ้าเกิดเราเข้า
00:18:52 → 00:18:56 ไปมองมันเข้าไปใส่ใจกับมันเข้าไปทำความ
00:18:56 → 00:18:58 รู้จักมันเนี่ยนะครับสิ่งต่างๆพวกเนี้ย
00:18:58 → 00:19:01 เราก็จะเข้าใจมากขึ้นแล้วก็อคติมันก็จะ
00:19:01 → 00:19:04 ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างเงี้ยครับเปิดใจเนาะ
00:19:04 → 00:19:08 แล้วก็เรียนรู้ตัวเองเรียนรู้คนรู้จักคน
00:19:08 → 00:19:10 อื่นรู้จักความเหมือนความต่างกันอะไร
00:19:10 → 00:19:13 เงี้ยคราวนี้ในที่ทำงานมันจะส่งเสริมสิ่ง
00:19:13 → 00:19:15 เหล่านี้กันยังไงครับอาจารย์แล้วมันจะไป
00:19:15 → 00:19:18 ส่งมันทำให้เกิดสุขภาพจิตที่ดีในการทำงาน
00:19:18 → 00:19:20 ได้ยังไงบ้างสมมุติเราโอเคเราส่งเสริมเรา
00:19:20 → 00:19:24 พยายามจะเปิดกว้างเรื่องเนี้ยก็ทำยังไง
00:19:24 → 00:19:25 ได้บ้างครับอาจารย์
00:19:25 → 00:19:28 ผมว่าเอ่อไอ้ผมว่าสเต็ปแรกก็คือถ้าเกิด
00:19:28 → 00:19:31 มันมีพื้นที่ที่เปิดโอกาสนะครับเปิดโอกาส
00:19:31 → 00:19:34 ให้สื่อสารให้ทำความเข้าใจกันอย่างเงี้ย
00:19:34 → 00:19:38 นะครับมันก็เอ่อมันมันมันก็จะเป็นจุด
00:19:38 → 00:19:42 เริ่มต้นที่ดีมากอย่างเงี้ครับซึ่งเอ่อก็
00:19:42 → 00:19:44 คงเลี่ยงไม่ได้ว่าคนที่จะเปิดโอกาสเนี่ย
00:19:44 → 00:19:47 เออผู้นำนะครับในหัวหน้าทีมอย่างเงี้ยก็
00:19:47 → 00:19:51 มีส่วนสำคัญอแน่นอนถึงแม้ว่าโอเคเ้ามัน
00:19:51 → 00:19:53 อาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยที่หัวหน้าอย่าง
00:19:53 → 00:19:57 เดียวใช่มั้ครับแต่ผมว่าหัวหน้าเนี่ยก็
00:19:57 → 00:19:59 เรียกไม่ได้ว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลมากตัว
00:19:59 → 00:20:01 อย่างเช่นเขาอาจจะในที่ประชุมเนี่ยแทนที่
00:20:01 → 00:20:04 วัดจะทำยังไงแต่เขาอาจจะเปลี่ยนคำถามใช่
00:20:04 → 00:20:06 มั้ยอาจารย์เพื่อนขอฟังความเห็นจากคนนี้
00:20:06 → 00:20:10 หน่อยในฐานะที่เอ่อเป็นคนรุ่นใหม่เห็นต่อ
00:20:10 → 00:20:13 เรื่องนี้ยังไงเงี้ยเอ่อขอความเห็นจากคน
00:20:13 → 00:20:15 นี้หน่อยหรือว่าถ้าเกิดเอ่อถ้าเกิดในมุม
00:20:15 → 00:20:19 มองของ LGBT เนี่ยเอ่อพวกเนี้ยมันโอเคมย
00:20:19 → 00:20:23 มันมันมันมันมีคำที่มันรู้สึกทำให้คุกค้า
00:20:23 → 00:20:25 มันไม่โอเคหรือเปล่าเป็นแบบไหนอาจารย์
00:20:25 → 00:20:27 อย่างตอนนั้นผมก็เขียนบทความใช่มครับ
00:20:27 → 00:20:31 เขียนบทความเราก็เราก็ให้ให้กับให้ให้
00:20:31 → 00:20:34 เด็กให้ให้เด็กรุ่นใหม่ดูให้หน่อยสิผม
00:20:34 → 00:20:38 เขียนภาษาที่ผมเขียนมันโบราณไป
00:20:38 → 00:20:40 ครับไม่งั้นแบบเออเพราะเพราะว่าเพราะเข้า
00:20:40 → 00:20:44 ใจว่ากลุ่มคือกลุ่มกลุ่มที่จะมาอ่านเ่ะก็
00:20:44 → 00:20:46 เป็นวัยรุ่นหน่อยอะไรเงี้ยครับก็เลยเออ
00:20:46 → 00:20:48 ช่วยปรับช่วยดูภาษาให้ผมอะไรเงี้ยเราก็
00:20:48 → 00:20:51 ยอมรับในความรักแล้วอาจารย์เจออะไรเ
00:20:51 → 00:20:53 ฟีดแบคอะไรประมาณไหนฟีดแบคอย่างเงี้ยครับ
