00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 Hell ัง for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:31 เราสวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะต้อนรับอยู่ด้วย
00:00:31 → 00:00:34 กันกับฟัง for Health podcast ค่ะเราพบ
00:00:34 → 00:00:37 กันเป็นประจำทุกสัปดาห์นะคะอีกหนึ่งราย
00:00:37 → 00:00:39 การดีๆจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:00:40 → 00:00:42 เชียงใหม่วันนี้อยู่กับทิปสมัชญาหนล่านัก
00:00:42 → 00:00:44 ประชาสัมพันธ์จากงานประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:44 → 00:00:47 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ค่ะช่วง
00:00:47 → 00:00:50 นี้นะคะหลายท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่าทกินะ
00:00:50 → 00:00:53 คะรวมไปถึงบางคนบอกว่าเอ๊ะเราจะมีวิธี
00:00:53 → 00:00:55 สังเกตตัวเองยังไงบ้างว่าเราเข้าข่ายเป็น
00:00:55 → 00:00:58 คนท็อกซิกหรือยังนะคะเดี๋ยววันนี้ค่ะเรา
00:00:58 → 00:01:01 จะพูดคุยกันกับอาจารย์หมอนะคะขอต้อนรับ
00:01:01 → 00:01:03 อาจารย์หมอ 1 ท่านค่ะที่จะมาพูดคุยกับเรา
00:01:03 → 00:01:06 ในวันนี้นะคะผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์
00:01:06 → 00:01:09 อวิรุทธ์อาจารย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์
00:01:09 → 00:01:12 คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่สวัสดี
00:01:12 → 00:01:15 ค่ะอาจารย์หมอคะสวัสดีครับวันนี้เจอกัน
00:01:15 → 00:01:18 เรื่องของความท็อกซิกค่ะเชื่อว่าคุณผู้
00:01:18 → 00:01:21 ฟังหลายท่านน่าจะเคยได้ยินคำนี้บ่อยมากๆ
00:01:21 → 00:01:24 ค่ะอาจารย์จริงๆแล้วคำว่าท็อกซิกมันต้อง
00:01:24 → 00:01:26 เป็นแบบไหนถึงจะเรียกว่าท็อกซิกคะอาจารย์
00:01:26 → 00:01:30 ท็อกซิกมันก็คือมาจากเ่อการเป็นพิษเเนาะ
00:01:30 → 00:01:32 เป็นพิษต่อคนๆนั้นหรือว่าเป็นพิษต่อสิ่ง
00:01:32 → 00:01:35 แวดล้อมรอบๆอาจจะเป็นคนหรือเป็นของหรือ
00:01:35 → 00:01:38 เป็นอะไรก็ได้นะครับแต่ว่าในนิยามของความ
00:01:38 → 00:01:41 ท็อกซิกเนี่ยมันอาจจะมีความเฉพาะเจาะจง
00:01:42 → 00:01:44 มากขึ้นนะครับในทางจิตเวชศาสตร์เนี่ยจริง
00:01:44 → 00:01:47 ๆไม่ได้มีเรื่องวินิจฉัยอะไรนะครับที่บอก
00:01:47 → 00:01:50 ถึงอ่าว่าท็อกซิกเนี่ยมันเป็นโรคหรือว่า
00:01:50 → 00:01:52 เป็นความผิดปกติเงี้ยอันนี้ไม่ไม่มีนะ
00:01:52 → 00:01:54 ครับเพียงแต่ว่ามันจะมีอันที่ใกล้เคียง
00:01:54 → 00:01:57 ครับอันที่ใกล้เคียงเนี่ยอ่าทางจิตเวช
00:01:57 → 00:01:59 เนี่ยจะมีวินิจฉัยเกี่ยวข้องกับ
00:01:59 → 00:02:02 personality disorder หรือว่าความอ่า
00:02:02 → 00:02:06 บุคคลิกภาพแปรปรวนอือืบุคลิกภาพแปรปรวน
00:02:06 → 00:02:11 เนี่ยจริงๆอ่ามันอาจจะมีลักษณะที่อ่าคง
00:02:11 → 00:02:14 ที่มานานเช่นคนคนเนี้ยใช้คำว่าถ้าภาษาชาว
00:02:14 → 00:02:17 บ้านเก็คือเหมือนนิสัยของเขาอ่ะครับนิสัย
00:02:17 → 00:02:20 บางอย่างที่มันอาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยว
00:02:20 → 00:02:24 กับความสัมพันธ์ได้อ่าคนที่บอกว่าเป็นทิ
00:02:24 → 00:02:26 People เนเป็นคนทกิเนี่ยมันก็จะสามารถมี
00:02:26 → 00:02:29 ปัญหาได้ในความสัมพันธ์ทุกระดับเลยเพราะ
00:02:29 → 00:02:31 ว่าจะมีพฤติกรรมหรือวิธีคิดแบบเนี้ยกับ
00:02:32 → 00:02:35 ทุกคนเนาะแล้วก็เป็นอย่างต่อเนื่องยาวนาน
00:02:35 → 00:02:38 ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือมีความคิดว่า
00:02:38 → 00:02:41 คนอื่นต่าหากที่ต้องเปลี่ยนเพื่อฉันเอ้า
00:02:41 → 00:02:43 ฉันไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลยอย่าเงี้ยคใช่
00:02:43 → 00:02:45 เพราะฉันทำถูกแล้วฉันดีแล้วอย่าเงี้ยครับ
