00:00:00 → 00:00:02 [เพลง]
00:00:02 → 00:00:06 หมอคุยข่าวสนับสนุนโดยวีต้นวัตกรรมเพื่อ
00:00:06 → 00:00:09 ความกระจ่างใสที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา
00:00:09 → 00:00:11 ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจาก
00:00:11 → 00:00:13 ประเทศ
00:00:13 → 00:00:27 [เพลง]
00:00:27 → 00:00:31 เกาหลีมาค่ะคุณผู้ชมค่ะเริ่มต้นสัปดาห์
00:00:31 → 00:00:33 นี้เหมือนเดิมนะคะช่วงหมอคุยข่าวของเรา
00:00:33 → 00:00:36 ค่ะสนับสนุนโดยอีเต้นวัตกรรมเพื่อความ
00:00:36 → 00:00:40 กระจ่างใสจากประเทศเกาหลีนะคะพอพูดถึงผิว
00:00:40 → 00:00:42 เกาหลีก็เป็นผิวในอุดมคตินะคะเป็นแบบว่า
00:00:42 → 00:00:45 วัฒนธรรมที่เราแบบอยากเลียนแบบนะคะหรือ
00:00:45 → 00:00:48 อยากจะกินอาหารเกาหลีอะไรอย่างเงี้ยมัน
00:00:48 → 00:00:50 เป็นกระแสเหมือนกันกับข่าววันนี้มันก็
00:00:50 → 00:00:53 เป็นกระแสก็คือเรื่องของการกินชาบูค่ะคุณ
00:00:53 → 00:00:57 มคือพอดีพอดีเนี่ยมีคนแชร์อยู่ในโซเชียล
00:00:57 → 00:01:01 เขว่าอ้ามีคุณหมอเตือนใช่มยว่าน้ำซุาบโซ
00:01:01 → 00:01:05 สูงอันตรายอย่าได้แครจ้ถ้าคุณกินโซเดียม
00:01:05 → 00:01:08 สูงปี๊ดในน้ำซุปชาบูคุณแค่กินน้ำเป่าแล้ว
00:01:08 → 00:01:11 ออกกำลังกายมันช่วยขับโซเดียมได้คุณหมอก็
00:01:11 → 00:01:14 เลยต้องออกโรงแล้วล่ะค่ะคุณหมอนะคะจากคณะ
00:01:14 → 00:01:16 แพทย์ศาสตร์ของรามานะคะท่านเป็นอาจารย์
00:01:16 → 00:01:18 ประจำสาขาวิชาโรคไตเลยโดยเฉพาะเลยท่านบอก
00:01:19 → 00:01:22 ว่าอืเอาจริงๆเนี่ยมันได้นิดหน่อยจริงๆ 10
00:01:22 → 00:01:25 20% เท่านั้นเองซึ่งถ้าคุณทำได้ติตอ่ะไป
00:01:25 → 00:01:27 กินชาบูแล้วคุณรีบดืน้ำเยอะๆหรือไปออก
00:01:27 → 00:01:30 กำลังกายมันก็จะขับออกทางเงแต่ถ้าคุณทำ
00:01:30 → 00:01:34 ไม่ได้มันก็จะทำให้คุณบริโภคโซเดียมสูง
00:01:34 → 00:01:37 เกินหรือถ้าคุณทานชาบูทุกวันหรือทาน
00:01:37 → 00:01:40 โซเดียมสุทุกวันแต่คุณไม่สามารถดื่มน้ำ
00:01:40 → 00:01:42 ได้เยอะทุกวันไม่สามารถออกกำลังกายได้
00:01:42 → 00:01:44 เยอะทุกวันมันก็ไม่ถูกขับออกเพราะฉะนั้น
00:01:44 → 00:01:47 ทางที่ดีคุณหมอบอกว่าอย่าทานเยอะแล้วก็
00:01:48 → 00:01:50 อย่าทานบ่อยนะคะเพราะว่ามันไม่ได้ช่วยได้
00:01:50 → 00:01:53 อย่างที่กระแสโซเชียลเขาบอกจริงๆทีนี้
00:01:53 → 00:01:55 ต้องมาถามคุณหมอเพราะว่ามันจะได้เป็นความ
