00:00:00 → 00:00:02 วันนี้เป็นเกี่ยวกับเรื่องยาอ่าเรื่องยา
00:00:02 → 00:00:05 จะเป็นยาอะไรเดี๋ยวเรามาคุยกันนะครับ
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีพี่ขวัญกมลพรร่มทองคำนะครับที่อยู่
00:00:09 → 00:00:13 ในสายกับเราแล้วณขณะนี้พี่ขวัญสวัสดีครับ
00:00:13 → 00:00:16 สวัสดีค่ะโอ๊คคะวันนี้สัขวเป็นยังไงบ้าง
00:00:16 → 00:00:21 ร้อนฮะมีร้อนใช่มั้ร้อนร้อนจัดเลยร้อนจัด
00:00:21 → 00:00:24 เลยนะคะโอ้โหออกไปข้างนอกนี่นึกว่าเมษายน
00:00:24 → 00:00:26 พาเพลินแล้วนะฮะจริงๆยังอยู่ในช่วงของ
00:00:26 → 00:00:29 เดือนมีมีนาคมแล้วก็เป็นช่วงที่เพิ่งเข้า
00:00:29 → 00:00:33 สู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการจริงๆจังๆนะฮะ
00:00:33 → 00:00:36 แต่ว่าก็เอ้เห็นกรมอุตุเขาบอกว่าอาจจะไม่
00:00:36 → 00:00:38 ใช่กรมอุตุดิผู้เชี่ยวชานด้านสภาพอากาศ
00:00:38 → 00:00:42 เขาบอกว่าให้ระมัดระวังเรื่องของเอ่อฝน
00:00:42 → 00:00:45 เ่อพายุใช่พายุฤดูร้อนแล้วก็เรื่องของ
00:00:45 → 00:00:47 สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆในช่วง
00:00:47 → 00:00:50 นี้ด้วยก็อาจจะเกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่อง
00:00:50 → 00:00:53 ของการใส่ใจเรื่องสุขภาพนะพี่ขวัญนะเอ่อ
00:00:53 → 00:00:55 เพราะว่าพอว่าเราเป็นหวัดช่วงเปลี่ยนฤดู
00:00:55 → 00:00:58 เนี่ยเอ่อไม่ว่าจะร้อนจะฝนจะหนาวเนี่ย
00:00:58 → 00:01:03 เอ่อทุกครั้งเราก็ต้องหาหยิบยาขึ้นมาดูแล
00:01:03 → 00:01:06 ตัวเองเวลาเจ็บไายได้ป่วยออนะใช่ค่ะใช่
00:01:06 → 00:01:08 เพราะว่าส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเรามีอาการเล็กๆ
00:01:09 → 00:01:12 น้อยๆเราก็จะเลือกที่จะรับประทานยาด้วย
00:01:12 → 00:01:15 ตัวเองหรือว่าอ่าไปซื้อยาตามร้านขายยา
00:01:15 → 00:01:18 ต่างๆอาจจะไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลโดยเฉพาะ
00:01:18 → 00:01:22 เจาะจงว่าเพื่อรักษาอาการแบบน้ำมูกไหลนะ
00:01:22 → 00:01:25 หรือว่าเป็นเอ่อหวัดนิดหน่อยอะไรอย่า
00:01:25 → 00:01:27 เงี้ยซึ่งเรื่องเนี้ยเราก็อยากจะมาแชร์
00:01:27 → 00:01:31 ให้กับคุณผู้ฟังว่าการใช้ยาอย่างถูกต้อง
00:01:31 → 00:01:34 รู้ข้อมูลพื้นฐานของยาเนี่ยมันควรรู้อะไร
00:01:34 → 00:01:37 บ้างแล้วยาแต่ละประเภทเนี่ยมีข้อจำกัด
00:01:37 → 00:01:39 หรือวิธีการใช้ยาอย่างไรที่เราควรรู้เป็น
00:01:40 → 00:01:42 เบื้องต้นบ้างซึ่งวันเนี้ยได้รับเกียรติ
00:01:42 → 00:01:46 มากๆเลยโอ๊คที่จะพูดคุยกับเอ่อเภสัชกรนะ
00:01:46 → 00:01:50 คะตอนนี้ร้อยตำรวจเอกพงพันชัยพักนะคะ
00:01:50 → 00:01:55 เภสัชกรสบ 1 กลุ่มงานเภสัชเอ่อเภสัชกรรม
00:01:55 → 00:01:58 นะคะผู้ช่วยโฆษกโรงพยาบาลตำรวจอยู่ในสาย
00:01:58 → 00:02:01 กับเราแล้วนะคะสวัสดีครับสวัสดีครับ
00:02:01 → 00:02:04 สวัสดีครับขออนุญาตเรียกคุณหมอแล้วกัน
00:02:04 → 00:02:08 ง่ายๆนะผมคุณหมอพงษ์พันนะฮะติดปากอ่ะคน
00:02:08 → 00:02:11 ไทยก็พออยู่ในเกี่ยวกับบุคลากรทางการ
00:02:11 → 00:02:15 แพทย์ก็เรียกคุณหมอหมดเลยนะฮะเออนะฮะขอ
00:02:15 → 00:02:17 อนุญาตแล้วกันนะครับเพื่อเพื่อให้ง่ายต่อ
00:02:17 → 00:02:21 การเข้าใจได้นะครับเอ่อคเอาเลยนะพี่ขวัญ
00:02:21 → 00:02:25 นะเราเราเราสงสเครื่องเรองยาเออบชื่อหัว
00:02:25 → 00:02:28 ข้อวันนี้รายการ 2 ก็มีครบเครื่องเรื่อง
00:02:28 → 00:02:31 ข่ะเราก็ครบเครื่องเรเรื่องยาด้วยถูกต้อง
00:02:31 → 00:02:35 ค่ะเบื้องต้นเลยค่ะเกี่ยวกับความรู้พื้น
00:02:35 → 00:02:37 ฐานเกี่ยวกับยาเนี่ยถ้าถ้าจะต้องบอกว่า
00:02:37 → 00:02:39 เราควรรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องยายา
00:02:39 → 00:02:42 สามัญประจำบ้านต้องรู้มยว่าคมีอะไรพื้น
00:02:42 → 00:02:46 ฐานเราต้องรู้อะไรบ้างคะอืพื้นฐานเลยเคือ
00:02:46 → 00:02:48 ก็คือว่ายาเนี่ยครับจะสามารถที่จะแบ่ง
00:02:48 → 00:02:51 เป็นหลายประเภทมากๆครับอย่างที่คุณขวัญ
00:02:51 → 00:02:54 เรียนไปเมื่อสักครู่อ่ะครับว่ายาก็คือมี
00:02:54 → 00:02:57 ยาสาวรประจำบ้านซึ่งยาสาวรประจำบ้านเนี่ย
00:02:57 → 00:03:01 เป็นยาที่ทุกบ้านควรมีิตบ้านไว้เพื่อใช้
00:03:01 → 00:03:04 ประถมพยาบาลตัวเองเบื้องต้นครับผมเป็นยา
00:03:04 → 00:03:07 ที่เอ่อใช้สำหรับรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ
00:03:07 → 00:03:11 น้อยๆเบื้องต้นที่ยาที่อยู่ในกลุ่มเนี้ย
00:03:11 → 00:03:14 จะเป็นยาที่ค่อนข้างที่จะปลอดภัยครับก็
00:03:14 → 00:03:17 เลยสามารถที่จะให้ประชาชนเนี่ยซื้อหามา
00:03:17 → 00:03:21 ใช้ในการดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ครับอืค่ะ
00:03:21 → 00:03:24 แต่ส่วนใหญ่เนี่ยก็คือจะมีการซื้อหามา
00:03:25 → 00:03:27 อยู่แล้วแต่แต่มีการใช้ผิดในยาสามัญประจำ
00:03:27 → 00:03:30 บ้านเคยเกิดกรณีอะไรแบบนี้มั้ยคะมี
00:03:30 → 00:03:33 แบบเข้าใจผิดมคะมีใครผิดได้ครับก็คือเช่น
00:03:33 → 00:03:36 เอ่อยกตัวอย่างยาสามัญกระจำบ้านที่อยู่ใน
00:03:36 → 00:03:39 กลุ่มแก้ปวดรถไข้ที่เรารู้จักกันเป็น
00:03:39 → 00:03:42 อย่างดีก็คือยาพาราเซตามอลครับ
00:03:42 → 00:03:45 พาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดรถไข้แต่ว่าถ้า
00:03:45 → 00:03:49 เกิดว่าใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหรือ
00:03:49 → 00:03:52 ว่าขนาดยาไม่เหมาะสมเี้ครับก็อาจจะทำให้
00:03:52 → 00:03:54 เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เจะทำให้ตับทำ
00:03:54 → 00:03:58 การหลักเป็นต้นเครับผมอืค่ะครับผมสวนอ่ะ
00:03:58 → 00:04:02 ถ้าอย่างงั้นเรากินยาพาราได้ได้นานแค่ไหน
00:04:02 → 00:04:05 บ่อยแค่ไหน่ะคะอ่าครับคือโดยปกติแล้วเรา
00:04:05 → 00:04:08 จะใช้ก็ต่อเมืมีอาการเท่านั้นนะครับอค่ะ
00:04:08 → 00:04:12 ถ้าเกิดว่ามีอาการตัวร้อนเป็นไข้ป่วด
00:04:12 → 00:04:16 เนี่ยเราถึงจะมีข้อปุมใช้ในการใช้ยาพาอ
00:04:16 → 00:04:20 แต่ว่าถ้าเกิดว่าไม่มีอาการเหล่านี้เช่น
00:04:20 → 00:04:23 เหมือนจะมีบางครั้งที่เราได้ยินจากผู้
00:04:23 → 00:04:26 หลักผู้ใหญ่สอนเรามาว่าอ่ะกินดักไว้ก่อน
00:04:26 → 00:04:28 อะไรอย่างเงี้ยครับถ้าเทางการแพทย์เนี่ย
00:04:28 → 00:04:31 ถือว่าเป็นการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมนะครับ
00:04:31 → 00:04:34 และขอตอบคำถามเมื่อสักครู่ว่ายาพาราเนี่ย
00:04:34 → 00:04:37 ใช้ต่อเนื่องกันได้นานสักเท่าไหร่ถ้าตาม
00:04:37 → 00:04:40 ฉลากยาจะแนะนำไว้เลยว่าควรใช้เื่อมีอาการ
00:04:40 → 00:04:43 เท่านั้นแล้วก็ใช้ต่อเนื่องไม่ติดต่อกัน
00:04:43 → 00:04:47 ไม่เกิน 5 วันครับอยู่ใช้เอาการดีขึ้นอ่า
00:04:47 → 00:04:51 ก็มีระยะเวลาจำกัดของเขา่ะถามต่อเพื่อ
00:04:51 → 00:04:54 ความกระจ่างเลยพอสมมุติเรากินครบ 5 วัน
00:04:54 → 00:04:57 คุณหมอเราควรหยุดไปซักกี่วันถึงจะกินให
00:04:57 → 00:05:00 ได้นะเออประมาณนั้นน่ะอย่างน้อยเนี่ยควร
00:05:00 → 00:05:03 หยุดไปสัก 3 วันครับแต่ว่าถ้าเกิดโดยปกติ
00:05:03 → 00:05:05 แล้วเราใช้ยาพาราเกิน 5 วันเนี่ยแล้ว
00:05:06 → 00:05:09 อาการยังไม่ทุราหรือไม่ดีขึ้นนะครับแสดง
00:05:09 → 00:05:11 ว่าอาการที่เราเป็นเนี่ยอาจจะอาจจะเป็น
00:05:11 → 00:05:13 ค่อนข้างที่จะเยอะแล้วดังนั้นเนี่ยเราควร
00:05:13 → 00:05:17 ที่จะปรึกษาแพทย์หรือเกรก่อที่จะไปเริ่ม
00:05:17 → 00:05:20 ต้นยามาอีกครั้งนึงมันมันมีมยคุณหมอแบบมี
00:05:20 → 00:05:22 แบบเขาเรียกว่าอะไรอ่ะเ่อเป็นเป็นไข้หวัด
00:05:23 → 00:05:25 อนะสมมุติเราเป็นไข้หวัดเอ่อกิน
00:05:25 → 00:05:29 พาราเซตามอลสักเ่อ 3 วัน 5 วันปุ๊บหายอ่ะ
00:05:29 → 00:05:32 สมมุติหายละอีกอีกอีกอีก 2 วัน 3 วันต่อ
00:05:32 → 00:05:35 มาเราเป็นแบบเป็นปวดหัวขึ้นมาปวดหัวไม่
00:05:35 → 00:05:38 รู้แหละปวดหัวอะไรขึ้นมาแล้วกินพาราต่อ
00:05:38 → 00:05:41 อย่างเงี้ยเป็นเป็นไปได้มั้ยทำได้มั้ยฮะ
00:05:41 → 00:05:45 ก็ทำได้ครับก็ใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการเท่า
00:05:45 → 00:05:49 นั้นซึ่งเราอาจจะทานแค่วันละ 1 1 ครั้ง
00:05:49 → 00:05:52 แล้วอาการในรอบๆนึงอาจจะดีขึ้นอะไรอย่าง
00:05:52 → 00:05:55 เงี้ยครับก็จะเว้นระยะเวลาสักระยะหนึ่ง
00:05:55 → 00:06:01 แล้วก็กลับมาทำได้ครับผมอืือืใช่บางคนมี
00:06:01 → 00:06:06 กรณีเก็บยาไว้เก็บไว้นานมากแต่ึงคราวที่
00:06:06 → 00:06:10 ปวดเนี่ยอ้ามันไม่มีแล้วอ่ะแต่ว่าออกไป
00:06:10 → 00:06:12 ไหนก็ไม่ได้แล้วแต่ยาเนี่ยยหมดอายุไป