00:02:45 → 00:02:48 อันนี้มันเป็นลักษณะนึงที่เอ่ออาจจะพบได้
00:02:48 → 00:02:51 ในคนที่มีความท็อกซิกอยู่ในเ่ออยู่ในตัว
00:02:51 → 00:02:53 เนาะเพราะฉะนั้นเนี่ยจะต้องจำแนกอย่างงี้
00:02:53 → 00:02:55 ก่อนครับว่าความท็อกซิกเนี่ยบางทีเนี่ย
00:02:55 → 00:02:57 มันไม่ได้เกิดขึ้นตลอดมันเกิดขึ้นเวลาที่
00:02:57 → 00:02:59 มีสถานการณ์บีบังคับหรือว่าสถานการณ์การ
00:02:59 → 00:03:02 คับขันหรือว่าสถานการณ์ที่เาไม่ได้วางแผน
00:03:02 → 00:03:05 ไว้ก่อนความท็อกซิกนมันก็จะเยอะขึ้นแบบ
00:03:05 → 00:03:06 นี้ก็มีเหมือนกันคือเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลา
00:03:07 → 00:03:10 ใดช่วงเวลาหนึ่งก็ได้หรือบางคนเป็นมานาน
00:03:10 → 00:03:11 ครับอย่างที่บอกว่าเป็นนิสัยอันนั้นก็จะ
00:03:12 → 00:03:14 ยากไปอีกเพราะว่าถ้าเป็นนิสัยแล้วเนี่ย
00:03:14 → 00:03:17 มันถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่แบบวิธีคิดตั้งแต่
00:03:17 → 00:03:20 ตอนเป็นเด็กตอนวัยรุ่นตอนเป็นเข้าวัยผู้
00:03:20 → 00:03:21 ใหญ่หรืออะไรก็ตามเนี่ยพวกนี้จะเปลี่ยน
00:03:21 → 00:03:25 ยากครับเพราะว่าอ่าเขาใช้ชุดความคิดแบบ
00:03:25 → 00:03:28 นี้มาตั้งหลายปีการไปเปลี่ยนแปลงจะยากมัน
00:03:28 → 00:03:30 ต้องต้องค่อยๆดูก่อนว่าความท็อกซิกเยมัน
00:03:30 → 00:03:33 เกิดชั่วคราวหรือมันเกิดขึ้นอย่างต่อ
00:03:33 → 00:03:36 เนื่องยาวนานยาวนานแล้วเออมันจะมี 2 คำ
00:03:36 → 00:03:39 ที่เราได้ยินบ่อยๆค่ะอาจารย์ก็คือ toxic
00:03:39 → 00:03:42 relationship กับ toxic People 2 คำ
00:03:42 → 00:03:44 นี้มันต่างกันมั้ยคะก็ต่างกันเพราะว่า
00:03:44 → 00:03:46 toxic People นี่ก็คือพูดถึงคนเนาะ
00:03:46 → 00:03:48 อย่างที่บอกไปว่าอาจจะเป็นเกี่ยวข้องกับ
00:03:48 → 00:03:51 นิสัยหรือชุดวิธีคิดของเขาแต่ว่า toxic
00:03:51 → 00:03:53 relationship เนี่ยมันเป็นสิ่งที่เกิด
00:03:53 → 00:03:57 ขึ้นเวลาที่คนมากกว่า 1 มาเจอกันอ่าก็คือ
00:03:57 → 00:03:59 2 คนขึ้นไป
00:04:00 → 00:04:01 ไปมาเจอกันแล้วมันเกิดปฏิสัมพันธ์แล้วมัน
00:04:01 → 00:04:04 เกิดอ่ารูปแบบของความสัมพันธ์ที่อาจจะ
00:04:04 → 00:04:07 toxic โดยที่อ่า toxic relationship
00:04:07 → 00:04:09 เนี่ยอาจจะมีหนึ่งในนั้นเป็น toxic
00:04:09 → 00:04:12 People ก็ได้คือเป็นคนคนที่ toxic ต่อคน
00:04:12 → 00:04:14 อื่นนะครับเวลามี relationship เวลามี
00:04:14 → 00:04:16 ความสัมพันธ์เนี่ยมันก็มีแนวโน้มที่จะ
00:04:16 → 00:04:19 เกิดรูปแบบความสัมพันธ์ที่มันไม่ค่อยดี
00:04:19 → 00:04:22 เท่าไหร่อ่าครับอันนี้คือความแตกต่าง
00:04:22 → 00:04:24 ระหว่าง 2 อันอ๋อแต่บางคนมันมีอย่างงี้
00:04:24 → 00:04:26 ครับ toxic relationship เนี่ยบางทีคน
00:04:26 → 00:04:28 น่ะไม่ได้ toxic ทั้งคู่นะเป็นคนที่มี
00:04:28 → 00:04:32 นิสัยแบบนอกับคนที่มีนิสัยที่อาจจะแตก
00:04:32 → 00:04:34 ต่างกันไปอีกแบบนึงแต่พอมาเจอกันแล้วมัน
00:04:34 → 00:04:37 ชนกันอ๋อเหือมันดึงดูดกันเงี้เหรอคะ
00:04:37 → 00:04:39 อาจารย์บางคนก็จะเป็นการดึงดูดก็มีครับ
00:04:39 → 00:04:42 แล้วบางคนก็จะไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะออกไป
00:04:42 → 00:04:45 จากความสัมพันธ์นี้ที่เป็นความท็อกซิกนี้
00:04:45 → 00:04:50 ก็ได้อย่างเช่นเอ่อบางคนที่อาจจะมี
00:04:50 → 00:04:54 พฤติกรรมระเบิดอารมณ์บ่อยๆแต่ว่าไม่ค่อย
00:04:54 → 00:04:56 ได้แสดงออกกับใครส่วนใหญ่จะแสดงออกกับแฟน
00:04:56 → 00:05:00 เงี้ยครับแล้วไปเจอแฟนที่ฉันรับได้วันนึง
00:05:00 → 00:05:03 ฉันจะต้องเปลี่ยนเธอได้อฉันจะอยู่เพื่อ
00:05:03 → 00:05:05 อยู่เคียงคู่ข้างเธอไปแบบนี้แหละอย่าง
00:05:05 → 00:05:07 เงี้ยครับพอมาอยู่ด้วยกันถามว่ามันเป็น