00:01:55 → 00:01:59 รู้แล้วไปเตือนกันว่าถ้าเราบริโภคโซเดียม
00:01:59 → 00:02:01 สูงสุสูงเข้าไปอ่ะมันจะก่อให้เกิดอะไรกับ
00:02:01 → 00:02:04 ร่างกายเราบ้างค่ะมหาสาคุณแหนต้องบอกว่า
00:02:04 → 00:02:06 จริงๆแล้วโซเดียมเนี่ยเป็นสารอาหารหรือ
00:02:06 → 00:02:09 ว่าเป็นเกอแร่ที่มีความสำคัญต่อร่างกาย
00:02:09 → 00:02:12 อย่างเวลาเราจะเจาะเลือดเนี่ยเวลาเราดู
00:02:12 → 00:02:14 สารเกือแร่ในร่างกายเราต้องเจาะโซเดียม
00:02:14 → 00:02:16 ด้วยนะเพราะจริงๆโซเดียมเนี่ยเป็นตัวที่
00:02:16 → 00:02:19 ช่วยในการปรับสมดุลพวกระดับความดันเลือด
00:02:19 → 00:02:22 หรือว่าเป็นตัวที่ช่วยในการดึงน้ำอยู่ใน
00:02:22 → 00:02:24 ร่างกายเพราะฉะนั้นมันจะรักษาระดับความ
00:02:24 → 00:02:26 ดันเลือดแล้วก็รักษาความเป็นกรดด่างใน
00:02:26 → 00:02:30 ร่างกายคือมันมีข้อดีนะไม่ใชไม่ใช่ข้อไม่
00:02:30 → 00:02:33 ดีเองแต่ว่าเมื่อไหร่ถ้าแบบเนี้ยถ้าคุณ
00:02:33 → 00:02:35 รับประทานโซเดียมในปริมาณสูงมันเกิดผล
00:02:36 → 00:02:37 เสียทันทีเพราะอย่างเมื่อกี้เราบอกว่า
00:02:38 → 00:02:41 โอเคมันดึงน้ำใช่ไหมมรักษาระดับความดัน
00:02:41 → 00:02:44 เลือดของเรารักษาระดับน้ำในร่างกายรักษา
00:02:44 → 00:02:46 สมดุลเกลือแร่ในร่างกายถ้าเรามีโซเดียม
00:02:46 → 00:02:49 เยอะเกินไปในกระแสเลือดมันก็เป็นตัวที่ทำ
00:02:49 → 00:02:52 ให้ดึงน้ำมากเกินไปงั้นดึงน้ำมากๆเกิด
00:02:52 → 00:02:58 อะไรขึ้นบวมอืงั้นเราก็จะบวมน้ำสาหุหนึ่ง
00:02:58 → 00:03:00 ที่บางทีคนไข้มาบอกว่าทำไมแบบแว่ารู้สึก
00:03:00 → 00:03:04 ว่าขาบวมรู้สึกหน้าบวมหรือมือบวมอันนี้
00:03:04 → 00:03:07 เป็นสาเหตุอันนึงพอดึงน้ำเข้าไปในหลอด
00:03:07 → 00:03:10 เลือดมากๆเกิดอะไรขึ้นก็จะมีความเสี่ยง
00:03:10 → 00:03:12 ที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้นค่ะ
00:03:12 → 00:03:17 อ่านอกจากนี้แล้วเนี่ยเวลาที่มันดึงน้ำ
00:03:17 → 00:03:19 เข้ามาในหลอดเลือดมากๆก็ทำให้เราเหมือน
00:03:19 → 00:03:22 กับกระหายน้ำมากขึ้นไปอีกอะไรที่จะทำให้
00:03:22 → 00:03:26 ร่างกายทำงานหนักขึ้นก็คือไตก็กลายเป็น
00:03:26 → 00:03:29 ว่าไตทำงานหนักแล้วก็ไม่จบไม่สิ้นเราก็จะ
00:03:29 → 00:03:32 เกิดหาภาวะไตเสื่อมค่ะนอกจากความดันสูง
00:03:32 → 00:03:35 ที่จะมีปัญหาตามมาแล้วเนี่ยอันที่จะตามมา
00:03:35 → 00:03:39 ก็คือเบาหวานค่ะนิ่วนิ้วในตตเก๊าเมื่อเรา
