00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับผมคิดว่าหลายๆคนนะครับคงเคยมี
00:00:03 → 00:00:05 คำถามว่าทำไมตัวเองถึงมีอาการบวมได้นะ
00:00:06 → 00:00:08 ครับบางครั้งก็เป็นญาติพี่น้องตัวเองนะ
00:00:08 → 00:00:11 ครับเป็นพ่อแม่หรืออะไรอย่างนี้นะครับก็
00:00:11 → 00:00:13 มีอาการบวมขึ้นมาก็จะสงสัยว่าเออทำไมมัน
00:00:13 → 00:00:16 ถึงบวมแล้วเราจำเป็นจะต้องทำยังไงกับ
00:00:16 → 00:00:19 อาการบวมบางคนก็บอกว่าให้ทานยาขับปัสสาวะ
00:00:19 → 00:00:21 จะลดบวมได้อันนั้นจริงหรือเปล่านะครับวัน
00:00:21 → 00:00:23 นี้ผมก็เลยอยากจะเอาเรื่องของการบวมเนี่ย
00:00:23 → 00:00:26 มาเล่าให้ฟังกันนะครับว่าเรามีวิธีในการ
00:00:26 → 00:00:29 วิเคราะห์อาการเหล่านี้อย่างไรบ้างในฐานะ
00:00:29 → 00:00:31 ที่เป็นแพทย์นะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:31 → 00:00:33 ทันทีทันทีวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:33 → 00:00:35 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:35 → 00:00:39 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับในทางการ
00:00:39 → 00:00:42 แพทย์นั้นเวลาเราแบ่งลักษณะของการบวม
00:00:42 → 00:00:44 เนี่ยนะครับเราก็แบ่งได้หลายๆอย่างเช่น
00:00:44 → 00:00:49 ว่าบวมตามตำแหน่งซึ่งมันมีแรงโน้มถ่วงไป
00:00:49 → 00:00:51 กระทำนะครับยกตัวอย่างเช่นถ้าเรายืนอยู่
00:00:51 → 00:00:55 นะครับอ่าถ้ามันบวมตามขาอันนี้ก็คือถือ
00:00:55 → 00:00:57 ว่าเป็นตามแรงโน้มถ่วงนะครับถ้าเรานอน
00:00:57 → 00:00:59 อยู่บริเวณที่บวมเนี่ยก็อาจจะอยู่ที่หลัง
00:00:59 → 00:00:59 นะครับ
00:01:00 → 00:01:02 หรือบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไร
00:01:02 → 00:01:05 กับในเรื่องของแรงโน้มถ่วงเช่นเรายืนอยู่
00:01:05 → 00:01:07 แต่มันบวมที่แขนอย่างเงี้ยนะครับหรือบวม
00:01:07 → 00:01:09 ที่หน้านะครับพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้อง
00:01:09 → 00:01:12 เอามาประกอบการคิดของเราว่าเออมันเป็นจาก
00:01:12 → 00:01:16 สาเหตุอะไรด้วยนะครับทีนี้สิ่งที่ในทาง
00:01:16 → 00:01:18 การแพทย์เนี่ยเราใช้กันบ่อยๆก็คือเรื่อง
00:01:18 → 00:01:22 ของการกดไปตรงบริเวณที่บวกนะครับอ่าเราจะ
00:01:22 → 00:01:24 มีบางกรณีที่กดลบมันบุ๋มนะครับหมายความ
00:01:24 → 00:01:28 ว่าถ้าเรานิ้วไปกดมันเนี่ยนะฮะบริเวณผิว
00:01:28 → 00:01:30 หนังที่บวมของเรามันจะบุ๋มลงไปแล้วมันก็
00:01:30 → 00:01:32 จะค้างอยู่อย่างงั้นนะครับอันนี้เราจะ
00:01:32 → 00:01:34 เรียกว่า petting anima หมายความว่า
00:01:34 → 00:01:37 piding หมายความว่าเวลาเรากดเข้าไปมันจะ
00:01:37 → 00:01:39 บุ๋มลงไปรอยบุ๋มเนี่ยเราเรียกว่าพิษนะ
00:01:39 → 00:01:42 ครับ adimma นี่คือแปลว่าบ่วงนะครับคิด
00:01:42 → 00:01:44 ยังไงดีมากก็คือเป็นการบวมที่เรากดแล้ว
00:01:44 → 00:01:47 ระบุนะครับซึ่งมันมีสาเหตุของมันเหมือน
00:01:47 → 00:01:50 กันนะฮะกับอีกแบบหนึ่งคือเรียกว่านอนดี
00:01:50 → 00:01:52 มากหมายความว่ากดเข้าไปแล้วมันไม่บุ๋มนะ
00:01:52 → 00:01:55 ครับมันอาจจะยุบตัวลงตามนิ้วของเราแล้วพอ
00:01:55 → 00:01:56 เราเอานิ้วออกมาปุ๊บมันก็เด้งกลับมา
00:01:56 → 00:01:58 เหมือนเดิมนะครับอันนี้เรียกว่า non-stica
00:01:58 → 00:02:00 ซึ่งก็จะมีสาเหตุของมันเหมือนกันนะครับ
00:02:00 → 00:02:04 เรามาเริ่มกันที่เรื่องของพิตติ้งกันดี
00:02:04 → 00:02:07 มากก่อนนะครับว่าทำไมกดแล้วมันถึงบุ๋มลง
00:02:07 → 00:02:10 ไปตามนิ้วของเราแล้วมันถึงไม่ได้กลับมา
00:02:10 → 00:02:13 อยู่ในสภาพเดิมทันทีนะครับสาเหตุที่เป็น
00:02:13 → 00:02:16 เช่นนั้นเนี่ยมันเป็นเพราะว่าเวลาที่เรา
00:02:16 → 00:02:19 กรดเนี่ยนะครับแรงกระทำของเราเนี่ยมันจะ
