00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยว
00:00:02 → 00:00:06 ข้องกับโรคที่เป็นอัมพาดเป็นช่วงๆนะครับ
00:00:06 → 00:00:09 คืออยู่ๆก็เป็นอพาดขึ้นมาเลยนะครับเป็น
00:00:09 → 00:00:11 ทั้งตัวเคลื่อนไหวไม่ได้นะฮะโดยเฉพาะถ้า
00:00:11 → 00:00:14 เกิดว่ามีการออกกำลังกายมากกินอาหารบาง
00:00:14 → 00:00:16 ชนิดเข้าไปนะครับโดยเฉพาะอาหารมื้อใหญ่ๆ
00:00:16 → 00:00:18 ที่มีคาร์โบไฮเดรตเยอะๆกินข้าวเหนียวเข้า
00:00:18 → 00:00:20 ไปแล้วอยู่ๆเป็นอย่างงั้นขึ้นมานะครับ
00:00:20 → 00:00:23 แล้วก็อยู่ๆมันจะเป็นก็เป็นก็เป็นได้นะ
00:00:23 → 00:00:25 ครับก็เลยจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะ
00:00:25 → 00:00:27 ว่าจริงๆมันใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดนะ
00:00:27 → 00:00:29 ครับที่ประเทศไทยก็เจอกันค่อนข้างที่จะ
00:00:29 → 00:00:32 บ่อยพอสมควรนะครับในหมู่แพทย์เนี่ยก็จะ
00:00:32 → 00:00:34 ทราบกันดีว่าโรคนี้มันคืออะไรนะครับก็
00:00:34 → 00:00:36 เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับ
00:00:36 → 00:00:38 นายแพทย์ธานีธนียวันนะครับเป็นอาจารย์
00:00:38 → 00:00:40 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับ
00:00:40 → 00:00:42 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:42 → 00:00:45 บำบัดนะครับกลุ่มอาการนี้เนี่ยเราจะเรียก
00:00:45 → 00:00:48 ว่า periodic paralysis นะครับ periodic
00:00:48 → 00:00:51 ก็คือเป็นช่วงๆงเกิดเป็นช่วงๆช่วงเวลานะ
00:00:51 → 00:00:54 ครับแล้วก็ paralysis นี่ก็คือการเป็น
00:00:54 → 00:00:57 อัมพาตนะครับโดยคุณกลุ่มนี้เนี่ยเมื่อมี
00:00:57 → 00:00:59 ตัวกระตุ้นบางชนิดนะครับก็จะทำให้เา้า
00:00:59 → 00:01:02 เกิดอัมพาตขึ้นมาหมายความว่าไม่สามารถ
00:01:02 → 00:01:05 เคลื่อนไหวแขนและขาได้นะครับแต่ว่ายัง
00:01:05 → 00:01:08 สามารถกรอกตาไปมาสามารถพูดได้อยู่สามารถ
00:01:08 → 00:01:11 แสดงสีหน้าอารมณ์ได้อยู่นะครับแล้วก็ยัง
00:01:11 → 00:01:14 หายใจได้นะฮะแต่ว่าจะไม่สามารถเคลื่อนไหว
00:01:14 → 00:01:17 ร่างกายได้นะครับโดยการที่เป็นอัมพาตแบบ
00:01:17 → 00:01:20 นี้เนี่ยก็มีได้ตั้งแต่หลักเป็นนาทีจนถึง
00:01:20 → 00:01:22 หลักเป็นวันเลยนะครับที่เคลื่อนไหวไม่ได้
