00:00:01 → 00:00:07 เมญาติป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบิ์ยูฟ
00:00:07 → 00:00:10 ใช้ได้จริงมย Stroke Fast แคมีอยู่จริง
00:00:10 → 00:00:14 หรือเปล่าและถ้าญาติคนนั้นเป็นญาติหมอผล
00:00:14 → 00:00:25 ลัพธ์ที่ได้จะเกิดอะไรขึ้นมาฟังกันนะ
00:00:25 → 00:00:29 ครับสวัสดีครับทุกท่านเพจหมอสวทางบาด
00:00:29 → 00:00:32 เดียวและ YouTube Channel หมอชทางบาด
00:00:32 → 00:00:35 เดียวนะครับก็ที่เห็นหมอหายไปหลายวัน
00:00:35 → 00:00:38 เนี่ยเป็นเพราะว่าเอ่อทำธุระของที่บ้าน
00:00:38 → 00:00:41 เนาะก็คือว่าพอดีว่ามีญาติผู้ใหญ่เนี่ย
00:00:41 → 00:00:46 ป่วยเป็นสตกนะครับนะก็หมอเนี่ยรับรู้เคส
00:00:46 → 00:00:50 ตั้งแต่เริ่มมีอาการเนาะเริ่มมีอาการว่า
00:00:50 → 00:00:54 มีคนสังเกตว่าเอ่อมีปากเบี้ยวพูดไม่ชัดนะ
00:00:54 → 00:00:56 ครับนะแล้วก็
00:00:56 → 00:01:00 พยายามนำคนไข้เนี่ยไปโรงพยาบาลให้เร็ว
00:01:00 → 00:01:05 เกินกว่า 3 ชัวโมงนะครับนะแต่สุดท้ายคน
00:01:05 → 00:01:08 ไข้ก็ยังเป็นอัมพาตอยู่ดี
00:01:08 → 00:01:13 อ่าคนฟังแบบนี้ก็บอกเอ๊ะมันเป็นอาการของ
00:01:13 → 00:01:17 Stoke fast track เนาะน่าจะเข้า fast
00:01:17 → 00:01:20 track ได้นะน่าจะเข้า fast track ได้
00:01:20 → 00:01:25 ไหนกลายเป็นอัมภาตไหนใครบอกว่าถ้าภายใน 3
00:01:25 → 00:01:28 ช่วโมงแล้วได้รับการรักษาหรือถหรือถึงโรง
00:01:28 → 00:01:33 พยาบาลจะทำให้ไม่เกิดการเป็นอัมพาตหรือ
00:01:33 → 00:01:39 พิการอ่าต้องบอกว่าหมอจะรีวิวเคสนี้ให้ดู
00:01:39 → 00:01:41 นะครับก็เป็นญาติตัวเองนั่นแหละนะแล้วก็
00:01:42 → 00:01:45 จะได้รู้กันว่าเอ้ยมันมีจุดไหนที่เป็นจุด
00:01:45 → 00:01:50 บกพร่องบ้างนะครับนะแล้วถ้าสมมุติว่าสัก
00:01:50 → 00:01:53 วันหนึนะครับนะคนที่ฟังอยู่เนี่ยได้เจอ
00:01:53 → 00:01:57 เหตุการณ์แบบหมอเนี่ยก็จะ
00:01:57 → 00:02:00 ได้ไม่ผิดพลาด
00:02:00 → 00:02:05 ก็แล้วกันอ่ะโอเคอ่ะเรามาฟังกันก่อน Stoke
00:02:05 → 00:02:08 นะเอ่อ Stoke เคใช้คำว่า Fast ก็แล้วกัน
00:02:08 → 00:02:12 ก็คือว่าหน้าเบี้ยวเฟนะครับอารมยกแขนไม่
00:02:12 → 00:02:15 ค่อยขึ้นหรือแขนอ่อนแรงหรือขาอ่อนแรงก็
00:02:15 → 00:02:20 ได้นะ S Speed พูดไม่ชัดนะครับ T Time
00:02:20 → 00:02:24 นะครับถ้า 3 อย่างแรกเนี่ยหน้าเบี้ยวอ่อน
00:02:24 → 00:02:28 แรงปากเอ่อพูดไม่ชัดเกิดขึ้นภายใน 3
00:02:28 → 00:02:31 ช่วโมงจริงๆเนี่ยตอนนี้เ้าปรับเวลาเป็น
00:02:31 → 00:02:35 4.5 ชมแล้วนะถ้าไปโรงพยาบาลแล้วได้ฉีดยา
00:02:35 → 00:02:41 ตัวนึงยาละลายลื่มเลือดคนๆนั้นจะลดโอกาส
00:02:41 → 00:02:42 เกิดการเป็น
00:02:42 → 00:02:47 อัมภาตหรือลดความพิการได้นะครับนะอันนี้
00:02:47 → 00:02:51 ทุกคนคงรู้อยู่อย่างนี้อยู่แล้วล่ะอ่ะเอา
00:02:51 → 00:02:55 มาแต่ว่าเดี๋ยวนี้มันมีการปรับเปลี่ยน
00:02:55 → 00:03:00 ใหม่นะหมอจะให้ดูอะไรอต้องบอกก่อนนะนะว่า
00:03:00 → 00:03:04 โรงพยาบาลที่เอาสไลด์ขึ้นมาเนี่ยไม่ได้มี
00:03:04 → 00:03:07 ส่วนเกี่ยวข้องนะแต่ว่าเห็นว่าเค้าทำ
00:03:08 → 00:03:12 สไลด์ได้ดีตอนเจากคำว่า Fast เฉยๆที่แปล
00:03:12 → 00:03:18 ว่าเร็วเขาใช้คำเพเพิ่มขึ้นมาเป็น b
00:03:18 → 00:03:23 Fast b คือ Balance คืออาการบ้านหมุน
00:03:23 → 00:03:28 เวียนศีรษะอย่าลืมนะมีบ้านหมุนเวียนศีรษะ
00:03:28 → 00:03:30 ก็อยู่ในกลุ่มนี้แล้วคุณไม่จะจำเป็นจะ
00:03:30 → 00:03:34 ต้องรอให้ปากเบี้ยวหรือพูดไม่ชัดนะแค่
00:03:34 → 00:03:41 บ้านหมุนเดินเซอี้อายตามัวมองไม่เห็นเห็น
00:03:41 → 00:03:46 ภาพซ้อนนะครับมีเพิ่มมา 2 อันดังนั้น
00:03:46 → 00:03:49 เวียนหน้าบ้านหมุนมองไม่
00:03:49 → 00:03:53 ชัดและถ้ามีปาก
