00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับผมเชื่อว่าหลายคนนะครับน่าจะ
00:00:02 → 00:00:05 เคยได้ยินเรื่องของตาที่ 3 ของมนุษย์นั่น
00:00:05 → 00:00:08 เองนะครับตาที่ 3 ตัวนี้ถ้าเกิดว่าใคร
00:00:08 → 00:00:12 ศึกษาเพิ่มขึ้นก็อาจจะได้ยินคำคำนึงคำ
00:00:12 → 00:00:14 นั้นก็คือคำว่าต่อมไพเนี่ยวนะครับแล้ว
00:00:14 → 00:00:18 ต่อมไพเนี่ยวนี้มันคืออะไรมีจริงในมนุษย์
00:00:18 → 00:00:20 หรือเปล่านะครับมันมีแล้วเอาไว้ทำอะไรมัน
00:00:20 → 00:00:23 เกี่ยวอะไรกับตาที่ 3 ด้วยนะฮะวันนี้ผมจะ
00:00:23 → 00:00:25 เล่าให้ทุกคนฟังในมุมมองทางการแพทย์เลยนะ
00:00:25 → 00:00:28 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวัน
00:00:28 → 00:00:30 เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐนฬิกา
00:00:30 → 00:00:32 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:00:32 → 00:00:36 บำบัดนะครับสำหรับเรื่องของต่อมไนลนั้น
00:00:36 → 00:00:39 มันมีจริงๆนะครับมันเป็นต่อมอยู่ในสมอง
00:00:39 → 00:00:42 ของเราเลยตรงแกนกลางสมองนะครับเยื้องไป
00:00:43 → 00:00:45 ทางด้านหลังนิดนึงนะครับต่อมตัวนี้เนี่ย
00:00:45 → 00:00:48 ในปัจจุบันเราพบว่ามันมีหน้าที่ในการ
00:00:48 → 00:00:52 สร้างฮอร์โมนเมลาโทนินนะครับเมลาโทนินตัว
00:00:52 → 00:00:54 นี้ผมเคยทำคลิปไปแล้วนะครับว่ามันเป็น
00:00:54 → 00:00:57 ฮอร์โมนที่ทำให้เราสามารถนอนหลับได้นะ
00:00:57 → 00:00:59 ครับแล้วมันก็มีอาหารเสริมที่ทำมาจากเมลท
00:00:59 → 00:01:02 ินนี่แหละเพื่อที่จะให้เราสามารถนอนหลับ
00:01:02 → 00:01:04 ได้นะครับถ้าใครจำไม่ได้ก็ลองย้อนไปฟัง
00:01:04 → 00:01:07 คลิปเรื่องของเมลาโทนินดูแล้วกันนะครับแล
00:01:07 → 00:01:12 ไอ้ต่อม pel เนี่ยทำไมมันถึงชื่อไนลเออ
00:01:12 → 00:01:14 สมัยก่อนตอนเค้าค้นพบเนี่ยครับเค้าก็ไป
00:01:14 → 00:01:17 เจอว่าลักษณะของมันเนี่ยมันเหมือนกับตัว
00:01:17 → 00:01:20 ลูกสนนะครับลูกสนที่มันเป็น P โคนภาษา
00:01:20 → 00:01:23 อังกฤษเลองไปหารูปดูก็ได้นะครับลักษณะมัน
00:01:23 → 00:01:25 เป็นแบบนั้นนะครับแล้วมันก็อยู่ในสมอง
00:01:25 → 00:01:28 ส่วนด้านบนๆนะเค้าก็เลยคิดว่าเอ๊ะมันน่า
00:01:28 → 00:01:31 จะมีความเกี่ยวข้องอะไรซะอย่างนะครับกับ
00:01:31 → 00:01:34 การหยั่งรู้นะครับกับดวงตาที่ 3 กับจักรา
00:01:35 → 00:01:37 ด้านสูงสุดด้านบนในสมองเราอะไรอย่างเงี้ย
00:01:37 → 00:01:39 นะครับแล้วก็มีคนพูดถึงเรื่องของ Higher