00:05:07 → 00:05:10 ความสัมพันธ์ที่ดีมยมันก็อาจจะเป็นความ
00:05:10 → 00:05:12 สัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีเพราะว่ามันจะมีการ
00:05:12 → 00:05:16 ใช้อ่าการพูดจาที่ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายนึง
00:05:16 → 00:05:19 ก็ยอมที่จะถูกทำร้ายจิตใจอย่างนี้นี้ซ้ำๆ
00:05:19 → 00:05:22 ไปเรื่อยๆก็เป็นความสัมพันธ์ที่ท็อกซิก
00:05:22 → 00:05:24 แต่ทั้งคู่อ่ะถ้าแยกกันน่ะอาจจะไม่
00:05:24 → 00:05:27 ท็อกซิกกับคนอื่นก็ได้ไงครับแต่เวลามาเจอ
00:05:27 → 00:05:29 กันแล้วมันท็อกซิกเพราะฉะนั้นเนี่ยมันมี
00:05:29 → 00:05:32 มันมีอย่าง toxic relationship มันอาจจะ
00:05:32 → 00:05:34 ซับซ้อนไปอีกขั้นนึงเพราะมันไม่ได้ไม่ได้
00:05:34 → 00:05:37 พูดถึงแค่ตัวบุคคลมันพูดถึงปฏิกิริยา
00:05:37 → 00:05:39 ระหว่างคน 2 คนขึ้นไปก็เลยอยากจะชวนให้
00:05:39 → 00:05:43 สำรวจแบบนี้ครับให้ลองเช็คว่าความรู้สึก
00:05:43 → 00:05:45 แบบเนี้ยเกิดขึ้นกับคุณคนเดียวหรือเปล่า
00:05:45 → 00:05:47 สมมุติว่าคุณรู้สึกว่าคนเนี้ยท็อกซิกจังอ
00:05:47 → 00:05:50 แล้วคนรอบๆตัวคนน่ะคิดคิดคล้ายๆกันมยหรือ
00:05:50 → 00:05:53 รู้สึกคล้ายๆกันมคิดเหมือนเรามเงี้ยหรอคะ
00:05:53 → 00:05:55 รู้สึกเหมือนรู้สึกคล้ายๆกันหรือรู้สึก
00:05:55 → 00:05:58 ว่ามีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีอืแบบนี้
00:05:58 → 00:06:01 เหมือนกันหรือเปล่าค่ะกับคนนี้ถ้าพบว่าคน
00:06:01 → 00:06:04 อื่นเขาไม่โดนเว้ยอืโดนแต่เราคนเดียว
00:06:04 → 00:06:07 อาจารย์อันนี้แปลกเริ่มแปลกๆะแปลว่าเรา
00:06:07 → 00:06:09 อาจจะต้องกลับมาสำรวจตัวเองว่าเราเองก็
00:06:09 → 00:06:11 อาจจะมีบางมุมที่ท็อกซิกต่อคนนี้หรือ
00:06:11 → 00:06:13 เปล่าอืจริงๆอาจจะไม่ใช่แบบทั้งหมดนะครับ
00:06:13 → 00:06:15 เราอาจจะไม่ได้ท็อกซิกกับคนอื่นแต่กับคน
00:06:15 → 00:06:17 เนี้ยเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีละหรือ
00:06:17 → 00:06:20 เราไปท็อกซิกใส่เามยอะไอย่าเงี้ยครับอ
00:06:20 → 00:06:22 แล้วก็แต่ถ้าผลมันออกมาอีกทางนึงเนาะเช่น
00:06:22 → 00:06:25 คนอื่นเขาก็บอกว่าอือๆอืก็เป็นเหมือนกัน
00:06:25 → 00:06:28 โดนก็โดนมาเยอะเหมือนกันอะไรเงี้ยแต่ว่าเ
00:06:28 → 00:06:30 ก็พออยู่ไปได้อันนี้อาจแต่ว่าคนนั้นที่
00:06:30 → 00:06:32 คุณคิดว่าเขาอาจจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่
00:06:32 → 00:06:35 ท็อกซิกอ่ะครับก็อาจจะเป็นที่ตัวเขาด้วย
00:06:35 → 00:06:39 จะมีลักษณะกลุ่มของคนท็อกซิกที่เจอบ่อยๆ
00:06:39 → 00:06:43 คร่าวๆนะครับอมี 6 ลักษณะ 6 ลักษณะของคน
00:06:43 → 00:06:45 ท็อกซิกใช่่มั้ยคะใช่ครับที่ที่อาจจะมี
00:06:45 → 00:06:48 ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ได้เผมใช้ว่ามี
00:06:48 → 00:06:50 ความเสี่ยงแล้วกันเนาะไม่ได้ไม่อยากจะตัด
00:06:50 → 00:06:53 สินว่าเท็อกซิกแล้วแต่ว่าแบบเนี้ยถ้ามี
00:06:53 → 00:06:55 แบบเนี้ยมีแนวโน้มว่าคนอื่นเขาอยู่ด้วย
00:06:55 → 00:06:59 ลำบากอือ่ามีเป็นคำพล้องจองครับค่ะติติง
00:06:59 → 00:07:03 แต่ไม่เปิดติติงแต่ไม่เปิดระเบิดอารมณ์อื
00:07:03 → 00:07:08 ชอบชมไปงั้นๆอ้อชั้นเป็นศูนย์กลางโวาง
00:07:08 → 00:07:11 หมากปั่นหัวแล้วก็ทำตัวตกเป็นเหยื่อครับ
00:07:11 → 00:07:13 อันนี้คือ 6 อย่าง 6 พฤติกรรมของคนที่มี
00:07:13 → 00:07:16 ความเสี่ยงที่จะต้องเป็นถูกมองว่าท็อกซิก
00:07:16 → 00:07:18 หรือว่าอาจจะไปเจอแล้วเราจะรู้สึกท็อกซิก
00:07:18 → 00:07:22 นะครับค่อยๆไล่ไปทีละอันนี้มครับอย่างอัน
00:07:22 → 00:07:25 แรกที่ติดติงแต่ไม่เปิดลักษณะของคนที่ติ
00:07:25 → 00:07:27 ติงแต่ไม่เปิดคือจะโฟกัสเฉพาะจุดที่เป็น
00:07:27 → 00:07:32 ปัญหาอืมอืและมีวิธีแก้ปัญหาอยู่ในหัว