00:06:12 → 00:06:16 เมื่อสัก 3 เดือน 6 เดือนมันกินได้มั้ยคะ
00:06:16 → 00:06:20 อืครับเป็นคำถามที่เพพัชกรจะพบบ่อยมาก
00:06:20 → 00:06:22 ครับคำถามว่ายาหมดอายุเนี่ยสามารถที่จะ
00:06:22 → 00:06:25 ใช้ต่อได้หรือเปล่านะครับอโดยปกติแล้ว
00:06:25 → 00:06:27 เนี่ยยาหมดอายุเนี่ยแสดงว่ายาเนี่ยครับ
00:06:27 → 00:06:30 เสี่ยมคุณภาพไปแล้วการเสื่อมคุณภาพของยา
00:06:30 → 00:06:33 เนี่ยจะมีบางประเภทที่ค่อนข้างน่ากลัว
00:06:33 → 00:06:36 ครับก่อนหน้าที่ยังไม่หมดอายุเนี่ยยา
00:06:36 → 00:06:40 เนี่ยจะออกิเป็นยาในการรักษาโรคครับแต่
00:06:40 → 00:06:42 ว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปเนี่ยยาตัวนั้น
00:06:42 → 00:06:45 หรือว่าโครงสร้างแเคมีของยาตัวนั้นนะครับ
00:06:45 → 00:06:48 อาจจะจัดเปลี่ยนกลายเป็นสารผิษได้ดังนั้น
00:06:48 → 00:06:51 การที่เรารับประทานยาที่หมดอายุเนี่ยครับ
00:06:51 → 00:06:54 ก็จะทำให้เราอาจจะได้รับสผิเข้าไปก็เป็น
00:06:54 → 00:06:58 ได้ครับออค่ะใช่ครับก็คอนเฟิร์มเลยว่าถ้า
00:06:58 → 00:07:02 ยาหมดแล้วหรือยาเสื่อมคุณภาพแล้วไม่ควร
00:07:02 → 00:07:05 ทานครับแม้กระทั่งว่าเอ่อตัวสมมุติว่า
00:07:05 → 00:07:08 กระปุกยาเนี่ยครับวันหมดอายุข้างกระปุก
00:07:08 → 00:07:10 เนี่ยยังเขียนว่ายังไม่หมดอายุแต่ลักษณะ
00:07:10 → 00:07:15 ของเม็ดยาสีของเม็ดยาดูผิดปกติไปสัตเดิน
00:07:15 → 00:07:19 เช่นปกติยาพมอเนี่ยควรที่จะเป็นเม็ดสีขาว
00:07:19 → 00:07:22 แต่ว่าเก็บไว้สักพักนึงสัก 2-3 เดือนอยา
00:07:22 → 00:07:28 มีจุดครับดำเกิดขึ้นหรือว่ามีเม็ดยาบิน
00:07:28 → 00:07:30 อะไรเงี้ยเก็ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรใช้
00:07:30 → 00:07:34 แล้วถือว่าเป็นยาเปลี่ยนสภาพครับผมอื
00:07:34 → 00:07:36 อย่างเมื่อมื่อมีการเปลี่ยนสภาพไม่ว่าจะ
00:07:36 → 00:07:41 เล็กน้อยหรือว่าเอ่อเยอะขนาดไหนเอ่อมันก็
00:07:41 → 00:07:45 ควรจะหลีกเลี่ยงในการเอามารับประทานดูแล
00:07:45 → 00:07:48 ตัวเองกินยานั้นั้นเลยใช่เพราะว่าก็ถือ
00:07:48 → 00:07:50 ว่าเป็นยาเสื่อมเสื่อมสภาพแล้วครับเพราะ
00:07:50 → 00:07:52 ฉะนั้นทุกครั้งที่เราได้ยาเราควรที่จะ
00:07:52 → 00:07:55 สังเกตด้วยครับครับส่วนใหญ่ยาเม็ดอ่ะคุณ
00:07:55 → 00:07:58 หมอเอ่อมันจะมีลักษณะที่เปลี่ยนสภาพยังไง
00:07:58 → 00:08:01 ครับเพราะว่าเอ่อส่วนใหญ่นะมันก็บางบาง
00:08:01 → 00:08:03 เม็ดก็เป็นสีขาวโอเคถ้ามันเปลี่ยนสภาพอาจ
00:08:03 → 00:08:05 จะมีจุดอาจจะมีความเปลี่ยนแปลงไปอันนี้
00:08:05 → 00:08:08 ชัดเจนแต่บางบางชนิดน่ะมันเป็นแบบสีผสมมา
00:08:08 → 00:08:11 เนาะพี่ขวัญเนาะเราจะเห็นเป็นสีๆสันๆก็
00:08:11 → 00:08:13 เยอะพอสมควรเอ่อหรือจะเป็นแบบแคปซูลอะไร
00:08:13 → 00:08:16 แบบเนี้ยมันมันมันดูยังไงได้บ้างครับอ่า
00:08:16 → 00:08:18 ครับเช่นถ้าเกิดว่าเป็นอ่ายกตัวอย่างเช่น
00:08:19 → 00:08:22 ยาเม็ดนะครับปกติยาเม็ดเอ่อลองนึกถึงยา
00:08:22 → 00:08:25 เม็ดที่เราเจอบ่อยๆเช่นยาพาราเซตามอลมัน
00:08:25 → 00:08:28 จะเป็นเม็ดที่ค่อนข้างที่จะแน่นๆคือหมาย
00:08:28 → 00:08:31 ถึงว่ารูปทรงเนี่ยชัดเจนครับแต่ถ้าเกิดยา
00:08:31 → 00:08:33 เสื่อมคุณภาพในรูปแบบยาเมเนี่ยส่วนมากจะ
00:08:33 → 00:08:36 เกิดการแบบบีบตัวขึ้นนะครับคล้ายๆแบบว่า
00:08:36 → 00:08:39 ซ้อนกันุยนิดหน่อยอ่าประมาณนั้นครับ
00:08:40 → 00:08:43 ลักษณะอย่างนี้ก็ก็ถือว่ายาที่เป็นยาที่
00:08:43 → 00:08:46 เสื่อมคุณภาพก็ไม่ควรใช้ต่อครับหรือถ้า
00:08:46 → 00:08:48 เป็นยาแคปซูลเนี่ยจะสังเกตได้ค่อนข้าง
00:08:48 → 00:08:51 ง่ายครับว่าแคปซูลเนี่ยมีลักษณะที่จะิ่ม
00:08:51 → 00:08:55 เหลวหรือว่ายาที่อยู่แคปซูลเนี่ยมันรั่ว
00:08:55 → 00:08:57 ออกมาแล้วยาพวกเครับก็ถือว่าเป็นยาเสื่อม
00:08:57 → 00:09:01 คุณภาพก็ไม่แนนอนให้ใช้ครับยาน้ำอ่ะแถมซะ
00:09:01 → 00:09:05 หน่อยยาน้ำยาน้ำอ่าครับเช่นยาน้ำปกติควร
00:09:05 → 00:09:08 ที่จะเอ่อถ้าเป็นยาน้ำใสก็จะต้องเป็น
00:09:08 → 00:09:10 ลักษณะเหมือนเป็นน้ำเชื่อมครับแต่ถ้าอยู่
00:09:10 → 00:09:14 ดีๆแล้วมีการตกตะกรเกิดขึ้นออืออะไรพวก
00:09:14 → 00:09:19 เนี้ยครับก็คือไม่ควรใช้ครับผมอืแต่ว่ายา
00:09:19 → 00:09:22 ยาบางชนิดที่เป็นยาน้ำแขวงตะกอนก็คือจะ
00:09:22 → 00:09:25 เกิดการแยกชั้นของยาอยู่แล้วออเพราะ
00:09:25 → 00:09:28 ฉะนั้นข้างสลากยาจะเขียนว่าให้เอปวดก่อน
00:09:28 → 00:09:32 ใช้ยาทุกครั้งครับถ้าเขย่าแล้วแล้วชั้น
00:09:32 → 00:09:36 ตะกครับยังแยกชอยู่ชัดเจนอย่าก็ถือว่ายา
00:09:36 → 00:09:39 ก็เสียคุณภาพไม่ควรใช้อ่าผมเคยเห็นยาพวก
00:09:39 → 00:09:44 นี้กับพวกอะไรนะยายาธาตุเ่าที่ประมาดนั้น
00:09:44 → 00:09:48 ใช่ครับออเป็นวิธีสังเกตง่ายๆพอที่จะเข้า
00:09:48 → 00:09:50 ใจะพอที่จะเป็นเป็น
00:09:51 → 00:09:54 เป็นเป็นเกราะได้ะเป็นความรู้เบื้องต้น
00:09:54 → 00:09:57 เป็นความรู้พื้นฐานให้กับเราถ้าในโหมดยา
00:09:57 → 00:10:00 สามัญประจำบ้านเนี่ยเอ่อเภสัชกรพวงพันธ์
00:10:00 → 00:10:03 มีอะไรจะเพิ่มเติมให้มั้ยคะเพราะว่า
00:10:03 → 00:10:06 เดี๋ยวถ้าย้ายจากยาสามัญประจำบ้านขวัญจะ
00:10:06 → 00:10:09 ไปที่ยาแก้ปวดกับยาต้านอักเสบแล้วว่ามี
00:10:09 → 00:10:13 อะไรค่ะครับผมถ้ายาสัประจำบ้านก็คือเป็น
00:10:13 → 00:10:16 ยาที่เอ่อเราควรมีติดตั้นไว้อย่างที่
00:10:16 → 00:10:20 เรียนไปข้างต้นนะครับแล้วก็ใช้ตามฉลักตาม
00:10:20 → 00:10:23 คำแนะนำข้างฉลักอย่างเคร่งครัดครับเช่นยา
00:10:23 → 00:10:25 บางชนิเนี่ยบอกว่าเป็นยาใช้ภายนอกเท่า
00:10:25 → 00:10:29 นั้นเราก็ไม่ควรที่จะเอามารับประทานอือ
00:10:29 → 00:10:31 หรือว่าเอาไใช้ติดประเทศประมาณนี้ครับ
00:10:31 → 00:10:35 สำหรับยาใช้ภายนอกหรือว่าเอ่อยาสับตอน
00:10:35 → 00:10:38 บ้านก็จะมีสักไว้ประมาณนี้ยาสามัญประจำ
00:10:38 → 00:10:41 บ้านที่คำว่าสามัญประจำบ้านเ่ะอะไรที่นับ
00:10:41 → 00:10:44 เป็นยาสามัญประจำบ้านบ้างคุณหมอออครับก็
00:10:44 → 00:10:47 ยาสประจำบ้านเนี่ยถ้าเกิดการประกาศ
00:10:47 → 00:10:50 กระทรวงสาธารณสุขเนี่ยจะประกอบไปด้วยยา
00:10:50 → 00:10:52 หลายกลุ่มมากเลยครับก็คือครอบคลุมทั้ง
00:10:52 → 00:10:56 ระบบในร่างกายเราเลยเช่นอ่าตัวแรกที่ยก
00:10:56 → 00:11:00 ตัวอย่างไปก็คือยาพาราแก้ปวดใช่นะครับผม
00:11:00 → 00:11:03 แล้วก็ยากลุ่มถัดไปก็เช่นยาแก้แพ้ครับแก้
00:11:03 → 00:11:07 แพ้บรรเทาอาการหวัดพืดพันเป็นต้นครับแล้ว
00:11:07 → 00:11:10 ก็ในกลุ่มถัดไปจะเป็นยาแก้เมารถเมาเรือ
00:11:10 → 00:11:14 แก้ววิเวียนสุะประมาณนี้นะครับแล้วก็เป็น
00:11:14 → 00:11:17 ยาใช้ภายนอกพวกยาทาแผลอะไรพวกนี้เป็นต้น
00:11:17 → 00:11:21 ครับก็จะมียาที่ขายได้อ่ายาที่จำหน่าย
00:11:21 → 00:11:24 อยู่ในร้านสะดวกซื้อหรือว่าจำหน่ายอยู่
00:11:24 → 00:11:27 ตามห้างจับสินค้าที่อยู่ในโหมดที่เรา
00:11:27 → 00:11:29 สามารถที่จะไปเดินเลือกกันได้เองเองเนี่ย
00:11:29 → 00:11:32 ครับก็จะถือเป็นยาสัประจำบ้านแล้วจะมี
00:11:32 → 00:11:35 ฉลากปรากฏอยู่ครับเป็นฉลากสีเขียวว่าเป็น
00:11:35 → 00:11:38 ยาสัญประจำบ้านครับหมายความว่าเอ่อเอ่อคน
00:11:38 → 00:11:41 ตงจุดนั้นไม่ต้องมีเพสัตดูแลก็คือสามารถ
00:11:41 → 00:11:44 หยิบได้เลยแต่ถ้ามีเพสัตดูแลนั้นคือยา
00:11:44 → 00:11:47 เฉพาะเฉพาะบางโรคและที่จะต้องใช้ความ
00:11:47 → 00:11:49 เชี่ยวชาญมามาเสิร์ฟมาเสิร์ฟและถูกต้อง
00:11:49 → 00:11:53 ครับก็คือจะยาอีกกลุ่มนึงก็จะจะอัพอัคา
00:11:53 → 00:11:56 ขึ้นไปอีกนิดนึงก็คือจะขึ้นทะเบียนเป็นยา
00:11:56 → 00:12:00 อันตรายครับผมอืที่ที่กลุ่มออกมาจากยา
00:12:00 → 00:12:05 สาบ้านนะครับครับค่ะอ่าถ้างั้นยาในกลุ่ม
00:12:05 → 00:12:07 ยาแก้ปวดยาต้านการอักเสบเถือว่าเป็นยา
00:12:07 → 00:12:11 อันตรายที่ต้องมีเภสัชกรในการเอ่อซื้อ
00:12:11 → 00:12:14 ต้องซื้อกับเภสัชกรหรือเปล่าคะใช่ครับคือ
00:12:14 → 00:12:17 ยาอันตรายเนี่ยจะต้องถูกจ่ายโดยแพทย์หรือ
00:12:17 → 00:12:20 เพศกรเท่านั้นครับผมประชาชนเนี่ยไม่ไม่
00:12:20 → 00:12:24 สามารถที่จะซื้อหามาใช้เองได้ครับก็
00:12:24 → 00:12:27 เนื่องจากว่ายาในกลุ่มเนี้ยเอ่อจะต้องได้
00:12:27 → 00:12:31 รับคำแนะนำเฉพาะเพะจากบุคลากรทางการแพทย์
00:12:31 → 00:12:33 เท่านั้นครับถึงจะสามารถที่จะให้ผู้ป่วย
00:12:33 → 00:12:36 เนี่ยใช้ยาได้ครับก็จะขึ้นถูกขึ้นทะเบียน
00:12:36 → 00:12:39 เป็นยาอันตาร้ายครับผมอื
00:12:40 → 00:12:44 ค่ะซึ่งแต่ว่าในในสังคมไทยเอันเนี้ยพูด