00:03:53 → 00:03:58 เบี้ยวแขนขาอ่อนแรงหรือพูดไม่ชัดด้วยให้
00:03:58 → 00:04:00 รีบไปโรงพยาบาล
00:04:00 → 00:04:03 อย่าบอกอย่าอย่าเข้าใจผิดนะไม่จำเป็นจะ
00:04:03 → 00:04:07 ต้องมีครบนะไม่ต้องจำเป็นมีครบนะมีอะไร
00:04:07 → 00:04:10 ที่มันเกิดขึ้นอย่างนึงเนี่ยก็ไปได้แล้ว
00:04:10 → 00:04:15 นะครับนะโดยระยะเวลามันเพิ่มจาก 3.5 ชม
00:04:15 → 00:04:21 4.5 ชมกลายเป็น 6 ชมเข้าใจป่ะเพราะ
00:04:21 → 00:04:26 ฉะนั้นการเวียนหน้าบ้านหมุนก็อาจจะเป็น
00:04:26 → 00:04:30 Stroke ได้เข้าใจนะครับนะอ
00:04:30 → 00:04:33 อ่ะคราว
00:04:33 → 00:04:37 นี้ยูเซฟอ่ะหมอจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิด
00:04:37 → 00:04:39 ขึ้นจริงก็แล้วกันก็คือว่า
00:04:39 → 00:04:45 เอ่อญาติโทรมาบอกว่ามีญาติผู้ใหญ่มีอาการ
00:04:45 → 00:04:49 ปากเบี้ยวคือคุยอยู่เนี่ยแล้วรู้สึกว่า
00:04:49 → 00:04:53 เอ่อปากเบี้ยวหน้าเบี้ยวแล้วพูดจาไม่ค่อย
00:04:53 → 00:04:57 ชัดญาติมาเห็นสังเกตตอนประมาณ 10:30 น
00:04:58 → 00:05:00 เพราะว่าเพิ่งคุยกันตอนชัดเช้าวันนั้น
00:05:00 → 00:05:04 เป็นวันอาทิตย์เนาะอกดว่าเก็โทรศัพท์มา
00:05:04 → 00:05:08 ปรึกษาหมอหมอฟังแบบนี้เอ้ยปากเบี้ยวพูด
00:05:08 → 00:05:11 ไม่ชัดแต่เขไม่มีแขนขาอ่อนแรงนะบอกให้รีบ
00:05:11 → 00:05:15 ไปโรงพยาบาลนะครับนะโดยก่อนที่จะไปโรง
00:05:15 → 00:05:21 พยาบาลก็โทรศัพท์ไปโรงพยาบาลเอกชนที่ 1
00:05:21 → 00:05:24 โรงพยาบาลเอกชนที่นี้บอกว่าไม่มีหมอทาง
00:05:24 → 00:05:27 ด้านนี้จริงๆเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่มากนะ
00:05:27 → 00:05:30 เป็นเอกชนที่ใหญ่มากนะบอกไม่มีหมอทางด้าน
00:05:30 → 00:05:33 นี้ให้ไปโรงเรียนแพทย์เพราะยังไงก็ตาม
00:05:33 → 00:05:36 เค้าก็ต้อง consult หมอจากโรงเรียนแพทย์
00:05:36 → 00:05:39 น่ะมาดูอยู่ดีบอกให้ไปโรงเรียนแพทย์เลย
00:05:39 → 00:05:44 อ่าเราฟังก็ยังโอเคคราวนี้ด้วยความที่ว่า
00:05:44 → 00:05:48 โรงเรียนแพทย์เนี่ยมีคนไข้เยอะเราก็กลัว
00:05:48 → 00:05:51 ไปแล้วมันจะช้าเพราะว่าไอ้สตกอะไรเนี่ยนะ
00:05:51 → 00:05:54 3 ช่วโมง 4 ช่วโมงเนี่ยสำคัญมากๆนะอย่าง
00:05:54 → 00:05:58 ที่บอกว่าตอนนี้ปรับเป็น 4.5 ชมหรือ 6 ชม
00:05:58 → 00:06:00 แล้วะนะครับนะ
00:06:00 → 00:06:03 เราก็เลยว่าจะไปโรงพยาบาลเอกชนอีกที่นึง
00:06:03 → 00:06:07 ที่อยู่ใกล้เคียงกันอยู่ในโซนิเดียว
00:06:07 → 00:06:10 กันปรากฏก็โทรศัพท์ไป
00:06:10 → 00:06:16 ก่อนตอนแรกเนี่ยพยาบาลก็บอกอ้อสกนคะมาเลย
00:06:16 → 00:06:22 มาเลยค่ะเรามีหมอเอ่อสมองเอ่อนิวโรเมด
00:06:22 → 00:06:25 นั่งอยู่ที่ห้องฉุกเฉินไปดีเลยมาเลยค่ะมา
00:06:25 → 00:06:30 เลยใช่มั้ยคราวนี้ทางด้านก็บอกว่าเออแล้ว
00:06:31 → 00:06:37 อย่างเงี้ยเข้าโครงการยูฟได้มย Ep คือ
00:06:37 → 00:06:41 อะไร EP ก็คือถ้าเรามีอาการ 6 อย่าง
00:06:41 → 00:06:47 ฉุกเฉินก็คือหมดสติไม่รู้เรื่องนะหายใจ
00:06:47 → 00:06:50 หอบหายใจขัดเอาง่ายๆเหมือนกับเป็นแพ้อะไร
00:06:50 → 00:06:54 สักอย่างนึงอไฟติชออ่ะเออเจ็บหน้าอกเฉียบ
00:06:54 → 00:06:57 พันธุ์ก็เป็น ischemic Heart เนาะเส้น
00:06:57 → 00:07:00 เลือดหัวใจตีบนะครับนะซึมลงเหงื่อแตกตัว
00:07:00 → 00:07:04 เย็นนะมีอาการชักร่วมด้วยนะอันนี้เป็น
00:07:04 → 00:07:07 อาการหลายอย่างละแต่เป็นอาการทางสมองแหละ
00:07:07 → 00:07:10 จะเป็นตีบแตกตันก็แล้วแต่แขนขาอ่อนแรงพูด
00:07:10 → 00:07:14 ไม่ชัดข้อ 5 นะแล้วก็
00:07:14 → 00:07:19 ออื่นๆใชคำว่าอื่นๆก็แล้วกันที่มีผลต่อ
00:07:19 → 00:07:23 ระบบหายใจระบบสมองและระบบไหลเวียนโลหิตใช
00:07:23 → 00:07:28 ม 3 อย่างทางด้านล่างนะอื่นๆนะก็คือสมอง