00:01:39 → 00:01:41 Self นะครับพวกนี้เป็นต้นนะครับก็เป็น
00:01:41 → 00:01:44 เรื่องของความเชื่อแต่ต่อมตัวเนี้ยมันมี
00:01:44 → 00:01:47 จริงๆตอนสมัยที่เขาเจอต่อมนี้ใหม่ๆเนี่ย
00:01:47 → 00:01:50 เาไม่แน่ใจว่ามันมีหน้าที่อะไรเคิดว่ามัน
00:01:50 → 00:01:54 มีแค่เป็นเพียงส่วนนึงซึ่งไว้กั้นห้องใน
00:01:54 → 00:01:56 สมองเท่านั้นเองนะครับแต่ต่อมาเราก็รู้
00:01:56 → 00:01:59 ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับระบบ cardian
00:01:59 → 00:02:02 อ่าระบบเคานนี่คือเป็นระบบที่ร่างกายมัน
00:02:02 → 00:02:05 มีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาของวันนะครับ
00:02:05 → 00:02:08 แล้วหนึ่งในตัวควบคุมระบบเคานทางร่างกาย
00:02:08 → 00:02:10 ก็คือฮอร์โมนเมลาโทนินนั่นเองนะครับ
00:02:10 → 00:02:14 ฮอร์โมนเมลาโทนินเนี่ยกับต่อมไนลมันมัน
00:02:14 → 00:02:16 สร้างมาได้ยังไงนะครับมันมีกลไกยังไงนะ
00:02:16 → 00:02:20 ครับกลไกมันเริ่มจากการที่เรามองเห็นก่อน
00:02:20 → 00:02:23 นะครับแสงจะเข้ามาตกกระทบที่จอประสาทตา
00:02:23 → 00:02:26 ซึ่งเรียกว่าเรติน่านะครับแล้วมันก็จะมี
00:02:26 → 00:02:29 เส้นประสาทจากตัวเรติน่าเนี่ยส่งไปถึง
00:02:29 → 00:02:31 สมองน้อยไวส่วนหนึ่งที่สมองตัวเนี้ยเรียก
00:02:31 → 00:02:36 ว่าไฮโปทาลามัสนะครับพอไปที่ไฮโปทาลามัส
00:02:36 → 00:02:38 เนี่ยมันก็จะมีเส้นประสาทนะครับวนไปวนมา
00:02:38 → 00:02:41 แต่มันมีส่วนนึงอ่ะวนไปที่ต่อมไนลนะครับ
00:02:41 → 00:02:44 เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เราเจอแสงนะครับ
00:02:44 → 00:02:48 ต่อมไนลมันจะไม่มันจะไม่ทำงานนะครับมันจะ
00:02:48 → 00:02:51 ไม่ทำงานคือมันก็จะไม่หลั่งฮอร์โมน
00:02:51 → 00:02:53 เมลาโทนินออกมานั่นเองและเมื่อไหร่แสงมัน
00:02:53 → 00:02:56 หายไปแล้วล่ะก็ต่อมไนลของเรานะครับก็จะทำ
00:02:56 → 00:02:59 งานได้โดยการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินออกมา
00:02:59 → 00:03:01 นะครับแล้วท่านรู้อะไรมั้ยครับว่า
00:03:01 → 00:03:04 เมลาโทนินนี่มันสร้างมาได้ยังไงมันสร้าง
00:03:04 → 00:03:07 มาจากกรดอะมิโนตัวนึงชื่อว่า triptan นะ
00:03:08 → 00:03:12 ครับ triptan เนี่ยก็มีมีคนไปหามากินหลาย
00:03:12 → 00:03:14 คนนะครับบางทีก็จะมีอาหารเสริมตัวที่กิน
00:03:14 → 00:03:17 แล้วง่วงนอนก็คือเอ่อ 5 htp อ่าบางคนอาจ
00:03:17 → 00:03:20 จะเคยเห็นบางยี่ห้อมีขายนะครับแล้วไอ้ตัว
00:03:20 → 00:03:22 เนี้ยมันก็มีความเกี่ยวข้องกับการ