00:07:32 → 00:07:35 อยู่แล้วะค่ะที่เขาคิดว่าวิธีเนี้ยดีที่
00:07:35 → 00:07:39 สุดอืและใครทำไปนอกจากเนี้ยคือไม่ได้ไม่
00:07:39 → 00:07:43 ได้จะรู้สึกว่าไม่ทำตามไม่อยู่ในความควบ
00:07:43 → 00:07:46 คุมอือืเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาที่คนอื่นเขา
00:07:46 → 00:07:50 พยายามช่วยหาทางแก้อื่นๆค่ะก็จะถูกมองว่า
00:07:50 → 00:07:52 โง่บ้างไม่มีความคิดอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:07:52 → 00:07:55 คือเขาก็จะไม่ได้เปิดวิธีการแก้ปัญหาอื่น
00:07:55 → 00:08:00 ๆให้คนอื่นเขาช่วยงๆคือไม่เปิดใจรับฟังคน
00:08:00 → 00:08:02 อื่นอะไรเงี้ยใช่มั้ยคะอใช่ครับอันนี้คือ
00:08:02 → 00:08:05 อันแรกนะครับอือย่างที่ 2 ครับระเบิด
00:08:05 → 00:08:07 อารมณ์ระเบิดอารมณ์เหมือนที่อาจารย์หมอ
00:08:07 → 00:08:10 พูดไปเมื่อสักครู่ใช่ไม่ว่าจะมีอะไรเนี่ย
00:08:10 → 00:08:14 ก็จะใช้อารมณ์เข้าสู้อืนะครับบางทีรู้ตัว
00:08:14 → 00:08:16 ว่าผิดแต่ว่าใช้อารมณ์โกรธเข้าสู้ใช้
00:08:17 → 00:08:22 เสียงดังใช้ความก้าวร้าวเข้าไปบอกเช่น
00:08:22 → 00:08:24 เวลาทำงานแล้วเอ่อสมมุติเป็นหัวหน้างาน
00:08:24 → 00:08:28 เนาะแล้วก็ไม่ถูกใจในสิ่งที่ลูกน้องทำแต่
00:08:28 → 00:08:30 ส่วนนึงอ่ะเป็นเพราะว่าตัวเองไม่ตรวจสอบ
00:08:30 → 00:08:33 ให้ดีอะไรแบบเนี้ยแต่ว่ากลายเป็นว่าใช้
00:08:33 → 00:08:36 ความโกรธอ่าใช้ความโกรธใช้อำนาจนะครับใน
00:08:36 → 00:08:39 การที่จะแสดงอารมณ์ตรงนั้นออกมาเพื่อควบ
00:08:39 → 00:08:43 คุมแหละส่วนนึงเนี่ยอ่ามันจะมองได้ว่าเขา
00:08:43 → 00:08:46 อ่ะต้องการที่จะลดอ่าความรู้สึกตัวเองลง
00:08:46 → 00:08:49 อืเพื่อลดความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกขาย
00:08:49 → 00:08:52 หน้าของเขาลงแต่ว่ามันกลายเป็นว่ามันส่ง
00:08:52 → 00:08:56 ผ่านความรู้สึกไม่ดีให้กับคนอื่นต่อนะ
00:08:56 → 00:09:00 ครับอย่างที่ 3 ค่ะชอบชมไปงั้นๆอ่าจริงๆ
00:09:00 → 00:09:02 คำชมมันเหมือนจะดีมั้ยครับต้องดีอยู่แล้ว
00:09:02 → 00:09:04 มั้ยคะอาจารย์อืมันเหมือนฟังเหมือนจะดี
00:09:04 → 00:09:08 แต่ว่าบางคนเนี่ยเวลาที่ชมเนี่ยไม่ได้ชม
00:09:08 → 00:09:12 เพราะว่ามันดีจริงๆไม่ได้ชมออกมาจากใจ
00:09:12 → 00:09:15 เงี้ยลคะใช่ๆแต่ว่าเขาจะชชื่นชมเพื่อให้
00:09:15 → 00:09:20 ได้ประโยชน์บางอย่างครับอ้าเช่นถ้าอ่าทำ
00:09:20 → 00:09:24 งานดีนะครับโอ้มันดีมากเลยชมให้ให้ทำได้
00:09:24 → 00:09:27 ดีมีกำลังใจแต่เดี๋ยวใช้งานเพิ่มนะกำลัง
00:09:27 → 00:09:30 ใจเดี๋ยวทำอันนี้ให้เพิ่มนะเอ้อคือชมไป
00:09:30 → 00:09:33 เพื่อจะหวังผลเงี้ยใช่มั้ยคะใช่ใช่ครับ
00:09:33 → 00:09:35 ใช่ครับเพื่อให้มันมีผลประโยชน์อะไรต่อ
00:09:35 → 00:09:39 กลับมาได้นี่ก็คือชอบชมไปงั้นๆนะครับข้อ 4
00:09:39 → 00:09:42 ครับค่ะชั้นเป็นศูนย์กลางชั้นเป็นศูนย์
00:09:42 → 00:09:44 กลางอันนี้ฟังดูก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
00:09:44 → 00:09:47 อาจารย์นะครับอันนี้อาจจะอาจจะเข้าใจได้
00:09:47 → 00:09:49 ง่ายเลยเพราะว่าอย่างที่บอกครับลักษณะนึง
00:09:49 → 00:09:52 ของคนที่ท็อกซิกเนี่ยเขาก็จะไม่ได้มองว่า
00:09:52 → 00:09:55 เขาต้องปรับอะไรอืเพราะเาเองอ่ะรู้สึกว่า
00:09:55 → 00:09:58 สิ่งที่เขาทำมันถูกละอือการจะปรับตัวเข้า
00:09:58 → 00:10:01 หาคนอื่นนั้นเป็นไปได้ยากมากและคนอื่น
00:10:01 → 00:10:04 ต้องปรับหาฉันเท่านั้นค่ะคนอื่นน่ะทำไม่
00:10:04 → 00:10:06 ดีหมดคนอื่นต้องมาปรับตัวให้ฉันสิต้อง
00:10:06 → 00:10:10 เห็นใจฉันสิว่าฉันเนี่ยดูแลมานะหรือว่า
00:10:10 → 00:10:14 ฉันเนี่ยทำกิจการนี้มานะอืตั้งแต่ต้นอะไร
00:10:14 → 00:10:16 อย่าเงี้ยครับเพราะฉะนั้นการตัดสินใจหรือ