00:03:39 → 00:03:43 มีความดาโลหิตสูงเรามีหลอดเลือดที่มีการ
00:03:43 → 00:03:46 อักเสบจากการที่มันมีโซเดียมในเลือดสูงๆ
00:03:46 → 00:03:49 ก็ส่งผลทำให้เกิดเรามีปัญหาเรื่องของโรค
00:03:49 → 00:03:52 หัวใจหรือโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอด
00:03:52 → 00:03:55 เลือดอืเพราะฉะนั้นก็จะไปเพิ่มความเสี่ยง
00:03:55 → 00:03:58 ของการเกิดเป็นโรคหัวใจหรือว่าเสียชีวิต
00:03:58 → 00:04:02 ก่อนวได้โอ้โหอ่าเมีการศึกษานะคุณแอนคน
00:04:02 → 00:04:06 ที่กินอาหารที่มีโซเดียมสูงๆจะมีความ
00:04:06 → 00:04:09 เสี่ยงการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารสูงขึ้น
00:04:09 → 00:04:13 ว้ายเพราะว่ามันทำให้เกิดการอักเสบใน
00:04:13 → 00:04:15 เยื่อบุกของกระเพาะอาหารอ่าเมื่อไหร่ก็
00:04:15 → 00:04:17 ตามที่มีการอักเสบเรื้อรังก็ไปเพิ่มความ
00:04:17 → 00:04:20 เสี่ยงของการเกิดเป็นมะเร็งค่ะแต่ว่าจริง
00:04:20 → 00:04:22 ๆเนี่ยปัญหาเนี่ยมันอยู่ที่ว่าคนเนี่ยกิน
00:04:22 → 00:04:25 โซเดียมกันเยอะโดยที่ไม่รู้ว่าในอาหารที่
00:04:25 → 00:04:28 เรากินน่ะมันมีโซเดียมจรจริงโอเคถ้ามัน
00:04:28 → 00:04:30 เค็มอย่างน้ำปลาอย่างอย่างน้ำมันหอยเนี่ย
00:04:30 → 00:04:33 เรารู้ว่ามันชัวๆว่ามันชัวร์ๆเพราะมันมี
00:04:33 → 00:04:37 รสเค็มแต่ถ้าบางทีมันอยู่ในผงชูรสอือ่ะผง
00:04:37 → 00:04:41 ชูรสเนี่ยก็โซเดียมค่ะหรือถ้ามันอยู่ใน
00:04:41 → 00:04:45 กลุ่มพวกอาหารแปรรูปค่ะบะหมี่กึ่งสำเร็จ
00:04:45 → 00:04:49 รูปขนมขบเคี้ยวทั้งหลายอืเราไม่รู้อาหาร
00:04:49 → 00:04:52 ที่รสจัดๆเราไม่รู้จริงๆอ่ะคืออาหารที่
00:04:52 → 00:04:55 ไม่มีรสเค็มไม่ใช่ว่าไม่มีโซเดียมใช่อ
00:04:55 → 00:04:58 ต้องเข้าใจอันนี้ก่อนใช่เพราะฉะนั้นแล้ว
00:04:58 → 00:05:01 เนี่ยโซเดียมที่ผสมอยู่เนี่ยก็เป็นตัวนึง
00:05:01 → 00:05:04 ที่จะส่งผลโดยเฉพาะถ้าเราชอบทานอาหารนอก
00:05:04 → 00:05:06 บ้านหรืออย่างเงี้ยอย่างในายข่าวอยู่ใน
00:05:06 → 00:05:09 น้ำซุปค่ะเราก็ซดไปอร่อยแต่ว่าจริงๆแล้ว
00:05:10 → 00:05:12 มันเป็นตัวที่สร้างให้เกิดปัญหากากสุขภาพ
00:05:12 → 00:05:15 ของเราอย่างมากมายอ่าก็หลีกเลี่ยงแล้วก็
00:05:15 → 00:05:18 จริงๆเขามีปริมาณโซเดียมนะคะให้ดูที่ฉลาก
00:05:18 → 00:05:22 ก็ดูนิดนึงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกันนะ
00:05:22 → 00:05:27 [เพลง]
00:05:27 → 00:05:30 คะ