00:01:22 → 00:01:24 นะฮะแต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาเป็นชั่วโมง
00:01:24 → 00:01:27 กว่าเราจะคนไข้กลุ่มเนี้ยก็จะเริ่ม
00:01:27 → 00:01:29 เคลื่อนไหวได้นะครับเหตุผลที่เกิดขึ้น
00:01:29 → 00:01:32 ขึ้นเนี่ยมันมีหลายๆอย่างนะครับโดยส่วน
00:01:32 → 00:01:36 ใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นโดยส่วนหนึ่งของ
00:01:36 → 00:01:38 ร่างกายซึ่งเรียกว่า Channel นะครับมันจะ
00:01:38 → 00:01:42 เป็นช่องทางซึ่งอนุญาตให้ไอออนของร่างกาย
00:01:42 → 00:01:45 นะครับคือพวกโซเดียมโปแทสเซียมแคลเซียม
00:01:45 → 00:01:48 ต่างๆเนี่ยผ่านเข้าออกนะครับขึ้นอยู่กับ
00:01:48 → 00:01:52 ว่าช่องทางไหนมันเสียนะครับนะช่องทางบาง
00:01:52 → 00:01:54 อันมันเสียปุ๊บเนี่ยก็จะทำให้เกิดอาการ
00:01:54 → 00:01:56 บางอย่างขึ้นมานะครับอันนี้ก็จะแล้วแต่
00:01:56 → 00:01:58 ว่าเป็นช่องทางไหนแต่ว่าในทางการแพทย์
00:01:58 → 00:02:00 เนี่ยวิธีในการดูแลรษาเนี่ยจะค่อนข้างที่
00:02:00 → 00:02:03 จะคล้ายกันนะครับกลุ่มโรคกลุ่มนี้เนี่ย
00:02:03 → 00:02:06 เราจะเรียกว่า Chanel paty นะครับก็คือ
00:02:06 → 00:02:08 เป็นความผิดปกตินะครับ pathy ก็คือเป็น
00:02:08 → 00:02:11 ความเป็นปกติอะไรสักอย่างนะครับแล้วก็
00:02:11 → 00:02:14 เติมเข้าไปต่อท้ายกับสิ่งที่เรากำลังพูด
00:02:14 → 00:02:16 อยู่ในแง่นี้ก็คือเรื่อง Channel นะครับ
00:02:16 → 00:02:20 Channel ก็คือช่องทางที่ให้เอ่อพวกเรือ
00:02:20 → 00:02:22 แร่ๆ่ธาตุที่เมื่อกี้ผมบอกไปเนี่ยมันผ่าน
00:02:22 → 00:02:27 เข้าออกนะครับทีนี้มันจะมีอยู่โรคกลุ่ม
00:02:27 → 00:02:30 นึงเลยที่เจอเยอะมากๆก็คือโรคไฮเปอร์
00:02:30 → 00:02:33 ไทรรอยด์นะครับคนที่เป็นไทรรอยด์เป็นพิษ
00:02:33 → 00:02:36 เนี่ยนะครับมันจะมีอยู่กลุ่มนึงซึ่งมี
00:02:36 → 00:02:39 โอกาสเกิดโรคพีริออดิก paralysis ได้มากๆ
00:02:39 → 00:02:42 เลยนะครับในคนกลุ่มนี้มักจะเป็นผู้ชายนะ
00:02:42 → 00:02:45 ครับคือไทรรอยด์เป็นพิษจริงๆแล้วเนี่ย
00:02:45 → 00:02:47 ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้หญิงนะครับแต่ว่า
00:02:47 → 00:02:50 ผู้ชายเนี่ยถ้าสมมุติเป็นไทรรอยด์เป็นพิษ
