00:00:00 → 00:00:03 อาจารย์คะขอรบกวนนิดนึงค่ะเพื่อฉายภาพให้
00:00:03 → 00:00:07 มองเห็นชัดๆนะคะอาจารย์ตาปลาเนี่ยค่ะที่
00:00:07 → 00:00:10 เป็นปัญหาที่แบบว่าน่ารำคาญปัญหาอยู่ใต้
00:00:10 → 00:00:13 ฝ่าเท้ามันมีลักษณะอาการของโรคเป็นหน้าตา
00:00:13 → 00:00:14 เป็นยังไงบ้างคะอาจารย์
00:00:14 → 00:00:19 คือตัวตาปลาที่เรารู้จักกันเนี่ยมันจะ
00:00:19 → 00:00:23 เป็นลักษณะการหนาตัวของผิวหนังบริเวณเท้า
00:00:23 → 00:00:27 ซึ่งจะเป็นบริเวณที่ถูกเสียดสีเยอะๆไม่
00:00:27 → 00:00:31 ว่าจากรองเท้าหรือว่าจากโครงร่างของเท้า
00:00:31 → 00:00:34 ที่มันไปชนกับรองเท้าและทำให้เกิดผิวหนัง
00:00:34 → 00:00:37 บริเวณนั้นเนี่ยทำตัวหนาขึ้นมาเพื่อปก
00:00:37 → 00:00:40 ป้องผิวข้างใต้มันก็เลยทำให้บริเวณนั้น
00:00:40 → 00:00:44 เนี่ยหนาขึ้นมาเป็นแผ่นหนาๆ
00:00:44 → 00:00:47 บางคนก็จะเป็นลักษณะเล็กๆเป็นแผ่นกลมๆ
00:00:47 → 00:00:51 เล็กๆบางคนก็จะเป็นปื้นหนาๆเลย
00:00:51 → 00:00:54 แล้วเพราะถ้ามันกลมๆเล็กๆบางคนบอกอ้าวถ้า
00:00:54 → 00:00:56 มันหนาขึ้นแล้วมันหนาขึ้นแล้วมันจะส่งผล
00:00:56 → 00:00:59 ยังไงบ้างคะอาจารย์เพราะมันหนาไอ้ตัว
00:00:59 → 00:01:03 เนี้ยมันเป็นชั้นผิวหนังชั้นหนังกำพร้า
00:01:03 → 00:01:06 ซึ่งปกติมันไม่ควรจะหนาขนาดนี้แต่พอมัน
00:01:06 → 00:01:08 หนาขึ้นมันก็เลยแข็งพอแข็งแล้วก็เท่ากับ
00:01:08 → 00:01:11 เหมือนกับผิวหนังบริเวณนั้นเหมือนเรา
00:01:11 → 00:01:13 เหยียบอยู่บนกรวดหรือว่ามีอะไรแข็งๆมา
00:01:13 → 00:01:16 กระทบผิวหลังเราตลอดแล้วก็จะรู้สึกเจ็บ
00:01:16 → 00:01:19 บริเวณนั้นแล้วก็อาจจะมีการอักเสบขึ้นมา
00:01:19 → 00:01:20 ได้
00:01:20 → 00:01:25 อาจารย์คะพอเนี่ยค่ะการเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
00:01:25 → 00:01:28 เป็นในบุคคลแบบไหนหรือเป็นเฉพาะทุกเพศทุก
00:01:28 → 00:01:29 วัยหรือเป็นเฉพาะการสวมใส่รองเท้าแบบไหน
00:01:30 → 00:01:32 เพราะอย่างอ่ะหยกเคยเป็นแต่น้องดรีมไม่
00:01:32 → 00:01:36 เคยเป็นนะคะอาจารย์ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นใน
00:01:36 → 00:01:40 นักกีฬานะครับในนักกีฬาแล้วก็ในคนที่ใส่
00:01:40 → 00:01:44 รองเท้าโดยที่รองเท้าอาจจะคิดเกินไปหรือ
00:01:44 → 00:01:47 ว่าอาจจะหลวมเกินไปทำให้ผิวหนังบริเวณ
00:01:47 → 00:01:51 นั้นเนี่ยถูกกดทับหรือว่ามีการเสียดสีกับ
00:01:51 → 00:01:55 บริเวณผิวหนังบริเวณนั้นบ่อยซึ่ง
00:01:55 → 00:01:59 ในคนปกติเนี่ยถ้าเท้าปกติแล้วก็ใส่รอง