00:03:22 → 00:03:25 สังเคราะห์เซโรโทนินนะครับ zonin ผมก็เคย
00:03:25 → 00:03:27 เล่าไปแล้วอีกเหมือนกันว่ามันคืออะไรถ้า
00:03:27 → 00:03:29 ใครจำไม่ได้ก็ลองย้อนไปฟังคลิปเรื่องของ
00:03:29 → 00:03:31 เซโรโทนินดูนะครับหลังจากนั้นสุดท้ายมัน
00:03:32 → 00:03:34 ก็จะเปลี่ยนเป็นเมลาโทนินนะครับเมลาโทนิน
00:03:34 → 00:03:37 ตัวนี้จะถูกหลั่งออกมาในน้ำที่หล่อเลี้ยง
00:03:38 → 00:03:40 สมองนะครับหรือที่เราเรียกว่า CBR spinal
00:03:40 → 00:03:43 fluid csf นั่นเองนะครับไอ้ต่อมตรง
00:03:43 → 00:03:45 เนี้ยอยู่ตรงกลางนะครับพอไม่มีแสงแดดปุ๊บ
00:03:45 → 00:03:47 มันก็เริ่มทำงานละหลั่งฮอร์โมนนี้เข้ามา
00:03:48 → 00:03:51 ในน้ำที่หล่อเลี้ยนสมองแล้วก็ไปทำให้สมอง
00:03:51 → 00:03:55 ของเราง่วงนอนนี่คือกลไกหลักของมันดัง
00:03:55 → 00:03:57 นั้นเราจะเห็นได้ว่ามันมีความเกี่ยวข้อง
00:03:57 → 00:03:59 กับแสงนะครับแล้วมันมีความเกี่ยวข้องกับ
00:03:59 → 00:04:01 กับการสร้างฮอร์โมนฮอร์โมนเมลาโทนินเนี่ย
00:04:01 → 00:04:05 ไม่ได้ทำให้เราง่วงนอนอย่างเดียวนะเรายัง
00:04:05 → 00:04:07 ไปเจอว่ามันมีผลต่อหลายๆส่วนในร่างกาย
00:04:07 → 00:04:10 เช่นกระดูกนะครับเช่นฮอร์โมนเพศอ่าเช่น
00:04:10 → 00:04:13 การควบคุมต่อมต่างๆเช่นต่อม pit พวกนี้
00:04:13 → 00:04:15 เป็นต้นนะครับมันเลยมีความเชื่อว่าเอ๊ะ
00:04:15 → 00:04:17 ไอ้อย่างนี้เนี่ยถ้ามันมีความสำคัญกับการ
00:04:17 → 00:04:21 ที่เราจะมีการจัดการระบบวงจรของร่างกาย
00:04:21 → 00:04:24 ที่เรียกว่า cardian rit อันเนี้ยน่าจะ
00:04:24 → 00:04:26 เข้าใกล้คำว่าตราที่ 3 มากขึ้นไปทุกทีทุก
00:04:26 → 00:04:29 ทีแล้วถูกมั้ยครับน่ะอย่างไรก็ตามนั่นก็
00:04:29 → 00:04:31 เป็นเพียงแค่ความเชื่อแต่เอาขจริงๆมันไม่
00:04:31 → 00:04:35 ได้เป็นตาที่ 3 แต่อย่างใดนะครับก็อาจจะ
00:04:35 → 00:04:38 มีคนสงสัยเหมือนผมอย่างหนึ่งว่าเอ๊ใน
00:04:38 → 00:04:41 เมื่อเมลาโทนินเนี่ยมันหลั่งออกมาก็ตอน
00:04:41 → 00:04:43 ที่มันมืดอย่างงี้ถ้าเกิดว่าคนเราตาบอด
00:04:43 → 00:04:46 เนี่ยนะครับหรือเหตุอะไรก็แล้วแต่ที่ทำ
00:04:46 → 00:04:48 ให้มองไม่เห็นเนี่ยมันก็แปลว่าไม่มี
00:04:48 → 00:04:50 เมลาโทนินอย่างนี้เราก็ไม่ง่วงแล้วก็ไม่
00:04:50 → 00:04:53 ต้องนอนตลอดทั้งวันจริงหรือเปล่าคำตอบก็
00:04:53 → 00:04:55 คือไม่ใช่นะครับหลักฐานก็มีให้เห็นนะครับ
00:04:55 → 00:04:57 ว่าคนที่เค้าตาบอดเนี่ยเค้าก็นอนหลับได้
