00:00:00 → 00:00:03 กินยากับอะไรก็ได้จริงหรือเปล่าเดี๋ยววัน
00:00:03 → 00:00:07 นี้มาดู 6 เครื่องดื่มที่ไม่ควรกินพร้อม
00:00:07 → 00:00:08 กันกับยา
00:00:08 → 00:00:15 [เพลง]
00:00:15 → 00:00:18 ก่อนจะเข้าไปชมคลิปอย่าลืมกดไลค์กดแชร์
00:00:18 → 00:00:20 ให้ด้วยนะคะถ้าพร้อมกันแล้วไปชมกันเลยค่ะ
00:00:20 → 00:00:23 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:26 สวัสดีค่ะกลับมาพบกับรายการ 5 นาทีดีต่อ
00:00:26 → 00:00:29 สุขภาพเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะคิดว่าการกิน
00:00:29 → 00:00:32 ยานั้นสามารถที่จะกินพร้อมกับเครื่องดื่ม
00:00:32 → 00:00:35 อะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้ตัวใช่ไหมไม่ว่าจะ
00:00:35 → 00:00:39 เป็นชากาแฟน้ำอัดลมอะไรพวกนี้นะคะแต่จริง
00:00:39 → 00:00:41 ๆแล้วรู้ไหมคะว่าเครื่องดื่มเหล่านี้อาจ
00:00:41 → 00:00:45 จะมีผลทำให้ยาที่เรากินอยู่นั้นดูดซึมได้
00:00:45 → 00:00:47 น้อยลงแล้วก็มีผลต่อการรักษาได้เช่นเดียว
00:00:47 → 00:00:50 กันค่ะเดี๋ยววันนี้มาดูว่า 6 เครื่องดื่ม
00:00:50 → 00:00:53 ที่ไม่ควรกินพร้อมกับยานั้นมีอะไรบ้างนะ
00:00:53 → 00:00:56 คะมาชมกันเลยเครื่องดื่มอย่างแรกนะคะอัน
00:00:56 → 00:00:59 นี้อยู่ใกล้ตัวมากๆค่ะนั่นก็คือนมนั่นเอง
00:00:59 → 00:01:03 ไม่ว่าจะเป็นนมวัวนมแพะหรือว่านมอะไรก็
00:01:03 → 00:01:05 ตามรวมไปถึงพวกนมถั่วเหลืองด้วยนะคะ
00:01:05 → 00:01:08 เนื่องจากว่าในนมนี้มีแคลเซียมค่อนข้าง
00:01:08 → 00:01:12 สูงค่ะก็จะไปทำให้ตัวยาบางตัวนั้นไปจับ
00:01:12 → 00:01:15 กับแคลเซียมในนมแล้วก็ทำให้ลดสารดูดซึม
00:01:15 → 00:01:19 ได้ค่ะยกตัวอย่างเช่นพวกยาปฏิชีวนะบาง
00:01:19 → 00:01:23 กลุ่มค่ะเช่นน้องฟอกซาซินนะคะหรือเป็นพวก
00:01:23 → 00:01:27 ใส่ครีมรวมไปถึงพวกแร่ธาตุหรือวิตามิน
00:01:27 → 00:01:29 ต่างๆนะคะเช่นธาตุเหล็กอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:01:30 → 00:01:32 คะซึ่งอย่างที่บอกนะคะก็คือแคลเซียมในนม
00:01:32 → 00:01:35 นั้นสามารถที่จะไปจับกับตัวยาแล้วก็ทำให้
00:01:35 → 00:01:39 ตัวยานั้นลดการดูดซึมลงได้ค่ะรวมไปถึงตัว
00:01:39 → 00:01:43 นมเองนะคะก็จะไปเคลือบกระเพาะทำให้ยาต่าง
00:01:43 → 00:01:45 ๆที่เรากินไปอยู่นอกเหนือจากยาที่กล่าวมา
00:01:45 → 00:01:49 แล้วนะคะลดการดูดซึมลงได้เช่นเดียวกันค่ะ
