00:00:00 → 00:00:03 ถ้าคุณครูอยากจะเปลี่ยนระบบการเรียนการ
00:00:03 → 00:00:07 สอนของประวัติศาสตร์ของเมืองไทยสมมุติค่ะ
00:00:07 → 00:00:09 คุณครูอยากจะเปลี่ยนอะไร
00:00:09 → 00:00:11 [เพลง]
00:00:11 → 00:00:14 ครับอยากให้เรียน
00:00:14 → 00:00:17 ประวัติศาสตร์เพิ่มเพิ่มเติมการวิเคราะห์
00:00:17 → 00:00:21 ข้อมูลเอ่อชั้นต้นหรือเขาคเรียกว่า
00:00:21 → 00:00:23 Primary source นะคะในในใน
00:00:23 → 00:00:27 ประวัติศาสตร์ในการเรียนตั้งแต่เด็กประถม
00:00:27 → 00:00:29 ไปเลยก็ได้ค่ะไม่ได้จำเป็นว่าเด็กโตเท่า
00:00:29 → 00:00:32 นั้นที่ที่จะสามารถเข้าถึงเอกสารชั้นต้น
00:00:32 → 00:00:35 ได้จริงๆแล้วมันสามารถสอดแทรกมันมีส
00:00:35 → 00:00:38 เอกสารชั้นต้นที่แบบไม่ได้คลกไม่ได้ยากจน
00:00:38 → 00:00:42 เกินไปที่จะเข้าใจบางทีมันก็แค่รูปภาพ
00:00:42 → 00:00:45 เอ่อ image บางทีมันช่วยในการเรียนรู้แต่
00:00:45 → 00:00:49 ว่าจำได้ในวัยเด็กเราก็เรียนแค่จาก
00:00:49 → 00:00:53 หนังสือเล่มเดียวแต่ในขณะเดียวกันพอเราไป
00:00:53 → 00:00:55 เรียนต่างประเทศเรารู้ว่าเค้าเรียนเเรียน
00:00:55 → 00:00:59 ประวัติศาสตร์กันแบบว่าหนังสือเป็นกองอื
00:00:59 → 00:01:02 ในในวิชาเดียวกันเราเรียนเมืองไทยหนังสือ
00:01:02 → 00:01:05 แค่นี้อืแล้วเราคิดว่าเราเก่งมากแหละเรา
00:01:05 → 00:01:08 อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเราจำได้ทุกอย่าง
00:01:08 → 00:01:13 แต่อืการเรียนในวิชาเดียวกันนั้นพอไป
00:01:13 → 00:01:16 เรียนต่างประเทศเอ่านหนังสือเป็นกองเพราะ
00:01:16 → 00:01:19 เขาต้องการไม่ใช่ว่าออเรื่องเดียวเราต้อง
00:01:19 → 00:01:22 อ่านอ่านหลายเล่มเพื่ออะไรอ่านหลายเล่ม
00:01:22 → 00:01:25 เพื่อจะดูความเห็นที่มันแตกต่าง argument
00:01:25 → 00:01:28 ที่มันแตกต่างไปในแต่แต่ละเล่มมันไม่
00:01:28 → 00:01:33 เหมือนกันอืมุมมองไม่เหมือนกันอืค่ะก็
00:01:33 → 00:01:35 อยากจะให้พัฒนากการการสอนว่า
00:01:35 → 00:01:38 ประวัติศาสตร์มันไม่ใช่การอ่านหนังสือแค่
00:01:38 → 00:01:44 เล่มเดียวมันคือการค้นคว้าในหลายๆแบบอยาก
00:01:44 → 00:01:46 กูอยากจะเปลี่ยนจากการอ่านเป็นการค้นคว้า
00:01:46 → 00:01:50 มากกว่าที่ตั้งโจทย์ใช่ค่ะแล้วค้นคว้า
00:01:50 → 00:01:54 เหมือนอิจโจนใช่ค่ะครับโดยเอาข้อมูลมา
00:01:54 → 00:01:57 แป๊บใช่ค่ะคุณครูคิดว่าประวัติศาสตร์มัน