00:04:57 → 00:05:00 เหมือนกันนะครับเต่อมาว่าแต่แต่ว่าเราอาจ
00:05:00 → 00:05:02 จะเห็นเขาคหลับตาตลอดเวลาแล้วเราไม่รู้
00:05:02 → 00:05:04 ว่าเค้าหลับเาตื่นแต่เขาคก็นอนหลับได้นะ
00:05:04 → 00:05:06 ครับเหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า
00:05:06 → 00:05:10 เมลาโทนินนั้นไม่ได้ถูกควบคุมโดยแสงเพียง
00:05:10 → 00:05:13 อย่างเดียวนะครับแต่ยังมีเรื่องของ
00:05:13 → 00:05:16 อุณหภูมิฮอร์โมนต่างๆนะครับโดยเฉพาะ
00:05:16 → 00:05:18 ฮอร์โมนคอร์ติซอลและความเครียดนะครับถ้า
00:05:18 → 00:05:20 เรามีคอร์ติซอลในร่างกายหรือเราเครียดมาก
00:05:20 → 00:05:22 ๆเป็นระยะเวลานานเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:05:22 → 00:05:25 คือเมลาโทนินน่ะมันจะไม่หลั่งออกมาดัง
00:05:25 → 00:05:27 นั้นบางคนเวลาเครียดมากก็จะนอนไม่หลับนี่
00:05:27 → 00:05:29 คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เรานอนไม่หลับด้วยนะ
00:05:29 → 00:05:32 ครับอ่าพวกเแหละมีความเกี่ยวข้องแล้วก็
00:05:32 → 00:05:35 เรื่องของสิ่งแวดล้อมนะครับอ่าพวกเนี้ยก็
00:05:35 → 00:05:37 จะมีความเกี่ยวข้องต่อการหลังฮอร์โมน
00:05:37 → 00:05:39 เมลาโทนินเช่นกันดังนั้นคนที่มองไม่เห็น
00:05:40 → 00:05:42 ตาบอดหรืออะไรก็แล้วแต่เค้าก็ยังสามารถ
00:05:42 → 00:05:44 ที่จะหลั่งเมลาโทนินได้แต่ว่าไม่ได้ใช้
00:05:45 → 00:05:48 กลไกเดียวกับคนที่ยังมองเห็นแสงได้นั่น
00:05:48 → 00:05:54 เองนะครับต่อมไนลเนี่ยมันมีความสำคัญอีก
00:05:54 → 00:05:57 อย่างหนึ่งคือมันเป็นเป็นต่อมไร้ท่อต่อม
00:05:57 → 00:06:01 สุดท้ายที่เราค้นพบเนี่ยในร่างกายอ่าต่อม
00:06:01 → 00:06:04 ไร้ท่อคืออะไรผมค่าว่าทุกคนคงเคยได้ยินคำ
00:06:04 → 00:06:07 ว่าต่อมไร้ท่อบ่อยมากเลยนะครับต่อมไร้ท่อ
00:06:07 → 00:06:10 เนี่ยนะครับคือปกติถ้าต่อมมีท่อนะมันจะ
00:06:10 → 00:06:12 ต้องสร้างอะไรของมาสักอย่างแล้วปล่อยออก
00:06:12 → 00:06:15 มาทางท่อตัวนั้นใช่มั้ยครับเช่นต่อมที่
00:06:15 → 00:06:17 อยู่ในน้ำย่อยที่สร้างน้ำย่อยมันก็ต้อง
00:06:17 → 00:06:19 สร้างน้ำย่อยออกมาแล้วปล่อยไปในท่อเข้าไป
00:06:19 → 00:06:21 ในกระเพาะแล้วก็ลำไส้เราแต่ต่อมไร้ท่อ
00:06:21 → 00:06:24 เนี่ยมันไม่มีท่อตัวนี้ออกมานะครับดัง
00:06:24 → 00:06:25 นั้นเวลามันสร้างอะไรออกมาแล้วเนี่ยเช่น
00:06:25 → 00:06:28 ฮอร์โมนมันก็จะมีเส้นเลือดที่อยู่ล้อมรอบ
00:06:28 → 00:06:31 มันนะครับมารับตตฮอร์โมนตัวนั้นไปแล้วก็
00:06:31 → 00:06:35 กระจายไปสู่อวัยวะตื่งๆต่างๆนะครับต่อม