00:02:50 → 00:02:53 จะมีโอกาสการเกิดโรค periodic paralysis
00:02:53 → 00:02:56 ได้มากกว่าผู้หญิงแบบเรียกได้เรียกได้ว่า
00:02:56 → 00:02:58 เกือบ 100% เลยนะครับจะเป็นในผู้ชายซะ
00:02:58 → 00:03:01 ส่วนใหญ่นะครับโดยเวลาที่เกิดเนี่ยนะครับ
00:03:01 → 00:03:05 ก็จะมีเหตุผลนำมาก่อนในคนที่เป็นโรคนี้นะ
00:03:05 → 00:03:08 ครับก็คือการออกกำลังกายมากๆนะครับการที่
00:03:08 → 00:03:10 มีความเครียดนะครับหรือการไปทานอาหาร
00:03:10 → 00:03:12 คาร์โบไฮเดรตเยอะๆนะครับเพราะว่ามันจะมี
00:03:12 → 00:03:15 การหลั่งฮอร์โมนตัวนึงออกมานะครับคือ
00:03:15 → 00:03:17 อินซูลินนะครับเวลาเรากินคาร์โบไฮเดรต
00:03:17 → 00:03:20 เยอะอินซูลินมันจะออกมาทีนี้พอมันออกมา
00:03:20 → 00:03:22 ปุ๊บเนี่ยมันก็จะไปทำให้โพแทสเซียมเข้าไป
00:03:22 → 00:03:26 ในเซลล์เยอะๆนะครับทำให้ปัญหาคือในเลือด
00:03:26 → 00:03:28 เนี่ยจะมีโพแทสเซียมต่ำตามมานะครับการที่
00:03:28 → 00:03:31 มีโพแทสเซียมต่ำในเลือดมากๆเนี่ยก็จะส่ง
00:03:31 → 00:03:33 ผลต่อหัวใจส่งผลต่อกล้ามเนื้อทำให้
00:03:33 → 00:03:35 เคลื่อนไหวไม่ได้นะครับนั่นคือปัญหาของ
00:03:35 → 00:03:37 การเกิดโพแทสเซียมต่ำจากฮอร์โมนตัวนี้นะ
00:03:37 → 00:03:41 ครับแต่ฮอร์โมนอื่นๆเช่นฮอร์โมนกลุ่มที่
00:03:41 → 00:03:43 เราเรียกว่าอะดรีนาลีนนะครับถ้าออกมาเยอะ
00:03:43 → 00:03:45 ๆนะครับมันก็จะเกิดภาวะนี้ขึ้นมาได้นะ
00:03:45 → 00:03:47 ครับดังนั้นอะไรก็แล้วแต่ซึ่งสามารถ
00:03:48 → 00:03:51 กระตุ้นอินซูลินและกระตุ้นรนารีจะทำให้คน
00:03:51 → 00:03:54 ไข้เกิดอาการโพแทสเซียมต่ำแล้วก็เป็น
00:03:54 → 00:03:57 อัมพฤกษ์อัมพาตแบบในกรณีนี้นะครับมันไม่
00:03:57 → 00:03:59 ใช่อัมพฤกษ์อัมพฤษนี่คือครึ่งซีกนะครับ
00:03:59 → 00:04:02 อัมพาตนี่คือทั้งตัวอย่างนี้นะครับก็เกิด
00:04:02 → 00:04:04 ขึ้นได้ในกรณีพวกนี้ขึ้นมานะครับโดยเฉพาะ
00:04:04 → 00:04:06 คนที่มีไทรรอยด์เป็นพิษเนี่ยเจอได้ง่าย
00:04:06 → 00:04:09 กว่านะครับแล้วเวลาที่เราวินิจฉัยพวกนี้
00:04:09 → 00:04:12 เนี่ยถ้าเกิดคนไข้ให้ประวัติเลยนะครับว่า
00:04:12 → 00:04:14 มันเนี่ยมันจะมีอ่อนแรงเป็นช่วงๆนะครับ
00:04:14 → 00:04:17 จริงๆอ่อนแรงตั้งแต่ในช่วงเ่ออายุเป็น
00:04:17 → 00:04:19 เด็กก็ได้นะครับบางคนก็เป็นวัยรุ่นหรือ
