00:00:03 → 00:00:05 สวัสดีครับผมหมอประเวศเป็นจิตแพทย์ครับ
00:00:05 → 00:00:09 เราพบกันทุกคืนวันอาทิตย์เวลา 2 ทุ่ม
00:00:09 → 00:00:12 สำหรับคืนวันนี้วันอาทิตย์ที่ 26 มีนาคม
00:00:12 → 00:00:15 พุทธศักราช 2566
00:00:15 → 00:00:20 เรามีนัดกันในหัวข้อผมสอนอะไรในจิตวิทยา
00:00:20 → 00:00:22 ความสำเร็จ
00:00:22 → 00:00:26 ในช่วงเดือนเมษายนหลังสงกรานต์นะครับผม
00:00:26 → 00:00:29 กำลังจะเปิดออนไลน์ workshop ในหัวข้อ
00:00:29 → 00:00:31 จิตวิทยาความสำเร็จครับ
00:00:31 → 00:00:34 ซึ่งก็เปิดมาแล้วประมาณได้สัก 3-4 ครั้ง
00:00:34 → 00:00:37 นะครับวันนี้ก็จะนำเนื้อหาบางส่วนมาเล่า
00:00:37 → 00:00:41 ให้ฟังนะครับโดยจะแบ่งช่วงเนื้อหาเป็น
00:00:41 → 00:00:44 ครึ่งชั่วโมงแล้วก็ช่วงตอบคำถามประมาณ
00:00:44 → 00:00:47 ชั่วโมงหนึ่งถ้านานไปกว่านั้นผมอาจจะไม่
00:00:47 → 00:00:50 ได้อ่านข้อความที่ส่งเข้ามาในช่วงหลังจาก
00:00:50 → 00:00:51 นั้นนะครับ
00:00:51 → 00:00:55 เรามาลองฟังกันดูนะครับว่าถ้าผมจะต้องออก
00:00:55 → 00:00:59 แบบความรู้เรื่องของจิตวิทยาความสำเร็จ
00:00:59 → 00:01:03 ผมเลือกอะไรมาใส่อยู่ในนี้นะครับใน 4
00:01:03 → 00:01:05 ครั้งที่เรียน 4 สัปดาห์ครั้งละ 3
00:01:05 → 00:01:08 ชั่วโมงกว่าเนี่ยเรื่องแรกสุดที่ผมเลือก
00:01:08 → 00:01:12 ก็คือการเผชิญหน้ากับด้านมืดของตัวเองนะ
00:01:12 → 00:01:14 ครับซึ่งเดี๋ยวผมจะขยายความและลงราย
00:01:14 → 00:01:17 ละเอียดในเรื่องนี้เป็นเนื้อหาหลักของวัน
00:01:17 → 00:01:20 นี้นะครับ 2 ก็คือจะพูดถึงการปรับ mindset
00:01:20 → 00:01:23 ในการที่จะเลือกเส้นทางชีวิตที่ต้องการนะ
00:01:23 → 00:01:24 ครับ
00:01:24 → 00:01:28 ใน 3 ก็จะเป็นเรื่องของทักษะการตัดสินใจ
00:01:28 → 00:01:32 ให้ลดการผิดพลาดในการตัดสินใจ
00:01:32 → 00:01:34 แล้วก็ 4 ก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพของ
00:01:34 → 00:01:35 ชีวิตนะครับ
00:01:35 → 00:01:39 เป็นเนื้อหาที่คัดมาที่คิดว่าน่าจะเรียน
00:01:39 → 00:01:43 รู้ถ้าออกแบบเป็น 6 อาทิตย์ก็จะมีหัวข้อ
00:01:43 → 00:01:45 ที่ต่างออกไปนะครับ
00:01:45 → 00:01:48 คราวนี้ไอ้คำว่าด้านมืดเนี่ยมันมาจากภาษา
00:01:48 → 00:01:52 อังกฤษที่ cowgun ใช้คำว่า Shadow ซึ่ง
00:01:52 → 00:01:53 แปลว่าเงานะครับ
00:01:53 → 00:01:56 ก็มีนักเรียนเก่าก็บอกว่าน่าจะใช้คำว่า
00:01:56 → 00:01:59 เงามืดนะครับผมจะเริ่มต้นจากการอธิบายคำ
00:01:59 → 00:02:00 นี้ก่อนว่า
00:02:00 → 00:02:05 มันคืออะไรนะครับทุกๆคนจะมีส่วนที่เขาไม่
00:02:05 → 00:02:09 รู้ตัวว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขานะครับ
00:02:09 → 00:02:12 เป็นคุณสมบัติที่คนเรามีอยู่ในตัวเองแต่
00:02:12 → 00:02:17 พยายามปฏิเสธไม่ยอมรับมันแล้วก็เก็บเข้า
00:02:17 → 00:02:21 สู่พื้นที่ในส่วนที่เขาไม่รู้ตัวซึ่งที่
00:02:21 → 00:02:23 เราเรียกว่าจิตใต้สำนึกนะครับ
00:02:23 → 00:02:26 มนุษย์ทุกคนจะมีด้านมืดด้านที่เขาไม่รู้
00:02:26 → 00:02:31 ตัวว่าเขามีหรือ Shadow ตามประสาของ
00:02:31 → 00:02:36 และอะไรทำให้ตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกุญแจ
00:02:36 → 00:02:38 สำคัญถ้าเราอยากมีชีวิตที่ประสบความ
00:02:38 → 00:02:39 สำเร็จ
00:02:39 → 00:02:41 ตรงนี้จะเป็นเนื้อหาหลักของเนื้อวันนี้
00:02:41 → 00:02:44 ซึ่งไม่ได้ตรงกับเนื้อในหลักสูตร 100% นะ
00:02:45 → 00:02:48 ครับ
00:02:48 → 00:02:51 ข้าวจุงเนี่ยเป็นลูกศิษย์ของฟรอยด์ตอนแรก
00:02:51 → 00:02:55 นะครับแต่หลังจากนั้นเขาก็แยกตัวออกมามา
00:02:55 → 00:02:57 พัฒนา
00:02:57 → 00:03:01 ทฤษฎีและแนวความคิดของเขาโดยจุดเด่นของ
00:03:01 → 00:03:05 เขาคือเข้าไปเชื่อมกันกับปรัชญาและแนวคิด
00:03:05 → 00:03:09 วิถีชีวิตของซีกโลกตะวันออกและเขาจะแตกใน
00:03:09 → 00:03:12 ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเป็นสากลในมุม
00:03:12 → 00:03:15 มองของจิตวิญญาณมากกว่า
00:03:15 → 00:03:20 เขามีคำประโยคหนึ่งที่เป็นการเปิดประเด็น
00:03:20 → 00:03:23 ของผมในหลักสูตรนี้ก็คือ
00:03:23 → 00:03:25 แปลเป็นภาษาไทยนะครับ
00:03:25 → 00:03:28 จนกว่าคุณจะนำสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
00:03:28 → 00:03:31 ของคุณขึ้นมาอยู่ในจิตสำนึก
00:03:31 → 00:03:34 สิ่งที่คุณไม่รู้ตัวที่อยู่ในจิตใต้สำนึก
00:03:34 → 00:03:37 นั้นจะกำหนดชีวิตของคุณ
00:03:37 → 00:03:42 แล้วคุณก็ไปเรียกมันว่าชะตากรรม
00:03:42 → 00:03:45 ความหมายก็คือถ้าเรามีด้านมืดมีสิ่งที่
00:03:45 → 00:03:49 อยู่ในจิตใต้สำนึกโดยที่เราไม่รู้ตัวสิ่ง
00:03:49 → 00:03:52 นี้มันไม่ได้หยุดการทำงานครับมันยังส่งผล
00:03:52 → 00:03:55 ต่อการทำงานในระดับที่เราไม่รู้ตัว
00:03:55 → 00:03:59 คนอาจจะตัดสินใจอะไรผิดพลาดซ้ำๆคุณอาจจะ
00:03:59 → 00:04:02 มีความเป็นตัวคุณบางอย่างที่คุณรู้ว่ามัน
00:04:02 → 00:04:04 เป็นปัญหาแล้วคุณไม่ชอบแต่คุณหยุดมันไม่
00:04:04 → 00:04:05 ได้
00:04:05 → 00:04:08 นั่นแหละครับส่วนใหญ่ก็เป็นพลังขับ
00:04:08 → 00:04:11 เคลื่อนมาจากด้านมืดของตัวเรานะครับ
00:04:11 → 00:04:13 แล้วเราก็คิดว่าชีวิตเรามันมีชะตากรรม
00:04:13 → 00:04:16 เป็นแบบนี้แหละแต่จริงๆแล้วเมื่อไหร่ก็
00:04:16 → 00:04:18 ตามที่เราสามารถ
00:04:18 → 00:04:23 ค้นหาให้เจอแล้วก็หยิบเอาชิ้นส่วนนั้นที่
00:04:23 → 00:04:26 เราปฏิเสธขึ้นมาอยู่บนพื้นที่ของความรู้
00:04:26 → 00:04:28 ตัวหรือจิตสำนึก
00:04:28 → 00:04:32 พลังของมันในการขับเคลื่อนชีวิตในแบบที่
00:04:32 → 00:04:34 เราไม่รู้ตัวก็จะเปลี่ยนไปนะครับ
00:04:34 → 00:04:36 กระบวนการที่หยิบขึ้นมานี้เนี่ยส่วนใหญ่
00:04:36 → 00:04:38 เราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์
00:04:38 → 00:04:42 ระหว่างชิ้นส่วนนั้นกับตัวเราซึ่งการ
00:04:42 → 00:04:45 เปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เราใช้ประโยชน์จาก
00:04:45 → 00:04:48 มันได้เดี๋ยวจะอธิบายเพิ่มว่ามันเป็นไป
00:04:48 → 00:04:51 ได้ยังไงนะครับ
00:04:51 → 00:04:54 ผมจะยกตัวอย่างก่อนนะครับว่าอะไรบ้างที่
00:04:54 → 00:04:57 จะถูกเก็บกดลงจิตใต้สำนึก
00:04:57 → 00:04:59 เช่นความกลัว
00:04:59 → 00:05:03 กลัวคนไม่รักเช่นพ่อแม่ครูหรือแสดงท่าที
00:05:03 → 00:05:06 ละเลยไม่สนใจ
00:05:06 → 00:05:09 หรือพ่อแม่ไม่มีเวลามาดูแลก็จะมีความ
00:05:09 → 00:05:12 หวั่นไหวมากกับการขาดความรักกว่าคนไม่รัก
00:05:12 → 00:05:16 กลัวอันตรายเพราะพ่อแม่ทำร้ายกันทะเลาะ
00:05:16 → 00:05:20 กันหรือเด็กถูกทำร้ายก็จะมีความกลัว
00:05:20 → 00:05:22 ความกลัวแบบนี้เนี่ยทำให้เด็กอยู่ไม่ได้
00:05:22 → 00:05:27 ก็จะเก็บเข้าสู่จิตใต้สำนึกอยู่ในพื้นที่
00:05:27 → 00:05:30 ที่เราเลยก็ได้มืดในภาษาของจุงนะครับ
00:05:30 → 00:05:34 หรือสิ่งที่อาจจะถูกเก็บลงสู่ใต้สำนึกถัด
00:05:34 → 00:05:36 มาก็คือความต้องการ
00:05:36 → 00:05:39 ที่ถูกมองว่าเป็นความเห็นแก่ตัวนะครับ
00:05:39 → 00:05:43 เช่นพี่มีความต้องการแต่พ่อแม่สอนให้พี่
00:05:43 → 00:05:46 ยอมน้องต้องเก็บความต้องการไว้
00:05:46 → 00:05:49 หรือลูกที่เริ่มโตแล้วเห็นแม่ซึ่งเป็นแม่
00:05:49 → 00:05:51 เลี้ยงเดี่ยวเหนื่อยมาก
00:05:51 → 00:05:53 และเขารู้สึกว่าเขาไม่อยากให้ความต้องการ
00:05:53 → 00:05:54 ของเขา
00:05:54 → 00:05:58 มาสร้างความเหนื่อยให้แม่มากขึ้น
00:05:58 → 00:06:00 เขาก็จะเก็บความต้องการนั้นไว้
00:06:00 → 00:06:02 ทั้งๆที่ความต้องการเหล่านั้นเป็นความ
00:06:02 → 00:06:05 ต้องการที่สมควรที่จะมีและเด็กควรได้รับ
00:06:05 → 00:06:07 การตอบสนองเขาจะเก็บความต้องการเหล่านั้น
00:06:07 → 00:06:08 ไว้
00:06:08 → 00:06:12 ความรู้สึกละอายนะครับมีล่าสุดมีคนที่คุย
00:06:12 → 00:06:16 กับผมมีเด็กผู้หญิงที่ปัสสาวะรากนะครับ
00:06:16 → 00:06:19 ปัสสาวะลดที่นอนก็จะถูกผู้ใหญ่ว่า
00:06:19 → 00:06:23 จริงๆตั้งแต่สมัยที่ผมทำงานจิตเวชเด็กผม
00:06:23 → 00:06:26 จะรู้ดีว่าอาการที่เด็กผู้หญิงปัสสาวะ
00:06:26 → 00:06:30 มักจะสัมพันธ์กันกับโจทก์ทางอารมณ์นะครับ
00:06:30 → 00:06:33 ก็จะมีสภาวะที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจ
00:06:33 → 00:06:37 แล้วก็เกิดความรู้สึกหวั่นไหวง่ายนะครับ
00:06:37 → 00:06:40 ในความละอายเนี่ยมันจะกลายเป็นฝังเป็น
00:06:40 → 00:06:42 ส่วนหนึ่งของความเป็นตัวตนที่สร้างความ
00:06:42 → 00:06:45 รู้สึกไม่เชื่อมั่นและรู้สึกจะหวั่นไหว
00:06:45 → 00:06:47 ง่ายซึ่งเมื่อประกอบกับความกลัวการไม่รัก
00:06:47 → 00:06:50 ความต้องการที่เป็นเรื่องเห็นแก่ตัวถ้า
00:06:50 → 00:06:52 บังเอิญมันอยู่ในคนคนเดียวกัน
00:06:52 → 00:06:55 มันก็จะสร้างให้คนคนนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว
00:06:55 → 00:06:59 ไปปรากฏขึ้นในการทำงานในความสัมพันธ์
00:06:59 → 00:07:02 ในการพัฒนาตัวเขาในการเลือกวิถีชีวิตของ
00:07:02 → 00:07:07 เขานะครับหรือความโกรธที่ความกดเป็น
00:07:07 → 00:07:09 เรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เวลาเราถูกทำให้
00:07:09 → 00:07:13 เจ็บเวลาเราผิดหวังเสียใจเวลาเราเกิดความ
00:07:13 → 00:07:16 คับข้องใจความโกรธมันเป็นปฏิกิริยาตามมา
00:07:16 → 00:07:19 ตามธรรมชาติแต่พ่อแม่จำนวนหนึ่งจะปฏิบัติ
00:07:19 → 00:07:24 กับลูกด้วยการปฏิเสธการสอนให้ลูกรู้จัก
00:07:24 → 00:07:25 ความโกรธตัวเองดังนั้นก็จะกลบความโกรธ
00:07:25 → 00:07:28 หรือมองความโกรธคือความก้าวร้าวนะครับ
00:07:28 → 00:07:33 แสดงออกไม่ได้ไม่ดีนะครับหรือพ่อแม่มี
00:07:33 → 00:07:37 ความก้าวร้าวมากกว่าเด็กเนี่ยจะไม่กล้า
00:07:37 → 00:07:41 โกรธนะครับก็จะเก็บไว้แล้วก็จะทำให้เมื่อ
00:07:41 → 00:07:43 เขาโตขึ้นเนี่ยเขาจะไม่สามารถใช้พลังความ
00:07:43 → 00:07:45 โกรธให้เป็นประโยชน์ได้ความโกรธมีอะไรใน
00:07:45 → 00:07:48 สินเชื่อจักรยานพื้นฐานก็คือความสามารถใน
00:07:48 → 00:07:50 การปกป้องตัวเองครับเพราะฉะนั้นคนที่เก็บ
00:07:50 → 00:07:54 ความโกรธลงไปข้างใต้สู่จิตใต้สำนึกมี
00:07:54 → 00:07:57 อาการแสดงออกมาได้หลายอย่างเช่นสุภาพอ่อน
00:07:57 → 00:08:00 น้อมมากยอมคนมากเลยหรือดื้อเงียบพวกนี้
00:08:00 → 00:08:02 ล่วงหน้าจะเป็นการเก็บกดความโกรธไว้ข้าง
00:08:02 → 00:08:04 ใต้การรู้ตัวนะครับ
00:08:04 → 00:08:06 และสุดท้ายความต้องการทางเพศก็ถูกเก็บกด
00:08:06 → 00:08:08 ได้ด้วยเช่นกัน
00:08:08 → 00:08:11 เช่นพ่อแม่สอนให้เห็นว่าเรื่องเพศเป็น
00:08:11 → 00:08:14 เรื่องสกปรกน่ารังเกียจ
00:08:14 → 00:08:16 ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติเป็น
00:08:16 → 00:08:19 ธรรมชาติเมื่อหัวถึงวัยนะครับแล้วเด็กๆ
00:08:19 → 00:08:22 ที่เล่นอวัยวะเพศก็เป็นเพราะว่ามันมีความ
00:08:22 → 00:08:24 เพลิดเพลินเนื่องจากมันมีเส้นประสาทที่
00:08:24 → 00:08:25 ละเอียดอ่อนนะครับ
00:08:25 → 00:08:27 แต่พ่อแม่ทำให้เด็กรู้สึกว่าเรื่องนี้
00:08:27 → 00:08:30 เป็นเรื่องที่แตะไม่ได้ดังนั้นก็จะก่อให้
00:08:30 → 00:08:34 เกิดปัญหาการสามารถที่จะอยู่กับความรู้
00:08:34 → 00:08:37 สึกและเรียนรู้ที่จะจัดการความต้องการทาง
00:08:37 → 00:08:41 เพศหาช่องทางการตอบสนองให้ดีและมีความสุข
00:08:41 → 00:08:44 ตัวนี้ก็จะเสียไปนะครับสิ่งเหล่านี้ก็จะ
00:08:44 → 00:08:47 กระทบต่อความเชื่อมั่นและตัวตนความ
00:08:47 → 00:08:49 สัมพันธ์ที่เขาจะมี
00:08:49 → 00:08:52 คืนนี้คุณเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า
00:08:52 → 00:08:54 ที่ยกตัวอย่างแบบนี้ก็แปลว่าสิ่งที่ถูก
00:08:54 → 00:08:58 เก็บไว้ภายใต้คำว่าด้านมืดหรือ Shadow
00:08:58 → 00:09:01 ที่แปลว่าเงา
00:09:01 → 00:09:04 มันจะนำไปสู่การสร้างบุคลิกภาพ
00:09:04 → 00:09:07 ที่เป็นรูปแบบเฉพาะ
00:09:07 → 00:09:11 แล้วก็บุคลิกแบบนี้แหละครับที่เป็นตัวขัด
00:09:11 → 00:09:16 ขวางความสำเร็จในชีวิตได้นะครับ
00:09:16 → 00:09:19 คราวนี้ถ้าคนคนหนึ่ง
00:09:19 → 00:09:24 ดำเนินชีวิตโดยมี
00:09:24 → 00:09:25 ด้านมืด
00:09:25 → 00:09:28 ที่ขัดขวางการที่เขาจะใช้ชีวิตให้เติม
00:09:28 → 00:09:31 เต็มได้มันจะเกิดอะไรขึ้นที่เห็นชัดมันจะ
00:09:31 → 00:09:34 ปรากฏอาการได้หลายจุดมากแต่ผมอยากจะพา
00:09:34 → 00:09:38 เดินทางไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิตในตอนที่
00:09:38 → 00:09:42 คนคนกลุ่มหนึ่งใกล้ตายแล้วมีการศึกษาจาก
00:09:42 → 00:09:45 คนใกล้ตายอีกทีนึงคือเป็นการศึกษาคนละมุม
00:09:45 → 00:09:46 กันนะครับ
00:09:46 → 00:09:50 ในหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องความเสียใจ 5
00:09:50 → 00:09:51 ประการ
00:09:51 → 00:09:56 ของคนใกล้ตายได้พูดถึงความรู้สึกเสียใจ 5
00:09:57 → 00:10:00 อย่างที่คนใกล้ตายมองย้อนกลับไปแล้วรู้
00:10:00 → 00:10:03 สึกเสียดายนะครับที่เขาไม่ได้ทำสิ่งนั้น
00:10:03 → 00:10:05 สิ่งนี้
00:10:05 → 00:10:07 ซึ่งถ้าลงรายละเอียดแต่ละข้อ 5 ข้อต่อจาก
00:10:07 → 00:10:09 นี้
00:10:09 → 00:10:11 คุณจะเห็นเลยครับว่ามันสัมพันธ์กับเรื่อง
00:10:11 → 00:10:15 ปมข้างใจจะวัยเด็กในทั้งนั้นนะครับ
00:10:15 → 00:10:17 ข้อแรกก็คือ
00:10:17 → 00:10:20 คำตอบที่มาเลยก็คือ
00:10:20 → 00:10:24 เขาไม่กล้าหาญมากพอที่จะใช้ชีวิตของตัว
00:10:24 → 00:10:25 เอง
00:10:25 → 00:10:28 ตลอดชีวิตเขาก็จะดำเนินชีวิตตามความคาด
00:10:28 → 00:10:32 หวังของคนอื่นหรือตามกระแสสังคม
00:10:32 → 00:10:35 และทิ้งตัวตนและความฝันของตัวเอง
00:10:35 → 00:10:40 ซึ่งเมื่อเขาอายุเดินทางไปถึงบั้นปลายและ
00:10:40 → 00:10:45 มองกลับมาเขาก็จะรู้สึกได้ถึงความเสียดาย
00:10:45 → 00:10:48 เสียใจความไม่เติมเต็มหรือความรู้สึกว่าง
00:10:48 → 00:10:49 เปล่า
00:10:49 → 00:10:52 จากการที่เขาไม่ได้รู้จักตัวเองแล้วไม่
00:10:52 → 00:10:55 ได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองอันนี้คือ 1 ความ
00:10:55 → 00:11:00 เสียใจเมื่อไปคุยกับคนใกล้จบชีวิตแต่มัน
00:11:00 → 00:11:03 ก็เป็นอาการของการที่คนๆนั้นไม่เป็นตัว
00:11:03 → 00:11:07 เองเพราะมันมีด้านมืดไปปกคลุมอยู่ถูกเก็บ