00:06:35 → 00:06:37 ไร้ท่อของคนเรามีอะไรบ้างนะนอกเรื่องนิด
00:06:37 → 00:06:41 นึงนะครับอันแรกคือไฮโปทาลามัสนะครับอยู่
00:06:41 → 00:06:44 ตรงกลางหัวเลยนะครับเป็นอันที่สำคัญมากๆ
00:06:44 → 00:06:48 ต่ลงมากกว่านนั้นเรามีพิทุี่แกนต่อมใต้
00:06:48 → 00:06:52 สมองนะครับด้านหลังของมันมี pel แนอ่า
00:06:52 → 00:06:54 อย่างที่เจอนะครับลงมาตรงนี้มีอะไร
00:06:54 → 00:06:57 ไทรรอยด์ก็เป็นต่อมไรท่อที่ไทรรอยด์เนี่ย
00:06:57 → 00:07:00 ลักษณะมันเหมือนผีเสื้อนะครับปีกผีเสื้อ
00:07:00 → 00:07:02 เนี่ยมันก็มีจุดอยู่ 4 อันไอ้จุด 4 อัน
00:07:02 → 00:07:06 เนี่ยก็คือต่อมพาราไทรรอยด์ลลงมาข้างล่าง
00:07:06 → 00:07:09 อีกเรามีไตครับเหนือไตจะมีหมวกอยู่อันนึง
00:07:09 → 00:07:11 มีหมวกอยู่อันนึงไอ้ 2 อันเนี้ยเรียกว่า
00:07:11 → 00:07:14 ต่อมหมวกไตซึ่ง 2 อันนี้ก็คือต่อมไร้ท่อก
00:07:14 → 00:07:18 เช่นกันนะครับตับอ่อนก็เป็นต่อมไร้ท่อตับ
00:07:18 → 00:07:20 อ่อนเนี่ยถือเป็นต่อมไร้ท่อและต่อมมีท่อ
00:07:20 → 00:07:22 เพราะว่าส่วนหนึ่งสร้างฮอร์โมนเช่น
00:07:22 → 00:07:25 อินซูลินนะครับกลูคากอนนะครับพวกเนี้ย
00:07:26 → 00:07:29 โทรฟินพวกเนี้ยนะครับมันก็จะเป็นฮอร์มม
00:07:29 → 00:07:32 กลุ่มที่ไม่ต้องการท่อนะครับแต่ส่วนที่มี
00:07:32 → 00:07:34 ท่อของตับอ่อนก็คือส่วนที่มันสร้างน้ำ
00:07:34 → 00:07:37 ย่อยออกมานั่นเองนะครับและสุดท้ายของต่อม
00:07:37 → 00:07:41 ไรท่อก็คืออันทะแล้วก็รังไข่นะครับทั้ง
00:07:41 → 00:07:43 หมดเนี่ยเราเจอทุกอย่างและยกเว้นในไนล
00:07:43 → 00:07:45 เนี่ยเราไปเจออันสุดท้ายมันก็เลยมีความ
00:07:45 → 00:07:48 สงสัยว่าเอ๊ะมันจะเป็นอะไรนะมันทำไมถึง
00:07:48 → 00:07:50 ต้องไปอยู่บนหัวดมันไม่ไปอยู่ที่อื่นดัง
00:07:50 → 00:07:52 นั้นก็เลยมีความผูกพันว่าเอ๊ะอันเนี้ยน่า
00:07:52 → 00:07:55 จะมีความเกี่ยวข้องกับตาที่ 3 นะครับ
00:07:55 → 00:07:57 Higher Self หรืออะไรพวกนี้นะครับแต่
00:07:57 → 00:07:59 เอาข้อจริงๆมันไม่ได้เป็นแบบไนนะครับหน้า
00:07:59 → 00:08:01 ที่ของมันมีอย่างเดียวในตอนเที่เราทราบก็
00:08:01 → 00:08:04 คือเรื่องของการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินเท่า
00:08:04 → 00:08:07 นั้นนะครับไม่ได้เกี่ยวข้องกับอ่าความคิด
00:08:07 → 00:08:10 ความอ่านหรือเอ่อความจำหรืออะไรแต่อย่าง
00:08:10 → 00:08:12 ใดประสบการณ์อะไรไม่เกี่ยวข้องกันเลยนะ
00:08:12 → 00:08:14 ครับดังนั้นถ้าพูดกันในแง่ของทางการแพทย์