00:04:19 → 00:04:21 บางคนเป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับเราก็จะสังเกต
00:04:21 → 00:04:24 ว่าเนี่ยมันจะมีอยู่ช่วงของชีวิตที่ออก
00:04:24 → 00:04:27 แรงมากๆนะครับแล้วออกกำลังกายเยอะๆหรือ
00:04:27 → 00:04:29 ว่าบางทีไปกินอาหารเมื้อใหญ่ๆกินข้าว
00:04:29 → 00:04:31 เหนียวนะครับแล้วมันจะไม่มีแรงเลยหลังจาก
00:04:31 → 00:04:33 นั้นนะครับหลังจากนั้นสักชั่วโมงนึงเนี่ย
00:04:33 → 00:04:35 แรงหมดหรือบางคนกินข้าวเหนียวแล้วลงนอน
00:04:35 → 00:04:37 แล้วตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวไม่ได้นะครับ
00:04:37 → 00:04:40 นี้เจอเจอเป็นอะไรที่ค่อนข้างที่จะบ่อยนะ
00:04:40 → 00:04:43 ฮะพอเราเจอแบบนี้เนี่ยสิ่งนึงซึ่งเราทำ
00:04:43 → 00:04:46 เราก็จะมีการถามประวัติเพราะว่าบางอย่าง
00:04:46 → 00:04:48 เนี่ยเราเจอประวัติแบบเนี้ในครอบครัวได้
00:04:48 → 00:04:51 นะครับมันมักจะถ่ายทอดทางกรมพรที่ทางการ
00:04:51 → 00:04:54 แพทย์เราจะเรียกว่า autosomal dominance
00:04:54 → 00:04:56 นะครับมันหมายความว่าถ้ามีหลายๆคนใน
00:04:56 → 00:04:58 ครอบครัวเป็นเนี่ยก็คนเนี้ยก็จะมีโอกาส
00:04:59 → 00:05:01 ที่น่าจะเป็นโรคกลุ่มนี้มากขึ้นนะครับ
00:05:01 → 00:05:04 สามารถถ่ายทอดให้ผู้หญิงได้นะครับแต่ว่า
00:05:04 → 00:05:06 มันจะมีคำๆนึงซึ่งเกี่ยวข้องกับทาง
00:05:06 → 00:05:08 พัธุกรรมเรากได้ว่า incomplete
00:05:08 → 00:05:10 penetrance นะครับหมายความว่าผู้หญิง
00:05:10 → 00:05:12 เนี่ยได้รับยีนตัวนี้ไปแหละแต่ว่าจะไม่
00:05:12 → 00:05:15 แสดงอาการนะครับอ่าจะแสดงอาการในผู้ชายนะ
00:05:15 → 00:05:18 ครับส่วนสาเหตุเนี่ยคงจะต้องเล่ากันยาว
00:05:18 → 00:05:19 เหมือนกันนะครับแต่ว่าเราข้ามไปก่อนนะ
00:05:19 → 00:05:22 ครับงั้นเวลาที่คนไข้มีประวัติว่าเออมี
00:05:22 → 00:05:24 ประวัติครอบครัวมีประวัติว่าไปทำอะไรมา
00:05:24 → 00:05:27 แล้วก็กินพวกคาร์โบไฮเดรตสูงๆนะครับแล้ว
00:05:27 → 00:05:31 เกิดเป็นแบบนี้หรือบางกรณีบางคนใช้ยายา
00:05:31 → 00:05:33 พ่นโรกหอบนะครับเช่นยาเวนโทลินนะครับยา
00:05:33 → 00:05:35 เวนโทลินเนี่ยมันจะทำให้โพแทสเซียมเข้าไป
00:05:35 → 00:05:37 ในร่างกายเ่อเข้าไปในเซลล์ได้มากขึ้นทำ