00:02:19 → 00:02:22 ไปดันเอาน้ำหรือของเหลวที่อยู่รอบๆให้มัน
00:02:22 → 00:02:25 กระจายไปบริเวณอื่นดังนั้นคนที่เกิดขึ้น
00:02:25 → 00:02:27 anima หรือเวลาบวมแล้วเรากดแล้วมันบุ๋ม
00:02:27 → 00:02:30 เนี่ยนะครับมันเป็นเพราะว่ามีของเหลวที่
00:02:30 → 00:02:33 สามารถไหลไปมาได้นะครับเวลาเรากดมันก็จะ
00:02:33 → 00:02:36 โดนดันไปบริเวณอื่นแล้วก็สักพักหนึ่งแหละ
00:02:36 → 00:02:38 ครับมันถึงจะกลับมาอยู่ในบริเวณเดิมอัน
00:02:39 → 00:02:42 นี้คือเป็นสาเหตุการเกิดแต่ถ้าในกรณีที่
00:02:42 → 00:02:45 เรากดแล้วมันไม่บุ๋มนะครับพวกนี้เนี่ย
00:02:45 → 00:02:49 ส่วนใหญ่แล้วตัวสารน้ำนะครับหรือของเหลว
00:02:49 → 00:02:52 นั่นน่ะมันมักจะมีความหนืดสูงมากนะครับ
00:02:52 → 00:02:55 โดยทั่วไปจะมีพวกโปรตีนพวกนี้อยู่นะครับ
00:02:55 → 00:02:58 ทำให้เวลาที่เรากดเนี่ยการที่เราจะดันมัน
00:02:58 → 00:03:01 ผ่านไอ้ช่องเล็กๆน้อยๆตามเซลล์ตามเส้น
00:03:01 → 00:03:03 เลือดของเราไปที่อื่นเนี่ยมันไปไม่ได้นะ
00:03:03 → 00:03:05 ครับมันก็เลยติดอยู่ตรงนั้นพวกนี้กดปุ๊บ
00:03:05 → 00:03:07 มันก็จะไม่สามารถทำให้ของเหลวย้ายไปที่
00:03:07 → 00:03:10 อื่นมันก็เลยไม่บุ๋มนะครับอีกกรณีนึงก็
00:03:10 → 00:03:14 คือมันมีพังผืดที่อยู่ใต้ผิวหนังของเรานะ
00:03:14 → 00:03:17 ครับคอยจำกัดไม่ให้ของเหลวแล้วมันไปที่
00:03:17 → 00:03:19 อื่นนะครับพวกนี้เวลาเรากดปุ๊บของเหลว
00:03:19 → 00:03:21 วิ่งไปชนพังผืดมันไปไหนไม่ได้มันก็อยู่
00:03:21 → 00:03:25 ที่เดิมนะครับนี่ก็คือสาเหตุของ non-fit
00:03:25 → 00:03:27 ยังไงดีมากนะครับอันนี้
00:03:27 → 00:03:29 มันเป็นสิ่งที่เราเอามาใช้คิดต่อว่าเออ
00:03:29 → 00:03:32 แล้วสาเหตุอะไรถึงเราเรากดปุ่มหรือกดไม่
00:03:32 → 00:03:34 บุ๋มเนี่ยมันจะเอาไปใช้แยกสาเหตุได้ว่า
00:03:34 → 00:03:37 มันเกิดจากอะไรบ้างนะครับแต่อย่างไรก็ตาม
00:03:37 → 00:03:40 มันก็มีการบวมบางชนิดที่สามารถมีทั้งคู่
00:03:40 → 00:03:43 พร้อมกันได้นะครับอ่าซึ่งตรงนั้นเนี่ยมัน
00:03:43 → 00:03:45 ก็อาจจะต้องดูจากประวัติแล้วก็การตรวจ
00:03:45 → 00:03:48 ร่างกายดูอาการอื่นๆเพิ่มเติมนะครับว่า
00:03:48 → 00:03:50 ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นแล้วเราจะต้องหา
00:03:50 → 00:03:53 สาเหตุเอ่อได้ว่ามันเป็นอะไรนะครับ
00:03:53 → 00:03:55 เรามาดูกันที่ petting anima ก่อนหรือ
00:03:55 → 00:03:58 การเกิดการบวมที่กดบุ๋มนะครับเพราะว่าอัน
00:03:58 → 00:04:00 นี้มันจะง่ายที่สุดแล้วของเหลวที่มีเนี่ย
00:04:00 → 00:04:02 คือกดปุ๊บมันก็สามารถแทรกตัวไปตามบริเวณ
00:04:03 → 00:04:05 อื่นๆได้ง่ายของเหลวนั้นจะต้องไม่หนืดนะ
00:04:05 → 00:04:08 ครับเหตุผลที่เกิดส่วนใหญ่จะเป็นเพราะว่า
00:04:08 → 00:04:10 มีภาวะน้ำที่มันเกิดอยู่ในร่างกายยกตัว
00:04:10 → 00:04:13 อย่างเช่นภาวะหัวใจวายเรื้อรังนะครับ
00:04:13 → 00:04:16 เพราะว่าหัวใจวายเนี่ยมันก็จะทำให้หัวใจ
00:04:16 → 00:04:18 ไม่สามารถบีบเลือดออกไปเลี้ยงตามส่วนต่าง
00:04:18 → 00:04:21 ๆของร่างกายได้อย่างเพียงพอถ้ามันบีบไม่
00:04:21 → 00:04:24 ได้มันก็ทนมาที่หัวใจนะครับหัวใจห้องซ้าย
00:04:24 → 00:04:27 ก็พ้นไปหัวใจห้องขวานะครับหัวใจห้องขวาทน
00:04:27 → 00:04:29 ไปไหนมันก็ทนลงไปที่ขาของเรานั่นแหละครับ
00:04:29 → 00:04:33 ก็จะทำให้ขาของเรามีอาการบวมอย่างนั้นได้
00:04:33 → 00:04:37 นะครับในบางคนที่หัวใจห้องซ้ายปกติแต่มี
00:04:37 → 00:04:39 เฉพาะปัจจัยของหัวใจห้องขวานะครับหัวใจ
00:04:39 → 00:04:42 ห้องขวามีปัญหานะฮะยกตัวอย่างเช่นคนที่
00:04:42 → 00:04:44 เป็นโรคถุงลมโป่งพองนะครับมีโรคปอดอย่าง
00:04:45 → 00:04:48 เงี้ยเรื้อรังสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือหัวใจ
00:04:48 → 00:04:50 ของคนเราเนี่ยนะครับมันมีด้านซ้ายกับด้าน