00:12:44 → 00:12:48 กันตามที่พบเจอเลยนะคะคือยาต้านอักเสบ
00:12:48 → 00:12:50 ต่างๆเนี่ยเวลาเราเดินเข้าไปในร้านเนี่ย
00:12:50 → 00:12:53 เราก็ซื้อได้โดยที่ไม่ต้องมีใบคำสั่ง
00:12:53 → 00:12:56 แพทย์ก็ได้แต่ว่าโอเคซื้อกับเภสัชกรแต่
00:12:56 → 00:12:59 เวลาครับผมซื้อมาแล้วเนี่ยจำนวนเก็ไม่ได้
00:12:59 → 00:13:03 จำกัดใช่่มคะก็เวลาเอามาใช้เองที่บ้านปวด
00:13:03 → 00:13:06 นิดปวดหน่อยบางบางคนก็เคยชินกับการใช้ยา
00:13:06 → 00:13:11 คลายเส้นอยากคายกล้ามเนื้ออันเนี้ยมันคือ
00:13:11 → 00:13:14 ถูกมยปวดแค่ไหนถึงจะใช้ยาคลายเส้นได้อ่ะ
00:13:14 → 00:13:18 คะอ๋อครับคือเบื้องต้นเนี่ยเราต้องดูก่อน
00:13:18 → 00:13:20 ครับว่าเอ่อถ้ามีผู้ป่วยเดินเข้ามาในร้าน
00:13:20 → 00:13:23 แล้วก็บอกว่าต้องการที่จะซื้อยาคายเส้นนะ
00:13:23 → 00:13:26 ครับในฐานะเรชกรก็จะต้องประเมินเบื้องต้น
00:13:26 → 00:13:29 ก่อนว่าอาการปวดนนะครับมันเกิดจากอะไรกัน
00:13:29 → 00:13:33 แน่เช่นถ้าหากว่าเกิดจากการที่แบบว่าโดน
00:13:33 → 00:13:35 เ้าเรียกว่าอะไรโดนกระแทกรุนแรงอะไรเงี้ย
00:13:35 → 00:13:38 ครับอันยอาจจะต้องไปลงพยาบาลเพราะว่าเรา
00:13:38 → 00:13:40 ไม่แน่ใจว่าข้างในเนี่ยมีเกิดการหักหรือ
00:13:40 → 00:13:43 ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าหรือว่ามีก้ามเ
00:13:43 → 00:13:47 ฉีดขาดอะไรหรือเปล่าประมาณนี้นะครับก็ถ้า
00:13:47 → 00:13:50 เราจะให้เป็นคะแนนความปวดครับว่าคนไข้
00:13:50 → 00:13:55 เนี่ยมีความปวดนะเวลานั้นน่ะขนาดไหนครับ
00:13:55 → 00:13:57 คะแนความป่วดเราจะให้ตั้งแต่ 0 ถึง 10
00:13:57 → 00:14:01 คะแนน 0 คือไม่ปวดเลย 10 คะแนนนี้คือปวด
00:14:01 → 00:14:03 ที่สุดในชีวิตนะครับเราก็จะประเมินกับ
00:14:03 → 00:14:06 คะแนนความปวดเพื่อที่จะเลือกยาให้เหมาะสม
00:14:06 → 00:14:09 ก่อคนไ่าครับผมเเของไพ่บอกว่ารู้สึกปวด
00:14:09 → 00:14:13 แค่ประมาณ 1-2 คะแนนนะครับเกสากรก็อาจจะ
00:14:13 → 00:14:17 ให้เป็นยาทาถูกนวดไปเาการตรวจก่อนอืก่อน
00:14:17 → 00:14:21 ที่จะไปเป็นยารับประทานอะไรตลอดอค่ะครับ
00:14:21 → 00:14:24 อ่าไหนๆก็ยาแก้ป่วยมาแล้วคุณผู้ฟังส่งคำ
00:14:24 → 00:14:27 ถามมาพอดีพี่ขวัญเชิญเลยค่ะเอ่อคุณหมอ
00:14:27 → 00:14:31 ครับคุณผู้ฟังถามว่าเอ่อตัวคุณผู้ฟัง
00:14:31 → 00:14:33 เนี่ยเอ่อไม่ว่าจะเป็นคือมีไม่ว่าจะมี
00:14:33 → 00:14:39 อาการปวดหัวหรือว่าไม่มีอาการที่เกี่ยว
00:14:39 → 00:14:41 กับปวดหัวจากการนอนดึกหรือว่าดื่มเยอะ
00:14:41 → 00:14:44 เกินไปก็พยายามดูแลตัวเองตลอดแต่ว่าไม่
00:14:44 → 00:14:47 ประสบความสำเร็จก็เลยต้องพึ่งในการกินยา
00:14:47 → 00:14:50 พาราอย่างเดียวค่ะต้องมีติดบ้านไว้เลย
00:14:50 → 00:14:53 เป็นหลายๆกระปุกเลยเอ่อถามคุณหมอว่า
00:14:53 → 00:14:56 ลักษณะแบบเนี้ยคือเมื่อมีอาการปวดหัวหรือ
00:14:57 → 00:15:00 ว่าเอ่อปวดหัวจากอาการใดก็แล้วแต่เนี่ย
00:15:00 → 00:15:03 แล้วแล้วร่างกายมันมันไม่สามารถเหมือนรู้
00:15:03 → 00:15:05 สึกว่าร่างกายเนี่ยไม่สามารถที่จะดูแลตัว
00:15:05 → 00:15:08 เองได้หรือฟื้นฟูตัวเองได้ต้องทานยาทุก
00:15:08 → 00:15:10 ครั้งมันจะดีขึ้นอะไรเงี้ยเป็นอาการที่
00:15:10 → 00:15:14 ติดติดยาพาราหรือเปล่าคุณหมอเอ่ออาการติด
00:15:15 → 00:15:18 ยาพารานี้คือยังไม่มีนะครับยังไม่มีคาม
00:15:18 → 00:15:21 ว่าแบบอาการติดยาพาราแต่ว่าอเอ่ออาจจะ
00:15:21 → 00:15:24 เป็นความคุ้นชินในการใช้ยามากกว่าครับว่า
00:15:25 → 00:15:27 ว่าเราใช้ยาแล้วอาการดีขึ้นอะไรประมาณนี้
00:15:28 → 00:15:30 ครับถ้าในับทางการแพทย์ก็จะเรียกว่า
00:15:30 → 00:15:32 passable aic ครับ passable Acid หมาย
00:15:32 → 00:15:35 ความว่าการที่เราได้รับอะไรเข้าไปในร่าง
00:15:35 → 00:15:38 กายแล้วแต่เราเข้าใจว่าตัวนั้นคือยาเนี่ย
00:15:38 → 00:15:41 ครับเราร่างกายเราตัวเราจะรู้สึกว่าดี
00:15:41 → 00:15:44 ขึ้นอาการดีขึ้นประมาณนี้เป็นต้นครับ
00:15:44 → 00:15:48 เพราะว่าเอ่อออิึงเวลาที่เราจะวิจัยการ
00:15:48 → 00:15:51 ใช้ยาตัวใตัวหนึ่งเนี่ยครับเราผลิตยา a
00:15:51 → 00:15:54 ขึ้นมาว่ายา a เนี่ยเป็นยาที่จะกินแล้วจะ
00:15:54 → 00:15:56 หายตัวครับเราจะต้องแบ่งคนไข้ออกเป็น 2
00:15:56 → 00:16:00 กลุ่มครับกลุ่มแรกเนี่ยเราจะให้ญ a จริงๆ
00:16:00 → 00:16:02 กกลุ่มที่ 2 เนี่ยเราจะให้ยาหลอกโดยทีุ่ก
00:16:02 → 00:16:05 ย่างหน้าตาเนี่ยจะเหมือนยา a อือเหมือน
00:16:05 → 00:16:09 กันแบบแยกกันไม่ออกเลยประมาณนี้ครับผม
00:16:09 → 00:16:12 เพื่อดูว่าทั้ง 2 กลุ่มเนี่ยเอ่อกลุ่มที่
00:16:12 → 00:16:14 ได้ยาจริงกับกลุ่มที่ได้ยาหลอกเนี่ยอาการ
00:16:14 → 00:16:18 แตกต่างกันมั้ยประมาณเครับผมออือก็เลยรู้
00:16:18 → 00:16:22 สึกว่าน่าจะเป็นความเคยชินต่อการแบบได้
00:16:22 → 00:16:25 รับยามากกว่าที่ทำให้อาจารดีขึ้นประมาณ
00:16:25 → 00:16:29 นี้ครับอ่าๆเป็นการเคยชินแต่ว่าก็ถ้าถ้า
00:16:29 → 00:16:31 ปรับเอ่อความเชื่อหรือว่าปรับปรับใน
00:16:31 → 00:16:34 เรื่องของเ่อพฤติกรรมในการปวดแล้วต้องกิน
00:16:34 → 00:16:38 ยาตลอดเยถ้าถ้ายังอยู่ในสกบที่กินไม่ได้
00:16:38 → 00:16:41 ต่อเนื่องกันเป็นประจำก็ยังพอพอโอเคใช่
00:16:41 → 00:16:44 มั้ยคุณหมอใช่ครับใช่เราอาจจะต้องแก้ไข
00:16:44 → 00:16:48 ที่สาเหตุของสิ่งที่ทำให้เราอ่าอาการไม่
00:16:48 → 00:16:51 ดีก่อประมาณนี้ครับผมเออฮก็ไปแก้ที่ต้น
00:16:51 → 00:16:54 เหตุด้วยร่วมด้วยแต่ถ้าไม่ไหวก็ทานยาก็
00:16:54 → 00:16:56 ได้แต่ว่าอย่าเกินอย่างที่บอกอย่ากินต่อ
00:16:56 → 00:17:00 เนื่องเกิน 5 วันใช่ครับเยเบื้องต้นนะ
00:17:00 → 00:17:04 ครับผมอือๆครับอค่ะตัวกลุ่มยาแก้ปวดหรือ
00:17:04 → 00:17:07 กลุ่มยาโดยทั่วไปเนี่ยเอ่อหลายๆคนเท่าที่
00:17:07 → 00:17:10 มีความรู้นะคะคุณคือไม่กินยากับเครื่อง
00:17:10 → 00:17:15 ดื่มแอลกอฮอล์แล้วล่ะครับเอ่อกับนมกาแฟฮะ
00:17:15 → 00:17:18 ใช่ครับนอกจากนั้นมีอื่นๆที่จะแนะนำมั้ย
00:17:18 → 00:17:21 คะว่าห้ามรับประทานยากับเครื่องดื่มหรือน
00:17:21 → 00:17:26 เครื่องเอ่อของเหลวอะไรบ้างอ๋อครับโดยโดย
00:17:26 → 00:17:28 ทั่วไปเนี่ยจะแนะนำว่าการรับประทานยา
00:17:28 → 00:17:31 เนี่ยครับควรรับประทานยากับน้ำเปล่าจะดี
00:17:31 → 00:17:34 ที่สุดครับเพราะว่าน้ำเปล่าเนี่ยจะช่วยใน
00:17:34 → 00:17:37 การที่จะให้ยาเนี่ยละลายได้ในกระเพาะ
00:17:37 → 00:17:41 อาหารวะถุดูุมในทางเดนอาหารได้ดีที่สุดนะ
00:17:41 → 00:17:43 ครับผมแต่ว่าเอ่อก็อาจจะมียาบางประเภท
00:17:44 → 00:17:46 ครับเช่นยาล่าสุดที่ออกมาเนี่ยเป็นยา
00:17:46 → 00:17:50 รักษาบหวานครับโดยปกติเราจะโดยทั่วไปจะ
00:17:50 → 00:17:53 แนะนำให้คนไข้เนี่ยรับประทานยาร่วมกับ
00:17:53 → 00:17:55 ดื่มน้ำประมาณสัก 1 แก้วใหญ่เพื่อที่จะ
00:17:55 → 00:17:58 ให้ยาเนี่ยตกลงไปในทางเดินอาหารอย่างแน่
00:17:58 → 00:18:01 นอนเงี้ครับแต่ว่าก็จะมียาบางประเภทเช่น
00:18:01 → 00:18:05 ห้ามรับประทานน้ำเกิน 150 ซีซีเพราะว่า
00:18:05 → 00:18:08 ถ้าเกิดรับประทานน้ำเยอะเกิ้นไปเนี่ยยาจะ
00:18:08 → 00:18:12 ไม่ถูกออกิก็เป็นต้นครับผมอาจจะมียากลุ่ม
00:18:12 → 00:18:15 ใหม่ๆเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาเราได้รับยา
00:18:15 → 00:18:19 ครับว่าอาจจะต้องศึกษาเภสัชกรตู้่ายาอีก
00:18:19 → 00:18:21 ทีนึงครับว่ายาตัวนี้เนี่ยมีคำแนะนำพิเศษ
00:18:21 → 00:18:24 ใดๆบ้างครับอย่างที่คุณปัดเหรียญแดงก็คือ
00:18:24 → 00:18:26 ไม่แนะนำให้รับประทานยาพร้อมกับเครื่อง
00:18:26 → 00:18:30 หยุ่นแอลกอฮอลอ่าเครื่องดิที่มีคาเฟอีนนะ
00:18:30 → 00:18:35 ครับหรือหรือว่านมเป็นต้นครับอือืค่ะอัน
00:18:35 → 00:18:39 นี้ขอสอบถามหน่อยค่ะว่ากรณีเราใช้ยาที่
00:18:39 → 00:18:42 เป็นยาพ่นเอ่อพ่นคอพ่นปากพ่นจมูกอะไร
00:18:42 → 00:18:46 อย่างเงี้ยครับพ่นพ่นปุ๊บดื่มน้ำได้ปั๊บ
00:18:46 → 00:18:50 เลยมยหรือว่าต้องเว้นระยะเวลาค่ะอ่าโดย
00:18:50 → 00:18:53 ปกติถ้าเกิดเป็นยาพ่นคอที่จะช่วยลดอาการ
00:18:53 → 00:18:56 อักเสบ2ของช่องพออย่างเงี้ยครับก็แนะนำ
00:18:56 → 00:19:00 ว่าก็ดื่น้ำก่อนครับแล้วก็เว้นสัก 5 นาที
00:19:00 → 00:19:04 เพื่อให้เ่อน้ำเนี่ยได้ดุดซึมไปก่อนแล้ว
00:19:04 → 00:19:07 ก็ถึงค่อยพ่นยาพวกนี้เพื่อที่จะให้ยาเ
00:19:07 → 00:19:11 ครับติดกับบริเวณที่อักเสบหรือว่าเวา
00:19:11 → 00:19:14 บริเวณที่มีอาการผิดปกติได้นานยิ่งขึ้น
00:19:14 → 00:19:18 ประมาดนี้ครับผมอืก็เป็นทิทริกริกนะทริก
00:19:18 → 00:19:23 ในการใช้ใช่ครับเอออเพราะปกติแล้วถ้าเป็น