00:20:53 → 00:20:56 เปรับทำให้อย่างเงี้ยทำให้บอกว่าคำนี้แบบ
00:20:56 → 00:20:59 อันนี้อันนี้โบราณไปนิดนึงก็เออแล้วแต่
00:20:59 → 00:21:01 เราก็เข้าใจครับเราก็เข้าใจเพราะว่าแบบ
00:21:01 → 00:21:04 ที่บอกว่าจริงๆเราบางทีกลุ่มเป้าหมายของ
00:21:04 → 00:21:07 เราของที่ทำงานเราเนี่ยบางทีก็อาจจะเอ่อ
00:21:07 → 00:21:10 เป็นกลุ่มที่แตกต่างจากเราเงี้ยครับ
00:21:10 → 00:21:12 อาจารย์แล้วก็บางทีเนื่องจากเราเกิดมาใน
00:21:12 → 00:21:15 สภาพแวดล้อมแบบนี้ถูกถูกทำให้คิดแบบนี้
00:21:15 → 00:21:17 อ่ะถูกให้มีความเชื่อแบบนี้เนี่ยบางทีเรา
00:21:18 → 00:21:21 ก็อไม่สามารถดูได้จริงๆอ่ะว่าคือคือบางคำ
00:21:21 → 00:21:24 บางคำมันอาจจะดูไม่เหยียดใช่มั้ครับในใน
00:21:24 → 00:21:26 สายตาเราอ่ะเรารู้สึกไม่เหยียดแต่ว่าใน
00:21:26 → 00:21:30 อีกมุมของคนกลุ่มนั้นน่ะที่เขาถูกเหยียด
00:21:30 → 00:21:35 เขาถูกอะไรมาน่ะเราเขาก็บอกว่าก็ก็คุณไม่
00:21:35 → 00:21:37 มีสตอี่พวกนี้คุณไม่ถูกทำร้ายจิตใจด้วย
00:21:37 → 00:21:40 ด้วยคำพูดเนี่ยคุณก็ไม่รู้สึกหรอกแต่ว่า
00:21:40 → 00:21:42 เขาอ่ะเเเจอมาฉะนั้นเขารู้สึกอย่างเงี้ย
00:21:42 → 00:21:46 นะครับฉะนั้นการทำความเข้าใจอ๋อเรู้สึก
00:21:46 → 00:21:49 แบบนี้เหรอแทนที่จะแบบรู้สึกตั้งแต่ตั้ง
00:21:49 → 00:21:51 แต่แล้วหรือแทนที่เราจะปฏิเสธตั้งแต่แรก
00:21:51 → 00:21:54 ว่าทำไมแค่นี้ไม่เจ็บอย่างเงี้ยเนาะก็เรา
00:21:54 → 00:21:56 ไม่เจ็บไม่ได้หมายความว่าเไม่เจ็บใช่มั้
00:21:56 → 00:21:59 ครับทำความเข้าใจกันเงี้ยครับออเข้าใจมัน
00:21:59 → 00:22:02 ก็อาจจะมีเกิดการปรับคือเข้าใจว่าคนที่
00:22:02 → 00:22:05 ใช้คำนั้นอาจจะไม่ไม่มีเจตนาหรอกนะแต่ว่า
00:22:05 → 00:22:07 เขาก็ไม่ได้มีแบคgroundไม่ได้มี
00:22:07 → 00:22:09 ประสบการณ์บางอย่างร่วมกับอีกฝ่ายหนึ่ง
00:22:09 → 00:22:12 ที่อาจารย์ว่าไม่มีบาดแผลมาร่วมกันอะไร
00:22:12 → 00:22:17 เงี้ยถ้ามันมีการสื่อสารการยอมรับการเปิด
00:22:17 → 00:22:19 กว้างที่อาจารย์บอกใช้ว่าพื้นที่เนาะมี
00:22:19 → 00:22:22 พื้นที่มีแพลตฟอร์มให้เขาซึ่งกันและกัน
00:22:22 → 00:22:25 ได้มันจะเห็นว่าเออมันมีความแตกต่างกัน
00:22:25 → 00:22:27 อยู่นะมีความนะ diversity มีความหลากหลาย
00:22:27 → 00:22:30 คือประสบการณ์ไม่เหมือนชุดคนละชุดกันนะ
00:22:30 → 00:22:34 มันก็เลยคำitiveต่อศัพท์หรือคำพูดก็ไม่
00:22:34 → 00:22:37 เท่ากันยกตัวอย่างนะครับเนคราวนี้เนี่ย
00:22:37 → 00:22:39 เราจะส่งเสริมสิ่งเหล่าเนี้ยในที่ทำงาน
00:22:39 → 00:22:42 ได้ยังไงครับอาจารย์อืว่าเอาล่ะมันดี
00:22:42 → 00:22:45 ระดับนึงมีพื้นที่ให้คนเข้าอกเข้าใจกันลด
00:22:45 → 00:22:49 ปัญหาความขัดแย้งโดยไม่จำเป็นนะหรือลด
00:22:49 → 00:22:52 ปัญหาความ insensitive บางเรื่องที่ไป
00:22:52 → 00:22:54 กระทบกับอีกคนนึงโดยไม่มีเจตนาเนี่ยเรา
00:22:54 → 00:22:57 ส่งเสริมมันได้ยังไงบ้างครับถ้าอาจารย์พอ
00:22:57 → 00:23:01 มีตัวอย่างมั้ยครับก็ผมผมคิดว่าจริงๆมัน