00:07:28 → 00:07:33 หายใจแล้วก็หัวใจอปรากฏว่าเออเราก็คิดว่า
00:07:33 → 00:07:36 เอ้ยเราเข้าได้อยู่ในข้อ 5 นี่ใช่มยเพราะ
00:07:37 → 00:07:41 ว่ามีอาการปากเบี้ยวอ่อนแรงเนาะสกแน่นอน
00:07:41 → 00:07:47 ละพอเราก็บอกเ้ยเข้าได้กับ usf มยใช้ใช้
00:07:47 → 00:07:51 โครงการยูฟได้มยเท่านั้นแหละพยาบาล
00:07:51 → 00:07:55 เปลี่ยนเสียงแล้วนะเป็นการคุยกันเอ่อพอ
00:07:55 → 00:08:00 ดีอวดโทรมาแจ้งว่า
00:08:00 → 00:08:04 เจ้าหน้าที่ติด
00:08:04 → 00:08:10 โควิดรับคนไข้ไม่ได้ละเออรับคนไข้ไม่ได้ะ
00:08:10 → 00:08:13 เจ้าหน้าที่ติดโควิดนะพยาบาลในวอร์ดติด
00:08:13 → 00:08:17 โควิดต้องปิดวอร์ดก็ไม่ว่ากันสุดท้ายก็
00:08:17 → 00:08:20 เลยต้องไปโรงเรียนแพทย์แล้วเกิดเหตุการณ์
00:08:20 → 00:08:23 ขึ้นอะไรบ้างที่โรงเรียนแพทย์นะก็อย่าง
00:08:23 → 00:08:26 ที่บอกว่าโรงเรียนแพทย์คนไข้เยอะนะเรา
00:08:26 → 00:08:30 เข้าใจก็คือพอไปถึงโรงเรียนแพทย์ปึ๊บ
00:08:31 → 00:08:33 เนี่ย
00:08:33 → 00:08:38 อ่าพยาบาลที่ห้องฉุกเฉินก็ทำการซัย
00:08:38 → 00:08:41 ประวัติผู้ป่วยเนี่ยตอนนั้นยังแม้พูดไม่
00:08:41 → 00:08:44 ชัดแต่พูดแล้วฟังรู้เรื่องอนี้เข้าใจใช่
00:08:44 → 00:08:48 มยพูดไม่ชัดแต่ยังพูดฟังรู้เรื่องก็ได้
00:08:48 → 00:08:51 คุยกับคนไข้คนไข้ก็ให้ประวัติคือญาติไป
00:08:51 → 00:08:54 อ่ะก็ก็พาไปนะญาติไม่ได้พูดเองบอกว่าเออ
00:08:55 → 00:08:58 เพิ่งมาเห็นปากเบี้ยวตอน 10:30 นญาติไม่
00:08:58 → 00:09:00 ได้พูดเพราะตอนนั้นเนี่ยไปเนี่ยถึง 11:00
00:09:00 → 00:09:05 นนะครึ่งชั่วโมงเองนะใกล้ๆปรากฏว่าคนไข้
00:09:05 → 00:09:06 ให้ประวัตินึง
00:09:06 → 00:09:09 ว่าตอนเที่ยงคืน
00:09:09 → 00:09:13 เค้าตื่นขึ้นมาคือจริงๆก็นอนหลับไปประมาณ
00:09:13 → 00:09:16 ซัก 22:00 2:00 นอ่ะตอนเที่ยงคืนตื่น
00:09:16 → 00:09:19 ขึ้นมาก็มึนๆเวียนๆ
00:09:19 → 00:09:23 ศีรษะแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรผิดปกตินะมึน
00:09:23 → 00:09:27 มึนเวียนเวียนศีรษะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
00:09:27 → 00:09:31 ก็ยังเห็นอะไรได้ตามปกติแต่อย่างที่บอกคน
00:09:31 → 00:09:33 มันเพิ่งตื่นเค้าเรียกไงตื่นขึ้นมาตอน
00:09:33 → 00:09:36 เที่ยงคืนเงี้ยก็งัวเงียงัวเงีย
00:09:36 → 00:09:41 แหละแล้วก็หลับไปตื่นเช้าขึ้นมาใหม่ก็ทำ
00:09:41 → 00:09:44 activity ทำกิจกรรมได้ตามปกติลุกขึ้นมา
00:09:44 → 00:09:48 อาบน้ำเดินกินกาแฟอะไรได้ได้ตามปกติจนตอน
00:09:48 → 00:09:52 10:30 นอ่ะอย่างที่บอกว่าญาติมาคุยด้วย
00:09:52 → 00:09:56 ถึงได้เห็นว่าพูดไม่ชัดและปาก
00:09:56 → 00:09:59 เปี้ยวเวลาตรงนี้มีความสำคัญ
00:09:59 → 00:10:04 เพราะพอพยาบาลฟังบอกว่าเวียนๆมึนๆตอน
00:10:04 → 00:10:07 เที่ยงคืนปึ๊บพยาบาลตัดเลยว่าเอ้ยณตอนนี้
00:10:07 → 00:10:11 มัน 10:00 นะ 10 ชมงผ่านไปคุณไม่เข้า
00:10:11 → 00:10:14 เกณฑ์ใดๆทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นเคสของคุณไม่
00:10:14 → 00:10:20 เร่งด่วนรอได้อ่ารอได้ญาติตอนแรกพาไปด้วย
00:10:20 → 00:10:24 ความหวังว่าจะพาไปโรงพยาบาลเพื่อไปฉีดยา
00:10:24 → 00:10:27 ตัวนึงละลายลิ่มเลือดแต่พอพยาบาลบอกว่า
00:10:27 → 00:10:30 เอ้ยเหตุการณ์มันเกิดขึ้นตั้งแต่เที่ยง
00:10:30 → 00:10:32 คืนแล้วเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เที่ยง
00:10:32 → 00:10:36 คืนแล้วให้รอได้ไม่ด่วนเพราะตอนนั้นเนี่ย
00:10:36 → 00:10:41 10 ชมผ่านไปก็ยังยกแขนยกขาได้ปกติมีหน้า
00:10:41 → 00:10:43 เบี้ยวกับพูดไม่ค่อยชัดเท่านั้น
00:10:43 → 00:10:48 เองฟังดูมีเหตุผลนะเดี๋ยวดูต่อปรากฏว่า
00:10:48 → 00:10:52 เอ่อญาติเค้าเโทรมาปรึกษาหมอบอกเ้ยทำยัง