00:01:59 → 00:02:02 เท้าที่ปกติเนี่ยมันมักจะไม่มีปัญหาแต่
00:02:02 → 00:02:06 ถ้ารูปเท้าผิดปกติหรือรองเท้าที่มันไม่
00:02:06 → 00:02:08 เหมาะกับ
00:02:08 → 00:02:11 รูปร่างของเท้ามันก็จะเกิดการกดเบี่ยง
00:02:11 → 00:02:14 บริเวณนั้นมีการเสียดสีบริเวณนั้นมากขึ้น
00:02:14 → 00:02:19 ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นด้านอ่าด้านข้างนอก
00:02:19 → 00:02:23 ของเท้าของนิ้วโป้งโคนนิ้วโป้งด้าน
00:02:23 → 00:02:29 นอกกับบริเวณแถวโคนด้อย
00:02:29 → 00:02:32 ใช่ด้านนอกซึ่งจะเป็นบริเวณที่สัมผัสกับ
00:02:32 → 00:02:35 รองเท้ามากที่สุดถ้าคุณผู้ฟังลอง
00:02:35 → 00:02:38 จินตนาการนะคะก็นึกถึงเหมือนเราดูฝ่าเท้า
00:02:38 → 00:02:40 แบบปริ้นปริ้นฝ่าเท้าเนาะแล้วมันจะอยู่
00:02:40 → 00:02:42 ตรงสมมติถ้าเป็นนิ้วก้อยอ่ะค่ะก็จะอยู่
00:02:42 → 00:02:47 ประมาณใกล้ๆแบบอ่านูนๆข้างๆข้างๆเนื้อ
00:02:47 → 00:02:52 ข้างๆเกือบจะหล่นเรียกว่าเขาเรียกว่าอะไร
00:02:52 → 00:02:54 คะอาจารย์
00:02:54 → 00:02:57 โคนนิ้วข้างๆข้างๆนะคะข้างล่างนะคะแล้วก็
00:02:57 → 00:03:01 นิ้วโป้งก็เช่นกันอาจารย์คะแล้วถ้าเป็น
00:03:01 → 00:03:04 ขึ้นมาเนี่ยค่ะอาจารย์บางคนบอกว่าอ้าวถ้า
00:03:04 → 00:03:06 มันหนาแล้วมันจะรู้สึกเหมือนก้อนกรวดหรือ
00:03:06 → 00:03:10 อะไรอย่างเงี้ยค่ะอาจารย์เราอ่าต้องใช้
00:03:10 → 00:03:13 มันเวลามันนานไหมคะกว่าบ่มเพาะกลัวมันจะ
00:03:13 → 00:03:16 หนาขนาดนั้นแล้วถ้ามันหนาเนี่ยเราทำยังไง
00:03:16 → 00:03:19 ได้บ้างถ้าการเอาออกแล้วมันจะหายไหมหรือ
00:03:19 → 00:03:21 ว่าเราทาครีมได้ไหมคะในเมื่อมันแบบเป็น
00:03:21 → 00:03:23 ผิวหนังอย่างเงี้ยค่ะอาจารย์
00:03:23 → 00:03:27 คือการรักษาเนี่ยมันอยู่ที่ต้นเหตุนะครับ
00:03:27 → 00:03:41 ต้นเหตุก็คือ
00:03:41 → 00:03:52 [เพลง]
00:04:29 → 00:04:33 แต่ในกรณีที่ถ้าเกิดตาปลามันไม่ได้เป็นตา
00:04:33 → 00:04:37 ปลาแบบหนาหรือว่าขนาดใหญ่ก็อาจจะใช้วิธี
00:04:37 → 00:04:38 การ
00:04:38 → 00:04:41 ฝานออกก็ได้นะครับแต่จะต้องสานด้วยวิธี
00:04:41 → 00:04:44 การที่ถูกต้องเพราะงั้นเดี๋ยวเข้าเนื้อ
00:04:44 → 00:04:48 หรือว่าเป็นแผลและมีสิ่งสกปรกเข้าไปก็ติด
00:04:48 → 00:04:49 เชื้อขึ้นมาได้
00:04:49 → 00:04:52 เพราะบางคนมันมีความสุขเพราะอาจารย์บอก
00:04:52 → 00:04:55 ฝันนี่แบบฟังให้ดูแบบ
00:04:55 → 00:05:00 เพราะว่ามันเป็นผิวหนังชั้นหนังกำพร้าที่