00:23:01 → 00:23:03 ก็มีกระบวนการที่ที่หลากหลายนะครับแต่ผม
00:23:03 → 00:23:07 ว่าสิ่งนึงการผมว่าการให้พื้นที่เนี่ย
00:23:07 → 00:23:11 เป็นสิ่งที่เอ่อผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่ม
00:23:11 → 00:23:13 ต้นที่ดีที่สุดอย่างเงี้ยครับอือเนาะแล้ว
00:23:13 → 00:23:17 ก็เอ่อผมคิดว่าการส่งเสริมการให้พื้นที่
00:23:17 → 00:23:19 การมีโอกาสการรับฟังใช่มั้ยครับซึ่งซึ่ง
00:23:19 → 00:23:22 พวกเยมันอาจจะทำได้หลายแบบมากตัวอย่าง
00:23:22 → 00:23:26 เช่นเอ่ออาจจะอาจจะเป็นในที่ประชุมใช่
00:23:26 → 00:23:28 มั้ยครับเอ่อมีพื้นที่ให้แต่ละคนแสดงความ
00:23:28 → 00:23:32 เห็นโดยไม่เอ่อไม่ไม่ตัดความเห็นเขาตั้ง
00:23:32 → 00:23:35 แต่แรกไม่ไม่จัความเห็นเขาตั้งแต่แรกอัน
00:23:35 → 00:23:37 นี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ง่ายที่สุดในที่
00:23:37 → 00:23:39 ประชุมใช่มั้ครับหรือว่ามันอาจจะมีโครง
00:23:39 → 00:23:42 การบางอย่างมีกิจกรรมบางอย่างอ่ะซึ่งผม
00:23:42 → 00:23:44 ว่าอย่างบางทีอันนี้อันนี้ต้องระมัดระวัง
00:23:44 → 00:23:46 นะคะอาจารย์บางทีกิจกรรมบางอย่างที่เรา
00:23:46 → 00:23:48 รู้สึกว่าเออเหมือนจะเพิ่มความ inclusion
00:23:49 → 00:23:51 แต่ว่ามันก็ส่งผลกระทบด้วยในตัวมันเอง
00:23:51 → 00:23:54 อย่างเงี้ยครับตัวอย่างเช่นบอกว่านี่
00:23:54 → 00:23:56 เพราะบางทีเราบางทีอันนี้ตัวอย่างนะครับ
00:23:57 → 00:24:01 เช่นบอกว่าเนี่ยนะเดี๋ยวเราจะเล่นกีฬาสี
00:24:01 → 00:24:04 เงี้เนาะกีฬาสีเพื่อเพิ่มความเอ่อเพิ่ม
00:24:04 → 00:24:06 ความสัมพันธ์เออกมเกียวกันอย่างเงี้ยแต่
00:24:06 → 00:24:08 ว่าถ้าเราเข้าใจว่าเออความหลากหลายก็คือ
00:24:08 → 00:24:11 อาจจะมีบางคนที่เอ่อเ้าบอกว่าเออกีฬาศิน
00:24:11 → 00:24:14 เ่ะให้แต่งตัวมาด้วยนะงานเลี้ยงแต่งตัว
00:24:14 → 00:24:15 ให้นู่นนี่นั่นอย่างเงี้ยใช่มั้แต่ว่าถ้า
00:24:16 → 00:24:17 เกิดความหลากหลายก็จะเข้าใจเออคนบางคนชอบ
00:24:17 → 00:24:20 เล่นกีฬาคนบางคนไม่ชอบอือใช่มั้ยนะครับคน
00:24:20 → 00:24:25 บางคนชอบแต่งตัวชอบเต้นคนบางคนเป็นinทว์
00:24:25 → 00:24:28 อย่างเงี้ยครับที่ที่อาจจะรู้สึกว่าเอ่อ
00:24:28 → 00:24:31 ไม่ได้ไม่ได้มีความสุขอ่ะแล้วก็การที่เ
00:24:31 → 00:24:33 เอาเ้ามาเนี่ยมันเหมือนเป็นการลงโทษมาก
00:24:33 → 00:24:35 กว่าอะไรเงี้ยนะครับบางทีเนี่ยผมว่าไอ้
00:24:35 → 00:24:38 ไอ้ตัวไอ้ตัวกิจกรรมพวกนี้น่ะมันอาจจะ
00:24:38 → 00:24:40 ต้องเอ่อให้ทางเลือกอย่างเงี้ยใช่มั้ย
00:24:40 → 00:24:42 ครับให้ทางเลือกแล้วก็อาจจะให้มีส่วนร่วม
00:24:42 → 00:24:45 เงี้ยครับแล้วก็ลองฟังความเห็นแล้วก็ผม
00:24:45 → 00:24:48 ว่าเรื่องของการบังคับเนี่ยผมว่าอันนี้
00:24:48 → 00:24:49 มันก็อาจ
00:24:49 → 00:24:52 จะอาจจะต้องระมัดระวังผมผมใช้คำว่าระมัด
00:24:52 → 00:24:54 ระวังเพราะว่าผมว่ามันเป็นการบาลานซเนาะ
00:24:54 → 00:24:58 ระหว่างอำนาจกับกับเอ่อเพื่อให้มันเป็น