00:10:16 → 00:10:18 ทุกอย่างมันควรจะเป็นของฉันฟังตามที่ฉัน
00:10:18 → 00:10:21 ทำก็คือการคอนโทรลให้อยู่ในเพราะฉันคือ
00:10:21 → 00:10:25 ศูนย์กลางใช่นะครับโอเคต่อไปนะครับข้อ 4
00:10:25 → 00:10:29 อันนี้อันนี้น่าสนใจครับวางหมาปั่นหัวอือ
00:10:29 → 00:10:33 อยังไงคะอาจารยก็คือจะเป็นมนุษย์ที่ฟังดู
00:10:33 → 00:10:36 เหมือนในละครนิดนึงเนาะอยู่กับคนนี้ก็ได้
00:10:36 → 00:10:38 อยู่กับคนนี้ก็ได้แต่ไม่ได้แปลว่าปรับตัว
00:10:38 → 00:10:41 เก่งนะเวลาอยู่กับคนนี้เนี่ยชื่นชมคนนี้
00:10:41 → 00:10:44 ด่าคนนี้ให้ฟังอืเวลาอยู่กับอีกคนนึงชื่น
00:10:44 → 00:10:46 ชมคนนึงด่าอีกคนนึงให้ฟังเพื่อที่จะให้
00:10:46 → 00:10:49 เขาคทะเลาะกันอ้าขี้ปั่นเป็นนักปั่นอย่าง
00:10:49 → 00:10:52 เงี้ยครับนักปั่นเงี้ยเหรอคะอืซึ่งซึ
00:10:52 → 00:10:54 อันเนี้ยอาจจะเห็นภาพชัดในที่ทำงานหรือ
00:10:54 → 00:10:57 ว่าในในที่ที่มันอาจจะมีการแข่งขันอมีคน
00:10:57 → 00:11:00 อยู่ด้วยกันเยอะๆคนที่เยอะหน่อยในในบ้าน
00:11:00 → 00:11:03 หรือว่าในความสัมพันธ์ที่เป็นครอบครัวอาจ
00:11:03 → 00:11:06 จะเห็นไม่ชัดแต่ก็ไม่ใช่ไม่มีนะครับบาง
00:11:06 → 00:11:08 ครั้งถ้าเป็นครอบครัวเนี่ยอาจจะเป็นการ
00:11:08 → 00:11:11 สร้างพวกสมมุติว่าลูกทำอะไรผิดสักอย่าง
00:11:11 → 00:11:15 นึงค่ะแต่ว่าลูกสนิทกับแม่มากกว่าอืลูกก็
00:11:15 → 00:11:16 อาจจะไปบอกแม่ว่าเนี่ยเป็นพ่ออย่างงี้
00:11:17 → 00:11:19 อย่างงั้นพ่อทำแบบนี้ไงลูกเลยเป็นแบบนี้
00:11:19 → 00:11:23 อะไรเงี้ยครับเพื่อหาพวกเข้ามาอยู่ในอ่า
00:11:23 → 00:11:26 ฟั่งตัวเองอ้าเออมันมีเหมือนกันแต่ว่า
00:11:26 → 00:11:29 หรือก็เป็นคู่พี่น้องที่เราเคยเห็นได้น
00:11:29 → 00:11:33 บ่อยๆนะคะอาจารยใช่่ๆแบบการสลองซปีกอย่า
00:11:33 → 00:11:37 ไงเออแบบชอบแบบพ่อรู้ว่าพ่อรักตัวเองเยอะ
00:11:37 → 00:11:39 กว่าก็อาจจะไปบอกว่าพี่ทำอย่างงั้นอย่าง
00:11:40 → 00:11:42 งี้อะไรเงี้ยก็มีได้เหมือนกันนี่คือแบบ
00:11:42 → 00:11:45 ที่ 5 วางหมากปั่นหัวออๆขอพูดนิดนึงวาง
00:11:45 → 00:11:47 หมาปั่นหัวเนี่ยหลายคนตอนนี้เขาพูดถึง
00:11:47 → 00:11:50 เรื่องแส Lighting แส Lighting เนี่ยมัน
00:11:50 → 00:11:53 เป็นการปั่นอีกแบบนึงอืเนียนๆปั่นเนียนๆ
00:11:53 → 00:11:57 เช่นสมมุติในที่ทำงานเนาะในที่ทำงานเนี่ย
00:11:57 → 00:12:00 คนเนี้ยครับเขาทำงานดีมากมากละลูกน้องคน
00:12:00 → 00:12:02 เนี้ยหรือว่าเจ้าหน้าที่คนนี้ทำงานดีมากอ
00:12:02 → 00:12:06 แต่มีบอสที่ประเมินแล้วมันไม่ดีสักทีอ่ะ
00:12:06 → 00:12:09 ออเพื่อให้เพื่อให้คนเนี้ยจริงๆความหวัง
00:12:09 → 00:12:11 เขคืออยากจะให้คนนี้พัฒนาตัวเองมากขึ้น
00:12:11 → 00:12:15 มากขึ้นเรื่อยๆอืแต่ในฝั่งของคนที่ที่ถูก
00:12:15 → 00:12:18 ประเมินนะครับเขาก็จะรู้สึกว่าทำให้ดีให้
00:12:18 → 00:12:21 ตายยังไงก็ไม่ถูกใจสักทีอือย่างเงี้ยครับ
00:12:21 → 00:12:23 มันก็จะเป็นรูปแบบของ toxic People หรือ
00:12:23 → 00:12:25 toxic relationship ในที่ทำงานแบบนึ่ง
00:12:25 → 00:12:28 เหมือนกันอืเหมือนเหมือนกับว่าเซตมาตรฐาน
00:12:28 → 00:12:31 ไว้้สูแล้วก็มาตรฐานนี้ก็จะสูงขึ้นเรื่อย
00:12:31 → 00:12:35 ๆเมื่อเธอทำ a ได้อืจริงทำ a ได้ก็ดีนะ
00:12:35 → 00:12:38 แต่ทำได้ได้ B เออถ้าบมันจะดีมากเลยนะ
00:12:38 → 00:12:40 อย่างเงี้ยครับมันแล้วก็จะเป็นอย่างนี้ไป
00:12:40 → 00:12:42 เรื่อยๆคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดนแกส
00:12:42 → 00:12:46 ไิเนี่ยซึ่งซึ่งจริงๆมีมีรายละเอียดเยอะ
00:12:46 → 00:12:49 เขาก็จะรู้สึกว่าเาไม่ดีสักทีนะครับอสุด
00:12:49 → 00:12:53 ท้ายครับค่ะทำตัวตกเป็นเหยื่ออืทำตัวเป็น
00:12:53 → 00:12:55 ผู้น่าสงสารเงี้รคะอาจารย์ไม่ว่าอะไรจะ
00:12:55 → 00:12:59 เข้ามาฉันโดนอีกแล้วทำไมคนนี้ทำแบบกับฉัน