00:04:50 → 00:04:52 ขวาด้านซ้ายคือบีบไปเลี้ยงข้างล่างไก่ของ
00:04:52 → 00:04:54 คนเรานะครับด้านขวาเนี่ยจะต้องบีบเอา
00:04:54 → 00:04:57 เลือดเก่าไปรับออกซิเจนที่ปอดใช่ไหมครับ
00:04:57 → 00:05:00 แล้วการที่หัวใจห้องขวาปัญหาเนี่ยมันบีบ
00:05:00 → 00:05:02 ไปที่ปอดแต่มันเข้าไปในปอดไม่ได้เนื่อง
00:05:02 → 00:05:04 จากว่าปอดของเรามีปัญหาเช่นเป็นถุงลมโป่ง
00:05:04 → 00:05:07 พองเนี่ยความดันในปอดมันสูงมากๆนะครับเรา
00:05:07 → 00:05:09 บีบลึกเข้าไปมันมันเด้งกลับมาอย่างนี้นะ
00:05:09 → 00:05:12 ครับพวกนี้มันก็ทนอยู่ในห้องหัวใจข้างขวา
00:05:12 → 00:05:15 เยอะขึ้นเยอะขึ้นเยอะขึ้นพอหัวใจห้องขวา
00:05:15 → 00:05:18 มีปริมาณเลือดมีปริมาณเยอะน้ำเยอะขึ้นมัน
00:05:18 → 00:05:21 ก็พ้นกลับไปที่อื่นสิครับพ้นไปที่ตับพ้น
00:05:21 → 00:05:25 ไปที่ลำไส้พ้นไปที่ขากรณีนี้ขาก็จะบวม
00:05:25 → 00:05:27 แล้วบางคนมีอาการบวมที่อยู่ในลำไส้ด้านใน
00:05:27 → 00:05:30 ทำให้รับประทานอาหารแล้วมันไม่ย่อยนะครับ
00:05:30 → 00:05:34 ท้องอืดนะฮะหรือบางคนเป็นมากๆมวลชนบางคน
00:05:34 → 00:05:36 ก็อาจจะมีน้ำในท้องนะครับเรียกว่าท้องมา
00:05:36 → 00:05:39 แบบนั้นก็ได้นะครับอันนั้นก็คือเป็นสิ่ง
00:05:39 → 00:05:43 ที่เกิดขึ้นนะฮะฉะนั้นหัวใจวายนะครับไม่
00:05:43 → 00:05:45 ว่าจะเป็นหัวใจห้องซ้ายหรือหัวใจห้องขวา
00:05:45 → 00:05:48 ถ้ามันวายระยะนานๆก็จะเกิดอาการบวมกดปุ่ม
00:05:48 → 00:05:51 ได้เพราะว่าภาวะน้ำที่มันไปไหนไม่ได้นั่น
00:05:51 → 00:05:52 เองนะครับ
00:05:52 → 00:05:55 อีกอย่างหนึ่งซึ่งเราเจอก็คือโรคไตนะครับ
00:05:55 → 00:05:58 โรคไตเนี่ยไตมันมีหน้าที่ขับน้ำออกจาก
00:05:58 → 00:06:01 ร่างกายในรูปของปัสสาวะถูกมั้ยครับถ้ามัน
00:06:01 → 00:06:03 ขับไม่ออกมันอยู่ในร่างกายของคนเรามันก็
00:06:03 → 00:06:06 จะบวกนะครับแล้วไอ้การที่เราเกิดการบวม
00:06:06 → 00:06:08 น้ำเนี่ยก็อย่างที่บอกเป็นกฎบุ๋มนะครับ
00:06:08 → 00:06:13 และที่สำคัญก็คือว่ามันไม่ใช่แค่กดบวมเออ
00:06:13 → 00:06:15 กดแล้วบุ๋มอย่างเดียวนะครับมันมักจะไปบวม
00:06:15 → 00:06:18 ตรงบริเวณที่แรงโน้มถ่วงมันดึงลงไปเช่น
00:06:18 → 00:06:20 ถ้าเรายืนขาเราก็จะบวมเป็นพิเศษนะครับถ้า
00:06:20 → 00:06:22 เรานอนมันก็มักจะไปทีหลังอย่างนั้นเป็น
00:06:22 → 00:06:24 ต้นนะฮะ
00:06:24 → 00:06:28 มีเหตุอื่นอีกก็คือภาวะที่เกิดโปรตีนรั่ว
00:06:28 → 00:06:30 ออกไปทางปัสสาวะที่เราเรียกว่า netflotic
00:06:30 → 00:06:32 Syndrome นะครับภาวะนี้จะมีการรั่วของ
00:06:32 → 00:06:35 โปรตีนอัลบูมินนะครับหรือโปรตีนไข่ขาวของ
00:06:35 → 00:06:36 เรานั่นแหละนะครับ
00:06:36 → 00:06:38 ออกไปทางปัสสาวะนะพอมันร่วงออกไปเยอะๆ
00:06:39 → 00:06:40 เนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออย่างนี้ครับ
00:06:40 → 00:06:43 เวลาที่เรามีอาวูมินหรือโปรตีนอยู่ใน
00:06:43 → 00:06:46 เลือดเนี่ยนะครับมันจะช่วยเพิ่มความหนืด
00:06:46 → 00:06:48 ให้กับเลือดของเราแล้วมันจะดึงเอาน้ำที่
00:06:48 → 00:06:51 อยู่นอกเส้นเลือดเข้ามาในเส้นเลือดนะครับ
00:06:51 → 00:06:53 แต่เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เรามี albumin
00:06:53 → 00:06:57 ต่ำนะครับน้ำที่อยู่ในเลือดเราเนี่ยมันจะ
00:06:57 → 00:07:00 ไหลออกไปที่อื่นออกไปตามเนื้อเยื่อที่
00:07:00 → 00:07:02 อื่นแล้วไม่ค่อยอยู่ในเส้นเลือดนะครับพอ
00:07:02 → 00:07:05 มันเป็นแบบนี้น้ำที่มันซึมออกจากนอกเส้น
00:07:05 → 00:07:08 นอกจากในเส้นเลือดไปนอกเส้นเลือดเนี่ยมัน
00:07:08 → 00:07:11 ก็ไปสะสมอยู่ตามบริเวณผิวหนังนะครับใต้
00:07:11 → 00:07:14 ผิวหนังก็ทำให้เกิดอาการบวมแล้วก็กดบุ๋ม
00:07:14 → 00:07:18 นะครับแต่นี่คือสาเหตุที่เราเสียโปรตีน