00:24:58 → 00:25:01 กลมเกลียวไปทางหนึ่งทางเดียวกันกับการยอม
00:25:01 → 00:25:04 รับความแตกต่างออืที่แล้วก็ให้ฟรีกับ
00:25:05 → 00:25:07 อิสระอะไรเงี้ยครับใช่ๆแล้วก็มักจะใช้
00:25:07 → 00:25:11 วาทกรรมว่าความสามัคคีให้ร่วมมือร่วมใจ
00:25:11 → 00:25:13 ให้ไอ้ร่วมกันแต่อาจารย์ผมก็อาจจะอาจจะ
00:25:13 → 00:25:16 ต้องมีเรื่องทางเลือกความหลากหลายให้เมี
00:25:16 → 00:25:21 อโนมี่ให้เมีสิทธิ์เลือกได้อสมส่วนร่วมใน
00:25:21 → 00:25:24 การออกแบบกิจกรรมตั้งแต่ต้นอะไรเงี้นะ
00:25:24 → 00:25:26 ครับนี่คือวิธีการให้เกิดส่งเสริมให้เกิด
00:25:26 → 00:25:30 ความหลากหลายการมีส่วนร่วมแล้วก็การอะไร
00:25:30 → 00:25:34 ล่ะนับรวมเข้ามาของคนที่มันแตกต่างหลาก
00:25:34 → 00:25:36 หลายไม่ว่าเรื่องบุคลิกที่อาจารย์บอกนะคน
00:25:36 → 00:25:40 ชอบเต้นไม่ชอบเต้นคนอถนัดเล่นกีฬาบางคนก็
00:25:40 → 00:25:43 ไม่ถนัดเล่นกีฬาอะไรอย่างเงี้ยครับอืก็
00:25:43 → 00:25:45 อันนี้ก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่มันเกิด
00:25:45 → 00:25:49 ขึ้นในองค์กรนะแต่ถ้าเราอรายละเอียดหรือ
00:25:49 → 00:25:52 มีความละเอียดอ่อนมันก็จะเห็นในสิ่งเหล่า
00:25:52 → 00:25:56 นี้ได้ได้ชัดเจนขึ้นเนาะจริงๆเรื่องไอ้
00:25:56 → 00:25:58 เรื่องความหลากหลายเรื่อง DEI เนี่ยนะ
00:25:58 → 00:26:00 ครับแล้วก็เป็นเรื่องที่จริงๆมีอยู่ช่วง
00:26:00 → 00:26:03 นึงมันก็เป็นเทรนด์ที่มาแรงนะจริงๆมีการ
00:26:03 → 00:26:07 ส่งเสริมระดับนโยบายระดับชาติอะไรงั้นกัน
00:26:07 → 00:26:11 ด้วยนะครับอาจารย์ว่าถ้าอาจารย์จำได้ก็ยก
00:26:11 → 00:26:13 ตัวอย่างอเมริกาเป็นตัวอย่างนะตนี้ Hot
00:26:13 → 00:26:16 Topic ทั้งหลายนะก็พอนโยบายเปลี่ยนเนี่ย
00:26:16 → 00:26:20 ปุ๊บอ้าบริษัทต่างๆก็ต้องปรับตัวตามนะ
00:26:20 → 00:26:22 ครับเพราะยุคประชาธิบดีท่านใหม่เนี่ยท่าน
00:26:22 → 00:26:25 ก็จะมีความคิดอีกอย่างนี้ท่านเก่าก็มี
00:26:25 → 00:26:27 ความคิดอีกอย่างจริงๆมันก็เป็นความหลาก
00:26:27 → 00:26:29 หลายแต่มันพอเป็นระดับผู้นำเเหมือนที่
00:26:29 → 00:26:33 อาจารย์ว่ามันส่งผลกระทบลงมาถึงนโยบายถึง
00:26:33 → 00:26:36 ผู้คนถึงอะไรอย่างเงี้ยนะครับนะในต่าง
00:26:36 → 00:26:38 ประเทศเนี่ยจริงๆแล้วก็มีการส่งเสริม
00:26:38 → 00:26:41 เรื่องความหลากหลายกันอยู่เยอะอยู่เหมือน
00:26:41 → 00:26:43 กันนะครับไม่ว่าเรื่องเพศสภาพเรื่องสีผิว
00:26:44 → 00:26:46 นะต่างประเทศจะมีเรื่องสีผิวหรือเรื่อง
00:26:46 → 00:26:49 ภาษาเรื่องนะสำเนียงอะไรมันมีความแตกต่าง
00:26:49 → 00:26:52 หลากหลายแต่ว่าจริงๆแล้วเรื่องเนี้ยมันมา
00:26:52 → 00:26:54 ตั้งแต่เรื่องการเลี้ยงดูให้ให้พ่อแม่
00:26:54 → 00:26:57 เปิดใจกว้างหรือในโรงเรียนให้เด็กเข้าใจ
00:26:57 → 00:27:01 ถึงความหลากหลายคนชายขอบคนเมนคนกลุ่มหลัก
00:27:01 → 00:27:04 กลุ่มคนชายขอบอะไรเงี้ยแล้วมันสักพักมัน
00:27:04 → 00:27:07 ก็เข้ามาถึงสู่วัยทำงานอด้วยอะไรเงี้ยนะ