00:05:38 → 00:05:40 ให้ในเลือดมันต่ำลงนะครับงั้นบางคนใช้ยา
00:05:40 → 00:05:43 เนินแล้วอยู่ๆอ่อนแรงไปเลยนี้ก็เคยมีมา
00:05:43 → 00:05:45 แล้วนะครับพอเราเป็นแบบนี้เราเจาะเลือด
00:05:45 → 00:05:47 เราเจอว่าโอ๊ะโปแทสเซียมมันต่ำมากๆเลย
00:05:47 → 00:05:49 ส่วนใหญ่ก็ต่ำกว่า 2 มาด้วยซ้ำมาต่ำมากๆ
00:05:49 → 00:05:52 นะฮะพวกนี้เราให้โปแทสเซียมเข้าไปเสริมก็
00:05:52 → 00:05:56 จะหายนะครับอ่าแต่ในผู้ชายก็จะต้องตรวจหา
00:05:56 → 00:06:00 อาการของไทรรอยด์เป็นพิษเสมอนะครับส่วน
00:06:00 → 00:06:02 ใหญ่แล้วผู้ชายเนี่ยมักจะมีอาการไทรรอยด์
00:06:02 → 00:06:06 เป็นพิษนำมาก่อนเช่นมีอาการที่กินเท่า
00:06:06 → 00:06:08 ไหร่ก็ไม่อ้วนนะครับน้ำหนักลดลงนะครับ
00:06:08 → 00:06:11 เอ่อขี้หงุดหงิดขี้ร้อนนะครับทั้งๆที่
00:06:11 → 00:06:13 อากาศมันก็ไม่ได้ร้อนก็รู้สึกว่าร้อนนะ
00:06:13 → 00:06:15 ทั้งๆที่เข้าไปในห้องแอร์คนอื่นเขาคหนาว
00:06:15 → 00:06:17 กันไอ้นี่ร้อนอยู่คนเดียวนะครับอาจจะมี
00:06:17 → 00:06:21 ขับถ่ายอุจจาระบ่อยขึ้นนะครับมีมือสั่นใจ
00:06:21 → 00:06:23 สั่นนะครับถ้าเราเอามือมาวางอย่างเงี้ยคน
00:06:23 → 00:06:26 พวกเนี้ยเจะมือสั่นอย่างนี้ได้นะครับก็
00:06:26 → 00:06:28 เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งเราต้องคิดนะครับว่า
00:06:28 → 00:06:31 เอ๊ยอาจจะมีภาวะไทรรอยด์เป็นพิษร่ว้วย
00:06:31 → 00:06:33 หรือเปล่านะครับแต่บางคนก็ไม่มีอาการอะไร
00:06:33 → 00:06:35 เลยนะครับเราจะต้องเจาะฮอร์โมนไทรรอยด์
00:06:35 → 00:06:37 เพื่อตรวจดูว่ามีภาวะนี้อยู่หรือเปล่านะ
00:06:37 → 00:06:40 ครับถ้ามีเรารักษาไทรรอยด์เป็นพิษหายแอร์
00:06:40 → 00:06:43 การพวกนี้ก็จะไม่กลับมาเป็นอีกนะครับแต่
00:06:43 → 00:06:45 บางคนไม่ได้เป็นเพราะว่าไทรรอยด์เป็นพิษ
00:06:45 → 00:06:49 มันเป็นเพราะว่ามีเรื่องของ Channel หรือ
00:06:49 → 00:06:52 ช่องทางของเกลือแรกพวกเนี้ยที่มันผิดปกติ
00:06:52 → 00:06:55 ไปแล้วทำให้โพแทสเซียมมันต่ำด้วยเหตุผล
00:06:55 → 00:06:57 เดียวกันกับของกรณีไทรรอยด์ก็คือถ้าออก
00:06:57 → 00:07:00 กำลังกายมากๆนะครับหรือไปเครียดมากนะฮะ
00:07:00 → 00:07:01 หรือว่ามีการรับประทานอาหารที่เป็น
00:07:02 → 00:07:04 คาร์โบไฮเดรตเยอะๆนะครับในคนกลุ่มพวกนี้