00:01:49 → 00:01:52 ดังนั้นจึงไม่ควรกินยาพร้อมกันกับนมนะคะ
00:01:52 → 00:01:56 สำหรับเครื่องยืนยันที่ 2 นั่นก็คือกาแฟ
00:01:56 → 00:01:58 นั่นเองค่ะหรือว่าอาจจะเป็นพวกชาหรือ
00:01:58 → 00:02:01 โกโก้เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอันนี้รวมไป
00:02:01 → 00:02:03 ถึงพวกเครื่องดื่มชูกำลังด้วยนะคะเพราะ
00:02:03 → 00:02:06 ว่ามีการเติมคาเฟอีนเข้าไปเครื่องดื่มที่
00:02:06 → 00:02:09 มีคาเฟอีนเหล่านี้นะคะจะไปกระตุ้นทำให้
00:02:09 → 00:02:13 เกิดอาการใจสั่นได้ค่ะโดยยาบางตัวนะคะก็
00:02:13 → 00:02:17 จะมีฤทธิ์ทำให้ใจสั่นอยู่แล้วค่ะถ้ายิ่ง
00:02:17 → 00:02:20 กินบวกกันอาการใจสั่นยิ่งเพิ่มมากขึ้นนะ
00:02:20 → 00:02:24 คะยกตัวอย่างยาเช่นอันนี้จะเป็นขยายหลอด
00:02:24 → 00:02:26 ลมนะคะชื่อว่าเสาปูนทำห้องค่ะหรือว่าอาจ
00:02:26 → 00:02:29 จะเป็นพวกยากลุ่มที่ลดน้ำมูกนะคะก็คือจะ
00:02:29 → 00:02:33 มีการตีบหลอดเลือดในโพรงจมูกทำให้น้ำมูก
00:02:33 → 00:02:36 เราลดลงนั่นเองค่ะก็จะทำให้มีอาการข้าง
00:02:36 → 00:02:38 เคียงคือใจสั่นถ้ายิ่งกินเครื่องดื่มที่
00:02:38 → 00:02:40 มีคาเฟอีนเหล่านี้เข้าไปก็อาจจะทำให้ใจ
00:02:40 → 00:02:43 สั่นมากขึ้นค่ะเครื่องดื่มอย่างต่อมานั่น
00:02:43 → 00:02:47 ก็คือน้ำอัดลมนะคะในน้ำอัดลมมีความเป็น
00:02:47 → 00:02:51 กรดเพราะฉะนั้นถ้ากินไปพร้อมกับยาลดกรดยา
00:02:51 → 00:02:54 ลดกรดเหล่านั้นก็อาจจะได้ผลน้อยลงหรือว่า
00:02:54 → 00:02:57 ไม่ได้ผลเลยก็ได้นะคะรวมไปถึงน้ำอัดลมบาง
00:02:57 → 00:03:00 อย่างก็มีการเติมคาเฟอีนเข้าไปนะคะก็อาจ
00:03:00 → 00:03:03 จะทำให้ส่งผลเหมือนกับการกินพร้อมกับกาแฟ
00:03:03 → 00:03:06 ชาพวกนี้ได้เลยนะคะก็คือจะไปทำให้เกิด
00:03:06 → 00:03:09 อาการใจสั่นได้มากขึ้นกรณีที่กินยาที่มี
00:03:09 → 00:03:11 ผลข้างเคียงที่ทำให้ใจสั่นอยู่แล้วค่ะ
00:03:11 → 00:03:15 เครื่องดื่มตัวต่อมานะคะนั่นก็คือน้ำ
00:03:15 → 00:03:18 ผลไม้ค่ะโดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มีความ
00:03:18 → 00:03:21 เปรี้ยวนะคะยกตัวอย่างเช่นน้ำมะนาวน้ำส้ม
00:03:21 → 00:03:23 นะคะเพราะว่าความเปรี้ยวเหล่านี้ก็หมาย
00:03:23 → 00:03:27 ถึงความเป็นกรดของน้ำผลไม้นั่นเองค่ะผลก็
00:03:27 → 00:03:30 คือจะทำให้การออกฤทธิ์ของยานั้นลดลงได้
00:03:30 → 00:03:34 โดยเฉพาะพวกยาลดกรดในกระเพาะนะคะเช่น