00:01:57 → 00:02:01 เปลี่ยนมั้ยคือคำถามผมอาจจะไม่เคลียร์นะ
00:02:01 → 00:02:03 แต่หมายถึงว่าเนื่องจากยุค
00:02:03 → 00:02:07 เทคโนโลยีสังคมมันเร็วขึ้นเรื่อยๆค่ะการ
00:02:07 → 00:02:10 เปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์ยุคก่อนมันจะ
00:02:10 → 00:02:14 ช้ายุคนี้มันเร็วขึ้นมั้ยมันคือคือ pace
00:02:14 → 00:02:17 of the Society อือฮึ And History
00:02:17 → 00:02:21 Evolution มันมันเปลี่ยนมมันเปลี่ยนเร็ว
00:02:21 → 00:02:24 ประวัติศาสตร์มันเปลี่ยนเร็วขึ้นมเหรอคะ
00:02:24 → 00:02:27 คือเหตุการณ์มันเยอะขึ้น Event มันเยอะ
00:02:27 → 00:02:31 ขึ้นจริงๆแล้ว
00:02:31 → 00:02:33 ส่วนตัวไม่ได้คิดว่ามันเปลี่ยนเร็วขึ้น
00:02:33 → 00:02:36 แต่เรา perceive ข้อมูลได้เร็วขึ้นอือฮึ
00:02:36 → 00:02:39 เราได้รับข้อมูลเร็วขึ้นเราได้รับข้อมูล
00:02:39 → 00:02:43 จากหลายทางมากขึ้นและหลายฝ่ายมากขึ้น
00:02:43 → 00:02:46 สมมุติในคอนฟลิกเดียวกันหรือเรื่องเดียว
00:02:46 → 00:02:50 กันสมัยก่อนเราอาจจะรับได้ทางเดียวคือจาก
00:02:50 → 00:02:54 สื่อสื่อทางการของประเทศเราเท่านั้นอื
00:02:54 → 00:02:59 เอ่อแต่ว่าในปัจจุบันนี้จะเอาสื่อจากไหน
00:02:59 → 00:03:01 จากด้านไหนเราเราได้หมดมันก็เลยดูเหมือน
00:03:01 → 00:03:04 เร็วขึ้นค่ะแต่จริงๆแล้วไม่ได้ไม่ได้คิด
00:03:04 → 00:03:09 ว่าเพสมันมันเร็วไปมากกว่าเดิมสักสักเท่า
00:03:09 → 00:03:13 ไหร่อืครับแล้วมันก็ดีด้วยซ้ำเราได้มอง
00:03:13 → 00:03:17 หลายๆมุมหลายๆแง่ค่ะจริงๆแล้วปัจจุบันมัน
00:03:17 → 00:03:19 ทำให้การเรียน
00:03:19 → 00:03:23 ประวัติศาสตร์ง่ายขึ้นด้วยซ้ำเพราะเรา
00:03:23 → 00:03:25 วิเคราะห์ได้เร็วขึ้นเนื่องจากเราไม่ต้อง
00:03:25 → 00:03:32 ไปค้นหาเพิ่มเติมเอ่อหรือคือไปถ้าเป็นแบบ
00:03:32 → 00:03:35 สมัยนักประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์โบราณ
00:03:35 → 00:03:38 สมมุติเราจะค้นหาเรื่องนึงเราอาจจะต้องไป
00:03:38 → 00:03:41 เดินทางไปที่เหล่านั้นเพื่อไปหาใช่มยคะ
00:03:41 → 00:03:44 เดี๋ยวนี้เราก็นั่งอยู่ที่บ้านเสิรชมันก็
00:03:44 → 00:03:48 มันก็ได้ครบค่อนข้างครบค่ะผมเชื่อผิดๆ
00:03:48 → 00:03:51 เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เอาแบบคลาสสิคเลย
00:03:51 → 00:03:55 ที่ที่ทุกคนคิคิดนะ