00:07:18 → 00:07:20 ออกไปทางปัสสาวะเนื่องจากเป็นโรคไตบาง
00:07:20 → 00:07:22 ชนิดที่เรียกว่าในโปรเจคซินโดรมนะครับถ้า
00:07:22 → 00:07:25 เกิดเป็นคนที่เขากินอาหารไม่เพียงพอล่ะนะ
00:07:25 → 00:07:28 ครับเป็นพวกอดอาหารนานๆนะครับเราจะเห็นคน
00:07:28 → 00:07:31 อ่าชาวเด็กไอ้ที่โอเปียนานๆอย่างเงี้ยนะ
00:07:31 → 00:07:33 ครับหรือว่าคนขาดสารอาหารมากๆทำ
00:07:33 → 00:07:35 intermittent fasting แบบข้ามวันข้าม
00:07:35 → 00:07:37 คืนแล้วทำต่อเนื่องทำบ่อยๆแล้วเกิดโปรตีน
00:07:37 → 00:07:40 มันไม่พอเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือแบบนี้
00:07:40 → 00:07:44 เลยครับน่ะเลือดของเราไม่มีโปรตีนน้ำใน
00:07:44 → 00:07:45 เลือดมันก็รั่วออกไปข้างนอกเราก็จะเกิด
00:07:45 → 00:07:48 อาการบวมแบบนั้นขึ้นมานะครับซึ่งของบวม
00:07:48 → 00:07:50 แบบนี้โดยตัวมันเองไม่ได้อันตรายนะครับ
00:07:50 → 00:07:53 แต่ว่าโรคที่ทำให้เกิดการบวมนั้นถ้าเรา
00:07:53 → 00:07:55 ไม่รักษาก็อันตรายกับร่างกายของเราได้นะ
00:07:55 → 00:07:59 ครับนอกจากนี้สิ่งที่เราเจอบ่อยๆก็เช่นคน
00:07:59 → 00:08:02 ท้องนะครับคนท้องเนี่ยจะมีอาการบวมที่ขา
00:08:02 → 00:08:03 ได้ค่อนข้างที่จะง่ายหน่อยนะครับเพราะว่า
00:08:03 → 00:08:06 ปริมาณน้ำในร่างกายของคนท้องเนี่ยจะเยอะ
00:08:06 → 00:08:09 ขึ้นเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนที่อยู่ใน
00:08:09 → 00:08:11 ช่วงคนท้องนะครับมันจะทำให้เราเนี่ยเก็บ
00:08:11 → 00:08:14 น้ำไว้ในร่างกายเยอะขึ้นนะครับเราก็จะ
00:08:14 → 00:08:16 เกิดอาการบวมได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะถ้ายืน
00:08:16 → 00:08:19 นานๆขาก็จะบวมง่ายนั่งนานๆค่ะก็จะบวมง่าย
00:08:19 → 00:08:22 เป็นต้นนะครับทำให้คนท้องบางคนเนี่ยจะ
00:08:22 → 00:08:25 ต้องใส่ตัวถุงน่องที่รัดขาเพื่อที่จะไล่
00:08:25 → 00:08:27 เอาน้ำที่อยู่ในขาเนี่ยกลับมาสู่ระบบหลอด
00:08:27 → 00:08:29 เลือดและให้มันไปเหวี่ยงไหลเวียนในร่าง
00:08:29 → 00:08:31 กายของเรานะครับนั่นก็เป็นสิ่งที่เจอได้
00:08:31 → 00:08:36 แต่ต้องบอกอย่างนี้ครับในคนท้องการบวมมี
00:08:36 → 00:08:40 ปกติและไม่ปกตินะครับปกติก็คือมันบวมเล็ก
00:08:40 → 00:08:42 ๆน้อยๆตรงบริเวณข้อเท้าเท่านั้นแต่ถ้ามัน
00:08:42 → 00:08:44 บวมเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นทุกวันทุก
00:08:44 → 00:08:47 วันอย่างนี้นะครับอันนั้นน่ะไม่ปกติแล้ว
00:08:47 → 00:08:50 มันแปลว่าเราอาจจะมีภาวะคันเป็นพิษนะครับ
00:08:50 → 00:08:54 อ่ามีคันเป็นพิษหรือความดันโลหิตที่มัน
00:08:54 → 00:08:56 เริ่มสูงพวกนี้จะต้องรีบไปตรวจนะครับแล้ว
00:08:56 → 00:08:59 คุณหมอทางสูตรกันในแพทย์ที่เขาดูแลเรา
00:08:59 → 00:09:01 นั้นนะครับเขาก็จะเตือนไว้ด้วยว่าถ้ามี
00:09:01 → 00:09:04 อาการบวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะอ่าอันนี้น่า
00:09:04 → 00:09:06 ห่วงแล้วจะต้องรีบไปรักษานะครับเพราะว่า
00:09:06 → 00:09:08 ถ้าปล่อยไว้บางทีอาจจะมีปัญหาทั้งแม่ทั้ง
00:09:08 → 00:09:12 ลูกได้นะครับนี่ก็คือเหตุผลที่เกิดการบวม
00:09:12 → 00:09:13 น้ำนะครับ
00:09:13 → 00:09:16 อีกอย่างหนึ่งซึ่งเจอบ่อยๆก็คือคนที่มี
00:09:16 → 00:09:18 เส้นเลือดขอดนะครับหรือมีการอุดตันของ
00:09:18 → 00:09:21 เส้นเลือดดำมาก่อนนะครับเส้นเลือดขอด
00:09:21 → 00:09:23 เนี่ยก็คือว่าโดยปกติเส้นเลือดดำของเรา
00:09:23 → 00:09:27 ที่ขาเนี่ยนะฮะมันจะมีลิ้นนะครับอ่า
00:09:27 → 00:09:30 สมมุติตรงเนี้ยมือของผมเนี่ยตรงเนี้ยตรงๆ
00:09:30 → 00:09:33 ตรงกลางเป็นท่อนะครับมันจะมีลิ้นอยู่เป็น
00:09:33 → 00:09:35 ช่วงๆลิ้นตัวนี้มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้