00:12:59 → 00:13:02 อีกแล้วคนนั้นก็ไม่เข้าใจฉันคนนี้ก็ไม่
00:13:02 → 00:13:04 เข้าใจคนนี้ก็ทำร้ายพูดไม่ดีอย่างเงี้ย
00:13:04 → 00:13:07 ครับโแต่ถ้าเรามองเผินๆเก็น่าสงสารนะคะ
00:13:07 → 00:13:10 อาจารย์แน่นอนแน่นอนเวลาที่เวลาไปคุยกับ
00:13:10 → 00:13:13 อ่ามนุษย์คนนึงที่รู้สึกว่าตัวเองเป็น
00:13:13 → 00:13:15 เหยื่อตลอดเวลาเนี่ยค่ะเราก็จะรู้สึก
00:13:15 → 00:13:18 สงสารแต่อาจจะต้องตั้งคำถามนิดนึงครับว่า
00:13:18 → 00:13:21 อูแล้วทนมาอยู่ได้อยู่มาได้ยังไงอ่ะอื
00:13:21 → 00:13:23 อยู่ในสถานการณ์แบบนี้มามันได้ยังไงตั้ง
00:13:23 → 00:13:25 นานอันนี้ต้องต้องมีเส้นบางๆนะครับเราไม่
00:13:25 → 00:13:27 ใช่อ่าจะไปโทษเหยื่อที่ตกเป็นเหยื่อของ
00:13:28 → 00:13:31 การถูกพูดพถึงไม่ดีค่ะแต่ว่าจะมีลักษณะ
00:13:31 → 00:13:33 ของคนแบบนี้เหมือนกันที่ไม่ว่าใครจะทำ
00:13:33 → 00:13:36 อะไรเขาก็จะสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองหรือ
00:13:36 → 00:13:39 ว่าชักจูงให้คนอื่นมองเห็นเขาเป็นเหยื่อ
00:13:39 → 00:13:43 ได้ตลอดเวลาอือ่าก็แบบนี้ก็เป็นรูปแบบนึง
00:13:43 → 00:13:46 ของ toxic People คนก็จะสงสารบางคนคน
00:13:46 → 00:13:48 อื่นน่ะเขาก็จะสงสารใช่ค่ะอาจารยครับแต่
00:13:48 → 00:13:51 ในขณะเดียวกันคนที่ถูกพูดถึงว่าถูกเป็นคน
00:13:51 → 00:13:54 ทำร้ายเขาอ่ะมันอาจจะไม่ได้เป็นเบอร์นั้น
00:13:54 → 00:13:59 ไงอืมันอาจจะมีการพูดอ่าถึงกันไม่ดีจริง
00:13:59 → 00:14:01 จริงๆแหละแต่มันอาจจะมีเหตุว่าเพราะอะไร
00:14:01 → 00:14:05 คนนี้จึงต้องอจึงต้องพูดไม่ดีแบบนั้นออก
00:14:05 → 00:14:08 มามีสาเหตุอย่างอื่นอย่างเงี้ยครับก็อาจ
00:14:08 → 00:14:12 จะต้องค่อยๆดูครับเพราะว่าอ่า toxic
00:14:12 → 00:14:14 People อย่างที่บอกเนาะมีตั้งหลายรูปแบบ
00:14:14 → 00:14:18 เพราะฉะนั้นรูปแบบใดรูปแบบนึงมันอาจจะไม่
00:14:18 → 00:14:20 ได้ตรงไปตรงมาขนาดนั้นและเอาเราอาจจะไม่
00:14:20 → 00:14:23 ได้ตัดสินได้จากแค่ครั้งหรือ 2 ครั้งที่
00:14:23 → 00:14:27 เราเจออ่าดูกันไปยาวๆมันอาจจะต้องค่อยๆดู
00:14:27 → 00:14:31 ในแต่ละบุคคลว่าอือืเขามีพฤติกรรมแบบนี้
00:14:31 → 00:14:34 ชั่วคราวหรือว่ามีมานานแล้วอืนะครับอัน
00:14:34 → 00:14:37 นี้คือ 6 พฤติกรรมย้ำอีกรอบนึงค่ะอาจารย์
00:14:37 → 00:14:41 ติติงแต่ไม่เปิดระเบิดระเบิดอารมณ์ชอบชม
00:14:41 → 00:14:45 ไปงั้นๆค่ะชั้นเป็นศูนย์กลางอ่าวางหมาก
00:14:45 → 00:14:48 ปั่นหัวแล้วก็ทำตัวตกเป็นเหยื่อค่ะออัน
00:14:48 → 00:14:51 นี้ 6 พฤติกรรมจริงๆคนท็อกซิกมีที่มาแหละ
00:14:52 → 00:14:54 แต่ว่าเราอาจจะมองไม่เห็นเช่นเขาอ่ะตัด
00:14:54 → 00:14:56 สินตัวเองหนักมากเก็เลยตัดสินคนอื่นได้
00:14:56 → 00:14:59 เหมือนกันง่ายดายอย่างเงี้ยครับออ่าเวลา
00:14:59 → 00:15:02 ที่ไม่ตงตรงเป้าปุ๊บสิ่งที่สื่อสารกับตัว
00:15:02 → 00:15:05 เองก็อาจจะเป็นแบบเรานี่มันแย่เรานี่มัน
00:15:05 → 00:15:07 ไม่เก่งเท่ากับที่เราคิดไว้แต่แสดงออกไม่
00:15:07 → 00:15:11 ได้เสียฟอร์มค่ะอ่าก็เลยออกแสดงออกมาเป็น
00:15:11 → 00:15:13 พฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีกับคนอื่นแทนอย่าง
00:15:13 → 00:15:16 เงี้ยครับเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้ารู้ตัวสัก
00:15:16 → 00:15:18 น้อยนึงสักนิดเดียวเงี้ยครับดีแล้วครับอ
00:15:18 → 00:15:22 อืถือว่ามาถูกทางแล้วนะคอาจารย์ใช่สมมุติ
00:15:22 → 00:15:24 ว่าเรามีความรู้สึกว่าเอ๊ะวันนี้เราอาจจะ
00:15:24 → 00:15:29 เผลอพลั้งปากพูดแรงๆใส่คนคนึงไปแล้วอือ่า
00:15:29 → 00:15:31 กลับบ้านไปเรานึกขึ้นได้นี้ถือว่าเป็น
00:15:31 → 00:15:34 สัญญาณที่ดีมั้ยคะอาจารย์ดีครับดีถ้านึก
00:15:34 → 00:15:38 นึกได้ทีหลังเนี่ยดีหรืออพูดอีกแบบนึงดี