00:10:52 → 00:10:56 ไงดีหมอบอกว่าไงวะอันนี้หมอแนะนำญาติว่า
00:10:56 → 00:10:57 บอก
00:10:57 → 00:11:01 เฮ้ยรีบอออกจากโรงพยาบาลนั้นเดี๋ยวนี้เลย
00:11:01 → 00:11:04 รีบออกออกมาเลย
00:11:04 → 00:11:07 นะไม่ต้องรอแล้วเบอกว่าเอ้ยแต่ว่าเดี๋ยว
00:11:07 → 00:11:12 ตอนเที่ยนคือตอนนั้นน่ะ 11:30 นนะพยาบาล
00:11:12 → 00:11:17 มาซักประวัติอะไรเนี่ย 11:30 นกฏว่าเบอก
00:11:17 → 00:11:20 ตอนเที่ยนจะมีหมอมาดูเป็นหมอสมองเขาบอก
00:11:21 → 00:11:25 ว่าขอรอดูก่อนได้มยเราก็บอกว่าอย่ารอเลย
00:11:25 → 00:11:29 เวลามันกระชั้นชิดแล้วนะเพราะเรามองว่า
00:11:29 → 00:11:30 นับ
00:11:30 → 00:11:32 10:30 ตั้งแต่ญาติ
00:11:32 → 00:11:34 เห็น
00:11:34 → 00:11:37 เป็นเป็นชั่วโมงที่ 0 ก็แล้วกันเป็น
00:11:37 → 00:11:41 ชั่วโมงแรกที่เห็นก็แล้วกันเออแต่พยาบาล
00:11:41 → 00:11:43 ไปนับตอน 10:00 นใช่มยไม่เหมือนกันแล้ว
00:11:43 → 00:11:47 ใช่มเอเรามองว่าเฮ้ยให้เริ่มนับทันทีที่
00:11:47 → 00:11:51 สังเกตเห็นญาติสังเกตเห็นหรือสังเกตว่า
00:11:51 → 00:11:55 ตัวเองเป็นนะอ่ะโอเคมีความต่างกันละ 10
00:11:55 → 00:11:59 ช่วโมงเราก็เลยบอกว่าให้รีบออกจากโรง
00:11:59 → 00:12:04 พยาบาลเลยเพราะเชื่อว่าถ้าสมมุติว่า
00:12:04 → 00:12:07 พยาบาลบอกแบบเนี้ยหมอที่มาซับประวัติก็จะ
00:12:07 → 00:12:12 ซักไปแนวทางเดียวกันหมดนะเราก็เลยบอกว่า
00:12:12 → 00:12:16 เฮ้ยให้ย้ายแต่ญาตที่เฝ้าอยู่บอกว่า
00:12:16 → 00:12:20 เดี๋ยวหมอเค้าก็มาแล้วอย่าย้ายเลยอ่ะโอเค
00:12:20 → 00:12:25 อเราก็เราไม่ได้ไปด้วยนี่คนคนเฝ้าเค้าก็
00:12:25 → 00:12:28 ต้องมีสิทธิ์มากกว่าอยู่แล้วใช่มั้ยกดว่า
00:12:28 → 00:12:33 ตอน 10 เอ้ยตอนเที่ยนหมอก็มาดูมาดูเสร็จ
00:12:33 → 00:12:37 ปึ๊บๆส่ง CT โอ๊ยเราชื้นใจชื้นละส่ง CT
00:12:37 → 00:12:40 เราก็ดีใจว่าอ่ะอย่างน้อยได้ดูแล้วล่ะว่า
00:12:41 → 00:12:45 ในสมองเนี่ยมีปัญหาอะไรเราก็คิดในใจว่า
00:12:45 → 00:12:48 เราก็ถามไปดีกว่าเอ๊ะเค้าฉีดสีหรือเปล่า
00:12:48 → 00:12:53 เพราะว่าการทำ CT เนี่ยถ้าให้ดีนะเพื่อ
00:12:53 → 00:12:57 สดูเส้นเลือดเนี่ยมันต้องฉีดสีถูกมฉีดให้
00:12:57 → 00:13:00 เห็นว่ามีเส้นเลือดตรงไหนตันตรงไหนตีบตรง
00:13:00 → 00:13:04 ไหนแตกอะไรก็แล้วแต่นะคบอกว่าเอ้ยเค้า CT
00:13:04 → 00:13:08 เฉยๆเเราก็ไม่สบายใจก็เลยโทรไปหาเพื่อน
00:13:08 → 00:13:12 ที่เป็นอาจารย์โรงเรียนแพทย์เล่าอธิบาย
00:13:12 → 00:13:17 ให้ฟังพูดก็เพื่อนก็เลยพูดขึ้นมาคำนึงบอก
00:13:17 → 00:13:22 เอ๊อาการมันเรียก Wake wake up Stroke
00:13:22 → 00:13:26 หรือเปล่าวะเราก็ wake up Stoke อะไรวะ
00:13:26 → 00:13:29 ตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการเป็น Stoke หรอมบอก
00:13:29 → 00:13:32 ไม่ใช่ wake up Stroke นี่หมายถึง
00:13:33 → 00:13:37 ว่าเวลามันไม่แน่นอนอาจจะเกิดสกตอนที่นอน
00:13:38 → 00:13:43 หลับอยู่แล้วตื่นขึ้นมามีอาการอ่าอ่าตรง
00:13:44 → 00:13:47 นี้นะสคัญนะคราวนี้มันไม่เหมือนกับไอเดีย
00:13:47 → 00:13:49 ที่เราคิดไ้แล้วว่าเอ้ยเมื่อญาติสังเกต
00:13:49 → 00:13:52 เห็นเมื่อแรกพบว่ามีอาการนับเป็นชั่วโมง
00:13:52 → 00:13:54 ที่ 1 แต่พอเราคุยกับเพื่อนที่เป็น
00:13:54 → 00:13:57 อาจารย์โโรงเรียนแพท์ก็บอกว่าเอ๊อาการ
00:13:57 → 00:13:59 เป็น wake up Stoke หรือเปล่า
00:13:59 → 00:14:02 เพราะตื่นขึ้นมาแล้วเป็นบอกไม่ได้ว่าใน
00:14:02 → 00:14:05 ช่วงที่หลับเกิดอะไรขึ้นชั่วโมงไหนเกิด
00:14:05 → 00:14:09 อะไรขึ้นอ่ะทั้งนี้ทั้งนั้นบอกว่าไม่เป็น
00:14:09 → 00:14:14 ไรเดี๋ยวรอดู CT นะมันก็ชั่วโมงนึงผ่านไป