00:05:00 → 00:05:03 มันหนาขึ้นมาซึ่งแถวบริเวณนั้นจะไม่มี
00:05:03 → 00:05:05 เส้นเลือดไม่มีอะไรทั้งสิ้นเพราะฉะนั้น
00:05:05 → 00:05:08 เราสามารถที่จะฝานออกได้แต่การฝานมันก็
00:05:08 → 00:05:12 เป็นแค่การไปแก้ไขที่ไปเหตุไม่ได้แก้ไข
00:05:12 → 00:05:15 ที่ต้นเหตุเพราะฉะนั้นพอเราฝานไปเหมือนจะ
00:05:15 → 00:05:17 ดีขึ้นมันไม่มีอะไรมากดเบียดเดี๋ยวพอไป
00:05:17 → 00:05:21 เรื่อยๆรองเท้ามันก็มาเสียดสีมันก็ค่อยๆ
00:05:21 → 00:05:25 หนาขึ้นมาตามป่าก็เกิดขึ้นมาใหม่
00:05:25 → 00:05:29 พอดีมีคุณผู้ฟังทางบ้านแชร์มาแบบนี้เลย
00:05:29 → 00:05:31 ค่ะอาจารย์บอกว่าเป็นที่นิ้วโป้งค่ะทั้ง
00:05:31 → 00:05:34 สองข้างนะคะแล้วก็ตัดไปหลายครั้งสุดท้าย
00:05:34 → 00:05:39 ต้องจี้ไฟฟ้ามันอย่างนั้นเลยหรอคะคือไม่
00:05:39 → 00:05:42 แน่ใจว่ามันเป็นตาปลาจริงหรือเปล่าหรือ
00:05:42 → 00:05:46 ว่ามันเป็นหูด
00:05:46 → 00:05:49 ต้องดูเพราะว่าบางครั้งตาปลาขนาดเล็กที่
00:05:49 → 00:05:53 กลมๆมันก็มีลักษณะคล้ายๆหูดหรือหูดก็อาจ
00:05:53 → 00:05:56 จะดูเหมือนลักษณะตาปลาได้
00:05:56 → 00:06:01 ก่อนที่เราจะย้อนถามคุณหมอเรื่องหูดกับตา
00:06:01 → 00:06:03 ปลาต่างกันยังไงเดี๋ยวผมขออนุญาตย้อนกลับ
00:06:03 → 00:06:07 ไปนิดนึงครับคุณหมอมันเกิดจากการเสียดสี
00:06:07 → 00:06:10 กันเนาะของของผิวหนังตรงที่บริเวณฝ่าเท้า
00:06:10 → 00:06:13 เนี่ยคือก็เลยสงสัยว่าไอ้รองเท้าที่มัน
00:06:13 → 00:06:16 อาจจะคับเกินไปแค่เกินไปเนี่ยโอเคมันๆจะ
00:06:16 → 00:06:18 ทำให้เกิดขึ้นได้แต่ว่าไอ้ที่หลวมเนี่ยผม
00:06:18 → 00:06:20 ก็เลยไม่แน่ใจครับคุณหมอครับว่าเอ๊ะว่า
00:06:20 → 00:06:22 มันจะทำให้เกิดตาปลาได้ยังไงคือถ้าฟัง
00:06:22 → 00:06:25 สาเหตุที่คุณหมอไล่มาตั้งแต่แรกเนี่ยก็
00:06:25 → 00:06:27 คือมันเกิดจากการเสียดสีกันรองเท้าหลวม
00:06:27 → 00:06:29 ให้ทำให้เกิดตาปลาได้ด้วยเหรอครับคุณหมอ
00:06:29 → 00:06:33 พอมันหลวมโอกาสที่มันจะเสียดสีมากก็มีสูง
00:06:33 → 00:06:37 ครับอ๋อเหมือนแบบว่ารวมแล้วก็ขูดไปขูดมา
00:06:37 → 00:06:39 ตอนช่วงจังหวะแล้วก้าวเดินอย่างนี้ใช่ไหม
00:06:39 → 00:06:41 คะใช่ครับ
00:06:41 → 00:06:43 [เพลง]
00:06:43 → 00:06:47 ทีนี้หนูถามในช่วงของขั้นตอนการปั่นค่ะ
00:06:47 → 00:06:50 อาจารย์บอกว่าเราอ่ะผ่านเองได้แต่ทีเนี้ย
00:06:50 → 00:06:53 ค่ะอาจารย์พอสมมุติว่าถ้ามันเป็นอันเล็กๆ
00:06:53 → 00:06:56 พอๆกรรไกรเราตัดในหรือใช้กรรไกรตัดอย่าง
00:06:56 → 00:06:59 นี้ตัดได้ได้เลยไหมคะแล้วเราต้องตะไบให้