00:03:34 → 00:03:37 เดียวกับการกินน้ำอัดลมเลยค่ะและก็มีน้ำ
00:03:37 → 00:03:41 ผลไม้บางอย่างนะคะที่ไปทำให้เอนไซม์ในการ
00:03:41 → 00:03:45 กำจัดยานั้นทำงานได้ลดลงค่ะทำให้มียาตก
00:03:45 → 00:03:47 ค้างอยู่ในร่างกายเยอะแล้วก็ส่งผลทำให้
00:03:48 → 00:03:51 เกิดผลข้างเคียงได้นั่นก็คือน้ำเกรซฟรุต
00:03:51 → 00:03:54 ค่ะดังนั้นในช่วงที่ระหว่างทานยาอยู่นะคะ
00:03:54 → 00:03:57 โดยเฉพาะพวกยาความดันยาที่รักษาโรคหัวใจ
00:03:57 → 00:04:00 หรือยาฆ่าเชื้อราบางอย่างนะคะการดื่มน้ำ
00:04:00 → 00:04:03 เกรซฟู้ดควรที่จะหลีกเลี่ยงไปถึงแม้ว่าจะ
00:04:03 → 00:04:05 ไม่ได้ดื่มในช่วงเวลาเดียวกันนะคะเช่นกิน
00:04:05 → 00:04:08 ยาความดันตัวนั้นพร้อมกับน้ำเปล่าแต่
00:04:08 → 00:04:11 อย่างไรก็ตามนะคะยาก็ยังอยู่ในร่างกาย
00:04:11 → 00:04:14 แล้วก็กินน้ำเกรซฟู้ดซ้ำเข้าไปนะคะถึงแม้
00:04:14 → 00:04:17 จะห่างกันหลายชั่วโมงเลยก็ตามนะคะก็ส่งผล
00:04:18 → 00:04:21 ให้เกิดผลข้างเคียงที่กล่าวมาได้ค่ะ
00:04:21 → 00:04:24 ข้อ 5 นะคะเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั่น
00:04:24 → 00:04:26 เองค่ะหลายๆคนรู้อยู่แล้วว่าเครื่องดื่ม
00:04:26 → 00:04:30 ที่มีแอลกอฮอล์เช่นเราเบียร์ไวน์หรือว่า
00:04:30 → 00:04:32 พวกค็อกเทลต่างๆนะคะเป็นสิ่งที่ไม่ดีค่ะ
00:04:32 → 00:04:35 ระหว่างที่ป่วยอยู่ก็ไม่ควรที่จะทานแต่
00:04:35 → 00:04:37 ว่าหลายๆคนที่ดื่มเป็นประจำอยู่แล้วนะคะ
00:04:37 → 00:04:40 ก็อาจจะมีการแอบดื่มบ้างอะไรแบบนี้ใช่ไหม
00:04:40 → 00:04:43 คะซึ่งกลไกของเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
00:04:43 → 00:04:46 เมื่อดื่มพร้อมกันกับยาแล้วนะคะก็จะทำให้
00:04:46 → 00:04:50 เกิดผลจริงๆแล้วได้หลายๆกลไกเลยทีเดียว
00:04:50 → 00:04:53 ค่ะยกตัวอย่างเช่นนะคะเครื่องดื่มที่มี
00:04:53 → 00:04:57 แอลกอฮอล์ทำให้เกิดพิษต่อตับนะคะและยาบาง
00:04:57 → 00:05:00 ตัวที่ขับออกทางตับอย่างมากหรือว่ามีผลทำ
00:05:00 → 00:05:03 ให้เกิดพิษต่อตับอยู่แล้วนะคะก็จะส่ง
00:05:03 → 00:05:05 เสริมกันนะคะทำให้เกิดตับอักเสบได้ค่ะ
00:05:05 → 00:05:09 เช่นพวกยารักษาวัณโรคยารักษาเชื้อรานะคะ
00:05:09 → 00:05:12 รวมไปถึงยาอื่นๆที่มีผลต่อตับแม้แต่ยา
00:05:12 → 00:05:15 พาราเองนะคะถ้าทานในขณะสูงก็อาจจะทำให้
00:05:15 → 00:05:18 เกิดพิษต่อตับได้นะคะแล้วก็บวกกันกับการ
00:05:18 → 00:05:21 ดื่มเหล้าเข้าไปด้วยก็ทำให้ตับแย่ได้