00:14:14 → 00:14:19 ตอนั้นก็ 13:30 น CT มาแล้วแต่ยังไม่มีคน
00:14:19 → 00:14:22 ไปอ่านเราบอก CT มาแล้วแต่ยังไม่มีคนอ่าน
00:14:22 → 00:14:27 อ่าเพื่อนเราก็กดคอมดูมันก็บอกว่าจาก CT
00:14:27 → 00:14:30 เนี่ยเห็นรีชาไม่ชัดเห็นไม่ได้แบบเอ้ย
00:14:30 → 00:14:34 สมองตรงนี้มันขาดเลือดไม่เห็นเลยนึกออกม
00:14:34 → 00:14:37 บอกว่าอืมันไม่ชัดเจนน่ะประกอบกับอาการ
00:14:37 → 00:14:43 ของคนไข้ที่ไม่ได้แย่ลงก็ยังยกแขนยกขาได้
00:14:43 → 00:14:48 ตามปกติมีปากเบี้ยวกับพูดไม่ชัดนะอาการ
00:14:48 → 00:14:50 ไม่ได้แย่
00:14:50 → 00:14:53 ลงเค้าก็เลยบอกว่าอ่ะงั้นเดี๋ยวเคส่ง
00:14:53 → 00:14:55 Resident ไปดูก็แล้วกันอ่า Resident ไป
00:14:55 → 00:15:01 ดู Resident ไปดูว่าเออเ้ยอ่าดูอาการดู CT
00:15:01 → 00:15:05 ก็บอกอืแบบนี้คงไม่ต้องฉีดยาละลายลิ่ม
00:15:05 → 00:15:09 เลือดนะที่ชื่อว่าสปคหรอกเพราะว่าดูแล้ว
00:15:09 → 00:15:14 มันก็อาการมันก็ไม่ได้เยอะมากแล้วฉีดไปก็
00:15:14 → 00:15:17 อาจจะไม่ได้ประโยคน์นะต้องเข้าใจก่อนว่า
00:15:17 → 00:15:21 สตสเนี่ยบางทีมันก็เค้าเรียกว่าไงอ่ะมัน
00:15:21 → 00:15:24 เป็นยาลลลิบือดก็จริงนะแต่มันก็ทำให้
00:15:24 → 00:15:28 เลือดออกที่ส่วนอื่นด้วยเพราะฉะนั้นไม่
00:15:29 → 00:15:32 ไม่ใช่ว่าฉีดแล้วมันจะดีอย่างเดียวฉีด
00:15:32 → 00:15:35 แล้วมันร้ายก็ได้นะเพราะบางคนฉีดไปแล้ว
00:15:35 → 00:15:38 เลือดออกในสมองแล้วเสียชีวิตอย่างนี้ก็มี
00:15:38 → 00:15:41 เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องระมัดระวังในการที่
00:15:41 → 00:15:47 จะให้ยาสปตไนสยาลลลิ่มเลือกนะมันจะมี
00:15:47 → 00:15:51 indication ในการให้ contra indication
00:15:51 → 00:15:56 ในการไม่ให้ก็แล้วกันเนาะอ่ะอันนี้ผ่าน
00:15:56 → 00:16:02 ไปวกกลับไปขั้นตอนยูเซฟใหม่เผื่อเผื่อใคร
00:16:02 → 00:16:07 จะลองใช้นะเรียกง่ายๆบอกเลยว่าถ้ายูจะมี
00:16:07 → 00:16:11 อาการอย่างเงี้ยแล้วยูจะเข้ายูเฟยูไม่
00:16:11 → 00:16:16 ต้องไปทักเก่อนนะว่ายูจะใช้สิทธิ์ซฟนะให้
00:16:16 → 00:16:19 เงียบเลยให้เงียบไว้เลยนะทำเป็นไม่รู้
00:16:19 → 00:16:23 เรื่องเลยนะอันนี้คือขั้นตอนอย่างที่บอก
00:16:23 → 00:16:26 ว่าข้อ 1 ข้อ 2 เนี่ยก็คือเราพาคนไข้เข้า
00:16:26 → 00:16:29 โรงพยาบาลแล้วแต่ข้อ 3 เนี่ย
00:16:29 → 00:16:34 สำคัญตัว U เองเนี่ยตัวยากเนี่ยให้รีบ
00:16:34 → 00:16:39 โทรศัพท์ติดต่อนะประสางานกับเอ่อเค้า
00:16:39 → 00:16:44 เรียกไงอ่ะสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน
00:16:44 → 00:16:48 1669 อย่าลืมเลยนะอย่าลืมเลยนะเพราะถ้า
00:16:48 → 00:16:50 ยูไม่ไปติดต่อในข้อ 3
00:16:50 → 00:16:56 เนี่ยค่ารักษาบานเบอะอาจจะเป็นล้านด้วย
00:16:56 → 00:16:59 เพราะว่าสมมุติไปเข้าเอกชนเนาะเคสพวกนี้
00:16:59 → 00:17:03 อย่างสมมุติว่าต้องทำการรักษาต่อเนื่อง
00:17:03 → 00:17:06 อาจจะต้องนอน ICU หรือถ้าสมมุติเป็น
00:17:06 → 00:17:09 อัมพาตอัมพาตไปแล้วต้องนอนโรงพยาบาลอีก
00:17:09 → 00:17:13 หลายวันฆ่าห้องเพราะฉะนั้นจะใช้สิทธิ์
00:17:13 → 00:17:17 อยู่เซฟข้อ 3 สำคัญก็คือทำเนียนๆไม่รู้
00:17:17 → 00:17:21 เรื่องเงียบๆเงียบกริ๊บเลยนะ
00:17:22 → 00:17:27 แล้วพอรักษาไปแล้วเนี่ยให้ติดต่อสถาบัน
00:17:27 → 00:17:31 การแพทย์ฉุดเฉิงจากนั้นเขาจะให้เราขอข้อ
00:17:31 → 00:17:35 มูลมาและเอาข้อมูลเไปยื่นเข้าใจ
00:17:35 → 00:17:40 ป่ะสำคัญมากสำคัญมากและต้องยื่นเนี่ยภาย
00:17:40 → 00:17:44 ในนะ 72 ชมงอย่าไปยื่นแบบโอ้ยนอนโรง
00:17:44 → 00:17:45 พยาบาล
00:17:45 → 00:17:49 ลภายใน 72 ชมงเอาไปยื่นที่สถาบันการแพทย
00:17:49 → 00:17:53 ฉุกเฉินนะโอเคอันนี้เข้าใจตรงตาแล้วนะไม่