00:06:59 → 00:07:01 มันบางไหมคะเพราะว่าพอเราตัดไปเนี่ยค่ะ
00:07:01 → 00:07:04 อาจารย์ด้วยธรรมชาติของของเนื้อค่ะอย่าง
00:07:04 → 00:07:07 กรณีของหยกเองค่ะอาจารย์พอตัดแล้วมันก็
00:07:07 → 00:07:10 หนาขึ้นมาอีกอยู่ดีค่ะอาจารย์ถูกต้องครับ
00:07:10 → 00:07:14 เพราะว่าเรายังไม่ได้ไปแก้ที่รองเท้าด้วย
00:07:14 → 00:07:18 ต้องไปแก้ที่รองเท้านะครับแล้วก็
00:07:18 → 00:07:23 การการตะไบเนี่ยมันก็ทำให้มันบางลงแต่
00:07:23 → 00:07:25 อย่าลืมว่าการตะไบก็การเป็นการเสียดสี
00:07:25 → 00:07:28 เหมือนกันเพราะฉะนั้นมันก็เป็นการกระตุ้น
00:07:28 → 00:07:30 ในคีย์ของมัน
00:07:30 → 00:07:32 มันก็ขึ้นมาใหม่ได้
00:07:32 → 00:07:36 กระตุ้นให้มันเกิดการหนาขึ้นแข็งขึ้น
00:07:36 → 00:07:40 กระด้างขึ้นอย่างนี้เหรอครับเพราะว่าผิว
00:07:40 → 00:07:43 หนังบริเวณนั้นมันก็ต้องปกป้องตัวเองพอ
00:07:43 → 00:07:47 มันมีอะไรมากระทบมันมีอะไรมาเสียดสีมันก็
00:07:47 → 00:07:50 พยายามทำตัวหนาขึ้นมาเพื่อปกป้องผิวข้าง
00:07:50 → 00:07:51 ใต้
00:07:51 → 00:07:54 อ่าเป็นธรรมชาติ
00:07:54 → 00:07:57 เพียงแต่ว่าธรรมชาติกลับมาทำลายเราเอง
00:07:57 → 00:07:57 [เพลง]
00:07:57 → 00:08:00 [เสียงหัวเราะ]
00:08:00 → 00:08:03 คุณหมอมันมีอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนก็มี
00:08:03 → 00:08:06 คำถามแล้วก็สงสัยเหมือนกันว่าเจ้าตาปลา
00:08:06 → 00:08:10 เนี่ยมันเกิดขึ้นได้เฉพาะที่บริเวณฝ่า
00:08:10 → 00:08:12 เท้าอย่างเดียวหรอครับคุณหมอครับบริเวณ
00:08:12 → 00:08:16 ส่วนอื่นเนี่ยมันมีโอกาสจะเกิดอาการที่
00:08:16 → 00:08:18 เรียกว่าตาปลาได้ด้วยไหมฮะ
00:08:18 → 00:08:23 จริงๆแล้วอย่างเช่นในบางคนที่จับปากกา
00:08:23 → 00:08:26 แล้วถูบริเวณนิ้วบางนิ้วเนี่ยแล้วก็จะมี
00:08:26 → 00:08:28 ตรงบริเวณนั้นที่หนาขึ้นมาก็เป็นลักษณะ
00:08:28 → 00:08:32 คล้ายๆเราอาจจะไม่ได้เรียกว่าตาปลาแต่
00:08:32 → 00:08:35 เป็นลักษณะกลไกเดียวกันที่ทำให้เกิดการ
00:08:35 → 00:08:37 หนาขึ้นมา
00:08:37 → 00:08:41 อ๋อนี่ก็แสดงว่ารวมถึงคนที่เขาถ้าอย่าง
00:08:41 → 00:08:43 กรณีคนที่แบบชอบไปยกเหล็กอะไรอย่างนี้
00:08:43 → 00:08:49 นิ้วนิ้วเนี่ยตรงบริเวณแบบโคนโคนนิ้วมัน
00:08:49 → 00:08:52 จะหนาๆขึ้นมันจะด้านๆเนี่ยคือมันก็คือ
00:08:52 → 00:08:54 อาการลักษณะคล้ายๆกับตาปลาเหมือนกันนะฮะ
00:08:54 → 00:08:55 คุณหมอฮะ
00:08:55 → 00:08:59 เพียงแต่ว่ามันไม่ได้ถูกเสียดสีเหมือนกับ