00:19:23 → 00:19:29 ยาพ่นคออ่ะก็ก็แทบจะไม่ค่อยได้ใช้ทริกใน
00:19:29 → 00:19:31 การดื่มน้ำก่อนสักเท่าไหร่นะคุณคุณหมอพอ
00:19:31 → 00:19:35 ดีก็ถ้ารู้สึกราคายเคืองหรือว่าเจ็บคอก็
00:19:35 → 00:19:38 จัดเลยหยิบมาพ่นเลยหยิบพ่นเลยยกตัวอย่าง
00:19:38 → 00:19:41 อีกยาอีกประเภทนึงที่จะให้ผิดไว้อ่ะครับ
00:19:41 → 00:19:44 ก็คือเวลาเราเป็นแผลร้อนในในปากอ่ะครับ
00:19:44 → 00:19:47 เราก็เป็นยายาป้ายป้ายแผลหล้อ
00:19:47 → 00:19:50 ให้ไม่ทราบว่าเคยเคยใช้กันหรือเปล่าครับ
00:19:50 → 00:19:56 ยาป้ายปากเป็นีมใชมใช่ใช่มฮะอจะพบปัญหา
00:19:56 → 00:20:00 ว่าพอป้ายปุ๊บหลุดปั๊บเลยยอยู่บริเวณแผ
00:20:01 → 00:20:04 ประมาณนี้มครับใชใช่ค่ะแล้วก็ป้ายปึ๊บ
00:20:04 → 00:20:06 หลุดปั๊บแล้วก็มันจะเป็นก้อนๆเหมือนขี้
00:20:06 → 00:20:09 ผึ้งอะไรอย่างเงี้ยแล้วก็อ้าวหายไปแล้วอื
00:20:09 → 00:20:11 ไม่รู้ตัวเองกินไปด้วยหรือ
00:20:11 → 00:20:15 เปล่าเทคนิคสำหรับวิธีการใช้ยาใต้แผนต่าง
00:20:15 → 00:20:19 ๆเครับก็เราจะแนะโดยปกติก็จะแนะนำคนไข้
00:20:19 → 00:20:22 ว่าให้สับให้สับสัตวคันหลังออกก่อนนะครับ
00:20:22 → 00:20:26 เช่นปัพวกคราบน้ำลายออกก่อนด้วยคอนบักสับ
00:20:26 → 00:20:30 ถึงใต้ายาออือูเนี่ยติดกับแผลได้นานยิ่ง
00:20:30 → 00:20:32 ขึ้นครับผมสมมุติปัญหาอย่างที่คุณฝันแจ้ง
00:20:32 → 00:20:35 เมื่อสักครู่ว่าเอ่อยาเป็นก้อนๆขี้ผึ้ง
00:20:35 → 00:20:38 แล้วก็หลุดออกไปอะไรประมาณนี้ครับอ๋อก็มี
00:20:38 → 00:20:41 เทคนิคในการใช้นะพี่ขวัญใช่ครับใช่เออก็
00:20:41 → 00:20:44 ก็ไม่คยยิ่งบอกเลยนะโอได้ใส่ใจเท่าไหร่
00:20:44 → 00:20:48 ใครผ่านการดัดฟันมานะรู้จักทุกคนอ่าเพราะ
00:20:48 → 00:20:51 มันเกี่ยวเหรอยาตัวนี้แล้วก็จะมีปัญหามาก
00:20:51 → 00:20:53 เพราะว่าเกี่ยวปากใช่มั้ยผู้ป่วยหลายๆคน
00:20:53 → 00:20:56 ก็จะมาฝึกได้รับการศึกษาว่ายาป้ายไปแล้ว
00:20:56 → 00:21:00 แต่ยาไม่ติดแผนเลยอ่ะออ่าแต่จริงๆแล้วมัน
00:21:00 → 00:21:03 มีเทคนิคอยู่ก็ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะ
00:21:03 → 00:21:07 คุณคุณผู้ฟังคุณผู้ชมเอ่อตอนขอขอย้อนกลับ
00:21:07 → 00:21:10 ไปที่ตัวลักษณะของเครื่องดื่มหรือว่า
00:21:10 → 00:21:12 ลักษณะการดื่มเกี่ยวกับยาสักนิดนึงนะคุณ
00:21:12 → 00:21:15 หมอพอดีคุณผู้ฟังถามมาเกี่ยวเนื่องไม่
00:21:15 → 00:21:18 อยากโดดไปไกลนะครับถามมาว่าถ้ากรณีที่วัน
00:21:18 → 00:21:21 ใดวันหนึอ่ะคุณหมอเราต้องมียาที่กินอยู่
00:21:21 → 00:21:24 เป็นประจำอ่ะหรือว่าต้องเป็นยาที่เป็น
00:21:24 → 00:21:27 เป็นประเภทยาคุมอะไรอย่าเงี้ยอยู่แล้วอ่ะ
00:21:27 → 00:21:29 คุณหมอแต่วันนั้นน่ะ
00:21:29 → 00:21:32 ก่อนหน้าที่เราจะกินยาเราดันไปดื่มแบบ
00:21:32 → 00:21:34 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดื่มเครื่องดื่มแบบ
00:21:34 → 00:21:38 มึนเมามาแล้วมันจะกินกับยาได้มยหลังจาก
00:21:38 → 00:21:40 นั้นหรือว่ามันต้องทิ้งระยะห่างหรือเปล่า
00:21:40 → 00:21:44 หรือว่ามันมีวิธีการจัดการกับตรงนี้ยังไง
00:21:44 → 00:21:48 คุณหมอครับก็ต้องอย่างแรกเนี่ยคือต้องดู
00:21:48 → 00:21:51 ก่อนครับว่ายาตัวนั้นน่ะเป็นยาประเภทไหน
00:21:51 → 00:21:55 ครับจะมียาบางบางชนิดเนี่ยที่ไม่สามารถ
00:21:55 → 00:21:57 ที่จะให้ร่วมกับแอลกอฮอล์ได้เลยครับเพราะ
00:21:58 → 00:22:02 ว่าจะทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติทันที
00:22:02 → 00:22:05 เลยถ้าเกิดว่ายาสัมผัสกับแอลกอฮอล์เป็น
00:22:05 → 00:22:09 ต้นเยครับผมก็จะมีอาการผปกติหน้าแดงความ
00:22:09 → 00:22:12 ดันโลหิตปั่นอะไรอย่างเงี้ยครับอันนี้จะ
00:22:12 → 00:22:15 เกิดขึ้นในยา่าเฉียดบางประเภทที่เนี่ยรับ
00:22:15 → 00:22:17 ประทานร่วมกับเครื่องบิ่นที่มีส่วนผสมของ
00:22:17 → 00:22:21 แอลกอฮอล์ครับอืดังนั้นเนี่ยจะต้องแยก
00:22:21 → 00:22:24 เป็นประเภทประเภทของยาไปครับว่ายาตัวนั้น
00:22:24 → 00:22:27 เนี่ยซีเรียสแค่ไหนในการที่จะรับประทาน
00:22:27 → 00:22:31 ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อยู่ออ
00:22:31 → 00:22:33 แสดงว่าต้องก็ต้องต้องรู้จักตัวยาชนิด
00:22:33 → 00:22:36 นั้นก่อนว่าอ่ะสมมุติถ้าเป็นยาคุมล่ะยา
00:22:36 → 00:22:39 คุมทันได้มั้ยคุณหมอโดยทั่วไปแล้วก็ถ้า
00:22:39 → 00:22:42 ตามหลักวิชาการจริงๆคือเราจะแนะนำว่าต้อง
00:22:42 → 00:22:46 ทานพร้อมน้ำเปล่าดีที่สุดนะครับแล้วก็แต่
00:22:46 → 00:22:48 ระยะเวลาในการรับประทานหหารจ่แอลกอฮอล์
00:22:48 → 00:22:51 เนี่ยก็คือไม่ได้มีข้อข้อบ่งคิดเอ้ยไม่
00:22:52 → 00:22:55 ได้มีข้อตลายตัวครับว่าจะต้องอานเท่าไหร่
00:22:55 → 00:22:58 อะไรประมาณนี้ครับอืหรือถ้ารู้สมมุตินะ
00:22:59 → 00:23:01 ถ้าวันนั้นเรารู้ว่ามีปาร์ตี้วันเนี้มี
00:23:01 → 00:23:04 ปาร์ตี้นัดเพื่อนไว้ละกินก่อนจะไปดื่มได้
00:23:04 → 00:23:08 มั้ยใแนะนำให้เป็นทานเวลาเดิมๆของทุกๆวัน
00:23:08 → 00:23:10 เหมือนยาคุมกำเนิดเครับก็จะมีเวลาที่จะ
00:23:10 → 00:23:14 ต้องทานอ่ะปกติจะทานทุก 20:00 นก็จะทาน
00:23:14 → 00:23:17 ทุก 2 ทอะไรประมาณนี้ครับอ๋อรวมถึงยาอื่น
00:23:17 → 00:23:20 ๆด้วยมยคุณหมอหรือว่าอะไรก็ไม่จริงๆ้าควร
00:23:20 → 00:23:22 เลี่ยงดูตามดูตามประเภทของยามากกว่าต้อง
00:23:22 → 00:23:24 ต้องดูตามประเภทของยามากกว่าครับเพราะยา
00:23:25 → 00:23:28 บางชนิดเนี่ยยา่าเชื้อบางตัวเนี่ยคือห้าม
00:23:28 → 00:23:31 เลยห้าแบบสผัสแอลกอฮอลเลยแม้กระทั่งนิด
00:23:31 → 00:23:34 เดียวก็จะทำให้เกิดอาการีปกติได้เลยได้
00:23:34 → 00:23:36 เออเพราะฉะนั้นก็ต้องก็ต้องคุณผู้ฟังก็
00:23:36 → 00:23:40 ควรจะถ้ารู้วันไหนที่จะต้องต้องดื่มหรือ
00:23:40 → 00:23:42 มีปาร์ตี้อะไรก็ดูตัวยาของตัวเองให้ดี
00:23:42 → 00:23:44 ก่อนนะอันนี้สำคัญเหมือนกันนะจริงๆมันมัน
00:23:44 → 00:23:48 อันตรายขนาดไหนถ้าเรากินยาที่แบบมันมี
00:23:48 → 00:23:52 เอฟเฟคกับการดื่มเครื่องดื่มพวกเนี้ยก็มี
00:23:52 → 00:23:56 ยาบางตัวที่เป็นงา่าเชื้อนะครับว่าถ้าทาน
00:23:57 → 00:23:58 พร้อมกับเครื่องหยุ่นที่มีสส่วนผสมของ
00:23:59 → 00:24:02 แอลกอฮอลในที่เนี้ยรวมถึงยาบางชนิดที่มี
00:24:02 → 00:24:06 แอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเช่นยาธาตุ้ำแดง
00:24:06 → 00:24:09 ที่เวลาเราทานเราจะรู้สึกซ่าๆในเงี้ยครับ
00:24:09 → 00:24:11 เมื่อทานร่วมกว่ายาตัวนี้ก็อาจจะทำให้
00:24:11 → 00:24:16 ความรโลหิตต่ำหน้าแดงอือประมาณนี้เลยครับ
00:24:16 → 00:24:19 อือีกสักคำถามก่อนที่จะเบรคแล้วกันนะพี่
00:24:19 → 00:24:22 ขวัญคุณหมอฮะค่ะเอ่อคุณผู้ฟังถามมาว่ายา
00:24:22 → 00:24:28 แก้เมารถเมาเรือเนี่ยทานติดต่อกันเอ่อ 9
00:24:28 → 00:24:31 วันวันละ 1 เม็ดเช้าเอ่อทุกเช้าเนี่ยถือ
00:24:31 → 00:24:36 ว่ามากไปมั้ยเออคุณหมอเพราะว่าจริงๆะคุณ
00:24:36 → 00:24:38 ผู้ฟังบอกว่าเอเพราะว่าคนที่กินเนี่ยเขา
00:24:39 → 00:24:42 บอกเมารสจริงๆมันต้องกินทุกวันจริงๆอย่าง
00:24:42 → 00:24:45 เงี้ยเป็นเป็นเป็นเป็นเรื่องที่ต้องระวัง
00:24:45 → 00:24:49 มั้ยหรือว่ามันก็ทำได้คุณหมอก็ถ้าเกิดว่า
00:24:49 → 00:24:52 รับประทานแค่วันละ 1 เม็ดครับแล้วก็ในขณะ
00:24:52 → 00:24:55 ที่ผู้ป่วยเนี่ยเอ่อในคนไข้ที่คนผู้ที่
00:24:55 → 00:24:59 ใช้ยาเนี่ยไม่มีโรคประจำตัวหรือว่าไม่มี
00:24:59 → 00:25:02 อาการิดปกติอะไรก็สามารถที่จะใช้ได้ครับอ
00:25:02 → 00:25:06 อ๋อใช่ครับเพราะว่าเนื่องจากว่ายังมี
00:25:06 → 00:25:10 อาการผิดปกตินั้นๆอยู่ก็สามารถที่จะทำได้
00:25:10 → 00:25:13 ครับถ้าเกิดในตัวคนไข้ไม่มีปัญหาเกี่ยว
00:25:13 → 00:25:16 กับการทำงานของัดหรือใต้ผิปกติอะไรอย่าง
00:25:16 → 00:25:20 งี้ก็สามารถที่จะใช้ได้ครับออๆๆโอเคนะ
00:25:20 → 00:25:24 ครับก็ก็ถือว่าอย่างน้อยคือผมว่าเข้าใจนะ
00:25:24 → 00:25:27 คนที่แบบเมารถเมาเรือเนี่ยนพี่ขวัญใครที่
00:25:27 → 00:25:31 เป็นเนี่ยโอหโหทำไมเข้าใจไม่ไหวจริงๆนะ
00:25:31 → 00:25:34 ใช่แล้วก็เวลาใครที่อุตส่าห์แบบซื้อทริป
00:25:34 → 00:25:36 ไปต่างประเทศแล้วอ่ะคือแบบถ้ามันเกิด
00:25:36 → 00:25:38 อาการไม่สบายมันจะเสียดายมากเพราะฉะนั้น
00:25:39 → 00:25:41 คือบางคนใช้ใช้วิธีการกินยาแก้เมารสเมาา
00:25:41 → 00:25:45 เรือไปก่อนเลยแล้วก็เพื่อเจอยกับทริปนั้น
00:25:45 → 00:25:49 อ่าอันนี้ก็หลายๆคนก็ใช้ทริกนี้ก็ก็น่าจะ
00:25:49 → 00:25:51 เป็นที่มาของคำถามว่ากินยาติดต่อกัน 9
00:25:51 → 00:25:54 วันน่าจะใชกังวลกังวลการติดกินยาติดต่อ