00:11:07 → 00:11:09 ลงไปนะครับ
00:11:09 → 00:11:13 ความเสียใจประการที่ 2 ก็คือธัมมังมะทำ
00:11:13 → 00:11:15 งานมากเกินนะครับ
00:11:15 → 00:11:17 ดังนั้นคนกลุ่มนี้ก็จะมีลักษณะบ้างงานนะ
00:11:17 → 00:11:20 ครับให้ความสำคัญกับงานความสำเร็จความ
00:11:20 → 00:11:21 ก้าวหน้าในงาน
00:11:21 → 00:11:25 ผมเจอคนที่มีโจทย์จากวัยเด็กที่มีปัญหา
00:11:25 → 00:11:29 การบ้านงานเยอะมากจำนวนหนึ่งก็คือมาเรียน
00:11:29 → 00:11:33 อยู่ในชั้นเรียนผมคาใจแล้วก็พบว่า
00:11:33 → 00:11:36 เวลาที่คนเราบ้างงานเขาอยู่เฉยๆไม่เป็นนะ
00:11:36 → 00:11:39 ครับเขาต้องหาอะไรทำตลอดเวลา
00:11:39 → 00:11:43 เวลาไปเที่ยวก็ยังเข้างานไป
00:11:43 → 00:11:46 สิ่งที่กระทบก็คือกระทบสุขภาพของเขา
00:11:46 → 00:11:50 นะครับกระทบความสัมพันธ์โดยเฉพาะถ้ามี
00:11:50 → 00:11:53 ครอบครัวก็คือกระทบความสัมพันธ์กับคนรัก
00:11:53 → 00:11:59 กระทบโอกาสที่เขาจะได้ไปอยู่ดูแลลูกเล่น
00:11:59 → 00:12:00 กับลูก
00:12:00 → 00:12:06 กระทบการจัดเวลาที่จะไปดูแลพ่อแม่
00:12:06 → 00:12:10 นี่คือผลกระทบจากการบ้างานก็คือพอเราทำ
00:12:10 → 00:12:12 งานมากเกิน
00:12:12 → 00:12:15 ด้านอื่นของชีวิตก็จะเสียไป
00:12:15 → 00:12:17 นะครับซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันก็จะไปโผล่ที่
00:12:17 → 00:12:19 ความสัมพันธ์
00:12:19 → 00:12:23 กับสุขภาพแต่มันยังสามารถโผล่ออกมาไม่ใช่
00:12:23 → 00:12:26 เฉพาะความสัมพันธ์ในครอบครัวเท่านั้นนะ
00:12:26 → 00:12:29 ครับมันยังไปโผล่ที่ความสัมพันธ์กับ
00:12:29 → 00:12:33 เพื่อนหรือการพัฒนาด้านในที่ทำให้เกิด
00:12:33 → 00:12:37 ความเติมเต็มจากภายในนะครับดังนั้นถ้ามอง
00:12:37 → 00:12:41 ในมุมของความรู้สึกเสียดายและเสียใจของคน
00:12:41 → 00:12:44 ที่ใกล้ตายเนี่ยเขาก็อาจจะมองเห็นว่าจริง
00:12:45 → 00:12:47 ๆเราใช้เวลากับงานมากเกินไป
00:12:47 → 00:12:51 เราไม่ได้ใช้ชีวิตนะครับเพราะงานไม่ใช่
00:12:51 → 00:12:54 ชีวิตงานเป็นเพลงเสี้ยวหนึ่งของการเลี้ยง
00:12:54 → 00:12:55 ชีพ
00:12:55 → 00:12:59 แต่ว่าปัจจุบันงานมันกลายเป็นสัญลักษณ์
00:12:59 → 00:13:00 กลายเป็น
00:13:00 → 00:13:05 สถานะกลายเป็นแหล่งรายได้นะครับกลายเป็น
00:13:05 → 00:13:09 การแบ่งแยกชนชั้นมันจึงมีความหมายแล้วก็
00:13:09 → 00:13:11 หลายคนก็จะ
00:13:11 → 00:13:14 ใช้พลังงานไปมุ่งสู่ความสำเร็จในงานนะ
00:13:14 → 00:13:19 ครับจนเมื่อพ้นไปสู่ช่วงท้ายของชีวิตและ
00:13:19 → 00:13:21 หันมาดูเขาก็จะพบว่า
00:13:21 → 00:13:25 เราทำงานมากไปนะครับอันนี้คือความเสียใจ
00:13:25 → 00:13:28 ประการที่ 2 นะครับความเสียใจประการที่ 3
00:13:28 → 00:13:32 ก็คือการที่คนๆนั้นเก็บความรู้สึกของตัว
00:13:32 → 00:13:33 เองไว้
00:13:33 → 00:13:36 แล้วก็ไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกนี้เนี่ย
00:13:36 → 00:13:39 มันเป็นความต้องการอย่างหนึ่ง
00:13:39 → 00:13:41 พอเราเก็บไว้
00:13:41 → 00:13:44 อาจจะเก็บเพราะว่าเราต้องยอมคนอื่นเพื่อ
00:13:44 → 00:13:47 จะได้ไม่มีเรื่องกันนะครับหลีกเลี่ยงความ
00:13:47 → 00:13:52 ขัดแย้งหรืออาจจะรู้สึกว่าความต้องการของ
00:13:52 → 00:13:55 ตัวเองเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัวกลับไป
00:13:55 → 00:13:57 ประเด็นเมื่อกี้นี้นะครับ
00:13:57 → 00:13:59 ดังนั้นเขาก็จะไม่แสดงความต้องการของตัว
00:13:59 → 00:14:03 เองออกมาได้ชัดแล้วก็จะมีกระบวนการภายใน
00:14:03 → 00:14:06 ใจที่ทำให้เขาไม่ตระหนักในความต้องการของ
00:14:06 → 00:14:09 ตัวเองซึ่งแน่นอนพอเราไม่ตระหนักในความ
00:14:09 → 00:14:10 ต้องการของตัวเอง
00:14:10 → 00:14:13 และเราไม่สามารถหาวิธีตอบสนองความต้องการ
00:14:13 → 00:14:15 ของตัวเองได้ด้วยดี
00:14:15 → 00:14:20 ตรงนี้ก็จะเกิดความรู้สึกไม่เติมเต็มเกิด
00:14:20 → 00:14:22 ความรู้สึก
00:14:22 → 00:14:24 ก็กลับไปในกลุ่มเดิมนะครับเหมือนชีวิต
00:14:24 → 00:14:28 เนี่ยมันมันว่างเปล่าได้
00:14:28 → 00:14:31 ผมเคยคุยกับเจ้าของธุรกิจซึ่งก็มีธุรกิจ
00:14:31 → 00:14:35 อยู่ 3 ธุรกิจนะครับการเงินสบายๆสามีมี
00:14:35 → 00:14:38 การงานมั่นคงซึ่งคนละกระเป๋าได้เลยนะครับ
00:14:38 → 00:14:41 เขาหาเงินได้มากกว่าด้วยมีลูกแล้วนะครับ
00:14:41 → 00:14:45 เขาก็มีบ้านมีทุกอย่างหมดเขาก็ติดต่อมา
00:14:45 → 00:14:48 เมื่อหลายปีก่อนแล้วก็บอกว่า
00:14:48 → 00:14:52 เขามีทุกอย่างในชีวิตเขาควรจะมีความสุข
00:14:52 → 00:14:57 แต่เขาไม่รู้เป็นอะไรเขาไม่มีความสุขนะ
00:14:57 → 00:14:59 ครับซึ่งคนที่มาหาผมได้เจอโจทย์แบบนี้มี
00:15:00 → 00:15:02 อยู่จำนวนหนึ่งนะครับฉะนั้นมันก็เกิดจาก
00:15:02 → 00:15:06 การที่เราเก็บอารมณ์ความรู้สึกไม่รู้ความ
00:15:06 → 00:15:08 ต้องการของตัวเองแล้วก็ไม่สามารถที่จะ
00:15:09 → 00:15:11 เติมเต็มความต้องการของตัวเองได้แม้จะมี
00:15:11 → 00:15:14 เงินทองทรัพย์สินและมีวัตถุทุกอย่างมี
00:15:14 → 00:15:17 สถานะครบถ้วนแล้วก็ตาม
00:15:17 → 00:15:21 ประการที่ 4 นะครับอันนี้คือประเด็นความ
00:15:21 → 00:15:24 เสียใจ 5 เรื่องของคนใกล้ตายนะครับ
00:15:24 → 00:15:28 ประเด็นที่ 4 ก็คือคนใกล้ตายจะจำนวนหนึ่ง
00:15:28 → 00:15:30 ก็จะบอกว่าข้อเสียดายที่เขาละเลยความ
00:15:30 → 00:15:35 สัมพันธ์กับเพื่อนๆนะครับเพราะว่าคนก็ยัง
00:15:35 → 00:15:37 ต้องการมิตรภาพต้องการเพื่อน
00:15:37 → 00:15:41 แล้วคนที่อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตก็อาจ
00:15:41 → 00:15:46 จะนึกถึงความสุขความผูกพันที่เคยเกิดขึ้น
00:15:46 → 00:15:49 ถ้าเป็นยุคสมัยก่อนเขาก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำ
00:15:49 → 00:15:51 ว่าเพื่อนๆหายไปไหนแล้วเพราะว่าเขาไม่มี
00:15:51 → 00:15:54 โซเชียลมีเดียนะครับแต่ในยุคปัจจุบัน
00:15:54 → 00:15:57 โซเชียลมีเดียมีนะครับเพื่อนอาจจะยังไม่
00:15:57 → 00:16:00 หายไปไหนแต่ว่าความรู้สึกผูกพันความใกล้
00:16:00 → 00:16:04 ชิดมันอาจจะห่างเหินไปโดยเฉพาะคนที่แยก
00:16:04 → 00:16:07 แยกตัวไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเพื่อนเลยนะ
00:16:07 → 00:16:11 ครับอันนี้ก็เป็นอีกโจทย์ข้อหนึ่งซึ่งถ้า
00:16:11 → 00:16:15 สาวไปก็ยังคงเกี่ยวพันได้กับเรื่องของปม
00:16:15 → 00:16:18 อย่างไรก็ตามมันไม่ได้แปลว่าโจทย์ข้อนี้
00:16:18 → 00:16:20 ทุกเรื่องจะต้องเกี่ยวกับปมรุนแรงนะครับ
00:16:21 → 00:16:23 บางทีมันเป็นเพียงความเป็นตัวเราที่ถูก
00:16:23 → 00:16:27 สร้างมาจากการเก็บบางส่วนเข้าไปไว้แล้วก็
00:16:27 → 00:16:30 ไม่ได้มองชีวิตให้เห็นภาพรวม
00:16:30 → 00:16:34 การสุดท้ายสำหรับคนที่เสียใจ 5 ประการ
00:16:34 → 00:16:37 ก่อนในช่วงคนใกล้ตายนี้นะครับเขาจะพูดถึง
00:16:37 → 00:16:41 ว่าเขาไม่ได้อนุญาตให้ตัวเองมีความสุขใน
00:16:41 → 00:16:42 ชีวิต
00:16:42 → 00:16:46 ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่คนๆนั้นจะ
00:16:46 → 00:16:49 อยู่แต่ในพื้นที่ที่คุ้นเคยเป็น Comfort
00:16:49 → 00:16:49 Zone
00:16:49 → 00:16:53 แล้วก็กลัวการเปลี่ยนแปลงนะครับดังนั้น
00:16:53 → 00:16:58 การที่เราจะมีพื้นที่ความสุขส่วนหนึ่งมัน
00:16:58 → 00:17:00 คือการออกนอกพื้นที่ Comfort Zone นะ
00:17:00 → 00:17:02 ครับผมเคยพูดเรื่องนี้ไว้เมื่อสักอย่าง
00:17:02 → 00:17:06 น้อยปี 2 ปีก่อนนะครับว่าเราสามารถค้นหา
00:17:06 → 00:17:10 ความสุขได้นอกพื้นที่ Comfort Zone ชื่อ
00:17:10 → 00:17:11 หัวข้อประมาณนี้เลยนะครับ
00:17:11 → 00:17:15 แต่คนที่อยู่แต่ในพื้นที่ที่เป็น Comfort
00:17:15 → 00:17:17 Zone หรือพื้นที่ที่คุณเคยเพราะกลัวการ
00:17:17 → 00:17:18 เปลี่ยนแปลง
00:17:18 → 00:17:21 ก็จะทำให้เขาไม่สามารถที่จะทดลองกับชีวิต
00:17:21 → 00:17:25 ไม่สามารถที่จะค้นเจอตัวเองจากกระบวนการ
00:17:25 → 00:17:28 ทดลองกับชีวิตนั้นได้แล้วก็ทำให้เขาไม่มี
00:17:28 → 00:17:31 โอกาสที่จะไปทำในสิ่งที่ทำให้ชีวิตเขามี
00:17:31 → 00:17:34 ความสุขนะครับทั้งๆที่ความสุขเป็นสิ่งที่
00:17:34 → 00:17:38 คนเราเลือกได้และความสุขจำนวนมากไม่ต้อง
00:17:38 → 00:17:42 ใช้เงินหรือใช้น้อยมากแต่คนจำนวนหนึ่งก็
00:17:42 → 00:17:46 ตระหนักในการทบทวนเมื่อเขาใกล้จบชีวิตลง
00:17:46 → 00:17:51 ที่พบว่าข้อเสียดายที่ไม่ได้ให้ตัวเองมี
00:17:51 → 00:17:56 ชีวิตที่มีความสุขมากกว่าที่ผ่านมา
00:17:56 → 00:17:59 ผมหยิบเอาเรื่องความเสียใจ 5 เรื่องของคน
00:17:59 → 00:18:01 ใกล้ตายมาเชื่อมเรื่องนี้ยังไงนะครับทั้ง
00:18:01 → 00:18:03 ๆที่ 5 ประเด็นนี้ไม่ได้ไปใส่อยู่ในหลัก
00:18:03 → 00:18:05 สูตรแต่ผมคิดว่า
00:18:05 → 00:18:08 ตอนที่ผมเตรียมคุยวันนี้ผมนึกถึงประเด็น
00:18:08 → 00:18:11 นี้เพราะว่าเวลาที่เราจะพูดถึงความสำเร็จ
00:18:11 → 00:18:12 ในชีวิตเนี่ย
00:18:12 → 00:18:14 นะครับมันไม่ใช่เรื่องของเงินไม่ใช่
00:18:14 → 00:18:17 เรื่องของงานนะครับแต่เป็นเรื่องของเมื่อ
00:18:17 → 00:18:20 เรามองไปข้างหน้าเมื่อเรามองไปข้างหลัง
00:18:20 → 00:18:25 เรารู้สึกได้ว่ามันมองไปข้างหน้าก็มีอะไร
00:18:25 → 00:18:27 ให้เล่นรอคอยเราอยู่มองไปข้างหลังก็รู้
00:18:27 → 00:18:30 สึกได้ว่าเราเดินมาเราได้จัดการเรื่องราว
00:18:30 → 00:18:35 ต่างๆได้เติมเต็มความต้องการตัวเองซึ่ง
00:18:35 → 00:18:37 ไม่ใช่ความต้องการเห็นแก่ตัวนะครับความ
00:18:37 → 00:18:39 ต้องการของตัวเองยังอาจจะหมายถึงการที่
00:18:39 → 00:18:41 เราเลือกที่จะไปทำงานจิตอาสาช่วยเหลือผู้
00:18:41 → 00:18:44 อื่นเพื่อความเติมเต็มจากการได้เป็นผู้
00:18:44 → 00:18:45 ให้ก็ได้
00:18:45 → 00:18:50 อันนี้ก็คือตัวที่เริ่มเข้ามาสู่เนื้อของ
00:18:50 → 00:18:53 สัปดาห์แรกในเรื่องของด้านมืดนะครับ
00:18:53 → 00:18:57 ดังนั้นเราจะทำยังไงที่เราจะจัดการถ้าเรา
00:18:57 → 00:18:59 ต้องการมีความสำเร็จดีขึ้น
00:18:59 → 00:19:01 เราก็ต้องมีกระบวนการเปิดรับและเชื่อมโยง
00:19:01 → 00:19:04 กับด้านมืดของตัวเองซึ่งกระบวนการนี้เป็น
00:19:04 → 00:19:09 การเติบโตภายในนะครับเราทำให้ส่วนของตัว
00:19:09 → 00:19:13 เราที่เราปฏิเสธและกฎมันไว้ได้เชื่อมต่อ
00:19:13 → 00:19:17 เป็นส่วนหนึ่งของตัวเราซึ่งในงานคนที่ทำ
00:19:17 → 00:19:20 งานด้านนี้เนี่ยเขาจะตระหนักดีว่าพลังงาน
00:19:20 → 00:19:23 ที่เราใช้ในการเก็บกดเนี่ยใช้เยอะนะครับ
00:19:23 → 00:19:26 แต่ทันทีที่เราไม่ต้องเก็บกดไม่เพียงแต่
00:19:26 → 00:19:28 เราไม่ต้องเสียพลังงานในการเก็บกดเท่า
00:19:28 → 00:19:29 นั้นนะครับ
00:19:29 → 00:19:32 แต่เรายังได้พลังงานที่เรากักมันไว้เช่น
00:19:32 → 00:19:38 พลังงานความโกรธนะครับพลังงานของอารมณ์
00:19:38 → 00:19:41 ต่างๆหรือความปรารถนา
00:19:41 → 00:19:44 ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแรงจูงใจเป็นพลังของ
00:19:44 → 00:19:47 ชีวิตในการขับเคลื่อนทั้งนั้นเลยเนี่ย
00:19:47 → 00:19:50 มันจึงเป็นการนำศักยภาพภายในตัวเองออกมา
00:19:50 → 00:19:51 ใช้ได้เต็มที่
00:19:51 → 00:19:56 เช่นมีคนหนึ่งที่เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อ
00:19:56 → 00:19:59 เขาได้เชื่อมกับประสบการณ์วัยเด็กที่เข้า
00:19:59 → 00:20:02 ไม่ชอบแล้วก็เข้าใจแล้วก็เชื่อมโยงกับตัว
00:20:02 → 00:20:05 เขาในวัยเด็กได้ดีเขาพบว่าเขามีความขี้
00:20:05 → 00:20:08 เล่นมากขึ้นนะครับเหลืออีกคนหนึ่งเมื่อพบ
00:20:08 → 00:20:12 ว่าตัวเองเชื่อมโยงและเข้าใจความโกรธของ
00:20:12 → 00:20:15 ตัวเองและยอมรับความโกรธที่สมควรโกรธของ
00:20:15 → 00:20:16 ตัวเองได้ดีขึ้น
00:20:16 → 00:20:19 เขาลากเส้นได้ดีขึ้นเขาปฏิเสธได้เก่งขึ้น
00:20:19 → 00:20:22 เขาตอบสนองความต้องการของตัวเองได้ดีขึ้น
00:20:22 → 00:20:25 เขาปกป้องตัวเองได้ดีขึ้นอันนี้คือส่วน
00:20:25 → 00:20:29 ผสมสำคัญของการที่เราจะประสบความสำเร็จใน
00:20:29 → 00:20:32 บริบทของชีวิตแรงงานนะครับถ้าคุณรู้สึก
00:20:32 → 00:20:35 ว่าในที่ทำงานคุณไม่สามารถ
00:20:35 → 00:20:39 โต้แย้งกับใครได้คุณไม่สามารถพูดแสดงความ
00:20:39 → 00:20:40 คิดเห็นได้
00:20:40 → 00:20:44 ตรงนั้นคือส่วนหนึ่งของการมีด้านมืดที่มา
00:20:44 → 00:20:47 คอยสร้างความปวดในเวลาที่คุณต้องออกไป
00:20:47 → 00:20:53 แสดงบทบาทในการแสดงความคิดเห็นนะครับ
00:20:53 → 00:20:56 ในการที่เราจะประสบความสำเร็จเราจึง
00:20:56 → 00:20:59 จำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นจากการรู้จักตัว
00:20:59 → 00:21:02 เองนะครับแล้วการรู้จักตัวเองถ้าคุณไปฟัง
00:21:02 → 00:21:05 เนื้อหาที่เราจะคุ้นเคยเรื่องของความ
00:21:05 → 00:21:09 สำเร็จทำงานอะไรนะครับก็จะพูดถึง passion
00:21:09 → 00:21:12 ก็จะพูดถึงว่าเราต้องรู้ว่าเราทำอะไรได้
00:21:12 → 00:21:16 ดีเราทำอะไรแล้วมีความสุขนะครับ 2 ข้อ
00:21:16 → 00:21:20 ส่วนผสมของ eggi นะครับทำอะไรได้ดีทำอะไร
00:21:20 → 00:21:23 แล้วมีความสุขทำอะไรที่สร้างเงินทำอะไร
00:21:23 → 00:21:25 ที่เป็นสิ่งที่โลกใบนี้ต้องการอันนี้คือ
00:21:25 → 00:21:26 อีกไกลนะครับ
00:21:26 → 00:21:31 ในเนื้อหาแบบนี้เนี่ยเป็นเนื้อหาที่ผมคิด
00:21:31 → 00:21:34 ว่าเราค้นหาได้นะครับเราสังเกตว่าเราทำ
00:21:34 → 00:21:38 อะไรได้ดีเราถนัดพ่อแม่เห็นเราถนัดอะไร
00:21:38 → 00:21:41 ตั้งแต่เล็กครูเราเห็นเราเราถนัดอะไรตั้ง
00:21:41 → 00:21:43 แต่เล็กญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักเราเห็นเรา
00:21:43 → 00:21:46 ถนัดอะไรตั้งแต่เล็กเรามีความสุขกับอะไร
00:21:46 → 00:21:49 เราสังเกตอารมณ์ความรู้สึกตัวเองเป็น
00:21:49 → 00:21:52 และเราเข้าใจบุคลิกตัวเองนะครับว่าเหมาะ
00:21:52 → 00:21:53 กับสิ่งแวดล้อมแบบไหน
00:21:53 → 00:21:57 นั่นก็เพียงพอกับการออกแบบเส้นทางการงาน
00:21:57 → 00:22:00 การเลี้ยงชีพเพื่อช่วยให้เราประสบความ
00:22:00 → 00:22:04 สำเร็จได้ดีขึ้นเพียงแต่คนที่จะแตะเรื่อง
00:22:04 → 00:22:08 ด้านมืดเพื่อปลดล็อคจากข้างในที่ทำให้เรา
00:22:08 → 00:22:11 มีชีวิตที่เติมเต็มได้
00:22:11 → 00:22:15 ในฐานะที่เป็นส่วนผสมสำคัญของความสำเร็จ