00:03:55 → 00:03:59 คะขอแก้คำถามนิดนึงมันไม่ผิดแต่ว่าอครับ
00:03:59 → 00:04:03 มันเป็นการมองด้านเดียวกับด้านที่เขาคุ้น
00:04:03 → 00:04:11 ชินอเอาง่ายๆก็ทำไมเราต้องเกลียดพม่าอื
00:04:11 → 00:04:15 อืทุกคนรู้ว่าเอ่อพม่าเป็น
00:04:15 → 00:04:19 เอมี่ในเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอือ
00:04:19 → 00:04:22 ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นน่ะคะเราก็ถามเด็ก
00:04:22 → 00:04:25 ว่าทำไมทำไมยูถึงคิดว่าอย่างนั้น
00:04:25 → 00:04:28 อ่าบางทีการเรียนประวัติศาสตร์คือการเข้า
00:04:28 → 00:04:30 ใจคอนเซปต์
00:04:30 → 00:04:32 โดยรวมอย่างเช่นเรื่องเรื่องเรื่องนี้ก็
00:04:32 → 00:04:36 คือเรื่องทฤษฎีการสร้างชาติ nationalism
00:04:36 → 00:04:40 การสร้างชาติ Nation Building ว่าชาติ
00:04:40 → 00:04:43 มันมาได้ยังไงเ่อ Element นึงของการสร้าง
00:04:43 → 00:04:46 ชาติก็คือเราต้องสร้าง
00:04:46 → 00:04:49 enemy อืเราต้องสร้าง Common enemy
00:04:50 → 00:04:53 เพราะว่าอย่าลืมว่าคนไทยเราไม่ได้เหมือน
00:04:53 → 00:04:55 กันทุกคนเราไม่ได้มาจากที่เดียวกันทุกคน
00:04:55 → 00:04:58 ใช่มยคะออ่าเรามีหลายหลากหลายเชื้อชาติ
00:04:58 → 00:05:02 ศาสนาเอ่อแล้วเราจะรวมยังไงให้คนรู้สึก
00:05:02 → 00:05:05 ความเป็นชาติเาเรียกว่าสร้าง Common
00:05:05 → 00:05:09 enemy ศัตรูที่เราแชร์ด้วยกันอ่าข้า
00:05:09 → 00:05:12 สร้างศัตรูเดียวกันใช่ค่ะที่มันจะเขียนใน
00:05:12 → 00:05:15 ประวัติศาสตร์แล้วมันสนุกแล้วมันสามารถ
00:05:15 → 00:05:20 กระตุ้นให้เราอ่ะรักในความเป็นชาติชนชาติ
00:05:20 → 00:05:22 เราได้มากขึ้น
00:05:22 → 00:05:25 ออก็ไม่ได้ว่าเบลมว่าท่านที่เขาเขียน
00:05:25 → 00:05:28 ประวัติศาสตร์ผิดนะคะเออก็ไม่ผิดอันนี้ก็
00:05:28 → 00:05:32 คล้ายๆกับคำถามที่เราคุยกันไปตอนแรกในมุม
00:05:32 → 00:05:35 มองเตอนนั้นสิ่งที่เขาทำมันอาจจะจำเป็น
00:05:35 → 00:05:38 จำเป็นเออครับแต่ในมองมุมมองเราตอนนี้ถาม
00:05:38 → 00:05:41 ว่าเด็กสมัยนี้หรือตัวเราเองก็ตามเราต้อง
00:05:41 → 00:05:47 เกลียดพม่าด้วยมั้ยเออเคยเคยมีถามคนถามคน
00:05:47 → 00:05:49 ที่รู้จักนะเขว่าเอ้ยไปเที่ยวพม่ากันมั้ย
00:05:49 → 00:05:55 โอ๊ยไม่ไปอ่ะมันมันขโมยเคขโมยเอิ่มทองไป
00:05:55 → 00:05:58 ชเวดากองอย่างเงี้ยมันก็เป็นความคิดว่า
00:05:58 → 00:06:01 สมัยเอาอายุอยุธยาเมาเผาบ้านเมืองเราเออ