00:17:53 → 00:17:56 งั้นยูจะไม่ได้ใช้ยูฟเพราะเขาจะไม่รับยู
00:17:56 → 00:18:01 ตั้งแต่ต้นบอกไว้เลยนะอันนี้พูดแบบไม่มี
00:18:02 → 00:18:03 กั๊กเนาะ
00:18:03 → 00:18:09 เอออ่ะคราวนี้อันนี้เห็นแล้วดีมากติดตาม
00:18:09 → 00:18:13 เพจเค้าก็ได้นะเค้าชื่อ imet companion
00:18:13 → 00:18:19 นะเค้าอธิบายไกด์ไลน์ในการให้ยาสคสก็แล้ว
00:18:19 → 00:18:23 กันไอ้ยาละลายลิ่มเลือดในผู้ป่วยสตกผู้
00:18:23 → 00:18:26 ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบนะเฉพาะว่าตีบนะ
00:18:26 → 00:18:30 แตกนี่ต้องผ่าอยู่แล้วล่ะแตกไม่เกี่ยวอ่ะ
00:18:30 → 00:18:33 โอเคคนไข้มาอย่างสมมุติว่าเราย้อนกลับไป
00:18:33 → 00:18:38 คือมีปากเบี้ยวยกแคนไม่ได้นะการที่เค้า CT
00:18:38 → 00:18:42 เนี่ยเค้า CT เพื่ออะไรบ้าง CT 1 เพื่อ
00:18:42 → 00:18:44 ดูว่ามัน
00:18:44 → 00:18:48 มีสมองขาดเลือดจริงหรือเปล่ามีเส้นเลือด
00:18:48 → 00:18:53 อะไรตีมกับแยกระหว่างว่าเฮ้ยถ้าสมมุติมัน
00:18:53 → 00:18:56 ไม่ตีบแต่มันแตกอ่ะเข้าใจนะเพราะถ้ามัน
00:18:56 → 00:19:00 แตกมันให้ยาละลายิมเลือดไม่ได้นะเพราะถ้า
00:19:01 → 00:19:04 ยิ่งแตกแล้วคุณไปให้ยานลลุมเลือดมันยิ่ง
00:19:04 → 00:19:06 บรีดคือเลือดมันยิ่งไหลอยู่เลยปกติอ่ะ
00:19:06 → 00:19:10 สมมุติว่าเลือดมันออกอยู่มันก็สามารถหยุด
00:19:10 → 00:19:13 ได้เองนะในบางกรณีถ้าออกไม่มากมันก็มี
00:19:13 → 00:19:16 บัตรคอตเนาะเหมือนเรามีเลือดออกเแต่พอเรา
00:19:16 → 00:19:19 ไปให้ยาละลายลิ่มเลือดแล้วเนี่ยไอ้บัตคอต
00:19:19 → 00:19:21 มันก็ละลายเลือดก็ยิ่งออกเพราะฉะนั้นการ
00:19:21 → 00:19:23 ทำ CT หรือ
00:19:23 → 00:19:28 MRI จะมีประโยชน์ตรงนี้เพราะฉะนั้น
00:19:29 → 00:19:32 เมื่อมีอาการหมอเต้องทำ CT หรือ MRI ก่อน
00:19:32 → 00:19:36 ที่จะฉีดยาเข้าใจนะอ่ะ
00:19:36 → 00:19:40 โอเคคราวนี้ในกรณีอย่างที่บอกว่าถ้าไม่
00:19:40 → 00:19:46 เกิน 4.5 ชมมีข้อห้ามในการไม่ใช้ยามยอ่ะ
00:19:46 → 00:19:51 มาดูข้อห้ามอะไรบ้างมาดูตนี้นะนี่ข้อห้าม
00:19:51 → 00:19:53 ง่ายข้อห้ามเลยก็คือว่าอ่ะเคยมีประวัติ
00:19:53 → 00:19:58 เลือดออกในสมองมาก่อนหน้าเไม่ว่าเมื่อ
00:19:58 → 00:20:03 เื่อไหร่ก็ตามพวกนี้ห้ามให้นะมีประวัติ
00:20:03 → 00:20:07 เลือดออกโดยที่ไม่ทราบสาเหตุไม่ว่าจะเป็น
00:20:07 → 00:20:09 เลือดออกในกระเพาะหรือ
00:20:09 → 00:20:12 ว่าเลือดออกในระบบอื่นๆก็แล้วแต่
00:20:12 → 00:20:17 นะมีการสงสัยว่าเป็น aortic dis setting
00:20:17 → 00:20:19 คือเอาง่ายๆก็คืออาจจะ
00:20:19 → 00:20:25 มีเส้นเลือดเเค้าเรียกไงเซาะตัวอยู่ใน
00:20:25 → 00:20:29 ร่างกายในหลอเลอรแดงใหญ่นะแล้วก็เคยมี
00:20:29 → 00:20:33 ประวัติอุบัติเหตุนะ
00:20:33 → 00:20:38 หรือเคยมีประวัติที่อย่างที่บอกว่าสกแต่
00:20:38 → 00:20:42 เป็นเอ่อไม่ใช่เลือดออกภายใน 6 เดือน
00:20:42 → 00:20:45 ประวัติอื่นๆข้อห้ามก็อ่ามีการผ่าตัด
00:20:46 → 00:20:51 อุบัติเหตุถอนฟันมีการกินยาเอ่อพวกละลาย
00:20:51 → 00:20:54 เก็บเลือดแล้วมีค่า inr มากกว่าเท่านั้น
00:20:55 → 00:20:57 เท่านี้อะไรอย่าเงี้ยนะหรือแม้แต่เนี่ย
00:20:57 → 00:21:01 เป็นเอ่อแผนในกระเพาะอาหารก็เป็นข้อห้าม
00:21:01 → 00:21:06 เหมือนกันนะสมมุติหมอเประเมินะว่าแบบเอ้ย
00:21:06 → 00:21:08 มันไม่มีข้อห้ามในการ
00:21:08 → 00:21:15 ให้เค้าก็จะดูว่าถ้าไม่มีก็ให้นะแต่อย่าง
00:21:15 → 00:21:20 ที่บอกนะไม่เกิน 4.5 ชมนะคราวนี้เคสเนี้ย
00:21:20 → 00:21:23 เนี่ยมันมาเถียงกันตรงไหนมันมาเถียงกัน
00:21:23 → 00:21:27 ตรงที่ว่าเอ้ยกลุ่มเนี้ย onset ี่ไม่แน่
00:21:27 → 00:21:30 นอนกลุ่มเนี้ยถูกวินิจฉัยว่าอย่างที่บอก