00:09:35 → 00:09:38 เลือดมันไหลย้อนกลับนะครับเช่นเลือดมาไหล
00:09:38 → 00:09:40 ขึ้นอย่างเดียวตอนมันจะไหลย้อนกลับปุ๊บ
00:09:40 → 00:09:42 มันจะติดไอ้ลิ้นตัวนี้ที่มันปิดอยู่ทำให้
00:09:42 → 00:09:44 เลือดมันไม่สามารถไหลลงไปข้างล่างได้มัน
00:09:44 → 00:09:48 ควรจะไหลขึ้นไปข้างบนแต่ในคนที่มีเส้น
00:09:48 → 00:09:51 เลือดขอดนะครับไอ้ลิ้นเนี่ยมันเสียลิ้น
00:09:51 → 00:09:53 มันเสียเกิดอะไรขึ้นเลือดเนี่ยแทนที่จะ
00:09:53 → 00:09:55 ขึ้นมาตามขาได้ปกตินะครับไปสู่หัวใจได้
00:09:55 → 00:09:58 มันไม่ได้ครับพอมันขึ้นไปสักพักนึงมัน
00:09:58 → 00:10:00 หล่นลงมาใหม่หล่นลงมาใหม่แล้วพอมันไม่มี
00:10:00 → 00:10:02 ลิ้นเยอะๆมันเกิดอะไรขึ้นเลือดมันน้ำหนัก
00:10:02 → 00:10:04 มันมากขึ้นหรือมากขึ้นเรื่อยๆมันก็ไปกรอง
00:10:04 → 00:10:06 อยู่ที่ขาเราหมดกองอยู่ที่ขาเรามันก็จะ
00:10:06 → 00:10:09 เกิดอาการน้ำซึมออกมาจากเส้นเลือดก็จะบวม
00:10:09 → 00:10:12 ได้แล้วก็เป็นแบบกดบุ๋มแต่บางคนถ้าเป็น
00:10:12 → 00:10:15 นานๆจนกระทั่งมันมันเกิดการอักเสบนานๆ
00:10:15 → 00:10:18 เนี่ยบางครั้งมันก็มีบางคนที่กดเราไม่
00:10:18 → 00:10:20 บุ๋มเหมือนกันนะครับอาจจะมีการเปลี่ยน
00:10:20 → 00:10:22 แปลงของผิวหนังบริเวณนั้นทำให้สีมันคล้ำ
00:10:22 → 00:10:24 ขึ้นก็ได้นะครับเพราะพวกนั้นเราก็เจอได้
00:10:24 → 00:10:25 เหมือนกันนะ
00:10:25 → 00:10:30 หรือคนที่มีโรค dvt หรือที่เรียกว่า Deep
00:10:30 → 00:10:32 เวรทรัมโบซิสก็คือมีการอุดตันของเส้น
00:10:32 → 00:10:36 เลือดดำที่ขานานๆนะครับบางคนการอุดตันมัน
00:10:36 → 00:10:39 หายไปและแหละแต่มันทำให้เส้นเลือดดำตัว
00:10:39 → 00:10:42 นั้นน่ะเสียหายไอ้ตัวลิ้นพวกนี้เสียหายพอ
00:10:42 → 00:10:44 มันเสียหายเสร็จปุ๊บเกิดอะไรขึ้นคนเหล่า
00:10:44 → 00:10:47 นี้ก็จะมีอาการบวมที่ขาได้ง่ายขึ้นนะครับ
00:10:47 → 00:10:49 บางทีไอ้ลิ่มเลือดมันหายไปหมดแล้วแหละไม่
00:10:49 → 00:10:51 มีอะไรเหลือและแต่ไอ้เส้นเลือดมันยังไม่
00:10:51 → 00:10:54 ปกตินะครับบางคนไม่ปกติไปตลอดชีวิตเลยก็
00:10:54 → 00:10:56 มีนะครับงั้นคนพวกนี้เนี่ยเดินไปไหนมาไหน
00:10:57 → 00:11:00 เดินนานๆนั่งรถนานๆค่อยขานานๆมันก็จะบวก
00:11:00 → 00:11:03 ในขาข้างที่เคยมีปัญหามาก่อนนะครับ
00:11:03 → 00:11:05 อันนี้ก็คือเป็นสาเหตุคร่าวๆนะครับของ
00:11:05 → 00:11:08 petting anima หรือการบวมที่กดบุ๋มนะ
00:11:08 → 00:11:12 ครับทีนี้เรามาดูการบวมที่มันกดไม่บุ๋ม
00:11:12 → 00:11:14 มั่งหรือที่เราเรียกว่า non-ted นะครับ
00:11:14 → 00:11:17 คือกดเข้าไปแล้วมันไม่ยุบมันไม่บุ๋มเข้า
00:11:17 → 00:11:19 ไปตามนิ้วของเราแล้วมันหรือมันบุ๋มเข้าไป
00:11:19 → 00:11:21 แป๊บเดียวมันก็เด้งกลับมาใหม่นะครับอย่าง
00:11:21 → 00:11:23 ที่บอกพวกนี้ก็เกิดจากของเหลวเหมือนกัน
00:11:23 → 00:11:26 แต่มันเป็นของเหลวที่หนืดมีโปรตีนสูงแล้ว
00:11:27 → 00:11:29 มันก็เลยไม่สามารถแทรกตัวไปตาม
00:11:29 → 00:11:32 ระหว่างเซลล์ต่างๆไปที่อื่นได้มันก็เลย
00:11:32 → 00:11:35 ไม่บุ๋มนะครับเช่นอะไรบ้าง
00:11:35 → 00:11:38 เช่นการบวมที่เกิดจากการอุดตันของน้ำ
00:11:38 → 00:11:41 เหลืองนะครับถึงที่เรียกว่า limedima นะ
00:11:41 → 00:11:43 ครับลิ้มก็คือน้ำเหลือง edima ก็คือบวก
00:11:43 → 00:11:45 รีเซตามิน่าก็คือบวมน้ำเหลืองนั่นเองนะ
00:11:45 → 00:11:47 ครับพวกนี้มันไม่สามารถแทรกไปที่อื่นได้
00:11:47 → 00:11:50 แล้วก็เจอนะครับยกตัวอย่างเช่นโรคเท้า
00:11:50 → 00:11:54 ช้างนะครับหรือคนบางคนที่เคยผ่าตัดเต้านม
00:11:54 → 00:11:56 เพราะว่าเป็นมะเร็งแล้วเขามีการล็อคเอา
00:11:56 → 00:11:59 ต่อมน้ำเหลืองออกนะครับพวกเนี้ยพอต่อม
00:11:59 → 00:12:01 เหลืองที่รักแล้วโดนล็อคออกไปแล้วเนี่ย
00:12:01 → 00:12:04 มันทางเดินน้ำเหลืองของมือของแขนข้างที่