00:07:04 → 00:07:08 เนี่ยเราก็อาจจะจำเป็นจะต้องบอกว่าเออ
00:07:08 → 00:07:11 อย่างงั้นก็ต้องเรี่งการกินคาร์โบไฮเดรต
00:07:11 → 00:07:13 เยอะๆเรี่ยงการออกกำลังกายหนักๆมากๆนะ
00:07:13 → 00:07:15 ครับอ่าพวกนี้ก็ต้องเรี่ยงไปนะฮะแล้วอาจ
00:07:16 → 00:07:18 จะให้มีการทานโพแทสเซียมเสริมนะครับอาจจะ
00:07:18 → 00:07:21 เป็นในรูปของยาหรือในรูปของผลไม้เช่นพวก
00:07:21 → 00:07:23 กล้วยส้มอย่างเงี้ยนะครับจะมีโพแทสเซียม
00:07:23 → 00:07:26 ที่มันสูงก็อาจจะทานพวกนี้เสริมนะครับแต่
00:07:26 → 00:07:29 ถ้ามันยังเป็นบ่อยเนี่ยเราก็จะมีมียาบาง
00:07:29 → 00:07:31 กลุ่มซึ่งให้ไปแล้วเนี่ยมันจะทำให้ค่า
00:07:31 → 00:07:34 โพแทสเซียมในร่างกายนะครับมันจะสูงขึ้นนะ
00:07:34 → 00:07:37 ครับเเช่นยากับปัสสาวะบางตัวอ่ายาชื่อ
00:07:37 → 00:07:41 เอ่อสคนนะครับพวกเนี้ยเป็นต้นนะครับในทาง
00:07:41 → 00:07:43 การแพทย์เราก็จะสามารถให้ได้นะะส่วนในคน
00:07:44 → 00:07:47 ที่เป็นไทรรอยด์เป็นพิษเนี่ยนะครับเอ่อ
00:07:47 → 00:07:50 เราให้ยาไปในตอนแรกเนี่ยไทรรอยด์จะยังไม่
00:07:50 → 00:07:53 กลับมาเป็นปกติดังนั้นอาจจะต้องมีการให้
00:07:53 → 00:07:55 พวกยาต่างๆเสริมเช่นโพแทสเซียมเสริมนะ
00:07:55 → 00:07:59 ครับยากลุ่มที่ไปป้องกันไม่ให้โพแทสเซียม
00:07:59 → 00:08:01 เข้าไปในเซลล์เยอะเกินไปนะครับยกตัวอย่าง
00:08:01 → 00:08:03 เช่นยาชื่อว่า propanol นะครับเป็นต้นนะ
00:08:03 → 00:08:06 ฮะกลุ่มพวกนี้เราก็จะให้เสริมในขณะที่
00:08:06 → 00:08:09 ไทรรอยด์มันยังกลับไม่เป็นปกตินะครับอ่า
00:08:09 → 00:08:11 แต่ 2 ภาวะนี้ก็คือจะมีโพแทสเซียมต่ำใน
00:08:11 → 00:08:14 ร่างกายนะครับมันยังมีอีกกรณีนึงคือตรง
00:08:14 → 00:08:17 กันข้ามเลยครับโพแทสเซียมมันจะสูงนะครับ
00:08:17 → 00:08:20 อ่าโพแทสเซียมจะสูงแต่ตรงกันข้ามกับกรณี
00:08:20 → 00:08:24 แรกนะครับกรณีพวกนี้เนี่ยคือมันมาเหมือน
00:08:24 → 00:08:27 กันเลยครับมีเหตุผลคล้ายๆกันยกเว้นอย่าง
00:08:27 → 00:08:30 เดียวก็คือว่าถ้ากินคโบไฮเดรตสูงเนี่ยมัน
00:08:30 → 00:08:33 จะช่วยนะครับอ่าเพราะโพแทสเซียมออกมาเยอะ
00:08:33 → 00:08:34 ๆเนี่ยกล้ามเนื้อมันอ่อนแรงได้เหมือนกัน
00:08:34 → 00:08:36 นะครับไม่ใช่จำเป็นเฉพาะโปแทสเซียมน้อย