00:22:15 → 00:22:18 เนี่ยอาจจะแตะเรื่องนี้ไม่มากนะครับ
00:22:18 → 00:22:22 แต่ผมจะเจอหลายคนที่ทำงานเรื่องของด้าน
00:22:22 → 00:22:27 มืดเรื่องของ Shadow เงาหรือปม
00:22:27 → 00:22:32 ที่ไปอยู่ในบริบทของที่ทำงานหรือองค์กร
00:22:32 → 00:22:36 เขาก็จะพบว่าจริงๆผู้บริหารจำนวนมากคนทำ
00:22:36 → 00:22:38 งานจำนวนมากก็มีด้านมืดของตัวเองซึ่งเป็น
00:22:39 → 00:22:43 อุปสรรคในการที่จะขัดขวางนะครับอุปสรรค
00:22:43 → 00:22:46 เหล่านี้ขัดขวางทำให้เขาไม่สามารถมีความ
00:22:46 → 00:22:51 สำเร็จได้ตามศักยภาพของเขาเพราะมันมีพลัง
00:22:51 → 00:22:56 งานบางส่วนที่มาคอยดึงเข้าเฉออกไปตามสิ่ง
00:22:56 → 00:22:59 ที่เขากักเอาไว้เช่นถ้าเขากักความโกรธเอา
00:22:59 → 00:22:59 ไว้
00:22:59 → 00:23:05 เขาก็จะไม่สามารถต่อรองได้เขาจะไม่สามารถ
00:23:05 → 00:23:08 ถกเถียงประเด็น
00:23:08 → 00:23:12 แล้วก็ไม่สามารถแสดงการลากเส้นปฏิเสธได้
00:23:12 → 00:23:17 ดีนะครับยอมคนหรือรวมถึงการที่เขาจะดื้อ
00:23:17 → 00:23:20 เงียบก็จะทำให้เขาเติบโตได้ยากตรงนี้ก็
00:23:20 → 00:23:22 เกิดจากการมีด้านมืดทั้งนั้นเลยเพราะ
00:23:22 → 00:23:25 ฉะนั้นการที่เราจะประสบความสำเร็จ
00:23:25 → 00:23:28 แม้ว่าเป็นความจริงที่เราจะต้องรู้ว่าเรา
00:23:28 → 00:23:30 ทำอะไรได้ดีทำอะไรแล้วมีความสุขและรู้ว่า
00:23:30 → 00:23:32 อะไรทำเงินได้นะครับ
00:23:32 → 00:23:35 แต่ด้านมืดจะเป็นพื้นที่ที่จับต้องได้ยาก
00:23:35 → 00:23:40 แล้วเราจำเป็นที่จะต้องค้นหาและรู้จักตัว
00:23:40 → 00:23:43 เองในเรื่องนั้นนะครับ
00:23:43 → 00:23:46 ตอนที่ผมออกแบบหลักสูตรนี้นะครับผมก็มา
00:23:46 → 00:23:49 นั่งคิดว่าคนที่เรียนปมข้างใจมาแล้วเนี่ย
00:23:49 → 00:23:52 เขาจะได้ประโยชน์จากสัปดาห์แรกไหมเวลาที่
00:23:52 → 00:23:55 พูดเรื่องด้านมืดนะครับเพราะผมบรรยาย
00:23:55 → 00:23:57 เนื้อหาเรื่องนี้แตกต่างจากตอนสอนเรื่อง
00:23:57 → 00:24:01 ปมครั้งใจนะครับก็ปรากฏว่าผู้เรียนก็ช่วย
00:24:01 → 00:24:04 สะท้อนกลับมาให้ผมฟังว่าเขาชอบเพราะว่า
00:24:04 → 00:24:06 เนื้อหาและกระบวนการช่วยเขาค้นพบและเข้า
00:24:06 → 00:24:09 ใจสิ่งปกปิดการรับรู้ของตัวเองได้เพิ่ม
00:24:09 → 00:24:12 เติมแตกต่างจากบทเรียนแก้ปมครั้งใจนะครับ
00:24:12 → 00:24:15 มันเป็นการมองปมข้างใจในมุมที่ต่างออกไป
00:24:15 → 00:24:19 เพราะเราคุยกันในคนละมุมกันนะครับแล้วก็
00:24:19 → 00:24:22 ใช้วิธีการค้นหาที่ต่างออกไปนะครับล่าสุด
00:24:22 → 00:24:26 ก็มีผู้เรียนขาประจำซึ่งเป็นผู้เรียนที่
00:24:26 → 00:24:28 เรียกว่าเป็นคนที่เรียนกับผมทุกหลักสูตร
00:24:28 → 00:24:31 มานานแล้วนะครับตั้งแต่สมัยที่เปิดคลาส
00:24:31 → 00:24:34 เนี่ยเขาก็แชทคุยกับเพื่อนในกลุ่มไลน์มี
00:24:34 → 00:24:37 คนถามว่าหลักสูตรนี้น่าเรียนไหมเขาก็ตอบ
00:24:37 → 00:24:41 ว่าอย่างนี้นะครับใครอยากร้ายอย่างมีสติ
00:24:41 → 00:24:46 เชิญเรียนคลาสนี้นะคะอยากให้ลองนะครับ
00:24:46 → 00:24:49 เบื้องหลังก็คือก่อนหน้านี้เนี่ยเธอจะ
00:24:49 → 00:24:53 เป็นคนที่เวลาที่จะมีการสั่งการจากเจ้า
00:24:53 → 00:24:56 นายเวลาที่จะมีการถกเถียงกันเนี่ยเธอจะ
00:24:56 → 00:24:59 สู้ไม่ได้เลยนะครับวันหนึ่งเมื่อเธอเข้า
00:24:59 → 00:25:02 ใจความโกรธและใช้พลังความโกรธเป็นเนี่ย
00:25:02 → 00:25:05 เธอก็พบเจ้าตัวร้ายภายในตัวเธอที่จะช่วย
00:25:05 → 00:25:09 ในการปกป้องและต่อสู้ฝ่าฟันกับคนที่ต้อง
00:25:09 → 00:25:11 ต่อสู้ภายนอกนะครับ
00:25:11 → 00:25:14 เป็นเหมือนนางตัวร้ายเป็นนะครับแต่แน่นอน
00:25:14 → 00:25:18 เธอเป็นคนน่ารักนะครับเธอใช้คำว่าใครอยาก
00:25:18 → 00:25:22 ร้ายอย่างมีสติเชิญเรียนคลาสนี้ค่ะอยาก
00:25:22 → 00:25:23 ให้ลองนะครับ
00:25:23 → 00:25:26 ดังนั้นถ้าคุณต้องการประสบความสำเร็จใน
00:25:26 → 00:25:28 ชีวิตนะครับมันมีอะไรหลายอย่างมากที่คุณ
00:25:28 → 00:25:32 น่าเรียนรู้นะครับหนึ่งในสิ่งที่คุณน่า
00:25:32 → 00:25:34 เรียนก็คือเรื่องของด้านมืดซึ่งถ้าคุณ
00:25:34 → 00:25:37 อยากสังเกตตัวเองจริงๆมันก็คืออะไรก็ได้
00:25:37 → 00:25:39 ที่คุณเห็นในคนอื่นแล้วคุณรู้สึกหงุดหงิด
00:25:39 → 00:25:42 ไม่ชอบเลยเนี่ยตรงนั้นส่วนใหญ่เป็นสิ่ง
00:25:42 → 00:25:44 ที่เป็นด้านมืดของคุณได้ด้วยนะครับอันนี้
00:25:44 → 00:25:47 เป็นตัวอย่างนะครับอันนี้คุณสังเกตและ
00:25:47 → 00:25:49 เปิดใจเช่นสมมุติว่ามันมีเรื่องที่คุณสม
00:25:49 → 00:25:52 ควรโกรธแต่คุณโกรธไม่ได้เวลาคุณจะโกรธ
00:25:52 → 00:25:54 แล้วคุณจะรู้สึกแบบสั่นแล้วก็เหมือนน้ำตา
00:25:54 → 00:25:57 จะไหลนะครับตัวนี้แปลว่ามันมีการสู้กัน
00:25:57 → 00:26:00 แล้วก็บล็อกความโกรธอยู่นั่นก็คือด้านมืด
00:26:00 → 00:26:02 ที่ถูกเก็บไว้เหมือนกันพลังงานเหล่านี้
00:26:02 → 00:26:04 คือพลังงานที่เมื่อเราผันมันออกมาได้มัน
00:26:04 → 00:26:08 จะนำมาใช้ได้ดีนะครับแต่ด้วยกระบวนการของ
00:26:08 → 00:26:11 การเติบโตขึ้นมามันถูกปิดผนึกไว้นะครับ
00:26:11 → 00:26:16 ถ้าคุณเคยดูหนังกำลังภายในคุณคงเคยจะเจอ
00:26:16 → 00:26:20 หนังที่เขามีการปิดผนึกพลังบางอย่างของ
00:26:20 → 00:26:23 ตัวละครนะครับเรื่องนี้ก็เหมือนกันมาก
00:26:23 → 00:26:26 ครับเราจำเป็นที่จะต้องเปิดผนึกนั้นออกมา
00:26:26 → 00:26:29 เพื่อปลดปล่อยพลังงานและใช้พลังงานนั้น
00:26:29 → 00:26:31 ให้เป็นนะครับ
00:26:31 → 00:26:36 ทุกคนจะมีประเด็นด้านมืดแน่นอน
00:26:36 → 00:26:38 ไม่มากก็น้อย
00:26:38 → 00:26:40 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณปลดปล่อยมันออก
00:26:40 → 00:26:43 มาได้อย่างเหมาะสมด้วยความเข้าใจด้วยความ
00:26:43 → 00:26:45 เมตตาตัวเองและเปิดรับ
00:26:45 → 00:26:49 มันจะช่วยคุณปลดปล่อยศักยภาพได้ดีขึ้น
00:26:49 → 00:26:52 และที่สำคัญก็คือมันจะลดโอกาสผิดพลาดใน
00:26:52 → 00:26:55 ชีวิตของคุณซึ่งคุณอาจจะทำซ้ำแล้วซ้ำอีก
00:26:55 → 00:26:58 เพราะพลังขับเคลื่อนของด้านมืดนั้นนะครับ
00:26:58 → 00:27:02 เพื่อที่ว่าในวันที่คุณเดินทางบนเส้นทาง
00:27:02 → 00:27:06 ชีวิตจนมีอายุมากขึ้นจนไปถึงวันที่คุณ
00:27:06 → 00:27:10 อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตและคุณมองย้อน
00:27:10 → 00:27:13 กลับมาทบทวนชีวิตของตัวเองคุณก็จะได้ไม่
00:27:13 → 00:27:19 ต้องมานั่งสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำและ
00:27:19 → 00:27:23 คิดว่าเราไม่น่าทำกับสิ่งที่ไม่ได้ทำแล้ว
00:27:23 → 00:27:26 เรามีคำถามว่าทำไมเราถึงไม่ทำสิ่งนั้นใน
00:27:26 → 00:27:30 ตอนนั้นนะครับพูดง่ายๆก็คือเราก็จะได้
00:27:30 → 00:27:35 ป้องกันตัวเองให้ไม่ต้องมาสำนึกรู้สึก
00:27:35 → 00:27:42 เสียใจเมื่อโอกาสและเวลามันผ่านไปแล้ว
00:27:42 → 00:27:45 อันนี้คือเนื้อหาที่ผมเตรียมมาสำหรับการ
00:27:45 → 00:27:50 พูดคุยในหัวข้อวันนี้นะครับเราทำเวลาได้
00:27:50 → 00:27:53 เร็วกว่าปกตินิดนึงตอนนี้ผมจะมาดูที่
00:27:53 → 00:27:57 YouTube ปลดล็อคกับหมอเวทย์นะครับวันนี้
00:27:57 → 00:28:02 ผมโพสต์ช้ากว่าปกติเพราะว่ามัวแต่ไปทำ
00:28:02 → 00:28:05 อย่างอื่นนะครับ
00:28:05 → 00:28:07 ตอนนี้มาดูนะครับว่า
00:28:07 → 00:28:13 มีคนเข้ามาคุย 10
00:28:13 → 00:28:16 10 รายการตรงนี้ต้องย้ำนะครับว่าวันนี้
00:28:16 → 00:28:18 ผมจะตอบพูดคุยชั่วโมงเดียวแล้วก็จะต้อง
00:28:18 → 00:28:20 ปิดก่อนนะครับต้องเก็บพลังงานไปทำอย่าง
00:28:20 → 00:28:21 อื่นต่อนะครับ
00:28:21 → 00:28:24 เป็นหลักสูตรที่ชอบมากค่ะอาจารย์ส่วนตัว
00:28:24 → 00:28:26 หนูเชื่อมโยงเข้ากับปมข้างใจได้เห็นและ
00:28:26 → 00:28:28 เข้าใจตัวเองมากๆค่ะ
00:28:28 → 00:28:31 ขอบคุณที่มาช่วยประชาสัมพันธ์นะครับ
00:28:31 → 00:28:34 สวัสดีคุณหมอค่ะอยากให้คุณหมอช่วยอธิบาย
00:28:34 → 00:28:36 เรื่องการประสบความสำเร็จจนเป็นที่ยกย่อง
00:28:36 → 00:28:38 จากครอบครัวกลายเป็นบุคคลในการยกย่องยก
00:28:38 → 00:28:41 ตัวอย่างเสมอจนทุกวันนี้ได้กลายเป็นคนที่
00:28:41 → 00:28:46 คิดว่าตัวเองทำผิดอย่างไรก็ไม่ผิด
00:28:46 → 00:28:48 ผมเข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงคนอื่นใน
00:28:48 → 00:28:50 ครอบครัวคุณ
00:28:50 → 00:28:55 แล้วผมเข้าใจว่าคนๆนั้นกำลังมองไม่เห็น
00:28:55 → 00:28:57 ด้านมืดของตัวเอง
00:28:57 → 00:28:59 สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เพราะว่า
00:28:59 → 00:29:02 ครอบครัวนั้นมีค่านิยมในการยกย่อง
00:29:02 → 00:29:04 คุณสมบัติบางอย่าง
00:29:04 → 00:29:08 และการยกย่องนั้นก็น่าจะเป็นกลไกเดียวกัน
00:29:08 → 00:29:12 กับการที่เข้าพัฒนาด้านนั้นให้ดีมากๆแต่
00:29:12 → 00:29:14 มันจะมีบางด้านของเขาซึ่งเป็นด้านมืด
00:29:14 → 00:29:18 เพราะมันฝ่อตัวไปถูกกฎไว้นะครับ
00:29:18 → 00:29:23 คุณน่าจะเป็นคนที่อยู่รอบๆใกล้ๆที่รับผล
00:29:23 → 00:29:27 กระทบแล้วรู้สึกเป็นทุกข์คนถึงใช้คำว่า
00:29:27 → 00:29:31 คนที่เขาได้รับการยกย่องนั้นตัวเองผิดก็
00:29:31 → 00:29:34 ไม่ผิดนะครับดังนั้นคุณคงรู้สึกเจ็บปวด
00:29:34 → 00:29:35 ได้
00:29:35 → 00:29:38 ก็ต้องบอกว่านั่นเป็นวิถีที่เกิดขึ้นใน
00:29:38 → 00:29:41 ครอบครัวของคุณและถ้าคุณถามว่าทำไมคนคน
00:29:41 → 00:29:46 นี้ถึงมองไม่เห็นว่าเขาทำผิดนั่นเป็นเงา
00:29:46 → 00:29:50 มืดหรือด้านมืดที่เขาไม่เห็นในตัวเองครับ
00:29:50 → 00:29:54 คราวนี้ผมคิดว่าคำถามที่สำคัญกว่านั้น
00:29:54 → 00:29:57 ไม่ใช่ถามว่าทำไมเขามองไม่เห็นความผิดตัว
00:29:57 → 00:29:57 เอง
00:29:57 → 00:30:01 แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นก็คือคุณในฐานะ
00:30:01 → 00:30:04 ที่คุณอยู่ในบ้านนั้นคุณรับรู้ประสบการณ์
00:30:04 → 00:30:06 ความรู้สึกภายในใจตัวเองได้เพียงใด
00:30:06 → 00:30:10 แล้วคุณเห็นไหมว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างใน
00:30:10 → 00:30:13 การที่คุณจะอยู่ในบ้านนั้นยังมีความสุข
00:30:13 → 00:30:15 มากขึ้นหรือคุณจะรักษาระยะห่างระหว่างตัว
00:30:15 → 00:30:18 คุณกับบ้านนั้นได้อย่างไรนะครับตรงนี้ก็
00:30:18 → 00:30:20 จะขึ้นกับรายละเอียดของความสัมพันธ์ของ
00:30:20 → 00:30:24 คุณกับสมาชิกในบ้านนั้นแล้วคนๆนั้นนะครับ
00:30:24 → 00:30:27 ถัดมานะครับไม่ต้องการความสำเร็จใดๆแต่
00:30:27 → 00:30:30 ถ้าภายในเรามีความสุขความรักคนรอบข้างและ
00:30:30 → 00:30:34 สังคมจะอุดมไปด้วยใช่ไหมคะที่คนตัวเล็กๆ
00:30:34 → 00:30:38 ธรรมดาจะช่วยได้
00:30:38 → 00:30:40 คือคำว่าความสำเร็จเนี่ยมันอยู่ที่นิยาม
00:30:40 → 00:30:43 ครับในหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องความสำเร็จ
00:30:43 → 00:30:47 ทุกเล่มนะครับจะต้องถามคำถามหนึ่งเสมอว่า
00:30:47 → 00:30:50 ความสำเร็จของคุณคืออะไรนะครับ
00:30:50 → 00:30:53 ความสำเร็จนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นความ
00:30:53 → 00:30:57 สำเร็จทางด้านการงานและการเงิน
00:30:57 → 00:30:59 ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับคุณเจนนิยามว่ายัง
00:30:59 → 00:31:02 ไงเช่นถ้าคุณลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูก
00:31:02 → 00:31:04 คุณอาจจะรู้สึกว่าความสำเร็จของคุณคือการ
00:31:04 → 00:31:08 ได้เป็นแม่ที่ดีการที่ลูกคุณเติบโตมาได้
00:31:08 → 00:31:10 ดีก็ได้
00:31:10 → 00:31:13 แต่ว่าถ้าคุณนิยามแบบนั้นให้ระวังอย่าง
00:31:13 → 00:31:16 นึงคือวันนึงเมื่อลูกคุณโตและลูกคุณแยก
00:31:16 → 00:31:19 บ้านไปแล้วเนี่ยคุณต้องหาความหมายของการ
00:31:19 → 00:31:22 มีชีวิตอันใหม่ขึ้นมานะครับ
00:31:22 → 00:31:26 ดังนั้นด้วยคำถามเช่นนี้ก็แปลว่า
00:31:26 → 00:31:31 เราก็น่าจะตั้งโจทย์ว่า
00:31:31 → 00:31:34 ความสำเร็จสำหรับชีวิตเราคืออะไร
00:31:34 → 00:31:37 และมันตอบความต้องการเราและคนรอบข้างที่
00:31:37 → 00:31:41 เรารักได้ดีเพียงใดนะครับอันนี้คือโจทย์
00:31:41 → 00:31:44 ที่จะชวนคุณลงพิจารณาดู
00:31:44 → 00:31:46 อยากให้หลักสูตรจิตวิทยาความสำเร็จของ
00:31:46 → 00:31:49 อาจารย์มีส่วนช่วยให้สามารถใช้ผิวยาความ
00:31:49 → 00:31:52 สำเร็จได้นานๆเพราะส่วนตัวเรียนตอนแรกจะ
00:31:52 → 00:31:54 จำได้ดีไม่นานก็ลืม
00:31:54 → 00:31:57 นี่คือความยากของการเรียนทุกเรื่องเลยนะ
00:31:57 → 00:31:58 ครับ
00:31:58 → 00:32:00 ก็คือว่า
00:32:00 → 00:32:03 บทเรียนที่ถูกกระจายออกแล้วเรียงเป็น
00:32:03 → 00:32:07 เดือนเนี่ยยังไม่สามารถฝังเข้าไปเป็นส่วน
00:32:07 → 00:32:09 หนึ่งของชีวิตเราได้
00:32:09 → 00:32:13 เราเหมือนเด็กที่เรียนหนังสือนะครับ
00:32:13 → 00:32:16 ในตอนที่ผมเรียนแพทย์
00:32:16 → 00:32:19 วิชาต่างๆที่ผมเรียนเนี่ย
00:32:19 → 00:32:22 ก่อนสอบเราจะจำได้เยอะที่สุด
00:32:22 → 00:32:25 หลังสอบเนี่ยโดยหลักแล้วอะไรที่ไม่ได้ใช้
00:32:25 → 00:32:29 มันจะหายไปนะครับดังนั้นไม่ว่าคุณจะเรียน
00:32:29 → 00:32:34 วิชาอะไรก็ตามถ้าคุณอยากใช้มันได้นานคุณ
00:32:34 → 00:32:37 ต้องหยิบมันมาทบทวนและประยุกต์ใช้
00:32:37 → 00:32:40 เพราะบทเรียนของการเรียนรู้มันจะต้องไปทด
00:32:40 → 00:32:43 ลองใช้และเกิดการ
00:32:43 → 00:32:45 ประสบการณ์บางอย่างที่ทำให้เราได้เข้าใจ
00:32:45 → 00:32:47 มันมากขึ้นหรือเกิดข้อสงสัยแล้วไปค้นคว้า
00:32:47 → 00:32:49 เพิ่มเติม
00:32:49 → 00:32:50 ตรงนี้มันถึงจะทำให้การเรียนรู้ไม่หยุด
00:32:51 → 00:32:52 นิ่ง
00:32:52 → 00:32:55 ถ้าเปรียบเทียบไปก็ในทุกสาขาวิชาชีพนะ
00:32:55 → 00:32:56 ครับ
00:32:56 → 00:33:00 ถ้าคนไหนจบรุจอะไรมาแล้วก็ตามแล้วเขาไม่
00:33:00 → 00:33:02 ได้หยิบเอาวิชาไหนก็ตามมาทบทวนเพราะเขา
00:33:02 → 00:33:04 ไม่มีเวลาไม่มีสิ่งที่ต้องทำให้เขาต้อง
00:33:04 → 00:33:05 ใช้นะครับ
00:33:05 → 00:33:09 เรื่องนั้นก็จะต้องหายไปจากหัวของเขาครับ
00:33:09 → 00:33:13 ยกตัวอย่างนะครับในฐานะแพทย์ซึ่งตอนจบมา
00:33:13 → 00:33:15 ผมจะต้องผ่าไส้ติ่งเป็น
00:33:15 → 00:33:19 ผมจะต้องผ่าคลอดเป็นในฐานะแพทย์นะครับผม
00:33:19 → 00:33:21 จะต้องจอดระบายเลือดที่มันคั่งอยู่ในสมอง
00:33:21 → 00:33:23 เป็นอันนี้คือนิยามของการจบเป็น
00:33:23 → 00:33:26 แพทย์ศาสตร์บัณฑิตในประเทศไทยนะครับเพราะ