00:05:21 → 00:05:24 เหมือนกันค่ะเห็นว่าอย่างที่ 2 อย่างที่
00:05:24 → 00:05:26 รู้ว่าการดื่มเหล้ามีผลทำให้เกิดโรค
00:05:26 → 00:05:29 กระเพาะได้นะคะและถ้ายิ่งทานยาที่มีผลทำ
00:05:29 → 00:05:32 ให้ระคายเคืองกระเพาะหรือว่าไปลดเยื่อ
00:05:32 → 00:05:35 เมือกที่ปกป้องกระเพาะลงไปนะคะก็อาจจะ
00:05:35 → 00:05:38 ยิ่งทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ง่ายขึ้นค่ะยก
00:05:38 → 00:05:40 ตัวอย่างเช่นการกินยากลุ่มแก้ปวดอักเสบ
00:05:40 → 00:05:43 หรือว่ายา NC ร่วมกับเครื่องดื่มที่มี
00:05:43 → 00:05:45 แอลกอฮอล์นั่นเองค่ะอย่างที่ 3 เครื่อง
00:05:45 → 00:05:48 ดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้นนะคะมีฤทธิ์ในการ
00:05:48 → 00:05:51 กดประสาทถ้ากินร่วมกับยาที่มีฤทธิ์ในการ
00:05:51 → 00:05:54 กดประสาทเข้าไปด้วยนะคะก็อาจจะยิ่งทำให้
00:05:54 → 00:05:56 เกิดอาการแทรกซ้อนทางระบบประสาทได้มาก
00:05:56 → 00:06:00 ขึ้นค่ะเช่นซึมมากนอนไม่ตื่นปลุกไม่ตื่น
00:06:00 → 00:06:03 อย่างนี้นะคะเช่นพวกยาแก้แพ้ที่ทำให้ง่วง
00:06:03 → 00:06:07 ค่ะหรือว่าพวกยาคลายกังวลต่างๆนะคะและสุด
00:06:07 → 00:06:10 ท้ายค่ะอันนี้หลายๆคนอาจจะคิดไม่ถึงนะคะ
00:06:10 → 00:06:13 แต่ว่าอาจจะเคยเกิดอาการขึ้นก็ได้นะคะก็
00:06:13 → 00:06:16 คือยาบางตัวนะคะต้องอาศัยเอนไซม์บางอย่าง
00:06:16 → 00:06:20 นะคะที่จะใช้ในการกำจัดยาแต่ว่าถ้ากิน
00:06:20 → 00:06:23 เหล้าเข้าไปนะคะก็จะไปยับยั้งกันนะคะ
00:06:23 → 00:06:26 ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบเหงื่อออกใจสั่น
00:06:26 → 00:06:29 คลื่นไส้อาเจียนได้นะคะหรือว่าอาการคล้าย
00:06:29 → 00:06:33 ๆกับการกินยาเลิกเหล้าเลยทีเดียวค่ะยกตัว
00:06:33 → 00:06:36 อย่างยานะคะที่ทำให้เกิดผลเหล่านี้นะคะก็
00:06:36 → 00:06:36 คือ
00:06:36 → 00:06:39 metronidazole ค่ะซึ่งเป็นยาฆ่าเชื้อนะ
00:06:39 → 00:06:42 คะหรือว่ายากลุ่มฆ่าเชื้อราเช่นพวก
00:06:42 → 00:06:44 คีโตโคนาโซลก็ทำให้เกิดได้เช่นเดียวกัน
00:06:44 → 00:06:47 ค่ะดังนั้นระหว่างที่ป่วยอยู่นะคะแนะนำ
00:06:47 → 00:06:50 ว่าควรที่จะหลีกเลี่ยงการดื่มไปก่อนนะคะ
00:06:50 → 00:06:53 เพื่อที่จะทำให้ร่างกายได้ฟื้นตัวได้เร็ว
00:06:53 → 00:06:55 แล้วก็ไม่เกิดผลข้างเคียงจากยานั่นเองค่ะ
00:06:55 → 00:06:58 และสุดท้ายนะคะเป็นเครื่องดื่มที่หลายๆคน