00:12:04 → 00:12:06 มันโดนเลาะไปเนี่ยนะครับมันเดินมาแล้วมัน
00:12:06 → 00:12:09 ไปไหนไม่ได้อ่ะปกติมันจะต้องไปตามท่อน้ำ
00:12:09 → 00:12:11 เหลืองไปตามต่อมน้ำเหลืองเราก็ถึงไปที่
00:12:11 → 00:12:13 อื่นแต่ถ้าบริเวณท่อน้ำเหลืองตรงนั้นโดน
00:12:13 → 00:12:16 ทำลายไปแล้วด้วยการตัดมันออกแขนข้างหน้า
00:12:16 → 00:12:18 ของท่านก็จะบวมง่ายกว่าปกตินะครับอันนี้
00:12:18 → 00:12:20 จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่เกิดจากการบวมน้ำ
00:12:21 → 00:12:23 เหลืองนะครับอ่า
00:12:23 → 00:12:25 แล้วทุกๆอย่างที่พูดไปนะครับต้องไปแก้ที่
00:12:25 → 00:12:28 สาเหตุบางอย่างแก้ไขได้บางอย่างแก้ไขไม่
00:12:28 → 00:12:30 ได้นะครับการบวมน้ำแบบพริตตี้มากส่วนใหญ่
00:12:30 → 00:12:34 แล้วมักจะใช้การให้ยาขับปัสสาวะได้ไปแก้
00:12:34 → 00:12:36 ไขภาวะโรคประจำตัวที่เป็นอยู่หรือการใช้
00:12:36 → 00:12:40 ตัวถุงน่องที่รัดนิดนึงเพื่อที่จะให้เอา
00:12:40 → 00:12:42 น้ำเนี่ยบีบเข้าสู่เส้นเลือดเหมือนเดิม
00:12:42 → 00:12:46 แล้วก็นำกลับสู่ปวดปอดและหัวใจนะครับแต่
00:12:46 → 00:12:48 ถ้าเป็น non-fit ยังไงดีมากพวกนี้มันจะ
00:12:48 → 00:12:50 แก้ไขอะไรไม่ค่อยได้แล้วครับต้องไปดูเป็น
00:12:50 → 00:12:52 รายๆไปบางครั้งอาจจะต้องได้รับการผ่าตัด
00:12:52 → 00:12:55 บางครั้งอาจจะผ่าตัดไม่ได้นะครับอ่า
00:12:55 → 00:12:58 ทีนี้นอกเหนือจากภาวะลิ้นไฟมากแล้วมันมี
00:12:58 → 00:13:01 อะไรอีกนะครับก็มีเช่นถ้าเราเกิดการ
00:13:01 → 00:13:05 อักเสบนะครับการอักเสบเนี่ยมันแปลว่าของ
00:13:05 → 00:13:08 เหลวในบริเวณที่เกิดการอักเสบนั้นมันจะ
00:13:08 → 00:13:10 เต็มไปด้วยโปรตีนชนิดต่างๆเยอะแยะไปหมด
00:13:10 → 00:13:12 เพราะว่าโปรตีนพวกนี้มันจะออกมาตอนเวลา
00:13:12 → 00:13:15 ที่เราอักเสบนั่นแหละครับอ่าเช่นอะไรบ้าง
00:13:15 → 00:13:18 สมมุติเราโดนแมลงต่อยแล้วมันบวมพวกนะกด
00:13:18 → 00:13:21 แล้วก็ไม่หายไม่หายบุ๋มไม่บุ๋มถูกมั้ย
00:13:21 → 00:13:24 ครับเพราะมันบวมเนื่องจากการอักเสบถ้าเรา
00:13:24 → 00:13:26 ไปกระแทกอะไรสักอย่างแล้วมันบวมตรงนั้น
00:13:26 → 00:13:29 อันนี้ก็กดก็กดแล้วมันก็ไม่บุ๋มนะครับอัน
00:13:29 → 00:13:32 นี้คือเป็นการอักเสบที่ชัดเจนนะฮะแล้วนอก
00:13:32 → 00:13:34 เหนือจากนี้มันก็มีการอักเสบชนิดอื่นๆอีก
00:13:34 → 00:13:37 ที่อาจจะเป็นจากโรคประจำตัวที่มีภูมิต่อ
00:13:37 → 00:13:39 ต้านตัวเองบางคนก็จะมีการบวมจากการอักเสบ
00:13:39 → 00:13:43 แบบนั้นได้นะครับหรือบางครั้งมีการสะสม
00:13:43 → 00:13:47 ของเมือกบางชนิดอันนี้เมือกบางชนิดภาวะ
00:13:47 → 00:13:50 นี้เราจะเรียกว่า Mix cerema นะครับ Mix
00:13:50 → 00:13:53 m y x แปลว่าเมื่อนะครับ anima ก็บวม
00:13:53 → 00:13:57 บวมเพราะเมื่อนะครับภาวะนี้มันจะเกิดขึ้น
00:13:57 → 00:14:00 ได้ในหลายกรณียกตัวอย่างเช่นถ้าเราเป็น
00:14:00 → 00:14:04 โรคไทรอยด์ต่ำแบบรุนแรงนะครับ Mix Cinema
00:14:04 → 00:14:08 อันนี้ขามันจะบวมเป็นเพราะว่าตัวเมือกมัน
00:14:08 → 00:14:10 สะสมใต้ผิวหนังของเรากดแล้วมันก็ไม่หายไป
00:14:10 → 00:14:13 ไหนนะครับฮอร์โมนของไทรอยด์มีส่วนสำคัญใน
00:14:13 → 00:14:15 การกำจัดในเมื่อพวกนี้ทีนี้ถ้าฮอร์โมน
00:14:15 → 00:14:17 ไทรอยด์มันไม่มีมันก็จะเกิดอาการบวมแบบ
00:14:17 → 00:14:19 นั้นขึ้นมาได้นะครับ
00:14:19 → 00:14:21 หรือในคนที่เป็น
00:14:21 → 00:14:24 โรคตั้งแต่เด็กๆเนี่ยนะครับเขาจะมีโรค
00:14:24 → 00:14:26 กลุ่มนึงซึ่งเรียกว่าอ่ามิวโอล
00:14:26 → 00:14:30 โพลีแซ็กคาไรด์นะครับเป็นการสะสมของเมื่อ
00:14:30 → 00:14:32 พวกเนี้ยตามที่ต่างๆเช่นในลิ้นอะไรอย่าง
00:14:32 → 00:14:33 นี้เป็นต้นแต่ว่าพวกนั้นเนี่ยจะมีความ
00:14:33 → 00:15:11 พิเศษอย่างนึงคือ