00:33:26 → 00:33:28 มันเป็นสภาวะฉุกเฉิน
00:33:28 → 00:33:31 ตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้วผมลืมผมแม้กระทั่ง
00:33:31 → 00:33:34 การจะเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดผมก็ลืมแล้ว
00:33:34 → 00:33:37 อันนี้คือธรรมชาติของ
00:33:37 → 00:33:40 ความรู้ของมนุษย์
00:33:40 → 00:33:43 ถามว่าเราลืมแล้วเรารู้สึกแย่ไหมเราไม่
00:33:43 → 00:33:44 รู้สึกแย่เพราะเรารู้ว่าเราไม่ได้ใช้มัน
00:33:45 → 00:33:48 แล้วเรารู้ดีว่าวันหนึ่งที่เราต้องใช้เรา
00:33:48 → 00:33:52 ไปขอให้คนอื่นใช้ทำแทนเรานะครับ
00:33:52 → 00:33:55 เรื่องนี้ก็เหมือนกันครับถ้ามันไม่มี
00:33:55 → 00:34:00 โอกาสประยุกต์ใช้นะครับเช่นในบทเรียนที่
00:34:00 → 00:34:05 ว่าด้วยเรื่องการตัดสินใจให้มีคุณภาพถ้า
00:34:05 → 00:34:08 คุณไม่ได้หยิบมาใช้นะครับผ่านไปไม่นานคุณ
00:34:08 → 00:34:11 จะลืมครับตัวผมเองขนาดเรื่องที่ได้ใช้นะ
00:34:11 → 00:34:11 ครับ
00:34:11 → 00:34:15 ถ้าทิ้งไว้ไม่สักพักหนึ่งนะครับผมยังจำ
00:34:15 → 00:34:17 ได้ไม่หมดอันนี้เป็นธรรมดาของสมองมนุษย์
00:34:17 → 00:34:21 โดยเฉพาะ
00:34:21 → 00:34:24 อย่างอายุเกิน 60 ขึ้นมาเนี่ยผมจะเห็นชัด
00:34:24 → 00:34:28 เลยครับว่าเดี๋ยวนี้ชื่อยานะครับชื่อคนนะ
00:34:28 → 00:34:32 ครับบางทีนึกตั้งนานต้องไปค้นเช็คดูนะ
00:34:32 → 00:34:35 ครับอยากจะสั่งยาตัวนั้น
00:34:35 → 00:34:39 คิดไม่ออกเพราะมันนานๆสั่งทีนึงนะครับก็
00:34:39 → 00:34:41 ต้องไปค้นดูว่ามันคืออะไรอันนี้เป็น
00:34:41 → 00:34:44 เรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้วก็เป็นในทุกวิชา
00:34:44 → 00:34:45 ครับ
00:34:45 → 00:34:47 วิธีเดียวที่จะจำได้นานๆก็คือคุณต้องหยิบ
00:34:47 → 00:34:49 มันมาใช้ครับ
00:34:49 → 00:34:53 รอฟังรอฟังรอฟังรอฟังความสำเร็จในมุมมอง
00:34:53 → 00:34:55 ของบทเรียนนี้คืออะไร
00:34:56 → 00:34:59 นั่นคือคำถามที่ผมจะถามผู้เรียนครับไม่
00:34:59 → 00:35:02 ใช่คำถามที่ผู้เรียนมาถามผม
00:35:02 → 00:35:05 เพราะความสำเร็จของแต่ละคนมันอยู่ที่
00:35:05 → 00:35:10 นิยามของคนๆนั้น
00:35:10 → 00:35:13 แต่อย่างหนึ่งที่ในทุกหลักสูตรในเรื่อง
00:35:13 → 00:35:15 ความสำเร็จจะต้องตั้งคำถามก็คือ
00:35:15 → 00:35:18 คุณให้ความสำคัญอะไรกับชีวิต
00:35:18 → 00:35:21 คุณให้ความสำคัญในเรื่องอะไรในชีวิตของ
00:35:21 → 00:35:25 คุณนะครับซึ่งเป็นหนึ่งในหลักสูตรสัปดาห์
00:35:25 → 00:35:26 สุดท้าย
00:35:26 → 00:35:29 แล้วก็เป็นเรื่องที่ผมจะคุยในแทบทุก
00:35:29 → 00:35:31 เรื่องว่าทุกๆครั้งที่คุณจะทำอะไรก็ตาม
00:35:31 → 00:35:34 คุณต้องรู้ว่าอะไรคือเรื่องสำคัญหรือสิ่ง
00:35:34 → 00:35:36 สำคัญสำหรับชีวิตคุณ
00:35:36 → 00:35:38 ถ้าคุณยังตอบไม่ได้คุณก็จะนิยามความ
00:35:39 → 00:35:41 สำเร็จไม่ได้ถ้าคุณมีอะไรคำตอบที่ไม่ทำ
00:35:41 → 00:35:45 ให้ชัดคุณก็จะมีนิยามที่ไม่ชัดนะครับถ้า
00:35:45 → 00:35:47 คุณมีความคิดเห็นขัดแย้งกันโดยตัวมันเอง
00:35:47 → 00:35:51 คุณก็จะงุนงงว่ามันคืออะไรกันแน่นิยามของ
00:35:51 → 00:35:54 คุณตรงนี้การบ้านนี้เป็นโจทย์ของคุณเลยนะ
00:35:54 → 00:35:55 ครับ
00:35:55 → 00:35:59 สิ่งที่อยากทำเต็มไปหมดแต่ทำได้สักพักก็
00:35:59 → 00:36:02 เบื่อและเลิกทำวนแบบนี้ไปซ้ำๆเหมือนต้อง
00:36:02 → 00:36:04 นับหนึ่งใหม่ตลอดเวลา
00:36:04 → 00:36:08 น่าสนใจนะครับว่ามีอะไรมาผลักดันให้คุณมี
00:36:08 → 00:36:11 สิ่งที่อยากทำแล้วเบื่อง่ายและเลิกเพราะ
00:36:11 → 00:36:14 ว่ามันจะทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ยาก
00:36:14 → 00:36:18 แล้วทำให้ความน่าเชื่อถือจะลดลงเพราะว่า
00:36:18 → 00:36:22 ไอเดียของเรามีแต่ว่าเราไม่ได้ทำจนเสร็จ
00:36:22 → 00:36:24 นะครับ
00:36:24 → 00:36:27 บางคนก็จะบอกว่านี่เป็นปัญหาเรื่องของ
00:36:27 → 00:36:29 สมาธิจดจ่อ
00:36:29 → 00:36:32 แต่นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยความสำเร็จก็คือ
00:36:32 → 00:36:34 เมื่อเราตั้งใจทำอะไรแล้วเนี่ยเราต้อง
00:36:34 → 00:36:37 เช็คให้แน่ว่ามันมีพลังอยากทำด้วยความ
00:36:37 → 00:36:41 เข้าใจว่าจะทำไปเพื่ออะไรมันตอบโจทย์ความ
00:36:41 → 00:36:43 ต้องการในส่วนลึกของเรายังไง
00:36:43 → 00:36:46 และเมื่อเราจะทำเราก็มีพลังงานจดจ่อกับ
00:36:46 → 00:36:49 มันนานเพียงพอนะครับแต่ถ้าเราไม่ได้
00:36:49 → 00:36:53 เชื่อมโยงกับความต้องการความสำคัญของมัน
00:36:53 → 00:36:56 การเชื่อมกับเป้าหมายชีวิตของเรา
00:36:56 → 00:36:59 พลังที่เรามีอยู่เนี่ยพอมันเจอปัญหาแล้ว
00:36:59 → 00:37:02 เราจะเปลี่ยนเราจะทิ้งเราจะเบี่ยงเบนได้
00:37:02 → 00:37:03 ครับ
00:37:03 → 00:37:05 นี่จึงเป็นความสำคัญมากที่เราจะต้อง
00:37:05 → 00:37:08 ตระหนักรู้ในความรู้สึกนึกคิดและความ
00:37:08 → 00:37:11 ต้องการของตัวเองและสิ่งที่ตัวเองให้ความ
00:37:11 → 00:37:13 สำคัญในชีวิตนี้ครับ
00:37:13 → 00:37:16 จิตวิทยาไม่มีความรู้โดยตรงได้แต่
00:37:16 → 00:37:19 ประสบการณ์การเรียนการทำงานสิ่งแวดล้อมมา
00:37:19 → 00:37:20 ปรับใช้นะครับ
00:37:20 → 00:37:24 ไม่เป็นไรเลยครับเพราะว่าจิตวิทยาถ้าพูด
00:37:24 → 00:37:25 ตรงๆนะครับ
00:37:25 → 00:37:28 เป็นวิชาที่พอหาอ่านและหาความรู้ได้ด้วย
00:37:28 → 00:37:32 ตัวเองผสมกับการสังเกตผมยกตัวอย่างนะครับ
00:37:32 → 00:37:36 สมัยที่ผมทำงานอยู่ในระบบราชการผมทำหน้า
00:37:36 → 00:37:39 ที่พัฒนากลุ่มคนที่จะไปทำหน้าที่ช่วย
00:37:39 → 00:37:42 เหลือคนอื่นที่เขาเรียกว่าผู้ให้คำปรึกษา
00:37:42 → 00:37:43 นะครับ
00:37:43 → 00:37:47 ในคนกลุ่มนี้เนี่ยการอบรมมีไม่เข้มข้นนะ
00:37:47 → 00:37:49 ครับส่วนใหญ่ก็จะเป็นพยาบาลมาอบรม 5 วัน
00:37:49 → 00:37:53 บางทีก็มีหลักสูตรต่อยอด 3 วัน 5 วันนะ
00:37:53 → 00:37:57 ครับแต่คนกลุ่มนี้เนี่ยมีต้นทุนในการ
00:37:57 → 00:37:58 เกี่ยวข้องกับผู้คน
00:37:58 → 00:38:03 เขามีความใส่ใจผู้คนที่มาคุยด้วยหลายคนมี
00:38:03 → 00:38:07 วิธีการคุยที่เข้ากันได้กับคนที่มาปรึกษา
00:38:07 → 00:38:11 เก่งกว่าจิตแพทย์ไม่ได้แปลว่าจิตแพทย์สู้
00:38:11 → 00:38:14 ไม่ได้ในเรื่องทั้งหมดนะครับแต่จิตแพทย์
00:38:14 → 00:38:17 ถูกอบรมมาให้วินิจฉัยโรคและรักษาด้วยการ
00:38:17 → 00:38:21 มองเป็นโมเดลเป็นโรคซึ่งบางคนจะไปสุดขั้ว
00:38:21 → 00:38:25 ที่ถามแต่อาการและสั่งยาไม่ได้เน้นความ
00:38:25 → 00:38:26 สัมพันธ์มากนัก
00:38:26 → 00:38:28 กรณีนี้ผมจะเห็นเลยครับว่าคนที่เรียนน้อย
00:38:28 → 00:38:31 กว่ายังมีคุณภาพในการพูดคุยดีกว่า
00:38:31 → 00:38:33 จิตแพทย์ได้นะครับแต่นี่เป็นเพียงตัว
00:38:33 → 00:38:37 อย่างสุดขั้วนะครับทุกๆอาชีพจะมีส่วนที่
00:38:37 → 00:38:41 ใส่ใจเป็นอย่างส่วนที่ไม่น่าคุยด้วยอยู่
00:38:41 → 00:38:44 ในทุกๆอาชีพแม้แต่ในอาชีพให้บริการอย่าง
00:38:44 → 00:38:47 พยาบาลผู้ให้การปรึกษาหรือจิตแพทย์หรือ
00:38:47 → 00:38:50 นักจิตวิทยาก็ยังมีการกระจายในลักษณะของ
00:38:50 → 00:38:54 คุณภาพแบบนั้นได้ด้วย
00:38:54 → 00:38:57 ท่านข้อความสุดท้ายก็มีคนมาเติมนะครับว่า
00:38:57 → 00:39:01 เคยคิดฝันอยากเป็นนั่นเป็นนี่สมัยเด็กถึง
00:39:01 → 00:39:04 ปัจจุบันได้เป็นสิ่งที่ตนเคยฝันและพอใจ
00:39:04 → 00:39:06 กับสิ่งที่เป็นมีความสุขดีไม่อยากได้อะไร
00:39:06 → 00:39:09 เกินกว่านี้แล้วนอกจากความสงบสุขทางใจ
00:39:09 → 00:39:12 ความคิดแบบนี้จะขัดขวางความสำเร็จในชีวิต
00:39:12 → 00:39:16 ที่เหลืออยู่ไหม
00:39:16 → 00:39:20 มันขึ้นอยู่กับว่าคำว่าความสำเร็จของคุณ
00:39:20 → 00:39:26 คืออะไรนะครับถ้าคุณถือว่าคุณมีชีวิตที่
00:39:26 → 00:39:31 เรียบง่ายคุณมีความสุขสงบภายใน
00:39:31 → 00:39:35 คุณมีโอกาสพัฒนาด้านในได้ต่อเนื่องและคุณ
00:39:35 → 00:39:37 มีการเตรียมตัวตาย
00:39:37 → 00:39:39 ที่ดี
00:39:39 → 00:39:43 และคุณยังได้ทำสิ่งดีๆแบบง่ายๆเช่น
00:39:43 → 00:39:47 ช่วยเหลือสัตว์นะครับ
00:39:47 → 00:39:51 คุณก็ถือได้ว่ามีความสำเร็จในชีวิตเพราะ
00:39:51 → 00:39:53 มันคือนิยามของคุณนะครับ
00:39:53 → 00:39:57 ตรงนี้ก็คือโจทย์ที่ทำให้เราตระหนักนะ
00:39:57 → 00:40:01 ครับว่าความสำเร็จไม่ใช่เรื่องที่คนอื่น
00:40:01 → 00:40:04 จะไม่นิยามแทนเราแน่นอนนั้นนะครับว่าความ
00:40:04 → 00:40:08 สำเร็จอย่างน้อยนะครับสำหรับคนทั่วไปควร
00:40:08 → 00:40:11 จะต้องยังชีพและเลี้ยงตัวเองได้นะครับ
00:40:11 → 00:40:15 ส่วนถัดจากนั้นหลังจากที่เราเลี้ยงตัวเอง
00:40:15 → 00:40:17 ได้แล้วเนี่ยนะครับเราอยากจะทำอะไรได้
00:40:17 → 00:40:20 เพิ่มเติมมากกว่านั้นตรงนี้ขึ้นอยู่กับ
00:40:21 → 00:40:23 นิยามความสำเร็จของเราครับ
00:40:23 → 00:40:26 ตอนนี้เราจะมาดูที่ Facebook Page Mall
00:40:26 → 00:40:27 ประเวศนะครับ
00:40:27 → 00:40:30 สวัสดีค่ะหัวหน้าหัวข้อนี้ได้ลงเรียนด้วย
00:40:30 → 00:40:33 อยากทราบว่าเราสำเร็จอะไรบางอย่างได้
00:40:33 → 00:40:35 อย่างไรมีสอนในหลักสูตรหัวข้อนี้ได้ลง
00:40:36 → 00:40:38 เรียนด้วยแปลว่าคุณสมัครมาแล้วนะครับอยาก
00:40:38 → 00:40:40 ทราบว่าเราจะสำเร็จอะไรได้บ้างอย่างไรมี
00:40:40 → 00:40:42 สอนในหลักสูตรนี้ไหม
00:40:42 → 00:40:45 เราจะสำเร็จอะไรได้บ้างก็ขึ้นอยู่กับเรา
00:40:45 → 00:40:48 จะตั้งเป้าใช่ไหมครับเราจะสำเร็จอย่างไร
00:40:48 → 00:40:52 ก็ขึ้นอยู่กับเราจะรู้ไหมว่ากลยุทธ์ที่
00:40:52 → 00:40:54 ถูกต้องสำหรับ
00:40:54 → 00:40:59 การทำงานเรื่องนั้นให้สำเร็จคืออะไร
00:40:59 → 00:41:01 เวลาที่เรียนนะครับ
00:41:01 → 00:41:04 ในแต่ละครั้งที่ 2
00:41:04 → 00:41:06 ผมไม่เคยสอนเหมือนกันเลย
00:41:06 → 00:41:09 สาเหตุก็เพราะว่าเนื้อหาจะเป็นไปตามโจทย์
00:41:09 → 00:41:11 ของผู้เรียน
00:41:11 → 00:41:14 ซึ่งถ้าคุณเอาคำถามนี้มาคุยในตามหลักสูตร
00:41:14 → 00:41:18 ที่มีโครงสร้าง
00:41:18 → 00:41:21 เราก็คุยกันได้นะครับเพราะว่าโครงสร้าง
00:41:21 → 00:41:23 หลักสูตรตั้งเป็นเนื้อส่วนหนึ่งกับพื้น
00:41:23 → 00:41:25 ที่แรกเปลี่ยนซึ่งมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของ
00:41:25 → 00:41:28 เวลานะครับครึ่งหนึ่งของเวลาเป็นการแลก
00:41:28 → 00:41:30 เปลี่ยนกันมากกว่าครึ่งนะครับดังนั้นมัน
00:41:30 → 00:41:33 จึงมีพื้นที่ที่ยืดหยุ่นได้กับการเรียน
00:41:33 → 00:41:34 รู้
00:41:34 → 00:41:36 สวัสดีครับคุณหมอผมเคยได้ยินคนแนะนำว่า
00:41:36 → 00:41:39 นิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จคือให้คิด
00:41:39 → 00:41:42 ถึงสิ่งที่เขาเราเคยทำสำเร็จบ่อยๆไม่ทราบ
00:41:42 → 00:41:44 มีข้อเท็จจริงหรือความคิดอย่างไรนะครับ
00:41:45 → 00:41:48 ที่จริงมันมีนิสัยของคนประสบความสำเร็จ
00:41:48 → 00:41:51 อยู่จำนวนหนึ่งนะครับเช่นการมีเป้าหมาย
00:41:51 → 00:41:56 การมีแผนการการทำงานตามที่คิดไว้การเรียน
00:41:56 → 00:41:59 รู้แล้วก็ปรับปรุงตามสภาพ
00:41:59 → 00:42:02 การมีวินัยพื้นฐานในชีวิตความสามารถในการ
00:42:02 → 00:42:05 ใช้เครือข่ายพวกนี้นะครับ
00:42:05 → 00:42:07 สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติที่
00:42:07 → 00:42:10 สำคัญของการที่จะประสบความสำเร็จซึ่งก็
00:42:10 → 00:42:13 ต้องแล้วแต่ธรรมชาติของงานแต่ละงานนะครับ
00:42:13 → 00:42:16 ดังนั้นที่คุณบอกว่าให้คิดถึงสิ่งที่เรา
00:42:16 → 00:42:18 เคยทำสำเร็จบ่อยๆ
00:42:18 → 00:42:22 ในมุมนึงมันก็ถูกอยู่เหมือนกันมันแปลว่า
00:42:22 → 00:42:26 เราทำสิ่งนั้นได้ดีแต่ว่าด้วยโรคที่
00:42:26 → 00:42:27 เปลี่ยนแปลงไปเร็ว
00:42:27 → 00:42:30 สิ่งที่เราเคยทำสำเร็จมาบ่อยๆอาจจะไม่ใช่
00:42:30 → 00:42:32 สิ่งที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จในอีก 10-20
00:42:33 → 00:42:34 ปีข้างหน้าก็ได้
00:42:34 → 00:42:37 เราจำเป็นที่จะต้องถอดรหัสสิ่งที่เราเคย
00:42:37 → 00:42:39 ทำได้ดีแล้วมันสำเร็จ
00:42:39 → 00:42:43 ให้เหมาะกับสภาพสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปใน
00:42:43 → 00:42:47 ปัจจุบันและในอนาคตเพราะว่าคนที่จะประสบ
00:42:47 → 00:42:49 ความสำเร็จได้ดีอย่างหนึ่งก็คือ
00:42:49 → 00:42:54 เขาจะเห็นแนวโน้มบางอย่างที่เขาจะใช้
00:42:54 → 00:42:58 กระแสของการเปลี่ยนแปลงให้เป็นประโยชน์
00:42:58 → 00:43:01 หรือเขาเห็นโอกาสพูดง่ายๆแล้วเขากล้าที่
00:43:01 → 00:43:05 จะใช้โอกาสนั้นเป็นจังหวะที่เขาจะลงมือทำ
00:43:05 → 00:43:09 นะครับก็เลยต้องบอกว่าที่คุณบอกว่าใช่ก็
00:43:09 → 00:43:12 ใช่บอกว่าไม่เชิงก็ไม่เชิงนะครับ
00:43:12 → 00:43:15 อันนี้คือปัญหาของภาษานะครับ
00:43:15 → 00:43:18 ฟังมาเกือบปีได้ความรู้นำไปปรับใช้กับตัว
00:43:18 → 00:43:21 เองได้ดีมากคุณหมอตีความเขาว่าสำเร็จ
00:43:21 → 00:43:23 อย่างไรตอบไปแล้วนะครับว่าขึ้นอยู่กับคุณ
00:43:23 → 00:43:27 นะครับตามปกติใช้อิทธิบาท 4 แต่บางทีก็
00:43:27 → 00:43:30 เครียดเกินต้องพยายามคิดว่างานเสร็จทุก
00:43:30 → 00:43:33 วันตามท่านพุทธทาสสอนพยายามรู้สึกมีความ
00:43:33 → 00:43:37 พอใจปิติกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ
00:43:37 → 00:43:41 คืออิทธิบาท 4 เนี่ยมันเป็นหัวใจของความ
00:43:41 → 00:43:43 สำเร็จ
00:43:43 → 00:43:46 คือมันต้องเริ่มต้นจากการมีฉันทะใช่ไหม
00:43:46 → 00:43:48 ครับมี
00:43:48 → 00:43:53 บรรยายธรรมนะครับแต่ว่า
00:43:53 → 00:43:56 ตอนเวลาที่ผมดูธรรมะ
00:43:56 → 00:43:59 ถ้าผมเห็นคำบรรยายเนี่ยในมุมหนึ่งผมจะรู้
00:43:59 → 00:44:03 สึกทึ่งในความลึกซึ้งของธรรมะที่มีอยู่นะ
00:44:03 → 00:44:04 ครับ
00:44:04 → 00:44:09 แต่เวลาที่ผมทำงานเนี่ยผมจะหยิบเอาตัวนี้
00:44:09 → 00:44:12 มาใช้เป็นบางจังหวะเท่านั้นเอง
00:44:12 → 00:44:14 ไม่ได้ไม่ได้เอาธรรมะมาใช้ในบริบททางโลก
00:44:14 → 00:44:17 ในทุกข้อแม้ว่าในทางปฏิบัติมันพอจะมา
00:44:17 → 00:44:20 ประยุกต์ใช้ได้อยู่นะครับเพราะว่าอะไรก็
00:44:20 → 00:44:21 เพราะว่า
00:44:21 → 00:44:27 มันมีกรอบแนวคิดตัวอื่นบางตัวในทุกๆ
00:44:27 → 00:44:29 เรื่องเลยเนี่ยที่ผมรู้สึกว่ามันมาเชื่อม
00:44:29 → 00:44:32 โยงได้ชัดกว่า