00:08:36 → 00:08:38 แล้วมันถึงจะอ่อนแรงถ้าโปแทสเซียมเยอะ
00:08:38 → 00:08:41 เกินไปก็อ่อนแรงได้นะครับแล้วสิ่งที่จะไป
00:08:41 → 00:08:44 ทำให้โปแทสเซียมมันลดลงในร่างกายก็จะทำ
00:08:44 → 00:08:46 ให้คนเหล่านี้ที่มีโพแทสเซียมสูงในร่าง
00:08:46 → 00:08:49 กายแบบกรณีเนี้ยนะดีขึ้นเช่นถ้าเรากิน
00:08:49 → 00:08:51 อาหารคาร์โบไฮเดรตมันก็จะไปป้องกันไม่ให้
00:08:51 → 00:08:54 โพแทสเซียมสูงนะครับซึ่งมันจะดีในกรณีนี้
00:08:54 → 00:08:56 แต่จะไม่ดีใน 2 กรณีแรกนะครับเพราะ 2
00:08:56 → 00:08:59 กรณีแรกคือโพแทสเซียมต่ำยิ่งกินคาร์บไต
00:08:59 → 00:09:02 มันยิ่งต่ำนะครับอ่าแต่ในกรณีนี้คือยิ่งก
00:09:02 → 00:09:04 คาร์โบไฮเดรตมันยิ่งทำให้มันไม่ต่ำเอ่อทำ
00:09:04 → 00:09:06 ให้มันไม่สูงเกินนะครับอันนี้อาจจะพูด
00:09:06 → 00:09:09 แล้วงงนิดนึงนะฮะแต่ว่าคนกลุ่มพวกนี้
00:09:09 → 00:09:11 เนี่ยก็จะเป็นได้ตั้งแต่ในเด็กเลยนะครับ
00:09:11 → 00:09:15 เอ่อมีข้อแตกต่างกันเอ่อ 2-3 อย่างนะครับ
00:09:15 → 00:09:18 อย่างแรกก็คือถ้าสมมุติว่าเราตรวจร่างกาย
00:09:18 → 00:09:24 เนี่ยจะมีภาวะอันนึงเรียกว่า
00:09:24 → 00:09:27 ไอทียูแล้วมันจะไม่ค่อยคลายตัวมันจะคลาย
00:09:27 → 00:09:30 ตัวช้านะครับอ่าพวกนี้จะคลายตัวช้านะก็จะ
00:09:30 → 00:09:31 เรียกว่า
00:09:31 → 00:09:35 ไอทียูกันหมดเลยนะครับอจะค่อนข้างไม่ต่าง
00:09:35 → 00:09:37 กันต้องเจาะเลือดดูแล้วก็เจอว่าเออมันมี
00:09:37 → 00:09:40 ภาวะโพแทสเซียมในร่างกายมันสูงนะครับซึ่ง
00:09:40 → 00:09:42 พวกเนี้ยวิธีในการรักษาก็จะต้องตรงข้าม
00:09:42 → 00:09:46 กับ 2 2 อันแรกนะครับก็คือ 1 เราเน้นให้
00:09:46 → 00:09:48 เค้ากินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเยอะหน่อย
00:09:48 → 00:09:50 นะครับการออกกำลังกายนี้จะเหมือนกันนะ
00:09:50 → 00:09:52 ครับอย่าออกกำลังกายหนักทั้งคู่นะครับไม่
00:09:52 → 00:09:55 ว่าจะเป็นชนิดที่โปแทสเซียมต่ำหรือสูงการ
00:09:55 → 00:09:57 ออกกำลังกายหนักๆจะยิ่งทำให้เป็นกล้าม
00:09:57 → 00:10:00 เนื้ออ่อนแรงได้บ่อยขึ้นนะครับคือคนพวก
00:10:00 → 00:10:02 เนี้ยบางทีกล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจจะมี
00:10:02 → 00:10:04 ประมาณสักเดือน 2 เดือนครั้งแต่บางคนก็