00:15:11 → 00:15:14 ทีนี้เมื่อกี้ผมบอกบอกว่าถ้ามันเป็นการ
00:15:15 → 00:15:17 บวมแบบกดไม่บุ๋มเนี่ยมันก็มีอีกอย่าง
00:15:17 → 00:15:21 หนึ่งก็คือมันไม่สามารถที่จะทำให้น้ำมัน
00:15:21 → 00:15:23 ไปที่อื่นได้เนื่องจากว่ามันมีพังผืดเกาะ
00:15:23 → 00:15:26 ตรงนั้นนะครับอันนี้ก็เป็นไปได้นะครับก็
00:15:26 → 00:15:28 เกิดจากการอักเสบเรื้อรังนะครับหรือมีโรค
00:15:28 → 00:15:32 กลุ่มบางโรคซึ่งอาจจะมีเรียกว่า
00:15:32 → 00:15:35 Lipo dermatosis ใน Pro ก็คือเป็นไขมัน
00:15:35 → 00:15:38 นะครับชั้นไขมันโดยมันโตก็ผิวหนัง scorec
00:15:38 → 00:15:42 แปลว่าแข็งนะครับพวกนี้โดยปกติแปลว่ามัน
00:15:42 → 00:15:44 มีการเกิดพังผืดอยู่ในชั้นผิวหนังแล้วก็
00:15:44 → 00:15:47 ไขมันทำให้มันดูบวมๆตะปุ่มตะป่ำกดแล้วมัน
00:15:47 → 00:15:50 ไม่ไปไหนอย่างนี้เป็นต้นนะครับอ่าอันนี้
00:15:50 → 00:15:54 ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งเราเจอได้ทีนี้
00:15:54 → 00:15:57 นอกเหนือจากนี้มันมีการบวมอ่าบางคนผมเคย
00:15:57 → 00:16:00 เห็นคนนึงเขาถามผมมาเรื่องของโรคที่เรียก
00:16:00 → 00:16:02 ว่าอ่า reflex sympatthetic distrophy
00:16:02 → 00:16:06 นะครับหรือ rsd ซึ่งมันก็มีอีกชื่อนึง
00:16:06 → 00:16:09 ชื่อว่าอ่า Complex regional Pain
00:16:09 → 00:16:14 Syndrome นะครับพวกนี้
00:16:14 → 00:16:16 [เพลง]
00:16:16 → 00:16:19 อาการที่มีอาการเจ็บบางบริเวณหนึ่งแบบมาก
00:16:19 → 00:16:22 ๆเลยแค่รูปโดนนี้ก็เจ็บมากแล้วนะครับเจ็บ
00:16:22 → 00:16:25 มากกว่าปกติบางทีหรือผิวตรงบริเวณที่เป็น
00:16:25 → 00:16:28 อยู่ๆมันแดงร้อนขึ้นมาเลยนะครับแล้วก็มี
00:16:28 → 00:16:31 อาการบวมได้ด้วยนะครับมันเป็นๆหายๆนะครับ
00:16:31 → 00:16:34 พวกนี้มันเกิดขึ้นจากการที่เส้นประสาทควบ
00:16:34 → 00:16:37 คุมบริเวณน้ำมันเสียไปนะครับมันเสียไป
00:16:37 → 00:16:40 งั้นพวกนี้ก็จะอยู่ในกลุ่มที่บวมแล้วกด
00:16:40 → 00:16:42 ไม่บุ๋มแต่บางครั้งมันหายของมันไปเองได้
00:16:42 → 00:16:43 นะครับ
00:16:43 → 00:16:46 อันนี้เป็นเหตุผลคร่าวๆเท่านั้นเองนะฮะ
00:16:46 → 00:16:50 ที่ทำไมเวลาคนถามผมเรื่องบวมเนี่ยผมจะตอบ
00:16:50 → 00:16:53 ท่านไม่ได้เหมือนกันเพราะว่ามันมีหลาก
00:16:53 → 00:16:55 หลายสาเหตุอย่างที่ผมเล่าให้ฟังนี่เองยัง
00:16:55 → 00:16:58 ไม่แลกเราก็ต้องบอกให้ได้ก่อนว่าบวมเฉพาะ
00:16:58 → 00:17:02 ที่หรือเปล่าหรือบวมทั่วๆไปบวมตามแรงโน้ม
00:17:02 → 00:17:05 ถ่วงไหมบวมชนิดกดบุ๋มหรือกดไม่บุ๋มมีโรค
00:17:05 → 00:17:08 ประจำตัวอะไรบ้างมีอาการร่วมอย่างอื่น
00:17:08 → 00:17:10 อะไรไหมนะครับพวกเนี้ยทั้งหมดมันจะใช้ใน
00:17:10 → 00:17:13 การวิเคราะห์ว่าเราเป็นจากอะไรนะครับแล้ว
00:17:13 → 00:17:15 นอกเหนือจากนั้นก็อาจจะต้องมีการตรวจ
00:17:15 → 00:17:18 เพิ่มเติมตรวจเลือดตรวจเอกซเรย์ตรวจอะไร
00:17:18 → 00:17:21 ต่างๆเยอะแยะไปหมดนะครับดังนั้นตรงนี้
00:17:21 → 00:17:24 เนี่ยเวลาที่เรามีอาการบวมขึ้นมาสิ่งแรก
00:17:24 → 00:17:27 ที่ผมอยากจะให้ทำนะครับดูเลยว่าเรามีโรค
00:17:27 → 00:17:29 ประจำตัวอะไรอยู่บ้างนะครับอ่าถ้าเรามี
00:17:29 → 00:17:33 กลุ่มที่บวมแล้วกดบุ๋มนะครับพวกเนี้ยส่วน
00:17:33 → 00:17:34 ใหญ่เป็นเพราะว่าเรามีน้ำเกิดในร่างกาย
00:17:34 → 00:17:37 ไม่ว่าเราจะเป็นโรคปอดนะครับที่ทำให้หัว
00:17:37 → 00:17:40 ใจวายด้านขวานะครับโรคหัวใจวายเรื้อรังนะ
00:17:40 → 00:17:44 ครับโรคไตต่างๆนะครับโรคที่มีโปรตีนทั่ว
00:17:44 → 00:17:46 ทางไปอย่างนี้พวกนี้นะครับไปหาโรคพวกนั้น
00:17:46 → 00:17:49 และถ้าท่านไม่แน่ใจนะครับสิ่งที่ท่านต้อง
00:17:49 → 00:17:54 ทำตอนนั้นเลยก็คือ 1 ลดเกลือเดี๋ยวนั้น
00:17:54 → 00:17:57 เลยอย่ากินเกลือนะครับทำอาหารทำเองแล้ว