00:27:07 → 00:27:11 ครับนะจริงๆแล้วก็ในตอนแรกนี่ช่วงมีอยู่
00:27:11 → 00:27:14 ช่วงนึงก็จะมีหน่วยงานส่งเสริมเรื่องความ
00:27:14 → 00:27:16 หลากหลายในต่างประเทศเป็นนโยบายอาจารย์พอ
00:27:16 → 00:27:18 มีประสบการณ์หรือมี background หรือมี
00:27:19 → 00:27:21 ความรู้เรื่องนี้แชร์กันนิดหน่อยมั้ครับ
00:27:21 → 00:27:26 ก็จริงๆเค้าเก็มันก็ผ่านกระบวนผ่านนโยบาย
00:27:26 → 00:27:29 ใช่มั้ครับผ่านนโยบายก็จริงๆบางคนฟังคำ
00:27:29 → 00:27:32 ว่า DI เวลาคุณไม่ชอบนโยบายนี้นะเาก็อาจ
00:27:32 → 00:27:37 จะอหาเอ๊ะทำไมนี่ไงพอมันมีบริษัทบางอันก็
00:27:37 → 00:27:38 ไม่เอาอันนี้ไงแต่ว่าอันนี้มันไม่ดีอะไร
00:27:38 → 00:27:41 เงี้ยใช่มั้ครับทีเนี้ยแต่แต่ผมก็ชอบเห็น
00:27:41 → 00:27:44 ด้วยกับที่อาจารย์บอกนะอาจารย์ที่บอกว่า
00:27:44 → 00:27:47 เอ่อจริงๆมันก็มีเรื่องของเรื่องของผู้นำ
00:27:47 → 00:27:49 ใช่มั้ครับที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วยซึ่งอั
00:27:49 → 00:27:52 ทัศนคติเอ่อฝั่งการเมืองนะอนุรักษ์นิยม
00:27:52 → 00:27:54 เฉียดนิยมเนี่ยอันนี้มันก็เป็นความหลาก
00:27:54 → 00:27:57 หลายอย่างเงี้ยนะครับทีนี้น่ะเอ่อพอเา้า
00:27:57 → 00:27:59 ยกเลิกใช่มั้ยครับยกเลิกเนี่ยแล้วก็เอ่อ
00:27:59 → 00:28:02 นโยบายทางภาษีบางอย่างอย่างเงี้ยมันก็ถูก
00:28:02 → 00:28:05 ตัดออกไปแล้วก็บริษัทหลายบริษัทที่เอ่อ
00:28:05 → 00:28:09 ที่รับนโยบายพวกนี้เนี่ยเอ่อแล้วผมว่า
00:28:09 → 00:28:13 กระบวนการผมว่าจริงๆจริงๆผมคิดว่ามนุษย์
00:28:13 → 00:28:16 ไม่ได้ชอบถูกบังคับแบบนั้นครับแต่ว่าไอ้
00:28:16 → 00:28:19 นโยบายบางอย่างที่ DI ที่เขายกเลิกเนี่ย
00:28:19 → 00:28:22 บางทีมันก็มีรายละเอียดค่อนข้างซับซ้อน
00:28:22 → 00:28:26 ตัวอย่างเช่นเอ่อไอ้ความระมัดระวังนะครับ
00:28:26 → 00:28:30 คือโครงการพวกนี้บางทีเราเราจะทำเพื่อให้
00:28:30 → 00:28:33 มันยมียอมรับความหลากหลายแต่บางทีมันอาจ
00:28:33 → 00:28:37 จะเอ่อขัดขวางความหลากหลายในตัวของมันเอง
00:28:37 → 00:28:39 อย่างเงี้ยครับตัวอย่างเช่นที่เขาcompลน
00:28:39 → 00:28:43 กันเยอะๆนะครับเอ่อเช่นเค้าบอกว่าเอ่อที่
00:28:43 → 00:28:46 เกิดจะได้รับการสนับสนุนทางภาษีจากสหรัฐ
00:28:46 → 00:28:51 เนี่ยบางทีเขาต้องมีสัดส่วนพนักงานตามที่
00:28:51 → 00:28:54 ที่ตามตามสหกรณ์ตัวอย่างเช่นเป็นคนข่าว
00:28:54 → 00:28:56 เท่าไหร่เป็นคนนำเท่าไหร่เป็นเอ่อเป็น
00:28:56 → 00:28:59 เอเชียนเท่าไหร่เป็น LGBT เท่าไหร่อะไร
00:28:59 → 00:29:02 เงี้ยครับซึ่งบางทีเนี่ยเอ่อกลายเป็นว่า
00:29:02 → 00:29:05 เค้าเลือกจากลักษณะพวกนี้ไม่ได้เลือกจาก
00:29:05 → 00:29:08 ความสามารถอืเงี้ยใช่มั้พอเป็นอย่างเงี้
00:29:08 → 00:29:10 เสร็จปุ๊บเนี่ยมันก็ขัดแย้งกันในตัวเอง
00:29:10 → 00:29:13 ว่าเออโอเคโอเคให้ความเท่าเทียมให้โอกาส
00:29:13 → 00:29:14 อันเนี้ย
00:29:14 → 00:29:18 เอ่อก็ก็เข้าใจได้แต่ว่ามันก็ไปขัดขวาง