00:06:01 → 00:06:04 แล้วเอาทองไปสร้างเจดีย์ชเวดากองอะไร
00:06:04 → 00:06:07 อย่างเงี้ยค่ะมันก็อาจจะจริงหรือไม่จริง
00:06:07 → 00:06:10 เราไม่รู้เพราะเราไม่มีรูปเราไม่มีตอน
00:06:10 → 00:06:13 นั้นมันไม่มีโฟกี่มันไม่เราไม่ได้ถ่าย
00:06:13 → 00:06:16 อะไรมาใช่มั้ยคะเราไม่รู้ว่าพม่าเอาทอง
00:06:16 → 00:06:19 จากอยุธยาไปสร้างจริงหรือเปล่าเออแต่โอ
00:06:20 → 00:06:22 ความคิดนี้มันไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้น
00:06:22 → 00:06:26 ในสมัยนี้อืความคิดนี้มันควรจะมองในมุม
00:06:26 → 00:06:29 ที่ลึกเข้าไปอย่างอย่างที่บอกวิเคราะห์
00:06:29 → 00:06:32 เข้าไปว่าไอ้ความคิดนี้มันเกิดขึ้นตอน
00:06:32 → 00:06:35 นั้นคือตอนที่เรากำลังสร้างชาติแล้ว
00:06:35 → 00:06:38 Element ของการสร้างชาติมีอะไรบ้าง
00:06:38 → 00:06:43 อืแล้วก็โอเคก็เข้าใจเข้าใจมันในรูปแบบ
00:06:43 → 00:06:48 นั้นอืแล้วก็ไม่ได้ต้องคิดว่าโอ้พม่าคือ
00:06:48 → 00:06:51 ประเทศที่ขโมยทองไปจากเรา
00:06:51 → 00:06:55 อืคือมันจบแล้วะคุณครูกำลังจะบอกแล้วยุค
00:06:55 → 00:06:58 นั้นมันมีบริบทของมันมันมีที่มาที่ไปของ
00:06:58 → 00:07:02 มันถูกต้องค่ะแล้วมันจบตั้งแต่ยุคนั้นเรา
00:07:02 → 00:07:05 ไม่ควรจะลากข้ามยุคข้ามสมัยมาถึงปัจจุบัน
00:07:05 → 00:07:09 น่ะแต่เข้าใจในในเรียกว่าเข้าใจในเลนส์
00:07:09 → 00:07:13 ของยุคนั้นเออใส่เหมือนใส่กรอบแว่นใส่
00:07:13 → 00:07:17 แว่นของของของยุคนั้นเพื่อที่จะเข้าใจ
00:07:17 → 00:07:21 มันคือทุกประเทศมีค่ะอย่างเช่นจีนจีน
00:07:21 → 00:07:25 ญี่ปุ่นเกาหลีเอ่อเขาก็มีเก็มี Part of
00:07:25 → 00:07:28 History ที่มันเบมซึ่งกันและกันอย่า
00:07:28 → 00:07:32 เงี้ยค่ะเบมว่าเเทำเราเราทำเค้าลาวไทย
00:07:32 → 00:07:36 พม่าไทยเขมรไทยมีหมดมีครับซิกกับอิสลามก็
00:07:36 → 00:07:42 มีซิกกับอิสลามมีครับค่ะทีนี้การที่
00:07:42 → 00:07:45 เราอันนี้ถามแบบไม่รู้คำถามนี้ถูกหรือ
00:07:45 → 00:07:47 เปล่านะเรื่องหัวข้อวันนี้มัน sensitive
00:07:47 → 00:07:50 หลายๆเรื่องนะผมก็จะระวังคำพูดแต่ว่าอยาก
00:07:50 → 00:07:55 ให้เข้าใจเจตนาผมนะโอเคการที่เราไม่หรือ
00:07:55 → 00:07:59 เราลืมประวัติศาสตร์อือย่างที่คุณครูบอก
00:07:59 → 00:08:04 มันเป็นยุคยุสมัยควรจะผ่านไปได้ค่ะถ้าเรา