00:25:54 → 00:25:57 กันนั่นเองนะอ่ะช่วงนี้จริงๆมีคำถามรัน
00:25:57 → 00:26:00 เข้ามาพอสมควรเลยพี่ขวัญแต่ว่าเดี๋ยวขอ
00:26:00 → 00:26:02 พักกันสักครู่แล้วเดี๋ยวกลับมาคุยเกี่ยว
00:26:02 → 00:26:05 กับเรื่องครบเครื่องเรื่องยากันต่อนะครับ
00:26:05 → 00:26:07 พักกันสักครู่นึงครับก็ยังคุยเกี่ยวกับ
00:26:08 → 00:26:10 ครบเครื่องเรื่องยานะประเด็นในวันนี้นะ
00:26:10 → 00:26:15 ครับคุณผู้ฟังก็ยังสอบถามเข้ามาพอสมควร
00:26:15 → 00:26:18 เลยนะครับแต่ว่าไปคำถามก่อนเอไปที่คำถาม
00:26:18 → 00:26:21 ก่อนก็ได้ฮะเอ่อมีคำถามนึงพี่ขวัญที่เป็น
00:26:21 → 00:26:24 คำถามที่เข้ามาบ่อยมากเลยแล้วก็พี่ขวัญ
00:26:24 → 00:26:29 เองก็พูดคำนี้บ่อยเหมือนกันสเตรอย
00:26:29 → 00:26:32 สเตรอยด์เออคุณผู้ฟังอาจจะเกิดคำถามข้อ
00:26:32 → 00:26:35 สงสัยว่าสเตรอยด์คืออะไรอ่ะคุณหมอแล้วก็
00:26:35 → 00:26:38 ทำไมถึงเป็นส่วนผสมของยาในการรักษาหลายๆ
00:26:38 → 00:26:41 อาการเลยแต่ทำไมมันก็มีผลข้างเคียงด้วย
00:26:41 → 00:26:43 แล้วมันเป็นอันตรายหรือเปล่าผลข้างเคียง
00:26:43 → 00:26:47 เนี้ยแล้วก็ที่สำคัญคือห้ามซื้อมาทานเอง
00:26:47 → 00:26:49 หรือเปล่าหรือว่าห้ามทานติดต่อกันนานเท่า
00:26:49 → 00:26:53 ไหร่เออครับคุณหมอเป็นคำถามที่ดีมากเลย
00:26:53 → 00:26:56 ครับยาสเตียรอยด์เนี่ยคือเป็นยาเป็นกลุ่ม
00:26:56 → 00:26:59 ยากลุ่มยานึงที่ใช้ค่อนข้างหลากหลายในทาง
00:27:00 → 00:27:03 การแพทย์ครับถ้าเกิดว่าเป็นยาที่ใช้ในการ
00:27:03 → 00:27:07 รับประทานกับเป็นยาฉีดเนี่ยจะกเป็นยายา
00:27:07 → 00:27:10 อันตรายแล้วก็ยาพวกปุมพิเศษครับไม่สามารถ
00:27:10 → 00:27:14 ที่จะประชาชนไม่สามารถที่จะซื้อหามาแล้ว
00:27:14 → 00:27:17 ก็ทานยาเอ้ยใช้เองได้ครับแต่ถ้าเกิดว่ายา
00:27:17 → 00:27:21 สเตรอยด์ในกลุ่มที่เป็นยาชาเป็นยาครีมนะ
00:27:21 → 00:27:25 คะก็ก็จะมีจำหน่ายอยู่ตามร้ายฉายาครับที่
00:27:25 → 00:27:28 เอ่อเวลาเพสกรเนี่ยสามารถที่จะให้คำแนะนำ
00:27:29 → 00:27:31 แล้วก็ใช้ได้ครับเนื่องจากว่ายาสเตรอยด์
00:27:31 → 00:27:34 เนี่ยจะเป็นยาในกลุ่มที่จะลดอาการอักเสบ
00:27:35 → 00:27:37 ของร่างกายครับเหมือนจะไปกดอาการอักเสบ
00:27:37 → 00:27:40 ของร่างกายไว้ดังนั้นเนี่ยก็จะทำให้เอ่อ
00:27:40 → 00:27:44 อาการหลายๆโรคเนี่ยทุเลลงเช่นเราอยู่ดีๆ
00:27:44 → 00:27:48 เรามีอาการปวดข้อครับปวดเข่าโดยที่เป็น
00:27:48 → 00:27:50 ข้อเข่าอักเสบเนี่ยครับถ้าเราได้รับยา
00:27:50 → 00:27:53 สเตียรอยด์ไปเนี่ยเราก็จะรู้สึกดีโดยที่
00:27:53 → 00:27:56 ไม่มีอาการป่วดดดาวเป็นต้นแต่ในขณะเดียว
00:27:56 → 00:28:00 กันยาสเตรอยเก็จะทำให้ร่างกายเนี่ยผิด
00:28:00 → 00:28:05 ปกติไปเช่นจะทำให้ไทำงานผิดปกติได้หรือ
00:28:05 → 00:28:09 ว่าจะทำให้เอ่อเกิดแผในกระเพาะอาหารได้
00:28:09 → 00:28:13 อย่างนี้เป็นต้นครับครับถ้าเมื่อทานแล้ว
00:28:13 → 00:28:15 หรือว่าจำเป็นต้องทานเนี่ยหรือต้องจำเป็น
00:28:15 → 00:28:18 ต้องใช้นะคุณหมอมันมันมันมันควรจะไม่เกิน
00:28:18 → 00:28:20 ระยะเท่าไหร่ถึงว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อ
00:28:20 → 00:28:23 ร่างกายได้อืครับก็คือขึ้นอยู่กับว่า
00:28:24 → 00:28:27 สภาวะโรคหรือว่าสภาวะร่างกายที่คนไข้เป็น
00:28:27 → 00:28:30 เลยครับเชถ้าเกิดว่าในกรณีที่คนไขเป็นโรค
00:28:30 → 00:28:34 เกี่ยวกับโรคผิปติทางด้านพันธุกรรมหรือ
00:28:34 → 00:28:36 ว่าเป็นโรคผิปติทางด้านเกี่ยวกับเรื่อง
00:28:36 → 00:28:39 ระบบโลหิของร่างกายเงี้ยครับในผู้ป่วยบาง
00:28:39 → 00:28:42 รายหรือว่าในผู้ป่วยที่ได้รับการปลุกถย
00:28:42 → 00:28:45 อวยวะครับเ่อกลุ่มผู้เปื่อยเหล่าเอาจจะ
00:28:45 → 00:28:47 ต้องมีการใช้สติยาสเตียรอยด์เนี่ยไปยาวๆ
00:28:47 → 00:28:51 นานๆเลยครับผมในขณะเดียวกันถ้าเกิดว่ามี
00:28:51 → 00:28:55 อาการอักเสบของร่างกายเล็กๆน้อยๆเนี่ยก็
00:28:55 → 00:28:59 คุณหมอเนี่ยจะเป็นคนที่จะเ่อส่ายาแล้วก็
00:28:59 → 00:29:02 ค่อยๆที่จะลดขนาดยาลเพื่อที่จะหยุดยาเป็น
00:29:02 → 00:29:06 ต้นครับผมอือือค่ะแต่ถ้าเกิดว่าเป็นยา
00:29:06 → 00:29:09 สเตียรอยด์ในกลุ่มที่เป็นยาทาอย่างที่บอก
00:29:09 → 00:29:12 ไปข้างต้นว่าเอ่อในกรณีที่เกิดดผื่นคัน
00:29:12 → 00:29:14 ที่ไม่มีอาการติดเชื้อร่วมด้วยอะไรอย่า
00:29:14 → 00:29:18 เงี้ยครับก็อาจจะทาได้เมื่ออาการดีขึ้นก็
00:29:18 → 00:29:21 สามารถที่จะหยุดใช้ยาได้เลยครับแตกต่าง
00:29:21 → 00:29:23 จากยารับประทานหรือยาฉีดที่จะต้องมีการ
00:29:24 → 00:29:29 ค่อยๆปรับขนาดยาเเพื่อที่จะให้หยยาตอือื
00:29:29 → 00:29:34 แล้วถ้ากรณีที่ผื่นคันบริเวณเอบริเวณแรก
00:29:34 → 00:29:37 เนี่ยหายไปแล้วจากการเราทายาสเตียรอยด์
00:29:37 → 00:29:41 ของที่ซื้อมาแล้วพอเกิดผื่นใหม่หยิบหลอด
00:29:41 → 00:29:44 เดิมมาใช้ได้มั้ยคะซึ่งไม่แน่ใจว่าสาเหตุ
00:29:44 → 00:29:48 มันอันเดียวกันหรือเปล่าผื่นคล้ายๆเดิม
00:29:48 → 00:29:51 บริเวณใกล้เคียงเดิมนะครับแล้วก็ไม่ได้
00:29:51 → 00:29:54 เป็นบริเวณเยอะหรือไม่ได้เป็นบริเวณก้า
00:29:54 → 00:29:57 กว้างเนี่ยอาจจะรอใช้ยาหลอดเดิมเนี่ยใช้
00:29:57 → 00:30:00 ดูก่อนได้ได้ครับผมแต่ถ้าเกิดว่าอ่าผื่น
00:30:00 → 00:30:04 ไม่ดีขึ้นหรือว่ามีขยายขนาดมากขึ้นเป็น
00:30:04 → 00:30:06 หลายบริเวณมากขึ้นเนี่ยอาจจะต้องกลับไป
00:30:06 → 00:30:10 ปรึกษาเชากรที่ที่ได้รับยามาประมาณนี้
00:30:10 → 00:30:14 ครับออืค่ะครับเ่ออีกคำถามนึงนะโอ๊กใน
00:30:14 → 00:30:17 Facebook ไลฟที่เห็นคุณวีท็อปนะคะถามมา
00:30:17 → 00:30:23 ว่ายาไอราโซน 100 มิลลิกรัมต้านเชื้อรา
00:30:23 → 00:30:26 ที่เล็บกิน 2 ครั้งเอ่อกินครั้งละ 2
00:30:26 → 00:30:30 แคปซูลวันละ 2 ครั้งอันตรายมตอนเนี้ยเอ่อ
00:30:30 → 00:30:33 คุณหมอยังไม่ได้ถอดเล็บให้กินยาต้านเชื้อ
00:30:33 → 00:30:36 ราไปก่อนเพื่อที่จะให้เล็บเก่าดันออกมา
00:30:36 → 00:30:40 ให้เล็บ่ะดันออกมาก่อนอันเนี้ยคือกินยา
00:30:40 → 00:30:44 เป็นลักษณะเนี้ยอันตรายไคะอืถ้าเกิดว่า
00:30:44 → 00:30:48 ได้รับการสั่งสายยาโดยแพทย์นะครับครับจะ
00:30:48 → 00:30:50 ค่อนข้างปลอดภัยเนื่องจากว่าแพทย์เนี่ยจะ
00:30:50 → 00:30:53 ได้ประเมินรอยโรคแล้วว่ารอยโรคประเภท
00:30:53 → 00:30:56 เนี้ยเกิดจากการติดเชื้อลาแล้วก็ให้ยา
00:30:56 → 00:30:59 ไอต้าส่วนโสที่เป็นยาฆ่าเชื้อราอือแล้วก็
00:30:59 → 00:31:03 ขนาดยาเนี่ยเหมาะสมครับการที่จะรับประทาน
00:31:03 → 00:31:06 ยาตามแพทยสั่งไปเรื่อยๆเนี่ยถือว่าเป็น
00:31:06 → 00:31:08 วิธีที่ดีที่สุดครับแล้วก็อีกอย่างนึง
00:31:08 → 00:31:11 เนื่องจากว่ายาไอตคนโซเนี่ยเป็นยาฆ่า
00:31:11 → 00:31:14 เชื้อราดังนั้นเนี่ยจะต้องมีระยะเวลาการ
00:31:14 → 00:31:18 รักษาที่จะต้องทานยาให้ครบตามจำนวนที่
00:31:18 → 00:31:20 แพทย์วางแผนการรักษาไว้ครับหรือว่าเอ่อ
00:31:20 → 00:31:23 แพทในทางการก็คือทานยาให้ครบโดสเพื่อป้อง
00:31:23 → 00:31:26 กันการเกิดเฉือด้วยาในอนาคตนั่นเองครับอ
00:31:26 → 00:31:31 อืออือก็แน่นอนว่าพอพอแพทย์เอ่อสั่งยา
00:31:31 → 00:31:34 ด้วยตัวเองเนี่ยมันมันก็มีความเฉพาะเจาะ
00:31:34 → 00:31:37 จงแล้วนะคุณหมอก็ประเมินแล้วล่ะว่าอ่าการ
00:31:37 → 00:31:40 รักษาโรคชนิดนี้มันต้องใช้ประมาณนี้แล้ว
00:31:40 → 00:31:44 ก็ดูกันต่อว่ามันมันเพียงพอมอาการดีขึ้น
00:31:44 → 00:31:45 มั้ยใช่มั้ยคุณหมอส่วนใหญ่จะประเมินอย่าง
00:31:45 → 00:31:49 งั้นเป็นระยะระะก่อนถูกต้องครับอย่างเอ่อ
00:31:49 → 00:31:51 เหมือนคนไทยก็จะมีความเชื่อหลายๆความ
00:31:51 → 00:31:55 เชื่อที่ค่อนข้างที่จะขัดแย้งกับเอ่อใน
00:31:55 → 00:31:59 ทางการแพร่เช่นเอ่อยาโรคจำตัวหลายๆตัวที่
00:31:59 → 00:32:01 รับประทานยาต่อเนื่องนานๆเดี๋ยวกลัวจะ
00:32:01 → 00:32:03 เป็นโรคตับโรคไปอะไรอย่างเงี้ยครับก็เลย
00:32:03 → 00:32:07 แบบหยุดยาเองเพราะว่ากัวไตจะพังอะไรอย่าง
00:32:07 → 00:32:10 งี้เป็นต้นครับแต่จริงๆแล้วคือถ้าเกิดว่า
00:32:10 → 00:32:12 ไม่ทานยาเนี่ยอยกตัวอย่างเช่นยาเบาหวานเง
00:32:12 → 00:32:15 ครับถ้าเกิดว่าไม่รับประทานยาหรือรับ
00:32:15 → 00:32:17 ประทานยาไม่สมัเสมออันนี้แหละครับจะเป็น
00:32:17 → 00:32:20 สาเหตุที่จะทำให้ไปเสื่อมหรือว่าไปทังใน
00:32:20 → 00:32:23 อนาคตได้ครับผมเพิ่งอ่านเจอมาเลยนะคุณหมอ
00:32:23 → 00:32:26 ใช่เอาจริงผมเพิ่งอ่านเจอในๆๆเชื่อเชื่อ
00:32:26 → 00:32:29 ป้าข้างบ้านใช่มในเพจอะไรสักอย่างเนี่ย
00:32:29 → 00:32:32 แหละแล้วก็เอ่อมีการแชร์ประสบการณ์อย่าง