00:15:38 → 00:15:40 ขึ้นกว่านี้คือมันเริ่มมีความเห็นอกเห็น
00:15:40 → 00:15:44 ใจคนอื่นอ้าว่าเขาจะคิดยังไงนะครับเอ่อ
00:15:44 → 00:15:47 toxic People หลายคนนอกจากไม่รู้ตัว
00:15:47 → 00:15:50 แล้วก็ไม่ได้เห็นอกเห็นใจคนอื่นด้วยออัน
00:15:50 → 00:15:53 นี้ยากมากเลยโอ้โหแต่ถ้าเริ่มรู้ว่าเอ้ย
00:15:53 → 00:15:55 แล้วเ้าจะยังไงแล้วเข้าจะอย่างงี้อย่าง
00:15:55 → 00:15:57 งั้นมแปลว่าเราเริ่มนึกถึงความรู้สึกของ
00:15:57 → 00:15:59 คนอื่นมากขึ้นอันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่
00:16:00 → 00:16:03 ดีทิ้งท้าสักนิดนึงค่ะอาจารย์คะรับมือยัง
00:16:03 → 00:16:06 ไงกับคนท็อกซิกจากคนรอบข้างเราเนี่ยค่ะอื
00:16:06 → 00:16:10 อืก็อันแรกเลยนะครับอ่าเป็นคีย์เวิร์ดที่
00:16:10 → 00:16:14 ทุกการศึกษาทุกนักเขียนทุกนักจิตอนุญาแนะ
00:16:14 → 00:16:17 นำเหมือนกันคือไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรงอื
00:16:17 → 00:16:19 ไม่แก้แค้นไม่ไปแบบเอาคืนอย่าเงี้ยค่ะ
00:16:19 → 00:16:23 เพราะเมื่อคุณทำแบบนั้นคุณจะกลายเป็นหนึ
00:16:23 → 00:16:27 ใน toxic People และสนับสนุนให้ระบบทิ
00:16:27 → 00:16:30 นี้มันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทันีอือื
00:16:30 → 00:16:35 เพราะว่าการเอิ่มมันมีทฤษฎีนึงที่เา้า
00:16:35 → 00:16:40 สรุปกันมาว่าไม่ใช่สรุปสิมันมีสมมุติฐาน
00:16:40 → 00:16:45 นึงว่าอ่าคนที่ท็อกซิกเนี่ยจะรู้สึกยินดี
00:16:45 → 00:16:47 เวลาที่มีคนตอบโต้ด้วยความรุนแรงแล้วเขา
00:16:47 → 00:16:50 จะทำพฤติกรรมนั้นต่อไปเพราะเขาอ่ะได้ได้
00:16:50 → 00:16:54 สิ่งที่เขาต้องการละมันมันไปตอบโจทย์อ่า
00:16:54 → 00:16:57 พฤติกรรมที่เขาพยายามจะแสดงออกเช่นเขาอาจ
00:16:57 → 00:16:59 จะอยากให้คุณโกรธก็ได้เอาจจะอยากให้คุณ
00:16:59 → 00:17:05 รู้สึกอ่าน้อยเนื้อต่ำใจไม่อ่าไม่มั่นใจ
00:17:05 → 00:17:08 ในตัวเองแล้วไปแสดงออกแบบนั้นค่ะติดกลับ
00:17:08 → 00:17:10 เลยครับเรียบร้อยก็คือถ้าตอบโต๊ด้วยความ
00:17:11 → 00:17:13 รุนแรงปุ๊บเก็ทำต่อเราก็จะเป็นหนึ่งใน
00:17:14 → 00:17:16 System 1ึในระบบของคนที่ท็อกซิกเหมือน
00:17:16 → 00:17:20 กันนะครับทีเนี้ยแล้วจะทำยังไงเนาะมันดู
00:17:20 → 00:17:22 สิ้นหวังนิดนึงนะครับวิธีรับทำใจเหรอคะ
00:17:22 → 00:17:25 อาจารย์ให้พยายามหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่
00:17:25 → 00:17:28 สุดเท่าที่จะทำได้อือถ้าเป็นที่ทำงาน
00:17:28 → 00:17:31 อย่างเงี้ยครับย้ายโต๊ะได้ย้ายย้ายแผนก
00:17:31 → 00:17:34 ได้ย้ายอโอหเขาอาจจะอยู่กับคนที่ท็อกซิก
00:17:34 → 00:17:36 พอๆกันได้ก็ได้อะไรเงี้ยแต่ว่าถ้าเราอยู่
00:17:36 → 00:17:38 ไม่ได้อย่าเงี้ยครับให้พยายามหลีกเลี่ยง
00:17:38 → 00:17:43 ให้ได้มากที่สุดอืถ้ามันไม่ได้อ่ามันจะมี
00:17:43 → 00:17:48 คำนึงที่ใช้ได้คืออ่าต้องสร้างขอบเขตของ
00:17:48 → 00:17:51 กันและกันค่ะขอบเขตทั้งขอบเขตทางด้าน
00:17:51 → 00:17:55 กายภาพเนาะเช่นที่ทำงานโต๊ะทำงานห้องทำ
00:17:55 → 00:18:00 งานอ่าและขอบเขตทางใจขับเข็ตทางกายภาพและ
00:18:00 → 00:18:03 ทางใจด้วยทางใจนี่ก็คือเช่นอ่าอาจจะพูด
00:18:03 → 00:18:06 กับเคหรือสื่อสารกับเขาเฉพาะในเวลาที่
00:18:06 → 00:18:09 จำเป็นก็พออือเฉพาะเวลางานเท่านเรื่องงาน
00:18:10 → 00:18:12 เท่านั้นใช่และหลังเวลาหลังจากนั้นก็ต้อง
00:18:12 → 00:18:14 บอกเลยว่าโอเคตอนนี้มันไม่ใช่เวลางานแล้ว
00:18:14 → 00:18:18 ขอเวลาที่จะไม่ไม่ตอบคำถามแล้วเราค่อยคุย
00:18:18 → 00:18:21 กันพรุ่งนี้ที่ทำงานและทำให้สม่ำเสมอค่ะ
00:18:21 → 00:18:23 ยิ่งที่ทำงานอาจจะไม่ยากมากครับเพราะว่า
00:18:23 → 00:18:26 ถ้าส่วนใหญ่นะจะมี 1-2 ไม่เยอะแล้วคนที่