00:08:15 → 00:08:18 นั้นไม่เกี่ยวนะครับ pel แนเนี่ยลักษณะ
00:08:18 → 00:08:20 ของมันเป็นยังไงลักษณะเมื่อกี้เราบอกแล้ว
00:08:20 → 00:08:22 ว่ามันเหมือนต้นสนนะครับความยาวของมันจะ
00:08:22 → 00:08:26 สักประมาณสักอเกือบเซมนึงอ่ะ 0.8 นะครับ
00:08:26 → 00:08:30 0.8 มมนะครับเอ้ย 0.8 ซมเท่านั้นเองนะฮะ
00:08:30 → 00:08:32 แล้วน้ำหนักก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่แค่
00:08:32 → 00:08:35 ประมาณสักจ1กรัมเท่านั้นเองโรคของต่อมไพ
00:08:35 → 00:08:38 เนี่ยวมันมีอะไรบ้างนะครับที่เราเจอบ่อยๆ
00:08:38 → 00:08:40 นะครับเวลาเรายุเยอะขึ้นเนี่ยมันจะมี
00:08:40 → 00:08:43 แคลเซียมมาเกาะต่อมไพเนียลนะครับซึ่งส่วน
00:08:43 → 00:08:45 ใหญ่ก็ไม่มีปัญหานะปกติแคลเซียมกรอบต่อม
00:08:45 → 00:08:48 ไพเนียวเราเจอได้ประจำอยู่แลนะครับแต่มัน
00:08:48 → 00:08:50 ก็ไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้นแต่เวลาที่มัน
00:08:50 → 00:08:52 ทำให้เกิดอะไรขึ้นเนี่ยคือมันมีเนื้องอก
00:08:52 → 00:08:54 เป็นมะเร็งหรือบางทีอาจจะเป็นเนื้องอกที่
00:08:54 → 00:08:56 ไม่ใช่มะเร็งนะครับแล้วก็บางครั้งมีการ
00:08:56 → 00:08:59 บาดเจ็บจากการที่เรามีการกระทบกระแทกที่
00:08:59 → 00:09:02 ศีรษะนะเช่นอ่าต่อยมวยแล้วโดนต่อยที่หัว
00:09:02 → 00:09:06 บ่อยๆหรือบางคนเนี่ยเ่ามีประสบอุบัติเหตุ
00:09:06 → 00:09:09 ทางรถยนต์อ่ะก็จะมีการเสื่อมของไอ้ตัว
00:09:09 → 00:09:12 เซลล์ในต่อมไพเนวได้ทำให้ไม่สามารถสร้าง
00:09:12 → 00:09:15 เมลาโทนินได้นะครับก็จะมีผลต่อการควบคุม
00:09:15 → 00:09:19 วงจรต่างๆของร่างกายนั่นเองนะครับทีนี้
00:09:19 → 00:09:23 ถ้ามันผิดปกติแล้วเกิดอะไรขึ้นนะครับเรา
00:09:23 → 00:09:25 จะรู้ได้ยังไงส่วนมากแล้วต่อมไพเนียล
00:09:25 → 00:09:28 เนี่ยอ่าถ้าเราตัดทิ้งนะเรายังสามารถมี
00:09:28 → 00:09:31 ชีวิตรอดอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไรเลยนะครับ
00:09:31 → 00:09:33 ไม่มีปัญหาอะไรเลยนะต่อให้คุณไม่ไม่มี
00:09:33 → 00:09:35 เมลาโทนินในร่างกายคุณก็อยู่รอดได้คุณก็
00:09:35 → 00:09:38 หลับได้อยู่ดีมันก็มีวิธีในการควบคุมการ
00:09:38 → 00:09:40 นอนหลับด้วยวิธีอื่นเช่นเดียวกันของร่าง
00:09:40 → 00:09:43 กายนะครับทีนี้ไอ้ต่อมไพเนียวเนี่ยเวลา
00:09:43 → 00:09:45 ที่มันมีปัญหามันมักจะเป็นการที่มันมี
00:09:45 → 00:09:48 เนื้องอกแล้วมันโตขึ้นนะครับมีเนื้องอก
00:09:48 → 00:09:50 แล้วโตขึ้นมันเกิดอะไรขึ้นนะครับมันก็จะ