00:08:59 → 00:09:02 รองเท้าตลอดเวลาเพราะว่าคนยกเวทก็แค่ยก
00:09:02 → 00:09:04 เพราะฉะนั้นผิวหนังบริเวณนั้นมันต้องการ
00:09:04 → 00:09:07 ปกป้องตัวเองก็เลยทำตัวหนาขึ้นมามันก็เลย
00:09:07 → 00:09:10 ด้านขึ้นมา
00:09:10 → 00:09:14 อาจารย์คะพอเวลามันหนาขึ้นมาอาจารย์บอก
00:09:14 → 00:09:16 ว่าตัดบางคนบอกว่าเนี่ยตัดเนี่ยนะต้องตัด
00:09:16 → 00:09:18 ให้ลึกนะเพราะว่าเดี๋ยวมันมีโอกาสจะขึ้น
00:09:18 → 00:09:21 มาอีกทีเนี่ยตัดลึกไปได้อย่างที่อาจารย์
00:09:21 → 00:09:23 บอกค่ะมันจะต้องเป็นแผลหรือว่าเกิดติด
00:09:23 → 00:09:26 เชื้อขึ้นง่ายมันมีน้ำยาหรือว่ามันมีอะไร
00:09:26 → 00:09:29 เป็นกรดที่แบบไปกัดหรือไว้ทาบางๆให้มัน
00:09:29 → 00:09:32 นิ่มลงได้มีบ้างไหมคะอันนี้ถามเป็นความ
00:09:32 → 00:09:37 รู้หนูไม่รู้ไงคะจริงๆมันก็มีอ่ากรดที่
00:09:37 → 00:09:40 เรียกว่าสลิปศิริกแอซิดที่สามารถที่จะทำ
00:09:40 → 00:09:43 ให้อะไรก็ตามที่หนามันบางลงได้นะครับแต่
00:09:43 → 00:09:46 ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความเข้ม
00:09:46 → 00:09:48 ข้นของมันด้วยถ้าเกิดเป็นความเข้มข้นที่
00:09:48 → 00:09:53 ต่ำไปก็อาจจะทำให้ไม่ได้ผลแต่ถ้าความเข้ม
00:09:53 → 00:09:55 ข้นที่แรงไปก็อาจจะกัดมากเกินไปจนอาจจะ
00:09:55 → 00:09:59 เกิดการระคายเคืองขึ้นมาได้แสดงว่าการใช้
00:09:59 → 00:10:02 กฎนะคะอย่างที่อาจารย์บอกหนูขออีกชื่ออีก
00:10:02 → 00:10:06 ทีนะคะสาริกใส่ใส่
00:10:06 → 00:10:39 นะคะ
00:10:39 → 00:10:42 ไอ้ตรงที่หนาอาจจะหายไปละทีนี้มันก็กัด
00:10:42 → 00:10:45 ไอ้ตรงผิวปกติข้างใต้เราเลย
00:10:45 → 00:10:49 เพราะฉะนั้นต้องระวังในการใช้แต่ว่ายาพวก
00:10:49 → 00:10:51 นี้ไม่ได้อยู่ภายนอกที่แบบใครจะไปซื้อมา
00:10:51 → 00:10:55 ทาเองได้ไม่ใช่ไหมคะโดยปกติเขาก็จะที่ขาย
00:10:55 → 00:10:57 ตามท้องตลาดจะอยู่ในความเข้มข้นที่ไม่ได้
00:10:57 → 00:11:00 เป็นอันตรายนะครับเพราะฉะนั้นใช้ได้แต่
00:11:00 → 00:11:02 คือบางคนเขาก็กลัวว่ามันจะหนาขึ้นมาใหม่
00:11:02 → 00:11:05 ก็ทาเอาทาเอาทำให้ผิวบริเวณหน้าจะมีการ
00:11:05 → 00:11:10 ลอกมากกว่าปกติหรืออาจจะระคายเคืองผิวได้
00:11:10 → 00:11:13 อาจารย์คะมีคนเป็นที่แบบเป็นแล้วแบบเป็น
00:11:13 → 00:11:16 อีกเป็นซ้ำได้เยอะไหมคะอาจารย์อย่างที่
00:11:16 → 00:11:18 บอกถ้าไม่เปลี่ยนรองเท้าหรือว่ารองเท้า
00:11:18 → 00:11:23 ไม่เหมาะกับรูปเท้ายังไงมันก็กลับมาใหม่