00:44:32 → 00:44:35 ดังนั้นในกระบวนการความคิดของผมในในชีวิต
00:44:35 → 00:44:38 ส่วนตัวผมก็จะหยิบเอาสิ่งที่เป็นความรู้
00:44:38 → 00:44:42 จากการเรียนทางสายจิตวิทยาจิตเวชศาสตร์
00:44:42 → 00:44:45 ความรู้เรื่องสมองจากความรู้ทางตะวันตกมา
00:44:45 → 00:44:47 ผสมกับความเข้าใจในทางธรรมะซึ่งก็ผ่านการ
00:44:47 → 00:44:49 อ่านการปฏิบัติ
00:44:49 → 00:44:51 มาผสมกันอยู่
00:44:51 → 00:44:55 คราวนี้ถ้าบอกว่าคุณใช้อิทธิบาท 4 และ
00:44:55 → 00:44:57 เครียดเกิน
00:44:57 → 00:45:01 ผมไม่ได้คิดว่าอิทธิบาท 4 จะทำให้เรา
00:45:01 → 00:45:02 เครียดเกินนะครับ
00:45:02 → 00:45:05 เพราะว่าเวลาที่เรามีฉันทะเรามีความเพลิด
00:45:06 → 00:45:09 เพลินความจดจ่อความมุ่งมั่นมันมาเองเวลา
00:45:09 → 00:45:10 ที่เรา
00:45:10 → 00:45:14 เวลาที่เรามีความมันตอบความต้องการของเรา
00:45:14 → 00:45:17 ในส่วนลึกนะครับ
00:45:17 → 00:45:20 แต่ผมเห็นด้วยกับคุณมากว่าถ้าคุณมีความ
00:45:20 → 00:45:23 รู้สึกว่างานเสร็จและสำเร็จในทุกๆวันมี
00:45:23 → 00:45:26 ความพอใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆในแต่ละ
00:45:26 → 00:45:30 จังหวัด 9 ตรงนั้นคือกระบวนการหล่อเลี้ยง
00:45:30 → 00:45:34 พลังในการสร้างแรงจูงใจหรือแรงบันดาลใจ
00:45:34 → 00:45:38 ที่ทำให้เรามีพลังขับเคลื่อนในงานนั้น
00:45:38 → 00:45:41 ได้ดีนะครับมันเป็นรางวัลความรู้สึกที่
00:45:41 → 00:45:43 เราต้องเรียนรู้วิธีการให้กับตัวเอง
00:45:43 → 00:45:47 ขณะเดียวกันเราก็ต้องสังเกตดูด้วยว่ามัน
00:45:47 → 00:45:49 มีอะไรที่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้
00:45:49 → 00:45:51 ด้วยเพราะนั่นจะทำให้งานมีความสำเร็จได้
00:45:51 → 00:45:54 ดีขึ้นด้วยนอกเหนือจากความพอใจในสิ่งที่
00:45:54 → 00:45:55 เราได้ทำ
00:45:55 → 00:45:58 คือถ้าพอใจในสิ่งที่เราได้ทำแต่มันยังทำ
00:45:58 → 00:46:02 ได้ไม่ดีเราก็พอใจที่ได้ทำได้แต่เราต้อง
00:46:02 → 00:46:04 สังเกตด้วยว่ามีอะไรที่เราทำให้ดีขึ้นได้
00:46:04 → 00:46:06 กว่านี้ด้วยนะครับตอนนั้นก็จะยิ่งดีใหญ่
00:46:06 → 00:46:08 เลยนะครับ
00:46:08 → 00:46:10 เป็นหลักสูตรที่ได้รับประโยชน์มากได้รู้
00:46:10 → 00:46:12 จักตัวเองมากขึ้นค้นพบเสียงที่บอกกับตัว
00:46:12 → 00:46:15 เองตลอดมาถึงยังไม่ประสบความสำเร็จอย่าง
00:46:15 → 00:46:17 ที่ตั้งใจไว้แต่อย่างน้อยก็รู้จักตัวเอง
00:46:17 → 00:46:19 มากขึ้นขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆให้รู้สึก
00:46:19 → 00:46:25 วันนี้มีคนมาช่วยประชาสัมพันธ์หลายคน
00:46:25 → 00:46:28 การยอมรับด้านมืดเพื่อเติมเต็มศักยภาพตน
00:46:28 → 00:46:31 เองคุณอ๋อเป็นเพราะผมเขียนหรือเปล่าไม่
00:46:31 → 00:46:33 แน่ใจนะครับคุณคุณถึงเอามาใส่ตรงนี้นะ
00:46:33 → 00:46:34 ครับ
00:46:34 → 00:46:37 สภาพชีวิตโดยรวมรู้สึกสำเร็จแต่ยังรู้สึก
00:46:37 → 00:46:39 เหมือนค้นหาตัวเองอยู่เหมือนชีวิตยังไม่
00:46:39 → 00:46:43 เติมเต็มแต่รู้ว่าต้องการสงบภายในและอยาก
00:46:43 → 00:46:47 รู้สึกพร้อมตายซึ่งยังทำไม่ได้
00:46:47 → 00:46:51 การที่คุณตระหนักรู้ในโจทย์ของตัวเองผม
00:46:51 → 00:46:54 คิดว่าเป็นเรื่องดีแล้วนะครับขอให้
00:46:54 → 00:46:59 อย่าทิ้งคำถามของชีวิตที่เป็นคำถามสำคัญ
00:46:59 → 00:47:02 เช่นนี้นะครับ
00:47:02 → 00:47:06 หาวิธีแล้วก็เรียนรู้อย่าหยุดเรียนรู้
00:47:06 → 00:47:08 แล้วก็อย่าอยู่ในพื้นที่เรียนรู้เดิมคุณ
00:47:08 → 00:47:11 ต้องพร้อมที่จะขยับออกนอกพื้นที่เรียนรู้
00:47:11 → 00:47:14 เดิมเพื่อจะได้หาคำตอบหรือหาวิธีการหา
00:47:14 → 00:47:15 ประสบการณ์
00:47:15 → 00:47:18 ที่จะตอบคำถามสำคัญของคุณ
00:47:18 → 00:47:21 ในสิ่งที่คุณรู้ว่าคุณอยากได้แต่คุณยัง
00:47:21 → 00:47:22 ไม่มีนะครับ
00:47:22 → 00:47:26 ถัดมามีด้านมืดที่ทำให้สำเร็จในค่าเพราะ
00:47:26 → 00:47:28 เห็นหลายคนที่ทำงานตำแหน่งงานดีและเงิน
00:47:28 → 00:47:31 เดือนสูงและมีความสำเร็จจริงๆของคนคือ
00:47:31 → 00:47:32 อะไร
00:47:32 → 00:47:34 คือผมต้องบอกอย่างหนึ่งนะครับว่า
00:47:34 → 00:47:37 คนที่ประสบความสำเร็จในการงานและการเงิน
00:47:37 → 00:47:40 ก็มีด้านมืดที่เป็นข้อจำกัดของตัวเองด้วย
00:47:40 → 00:47:43 ได้เช่นกันนะครับ
00:47:43 → 00:47:47 เช่นผมมีนักธุรกิจที่มีบริษัทที่มีวงเงิน
00:47:47 → 00:47:51 ประมาณสักหลายร้อยล้านนะครับ
00:47:51 → 00:47:53 แต่เข้ามาหาผมได้โจทย์ข้อหนึ่งแล้วเขาก็
00:47:53 → 00:47:55 พูดว่า
00:47:55 → 00:47:57 คือความสำเร็จในเรื่องงานเรื่องเงินของ
00:47:57 → 00:48:00 เขาเต็มที่เลยแต่เขามีความไม่สำเร็จอย่าง
00:48:00 → 00:48:01 มากในเรื่องคน
00:48:01 → 00:48:06 ภรรยาและลูกเนี่ยไม่เคยยอมคุยด้วยนะครับ
00:48:06 → 00:48:11 แล้วก็เขามีปัญหาการคุมอารมณ์กับทีมงาน
00:48:11 → 00:48:15 นอกจากนี้เวลาที่เขาต้องประชุมเวทีใหญ่ๆ
00:48:15 → 00:48:17 ที่มีผู้ใหญ่จากวงการต่างๆมาเนื่องจาก
00:48:18 → 00:48:20 บริษัทเขาเติบโตเนี่ยนะครับเขาจะรู้สึก
00:48:20 → 00:48:23 ถึงอาการเกร็ง
00:48:23 → 00:48:26 ดังนั้นเราอย่าดูความสำเร็จที่ตำแหน่งงาน
00:48:26 → 00:48:30 และเงินเดือนสูงว่านั่นคือความสำเร็จ
00:48:30 → 00:48:33 คนบ้างานจำนวนหนึ่ง
00:48:33 → 00:48:36 ก็ขับเคลื่อนชีวิตจนมีความสำเร็จทางงาน
00:48:36 → 00:48:37 ด้วยดี
00:48:37 → 00:48:39 มันยังเจ้าของธุรกิจที่มีธุรกิจอยู่ 3
00:48:39 → 00:48:41 ธุรกิจแต่ไม่มีความสุขนะครับ
00:48:41 → 00:48:45 นั่นเป็นเพราะเขามีความสามารถในการทำงาน
00:48:45 → 00:48:49 แต่ข้างในของเขามันไม่เต็มเต็มหรือมี
00:48:49 → 00:48:52 โจทย์อย่างกรณีเจ้าของบริษัทที่พูดไป
00:48:52 → 00:48:55 เพราะฉะนั้นเราเราต้องดูว่าเขารู้สึกเติม
00:48:55 → 00:48:58 เต็มด้วยไหมคนที่เห็นภายนอกดูเหมือนจะ
00:48:58 → 00:49:01 ประสบความสำเร็จครับคนที่ดูร่ำรวยคนที่ดู
00:49:01 → 00:49:05 มีความสำเร็จดีนะครับนั่นเป็นนิยามของ
00:49:05 → 00:49:08 สังคมทั่วไปครับเราไม่จำเป็นต้องใช้นิยาม
00:49:08 → 00:49:09 นั้น
00:49:09 → 00:49:12 เหมาะกับใครบ้างก็เหมาะกับคนที่อยากพัฒนา
00:49:12 → 00:49:15 ตัวเองแล้วก็มาเรียนรู้
00:49:15 → 00:49:19 เรื่องเกี่ยวกับความสำเร็จนะครับอะไรก็
00:49:19 → 00:49:22 ได้ความสำเร็จในชีวิตแต่ละคนต่างกัน
00:49:22 → 00:49:26 ตรงกันนะครับคิดตรงกันติดตามติดตามน่าสน
00:49:26 → 00:49:33 ใจทำยังไงให้ประสบความสำเร็จซะทีนะครับ
00:49:33 → 00:49:36 อย่าลืมนะครับว่าการมองหาด้านมืดของตัว
00:49:36 → 00:49:39 เองก็เป็นส่วนสำคัญเพราะว่าเราจำเป็นที่
00:49:39 → 00:49:42 จะต้องเห็นถึงสิ่งที่มาขัดขวางการสำเร็จ
00:49:42 → 00:49:47 ของเราด้วยตอนนี้ผมจะมาอ่านเนื้อหาที่ส่ง
00:49:47 → 00:49:50 เข้ามาในรายการสดซึ่งวันนี้ผมจะปรับนิด
00:49:50 → 00:49:52 นึงคือผมจะคุยจนกระทั่งถึงประมาณ 21:30 น
00:49:52 → 00:49:55 แล้วผมจะเตรียมเบรคนะครับเพราะว่าเริ่ม
00:49:55 → 00:49:58 สังเกตเห็นว่าคนเริ่มส่งคำถามซ้ำเข้ามา
00:49:58 → 00:50:00 หลายครั้งนะครับคนเดียวกันผมตอบไปเรื่อยๆ
00:50:00 → 00:50:03 เกือบ 4 ทุ่มหมดแล้ว
00:50:03 → 00:50:06 วันนี้จะสั้นหน่อยนึงนะครับ
00:50:06 → 00:50:10 มีคนฟังจากเชียงใหม่จากอเมริกานะครับจาก
00:50:10 → 00:50:11 ร้อยเอ็ด
00:50:11 → 00:50:15 แล้วก็เพื่อนๆนะครับมีบอกเลย
00:50:15 → 00:50:20 โคราชข้างนี้เขียนว่าบางครั้งเก็บจิตใต้
00:50:20 → 00:50:22 สำนึกอยากนอนหลับแล้วไม่ตื่น
00:50:22 → 00:50:25 ไปสบายคิดถึงทุกวันจะตื่นมาเหนื่อยอีกละ
00:50:26 → 00:50:29 มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณเริ่มไม่
00:50:29 → 00:50:33 อยากสู้กับโจทก์ต่างๆของชีวิตนะครับ
00:50:33 → 00:50:37 มันเป็นความปรารถนาที่อยากจะเดินออกจาก
00:50:37 → 00:50:39 ความเหนื่อยยาก
00:50:39 → 00:50:41 ซึ่ง
00:50:41 → 00:50:43 ตรงนี้มันก็จะประกอบไปด้วยการเติมความ
00:50:43 → 00:50:46 สามารถภายในเพื่อจัดการกับโจทย์ภายนอกให้
00:50:46 → 00:50:47 ดีขึ้น
00:50:47 → 00:50:50 หรือไม่ก็ทำใจยอมรับต่อโจทย์ภายนอกซึ่ง
00:50:50 → 00:50:52 คุณเปลี่ยนไม่ได้หรือไม่ก็เอาตัวเองย้าย
00:50:52 → 00:50:56 ไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นสิ่งแวดล้อมใหม่
00:50:56 → 00:50:59 อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นตัวเลือกนะครับไม่
00:50:59 → 00:51:01 มีคำแนะนำมาแทนหนึ่งนะครับแค่ให้เห็นความ
00:51:01 → 00:51:02 เป็นไปได้
00:51:02 → 00:51:05 ดีใจสวัสดี
00:51:05 → 00:51:07 [เพลง]
00:51:07 → 00:51:10 แล้วก็เข้ามาทักทายนะครับเราต้องสอนลูก
00:51:10 → 00:51:13 หลานให้กล้าคุยกับพ่อแม่แต่ถ้าเด็กๆไม่
00:51:13 → 00:51:15 กล้าคุยจะทำยังไง
00:51:15 → 00:51:18 จริงๆเนี่ยเด็กมีธรรมชาติของการต้องการ
00:51:18 → 00:51:23 เชื่อมโยงและพูดคุยกับพ่อแม่นะครับ
00:51:23 → 00:51:26 ปัญหาก็คือว่าบางครั้งเวลาเด็กพูดเนี่ย
00:51:26 → 00:51:30 พ่อแม่จะมีเซ็นเซอร์ตัดสินว่านี้ถูกอัน
00:51:30 → 00:51:31 นี้ผิดเร็วเกินไป
00:51:31 → 00:51:34 แล้วก็พ่อแม่ที่ทำให้เด็กได้มีโอกาสเรียบ
00:51:34 → 00:51:36 เรียงและเข้าใจและเชื่อมกันทำความรู้สึก
00:51:36 → 00:51:39 ได้ในเด็กจะชอบคุยมากนะครับ
00:51:39 → 00:51:42 ถ้าเด็กเข้าวัยรุ่นเด็กจะไม่ค่อยอยากคุย
00:51:42 → 00:51:46 เวลาที่พ่อแม่เปิดปากทีไรก็จะสอนทุกทีก็
00:51:46 → 00:51:50 กรณีนั้นผมจะบอกพ่อแม่ว่าเด็กไม่อยากคุย
00:51:50 → 00:51:53 กับคุณเพราะว่าเขาคุยกับคุณทีไรคุณพูด
00:51:53 → 00:51:56 เหมือนเดิมทุกทีอันนี้ผมไม่ได้พูดเองแต่
00:51:56 → 00:51:58 เด็กวัยรุ่นบอกกับผมนะครับ
00:51:58 → 00:52:01 ความสำเร็จเท่ากับโอกาสบวก passion บวก
00:52:01 → 00:52:04 การฝึกฝนบุกความเชื่อในระดับจิตใต้สำนึก
00:52:04 → 00:52:07 ว่ามันเป็นไปได้นะครับ
00:52:07 → 00:52:10 ชอบฟังค่ะอาจารย์มีเมตตาสอนคนด้วยใจกว้าง
00:52:10 → 00:52:13 สุขุมดิฉันเรียนจิตวิทยามา
00:52:13 → 00:52:15 เพราะอะไรคุณหมอถึงลดเวลาเหลือชั่วโมง
00:52:15 → 00:52:18 ครึ่งเหนื่อยหรือคะประมาณนั้นแหละครับ
00:52:18 → 00:52:20 เพราะว่า
00:52:20 → 00:52:23 อย่างที่บอกคำถามมันเริ่มวนมาจากคนคน
00:52:23 → 00:52:26 เดียวกันหลายครั้งนะครับซึ่งผมคิดว่าเรา
00:52:26 → 00:52:28 ปัดไปอยู่ในเวลาแบบกรอบเดิมผมจะคุมเวลา
00:52:28 → 00:52:30 ได้ง่ายขึ้น
00:52:30 → 00:52:33 ทำให้เข้าใจไม่ยากได้รื้อฟื้นทำความเข้า
00:52:33 → 00:52:36 ใจได้คิดและนำมาใช้ได้นะครับเข้ามาเติม
00:52:36 → 00:52:39 อาหารสมองกราบขอบพระคุณอาจารย์หมอขอบคุณ
00:52:39 → 00:52:42 มากครับขอเขาบุญรักษาอยากถามคุณหมอว่าคุณ
00:52:42 → 00:52:44 หมอเชื่อในเรื่องการมีแม้แต่เกิดในโลกนาม
00:52:44 → 00:52:47 ไหมครับคุณยังไม่ได้ฟังตอนที่ผมพูดเรื่อง
00:52:47 → 00:52:50 งานวิจัย 50 ปีชีวิตหลังความตายแน่เลยนะ
00:52:50 → 00:52:54 ครับลองกลับไปฟังดูนะครับมันมีงานวิจัย
00:52:54 → 00:52:56 สนับสนุนอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ด้วยส่วน
00:52:56 → 00:52:58 หนึ่งกับที่จริงวันนี้ผมที่บ้านมีงานทำ
00:52:58 → 00:53:01 บุญนะครับแล้วก็เจอ
00:53:01 → 00:53:04 หลานลูกพี่ลูกน้องนะครับที่เขาก็ปฏิบัติ
00:53:04 → 00:53:06 ธรรมแล้วก็เข้ามาคุยกับผม
00:53:06 → 00:53:08 บอกว่าอ๋อที่ผมพูดเรื่องเวียนว่ายตายเกิด
00:53:08 → 00:53:11 เนี่ยพระพูดมาหมดแล้วนะครับให้ไปฟังพระ
00:53:11 → 00:53:15 คุณนนท์พระคุณนี้เลยอ๋อโอ้ยผมรู้ผมถือว่า
00:53:15 → 00:53:17 เป็นคนละพื้นที่คนละกลุ่มเป้าหมายกันนะ
00:53:17 → 00:53:20 ครับก็ผมพูดเรื่องนี้อยู่ด้วยครับคุณลอง
00:53:20 → 00:53:24 ไปฟังดูชีวิต 50 ปีงานวิจัย 50 ปีชีวิต
00:53:24 → 00:53:26 หลังความตายครับกับอีกสองสามประเด็นที่ผม
00:53:26 → 00:53:30 เคยพูดเรื่องนี้นะครับสองสามคลิป
00:53:30 → 00:53:32 สติกับการจดจำความสัมพันธ์กับประสบการณ์
00:53:32 → 00:53:37 เวลากับความเปลี่ยนแปลงอะไรคือคำตอบ
00:53:37 → 00:53:40 คุณหมอตอนนี้ดิฉันเป็นเบาหวานไขมันความ
00:53:40 → 00:53:44 ดันสูง 3 เดือนที่แล้วตรวจพบเลือดข้นไข
00:53:44 → 00:53:46 สันหลังผลิตเม็ดเลือดขาวมากเกินเม็ดเลือด
00:53:46 → 00:53:49 แดงก็เกิดตัวอ่อนเม็ดเลือดแดงก็เกินตอน
00:53:49 → 00:53:53 นี้รู้สึกท้อกับชีวิตเหนื่อยมาตลอด
00:53:53 → 00:53:57 เป็นสภาวะที่ผมเองไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำนะ
00:53:57 → 00:53:58 ครับ
00:53:58 → 00:54:04 คุณอาจจะต้องดูว่า
00:54:04 → 00:54:07 เขาอธิบายกลไกทั้งชีวภาพยังไง
00:54:07 → 00:54:08 แต่
00:54:08 → 00:54:11 ถ้าคุณมีโรคเรื้อรังเบาหวานไขมันความดัน
00:54:11 → 00:54:14 แล้วก็มีโรคแปลกๆแบบนี้นะครับ
00:54:14 → 00:54:17 ผมอยากจะให้คุณฟังเรื่อง
00:54:17 → 00:54:21 mindset โรคเรื้อรังครั้งก่อนเพราะว่า
00:54:21 → 00:54:24 ถ้าเราไปแยกเป็นโรคๆมันดูเหมือนเยอะและ
00:54:24 → 00:54:27 ยากแต่กลไกเหล่านี้มันรวนไปจากต้นทางบาง
00:54:27 → 00:54:30 อย่างที่เราไปโฟกัสตรงนั้นได้
00:54:30 → 00:54:33 เวลาที่เราโฟกัสตรงนั้นได้มันอาจจะช่วย
00:54:33 → 00:54:36 ให้คุณรู้สึกมีกำลังใจดีขึ้น
00:54:36 → 00:54:40 แต่การปรับกิจวัตรหลายอย่างที่ผมพูดไปใน
00:54:40 → 00:54:41 ครั้งที่แล้วเนี่ยผลมันจะไม่ได้เกิดขึ้น
00:54:41 → 00:54:44 ในทันทีในบางเรื่องนะครับแต่บางเรื่องผล
00:54:44 → 00:54:48 เร็วมากนะครับเมื่อหลายปีก่อนมีคนไทยที่
00:54:48 → 00:54:51 อยู่ในอเมริกาคนหนึ่งเขากลับมากรุงเทพฯมา
00:54:51 → 00:54:53 เมืองไทยเขาบินมา
00:54:53 → 00:54:55 แล้วก็แวะมาเรียนกับผมในตอนนั้นนะครับที่
00:54:55 → 00:54:58 ยังเปิดอยู่ก่อนโควิดเนี่ยเขาก็เล่าให้
00:54:58 → 00:54:59 ฟังว่า
00:54:59 → 00:55:02 เข้าสูตรอาหารที่ผมเล่าในไลน์เนี่ยไปบอก
00:55:03 → 00:55:06 ให้พี่สาวเข้ากินดูเขาบอกว่าภายในเวลา
00:55:06 → 00:55:09 ประมาณเดือนนึงเนี่ยความดันลงนะครับ
00:55:09 → 00:55:11 คือการปรับกิจวัตรการปรับอาหารการกิน
00:55:11 → 00:55:14 เนี่ยมันดีกับสุขภาพมากแล้วมันรักษาได้ที
00:55:14 → 00:55:15 หลายโรคนะครับ
00:55:15 → 00:55:18 อย่าเพิ่งท้อใจเรื่องการป่วยหลายโรคนะ