00:21:30 → 00:21:35 ว่ามึนๆงงๆตอนเที่ยงคตื่นมาย่านเห็นตอน
00:21:35 → 00:21:38 10:00 นว่า
00:21:38 → 00:21:42 เป็นแต่อย่างที่บอกเคจะมองว่ากลุ่มนี้ว่า
00:21:42 → 00:21:46 เป็น wake up Store นะ wake up Stoke
00:21:46 → 00:21:51 เส่งไปทำอะไรเบอกว่าให้ส่งไปทำ MRI นะถ้า
00:21:51 → 00:21:56 มี def weight MRI เนี่ยที่น้อยกว่า 1/3
00:21:56 → 00:22:02 นะของ middle นะ cib aty นะและไม่มี
00:22:02 → 00:22:06 visible signal Shade นะก็สามารถให้
00:22:06 → 00:22:08 ได้
00:22:08 → 00:22:15 อ่าเคสของหมอเนี่ยไม่ได้ถูกส่งทำ
00:22:15 → 00:22:20 MRI ทำแต่ CT แล้วเดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นอ่ะ
00:22:20 → 00:22:26 อ่ะมาฟังกันปรากฏว่าอ่ะตอนแรกเราก็ยอมแพ้
00:22:26 → 00:22:29 ไปแล้วเพราะว่าตอนนั้นประมาณซักเอ่อ 14
00:22:29 → 00:22:35 2:00 นละหมอที่เพื่อนหมอส่งไป Resident
00:22:35 → 00:22:39 นะส่งไปดูเบอกอือาการก็เป็นไม่มากครับ
00:22:39 → 00:22:43 อาจารย์นะแล้วก็เอ่อเท่าที่ดู CT แล้วก็
00:22:43 → 00:22:46 เห็นไม่ชัดอาจจะไม่มีความจำเป็นจะต้องให้
00:22:46 → 00:22:51 สปตไแนะเพราะอาการเป็นไม่ชัดครับ
00:22:51 → 00:22:56 ก็นอนรออยู่เบอกว่าแอดมิเดี๋ยวรอเตียง
00:22:56 → 00:23:00 เดี๋ยวอวอดว่างแล้วก็จะเอาขึ้นไปก็นอนรอ
00:23:00 → 00:23:01 อยู่ตั้ง
00:23:01 → 00:23:06 แต่อย่างที่บอกอ่ะไปโรงพยาบาลตอน 11:00 น
00:23:06 → 00:23:10 เนาะ 19:00 น 19:00 นได้แอดมิอาจจะถือว่า
00:23:10 → 00:23:13 เร็วแล้วก็ได้เาะ 19:00 นได้แอดมิแอดมิ
00:23:13 → 00:23:17 เข้าไปอาการก็ปกติก็อย่างที่บอกว่าสามารถ
00:23:17 → 00:23:22 เดินได้นะสามารถเดินได้มีแค่ปากเบี้ยวกับ
00:23:22 → 00:23:23 พูดไม่
00:23:23 → 00:23:30 ชัดแต่ปรากฏว่าเกิดเหตุตอน 22:00 น
00:23:30 → 00:23:34 ระหว่างที่คนไข้นอนอยู่ที่เตียบเริ่มมี
00:23:34 → 00:23:35 อาการ
00:23:36 → 00:23:39 ชาคนไข้รู้สึกว่ายก
00:23:39 → 00:23:42 แขนยกขาไม่
00:23:42 → 00:23:49 ได้ชัดเจนเลยคืออ่อนแรงไปวูบเลยอ่ะ
00:23:49 → 00:23:53 นะปรากฏว่าญาติที่เฝ้าอยู่ก็รีบตามพยาบาล
00:23:53 → 00:24:00 พยาบาลก็มาตามหมอหมอก็ส่งทำซทซ้ำปรากฏว่า
00:24:00 → 00:24:02 เห็นีัชัดเจนมาก
00:24:02 → 00:24:05 ขึ้นคราว
00:24:05 → 00:24:09 นี้เค้าก็โทรมาปรึกษาเราเราก็บอกว่าเอ้ย
00:24:09 → 00:24:13 อย่างงี้หมอต้องให้ยาะให้สปต kess ละ
00:24:13 → 00:24:17 เออปรากฏหมอบอกว่ามันเลยเวลาแล้ว
00:24:17 → 00:24:23 อ่ะไม่ว่าจะนับตอนเที่ยงคืหรือตอน 10:30
00:24:23 → 00:24:29 นตอนนี้มัน 22:00 นละมันเลยเวลาละให้ไปก็
00:24:29 → 00:24:34 ไม่มีประโยชน์ให้ไปไม่ช่วยอะไรแถมผลเสีย
00:24:34 → 00:24:38 ของการให้ยายยังมากกว่าเห
00:24:38 → 00:24:42 นะฟังแล้วตรงนี้เป็นไงเราก็เอดใจขึ้นมา
00:24:42 → 00:24:48 แล้วบอกเอ้ยทำไมไม่มองว่าเราพาคนไข้ไป
00:24:48 → 00:24:53 เร็วแล้วอาการมันเพิ่งเห็นชัดขึ้นหรือ
00:24:53 → 00:24:56 บริเวณที่ขาดเลื่อนมันมากขึ้นนึกออกมั้
00:24:56 → 00:24:58 นึกออกมแบบสมมติว่าเฮ้ยเรา detect ได้
00:24:58 → 00:25:03 เร็วแล้วเรารีบพาไป xray คอมพิวเตอร์ทั้ง
00:25:03 → 00:25:09 ตอนตอน 13:00 นเห็นไม่ชัดแล้วพอ 22:00 น
00:25:09 → 00:25:13 เห็นชัดเจนขึ้นทำไมตอนนี้ไม่ให้ยาเพราะ
00:25:13 → 00:25:16 ว่าเราพาไป Early ตอนเนี้ยน่าจะให้ยาแล้ว
00:25:16 → 00:25:19 มีประโยชน์แต่กลับไปมองว่าไปยืนยันว่า
00:25:19 → 00:25:24 ประวัติมึนๆงงๆตอนเที่ยงคืนคือประวัติ
00:25:24 → 00:25:30 ที่บอกว่าคนไข้มีอาการสตกแล้ว
00:25:30 → 00:25:34 แล้วเเอ่อตอนนี้เข้าใจหมอใช่
00:25:34 → 00:25:37 มยเมื่อไหร่กันแน่ที่เรียกว่าเป็น
00:25:37 → 00:25:42 onset ที่คนไข้บอกว่าเป็นมึนๆงงๆหรือที่