00:32:32 → 00:32:36 เงี้เลยแบบเดียวกันเลยคือคนป่วยเบาหวาน
00:32:36 → 00:32:39 เลิกกินยาเบาหวานเพราะว่ากลัวไตพังเพรา
00:32:39 → 00:32:43 กินกินบ่อยกินเยอะกินถี่กินนานกลัวไตพัง
00:32:43 → 00:32:46 แต่แต่จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างงั้นยาเบาหวาด
00:32:46 → 00:32:48 ไม่ได้ทำให้ไตพังใช่มั้ยแต่การเลิกกินนี่
00:32:48 → 00:32:53 แหละหรือว่าขาดยานี่แหละเออทำให้ไตพัง
00:32:53 → 00:32:55 เวลาเรารับยาอยู่กับแพ่เงี้ยเหมือนถ้า
00:32:55 → 00:32:57 เกิดเราป่วยเป็นเบาหวานเราไปรับยาที่ง
00:32:57 → 00:33:00 พยาบาลแพทย์ตรวจประเมินแล้วว่าเราจะต้อง
00:33:00 → 00:33:04 ใช้ยาเอ่อในเวลาที่แพทย์สั่งจ่ายยาให้เรา
00:33:04 → 00:33:07 เนี่ยครับจะสั่งจ่ายยาที่จะต้องรับประทาน
00:33:07 → 00:33:11 ในระยะเวลานานๆเนี่ยแค่จะมีการตรวจติดตาม
00:33:11 → 00:33:16 ค่าของการทำงานของไตค่าการทำงานของตัครับ
00:33:16 → 00:33:18 อยู่แล้วครับผมเพื่อที่จะคอยปรับขนาดยา
00:33:18 → 00:33:22 ให้คนไข้สนี้ครับเพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล
00:33:22 → 00:33:26 ครับมีมั้ยเคสที่แบบคุณหมอเจอมาแล้วแบบ
00:33:26 → 00:33:29 มันเป็นประมาณเนี้ยเอ่อประมาณว่าครั้งที่
00:33:29 → 00:33:32 แล้วจ่ายยาชนิดนี้ไปแหละเพื่อรักษาการเย
00:33:32 → 00:33:37 เอ้ยมีคนไข้แบบหัวหมอเฮ้ยคุณหมอไม่ใช่ไม่
00:33:37 → 00:33:40 ใช่กุณหมอก็เดี๋ยวเราไปหายาแบบเนี้ยตัว
00:33:40 → 00:33:43 เนี้ยเอาไปให้ร้านยาแถวบ้านดูแล้วก็ซื้อ
00:33:43 → 00:33:45 มากินเองต่ออีกสักชุดนึงได้ไม่ต้องมาหา
00:33:45 → 00:33:48 โรงพยาบาลบ่อยๆดีมั้ยมีมยมีมยครับคุณหมอ
00:33:48 → 00:33:52 โอโดเจอพบเจอบ่อยมากเลยครับแต่ว่าเนื่อง
00:33:52 → 00:33:55 ด้วยว่ายาโลคประจำตัวเนี่ยจะต้องใช้ต่อ
00:33:55 → 00:33:59 เนื่องนานๆแล้วก็อเป็นยาอันตรายครับดัง
00:33:59 → 00:34:02 นั้นเนี่ยการที่จะต้องไปตรวจติดตามค่า
00:34:02 → 00:34:05 เลือดต่างๆเนี่ยถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น
00:34:05 → 00:34:08 ในการที่จะใช้ปรับขนาดยาเพิ่มขนาดยาหรือ
00:34:08 → 00:34:12 ว่าดขนาดยาดังนั้นเนี่ยควรที่จะต้องไปพบ
00:34:12 → 00:34:15 แพทย์ตามนัดเพื่อที่จะเจาะดูค่าต่างๆของ
00:34:15 → 00:34:18 ร่างกายหรือว่าควรที่จะได้รับการตรวจร่าง
00:34:18 → 00:34:21 กายเพิ่มด้วยครับไม่ใช่ว่าได้ยาตัวเดิม
00:34:21 → 00:34:24 แล้วก็จะทายาตัวเดิมไปตลอดชีวิตอย่างนี้
00:34:24 → 00:34:28 เป็นต้นครับออค่ะแต่ยาตัวตัวนึงที่ต้อง
00:34:28 → 00:34:31 กินให้หมดตามคำสั่งแพทย์ด้วยนี่ก็คือยา
00:34:31 → 00:34:34 พวกกลุ่มปฏิชีวนะเนี่ยคือต้องกินให้ครบ
00:34:34 → 00:34:37 เลยใช่มคะถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วหาย
00:34:37 → 00:34:39 ดีแล้วเนี่ยค่ะอันนี้คือความเข้าใจที่ถูก
00:34:39 → 00:34:43 ยคะถูกต้องมากๆเลยครับยาปฏิชีวนะหรือว่าอ
00:34:43 → 00:34:46 คนไทยเราจะเข้าใจกันในชื่อที่เป็นยาค่า
00:34:46 → 00:34:49 เชื้อแบคทีเรียเครับจะต้องทานติดต่อกัน
00:34:49 → 00:34:52 ตามแพ่สั่นอย่างเคร่งครัดแม้การดีขึ้น
00:34:52 → 00:34:55 แล้วก็ห้ามหยุดยาเพราะว่าการหยุดยาเนี่ย
00:34:55 → 00:34:59 จะทำให้เอ่อเชื้อโคแนั้นนะครับอาจจะมีการ
00:34:59 → 00:35:02 พัฒนาแล้วก็ทำให้ร่างกายเนี่ยเกิดเฉือได้
00:35:02 → 00:35:05 ยาขึ้นในอนาคตได้ครับในอนาคตก็จะไม่
00:35:05 → 00:35:08 สามารถที่จะใช้ยาในตัวนี้หรือว่าในกลุ่ม
00:35:08 → 00:35:10 นี้ได้อีกครับผม
00:35:10 → 00:35:14 อืครับมีคุณผู้ฟังจากทางบ้านถามมาว่ายา
00:35:14 → 00:35:17 ความดันโลหิตสูงเนี่ยกินได้ต่อเนื่องตลอด
00:35:17 → 00:35:20 มครับมีผลข้างเคียงมอันนี้ก็น่าคล้ายๆกับ
00:35:20 → 00:35:24 กรณีเบาหวานหรือเปล่าคะใช่ครับคล้ายๆกัน
00:35:24 → 00:35:27 เลยครับยารักษาความดันโลหิตสูงเากความดัน
00:35:27 → 00:35:30 ผิดสูงเป็นโรคประจำตัวเหรือรังที่ต้องใช้
00:35:30 → 00:35:32 ระยะเวลาในการรักษาไปตลอดครับเพราะว่าหาก
00:35:33 → 00:35:35 เราหยิบยาเนี่ยอาจจะทำให้เกิดอาการผิด
00:35:35 → 00:35:39 ปกติได้เช่นอาจจะทำให้เส้นเืในสมองแตกได้
00:35:39 → 00:35:41 อะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับหรือว่าจะทำให้
00:35:41 → 00:35:43 ไจเสื่อมได้เพราะฉะนั้นเนี่ยจะต้องรับ
00:35:43 → 00:35:47 ประทานยาตอนที่แพทย์สั่งไปเรื่อยๆครับแต่
00:35:47 → 00:35:49 ว่าแพทย์เนี่ยจะมีการตรวจติดตามแล้วก็มี
00:35:49 → 00:35:52 การตรวจร่างกายเพื่อที่จะดูความเหมาะสม
00:35:52 → 00:35:55 ของยาอยู่แล้วครับเช่นว่าเอ่อเวลาเรารับ
00:35:56 → 00:35:59 ประทานยารคนโลหิตแล้วแต่ว่าความดันเรายัง
00:35:59 → 00:36:02 ไม่ถึงเป้าหมายที่แพ่ต้องการวางไว้ก็จะมี
00:36:02 → 00:36:05 การเพิ่มยาหรือมีการปรับยาอะไรแบบนี้อยู่
00:36:05 → 00:36:07 แล้วครับผมอแต่อ่า
00:36:08 → 00:36:11 ยาในกลุ่มรถความันเนี่ยก็อาจจะมีอาการ
00:36:11 → 00:36:15 ข้างเคียงหรืออาการไม่พิงผสมได้แต่ดัง
00:36:15 → 00:36:17 นั้นเนี่ยถ้าเกิดได้รับยาแล้วให้สังเกต
00:36:17 → 00:36:20 อาการครับว่ามีอาการปิดปกติอะไรเกิดขึ้นม
00:36:20 → 00:36:23 เช่นได้รับยาไปแล้วอยู่ดีๆมีเท้าวัวมาก
00:36:23 → 00:36:26 ผิดปกติก็ให้รีบแจ้งแพทย์หรือเสัตกรเพื่อ
00:36:26 → 00:36:30 ที่จะได้หาทางแก้ไขอาการค่า้เคียงเหล่า
00:36:30 → 00:36:35 เหล่านั้นครับอือคำว่าบวมมากกว่าเอ่อบวม
00:36:35 → 00:36:38 ผิดปกตินี่คือแบบบวมแบบใส่รองเท้าไม่ได้
00:36:38 → 00:36:41 แต่ถ้าบวมแบบรู้สึกตึงๆที่เท้าแค่ตึงๆ
00:36:41 → 00:36:44 เนี่ยถือว่าผิดปกติมั้ยคะถอ่าถ้าเกโดย
00:36:44 → 00:36:47 ปกติถ้าถ้าปกติแล้วเราเราไม่มีอาการแบบ
00:36:47 → 00:36:50 นี้แต่ว่าพอเราก็ทานยาไปแล้วรู้สึกว่าอ้อ
00:36:50 → 00:36:53 เท้าปึงๆก็อาจจะให้ปรึกษาคุณหมอได้ครับ
00:36:53 → 00:36:56 ว่าเอ่อคุณหมอเห็นควรว่าอย่างไรเราก็จะมี
00:36:56 → 00:36:59 วิธีการดูแลหลายวิธีครับเช่นบางวิธีเนี่ย
00:36:59 → 00:37:03 เราเอ่อได้รับยาลดความดันโลหิตไปแล้วแต่
00:37:03 → 00:37:06 ว่าเท้าตึงๆแต่ว่าไม่มีอาการถือปกติอย่าง
00:37:06 → 00:37:09 อื่นคุณหมออาจจะลองให้ใช้ยาดูก่อนก่อนที่
00:37:09 → 00:37:11 จะเปลี่ยนยาเป็นตัวอื่นแต่คิดก็เป็นได้
00:37:11 → 00:37:17 ค่ะอืค่ะครับอ่าก็อีกอีกคำถามจากคุณผู้
00:37:17 → 00:37:20 ฟังนะครับแคลเซียมเม็ดควรทานเวลาไหนถึงจะ
00:37:20 → 00:37:23 มีประสิทธิภาพแคลเซียมเม็ดถือจัดเป็นยา
00:37:23 → 00:37:27 ที่ที่ซื้อกินเองได้หรือว่าคุณหมอต้อง
00:37:27 → 00:37:31 สั่งนะคุณหมอออก็จะแบ่งเป็น 2 ประเภทครับ
00:37:31 → 00:37:35 แคลเซียมถ้าอยู่ในร้านายยาหรือว่าที่ขึ้น
00:37:35 → 00:37:38 ทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนอาหารเนี่ยก็คือ
00:37:38 → 00:37:40 ประชาชนเนี่ยสามารถที่จะซื้อมารับประทาน
00:37:40 → 00:37:44 เองได้ครับโดยที่ไม่ต้องมีใบสังแพทย์หรือ
00:37:44 → 00:37:47 ว่าเอ่อไม่ต้องได้รับจากโรงพยาบาลครับแต่
00:37:47 → 00:37:49 ว่าจะมีแคลเซียมอีกประเภทนึงที่จะต้องที่
00:37:49 → 00:37:53 จะขึ้นทะเบียนเป็นยาครับใช้ในการรักษาโลค
00:37:53 → 00:37:57 อย่างเงี้ยครับจะต้องถูกสั่งจ่ายโดยแพทย์
00:37:57 → 00:38:00 ครับถ้าเป็นโดยทั่วไปถ้าเป็นแคลเซียม
00:38:00 → 00:38:03 เสริมก็จะแนะนำเป็นรับประทานหลังอาหาร
00:38:03 → 00:38:06 มื้อเช้าประมาณนี้ครับแต่ว่าถ้าเกิดเป็น
00:38:06 → 00:38:08 แคลเซียมที่ใช้ในการรักษาโรคงเงี้ยครับ
00:38:08 → 00:38:11 อาจจะต้องมีคำแนะนำพิเศษเช่นบางผู้ป่วย
00:38:11 → 00:38:13 โรคไปบางท่านที่จะต้องใช้แคลเซียมเนี่ย
00:38:13 → 00:38:17 อาจจะต้องเคี้ยวพร้อมอาหารเพื่อที่จะให้
00:38:17 → 00:38:21 แคลเซียมเนี่ยไปดักจับสันไม่ดีในร่างกาย
00:38:21 → 00:38:24 พร้อมอาหารหมายถึงก็กินไปพร้อมกับมือ
00:38:24 → 00:38:29 อาหารนั้นเลยใช่ครับวิธีการรับประทาน
00:38:29 → 00:38:33 อ้ออ๋ออ่าก็ต้องสังเกตดีๆนะครับคนละ
00:38:33 → 00:38:36 ประเภทกันนะเอ่อแคลเซียมที่หมอสั่งกับแค
00:38:36 → 00:38:39 แคลเซียมที่เป็นเอ่ออาหารเสริมสุขภาพนะ
00:38:39 → 00:38:42 ครับถ้าเป็นอาหารเสริมสุขภาพก็เอ่อกิน
00:38:42 → 00:38:45 หลังอาหารเช้าได้เลยแต่ถ้าโไปจนำประมาณ
00:38:45 → 00:38:49 นี้ครับ้าตามฉลากข้างฉลากของผลิตภัณฑ์
00:38:49 → 00:38:52 เสริมอาหารก็จะเขียนระบุไวครับก็ให้รับ
00:38:52 → 00:38:56 ประทานตามนั้นเช่นถ้า้าสลัระบุไว้ว่ารับ
00:38:56 → 00:38:59 ประทานครั้งงะ 1 เม็ดวันละ 1 ครั้งหลัง
00:38:59 → 00:39:02 อาหารเช้าก็ควรที่จะทานแค่นี้ไม่ควรที่จะ