00:29:18 → 00:29:21 ว่าเออคนที่ถูกเข้ามาก็รู้สึกว่าตัวเอง
00:29:21 → 00:29:23 ถูกเลือกปฏิบัติใช่มั้ครับเออเพราะฉัน
00:29:23 → 00:29:26 เป็นคนขาวเหรอฉันเลยเลือกถูกเลือกปฏิบัติ
00:29:26 → 00:29:29 ไม่ได้ถูกเลือกจากความสามารถมันก็มีความ
00:29:29 → 00:29:32 ขัดแย้งพวกนี้เกิดขึ้นมานะครับผมก็เลยคิด
00:29:32 → 00:29:36 ว่าเอ่อกระบวนการพวกนี้เนี่ยมันก็เลยเอ่อ
00:29:36 → 00:29:40 มันมีเรื่องของการเมืองมันมีเรื่องของ KPI
00:29:40 → 00:29:42 มีเรื่องของนโยบายอะไรบางอย่างมีเรื่อง
00:29:42 → 00:29:44 ค่าใช้จ่ายอะไรบาง
00:29:44 → 00:29:46 ฉะนั้นผมก็เลยคิดว่าไอบางบริษัทที่ยกเลิก
00:29:46 → 00:29:49 เนี่ยบางทีมันอาจจะไม่ใช่ที่
00:29:49 → 00:29:52 ตัวหรือว่าการยอมรับความหลากหลายความเท่า
00:29:52 → 00:29:55 เทียมหรือว่าการหรือว่าการผนวกรวมการเป็น
00:29:55 → 00:29:58 ส่วนหนึ่งอะไรนะครับอาจจะไม่ได้ปฏิเสธไอ
00:29:58 → 00:29:59 พวกนี้อย่างเดียวแต่ว่าเป็นเรื่องของการ
00:29:59 → 00:30:03 ปฏิเสธเรื่องของการดำเนินการตามนโยบาย
00:30:03 → 00:30:05 แล้วก็ตาม KPI อะไรบางอย่างเงี้ยครับไม่
00:30:06 → 00:30:08 ได้ที่เป็นที่ตัวแนวคิดโดยตรงจริงๆบ้าน
00:30:08 → 00:30:10 เราก็มีนโยบายอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับ
00:30:10 → 00:30:12 เรื่องความอันเนี้ยแตกต่างหลากหลายนะครับ
00:30:12 → 00:30:15 นโยบายที่ให้ศิษย์ผู้พิการในการเข้าทำงาน
00:30:15 → 00:30:18 หรือคนแม้ผู้การทางร่างกายหรือทางไหนก็
00:30:18 → 00:30:21 ตามเนี่ยถ้าบริษัทรับเข้ามาก็มีเรื่อง
00:30:21 → 00:30:23 สนับสนุนทางเรื่องภาษีเรื่องอะไรพวกเนี้ย
00:30:24 → 00:30:28 นะครับที่จริงก็มีบางที่ก็ทำได้ดีมากบาง
00:30:28 → 00:30:32 ที่ก็ยังยังไปไม่ไม่เยอะมากนักก็มีนะก็มี
00:30:32 → 00:30:34 เห็นผมก็เห็นตัวอย่างว่าบางบริษัทก็ไม่
00:30:34 → 00:30:37 ไม่ได้คือไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยบางก็เอา
00:30:37 → 00:30:39 เรื่องนี้มาแล้วมีเรื่องภาษีที่อาจารย์
00:30:39 → 00:30:42 ว่านะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอะไรเงี้ยคือ
00:30:42 → 00:30:45 บางทีคือทำทำให้มันครบตาม requirement
00:30:45 → 00:30:48 อย่างเงี้ยแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้มีแง่มุม
00:30:48 → 00:30:51 อาจจะไม่ได้มีการได้รับฟัง Voice ของคน
00:30:52 → 00:30:54 พิการที่เข้าไปทำงานอะไรเงี้ยครับว่าแบบ
00:30:55 → 00:30:58 เป็นยังไงคือหลักๆแล้วไอ้เออยก็ต้องการ
00:30:58 → 00:31:00 คล้ายๆก็ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังคำนึงถึง
00:31:00 → 00:31:03 มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นสูงวัยผู้พิการ
00:31:03 → 00:31:07 เด็กหรือคนที่มีความแตกต่ำว่าทางด้านเพศ
00:31:07 → 00:31:11 สภาพด้านสีผิวด้านภาษาสำเนียงด้านอะไร
00:31:11 → 00:31:13 อย่างเงี้ยนะครับก็ให้รู้จักการเคารพให้
00:31:13 → 00:31:15 เกียรติซึ่งกันและกันแล้วก็เหมือนที่