00:06:58 → 00:07:01 นึกไม่ถึงค่ะเพราะว่ามีขายโดยทั่วไปแล้ว
00:07:01 → 00:07:03 เราก็คิดว่าเป็นเครื่องดื่มที่แบบค่อน
00:07:03 → 00:07:07 ข้างดีนะคะนั่นก็คือน้ำแร่นั่นเองค่ะการ
00:07:07 → 00:07:10 ดื่มน้ำแร่พร้อมกับยาจะมีให้ผลคล้ายๆกัน
00:07:10 → 00:07:14 กับการดื่มยาพร้อมกับนมนะคะนั่นก็คือใน
00:07:14 → 00:07:17 น้ำแร่ก็จะมีทั้งแร่ธาตุต่างๆเยอะแยะมาก
00:07:17 → 00:07:21 มายก็จะไปลดการดูดซึมของยาบางตัวได้นะคะ
00:07:21 → 00:07:24 ดังนั้นก็เลยไม่แนะทำให้ดื่มน้ำแร่พร้อม
00:07:24 → 00:07:27 กันกับยาค่ะก็จบไปแล้วนะคะสำหรับ 6
00:07:27 → 00:07:29 เครื่องดื่มที่ไม่ควรทานพร้อมกับยานะคะ
00:07:29 → 00:07:33 หลายๆตัวไปลดการดูดซึมแล้วก็บางตัวมีผลใน
00:07:33 → 00:07:36 ร่างกายนะคะถึงแม้ว่าจะดื่มกันคนละช่วง
00:07:36 → 00:07:39 ดื่มห่างจากยาแล้วนะคะ 3-4 ชั่วโมง 5-6
00:07:39 → 00:07:42 ชั่วโมงก็ว่าไปหรือบางคนดื่มห่างกัน 2
00:07:42 → 00:07:46 วัน 3 วันก็ยังมีผลเอฟเฟคต่อกันได้ค่ะดัง
00:07:46 → 00:07:48 นั้นนะคะช่วงที่ป่วยไม่สบายดูแลตัวเองดีๆ
00:07:48 → 00:07:51 นะคะแล้วก็การกินยาในแต่ละครั้งนะคะแนะนำ
00:07:51 → 00:07:55 ว่าให้ดื่มกับน้ำเปล่าดีที่สุดค่ะขอบคุณ
00:07:55 → 00:07:58 ทุกท่านที่ติดตามจนจบคลิปนะคะนอกเหนือจาก
00:07:58 → 00:08:01 ช่องทาง YouTube Channel บัณฑิตกายภาพ
00:08:01 → 00:08:03 และจัดกระดูกซึ่งอย่าลืมกด Subscribe
00:08:03 → 00:08:07 แล้วก็กดกระดิ่งให้ด้วยนะคะยังมีช่องทาง
00:08:07 → 00:08:10 อื่นๆได้แก่ Facebook Fanpage บัณฑิต
00:08:10 → 00:08:12 กายภาพสามารถติดตามทั้งคลิปแล้วก็
00:08:12 → 00:08:15 คอนเทนต์เนื้อหาอื่นๆได้เลยค่ะกดถูกใจ
00:08:15 → 00:08:17 แล้วก็กด see First เพื่อที่จะไม่พลาด
00:08:17 → 00:08:20 คอนเทนต์ใหม่ๆล่าสุดของเราด้วยนะคะและ
00:08:20 → 00:08:23 สำหรับใครที่เล่นไลน์แล้วก็ติ๊กต๊อกเราก็
00:08:23 → 00:08:26 มีคลิปวีดีโอใหม่ๆอัพขึ้นทั้ง 2 ช่องทาง
00:08:26 → 00:08:30 นี้ด้วยค่ะเข้าไปที่บัณฑิตฟิสิโอแล้วก็กด
00:08:30 → 00:08:32 ติดตามได้เลยค่ะและเพื่อเป็นกำลังใจในการ
00:08:32 → 00:08:35 ทำคลิปอย่าลืมสมัครสมาชิกทั้งทาง YouTube
00:08:35 → 00:08:38 และก็ทาง Facebook แฟนเพจด้วยนะคะสำหรับ
00:08:38 → 00:08:41 วันนี้ขอลาแต่เพียงเท่านี้พบกันใหม่ใน
00:08:41 → 00:08:44 ครั้งต่อไปสวัสดีค่ะ
00:08:44 → 00:08:51 [เพลง]
00:08:51 → 00:09:02