00:08:04 → 00:08:06 ลืมมันหรือเราเเรียกว่าเรา Move on เรา
00:08:06 → 00:08:09 get Over มันแล้วเรามองในเลนว่ามันเป็น
00:08:09 → 00:08:13 ปัญหาของยเราจะถูกมองว่าเด็กคนนี้มันลืม
00:08:13 → 00:08:16 ประวัติศาสตร์ไอ้เด็กคนนี้มันอย่างเงี้ย
00:08:16 → 00:08:19 ที่บอกว่ามันไม่เกลียดพม่าเออมันลืม
00:08:19 → 00:08:25 ประวัติศาสตร์มันลืมอดีตมันว่าเขาเคยทำ
00:08:25 → 00:08:28 อย่างงี้กับพ่อแม่บรรพบุรุษเราค่ะคุณครู
00:08:28 → 00:08:30 จะตอบว่าไงครับเราก็มองกลับไปคนนั้นใหม่
00:08:30 → 00:08:33 ว่าเอ่ะเสพประวัติศาสตร์มาในแบบไหนอือ
00:08:33 → 00:08:36 แล้วอะไรทำให้เขาเชื่อในความในความคิด
00:08:36 → 00:08:39 นั้นอือย่า
00:08:39 → 00:08:43 ไปก็ก็อย่าแต่ไม่ได้ว่าให้ันะคะไม่ได้ให้
00:08:43 → 00:08:48 ตัดสินคนด้วยความคิดของคนคนนั้นแต่ว่าเรา
00:08:48 → 00:08:51 เราน่าจะวิเคราะห์ใช้ความใช้ใช้ ability
00:08:51 → 00:08:55 ใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ว่าสิ่งที่
00:08:55 → 00:08:59 เขาพูดออกมาเนี่ยมันเป็นเพราะความคิดที่เ
00:08:59 → 00:09:02 ถูกเชฟมาเป็นแบบนี้อืเราไม่จำเป็นต้องไป
00:09:02 → 00:09:06 โต้ตอบหรือไม่จำเป็นต้องไป
00:09:06 → 00:09:11 เอ่อไป attack เาหรือว่าไป correct เมันน
00:09:11 → 00:09:15 มันอาจจะไม่จำเป็นกับเ at the end โลก
00:09:15 → 00:09:19 นี้มันก็คือความแตกต่างอืมอืเราเราเรียน
00:09:19 → 00:09:22 ประวัติศาสตร์ไปก็เพื่อเพื่อให้เข้าใจ
00:09:22 → 00:09:26 ความแตกต่างด้วยไ้เหอันนี้โดนมากครับๆโอ้
00:09:26 → 00:09:29 อันนี้อันนี้ผมว่าเป็นเราเรียนประวัติ
00:09:29 → 00:09:32 ศาสตเพื่อในที่สุดให้เข้าใจว่ามนุษย์มี
00:09:32 → 00:09:35 ความแตกต่างใช่ค่ะให้เข้าใจว่าทุกอย่าง
00:09:36 → 00:09:40 มัน evolve over time นะค่ะมันมัน
00:09:40 → 00:09:44 เปลี่ยนแปลงใช่ค่ะตามกาลเวลาถูกต้องค่ะ
00:09:44 → 00:09:45 แม้กระทั่งการเขียนประวัตติศาสตร์การเข้า
00:09:45 → 00:09:48 ใจประวัติศาสตร์ความเข้าใจประวัติศาสตร์
00:09:48 → 00:09:50 มันก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลาสมัยก่อนเราเข้า
00:09:50 → 00:09:55 ใจว่าอย่างงี้ขึ้นมายุคพ่อแม่เราเข้าใจ
00:09:55 → 00:09:58 แบบนี้มาถึงยุคเรายุคลูกหลานก็จะเข้าใจ
00:09:58 → 00:09:59 อีกแบบนึง
00:09:59 → 00:10:02 มันก็ไม่ใช่ความผิดของใคร