00:31:15 → 00:31:18 อาจารย์ว่าอยู่ร่วมกันเนาแล้วในความหลาก
00:31:19 → 00:31:21 หลายเนี่ยในในความเหมือนในความเessสเนี่ย
00:31:21 → 00:31:25 มันก็มีความอืรู้สึกปลอดภัยอะไรบางอย่าง
00:31:25 → 00:31:27 อยู่เนาะแต่พอความแตกต่างหลากหลายเนี่ย
00:31:27 → 00:31:30 มันจะมีความรู้สึกเหมือนไม่ปลอดภัยนิดๆ
00:31:30 → 00:31:32 ไม่คุ้นเคยพวกเขาพวกเรานะแต่มันก็พ่วงมา
00:31:32 → 00:31:36 ด้วยความอหลากหลายความคิดสร้างสรรค์ทาง
00:31:36 → 00:31:39 เลือกใหม่ๆทางออกใหม่ๆการเรียนรู้ของคน
00:31:39 → 00:31:41 แต่ละคนไม่เท่ากันอาจารย์ยกเรื่องอาชีพ
00:31:41 → 00:31:44 แต่ละคนถัดไม่เหมือนกันคือเราจะเอาแต่คน
00:31:44 → 00:31:46 ถัดเหมือนเรามันก็จะไม่มีคนอถนัดเรื่อง
00:31:46 → 00:31:49 อื่นหรือทำอย่างอื่นได้มันก็จะย้อนมาถึง
00:31:49 → 00:31:51 เรื่องในสังคมก็เหมือนกันคือไอ้ความแตก
00:31:51 → 00:31:54 ต่างหลากหลายมันมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน
00:31:54 → 00:31:57 พูดง่ายๆนะยกตัวอย่างจากอาชีพมันคือมัน
00:31:57 → 00:32:00 เติมเต็มให้สังคมเราไปได้ไอ้ความหลากหลาย
00:32:00 → 00:32:03 เี่มันก็มาเติมเต็มให้มีความอใหม่มีความ
00:32:03 → 00:32:07 แตกต่างมีนะมี innovation มีอะไรเงี้ยการ
00:32:07 → 00:32:09 รับฟังกันครับแล้วก็เรื่องภาพเหมารวมที่
00:32:09 → 00:32:12 เราอาจจะต้องค่อยให้เอาภาพเหมารวมพวกนั้น
00:32:12 → 00:32:15 ออกด้วยครับอาจารย์ตัวอย่างเช่นอสมมุติผม
00:32:15 → 00:32:16 เป็นผู้ชายใช่มั้ครับทุกคนก็คาดหวังว่า
00:32:16 → 00:32:19 เออเพราะเธอเป็นผู้ชายนะเธอต้องเป็นแบบ
00:32:19 → 00:32:22 นี้เธอต้องเป็นผู้นำเธอต้องทำงานช่างเป็น
00:32:22 → 00:32:24 อะไรเงี้ยแต่จริงๆในผู้ชายด้วยกันก็อาจจะ
00:32:24 → 00:32:28 หลากหลายอาจจะมีคนที่ทำงานช่างไม่เป็นเลย
00:32:28 → 00:32:31 อาจจะมีคนที่อ่อนโยนเข้าใจจิตใจส่วนผู้
00:32:31 → 00:32:33 หญิงก็เหมือนกันใช่มั้ครับ LGBT ก็เหมือน
00:32:33 → 00:32:36 กันอาจจะภาพเหมารวมอะไรพวกนี้เนี่ยอาจจะ
00:32:36 → 00:32:39 ต้องค่อยๆค่อยๆรู้สึกว่าเอามันออกไปด้วย
00:32:39 → 00:32:42 อย่างเงี้ยครับอืๆนะก็มันก็จะช่วยให้เรา
00:32:42 → 00:32:46 ใช้ชีวิตกันอย่างอเค้าเรียกล่ะปลอดภัยเน
00:32:46 → 00:32:48 พูดภาษาจิตวิทยาก็มี pychological safety
00:32:49 → 00:32:51 มากขึ้นแล้วสิ่งเหล่าเนี้ยถ้ามันมีในที่
00:32:51 → 00:32:53 ทำงานเนี่ยอาจารย์บอกมันจะดึงให้คนเนี่ย
00:32:54 → 00:32:57 มีสุขภาพจิตดีมีความกล้าแสดงออกกล้าแสดง
00:32:57 → 00:33:00 ความเห็นรู้สึกมีส่วนร่วมรู้สึกร่วมเป็น
00:33:00 → 00:33:03 เจ้าของนะแล้วก็ไม่เผลอไปกดทัพโดยไม่ได้
00:33:03 → 00:33:06 ไม่มีเจตนานะเหมือนอาจารย์ยกตัวอย่าง
00:33:06 → 00:33:09 เรื่องกีฬาสีหรือไปอ่าเต้นคาราโอเกะหรือ
00:33:10 → 00:33:12 อะไรก็ตามทีผมเข้าใจว่าทางหน่วยงานเไม่มี
00:33:12 → 00:33:15 เจตนาจะไปกดทัพหรือไปบังคับนะแต่ว่าพอไม่