00:11:23 → 00:11:26 คือมันต้องไปตั้งแต่ที่ต้นเหตุเลยก็คือ
00:11:26 → 00:11:29 ที่รองเท้าเป็นหลักเลยใช่ไหมครับคุณหมอ
00:11:29 → 00:11:30 ครับ
00:11:30 → 00:11:33 บางคนพอเปลี่ยนรองเท้าหายเลยโดยที่ไม่
00:11:33 → 00:11:36 ต้องทาอะไรก็ได้
00:11:36 → 00:11:39 เพราะว่าผิวมันไม่โดนทำลายมันก็กลับตัว
00:11:39 → 00:11:45 อ่ากลับไปเป็นปกติแต่ที่มันเคยนั้น
00:11:45 → 00:11:50 อย่างรองเท้าที่ที่มันเหมาะที่มันควรนะฮะ
00:11:50 → 00:11:53 คุณหมอครับมันคือมันต้องพอดีกับเท้าเรา
00:11:53 → 00:11:57 มันควรจะต้องเป็นเป็นยังไงครับคุณหมอครับ
00:11:57 → 00:12:02 ต้องเข้าไปอ่าไปตามรูปเท้าของเราไม่มีการ
00:12:02 → 00:12:07 กดทับบริเวณไหน
00:12:07 → 00:12:11 คือบางครั้งคนอาจจะเข้าใจว่าเปลี่ยนเป็น
00:12:11 → 00:12:13 รองเท้า
00:12:13 → 00:12:17 หายเพราะว่ามันไม่มีกดทับแต่อย่าลืมว่า
00:12:17 → 00:12:19 เดี๋ยวนี้มันก็มีรองเท้าแตะที่ดีไซน์ออก
00:12:19 → 00:12:25 มาเพื่อโอบอุ้มเท้าซึ่งในบางคนพอใช้ไปไอ้
00:12:25 → 00:12:27 ตรงที่โอบอุ้มขึ้นมาเนี่ยมันก็ถูก
00:12:27 → 00:12:31 ถูกับบริเวณนั้นแล้วก็ทำให้หนาวขึ้นมาได้
00:12:31 → 00:12:36 เพราะฉะนั้นดูสังเกตว่าตรงไหนที่มันหนา
00:12:36 → 00:12:40 มันชนกับรองเท้ายังไงแล้วก็เปลี่ยน
00:12:40 → 00:13:18 นะครับ
00:13:18 → 00:13:21 อืมเคยเห็นไหมเขาก็จะเอาไอ้ตัวรูตรงกลาง
00:13:21 → 00:13:25 เนี่ยไปไว้ตรงที่เป็น
00:13:25 → 00:13:31 ตัวจุดหนาๆของตัวตัวปลาๆเพราะฉะนั้นไอ้
00:13:31 → 00:13:33 ตรงตึกบริเวณนั้นก็จะไม่ถูกกระทบกระเทือน
00:13:33 → 00:13:37 มันก็ทำให้ลดการเจ็บได้
00:13:37 → 00:13:39 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่าลืมว่าถ้าสมมุติ
00:13:39 → 00:13:41 ว่าเราใส่ตรงนั้นแล้วใส่เข้าไปในรองเท้า
00:13:41 → 00:13:45 มันก็เพิ่มความ
00:13:45 → 00:13:48 เป็นไปได้ที่จะโดนกดพอใช้ไปใช้มาเดี๋ยว
00:13:48 → 00:13:51 มันก็จะมีอาการอีกเพียงแต่ว่าในช่วงแรก
00:13:51 → 00:13:55 มันแค่ลดอาการเจ็บจากการกดโดยตรง
00:13:55 → 00:13:58 เพราะว่ามันเป็นโดนัทตรงกลางทำให้ตรงกลาง
00:13:58 → 00:14:01 ที่แข็งๆมันไม่ชนกับรองเท้าทำให้มันไม่
00:14:01 → 00:14:03 เจ็บ
00:14:03 → 00:14:06 แผ่นรองรองเท้าที่เอาไปใส่เสริมบริเวณ
00:14:06 → 00:14:10 พื้นเนี่ยมันมันพอจะช่วยบรรเทาได้บ้างไหม
00:14:10 → 00:14:10 ครับ
00:14:10 → 00:14:13 [เพลง]
00:14:13 → 00:14:15 อาจจะไม่ได้ช่วยให้มันเทาเนื่องจากว่ามัน
00:14:15 → 00:14:18 เป็นเป็นผื่นเลยถูกไหมครับ