00:09:50 → 00:09:54 ไปขวางทางเดินของน้ำหล่อเลี้ยงสมองหรือ
00:09:54 → 00:09:56 csf เมื่อตะกี้นี้นะครับทำให้เรามีความ
00:09:56 → 00:09:59 ดันในกระโหลกศีรษะเยอะขึ้นเราอาจอาจจะมี
00:09:59 → 00:10:02 อาการปวดหัวมากคลื่นไส้อาเจียนนะครับตา
00:10:02 → 00:10:05 มัวได้บางคนก็มีการชักได้นะครับแล้วบางคน
00:10:05 → 00:10:08 มีอาการแปลกๆอยู่ผมเจอตอนเป็นอ่านิสิต
00:10:08 → 00:10:11 แพทย์อยู่นะครับมีคุณลุงคนนึงนะครับแก
00:10:11 → 00:10:15 เป็นคนที่อ่ออะไรต้องต้องสอยผลไม้บ่อยๆ
00:10:16 → 00:10:18 แล้วทุกครั้งที่แกสอยผลไม้เนี่ยแกเงยหน้า
00:10:18 → 00:10:20 ขึ้นอย่างเงี้ยปุ๊บนะครับเป็นลมทุกครั้ง
00:10:20 → 00:10:24 เลยนะเป็นลมทุกครั้งแล้วก็หาไม่เจอไม่เจอ
00:10:24 → 00:10:26 อะไรเลยแล้วก็เซเรย์ปอดเซเรย์สมองเซเรย์
00:10:26 → 00:10:29 ทุกอย่างไม่เจออะไรเลยนะครับแต่ว่าไปเจอ
00:10:29 → 00:10:33 อย่างนึงก็คือเอ่อไอ้ตัวต่อมพต่อมไนล
00:10:33 → 00:10:36 เนี่ยนะครับเวลาที่แกเงยหน้าขึ้นน่ะมัน
00:10:36 → 00:10:40 แกว่งเราไปอุดทางเดินของน้ำสมองพอดีเลยนะ
00:10:40 → 00:10:44 ครับก็เลยทำให้แกมีความดันในพวงกะโหลก
00:10:44 → 00:10:46 เยอะขึ้นอย่างฉับพลันแล้วก็ทำให้เป็นลม
00:10:46 → 00:10:50 หมดสติไปนะครับก็ไปผ่าตัดออกมันหายนะครับ
00:10:50 → 00:10:52 เออมันก็หายได้ก็เจอโรคแปลกๆอะไรอย่างนี้
00:10:52 → 00:10:54 เหมือนกันนะครับงั้นเท่าที่เราดูจริงๆ
00:10:54 → 00:10:57 เนี่ยนะครับเรื่องของต่อมไพเนวหรือตาที่ 3
00:10:57 → 00:10:59 ของเราเนี่ยนะครับถ้าเอาจริงๆนะในทางการ
00:10:59 → 00:11:01 แพทย์อ่ะมันไม่ใช่ตาที่ 3 มันไม่ได้มี
00:11:02 → 00:11:04 ความเกี่ยวข้องอะไรกับตาที่ 3 เลยถ้าเรา
00:11:04 → 00:11:06 ไปตัดมันทิ้งเราก็ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่าง
00:11:07 → 00:11:10 ปกติสุขไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับเ่อแล้ว
00:11:10 → 00:11:13 หน้าที่หลักของมันก็คือการสร้างเมลาโทนิน
00:11:13 → 00:11:15 เพื่อที่จะควบคุมวงจรของร่างกายให้เกิด
00:11:15 → 00:11:18 ขึ้นตามวัฏจักรของตละวันที่เราเรียกว่า
00:11:18 → 00:11:21 cadian rym นะครับมันมีผลต่อหลายๆส่วน
00:11:21 → 00:11:25 ในร่างกายนะพวกเมลาโทนินนะครับงั้นก็
00:11:25 → 00:11:27 ประมาณเท่านี้นะครับถ้าเกิดว่าคนไหนมี
00:11:27 → 00:11:29 อะไรสงสัยก็สอบถามมาได้นะครับวันนี้เท่า
00:11:29 → 00:11:33 นี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