00:10:03 → 00:10:07 แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือให้ make sure
00:10:07 → 00:10:10 ว่าในฐานะนักศึกษานัก
00:10:10 → 00:10:15 ประวัติศาสตร์หรือเอ่อผู้ที่มีความสนใจ
00:10:15 → 00:10:17 ทางประวัติศาสตร์เนี่ยเราก็ควรตระหนักถึง
00:10:17 → 00:10:20 ตระหนักถึงว่าข้อมูลที่ได้เราที่เราได้
00:10:20 → 00:10:24 รับมามันไม่ใช่ด้านเดียวอืมันต้องมีหลายๆ
00:10:24 → 00:10:28 ด้านมาประกอบกันแล้วเราก็วิเคราะห์ว่าเรา
00:10:28 → 00:10:32 ควรจะเชื่อเชื่ออันไหนมากที่สุดอืหรือไม่
00:10:32 → 00:10:34 ต้องเชื่ออันไหนเลยก็ได้
00:10:34 → 00:10:38 อืค่ะแล้วถ้าไม่เชื่อมันหมายความว่าอะไร
00:10:38 → 00:10:40 ครับถ้าไม่เชื่อเลยมันก็ไม่ได้แปลว่าเรา
00:10:40 → 00:10:44 ไม่มีจุดยืนนี่คะมันก็มันก็แปลว่าเรา
00:10:44 → 00:10:46 เลือกที่จะไม่เชื่อเพราะว่ามันไม่ได้มี
00:10:46 → 00:10:50 หลักฐานเพียงพอ
00:10:50 → 00:10:53 เอ่อแต่เรารู้เราตระหนักว่ามันมีอะไรบ้าง
00:10:53 → 00:10:56 แลมีความคิดแบบไหนที่เกิดขึ้นบ้างออเรา
00:10:56 → 00:10:59 รู้ที่มาที่ไปแต่แค่เรามีจุดยืนว่าเราไม่
00:10:59 → 00:11:02 ได้เอนไปทางด้านถูกต้องค่ะ
00:11:02 → 00:11:07 อสุดยอดครับวันนี้เป็นเป็นพสที่สำหรับผม
00:11:07 → 00:11:11 นะเป็นหนึ่งในพสที่ผมชอบมากนะครับสำหรับ
00:11:11 → 00:11:14 ผมเป็นหนึ่งในพสที่ผมประทับใจมากๆแล้วผม
00:11:14 → 00:11:18 ถือว่าหมอชนคุยเนี่ยที่ตั้งใจทำมาเนี่ย
00:11:18 → 00:11:23 วันนี้เป็นตอนที่บรรลุระดับนึงเลยนะครับ
00:11:23 → 00:11:27 ต้องชื่นชมคุณครูมากๆนะครับว่าที่สละเวลา
00:11:27 → 00:11:31 แล้วคุณครูผมว่าสื่อาได้เคลียร์แล้วผมก็
00:11:31 → 00:11:34 ขอโทษเพราะว่าคำถามที่ผมเตรียมกับ Flow
00:11:34 → 00:11:37 ที่มันเกิดมันคนละเรื่องเลยครับแล้วคุณ
00:11:37 → 00:11:42 ครูก็ก็ตอบผมแบบความซื่อตรงได้ดีมากแ
00:11:42 → 00:11:45 Authentic and sincere Answer นะ
00:11:45 → 00:11:47 ขอบคุณค่ะคำถามที่เราเตรียมกันหลังบ้าน
00:11:47 → 00:11:49 ที่ผมส่งให้คุณครูเนี่ยกับวันนี้ที่คุย
00:11:49 → 00:11:53 กันเนี่ยมันคนละมุมเลยเพราะว่าเราในฐานะ
00:11:53 → 00:11:58 คนสัมภาษณ์นะ Flow ของการคุยมันออกมามัน
00:11:58 → 00:12:01 เป็นงานอมันออกมาออกมาออกมาเองโดยที่ผมก็
00:12:01 → 00:12:05 ไม่ได้ตั้งใจแต่สุดท้ายคูอยากมีอะไรจะ
00:12:05 → 00:12:09 เสริมจะเพิ่มหรืออยากทิ้งท้ายอะไรมครับก็