00:55:18 → 00:55:21 ครับผมอยากให้คุณลองกลับไปแก้ที่ต้นทาง
00:55:21 → 00:55:24 ที่ได้คุยกันไปแล้วในสัปดาห์ที่แล้วนะ
00:55:24 → 00:55:28 ครับแล้วก็เป็นกำลังใจให้นะครับในขณะ
00:55:28 → 00:55:30 เดียวกันการรักษาทางยาที่หมอรักษาอยู่ก็
00:55:30 → 00:55:32 ต้องรักษานะครับเพียงแต่เราไปแก้ที่ต้น
00:55:32 → 00:55:36 ทางที่ที่บางทีมันไม่มีงานวิจัยบอกถึง
00:55:36 → 00:55:37 ความสัมพันธ์โดยตรง
00:55:37 → 00:55:40 นะครับเพราะงานวิจัยของโลกมันย้อนกลับมา
00:55:40 → 00:55:43 ไม่ถึงต้นทางได้ไกลมันย้อนกลับไปได้ 1
00:55:43 → 00:55:48 ขั้น 2 ขั้นหรืออย่างน้อยก็ 3 ขั้นตอน
00:55:48 → 00:55:50 ดิฉันเกษียณเข้าปีที่ 4 ใช้หลักธรรมะเป็น
00:55:51 → 00:55:54 แนวทางการดำเนินชีวิตเรียนอภิธรรมดีมาก
00:55:54 → 00:55:57 อายุมากคือเขาพูดนะครับหลังรับประทาน
00:55:57 → 00:55:59 อาหารบ่อยครั้งมีอาการชีพจรเต้นเร็วคล้าย
00:55:59 → 00:56:01 penic จนกังวลว่าจะต้องทานอะไรไม่ให้
00:56:01 → 00:56:04 เป็นในบางคราว
00:56:04 → 00:56:08 คือหลังการกินข้าวมันจะเกิดการเผาผลาญ
00:56:08 → 00:56:11 ซึ่งมันต้องใช้พลังงานนะครับการมีชีพจร
00:56:11 → 00:56:13 เต้นเร็วขึ้นในความเข้าใจของผมเป็นเรื่อง
00:56:13 → 00:56:17 ปกติคุณอาจจะพบว่าอุณหภูมิของคุณสูงขึ้น
00:56:17 → 00:56:19 ได้ด้วยนะครับ
00:56:19 → 00:56:22 นั่นเป็นเหตุที่คนโบราณไม่แนะนำให้ไปอาบ
00:56:22 → 00:56:24 น้ำหลังกินข้าวนะครับ
00:56:24 → 00:56:26 ดังนั้นถ้าคุณบอกว่าเร็วคุณต้องวัดดูว่า
00:56:26 → 00:56:31 มันเปลี่ยนจากปกติเป็นเร็วสักแค่ไหนถ้า
00:56:31 → 00:56:34 มันยังอยู่ในช่วงที่เร็วแต่ว่าไม่ผิดปกติ
00:56:34 → 00:56:39 ก็ให้รู้ว่ามันเป็นอาการปกติของการที่เรา
00:56:39 → 00:56:43 มีอาหารเข้าไปอย่างไรก็ตามถ้าคุณมีโอกาส
00:56:43 → 00:56:45 เช็คสุขภาพประจำตัวคุณหยิบเรื่องนี้ไปคุย
00:56:45 → 00:56:49 กับหมอประจำตัวดูนะครับ
00:56:49 → 00:56:52 ชอบฟังคุณหมอมากรู้สึกอุ่นใจและผู้ฟังที่
00:56:52 → 00:56:55 นี้ก็เซ็นนะครับ
00:56:55 → 00:56:57 หนูรู้สึกว่าด้านนั้นของตัวเองน่ากลัวมาก
00:56:57 → 00:57:00 ไม่แน่ใจว่าควรจะไปเปิดมันแบบจริงจังแค่
00:57:00 → 00:57:03 เอามาชั่วคราวก็กลัวตัวเองเลย
00:57:03 → 00:57:05 คนที่จะเปิดถ้าคุณตระหนักว่ามันน่ากลัว
00:57:05 → 00:57:09 คุณอาจจะไม่ต้องรู้วิธีการเปิดมันครับไม่
00:57:09 → 00:57:11 เช่นนั้นมันอาจจะสั่นสะเทือนคุณให้เกิด
00:57:11 → 00:57:15 สติแตกได้ชั่วคราวได้นะครับ
00:57:15 → 00:57:17 อยากสมัครคอร์สแต่แอดไลน์คุณหมอไม่ได้ให้
00:57:17 → 00:57:20 แอดเป็น LINE
00:57:20 → 00:57:22 @ หมอประเวศนี้นะครับตอนนี้เปิดขึ้นมา
00:57:22 → 00:57:25 แล้วนะครับใช้งานได้แน่นอนนะครับ LINE
00:57:25 → 00:57:28 หมอประเวศธรรมดาอาจจะต้องปิดตัวลง
00:57:28 → 00:57:31 แต่ตอนนี้มีนักเรียนผู้เรียนเก่าอยู่เยอะ
00:57:31 → 00:57:34 ผมต้องดูแลเขาต่อคงจะไม่ได้ปิดแต่ว่าคุณ
00:57:34 → 00:57:35 มาที่
00:57:36 → 00:57:39 @morporate ได้เลยนะครับ
00:57:39 → 00:57:40 อยากเรียนจิตวิทยาเป็นการเรียนรู้สะท้อน
00:57:40 → 00:57:43 ชีวิตตัวเองและผู้คน
00:57:43 → 00:57:45 หมอได้ช่วยชีวิตเพื่อมนุษย์ได้หลายชีวิต
00:57:45 → 00:57:48 เราเป็นซึมเศร้ากังวลรู้ป่มข้างใจ Wire
00:57:48 → 00:57:51 มันจะช่วยได้ยังไง
00:57:51 → 00:57:54 ผมพูดเรื่องผมข้างใจไปหลายครั้งนะครับผม
00:57:54 → 00:57:56 อยากจะแนะนำให้คุณไปฟังอย่างน้อยมี 4-5
00:57:56 → 00:57:57 ครั้งเลย
00:57:57 → 00:58:01 เพราะว่าถ้าคุณจัดการปมข้างใจได้อาการซึม
00:58:01 → 00:58:04 เศร้าของคุณจะดีขึ้นครับ
00:58:04 → 00:58:08 ความวิตกกังวลก็จะดีขึ้นได้แต่ว่าถ้าจะ
00:58:08 → 00:58:11 ให้อธิบายมันคือหลักสูตรที่เรียนอยู่
00:58:11 → 00:58:13 ประมาณ 20 กว่าชั่วโมงนะครับแต่เนื้อที่
00:58:13 → 00:58:16 กระจายไว้นี่อยู่ในหลายคลิปคุณลองกลับไป
00:58:16 → 00:58:19 ฟังดูนะครับปุ่มค้างใจคือความเจ็บปวดที่
00:58:19 → 00:58:21 ถูกกระทำจากภายนอกหรือคนอื่นและฝังอยู่ใน
00:58:21 → 00:58:24 จิตใต้สำนึกส่วนด้านมืดก็คือความต้องการ
00:58:24 → 00:58:29 ของตัวเองที่ฝังอยู่ลึกๆในจิตใต้สำนึก
00:58:29 → 00:58:32 รอยต่อตรงนี้มันไม่ได้แยกชัดขนาดนั้นนะ
00:58:32 → 00:58:35 ครับแต่น่าสนใจที่คุณเรียบเรียงมันออกมา
00:58:35 → 00:58:39 เป็นการเรียบเรียงที่น่าสนใจนะครับ
00:58:39 → 00:58:42 การกัดขาตัวเองก็คัดขาตัวเองรู้สึกว่าตัว
00:58:42 → 00:58:45 เองถูกแกล้งโดยตัวเองกวนให้ไม่สำเร็จแบบ
00:58:45 → 00:58:49 รู้ทันและไม่รู้ทันหรือถึงรู้ก็ห้ามไม่
00:58:49 → 00:58:52 ได้
00:58:52 → 00:58:53 แก้ไม่ได้
00:58:54 → 00:58:57 ครับตัวนี้คือด้านมืดนะครับหรือ Shadow
00:58:57 → 00:58:59 ในภาษาของยุงนะครับ
00:58:59 → 00:59:04 ถ้าคุณดู ng คุณจะอ่านว่าจุงจจานแต่ถ้า
00:59:04 → 00:59:07 คุณไปฟังคนที่เขา
00:59:07 → 00:59:11 พูดภาษาแม่ก็จะใช้คำว่ายุงนะครับผมเข้าใจ
00:59:11 → 00:59:13 ว่ามันอยู่ที่รากศัพท์ของมัน
00:59:13 → 00:59:18 บางทีผมก็เผลอเรียกจุงบ้างยุงบ้างนะครับ
00:59:18 → 00:59:21 ผมค้างใจในมุมมองแต่ละคนแตกต่างกัน
00:59:21 → 00:59:24 ผมลมหลักสูตรจัดการ Panic ตอนนี้ดีขึ้น
00:59:24 → 00:59:26 เยอะมากเลยครับว่างๆก็ยังกลับมาเปิดฟัง
00:59:26 → 00:59:28 บ่อยๆขอบพระคุณคุณหมอครับยินดีมากครับที่
00:59:28 → 00:59:31 คุณได้ประโยชน์
00:59:31 → 00:59:32 เป็น
00:59:32 → 00:59:35 เป็นรางวัลความรู้สึกที่ผมได้รับเวลาที่
00:59:35 → 00:59:38 มีคนสามารถตีขึ้นได้
00:59:38 → 00:59:40 ด้วยการรักษาตัวเอง
00:59:40 → 00:59:43 และที่สำคัญด้วยเงินไม่กี่ตังค์ผมหวังว่า
00:59:43 → 00:59:47 คุณคิดว่ามันไม่แพงนะครับนะครับแล้วก็ดี
00:59:47 → 00:59:50 กว่าที่คุณต้องเสียเสียการรักษากับเรื่อง
00:59:50 → 00:59:53 ของการพบแพทย์และการรักษาด้วยยาอย่างไรก็
00:59:53 → 00:59:55 ตามนะครับต้องย้ำว่าถ้าคุณปล่อยเป็นโรค
00:59:55 → 00:59:58 และมีความทุกข์ไปหาหมอแล้วรับการรักษา
00:59:58 → 01:00:01 เพียงแต่โปรแกรมที่ผมพยายามจะสนับสนุนคือ
01:00:01 → 01:00:04 อีกด้านหนึ่งของการรักษาที่เราจะดูแลตัว
01:00:04 → 01:00:07 เองได้ด้วยนะครับ
01:00:07 → 01:00:10 จะไปเรียนเพราะคำว่าร้ายอย่างมีสติแค่คิด
01:00:10 → 01:00:13 ก็ยิ้มแล้วนะครับถ้าคุณอยากร้ายอย่างมี
01:00:13 → 01:00:15 สติ
01:00:15 → 01:00:18 ปัญญาความสำเร็จดูแต่อย่างว่านะครับมัน
01:00:18 → 01:00:20 เป็นเพราะว่าเธอค้นพบด้านมืดที่เป็นตัว
01:00:21 → 01:00:23 ร้ายและเธอเปล่งมันมาเป็นประโยชน์ได้เธอ
01:00:23 → 01:00:27 พูดอย่างด้วยความภูมิใจในความร้ายของเธอ
01:00:27 → 01:00:30 นะครับแต่ผมไม่รู้ว่าคุณมีความร้ายอยู่
01:00:30 → 01:00:32 แค่ไหนในตัวนะครับที่ยังไม่ได้ปลดปล่อย
01:00:32 → 01:00:44 ออกมา
01:00:44 → 01:00:47 เพลงใน YouTube ที่เราฟังเขาบอกเพลง relax
01:00:47 → 01:00:50 สำหรับคลายเครียดจริงไหม
01:00:50 → 01:00:53 ผลที่เกิดขึ้นกับคนแต่ละคนจะแตกต่างกัน
01:00:53 → 01:00:56 ครับแต่โดยธรรมชาติเสียงที่มันเนิบๆเสียง
01:00:56 → 01:00:58 ที่มันมีธรรมชาติผสมเนี่ยมันช่วยให้เรา
01:00:58 → 01:01:01 จิตใจมันสงบลงได้นะครับ
01:01:01 → 01:01:03 ความสำเร็จในชีวิตคือการได้มีชีวิตอย่าง
01:01:03 → 01:01:08 ที่ตัวเองอยากเป็นหรืออยากเป็นจริงๆ
01:01:08 → 01:01:12 สวัสดีคุณหมอฉันเรียนเรื่อง Shadow work
01:01:12 → 01:01:17 จาก tools
01:01:17 → 01:01:19 Shadow นี้เป็นเหมือนของ fill start
01:01:19 → 01:01:20 ไหม
01:01:20 → 01:01:23 กำลังจะออกจากบ้านจะกลับมาเช็คการตอบที
01:01:23 → 01:01:26 หลังอันนี้คงส่งมาคนไทยจากต่างประเทศนะ
01:01:26 → 01:01:27 ครับเขาจะว่าเป็นลูกศิษย์ผมที่อยู่ใน
01:01:27 → 01:01:28 แคนาดา
01:01:28 → 01:01:32 ต้องบอกว่า Shadow work ที่ผมพูดถึงหรือ
01:01:32 → 01:01:34 งานด้านมืดเนี่ย
01:01:34 → 01:01:38 ผมไม่ได้ไปตามงานของ fill start นะครับ
01:01:38 → 01:01:42 แต่ว่าผมคิดว่าแนวคิดของยุงเข้ายุงที่พูด
01:01:42 → 01:01:46 เนี่ยมันเป็นแนวคิดที่
01:01:46 → 01:01:50 เป็นการเปิดหัวของการเรียนรู้ที่ดีเพื่อ
01:01:50 → 01:01:54 ทำให้ผู้เรียนในคลาสตอนที่ผมใช้เวลาคุยใน
01:01:54 → 01:01:57 รายละเอียดเนี่ยเขาสามารถที่จะเปิดใจ
01:01:57 → 01:02:00 สังเกตความเป็นตัวเอง
01:02:00 → 01:02:04 แล้วก็เห็นชิ้นส่วนบางอย่างที่มันอาจจะ
01:02:04 → 01:02:05 เป็น
01:02:05 → 01:02:08 การที่เขาต้องปรับแต่งต้องทิ้งไปต้อง
01:02:08 → 01:02:11 พยายามจะเป็นบางอย่างที่ไม่ใช่ตัวเขา
01:02:11 → 01:02:14 เพียงเพื่อเขาจะได้เป็นจะได้รับความรัก
01:02:14 → 01:02:16 หรือจะได้เป็นเด็กดีนะครับ
01:02:16 → 01:02:21 แล้วด้วยการคุยวิธีนี้ทำให้เขาเห็นถึง
01:02:21 → 01:02:23 สิ่งที่เขาพยายามจะเป็นที่ไม่ใช่เป็นตัว
01:02:23 → 01:02:25 เขากับสิ่งที่เขาได้ตัดบางส่วนของความ
01:02:25 → 01:02:27 เป็นตัวเขาออกไป
01:02:27 → 01:02:29 แล้วกระบวนการนี้ก็ทำให้เข้าได้เป็นตัว
01:02:29 → 01:02:32 เองมากขึ้นซึ่งเมื่อเขาเป็นตัวเองมากขึ้น
01:02:32 → 01:02:35 และรู้จักตัวเองมากขึ้นก็ทำให้เขาใช้
01:02:35 → 01:02:40 ศักยภาพตัวเองได้ดีขึ้น
01:02:40 → 01:02:42 คุณ sweet time บอกว่าจริงครับ
01:02:42 → 01:02:45 ช่วงที่เครียดมีเหตุให้วิตกกังวลกลัวโกรธ
01:02:45 → 01:02:48 ถ้าแก้ปัญหาไม่ถูกก็จะถูกเก็บเข้าไปในจิต
01:02:48 → 01:02:50 ใต้สำนึกกลายเป็นเงาออกมากวนทำให้เราผิด
01:02:50 → 01:02:53 พลาด
01:02:53 → 01:02:56 ความสำเร็จในชีวิตคือการได้ใช้ชีวิตที่
01:02:56 → 01:02:58 ตัวเองอยากจะมีหรืออยากจะเป็นจริงๆไม่ใช่
01:02:58 → 01:03:02 ทำเพื่อคนอื่นหรือทำเหมือนคนอื่นเขาทำกัน
01:03:02 → 01:03:04 การฝึกวิปัสสนาและอัตราตัวตนจะช่วยออกจาก
01:03:04 → 01:03:09 ด้านมืดได้ไหม
01:03:09 → 01:03:13 ถ้าคุณ
01:03:13 → 01:03:18 ฝึกวิปัสสนาโดยเปิดรับจริง
01:03:18 → 01:03:21 คุณอาจจะเห็นส่วนผสม
01:03:21 → 01:03:23 ที่เป็นด้านมืดของคุณได้
01:03:23 → 01:03:26 เหมือนอย่างที่ผมเคยได้เล่าให้ฟังว่าใน
01:03:26 → 01:03:30 การฝึกสติครั้งแรกในคลาส 7 วันที่ผมไป
01:03:30 → 01:03:31 เนี่ยนะครับ
01:03:31 → 01:03:34 ผมเห็นความคิดชั่วๆวิ่งอยู่ในหัวเต็มเลย
01:03:34 → 01:03:36 สิ่งเหล่านั้นคือด้านมืดที่ผมไม่เคยรู้มา
01:03:36 → 01:03:38 ก่อนนะครับ
01:03:38 → 01:03:42 แต่ว่ามันจะไปได้ไกลแค่ไหนข้อนี้ผมไม่รู้
01:03:42 → 01:03:45 เหมือนกัน
01:03:45 → 01:03:48 แต่ว่าการฝึกสติ
01:03:48 → 01:03:52 เป็นหนึ่งในการเป็นหนึ่งขาที่สำคัญมาก
01:03:52 → 01:03:58 ของการจัดการเรื่องด้านมืดเปิดสิ่งที่
01:03:58 → 01:04:00 คว่ำให้หงาย
01:04:00 → 01:04:04 เอาแสงสว่างส่องเข้าไปในพื้นที่มืดนะครับ
01:04:04 → 01:04:08 คำพูดอธิบายนี้มีความคล้ายกันเลย
01:04:09 → 01:04:11 จะทำยังไงให้มีแรงจูงใจต่อเนื่องบางทีมี
01:04:12 → 01:04:14 เป้าหมายแต่ทำไม่หมดสักพักหมดไฟหาเป้า
01:04:14 → 01:04:18 หมายการยาวไม่เจอเคว้งไม่อยากทำอะไร
01:04:18 → 01:04:21 ตัวนี้มันอยู่ที่ความสามารถในการเชื่อม
01:04:21 → 01:04:25 โยงความปรารถนาความต้องการ
01:04:25 → 01:04:29 และตัวตนในส่วนลึกของเรานะครับกับการปลด
01:04:29 → 01:04:34 ปล่อยกติกากฎเกณฑ์ความสามารถในการ
01:04:34 → 01:04:41 จินตนาการมองเห็นความเป็นไปได้ซึ่ง
01:04:41 → 01:04:44 ถ้าจะแนะนำสั้นๆก็คือ
01:04:44 → 01:04:47 ขอให้เลือกเป้าหมายที่มีความหมายที่ชัด
01:04:47 → 01:04:48 เจน
01:04:48 → 01:04:51 แล้วถ้าคุณหาเป้าหมายระยะยาวไม่เจอ
01:04:51 → 01:04:55 ระยะกลางก็ไม่เจอจะเป็นเรื่องยากมากที่
01:04:55 → 01:04:57 คุณจะทำเป้าหมายระยะสั้นอย่างมีพลังได้ใน
01:04:57 → 01:04:58 ทุกครั้ง
01:04:58 → 01:05:01 เพราะ
01:05:01 → 01:05:04 ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันพาเราไป
01:05:04 → 01:05:05 สู่จุดหมายปลายทางที่มีความสำคัญสำหรับ
01:05:05 → 01:05:07 ชีวิตเรา
01:05:07 → 01:05:08 ยังไง
01:05:08 → 01:05:11 ตัวนั้นมันทำให้เรามีพลังมากกว่าเราทำ
01:05:11 → 01:05:14 เพื่อให้มันเสร็จนะครับ
01:05:14 → 01:05:16 แต่เราก็ยังสามารถทำได้นะครับทำให้มัน
01:05:16 → 01:05:19 เสร็จเนี่ยมันไม่สนุกเท่ากับเรารู้ว่า
01:05:19 → 01:05:21 เสร็จตัวนี้แล้วมันเราค่อยขยับเข้าสู่
01:05:21 → 01:05:24 เป้าหมายที่มันไกลขึ้นได้ดีขึ้น
01:05:24 → 01:05:27 ผมจึงมีความเห็นว่าคุณอาจจะต้องการเวลาใน
01:05:27 → 01:05:30 การกลับมาอยู่กับตัวเองให้นานพอ
01:05:30 → 01:05:33 ซึ่งความคิดดีๆมันจะเกิดขึ้นตอนที่เรา
01:05:33 → 01:05:37 ทิ้งทุกเรื่องไว้ชั่วคราวนะครับมันมีวิธี
01:05:37 → 01:05:40 หลายอย่างมากแบบที่ง่ายที่สุดก็คือไปอยู่
01:05:40 → 01:05:42 ในที่ธรรมชาติไม่ต้องยุ่งอะไรกับใครไม่
01:05:42 → 01:05:44 ต้องทำงานไม่ต้องติดต่ออะไรเลยอยู่กับ
01:05:44 → 01:05:47 กิจวัตรพื้นฐานเล่นน้ำเดินเล่นแล้วลองดู
01:05:47 → 01:05:48 ว่า
01:05:48 → 01:05:52 คุณค้นพบอะไรเพิ่มเติมบ้าง
01:05:52 → 01:05:54 ตายสงบ
01:05:54 → 01:05:56 เหมือนฟังพระเทศน์
01:05:56 → 01:05:59 ตั้งเป้าหมายไว้แต่ไม่สำเร็จ
01:05:59 → 01:06:03 เสียทีจนท้อทำให้ไม่กล้าไปทำอย่างอื่นต่อ
01:06:03 → 01:06:05 ตัวอย่างเช่นการเรียนภาษาอังกฤษได้คะแนน
01:06:05 → 01:06:09 สอบไม่ถึงเป้าสักทีคนรอบข้างก็ปลอบใจว่า
01:06:09 → 01:06:12 เราทำได้ดีแล้วให้ไปทำตามเป้าหมายอื่น
01:06:12 → 01:06:15 บ้าง
01:06:15 → 01:06:19 น่าสนใจนะครับเพราะว่าบางที
01:06:19 → 01:06:21 สิ่งที่คุณต้องการอาจจะไม่ใช่ความพยายาม
01:06:21 → 01:06:23 ซ้ำในแบบเดิม
01:06:23 → 01:06:26 แต่เป็นการหาประสบการณ์ใหม่เพื่อมาเติม
01:06:26 → 01:06:28 ความพร้อมในการเรียนรู้เรื่องนี้เพิ่ม
01:06:28 → 01:06:32 เติมก็ได้นะครับ
01:06:32 → 01:06:34 แต่มันบอกอย่างหนึ่ง
01:06:34 → 01:06:38 ว่าการใช้วิธีเก่าอาจจะมาถึงทางตันซึ่งคน
01:06:38 → 01:06:41 อาจจะต้องการกระบวนการในการเตรียมตัวใน
01:06:41 → 01:06:43 แบบใหม่นะครับ
01:06:43 → 01:06:47 รอทุกอาทิตย์ฟังคุณหมอแล้วเติบโต
01:06:47 → 01:06:50 ด้านจิตใจมีความสุขทุกครั้งที่ฟังน้ำ
01:06:50 → 01:06:58 เสียงสายตาเนื้อหามีพลังมากขึ้น
01:06:58 → 01:07:02 อยู่อยู่ญาติก็ป่วยเป็นจิตเวชไม่ได้อยู่