00:17:57 → 00:17:59 ไม่ต้องปรุงถ้าจะปรุงก็แค่พริกกับมะนาวจบ
00:18:00 → 00:18:02 นะครับถ้าใส่ซอสใส่อย่างอื่นมันจะมีเกลือ
00:18:02 → 00:18:04 ซึ่งเป็นโซเดียมคลอไรด์อยู่ในนั้นที่ทำ
00:18:04 → 00:18:06 ให้ท่านบวมมากกว่าเดิมอีก
00:18:06 → 00:18:08 อันนี้คือเป็นสิ่งแรกที่ต้องลดนะครับไม่
00:18:08 → 00:18:11 ใช่เป็นรถการดื่มน้ำนะครับต้องไปลดการกิน
00:18:11 → 00:18:15 เกลือถึงจะดีขึ้นนะครับอันที่ 2 อย่าไปหา
00:18:15 → 00:18:18 ยาต่างๆมากินเองโดยเฉพาะยากลุ่มที่เรียก
00:18:18 → 00:18:22 ว่า NC นะครับนอน sale and ยกตัวอย่าง
00:18:22 → 00:18:25 เช่น Ibuprofen Porn Stand ได้โครฟิแนค
00:18:25 → 00:18:28 ดีท็อกซ์ 10 ชื่ออะไรแปลกๆอย่างเงี้ยนะ
00:18:28 → 00:18:31 ครับห้ามไปหามากินเองนะฮะเพราะว่าพวกนี้
00:18:31 → 00:18:34 มันจะยิ่งทำให้ท่านมีอาการบวมมากขึ้นนะ
00:18:34 → 00:18:37 ครับต้องระวังนะฮะส่วนบางคนก็อาจจะบอกว่า
00:18:37 → 00:18:39 เอ๊ะทำไมไปหาหมอแล้วตรงนี้บวมหมอให้ยา
00:18:39 → 00:18:40 กลุ่มเอ็นเสร็จอันนั้นเป็นคนละอย่างกันนะ
00:18:40 → 00:18:43 ครับด้านบวมจากการอักเสบแต่นี่เป็นการบวม
00:18:43 → 00:18:45 เพราะว่าบวมน้ำนะครับบวมนั้นคือกฎบุ๋มบวม
00:18:45 → 00:18:49 จะจัดการอักเสบกดแล้วมันไม่บุบนะครับคนละ
00:18:49 → 00:18:50 แบบกันนะฮะ
00:18:50 → 00:18:52 งั้นอันนี้คือสิ่งที่ช่วยเหลือตัวเองได้
00:18:52 → 00:18:55 การที่ยกขาหรือยกแขนให้มันสูงกว่าระดับ
00:18:55 → 00:18:59 หัวใจก็จะสามารถลดอาการบวมได้นะครับแล้ว
00:18:59 → 00:19:01 ก็การใส่ถุงน่องที่มันรัดขานิดนึงก็จะ
00:19:01 → 00:19:03 สามารถช่วยลดอาการบวมได้เช่นกันอันนั้น
00:19:03 → 00:19:07 คืออาการบวมน้ำหรือการบวมที่เป็นกดปุ่มนะ
00:19:07 → 00:19:09 ครับแต่ก็ต้องไปรักษากับหมออยู่ดีนะครับ
00:19:09 → 00:19:11 อันนั้นคือเป็นสิ่งที่ผมแนะนำว่าทำเบื้อง
00:19:11 → 00:19:12 ต้นได้นะครับ
00:19:12 → 00:19:16 แต่ถ้าท่านเจอบวมแล้วกดไม่บุ๋มเนี่ยผมแนะ
00:19:16 → 00:19:19 นำว่าท่านไปหาหมอเลยครับเพราะว่ามันทำ
00:19:19 → 00:19:21 อะไรเองไม่ได้นะครับมันต้องไปหาสาเหตุนะ
00:19:21 → 00:19:25 ฮะมันไม่ใช่อยู่ๆแล้วจะเป็นขึ้นมาได้นะ
00:19:25 → 00:19:27 ครับมันต้องมีสาเหตุเบื้องหลังอยู่นะครับ
00:19:27 → 00:19:31 ดังนั้นถ้าบวมแล้วกดไม่บุ๋มไปหาหมอครับ
00:19:31 → 00:19:34 แล้วถามหมอให้เข้าใจให้ละเอียดก่อนออกมา
00:19:34 → 00:19:36 จากห้องก่อนรับยาด้วยนะครับเพราะว่าหลายๆ
00:19:36 → 00:19:38 คนกลับออกมาจากห้องหมอแล้วก็ยังไม่แน่ใจ
00:19:38 → 00:19:41 เสร็จปุ๊บก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหาแล้วก็ไม่
00:19:41 → 00:19:43 หายแล้วก็มาถามผมในอินเตอร์เน็ตซึ่งผมก็
00:19:43 → 00:19:46 ไม่ได้ตรวจอยู่กับคุณหมอท่านนั้นผมก็ไม่
00:19:46 → 00:19:49 ทราบว่าตรวจเจออะไรบ้างนะครับต่างๆนานามี
00:19:49 → 00:19:51 อะไรบ้างดังนั้นให้ผมวิเคราะห์ก็คง
00:19:51 → 00:19:53 วิเคราะห์ไม่ได้เหมือนกันนะครับท่านก็อาจ
00:19:53 → 00:19:55 จะต้องไปวิเคราะห์ตามหลักว่าไอ้กฎบุ๋มกด
00:19:55 → 00:19:58 ไม่บุ๋มมันมีสาเหตุอะไรบ้างยังไงต้องไปดู
00:19:58 → 00:20:00 รายละเอียดอีกทีนะครับโอเควันนี้ก็พูดมา
00:20:00 → 00:20:03 ยาวพอสมควรนะครับแต่หวังว่าคงจะเข้าใจว่า
00:20:03 → 00:20:05 การบวมเนี่ยมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ
00:20:05 → 00:20:07 มันมีสาเหตุอีกหลายอย่างที่จำเป็นจะต้อง
00:20:07 → 00:20:11 เข้าใจมันนะครับดังนั้นการที่เรารู้
00:20:11 → 00:20:13 ประวัติชัดเจนถามคุณหมอให้ชัดเจนจะเป็น
00:20:13 → 00:20:15 ประโยชน์กับตัวเองนะครับโอเควันนี้เท่า
00:20:15 → 00:20:17 นี้นะครับใครมีคำถามอะไรก็สอบถามมาได้นะ
00:20:17 → 00:20:21 ครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