00:33:15 → 00:33:17 มีตัวอย่างหรือไม่มีประสบการณ์หรือไม่
00:33:17 → 00:33:20 เข้าใจเนี่ยโดยไม่ตั้งใจโดยไม่เจตนาเมื่อ
00:33:20 → 00:33:22 เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นนะครับนะถ้าอาจารย์
00:33:22 → 00:33:26 บอกว่าบางทีการเหมารวมเอ่อภาพจำบางอย่าง
00:33:26 → 00:33:28 เนี่ยมันอาจจะไม่เคยถูกตั้งคำถามหรือไม่
00:33:28 → 00:33:31 เคยไม่เคยรับฟังเสียงที่หลากหลายว่านะที่
00:33:31 → 00:33:34 อาจารย์บอกว่าประสบการณ์มันต่างกันตั้ง
00:33:34 → 00:33:38 เยอะแล้วเราจะไปเหมาว่าเค้าใช้คำแค่นี้ทำ
00:33:38 → 00:33:41 เป็นอะไรล่ะแหมแห sensitive เหลือเกิน
00:33:41 → 00:33:43 อะไรเงี้ยแต่ว่าอ้าเราไม่ได้เราไม่มีชุด
00:33:43 → 00:33:46 ประสบการณ์เดียวกับเค้าหรืออะไรเงี้ยนะ
00:33:46 → 00:33:48 ครับแล้วก็จริงๆการเปิดกว้างนะคือเปิด
00:33:49 → 00:33:51 กว้างที่จะรับฟังเปิดกว้างที่สนทนาให้
00:33:51 → 00:33:54 เกียรติความตากแตกต่างหลากหลายความเท่า
00:33:54 → 00:33:57 เทียมกันผมอย่างเรื่องภาษาผมก็ต้องถามคน
00:33:57 → 00:34:00 ยุคใหม่นะครับว่ามันแปลว่าอะไรเหรออะไร
00:34:00 → 00:34:04 อย่างเงี้ยนะสำนวนเก่าๆผมก็จะอธิบายได้
00:34:04 → 00:34:07 ละเอียดเชนสุภาษิตว่าอมันแปลว่าอย่างนี้
00:34:07 → 00:34:09 อะไรอย่างเงี้ยแต่พอใช้เหมือนที่อาจารย์
00:34:09 → 00:34:12 บอกว่าเด็กบอกเด็กไม่เข้าใจเด็กไม่มันไม่
00:34:12 → 00:34:15 สื่อสำหรับยุคเค้าหรือคนวัยใหม่แล้วอะไร
00:34:15 → 00:34:18 อย่างเงี้ยนะครับนะอาจารย์มีอะไรจะจะฝาก
00:34:18 → 00:34:22 ส่งท้ายมั้ยครับก่อนที่เราจะlนingกันครับ
00:34:22 → 00:34:27 ก็ก็ขอก็ขอบคุณที่ที่ให้โอกาสมาพูดในวัน
00:34:27 → 00:34:29 นี้นะครับแล้วก็เอ่อผมเข้าใจว่าบางแง่มุม
00:34:30 → 00:34:32 มันละเอียดอ่อนจริงๆนะครับแล้วก็เอ่อเรา
00:34:32 → 00:34:35 อาจจะไม่ได้พูดทั้งครบทั้งหมดนะฮะอาจารย์
00:34:35 → 00:34:38 แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าเราละเลยหรือว่า
00:34:38 → 00:34:41 เอ่อลืมใครไว้ข้างหลังอ่ะแต่ว่าบางทีเอ่อ
00:34:41 → 00:34:45 ด้วยด้วยบรรยากาศการสนทนาก็พามาทางนี้
00:34:45 → 00:34:49 ครับวันนี้ก็ต้องขอบคุณอาจารย์ไอซอาจารย์
00:34:49 → 00:34:51 ไชยันตนะครับนะจากคณะ
00:34:51 → 00:34:54 จิตวิทยาจากภาควิชาจิตวิทยาอ่าคณะ
00:34:54 → 00:34:57 มนุษย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับ
00:34:57 → 00:34:59 เราคุยกันในเรื่องดีกับสุขภาพจิตในการทำ
00:35:00 → 00:35:03 งานนะครับความหลากหลายความเป็นธรรมเนาะ
00:35:03 → 00:35:07 แล้วก็ความอ่า inclusion นับรวมเข้ามานะ
00:35:07 → 00:35:09 ครับว่ามันเกี่ยวกับสุขภาพจิตในการทำงาน
00:35:10 → 00:35:13 ยังไงนะครับก็วันนี้เราคงต้องจบพcสลงเท่า
00:35:13 → 00:35:15 นี้แล้วก็ขอเชิญติดตามพcสทางสถาบันการ
00:35:16 → 00:35:18 เรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพในโอกาสถัดไป
00:35:18 → 00:35:22 ด้วยครับสวัสดีครับ
00:35:22 → 00:35:29 [เพลง]