01:07:02 → 01:07:06 กับเขามาเจออีกทีต้องพาไปโรงพยาบาลบอกว่า
01:07:06 → 01:07:10 อยากไปวัดเรางงมาทำตัวไม่ถูก
01:07:10 → 01:07:14 ดีนะฟังคุณหมอมีความรู้มาบ้าง
01:07:14 → 01:07:17 สาธุรวยๆ
01:07:17 → 01:07:20 สวัสดีคุณหมอตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับการ
01:07:20 → 01:07:21 เงินแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จรู้สึกว่า
01:07:21 → 01:07:24 เหนื่อยมาก
01:07:24 → 01:07:27 ตรงนี้มันเป็นโจทย์ยากของคนจำนวนหนึ่งนะ
01:07:27 → 01:07:28 ครับเพราะว่า
01:07:29 → 01:07:32 เป้าหมายทางการเงินเราจะรู้สึกว่ามันเป็น
01:07:32 → 01:07:36 เรื่องดีที่เราต้องมีเป้าหมายนะครับ
01:07:36 → 01:07:38 แต่วิธีการหาเงินของแต่ละคนเนี่ย
01:07:38 → 01:07:43 โดยวิชาชีพโดยลักษณะธุรกิจหรือลักษณะงาน
01:07:43 → 01:07:47 มันจะได้เงินไม่เหมือนกัน
01:07:47 → 01:07:49 และบางครั้ง
01:07:49 → 01:07:52 สิ่งที่เราลองทำดูมันอาจจะยังไม่ประสบ
01:07:52 → 01:07:56 ความสำเร็จในเชิงการหารายได้
01:07:56 → 01:07:58 ถ้าคุณไปดูนักธุรกิจจำนวนหนึ่งเขาก็จะมี
01:07:58 → 01:08:03 ช่วงล้มลุกคลุกคลานช่วงระยะลำบากนะครับ
01:08:03 → 01:08:07 แต่การที่เขาไปถึงจุดที่ดีและลงตัวได้
01:08:07 → 01:08:11 มันเกิดจากการที่เขาล้มแล้วเขาเรียนรู้
01:08:11 → 01:08:14 แล้วก็พยายามปรับใหม่นะครับ
01:08:14 → 01:08:17 ดังนั้นผมคิดว่าถ้าคุณเหนื่อยคุณอาจจะ
01:08:17 → 01:08:20 ต้องการการพักแล้วก็ทบทวนคุณอาจจะต้องการ
01:08:20 → 01:08:23 การพูดคุยเพื่อขอข้อคิดให้คุณมองเห็นใน
01:08:23 → 01:08:25 การปรับปรุงบางอย่าง
01:08:25 → 01:08:28 แล้วก็เป้าหมายทางการเงินเนี่ยมันเป็นตัว
01:08:28 → 01:08:31 เลขลอยๆครับ
01:08:31 → 01:08:34 ไม่ต้องยึดติดกับมันมากแต่ขอให้เราสนุก
01:08:34 → 01:08:37 กับการหาวิธีสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นใน
01:08:37 → 01:08:39 แบบที่เรารู้สึกสนุกกับมัน
01:08:39 → 01:08:43 น่าจะดีกว่าเหมือนกับที่เวลาเราจะตั้ง
01:08:43 → 01:08:45 เป้าหมายในการลดน้ำหนักเราตั้งได้นะครับ
01:08:45 → 01:08:49 ว่าอยากจะลด 10 กิโลในเวลาสัก
01:08:49 → 01:08:51 6 เดือน
01:08:51 → 01:08:53 แต่เวลาเราจะทำจริงเราต้องไม่ต้องไปสนใจ
01:08:53 → 01:08:56 10 กิโลใน 6 เดือนเรามาสนใจกิจวัตรแต่ละ
01:08:56 → 01:08:58 วันว่าเราจะกินยังไงออกกำลังกายเคลื่อน
01:08:58 → 01:09:01 ไหวยังไงนอนยังไงจัดการความเครียดยังไง
01:09:01 → 01:09:04 ไอ้ตัวนี้คือของจริงแล้วเราทำดีๆเราจะ
01:09:04 → 01:09:07 สนุกหรือไหลไปกับมันผลลัพธ์มันจะมาเองที
01:09:07 → 01:09:11 หลังนะครับไอ้ตัวเรื่องผลลัพธ์เป้าหมาย
01:09:11 → 01:09:13 เชิงว่าต้องมีเงินเท่าไหร่ก็เป็นเรื่อง
01:09:13 → 01:09:16 นึงแต่เป้าหมายว่าเราจะทำเงินในแต่ละแต่
01:09:16 → 01:09:18 ละขนาดยังไงตัวนี้เป็นสิ่งที่เราเรียนรู้
01:09:18 → 01:09:21 ได้เร็วกว่าที่จะไปรอที่ตัวเป้าหมายนะ
01:09:21 → 01:09:23 ครับ
01:09:23 → 01:09:25 ผมไม่รู้ว่าที่ผมพูดไปมัน make sense
01:09:25 → 01:09:27 สำหรับคุณแค่ไหนนะครับแต่ว่านั่นเป็นทั้ง
01:09:27 → 01:09:30 หมดที่ผมพอจะคิดได้ในเวลาสั้นๆนี้นะครับ
01:09:30 → 01:09:33 ความสำเร็จของอาชีพมนุษย์ออฟฟิศต้องต่อ
01:09:33 → 01:09:37 สู้กับการเมืองในองค์กรและความพอใจไม่พอ
01:09:37 → 01:09:40 ใจของหัวหน้าซึ่งควบคุมได้ยากมาก
01:09:40 → 01:09:43 เห็นด้วยครับ
01:09:43 → 01:09:45 อย่างไรก็ตาม
01:09:45 → 01:09:48 ถ้าคุณได้อยู่กับ office ได้นานพอแล้วคุณ
01:09:48 → 01:09:50 เรียนรู้ที่จะปรับตัว
01:09:50 → 01:09:53 หรือเลือกที่ทำงานที่มี
01:09:53 → 01:09:57 ระบบบริหารจัดการที่ดีนะครับ
01:09:57 → 01:10:01 มันก็มีโอกาสที่มีความสุขได้มากขึ้นและ
01:10:01 → 01:10:04 ถ้าคุณมีประสบการณ์ที่มากพอคุณที่ยังมี
01:10:04 → 01:10:07 ตัวเลือกมากขึ้นในเวลาที่คุณเริ่มเบื่อ
01:10:07 → 01:10:10 กับงานในสำนักงาน
01:10:10 → 01:10:12 ลูกแชร์แบ่งปันให้คนอื่นเข้ามาฟังกันเยอะ
01:10:12 → 01:10:14 ๆขอบคุณนะครับ
01:10:14 → 01:10:18 ได้โอกาสทำงานใหญ่มาแล้ว 10 กว่าครั้งแต่
01:10:18 → 01:10:21 ระยะหลังกับล้มเหลวแทบล้มละลายกำลังรวบ
01:10:21 → 01:10:24 รวมกำลังลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้งครับขอ
01:10:24 → 01:10:26 เป็นกำลังใจนะครับ
01:10:26 → 01:10:29 อายุ 72 มีครบถ้วนยกเว้นความพอใจในชีวิต
01:10:29 → 01:10:33 ทำไงดีคะคุณหมอ
01:10:33 → 01:10:36 โดยหลักแล้วผมคิดว่าคุณอาจจะต้องตั้งคำ
01:10:36 → 01:10:39 ถามก่อนครับว่าสิ่งที่คุณมีอยู่ที่ครบ
01:10:39 → 01:10:40 นั้น
01:10:40 → 01:10:43 คุณรับรู้ได้ไหมครับว่ามันยังขาดอะไรไปใน
01:10:43 → 01:10:44 ชีวิต
01:10:44 → 01:10:47 และในบางครั้ง
01:10:47 → 01:10:49 สิ่งที่ขาด
01:10:49 → 01:10:51 เราอาจจะต้อง
01:10:51 → 01:10:55 หาวิธีในการสร้างมันขึ้นมานะครับเช่นสาย
01:10:55 → 01:10:56 สัมพันธ์
01:10:56 → 01:11:00 ภายใต้ข้อจำกัดนะครับอย่างไรก็ตามบางคน
01:11:00 → 01:11:03 คิดว่าอายุ 72 เยอะแล้วอาจจะไม่มีเวลาแต่
01:11:03 → 01:11:06 ผมอยากจะให้กำลังใจหรือว่าอายุ 72 ตอนนี้
01:11:06 → 01:11:10 แข็งแรงผมเจอคนอายุ 78 ขับรถไปเมืองกาญ
01:11:10 → 01:11:13 ทุกอาทิตย์ไปตีกอล์ฟนะครับ
01:11:13 → 01:11:16 ถ้าคุณตระหนักว่าคุณยังขาดอะไรในความ
01:11:16 → 01:11:18 ต้องการซึ่งผมเชื่อว่าจะไม่ใช่เรื่อง
01:11:18 → 01:11:22 วัตถุเงินทองพวกคุณบอกว่าคุณมีครบนะครับ
01:11:22 → 01:11:27 คุณลองดูว่าคุณจะตอบโจทย์ข้อนั้นได้ยังไง
01:11:27 → 01:11:29 ถ้าหาเองไม่ได้
01:11:30 → 01:11:33 คุณอาจจะต้องการคนพูดคุยเพื่อเรียบเรียง
01:11:33 → 01:11:36 และทำความเข้าใจดูนะครับ
01:11:36 → 01:11:39 ขอบคุณอาจารย์หมอที่มาพูดให้ความรู้พอมี
01:11:39 → 01:11:41 อายุ 40 ชอบกินของหวานและเป็นคนค่อนข้าง
01:11:41 → 01:11:43 อ้วนมากไม่รู้จะเริ่มลดอย่างไรคือรถได้
01:11:43 → 01:11:50 แล้วสุดท้ายก็กลับมาอ้วนกว่าเดิม
01:11:50 → 01:11:53 ผมเคยพูดเรื่องนี้ไว้นะครับ
01:11:53 → 01:11:56 ตัวสำคัญคืออย่างนี้ครับ
01:11:56 → 01:11:59 ของหวานเนี่ยมันสัมพันธ์กันกับการจัดการ
01:12:00 → 01:12:00 อารมณ์
01:12:00 → 01:12:03 แล้วเวลาเรายิ่งกิน
01:12:03 → 01:12:06 มันจะยิ่งติด
01:12:06 → 01:12:10 ดังนั้นเราจะต้องค่อยๆแก้ด้วยการเอา
01:12:10 → 01:12:13 สิ่งที่เป็นโปรตีนและไฟเบอร์กับไขมันดี
01:12:13 → 01:12:15 เข้ามาแทนที่
01:12:15 → 01:12:18 ผมไม่รู้ว่าคุณมีความรู้เรื่องอาหารดีแค่
01:12:18 → 01:12:19 ไหน
01:12:19 → 01:12:22 ผมไม่รู้ว่าคุณมีความรู้เรื่อง is มากแค่
01:12:22 → 01:12:25 ไหนไม่รู้ว่าคุณมีความเข้าใจเรื่อง
01:12:25 → 01:12:29 อาหารโรคคาร์โบไฮเดรตแค่ไหนนะครับกับความ
01:12:29 → 01:12:31 แย่ระหว่าง
01:12:31 → 01:12:34 คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนกับคาร์โบไฮเดรตที่
01:12:34 → 01:12:37 ผ่านการพวก
01:12:37 → 01:12:39 เขาใช้คำว่า refine นะครับผ่านกระบวนการ
01:12:39 → 01:12:41 นะครับ
01:12:41 → 01:12:45 คือคุณต้องดูว่าคุณขาดความรู้หรือคุณขาด
01:12:45 → 01:12:50 แนวปฏิบัติจัดระบบนะครับถ้าคุณสนใจที่
01:12:50 → 01:12:53 เว็บไซต์หมอประเวศเนี่ยมีโครงของหลักสูตร
01:12:53 → 01:12:56 ศิลปะการลดน้ำหนักยังมีความสุขคุณไปดูหัว
01:12:56 → 01:13:00 ข้อดูถ้าสนใจก็ลองเข้าไปเรียนนะครับแต่
01:13:00 → 01:13:01 ถ้ายังไม่อยาก
01:13:01 → 01:13:05 ไปขั้นนั้นผมเคยพูดเรื่องนี้อยู่บ้างใน
01:13:05 → 01:13:08 ไลน์รองหาฟังดูนะครับ
01:13:08 → 01:13:11 จากที่น่านจากที่เนเธอร์แลนด์
01:13:11 → 01:13:14 อยากเรียนกับคุณหมอต้องทำอย่างไรติดต่อ
01:13:14 → 01:13:17 ที่ LINE หมอประเวศนี้นะครับมีคนถามว่า
01:13:17 → 01:13:19 เปลี่ยนแปลงได้ไหมผมต้องบอกอย่างหนึ่งนะ
01:13:19 → 01:13:23 ครับเอ่อผมเป็นครูครับการเรียนไม่ได้ขึ้น
01:13:23 → 01:13:26 อยู่กับครูเป็นหลักการเปลี่ยนแปลงขึ้น
01:13:26 → 01:13:28 อยู่กับนักเรียน
01:13:28 → 01:13:32 ยกเว้นว่าคุณคิดว่ามีอะไรบางอย่างที่เป็น
01:13:32 → 01:13:34 ของพิเศษที่เมื่อคุณได้รับมาแล้วคุณจะ
01:13:34 → 01:13:37 เปลี่ยนเป็นคนละคนซึ่งถ้าคุณเชื่อเช่น
01:13:37 → 01:13:38 นั้นเนี่ย
01:13:38 → 01:13:41 แล้วคุณมองหาสิ่งนั้นนะครับ
01:13:41 → 01:13:44 และมีคนบอกคุณว่าเขาจะให้สิ่งนั้นกับคุณ
01:13:44 → 01:13:50 เนี่ยจะบอกว่าเขาโกหกนะครับเพราะว่าคนทุก
01:13:50 → 01:13:52 คนต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง
01:13:52 → 01:13:57 แต่ว่าสิ่งที่ผมบอกคุณได้ก็คือในเวลาที่
01:13:57 → 01:14:00 มีด้วยความรู้ของผมที่มี
01:14:00 → 01:14:03 ผมก็ให้ทุกอย่างที่ผมคิดว่าดีกับคุณนะ
01:14:03 → 01:14:03 ครับ
01:14:03 → 01:14:07 ส่วนคุณจะได้แค่ไหนผมบอกไม่ได้ผมรู้แต่
01:14:07 → 01:14:11 ว่าทุกๆหลักสูตรจะมีคนขอบคุณผมเสมอนะครับ
01:14:11 → 01:14:14 แต่ก็มีคนที่บอกว่าเรียนยากกว่าที่ฟัง
01:14:14 → 01:14:19 เพราะเวลาเรียนเรามีการบ้านเราลงลึกกว่า
01:14:19 → 01:14:23 รับฟังจากอยุธยาอายุ 60 ปฏิบัติภาวนาตั้ง
01:14:23 → 01:14:27 เป้าจะบรรลุโสดาบันถือนับว่าเป็นความอยาก
01:14:27 → 01:14:30 ความมีตัวตนไหมเป็นเป้าหมายที่เป็นกุศล
01:14:30 → 01:14:33 มากครับผมเจอหลายคนตั้งเป้าแบบนี้เพราะ
01:14:33 → 01:14:36 เรามีความเชื่อว่าชีวิตฆราวาสรักษาศีล 5
01:14:36 → 01:14:38 ปฏิบัติธรรมให้ดี
01:14:38 → 01:14:42 ภาวนาให้ดีมีโอกาสบรรลุโสดาบันได้แล้ว
01:14:42 → 01:14:45 หลังจากนั้น 7 ชาติอย่างมากก็จะไม่ต้อง
01:14:45 → 01:14:48 เวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
01:14:48 → 01:14:51 ผมเคยมีอดีตผู้ใหญ่ที่นับถือกันก็บอกเขา
01:14:51 → 01:14:54 ว่าหลังเกษียณเขาก็จะพยายามจะปฏิบัติธรรม
01:14:54 → 01:14:56 เพื่อบรรลุธรรมระดับโสดาบันนะครับ
01:14:56 → 01:14:59 แต่ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าเขาจะไปถึงไหมนะ
01:14:59 → 01:14:59 ครับ
01:14:59 → 01:15:02 แต่สำหรับ
01:15:02 → 01:15:05 คุณเพ็ญพี่มลนะครับ
01:15:05 → 01:15:08 ผมก็เป็นกำลังใจนะครับเพราะผมคิดว่าเป็น
01:15:08 → 01:15:11 เป้าหมายที่น่าให้กำลังใจกัน
01:15:11 → 01:15:13 คิดถึงความสำเร็จและคิดถึงสิ่งที่ต้องการ
01:15:13 → 01:15:16 สำเร็จแต่ต้องอาศัยปัจจัยที่อยู่นอกเหนือ
01:15:16 → 01:15:17 การควบคุม
01:15:17 → 01:15:20 จึงเป็นไปได้ที่จะสำเร็จอ่อถ้างั้นสมการ
01:15:20 → 01:15:23 นี้มันหลุดส่วนผสมสำคัญตั้งแต่ต้นครับ
01:15:23 → 01:15:27 ความสำเร็จจะต้องกำหนดโดยสิ่งที่เราควบ
01:15:27 → 01:15:30 คุมได้ปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้
01:15:30 → 01:15:33 เราต้องรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่
01:15:33 → 01:15:36 ได้บางอย่างก็จะกลายเป็นความเสี่ยงทุกๆ
01:15:36 → 01:15:39 การพยายามจะมีปัจจัยเสี่ยงที่เราควบคุม
01:15:39 → 01:15:40 ไม่ได้
01:15:40 → 01:15:44 เราเรียนรู้ที่จะพยายามอย่างถูกต้องแต่ผล
01:15:44 → 01:15:46 ลัพธ์สุดท้ายในบางกรณีอาจจะไม่ได้ขึ้น
01:15:46 → 01:15:50 อยู่กับเรา
01:15:50 → 01:15:53 เช่นถ้าคุณบอกว่าคุณอยากจะมีตำแหน่งก้าว
01:15:53 → 01:15:57 หน้าในงานคุณพยายามทำงานให้เก่ง
01:15:57 → 01:16:00 สร้างสมรรถภาพให้ดีเข้าใจความต้องการของ
01:16:00 → 01:16:01 เจ้านาย
01:16:01 → 01:16:04 แล้วคุณก็พัฒนาฝีมือและคุณก็ทำงานได้ผล
01:16:04 → 01:16:06 ลัพธ์ที่ดี
01:16:06 → 01:16:08 แต่เจ้านายอาจจะไม่ได้เลื่อนตำแหน่งของ
01:16:08 → 01:16:11 คุณแต่เขาเลื่อนคนอื่นเพราะว่าหัวหน้า
01:16:11 → 01:16:14 ใหญ่ที่สูงกว่านั้นได้รับเด็กฝากมาแล้ว
01:16:14 → 01:16:17 ต้องขยับ
01:16:17 → 01:16:20 คุณจึงมีความสำเร็จในสิ่งที่คุณควบคุมได้
01:16:20 → 01:16:23 แต่ความสำเร็จที่คุณควบคุมไม่ได้มันขึ้น
01:16:23 → 01:16:25 อยู่กับคนที่มีอำนาจควบคุมคนนั้น
01:16:25 → 01:16:29 ซึ่งตรงนี้เป็นความเป็นจริงของชีวิตครับ
01:16:29 → 01:16:32 แล้วถ้าคุณไม่ชอบระบบนี้นะครับคุณจะต้อง
01:16:32 → 01:16:34 ไปอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับคน
01:16:34 → 01:16:35 อื่น
01:16:35 → 01:16:38 นั่นเป็นเหตุที่คนจำนวนหนึ่งไม่ทำงานใน
01:16:38 → 01:16:43 ระบบใหญ่แต่เขาไปทำธุรกิจของตัวเอง
01:16:43 → 01:16:46 ซึ่งเขาก็มีโอกาสประสบความสำเร็จในแบบของ
01:16:46 → 01:16:48 เขานะครับ
01:16:48 → 01:16:51 คุณลองดูละกันว่าถ้าคุณมองเห็นทางเลือก
01:16:51 → 01:16:56 แบบนี้คุณอยากจะทำแบบไหนนะครับ
01:16:56 → 01:16:58 จากป่าดำ
01:16:58 → 01:17:00 จังหวัดอะไรครับป่าดำ
01:17:00 → 01:17:02 วันนี้มาทันไลฟ์ขอบคุณความรู้ที่แบ่งปัน
01:17:02 → 01:17:06 ช่วงนี้อากาศไม่น่ารักมีฝนหิมะสลับแดดยัง
01:17:06 → 01:17:09 หนาวอยู่ถ้าเช่นนั้นมันอยู่ในประเทศอะไร
01:17:09 → 01:17:13 นะครับอ๋อนามสกุลคุณก็เป็นของต่างประเทศ
01:17:13 → 01:17:16 อยู่นะครับถ้าเรียนแล้วเราชอบลืมหน้าลืม
01:17:16 → 01:17:19 หลังจะดีขึ้นไหม
01:17:19 → 01:17:23 ผมคิดว่าทุกๆเรื่องที่คุณเรียนนะครับ 1
01:17:23 → 01:17:27 ก็คือถ้าคุณเรียนแล้วลืมเนี่ยแสดงว่ามัน
01:17:27 → 01:17:29 ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตโดยตรงของคุณ
01:17:29 → 01:17:31 หรือคุณไม่เห็นความเชื่อมโยงหรือคุณไม่
01:17:31 → 01:17:33 ได้หยิบมาประยุกต์
01:17:33 → 01:17:36 แต่การลืมเป็นเรื่องปกติถ้าเราไม่ได้ใช้
01:17:36 → 01:17:39 มันนะครับอย่างที่ผมได้เล่าไปแล้วสิ่งที่
01:17:39 → 01:17:41 ผมเรียนผมลืมไปมากกว่าครึ่งครับ
01:17:41 → 01:17:44 ถ้ามันไม่ได้ใช้ผมลืมไปมากกว่านั้นอีกแต่
01:17:44 → 01:17:47 สิ่งที่ผมได้ใช้เนี่ยผมรู้มากกว่าตอนที่
01:17:47 → 01:17:50 ผมเรียนเพราะผมอ่านเพราะเพิ่มตลอดเวลาและ
01:17:50 → 01:17:53 การเรียนจากประสบการณ์การเรียนจากของจริง
01:17:53 → 01:17:56 มันจำแม่นมากนะ
01:17:56 → 01:18:00 หนูชอบให้คุณหมอพูดโดยไม่ต้องมีคนถามที่
01:18:00 → 01:18:05 ได้รับฟังความคิดคุณหมอหรือคำอธิบาย
01:18:05 → 01:18:09 หนูชอบให้คุณหมอพูดโดยที่ไม่ต้องมีคนถาม
01:18:09 → 01:18:12 ว่ามันเป็นคนละส่วนกันส่วนต้นกับส่วนกลาง
01:18:12 → 01:18:14 นะครับ