00:14:18 → 00:14:23 ทีนี้ไอ้ตัวตาปลามันจะเป็นเป็นหย่อมของ
00:14:23 → 00:14:25 ผิวที่มันหนา
00:14:25 → 00:14:29 อาการเจ็บเกิดจากการที่เราไปน้ำหนักมันไป
00:14:29 → 00:14:33 ลงตรงบริเวณนั้น
00:14:33 → 00:14:36 แผ่นรองอาจจะไม่ได้ช่วย
00:14:36 → 00:14:37 สักเท่าไหร่
00:14:37 → 00:15:44 แต่คนที่เป็นโดนัทอ่ะ
00:15:44 → 00:15:46 เพราะฉะนั้นเลยก็เลยอยากจะถามคุณหมอว่า
00:15:46 → 00:15:51 ไอ้คำว่าตาปลากับหูดเนี่ยมันมีความ
00:15:51 → 00:15:54 เหมือนหรือแตกต่างกันยังไงบ้างครับคุณหมอ
00:15:54 → 00:15:57 ครับอยากให้คุณหมอช่วยอธิบายหน่อยฮะ
00:15:57 → 00:16:03 ก็คือเป็นเป็นตาปลาแบบที่ขอบเขตไม่ได้ชัด
00:16:03 → 00:16:06 เจนมีแค่ความหนาๆขึ้นมาอันเนี้ยจะไม่ใช่
00:16:06 → 00:16:09 หูดแต่ถ้าหูดเนี่ยจะเป็นก้อนเหมือนกัน
00:16:09 → 00:16:13 เพราะฉะนั้นบางครั้งอาจจะแยกยากกับตัวที่
00:16:13 → 00:16:16 เป็นตาปลาที่เรียกว่าคออ่อน
00:16:16 → 00:16:20 ทีนี้เราจะรู้ได้ไงก็คือปกติแล้วบริเวณ
00:16:20 → 00:16:23 ที่เป็นตาปลาจะเป็นบริเวณที่ถูกเสียดสี
00:16:23 → 00:16:26 แต่ไอ้ตัวหูดเนี่ยมันอาจจะขึ้นบริเวณที่
00:16:26 → 00:16:29 ไม่ได้เสียดสีก็ได้
00:16:29 → 00:16:33 อย่างเช่นขึ้นที่อุ้มเท้าซึ่งไม่ได้เสียด
00:16:33 → 00:16:36 สีกับอะไรอย่างเงี้ยอันนั้นต้องสงสัยว่า
00:16:36 → 00:16:39 จะเป็นหูดขึ้นอยู่ตรงซอกนิ้วอะไรอย่าง
00:16:39 → 00:16:42 เงี้ยซึ่งไม่ได้เป็นบริเวณ
00:16:42 → 00:16:48 ได้แล้วก็ตัวหูดเนี่ยมันจะกลมแล้วก็นูน
00:16:48 → 00:16:53 แข็งบางครั้งอ่าอาจจะดูเหมือน
00:16:53 → 00:16:58 เป็นดอกขึ้นมาครับอีกอย่างนึงพอขวานไป
00:16:58 → 00:17:01 แล้วเนี่ยถ้าเป็นหูดเนี่ยมันจะมีจุดเลือด
00:17:01 → 00:17:04 ออกเป็นจุดเล็กๆเต็มไปหมดเลยแต่ถ้าเกิด
00:17:04 → 00:17:07 เป็นตาปลาจะไม่เจอจุดเลือดออก
00:17:07 → 00:17:08 [เพลง]
00:17:08 → 00:17:12 มีเจอแต่หนังใช่ไหมคะถ้าเป็นตาปลา
00:17:12 → 00:17:16 อันไหนถ้ามันเป็นแล้วเนี่ยมันดูมีความ
00:17:16 → 00:17:19 อันตรายมีความน่ากังวลมากกว่ากันนะครับ
00:17:19 → 00:17:20 คุณหมอ
00:17:20 → 00:17:23 คือทั้ง 2 อันเนี่ยพอเหยียบมันก็จะ 7
00:17:23 → 00:17:25 เหมือนกันแต่ตัว
00:17:25 → 00:17:28 หูดเนี่ยมันเป็นเชื้อไวรัสเป็นการติด
00:17:28 → 00:17:30 เชื้อเพราะฉะนั้นมันสามารถที่จะแพร่
00:17:30 → 00:17:33 กระจายไปที่อื่นได้
00:17:33 → 00:17:35 [เพลง]
00:17:35 → 00:17:38 หมายความว่าสมมุติว่าบางคนมีหูดที่นิ้ว