00:25:42 → 00:25:46 ญาติมาเห็นตอน 10:30 นหรือที่อาการของคน
00:25:46 → 00:25:50 ไข้โปรเกรสจากที่เดินได้มาเป็นอ่อนแรงและ
00:25:50 → 00:25:53 พูดไม่ชัดมากขึ้นตอนส
00:25:53 → 00:25:58 ทเอาเวลาตรงไหนมาเป็นจุดที่บอกว่าเป็น
00:25:58 → 00:26:01 เป็นจุดนับจุดเริ่มต้นและจะฉีดยาหรือไม่
00:26:01 → 00:26:02 ฉีด
00:26:02 → 00:26:07 ยาหมอหลายคนตอบไม่เหมือน
00:26:07 → 00:26:12 กันหมอคนนึงบอกว่าเอ้ยต้องเอาครั้งแรกที่
00:26:12 → 00:26:16 เห็นว่าเปลี่ยนไปดิญาติสังเกตเห็นว่าจาก
00:26:16 → 00:26:17 Normal เป็น
00:26:17 → 00:26:22 ABnormal หมออีกคนนึงบอกว่าเอ้ยก็มึนๆงง
00:26:22 → 00:26:27 ๆงนั่นแหละหมออีกคนนึงบอกว่าเฮ้ยเค้าอาจ
00:26:27 → 00:26:30 จะพาไปเร็วนะแล้วอาการมันชัดขึ้นเนี่ยแขน
00:26:30 → 00:26:33 ขาอ่อนแรงปากเบี้ยวมากขึ้นทำไมไม่นับตอน
00:26:33 → 00:26:35 22:00
00:26:35 → 00:26:38 นถูกม
00:26:38 → 00:26:41 อ่ะคราวนี้อย่างที่
00:26:41 → 00:26:47 บอกเมื่อเวลามันผ่านไปะนะมันผ่านไปะมันก็
00:26:47 → 00:26:48 ทำอะไรไม่ได้และ
00:26:49 → 00:26:54 นะตอนนี้คนไข้ก็เป็นอัมภาอยู่นะครับนะก็
00:26:54 → 00:26:59 ต้องทำไกลภาพบำบัดกันไปนะจุดที่หมอจะให้
00:26:59 → 00:27:03 มองนะอย่างที่บอกว่าจุดสำคัญมันก็จะมี
00:27:03 → 00:27:09 อยู่ 2 เรื่องนะก็คือเรื่องของเอ่อ usf
00:27:09 → 00:27:14 นะอย่าไปทักก่อนนะว่าจะใช้ usf แอดมิไป
00:27:14 → 00:27:18 แล้วแล้วค่อยขอเอกสารไปติดต่อสูตรการพา
00:27:18 → 00:27:19 ฉุกเฉินนะ
00:27:19 → 00:27:23 อ
00:27:23 → 00:27:28 2 onset ของคนไข้ของการมีอาการเนี่ยมี
00:27:28 → 00:27:29 ความ
00:27:29 → 00:27:35 สำคัญถ้าในใจหมอถามหมอว่าหมอเลือกเวลาไหน
00:27:35 → 00:27:38 หมอบอกว่าให้เลือกเวลาที่ญาติเห็นว่าผิด
00:27:38 → 00:27:44 ปกติ detect ได้ผิดปกติให้นับเป็น onset
00:27:44 → 00:27:46 นออก
00:27:46 → 00:27:51 มอย่าไปฟังประวัติจากคนไข้ชัดๆเพราะว่า
00:27:51 → 00:27:55 อาการมึนๆงงๆอ่ะมันเป็นอะไรที่ไม่ชัดเจน
00:27:56 → 00:27:58 อย่างบอกว่าอย่างที่บอกว่าเอ้ยไม่ทีนี้
00:27:58 → 00:28:03 หมอบอกนี่ว่าเอ่อเค้าปรับใหม่แล้ว
00:28:03 → 00:28:07 เป็น bfast มี Balance เดินเซเวียนศีรษะ
00:28:07 → 00:28:11 บ้านหมดอันนี้ใช้ได้มั้ยต้องบอก
00:28:11 → 00:28:16 ว่าอาการบาานเนี่ยมันก็ไม่เสมอไปแต่ถ้า
00:28:16 → 00:28:21 เอ่อเวียนศีรษะบ้านหมุนในคนแก่อาจจะมี
00:28:21 → 00:28:25 โอกาสเข้าใจมครับนะทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าง
00:28:25 → 00:28:29 ที่บอกก็คือว่าเมื่อมันเกิดเหตุขึ้นมา
00:28:29 → 00:28:33 แล้วเนาะเราก็ต้องชีวิตต้องเดิมเนินต่อ
00:28:33 → 00:28:38 ไปถามคนไข้อยู่เหมือนกันว่าถ้าสมมุติย้อน
00:28:38 → 00:28:39 กลับไป
00:28:39 → 00:28:44 ได้คนไข้จะเลือกฉีดยาหรือไม่ฉีดยาสมมุติ
00:28:44 → 00:28:48 นะสมมุตินะว่าคนไข้มีสิทธิ์
00:28:48 → 00:28:52 เลือกสมมุติฉีด
00:28:52 → 00:28:55 ยาแล้วหายเป็น
00:28:55 → 00:28:58 ปกติอันที่ 2
00:28:59 → 00:29:03 ฉีดยาแล้วปรากฏว่าเลือดมันไปออกที่อื่น
00:29:03 → 00:29:08 เลือดไปออกในสมองและเสียชีวิตกับอันที่
00:29:08 → 00:29:13 3 ไม่เลือกฉีดยาแต่เลือก
00:29:14 → 00:29:18 พิการถ้าเราเลือกได้หรือถ้าเราเลือกให้
00:29:18 → 00:29:22 ยากเราจะเลือกข้อไหนสามารถตอบใต้คอมเมนต์
00:29:22 → 00:29:26 ได้นะสาระความรู้ดีๆจากเพจหมอชทางบาด
00:29:26 → 00:29:28 เดียวและ YouTube Channel หมอชตบัดเดียว
00:29:28 → 00:29:31 ครับขอบคุณครับสวัสดี
00:29:31 → 00:29:35 ครับฝากกดติดตามและสั่นกระดิ่งเพื่อเป็น
00:29:35 → 00:29:38 กำลังใจให้หมอในคลิปถัดๆไปด้วยนะครับ
00:29:38 → 00:29:41 ขอบคุณครับ