00:10:04 → 00:10:06 เป็นมันทุกอาทิตย์เลยนะครับบางทีอาทิตย์ล
00:10:07 → 00:10:09 หลายๆครั้งก็มีนะครับก็ต้องระวังนะครับ
00:10:10 → 00:10:12 ส่วนยาก็จะเป็นยาที่ทำให้โพแทสเซียมใน
00:10:12 → 00:10:14 ร่างกายมันจะลดลงนะครับเพราะว่าคนพวก
00:10:14 → 00:10:16 เนี้ยโพแทสเซียมในร่างกายสูงแล้วก็อาจจะ
00:10:16 → 00:10:19 ให้ยาขับปัสสาวะบางอย่างที่ทำให้ค่า
00:10:19 → 00:10:22 โปแตสเซียมในร่างกายมันต่ำลงได้นะครับดัง
00:10:22 → 00:10:24 นั้นจริงๆแล้วเนี่ยนะครับถ้าพูดมาทั้งหมด
00:10:24 → 00:10:26 เนี่ยโรคกลุ่มเนี้ยทำไมผมถึงพูดมันเป็น
00:10:27 → 00:10:29 เพราะว่ามันเจอที่ประเทศไทยแล้วก็ว่า
00:10:29 → 00:10:31 ประเทศในแถบเอเชียค่อนข้างบ่อยนะครับแล้ว
00:10:31 → 00:10:34 ถ้าเป็นผู้ชายแล้วเป็นแบบเนี้ยมีประวัติ
00:10:34 → 00:10:37 ครอบครัวเราจำเป็นจะต้องตรวจหาไทรอยดเป็น
00:10:37 → 00:10:40 พิษเสมอแล้วจะต้องรักษาเรื่องไทรอยดเป็น
00:10:40 → 00:10:42 พิษมันถึงจะไม่เป็นอีกนะครับเพราะว่าพวก
00:10:42 → 00:10:44 นี้ถ้าเกิดอยู่ๆออนแรงแล้วถ้าลุกไม่ขึ้น
00:10:44 → 00:10:46 แล้วก็เกิดบ้านไฟไหม้แล้วถ้าลุกออกไปไม่
00:10:46 → 00:10:49 ได้อย่างเงี้ยก็แย่เลยถูกมั้ยครับอ่างั้น
00:10:49 → 00:10:51 มันก็มีภาวะนี้เหมือนกันนะครับแล้วก็คน
00:10:51 → 00:10:53 ไหนซึ่งเป็นผู้ชายแล้วก็เคยมีภาวะ
00:10:54 → 00:10:56 ไทรรอยด์เป็นพิษเนี่ยบางครั้งจะมาด้วย
00:10:56 → 00:10:58 อาการอ่อนแรงนะครับเคลื่อนไหวไม่ได้นะ
00:10:58 → 00:11:00 ครับบางคนก็บอกว่าเอ้อู้งานหรือเปล่านะ
00:11:00 → 00:11:02 ครับบอกว่าเฮ้ยไทรรอยด์เป็นพิษมันก็ต้อง
00:11:02 → 00:11:04 อ่อแรงเป็นธรรมดาซึ่งจริงๆมันก็ถูกนะครับ
00:11:04 → 00:11:06 ไทรอยดเป็นพิษบางคนจะมีอาการเพลียง่ายนะ
00:11:07 → 00:11:09 ครับแต่ว่าอันเนี้ยมันจะเคลื่อนไหวไม่ได้
00:11:09 → 00:11:12 เลยนะครับคือแทบจะกระดิกตัวไม่ได้อยู่กับ
00:11:12 → 00:11:14 เตียงแล้วจะลุกขึ้นจะทำอะไรก็ไม่ได้นะ
00:11:14 → 00:11:15 ครับเค้าไม่ได้แกล้งนะเคก็เป็นอย่างนั้น
00:11:15 → 00:11:18 จริงๆนะต้องเอาไปตรวจนะครับโอเควันนี้ก็
00:11:18 → 00:11:20 มาคุยให้ฟังเท่านี้นะครับใครสงสัยอะไรก็
00:11:20 → 00:11:22 สอบถามมาได้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:11:22 → 00:11:25 ครับ