00:18:26 → 00:18:29 ได้รับผลกระทบทั้งหมดอ่ะอืจะรู้สึกป่วง
00:18:29 → 00:18:32 ตามกันไปอเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าทำเป็นทีม
00:18:32 → 00:18:34 อ่ะจะได้ผลมากกว่าเช่นเอ่อเรารู้สึกแบบ
00:18:34 → 00:18:37 นี้เหมือนกันเพราะฉะนั้นวิธีที่จะดีลกับ
00:18:37 → 00:18:39 คนเนี้ยก็คือให้เป็นไปทางเดียวกันสมมุติ
00:18:39 → 00:18:44 ว่ามีอ่าบอสคนนึงบอสค่ะที่เขาชอบตามงาน
00:18:44 → 00:18:47 ตอน 3:00 น 23:00 นเง 1
00:18:47 → 00:18:51 2 ใช้วิธีเดียวกันคือไม่ตอบไม่อ่านให้
00:18:51 → 00:18:54 เหมือนกันทั้งออฟฟิศครับอืมันก็จะสามารถ
00:18:54 → 00:18:58 ที่ทำที่พอจะทำให้เขาเรียนรู้ได้บ้างว่า
00:18:58 → 00:19:01 เราจะทำแบบนี้ให้เหมือนกันหมดแต่แต่อาจจะ
00:19:01 → 00:19:04 มีช่วงที่เ้าระเบิดอารมณ์นะอ้ามีแน่นอน
00:19:04 → 00:19:06 คือจะถามอาจารย์อยู่พอดีเลยมีมีระเบิด
00:19:06 → 00:19:09 อารมณ์มีถ้ายิ่งถ้าเขามีอำนาจมากกว่าเจะ
00:19:09 → 00:19:14 ต้องมีอ่ามีกฎมีอะไรเข้ามาเพิ่มมีการเข้า
00:19:14 → 00:19:19 มาลุกลานอ่าดอรี่นี้ลุกลานขอบเขตนี้แน่ๆ
00:19:19 → 00:19:23 แต่ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอแล้วเขารู้ว่าแบบเค
00:19:23 → 00:19:26 เรียนรู้แล้วว่าเซตนี้ทำไม่ได้ใช้
00:19:26 → 00:19:29 พฤติกรรมแบบเดิมที่เขาเคยทำไม่ได้อ่ะมัน
00:19:29 → 00:19:33 อาจจะค่อยๆลดลงไปได้เองอืกับอย่างที่ 2
00:19:33 → 00:19:35 อาจจะฟังดูไม่ค่อยดีเหมือนกันแต่ว่ามัน
00:19:35 → 00:19:37 เป็นมันเป็นวิธีที่เสนอมานะครับคือเวลา
00:19:37 → 00:19:39 ที่มันเป็นเรื่องงานเนี่ยจริงๆ System
00:19:39 → 00:19:42 มันเป็นระบบใหญ่ให้ยื่นสิ่งที่เรารู้สึก
00:19:42 → 00:19:45 หรือว่ามาตรการที่จะแก้ปัญหาเรื่องทำงาน
00:19:45 → 00:19:48 เกินเวลาเนี้ยไปให้คนที่มีอำนาจสูงกว่า
00:19:48 → 00:19:53 เขาคอืไปเลยข้ามไปเลยครับอืเพราะว่าบางที
00:19:53 → 00:19:56 เนี่ยเาอาจจะรู้สึกว่าเขามีอำนาจมากที่
00:19:56 → 00:19:58 สุดละแต่มันอาจจะไม่ใช่ไม่เป็นอย่างงั้น
00:19:59 → 00:20:01 จริงๆมันอาจจะมีคนอื่นที่ค่ะดูระบบงาน
00:20:01 → 00:20:04 แล้วมันสามารถจัดการได้อยู่อือันนี้ในใน
00:20:04 → 00:20:08 งานอาจจะพอได้ประมาณนี้นะครับแต่อ่า
00:20:08 → 00:20:11 คีย์เวิร์ดคือสร้างขอบเขตเนาะหลีกเลี่ยง
00:20:11 → 00:20:13 ก่อนก็หลีกเลี่ยงได้นะครับสร้างขอบเขตว่า
00:20:13 → 00:20:15 คุยเฉพาะเรื่องงานคุยเท่าที่จำเป็นนะครับ
00:20:15 → 00:20:18 แต่อย่าง 2 อย่างหลังที่บอกเนาะอาจจะเก็บ
00:20:18 → 00:20:22 ไว้ใช้ตอนที่แบบมันตไม้ตายเออเพราะว่ามัน
00:20:22 → 00:20:25 มันก็จะทำให้คือเราก็ไม่ได้สร้างความรุน
00:20:25 → 00:20:27 แรงเนาะแต่มันอาจจะทำให้ระบบมันเปลี่ยน
00:20:27 → 00:20:30 เยอะอือมันอาจจะมีผลกระทบทางจิตใจได้
00:20:30 → 00:20:34 เหมือนกันอ่าอันนี้ก็ฝากไว้นะคะวันนี้เรา
00:20:34 → 00:20:39 ก็ได้ทำความรู้จักกับความท็อกซิกของแต่
00:20:39 → 00:20:41 แต่ละประเภทแต่ละคนว่ามันจะต้องมี
00:20:41 → 00:20:44 พฤติกรรมยังไงบ้างอย่าลืมนะคะไปสังเกตตัว
00:20:44 → 00:20:47 เองไปสำรวจตัวเองแล้วก็คนรอบข้างด้วยว่า
00:20:47 → 00:20:51 เข้าไปกี่ข้อแล้วนะคะแล้วก็ใครคุณผู้ฟัง
00:20:51 → 00:20:54 ท่านไหนที่เจอสถานการณ์แบบนี้อยู่นะคะก็
00:20:54 → 00:20:56 อย่างที่อาจารย์หมอบอกเลยวันนี้เราก็มี
00:20:56 → 00:20:59 วิธีรับมือกับความท็อกซิกของเพื่อนร่วม
00:20:59 → 00:21:04 งานคนรอบข้างด้วยนะคะก็จะได้สบายใจขึ้นนะ
00:21:04 → 00:21:06 คะวันนี้ขอบพระคุณอาจารย์หมอมากๆเลยค่ะ
00:21:06 → 00:21:08 ที่มาให้ความรู้แล้วก็พูดคุยกันในรายการ
00:21:08 → 00:21:12 ขอบคุณค่ะขอบคสวัสดีค่ะสวัสดีครับ podcast
00:21:12 → 00:21:17 f for เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:21:17 → 00:21:20 เรา