00:39:02 → 00:39:06 เพิ่มขนาดยาเองครับอืส่วนที่เป็นแคลเซียม
00:39:06 → 00:39:10 ที่คุณหมอสั่งก็เอ่อมันจะคุณหมอก็จะระบุ
00:39:10 → 00:39:12 ชัดเจนเลยใช่มั้ยคุณหมอว่าเวลาเวลาให้
00:39:12 → 00:39:15 จ่ายยามาให้เราก็ระบุว่าต้องเอ่ออันนี้
00:39:15 → 00:39:20 ต้องกินเวลานี้แบบนี้ชแบบนี้นทานพร้อม
00:39:20 → 00:39:24 อาหารอะไงกว่าเออใช่ครับผมพร้อมอาหารหรือ
00:39:24 → 00:39:27 ว่าหลังอาหารหรือว่าครั้งละกี่เม็ดซึ่ง
00:39:27 → 00:39:32 กับโรคที่ที่ป่วยเนนะครับอืค่ะถ้าคือใน
00:39:32 → 00:39:36 กรณีที่เรารับประทานแคลเซียมเป็นการเสริม
00:39:36 → 00:39:39 อาหารเนี่ยเราจะสามารถบวกวิตามินดีไป
00:39:39 → 00:39:43 พร้อมๆกันได้มหรือว่าวิตามินดีต้องทาน
00:39:43 → 00:39:46 เอ่ออะไรเป็นพิเศษยคะเพื่อที่จะให้การทำ
00:39:46 → 00:39:49 งานของแคลเซียมมีประสิทธิภาพมากขึ้นน่ะ
00:39:49 → 00:39:52 ค่ะอืค่ะโดยทั่วไปแล้วถ้าเกิดว่าเป็นเอ่อ
00:39:52 → 00:39:55 ผลิตภัณฑ์ส่งอาหารในกลุ่มของวิตามินดีและ
00:39:55 → 00:40:00 แคลเซียมนะครับเอ่อก็ก็จะมีบางแบรนด์ที่
00:40:00 → 00:40:04 ให้คู่กันก็คือจะมีปริมาณของแคลเซียมกับ
00:40:04 → 00:40:07 วิตามินดีอยู่คู่กันอยู่แล้วตเครับโปกติ
00:40:07 → 00:40:10 แล้วีกับแคลเซียมจะทำงานคู่กันในกันระบบ
00:40:10 → 00:40:14 กระดูกและค้อนะครับว่าเอ่อวิตามินดีเนี่ย
00:40:14 → 00:40:16 จะเพิ่มการดูซึมของแคลเซียมเป็นต้นประมาณ
00:40:16 → 00:40:19 นี้ครับก็เลยจะเห็นบริภัณฑ์เสรมอาหารหลาย
00:40:19 → 00:40:23 ๆยี่ห้อเนี่ยอ่าจะมีทั้งวิตามินดีแล้วก็
00:40:23 → 00:40:28 แคลเซียมเนี่ยอยู่คู่กันค่ะอือืค่ะก็แต่
00:40:28 → 00:40:30 อย่างที่เรียนแจ้งว่าก็ต้องรับประทานต้อง
00:40:30 → 00:40:34 อัสระก่อนว่าแต่ละยี่ห้อแต่ละแบรนด์เนี่ย
00:40:34 → 00:40:38 เขามีปริมาณแคลเซียมปริมาณวิตามินดีเท่า
00:40:38 → 00:40:41 ไหร่แล้วก็แนะนำให้รับประทานแค่วันละกี่
00:40:41 → 00:40:46 ครั้งกี่เม็ดอะไประมาณที่อยู่กับยี่ห้ออ
00:40:46 → 00:40:49 อ๋อกรณีนี้คุณผู้ฟังกรณีแคลเซียมนะคุณคุณ
00:40:49 → 00:40:51 ผู้ฟังเสิร์ฟมาอย่างนี้ครับคุณหมอบอกว่า
00:40:51 → 00:40:55 เอ่อคุณหมอที่โรงพยาบาลที่ที่ที่คนใน
00:40:55 → 00:40:57 ครอบครัวเนี่ยไปไปรักษาอยู่เป็นประจำ
00:40:57 → 00:40:59 เนี่ยบอกว่าให้กินแคลเซียมตัวเนี้ยเพื่อ
00:40:59 → 00:41:02 แก้แต่คิวโดยให้ทานไปพร้อมอาหารเลยนั่น
00:41:02 → 00:41:04 แสดงว่าเป็นแคลเซียมชนิดที่คุณหมอบอกว่า
00:41:04 → 00:41:08 เป็นชนิดที่กรณีหมอสั่งจ่ายมาให้ทานใช่
00:41:08 → 00:41:12 มั้ยฮะถูกต้องมั้ยฮะใช่ครับก็ถ้าเกิดว่า
00:41:12 → 00:41:15 คุณหมอสั่งเป็นพร้อมอาหารก็ควรที่จะรับ
00:41:15 → 00:41:18 ประทานพร้อมอาหารไปเลยครับอืแต่ว่าการรับ
00:41:18 → 00:41:22 ประทานแคลเซียมเนี่ยไม่ได้รักษาแค่เรื่อง
00:41:22 → 00:41:24 เกี่ยวกับระบบกระดูกและข้ออย่างเดียวอ่ะ
00:41:24 → 00:41:28 ครับอาจจะใช้ในการรักษาคนไข้เอ่อโรคไปเพ
00:41:28 → 00:41:32 ที่จะให้ดูดเอ่อป้องกันการดูดซึมของสาร
00:41:32 → 00:41:35 ที่เป็นเป็นสารที่ไม่ดีในร่างกายได้ที่
00:41:35 → 00:41:38 อยู่ในอาหารอะไรประมาณเยครับผมก็จะมีวิธี
00:41:38 → 00:41:43 การรับประทานที่แตกต่างกันไปอืครับอค่ะก็
00:41:43 → 00:41:47 เป็นอีกข้อมูลนึงเป็นความรู้นะคะสำหรับ
00:41:47 → 00:41:50 อีกยาประเภทนึงหลายๆคนก็
00:41:50 → 00:41:55 เอ่อเจอประสบความเครียดบางคนก็นอนไม่หลับ
00:41:55 → 00:41:57 ไปซื้อยานอนหลับมารับประทานเองได้มั้ยคะ
00:41:57 → 00:42:00 ครับอืโดยปกติแล้วยานอนหลับเนี่ยครับจะ
00:42:00 → 00:42:04 ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาควบคุมพิเศษนะครับก็
00:42:04 → 00:42:07 คือจะต้องซื้อขายในทหารพยาบาลเท่านั้น
00:42:07 → 00:42:10 แล้วก็ต้องมีใบสั่งแพทย์ในการสั่งจ่าย
00:42:10 → 00:42:14 ครับอือไม่แนะนำให้ไปซื้อมารับประทานเอง
00:42:14 → 00:42:17 ครับเพราะว่าจริงๆแล้วถ้าอาจจะต้องมีการ
00:42:17 → 00:42:20 เอ่อตรวจประเมินโดยแพทย์ก่อนครับถ้าเกิด
00:42:20 → 00:42:23 ว่ามีอาการดอนไม่หลับเนี่ยโดยเบื้องต้น
00:42:23 → 00:42:27 ถ้าเป็นมาปรึกษาเสากรที่้าขายยาครับอาจะ
00:42:27 → 00:42:30 มีการแนะนำคนไข้โดยที่จะใช้วิธีอื่นๆก่อน
00:42:30 → 00:42:34 ก่อนที่จะเริ่มต้นยาเป็นต้นครับอืค่ะพีย
00:42:34 → 00:42:40 สกรเคยเจอมคะว่ากรณีบางคนใช้ยาโรคภูมิแพ้
00:42:40 → 00:42:43 ยาแก้แพ้ที่มีฤทธิ์ง่วงอ่ะเป็นแบบกินก่อน
00:42:43 → 00:42:46 นอนไปเลยเดี๋ยวก็ได้หลับหลับหลับง่ายๆเคย
00:42:46 → 00:42:49 เคยเจอพฤติกรรมการใช้ยาแบบนี้มั้ยคะเป็น
00:42:49 → 00:42:51 พฤติกรรมที่เจอบ่อยมากเลยครับแต่ว่าสุด
00:42:52 → 00:42:54 ท้ายแล้วเ่อการมีพฤติกรรมเช่นนี้ยครับจะ
00:42:54 → 00:42:57 ส่งผนเสียต่อร่างกายโดยที่ว่าจะทำให้ร่าง
00:42:57 → 00:43:00 กายเนี่ยเคยินต่อยาโดยปกติแล้วเอ่อนับประ
00:43:00 → 00:43:03 ท้ายแค่เม็ดเดียวแล้วก็จะหลับได้แต่ว่า
00:43:03 → 00:43:06 เดี๋ยวสุดท้ายเนี่ยรับประทานไปเรื่อยๆ
00:43:06 → 00:43:09 ร่างกายจะเคยฉีเกี่ยวก็จะไม่หลับแล้วครับ
00:43:09 → 00:43:14 อาจจะไม่ได้เในอนาคตเป็นต้นอค่ะคือยาที่
00:43:14 → 00:43:17 รับประทานมันเป็นยากลุ่มรักษาโรคภูมิแพ้
00:43:17 → 00:43:21 พอรับประทานไปเยอะๆบ่อยๆเป็นประจำเนี่ย
00:43:21 → 00:43:24 มันจะมีผลต่อเมื่อเราป่วยเป็นภูมิแพ้
00:43:24 → 00:43:27 เนี่ยมันจะรักษายากขึ้นกว่าปกติมยคะครับ
00:43:27 → 00:43:31 อ่าจะทำให้ร่างกายเนี่ยเคยคินต่อยาอย่าง
00:43:31 → 00:43:34 ที่เียนแจ้งไปอ่ะครับว่าเ่อก็จะไม่มี
00:43:34 → 00:43:38 อาการง่วงแล้วก็อาการแพ้ที่อาจจะไม่ดี
00:43:38 → 00:43:41 ขึ้นครับถ้าดังนั้นเนี่ยกรยาแก้แพ้ก็ควร
00:43:41 → 00:43:45 ที่จะสงดไว้ใช้สำหรับอาการแพน่าจะดีกว่า
00:43:45 → 00:43:49 ที่จะเอามาใช้ในเที่เรานอนไม่หลับนะครับอ
00:43:49 → 00:43:53 อถ้าสเรานอนไม่หลับเบื้องต้นเนี่ยเอ่อจะ
00:43:53 → 00:43:57 ต้องแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมการนกนก่อน
00:43:57 → 00:44:00 ครับ 1 คืออาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหาร
00:44:00 → 00:44:04 เครื่องยื่นที่มีคาเฟอีนนะครับอือหลีก
00:44:04 → 00:44:07 เลี่ยงทุกประเภทเลยเช่นเอ่อชากาแฟ
00:44:07 → 00:44:10 ช็อกโกแลตเป็นต้นอาจจะต้องหลีกเลี่ยงใน
00:44:10 → 00:44:14 ผู้ป่วยที่หอให้ลครับแล้วก็ 2 คือจัดสภาพ
00:44:14 → 00:44:18 แวดล้อมในการนอนให้ดีเช่นห้องที่นอนเนี่ย
00:44:18 → 00:44:21 ควรจะต้องมีอุณ 1 อุณหภูมิเหมาะสมอือ 2
00:44:21 → 00:44:26 คือมืดสนิทครับ 3 คือไร้เสียงรบกวนเป็น
00:44:26 → 00:44:30 ต้นครับต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน
00:44:30 → 00:44:33 ก่อนครับก่อนที่จะเป็นไปใช้ยาเงี้ยครับผม
00:44:33 → 00:44:36 ออผมเคยเห็นเป็นแก๊กไม่รู้ว่าเป็นแก๊กตลก
00:44:36 → 00:44:38 หรือว่าเอามาจากเรื่องจริงนะคุณหมอผม
00:44:38 → 00:44:42 สงสัยอ่ะว่าเวลาเอ่อคนที่เข้าไปรักษาใน
00:44:42 → 00:44:47 สถานพยาบาลน่ะเวลาคือมักจะมีแบบการเอามุก
00:44:47 → 00:44:50 นี้มาเล่นน่ะเอ่อกำลังนอนหลับอยู่แล้วคุณ
00:44:50 → 00:44:53 พยาบาลเดินมาปลุกให้กินยานอนหลับอ่ะมันมี
00:44:53 → 00:44:54 อยู่จริง
00:44:54 → 00:44:58 มั้ยมันมีจริงมยอาจจะมีอยู่จริงครับเื่อง
00:44:58 → 00:45:01 จากว่ายายาหนอนๆต่างประเภทเนี่ยให้เพื่อ
00:45:01 → 00:45:05 ที่จะอ่ารักษาอาการอย่างอื่นครับออมันจะ
00:45:05 → 00:45:08 มีการให้ยานอนหลับเพื่อที่จะป้องกันแม่คน
00:45:08 → 00:45:11 ไข้ที่ได้รับยาเคมีบำบัดหรือว่ายาคีโม
00:45:11 → 00:45:14 เนี่ยครับเกิดอาการขึ้นใส่อาเเขียนมันุ่ง
00:45:14 → 00:45:17 ขึ้นจะได้ยาแบบนี้ก็มีครับผมอ๋ออ่าเข้าใจ
00:45:17 → 00:45:21 กันซะนะคุณผู้ฟังนะมถึงผมด้วยนะนึกว่ามัน
00:45:21 → 00:45:24 เป็นแก๊กตลกที่เขาจริงๆแล้วมันมีเหตุเหตุ
00:45:24 → 00:45:26 และผลอยู่ในตัวยาบางตัวมีเหตุและผลอยู่
00:45:26 → 00:45:29 ครับจะมีคนไข้ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมี
00:45:29 → 00:45:33 บำบัดเนี่ยจะต้องเ่อได้รับยายานอนหลับยา
00:45:33 → 00:45:35 ในกลุ่มยานอนหลับเนี่ยครับเพื่อที่จะป้อง
00:45:36 → 00:45:40 กันอาการค้างเคียงมันุ่งขึ้นประมาณนี้แต่
00:45:40 → 00:45:42 ไอ้กรณีที่จะไปหยิบยานอนหลับนี่เราไม่
00:45:42 → 00:45:44 ต้องเงียบๆเข้าไปอันนั้นไม่ต้องใช่มยอัน
00:45:44 → 00:45:46 นั้นเป็นอันไม่ต้องอันนั้นน่าจะเป็น
00:45:46 → 00:45:48 [เพลง]
00:45:48 → 00:45:54 มีมค่ะเออค่ะเอ่อมีข้ออีกข้อสงสัยนึงค่ะ