01:18:14 → 01:18:18 ฟังจากสเปนขอบพระคุณคุณหมอยินดีนะครับทุก
01:18:18 → 01:18:21 วันต้องแบกภาระในองค์กรและในครอบครัวค่อน
01:18:21 → 01:18:25 ข้างหนักมากต้องใช้ขันติและสติในการใช้
01:18:25 → 01:18:29 ชีวิตไม่งั้นด้านมืดในใจจะพยายามครอบงำ
01:18:29 → 01:18:31 คุณลอง
01:18:31 → 01:18:34 เป็นเพื่อนกับด้านมืดนั้น
01:18:34 → 01:18:39 มันเป็นพลังที่เหมือนกับเทพมารนะครับถ้า
01:18:39 → 01:18:41 คุณคิดว่ามันเป็นด้านมืดเนี่ยแต่ถ้าคุณ
01:18:41 → 01:18:45 เข้าใจมันคือพลังที่จะมาเติมให้คุณมีความ
01:18:45 → 01:18:48 ยืดหยุ่นและหลากหลายในการจัดการตัวเองและ
01:18:48 → 01:18:50 จัดการคนอื่นได้ด้วยนะครับ
01:18:50 → 01:18:52 นี่พูดแบบไม่รู้โจทย์ของคุณในรายละเอียด
01:18:52 → 01:18:55 นะครับแต่หลักมันเป็นอย่างนั้นจริงๆในทุก
01:18:55 → 01:18:58 กรณี
01:18:58 → 01:19:01 มีคนสนับสนุนว่าเลือกทานอาหารรักษาโรคได้
01:19:01 → 01:19:05 ใครอ่านในเฟซเรื่องข้อค้างใจของคนใกล้ตาย
01:19:05 → 01:19:10 เพิ่งรู้ว่าสำคัญกับ mindset สัมพันธ์
01:19:10 → 01:19:12 บังคับสัมพันธ์กับ mindset การมีชีวิต
01:19:12 → 01:19:15 จริงๆแต่เรามักเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อม
01:19:15 → 01:19:18 และคนข้างเคียงด้วยหรือเปล่า
01:19:18 → 01:19:22 เราได้รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมและคนที่
01:19:22 → 01:19:25 เราเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยครับ
01:19:25 → 01:19:27 แล้วก็
01:19:27 → 01:19:31 การที่เขาศึกษาคนใกล้ตาและเขามีความเสีย
01:19:31 → 01:19:34 ใจเนี่ยผมคิดว่ามันเป็นคำถามที่ดีเหมือน
01:19:34 → 01:19:37 เรารอดูคนที่เดินไปจนสุดทางแล้วก็ถามเขา
01:19:37 → 01:19:39 ว่าตรงนั้นเป็นยังไงแล้วเขาบอกเรามาเราก็
01:19:39 → 01:19:41 ได้ข้อคิด
01:19:41 → 01:19:44 แล้วข้อคิดเหล่านี้มันก็เป็นส่วนหนึ่งของ
01:19:44 → 01:19:46 ทัศนะหรือไม่ Set ที่เราใช้ในการดำเนิน
01:19:46 → 01:19:49 ชีวิตอยู่นะครับ
01:19:49 → 01:19:52 แล้วก็มีอันนึงที่สำคัญมากก็คือ
01:19:52 → 01:19:54 การเดินทางของเราที่เราเติบโตไปเรื่อยๆ
01:19:54 → 01:19:58 อายุที่มากขึ้นก็ทำให้เรามีทัศนะที่
01:19:58 → 01:20:01 เปลี่ยนไปทำให้เราให้สิ่งให้น้ำหนักกับ
01:20:01 → 01:20:04 สิ่งที่เราให้ความสำคัญเปลี่ยนไปนะครับ
01:20:04 → 01:20:07 ตัวเราเปลี่ยนอยู่ทุกขณะอยู่แล้วครับ
01:20:07 → 01:20:10 แต่จุดมุ่งหมายระยะยาว
01:20:10 → 01:20:13 ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยนะครับมันอาจจะเปลี่ยน
01:20:13 → 01:20:17 ในเวลาที่เราเติบโตแบบเช่นอายุมากขึ้น
01:20:17 → 01:20:18 แล้วมีการเปลี่ยนแปลงแต่มันไม่ใช่เปลี่ยน
01:20:18 → 01:20:22 ไลน์รายเดือนรายปีนะครับเป้าหมายระยะยาว
01:20:22 → 01:20:24 ไม่เปลี่ยนไม่บ่อยแต่เป้าหมายระยะสั้น
01:20:24 → 01:20:27 เปลี่ยนได้เพราะว่าคุณคุณเปลี่ยนไปมันก็
01:20:27 → 01:20:29 ปรับเป้าหมายระยะสั้นได้
01:20:29 → 01:20:32 เพิ่งมารับฟังถ้ามีเวลาว่างจะกลับไปย้อน
01:20:32 → 01:20:33 ฟัง
01:20:33 → 01:20:38 ชอบฟังอายุ 51 กำลังเข้าใจลูกชายหลาย
01:20:38 → 01:20:40 เรื่องคุณหมอมีส่วนทำให้ดิฉันมองกว้าง
01:20:40 → 01:20:43 ขึ้นชอบฟังตอนตอบคำถามเพราะหลายคนเอามา
01:20:43 → 01:20:46 ปรับใช้กับตัวเองได้
01:20:46 → 01:20:49 ด้านร้ายคืออะไรบ้าง
01:20:49 → 01:20:51 [เพลง]
01:20:51 → 01:20:55 กรณีของนักเรียนผู้นั้นที่พูดถึง
01:20:55 → 01:21:00 ความร้ายของที่เธอบีบออกมาใช้ได้จะคล้ายๆ
01:21:00 → 01:21:03 กับในหนังสือภาษาอังกฤษที่พูดถึง with นะ
01:21:03 → 01:21:06 ครับนางแม่มดแต่ว่ามันไม่อยู่ในบริบทของ
01:21:06 → 01:21:10 ภาษาไทยนะครับแต่ความร้ายในที่นี้ก็คือ
01:21:10 → 01:21:15 ความสามารถที่จะใช้ความก้าวร้าวได้อย่าง
01:21:15 → 01:21:16 เหมาะสม
01:21:16 → 01:21:19 ผมคิดว่านั่นคือตัวที่ดีที่สุดก็คือความ
01:21:19 → 01:21:21 สามารถในการเจรจาต่อรองครับ
01:21:21 → 01:21:25 เพราะเธอคนนั้นคงไม่ร้ายแบบประเภทน่า
01:21:25 → 01:21:26 เกลียดน่ากลัวนะครับ
01:21:26 → 01:21:28 เพราะมันขึ้นอยู่กับแต่ละคน
01:21:28 → 01:21:31 ใกล้จะหมดเวลานะครับช่วยเตือนแล้วนะครับ
01:21:31 → 01:21:33 ขอบคุณสาระดีๆ
01:21:33 → 01:21:37 สว่างว้าวๆเลยวันแรกที่ได้ฟังขอบคุณคุณ
01:21:37 → 01:21:40 หมอที่ตอบข้อความดิฉันอย่างจริงใจคำตอบใน
01:21:40 → 01:21:43 วีดีโอของทุกคนเพราะปัญหาของเราก็มีซ้ำ
01:21:43 → 01:21:46 กับมนุษย์ทั่วไปพยายามจะฟังตามหัวข้อที่
01:21:46 → 01:21:49 สนใจให้ครบเพราะได้มุมมองดีๆแล้วรู้จัก
01:21:49 → 01:21:51 ตัวเองเยอะขึ้นมาก
01:21:51 → 01:21:53 เพื่อนบอกว่าตัวเองเป็นร่างทรงไม่ทำงานมี
01:21:53 → 01:21:56 ความคิดแปลกๆชอบ Live สดทาง Facebook
01:21:56 → 01:21:58 วิจารณ์เรื่องต่างๆที่เป็นข่าวในช่วงนั้น
01:21:58 → 01:22:02 นิสัยเปลี่ยนไปจากสมัยเรียนมากเราจะมีทาง
01:22:02 → 01:22:05 ช่วยเขาอย่างไร
01:22:05 → 01:22:08 เพื่อนบอกว่าตัวเขาเองเป็นร่างทรงแล้วก็
01:22:08 → 01:22:12 เริ่มมีความคิดแปลกๆและ
01:22:12 → 01:22:15 ผมไม่รู้เลยครับเพราะว่าเขาอาจจะป่วยแล้ว
01:22:15 → 01:22:19 แล้วคนที่ป่วยลักษณะนี้
01:22:19 → 01:22:21 บางคนนะครับ
01:22:21 → 01:22:25 อาจจะเป็นกลุ่มไบโพลาร์ที่เป็น mania
01:22:25 → 01:22:27 หรือ hypermania ได้
01:22:27 → 01:22:30 ผมคิดว่าต้องเป็นญาติเขาครับที่จะเป็นคน
01:22:30 → 01:22:34 พาเข้าไปรักษา
01:22:34 → 01:22:37 มีคำถามว่านมฟรีแลคโตสดีกว่านมวัวจืด
01:22:37 → 01:22:40 ธรรมดาไหม
01:22:40 → 01:22:42 คือเรื่องนมเนี่ยแต่ก่อนเราจะรู้ดีว่าเรา
01:22:42 → 01:22:44 ได้รับการสอนให้ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีกับ
01:22:44 → 01:22:46 สุขภาพ
01:22:46 → 01:22:50 เพราะมันมีไขมันมีโปรตีน
01:22:50 → 01:22:53 วิตามินบางส่วนนะครับ
01:22:53 → 01:22:57 คราวนี้ไอ้ฟรีแลคโตสก็เกิดจากการที่มีคน
01:22:57 → 01:23:01 จำนวนหนึ่งไม่มีเอนไซม์ที่จะย่อยแลคโตสใน
01:23:01 → 01:23:06 นมเขาก็ดึงเอาตัวแลคโตสไปนะครับ
01:23:06 → 01:23:10 หลังจากที่ผมตามเรื่องคนที่จะกิน
01:23:10 → 01:23:14 ฟรีแลคโตสคือคนที่กินแล้วมีท้องเสียกินนม
01:23:14 → 01:23:17 แล้วท้องเสีย
01:23:17 → 01:23:19 แต่หลังจากที่ผมตามด้วยอุตสาหกรรมอาหารผม
01:23:19 → 01:23:22 ก็พบว่าอาหารอะไรก็ตามที่ผ่านกรรมวิธี
01:23:22 → 01:23:26 ยิ่งมากผมจะไว้ใจน้อยลงนะครับถ้าจะตอบผม
01:23:26 → 01:23:30 ก็จะตอบว่าถ้าคนไม่มีปัญหาในการแพ้นม
01:23:30 → 01:23:34 คุณก็ไม่ต้องกินฟรีแลคโตสเพราะมันมีเพิ่ม
01:23:34 → 01:23:35 ขั้นตอนการผลิตเข้าไป
01:23:35 → 01:23:38 ซึ่งพวกนี้มักจะมีกระบวนการทางเคมีเข้าไป
01:23:38 → 01:23:41 ซึ่งผมไม่รู้รายละเอียดนะครับ
01:23:41 → 01:23:45 ทีนี้กลับมาเรื่องว่านมวัวจืดย่อมดีกว่า
01:23:45 → 01:23:48 นมฟรีแลคโตสเพราะกระบวนการผลิตในความเข้า
01:23:48 → 01:23:52 ใจของผมน้อยกว่าในเรื่องนี้แต่ถามว่าการ
01:23:52 → 01:23:57 กินนมดีไหมก็มีข้อเสียของนมนะครับเช่นมี
01:23:57 → 01:23:59 งานศึกษาพบว่าคือมันไม่ใช่แค่นมมันมีไข
01:23:59 → 01:24:02 มันสูงอย่างเดียว
01:24:02 → 01:24:04 แต่นมมันทำให้อาการภูมิแพ้เป็นได้มากขึ้น
01:24:04 → 01:24:07 ดังนั้นหมอภูมิแพ้ก็จะแนะนำเรื่องของการ
01:24:07 → 01:24:11 งดสารอาหารที่เกิดจากผลิตภัณฑ์นมนะครับ
01:24:12 → 01:24:14 หรือมีงานวิจัยที่พบว่านม
01:24:14 → 01:24:17 สัมพันธ์กับเรื่องสมองเสื่อมได้ด้วยซึ่ง
01:24:17 → 01:24:19 อันนี้ผมไม่ได้มั่นใจ 100% แต่เขาเชื่อ
01:24:19 → 01:24:22 ว่ามันน่าจะเกิดจากหญ้าที่วัวกินซึ่งตัว
01:24:22 → 01:24:25 นี้มันยิ่งซับซ้อน
01:24:25 → 01:24:27 ถามว่าจุดยืนผมตอนนี้เป็นยังไง
01:24:27 → 01:24:32 ผมกินนมบ้างแต่ว่าไม่เยอะนะครับ
01:24:32 → 01:24:35 แต่นมที่ผมกินบ่อยกว่าคือนมถั่วเหลือง
01:24:35 → 01:24:37 คราวนี้พอกินนมถั่วเหลืองมันก็จะมี
01:24:37 → 01:24:42 ประเด็นใหม่ว่าอ้อมันเป็น gmo หรือเปล่า
01:24:42 → 01:24:44 ถ้าเราคิดอย่างนี้หมดนะครับเราจะไม่รู้จะ
01:24:45 → 01:24:47 ทำยังไงเหมือนกันแต่ผมก็จะมาสุดตรงที่ว่า
01:24:47 → 01:24:49 อย่างนี้ครับผมจะมาสุดตรงที่ว่าผมเอาความ
01:24:49 → 01:24:53 รู้เท่าที่มีว่าโอเคเลยผมกินนมแต่ไม่เยอะ
01:24:53 → 01:24:57 นะครับไม่ถือมันเป็นอาหารหลัก
01:24:57 → 01:25:00 แล้วผมไม่มีอาการภูมิแพ้ผมไม่ได้มีอาการ
01:25:00 → 01:25:01 แพ้นม
01:25:01 → 01:25:06 ผมกินผลิตภัณฑ์นมเช่นชีสนะครับด้วย
01:25:06 → 01:25:08 ผมไม่กลัวไขมันและโปรตีนนะครับ
01:25:08 → 01:25:13 ที่มีในนมนั้น
01:25:13 → 01:25:17 แต่นมประจำที่ผมกินคือนมถั่วเหลืองนะครับ
01:25:17 → 01:25:19 ซึ่งตอนนี้ยังซื้ออยู่
01:25:19 → 01:25:22 แล้วก็เคยทำกินด้วยเพราะมีเครื่องทำนะ
01:25:22 → 01:25:27 ครับแต่กินเวลาผมตอบเกินไปเยอะล่ะ
01:25:27 → 01:25:29 ขอบคุณอาจารย์หมอฟังหลายครั้งได้รับแนว
01:25:29 → 01:25:34 คิดรู้วิธีเยียวยาตัวเองในวันที่ดี
01:25:34 → 01:25:35 เริ่มติดตาม
01:25:35 → 01:25:39 คุณหมอแล้วค่ะคิดว่าน่าจะครบทางออกให้คำ
01:25:39 → 01:25:42 ถามหลายคำถาม
01:25:42 → 01:25:44 ให้คำถามหลายคำถามในชีวิตของตัวเองได้
01:25:44 → 01:25:47 ขอบคุณจากฝรั่งเศสอาจารย์หมอปีเวลาที่มี
01:25:47 → 01:25:49 ค่าเพื่อให้ความรู้และข้อคิดที่ดีกับผู้
01:25:49 → 01:25:52 ฟังซาบซึ้งและชื่นชมยินดีครับมันเป็น
01:25:52 → 01:25:55 กิจกรรมสำคัญของชีวิตผมในแต่ละสัปดาห์นะ
01:25:55 → 01:25:58 ครับทุกๆสัปดาห์ผมจะนั่งคิดว่าสัปดาห์นี้
01:25:58 → 01:26:00 จะพูดเรื่องอะไรดี
01:26:00 → 01:26:02 พอเลือกเล่นได้เสร็จเอ๊ะเราจะพูดเนื้อยัง
01:26:02 → 01:26:05 ไงดี
01:26:05 → 01:26:07 ต้องเรียงครับ
01:26:07 → 01:26:09 ขอบพระคุณคุณหมอ
01:26:09 → 01:26:11 ขอบคุณคุณหมอมาก
01:26:11 → 01:26:15 ลงคอร์สจัดการความกังวลและการเป็นอีกเอา
01:26:15 → 01:26:17 มาลงมือทำพอพบจิตแพทย์หมอบอกว่าคุณไม่ได้
01:26:17 → 01:26:21 เป็น Panic แล้วหมอให้ถอยยาและหยุดยามา 2
01:26:21 → 01:26:23 ปีแล้วค่ะ
01:26:23 → 01:26:27 ขอบคุณที่มาแบ่งปันนะครับเพราะว่าผมเรียน
01:26:27 → 01:26:30 ตามตรงนะครับว่าถ้าไม่มีคนมาช่วย feedback
01:26:30 → 01:26:33 เนี่ยเวลาคนถามผมผมจะไม่กล้าแนะนำเขา
01:26:33 → 01:26:37 แต่พอมีสมาชิกอย่างคุณมาบอกว่าคุณดู
01:26:37 → 01:26:40 วีดีโอแล้วคุณฝึกปฏิบัติแล้วคุณหายจนหมอ
01:26:40 → 01:26:41 หยุดยาให้คุณได้
01:26:41 → 01:26:44 แล้วคุณมาบอกนะครับผมกล้าแนะนำว่ามีคนบอก
01:26:44 → 01:26:47 ว่าเขาเรียนและได้ผลนะครับเพราะผมไม่ได้
01:26:47 → 01:26:51 ตามไปดูว่าคนเขาได้ผลไหมนะครับขอบคุณมาก
01:26:51 → 01:26:53 ครับ
01:26:53 → 01:26:59 ฟังจากอเมริกาอายุ 55 เพิ่งเกษียณเพราะ
01:26:59 → 01:27:01 ต้องออกผู้ดูแลตัวเองมีโรคประจำตัวฟังการ
01:27:01 → 01:27:04 ทำงานพังจากการทำงานมากฟังคุณหมอมาหลาย
01:27:04 → 01:27:08 คลิปสบายใจขึ้นผมเดาว่าคุณต้องฟังคลิป
01:27:08 → 01:27:09 เรื่องโลกหรือหลังด้วยนะครับเพราะว่ามัน
01:27:09 → 01:27:13 จะช่วยได้วันนี้ได้เขาคิดหลายเรื่องเป้า
01:27:13 → 01:27:15 หมายหนึ่งในชีวิตคือการเขียนเรื่องของตัว
01:27:15 → 01:27:17 เองป่วยจิตเภท
01:27:17 → 01:27:21 แรกก็สุขหลังๆกลายเป็นทุกข์เพราะต้องใช้
01:27:21 → 01:27:24 พลังงานความจำอย่างมาก
01:27:24 → 01:27:27 เป็นโรคเรื้อรังอันหนึ่งที่ต้องดูแลตัว
01:27:27 → 01:27:29 เองเช่นกันนะครับ
01:27:29 → 01:27:32 ผลนอนหลับยากมา 2 ปีใช้เวลานอนกว่า 1
01:27:32 → 01:27:34 ชั่วโมงกว่าจะหลับสัปดาห์ที่แล้วสอบเข้า
01:27:34 → 01:27:37 มหาวิทยาลัยเสร็จกลับนอนหลับง่ายแค่ 5
01:27:37 → 01:27:40 นาทีหลับแบบนี้คิดว่าเกี่ยวข้องไหมต้องไป
01:27:40 → 01:27:42 พบหมอไหม
01:27:42 → 01:27:45 การนอนเป็นผลปลายทางของหลายเรื่องมากนะ
01:27:45 → 01:27:49 ครับกิจวัตรทุกอย่างซึ่งอธิบายได้ในภาย
01:27:49 → 01:27:52 ใต้หัวข้อสุขเข้าไปสุขาอนามัยในการนอน
01:27:52 → 01:27:55 หรือเสรีไทยจีนคุณไปค้นดูนะครับคุณอาจจะ
01:27:55 → 01:27:57 รู้ว่ามีวิธีปฏิบัติอะไรบ้าง
01:27:57 → 01:28:00 เพราะว่าถ้าคุณพึ่งอายุประมาณ 18 เนี่ย
01:28:00 → 01:28:04 แล้วการนอนหลับของคุณดีขึ้นจากการสอบ
01:28:04 → 01:28:08 เสร็จผมคิดว่าคุณคือคนปกตินะครับแต่คุณ
01:28:08 → 01:28:10 ต้องตระหนักแล้วผมเคยพูดด้วยนะครับว่าการ
01:28:10 → 01:28:14 เจอแสงเช่นเล่นเกมตอนหัวค่ำถึงดึกจะทำให้
01:28:14 → 01:28:16 การนอนคุณแย่ลงการไม่ออกกำลังกายการไม่
01:28:16 → 01:28:19 เจอแดดทำให้การนอนคุณแย่ลงลองไปฟังตอนที่
01:28:19 → 01:28:22 ว่าด้วยเรื่องหลับยังมีคุณภาพดูนะครับ
01:28:22 → 01:28:26 กำลังจะลงเรียนเพิ่มกลับมาถึงบ้านจะย้อน
01:28:26 → 01:28:31 ฟังขออนุโมทนา
01:28:31 → 01:28:34 ขอบคุณคุณหมอมากเข้ามาครั้งแรกเรียนรู้
01:28:34 → 01:28:37 มากเดี๋ยวจะติดต่อเรียนความหมายคุณหมอจะ
01:28:37 → 01:28:40 บอกว่าบางทีต้องมีส่วนมืดมาใช้บ้างดีเกิน
01:28:40 → 01:28:41 ก็ไม่ดี
01:28:41 → 01:28:47 โอเคครับคือมันอยู่ที่การผสมผสานเทคนิค
01:28:47 → 01:28:52 และเทคนิคในการจัดการสถานการณ์ต่างๆครับ
01:28:52 → 01:28:55 นมถั่วเหลืองดื่มก่อนนอนทำให้หลับสบาย
01:28:55 → 01:28:57 ขึ้นใช่ไหม
01:28:57 → 01:29:02 ข้อนี้ผมไม่เคยรู้นะครับ
01:29:02 → 01:29:06 แต่ตอนสมัยก่อนที่เขาพูดถึงนมวัวเพราะว่า
01:29:06 → 01:29:10 มันมีสารที่ช่วยให้หลับได้จริงแต่นมถั่ว
01:29:10 → 01:29:12 เหลืองผมไม่ได้กินเพื่อช่วยให้หลับนะครับ
01:29:12 → 01:29:19 ไม่มีความรู้ตรงนี้นะครับ
01:29:19 → 01:29:22 เอาล่ะครับวันนี้ผมได้จบตามเวลาท่านสุด
01:29:22 → 01:29:25 ท้ายบอกว่าอยากให้พูดเรื่องคนเป็นจิตเวช
01:29:25 → 01:29:28 พญาสิบติดผมจะอยู่จำนวนหนึ่งเดี๋ยวขอ
01:29:28 → 01:29:31 เรียนรู้ว่าจะพูดยังไงนะครับขอบคุณทุก
01:29:31 → 01:29:34 ท่านที่ส่งข้อมูลเข้ามาครบเวลา 2-3 ทุ่ม
01:29:34 → 01:29:37 ครึ่งพอดีนะครับวันนี้เราคุยกันเรื่องผม
01:29:37 → 01:29:40 สอนอะไรในจิตวิทยาความสำเร็จคุยกันหลาย
01:29:40 → 01:29:42 เรื่องในช่วงตอบคำถามนะครับสัปดาห์หน้าพบ
01:29:42 → 01:29:45 กันใหม่เวลา 2 ทุ่มวันนี้สวัสดีทุกท่าน
01:29:45 → 01:29:47 ครับ