00:12:09 → 00:12:11 ก็คงจะบอก
00:12:11 → 00:12:17 ว่าอยากให้คุณพ่อคุณแม่แล้วก็เด็กๆรุ่น
00:12:17 → 00:12:19 ใหม่ไม่ไม่ไม่ละทิ้งการเรียน
00:12:20 → 00:12:22 ประวัติศาสตร์แล้วก็ไม่อย่าไปมี Bas กับ
00:12:22 → 00:12:28 มันอย่าไปมีความเชื่อด้านใดด้านนึงไม่ค่ะ
00:12:28 → 00:12:31 อย่าอย่าไป by กับการเรียนประวัติศาสตร์
00:12:31 → 00:12:35 by แอภาษาไทยถ้าให้อคติเออย่าไปมีอคติ
00:12:35 → 00:12:38 กับมันว่าโอ๊ยเข้ามาเรียนคลาสเนี้ยต้อง
00:12:38 → 00:12:43 หลับแน่ๆเออหรือเรียนๆไปทำข้อสอบเสร็จ
00:12:43 → 00:12:46 โอเคก็พอแล้วเดี๋ยวก็ทิ้งโน้ตแล้วก็ลืม
00:12:46 → 00:12:50 มันไม่ใช่การเรียนเพื่อเอาข้อมูลมันไม่
00:12:50 → 00:12:53 ใช่ informative Learning มันเป็นเรา
00:12:53 → 00:12:57 อยากให้นักเรียนรู้จักการวิเคราะห์แล้วก็
00:12:57 → 00:13:00 เอาไป Apply กับอย่างอื่นแล้วก็
00:13:00 → 00:13:03 ประวัติศาสตร์มันก็ไม่ใช่แค่
00:13:03 → 00:13:06 ประวัติศาสตร์เท่านั้นคือว่าอะไรเกิดิด 1
00:13:06 → 00:13:08 2 3 4 แต่อยากให้รู้จักกันเอาไปเชื่อม
00:13:08 → 00:13:13 โยงกับศาสตร์อื่นๆในชีวิตประจำวันอืแล้ว
00:13:13 → 00:13:18 ก็คือที่สำคัญที่สุดก็คือตระหนักรู้ถึง
00:13:18 → 00:13:22 เอ่อข้อมูลมันเป็นการอีกอย่างนึมันก็คือ
00:13:22 → 00:13:27 การฝึกสกิลในการรับข้อมูลอว่าซึ่งซึนัท
00:13:27 → 00:13:30 คิดว่าตอนนี้คือปัญหาที่ที่ระดับชาติ
00:13:30 → 00:13:35 สำหรับเด็กรุ่นใหม่หรือคนในปัจจุบันก็ตาม
00:13:35 → 00:13:37 ก็คือเรารับข้อมูลแบบ
00:13:37 → 00:13:41 ว่าเรารับอย่างเดียวอืเราเราไม่ได้คิด
00:13:41 → 00:13:43 วิเคราะห์ซึ่งทีนี้ก็คือสกิลนัก
00:13:43 → 00:13:46 ประวัติศาสตร์คือเรากรองข้อมูลก่อนที่เรา
00:13:46 → 00:13:49 จะเชื่ออืหรืออย่างที่คุยกันมันไม่ต้อง
00:13:49 → 00:13:53 เชื่อก็ได้อือมันก็มันก็เหมือนการเสพสื่อ
00:13:53 → 00:13:56 เสพทุกอย่างในปัจจุบันเยค่ะข้อมูลบาง
00:13:56 → 00:14:00 อย่างคนเราบอกมาชลมีเดียบอกมาเราต้อง
00:14:00 → 00:14:04 เชื่อ 100% มยเราดูก่อนมยว่ามันมาจากใคร
00:14:04 → 00:14:07 เนี่ยค่ะ historiography มันมาจากใครใคร
00:14:07 → 00:14:11 เป็นคนพูดเต้องการอะไรในการเสนอเรื่องนี้
00:14:11 → 00:14:13 ขึ้นมา
00:14:13 → 00:14:18 อืค่ะขอบพระคุณคุณครูมากครับที่สละเวลามา
00:14:18 → 00:14:26 [เพลง]
00:14:26 → 00:14:29