00:45:54 → 00:45:58 บอกว่าเอ่อยาแก้ปวดไมเนี่ยต่างจากยาแก้
00:45:58 → 00:46:03 ปวดทั่วไปยังไงเวลาเลือกรับประทานอาการ
00:46:03 → 00:46:06 ไมเกรนของแต่ละคนเนี่ยมันใช้ยาไมเกรนแบบ
00:46:06 → 00:46:11 เดียวกันได้ไอืครับผมเป็นคำถามที่ดีมาก
00:46:11 → 00:46:15 เลยครับแล้วก็เจอบ่อยในร้านยานะครับว่าคน
00:46:15 → 00:46:18 ไข้เนี่ยมาด้วยอาการปวดหัวไมเกรนเบื้อง
00:46:18 → 00:46:22 ต้นเนี่ยเราจะต้องตรวจเราจะต้องประเมิน
00:46:22 → 00:46:25 ซักประวัติก็ประเมินคไส้ก่อนครับอือฮึ
00:46:25 → 00:46:27 เพราะว่ายาแบดไมเกรนก็จะแบ่งออกเป็นหลาย
00:46:27 → 00:46:30 หลายกลุ่มมากครับแต่ว่าสิ่งที่น่าสนใจก็
00:46:30 → 00:46:34 คือยาแปวดไมเกรนบางกลุ่มเนี่ยครับจะตีกับ
00:46:34 → 00:46:38 ยาหลายๆชนิดครับเช่นถ้าเกิดผู้ป่วยอ่ะรับ
00:46:38 → 00:46:41 ประทานยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียอยู่แล้วก็ได้
00:46:41 → 00:46:44 รับยาไมเกรนเข้าไปด้วยเครับอาจจะทำให้
00:46:44 → 00:46:47 ร่างกายผิดปกติตรงที่ว่าอาจจะทำให้หลอด
00:46:47 → 00:46:49 เลือดส่วนปลายของร่างกายเนี่ยครับขาด
00:46:49 → 00:46:53 เลือดได้เลยอาทำให้มือดปลายมือใเท้าดำ
00:46:54 → 00:46:58 เร่องจะเกิดจากยาไมเกรนเนี่ยตีจากยา่าเชื
00:46:58 → 00:47:03 อย่างนี้เป็นต้นครับผมออืก็ถือว่าเป็นยา
00:47:03 → 00:47:06 ที่ค่อนข้างที่จะอันตรายถ้าถ้าพูถึงยา
00:47:06 → 00:47:11 ไมเกรนในในความเข้าใจของประชาชนทั่วๆไป
00:47:11 → 00:47:17 เนี่ยครับครับอืยายาไมเกรนไมเกรนเนี่ยวัย
00:47:17 → 00:47:20 วัยเด็กนี่เอ่อจำเป็นที่จะต้องรับยา
00:47:20 → 00:47:23 ไมเกรนมั้ยถ้าเขาเขาเป็นจริงๆคุณหมอเด็ก
00:47:23 → 00:47:26 เด็กมากๆเด็กประถมอะไรเนี่ยเด็กประถม
00:47:26 → 00:47:29 เนี่ยเราจะต้องประเมินก่อนนะครับว่าคนไข้
00:47:29 → 00:47:32 เนี่ยมีอาการผิดปกติอะไรเกี่ยวกับระบบ
00:47:32 → 00:47:35 ประสาทหรือเปล่าครับถ้าเกิดว่ายงเด็กมากๆ
00:47:35 → 00:47:39 เรามีอาการโปรดศีษระโดยที่เอ่อเมื่อสัก
00:47:39 → 00:47:42 ประวัติแล้วไม่ไม่พบสาเหตุที่ต้องสงสัยอื
00:47:42 → 00:47:44 อเครับเบื้องต้นก็อาจจะแนะนำเป็นแค่ยาแก้
00:47:44 → 00:47:48 ปวดก็คือยาพาราเบื้องต้นไปก่อนหาจไม่มี
00:47:48 → 00:47:51 ข้อห้ามข้อบไม่มีข้อห้ามอื่นๆอะไรประมาณ
00:47:51 → 00:47:55 เยครับยาไมเกรนที่เอ่อประชาชนจะหมายถึง
00:47:55 → 00:47:58 อาจจะหมายถึงยาตัวที่ชื่อว่าเอโกตามีนะ
00:47:58 → 00:48:01 ครับยาตัวเนี้ยอย่างที่เรียนแจ้งไปว่ามี
00:48:01 → 00:48:04 ตีกยาอื่นๆค่อนข้างเยอะครับแล้วก็หลังจาก
00:48:04 → 00:48:08 ที่ยาเนี่ยตีกันเนี่ยจะทำให้เกิดอาการรุน
00:48:08 → 00:48:11 แรงของร่างกายได้เลยครับอืครับอือเพราะ
00:48:11 → 00:48:14 ฉะนั้นเวลาที่ใครจะเดินไปเข้าร้านขายยาไป
00:48:14 → 00:48:18 ขอคำปรึกษาหรือว่าซื้อยาเนี่ยถ้าคุณมียา
00:48:18 → 00:48:20 เดิมๆอะไรที่คุณกินประจำอยู่ที่บ้านอยู่
00:48:20 → 00:48:22 แล้วเนี่ยเอามันไปด้วยเพื่อที่จะให้
00:48:22 → 00:48:25 เภสัชกรดูยาที่เราต้องกินประจำอยู่แล้ว
00:48:25 → 00:48:29 เนี่ยน่าจะเป็นประประโยชน์แล้วก็เป็นอ่า
00:48:29 → 00:48:32 เหมือนกับว่าได้ดูแล้วก็สามารถสั่งยาที่
00:48:32 → 00:48:36 จะแก้อาการปัจจุบันเได้ง่ายขึ้นใช่มคะถูก
00:48:36 → 00:48:39 ต้องเลยค่ะคุสัเราแม้กระทั่งว่าเอ่อไปโรง
00:48:39 → 00:48:44 พยาบาลเองก็ควรที่จะถือยาและซองยาที่ตัว
00:48:44 → 00:48:47 เองใช้อยู่นะครับเพื่อที่จะไปให้แพทย์และ
00:48:47 → 00:48:50 เพศชากรเช่วยดูอีกทีนึงครับเพราะว่าอย่าง
00:48:50 → 00:48:53 ที่บอกไปว่ายาตีกันก็ค่อนข้างเยอะเลยครับ
00:48:53 → 00:48:57 ผมอือค่ะเพราะมันมียาหลากหลายเแล้วแต่
00:48:57 → 00:49:00 อาการแต่ละโรคเส่วนใหญ่อ่ะเราก็จะประเมิน
00:49:01 → 00:49:05 ด้วยเอ่ออาการที่เราเคยเป็นโดยเฉพาะพวก
00:49:05 → 00:49:10 เอ่อหวาดปวดเมื่อยปวดปวดหัวก็พาราและ
00:49:10 → 00:49:13 เอ่อปวดเมื่อยก็พาราและอะไรเงี้ยเออหรือ
00:49:13 → 00:49:16 ว่าถ้าเป็นอะไรเพิ่มขึ้นหน่อยก็เขาเรียก
00:49:16 → 00:49:18 ว่าอะไรยาแก้อักเสบเหรอยาแก้แพ้ยาแก้
00:49:18 → 00:49:22 อักเสบอีกสักหน่อยอะไรเงี้ยเอ่อเอออันนี้
00:49:22 → 00:49:25 ผมสงสัยอีกอย่างหนึงที่เห็นกันบ่อยๆเลย
00:49:25 → 00:49:28 เอ่อเวลาสมมุติเป็นเป็นเป็นเป็นหวัดนะ
00:49:28 → 00:49:31 ครับคุณหมอครับเป็นหวัดถ้าเราอ่าเป็นหวัด
00:49:31 → 00:49:34 ซักพึ่งเป็นเบื้องต้นเงี้ยเอ่อเรากินยา
00:49:34 → 00:49:39 พาราไปก่อนเลยได้มยแล้วก็ตามด้วยเอ่อแก้
00:49:39 → 00:49:42 แพ้หรืออะไรก็แล้วแก้แพ้เนาะเออตามด้วย
00:49:42 → 00:49:44 แก้แพ้ตามไปด้วยได้เลยหรือเปล่าหรือว่า
00:49:44 → 00:49:48 ควรจะกินแค่พาราตัวเดียวก่อนดีแล้วค่อย
00:49:48 → 00:49:51 ค่อยถ้าอาการหนักค่อยปรึกษาแพทย์ค่อยกิน
00:49:51 → 00:49:54 ยาแก้แพ้อะไรมอือก็ต้องดูก่อนค่ะว่าอาการ
00:49:55 → 00:49:58 อาการนำมาเนี่ยว่านำมาด้วยอาการอะไรเช่น
00:49:58 → 00:50:02 ถ้าเกิดว่าเรานำมาด้วยอาการคัสมูตามก็อาจ
00:50:02 → 00:50:05 จะต้องเริ่มยแก้แผลเลยขับแต่ถ้าเกิดว่า
00:50:05 → 00:50:10 เรามีอาการไข้ตำๆอ่าแบบไข้ตำๆร่วมกับตัว
00:50:10 → 00:50:13 ศีรษะอันนี้อาจจะต้องเป็นยาพาราไปก่อน
00:50:13 → 00:50:17 ครับเ่อเราจะต้องดูตามอาการนั้นๆครับผม
00:50:17 → 00:50:21 ว่าอาการที่นำมาเนี่ยนำมาด้วยอาการอะไร
00:50:21 → 00:50:24 หรือว่าหากว่าถ้าเกิดว่ามีปวดศีรษะเล็ก
00:50:24 → 00:50:28 น้อยร่วมกับมีอาการคัจมูกตามเราอาจจะรับ
00:50:28 → 00:50:30 ประทานทั้งคู่เลยครับรับประทานทั้งยา
00:50:30 → 00:50:34 พาราเซตมอแล้วก็อย่างแก้แพร่มกันอ่าอ๋อ
00:50:34 → 00:50:38 โอเคเข้าใจมากขึ้นและนะครับอค่ะถ้าใน
00:50:38 → 00:50:41 กลุ่มเด็กกับกลุ่มสตรีมีคันอะไรที่เป็น
00:50:41 → 00:50:45 ข้อห่วงกังวลอยากจะฝากไว้ยคะอืครับคือ
00:50:45 → 00:50:48 อยากจะฝากไว้ในกรณีที่เอ่อผู้หญิงเอ่อผู้
00:50:49 → 00:50:52 หญิงตั้งคำนะครับอาจจะต้องแจ้งแพทย์หรือ
00:50:52 → 00:50:55 เพศกรทุกครั้งเวลารับยานะครับเพราะว่าจะ
00:50:55 → 00:50:58 มียาบางประเทศที่จะทำให้ให้ทารกในคันเ
00:50:58 → 00:51:00 ครับผิดปกติได้เลยนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:51:00 → 00:51:03 การรับประทานยาในช่วงต้างครรภ์เนี่ยถือ
00:51:03 → 00:51:06 เป็นสิ่งที่ค่อนข้างที่จะอันตรายแล้วก็
00:51:06 → 00:51:10 ส่งผลระยะยาวต่อเด็กนะครับแล้วก็ในกรณี
00:51:10 → 00:51:14 ที่จะเด็กใช้ยาเนี่ยครับก็จะต้องเอ่อเวลา
00:51:14 → 00:51:17 มาร้านยาเนี่ยอาจจะต้องแจ้งด้วยว่าผู้ที่
00:51:17 → 00:51:20 ใช้ยาเนี่ยคือคือใครเงครับเพราะว่าจะมียา
00:51:20 → 00:51:22 บางประเภศที่หากเด็กได้รับไปเนี่ยอาจจะทำ
00:51:22 → 00:51:25 ให้เด็กเนี่ยหยุดการเจริญเติบโตทำให้การ
00:51:25 → 00:51:30 เจริญเติบโตลงเป็นต้นอืเพราะฉะนั้นถึงว่า
00:51:30 → 00:51:34 ตอนตอนที่ตั้งรภเนี่ยโหยคุณหมอต้องเอ่อ
00:51:34 → 00:51:38 บอกรายละเอียดยิบเลยนะเออว่าจะให้ให้ทำ
00:51:39 → 00:51:41 กินอะไรได้โดยเฉพาะช่วงที่แบบไม่สบายเจ็บ
00:51:41 → 00:51:43 ไข้ได้ป่วยเนี่ยต้องต้องปรึกษาคุณหมอที่
00:51:43 → 00:51:45 เป็นเจ้าของที่ฝากคันน่ะเนาะคุณหมอใช่
00:51:46 → 00:51:48 มั้ยถูกใช่ครับใช่ครับแล้วก็เวลารับยาก็
00:51:48 → 00:51:52 แจ้งเพลงศกรุกครั้งเพื่อจะได้กเมือนยาที่
00:51:52 → 00:51:55 ผู้ป่วยที่จะได้รับครับว่าเหมาะสมมั้ยจะ
00:51:55 → 00:51:58 ส่งผลต่อทารกคันหรือเปล่าประมาณนี้ครับอๆ
00:51:58 → 00:52:04 ๆเอ่อมีคำถามเพิ่มเติมนะคุณผู้ฟังถามโอ้
00:52:04 → 00:52:08 จะทันมั้ยเนี่ยนะครับอ่าขอคราหน้าได้มั้ย
00:52:08 → 00:52:12 ไม่ทันจริงๆพี่หวัอได้ๆไม่ทันไม่ทันเวลา
00:52:12 → 00:52:15 ไม่พอจริงๆนะครับอ่ะหมดเวลาแล้วจริงๆครับ
00:52:15 → 00:52:17 คุณหมอพี่ขวัญคุณผู้ฟังครับวันนี้ครบ
00:52:17 → 00:52:19 เครื่องเรื่องยาจริงๆนะครับโอกาสหน้าอาจ
00:52:19 → 00:52:21 จะขอเพิ่มเติมนะเพราะว่าคำถามจากคุณผู้
00:52:21 → 00:52:24 ฟังยังไม่หมดเลยนะครับแล้วก็ขอบคุณคุณผู้
00:52:24 → 00:52:27 ฟังที่ติดตามเราทุกช่องทางเลยนะครับวัน
00:52:27 → 00:52:28 นี้เราทั้ง 3 คนครับเสือโอ๊คชุษณ
00:52:28 → 00:52:31 ตันตยานนท์พี่ขวัญกมลพรร่มทองคำร้อยตำรวจ
00:52:31 → 00:52:34 เอกพงษ์พันชัยพักเภสัชกรสบ 1 กลุ่มงาน
00:52:34 → 00:52:37 เภสัชกรรมผู้ช่วยโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ
00:52:37 → 00:52:40 ขอบคุณมากครับแล้วก็สวัสดีครับสวัสดีค่ะ
00:52:40 → 00:52:43 สวัสดีครับ