00:17:38 → 00:17:42 ขูดที่มือที่เท้าได้ก็ไปจับนู่นจับนี่
00:17:42 → 00:17:47 เพราะว่ามันเป็นการส่งการติดเชื้อไปไปให้
00:17:47 → 00:17:52 ผิวหนังคือส่วนที่เราไปปั่นๆแล้วเราก็ไป
00:17:52 → 00:17:53 เกาต่อ
00:17:53 → 00:17:57 สมมุติ
00:17:57 → 00:18:00 พี่หยกพี่หยกก็มีโอกาสที่จะเป็นได้เหมือน
00:18:00 → 00:18:24 กันนะครับ
00:18:24 → 00:18:26 อาจารย์ก็มีคุณผู้ฟังทางบ้านถามว่าแล้ว
00:18:26 → 00:18:31 ขูดมันเกิดจากอะไรครับ
00:18:31 → 00:18:35 ใช่ครับเป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดหูดก็
00:18:35 → 00:18:38 คือว่าถ้าสมมุติว่าเรา
00:18:38 → 00:18:41 ก็สังเกตผิวหนังของตัวเองลองจับๆคลำๆดูก็
00:18:41 → 00:18:44 ได้ใช่ไหมคะอาจารย์
00:18:44 → 00:18:48 ค่อนข้างแข็งเลยแข็งแล้วก็เป็นดอกยื่น
00:18:48 → 00:18:50 ขึ้นมา
00:18:50 → 00:18:52 แต่ตาปลามันจะมันจะ
00:18:53 → 00:19:23 หนาๆอยู่บริเวณนั้น
00:19:23 → 00:19:27 เหมือนใช้กรรไกรตัดเล็บค่อยๆเลาะ
00:19:27 → 00:19:34 ใช่ไหมฮะ
00:19:34 → 00:19:38 มีทางให้สิ่งสกปรกเข้าไปก็ติดเชื้อทีนี้
00:19:38 → 00:19:40 กลายเป็นปัญหาใหม่
00:19:40 → 00:19:43 หนักไปกว่าเดิมอีกนะฮะ
00:19:43 → 00:19:48 แล้วถ้าเกิดกรรไกรตัดเล็บไปตัดเล็บของคน
00:19:48 → 00:19:52 ที่เป็นหูดมาปรากฏว่าเราไปทำให้บริเวณที่
00:19:52 → 00:19:55 เป็นตาปลากลายเป็นตัวแทน
00:19:55 → 00:20:00 รู้สึกว่าชีวิตแบบโชคร้ายจริงๆซ้ำซ้อนกัน
00:20:00 → 00:20:03 เลยนะครับมีคุณผู้ฟังทางบ้านท่านหนึ่ง
00:20:03 → 00:20:07 เนี่ยเอ่อแชร์มาว่าตอนสมัยเด็กๆเนี่ยเขา
00:20:07 → 00:20:11 ใช้ยางมะละกอหรือว่าธูปจี้ในการจัดการกับ
00:20:11 → 00:20:15 หูดถ้านับเอาณปัจจุบันเนี้ยไอ้วิธีการแบบ
00:20:15 → 00:20:18 นี้แบบที่ผมเออวิธีการเนี่ยผมก็เคยได้ยิน
00:20:18 → 00:20:20 นะไอ้ใช้ยางมะละกอเนี่ยยังใช้ได้อยู่ไหม
00:20:20 → 00:20:24 ครับกับการจัดการกับเจ้าหูดเนี่ยฮะอือคือ
00:20:24 → 00:20:27 จริงๆถ้าเป็นโหดขนาดเล็กเนี่ยไอ้พวกยาง
00:20:27 → 00:20:31 หรือว่าพวกเนี่ยมันก็เป็นการทำลายตัวหูด
00:20:31 → 00:20:34 ถ้าทำลายได้ระดับที่เชื้อหุ่นมันตายหมด
00:20:34 → 00:20:39 มันก็หายแต่อย่าแต่เราไม่รู้ว่าเราจะต้อง
00:20:39 → 00:20:43 ใช้ยางมากน้อยขนาดไหนหรือว่าใช้ธูปที่นาน
00:20:43 → 00:20:46 ขนาดไหนดีกว่าหูดมันจะตาย
00:20:46 → 00:20:50 ตรุษจีนนี่แบบขนาดไปไหว้พระนี่ไปศาลเจ้า
00:20:50 → 00:20:54 ที่เคยเจอธูปจี้หนิงอย่างเงี้ย
00:20:54 → 00:20:57 นะคะคนที่นี้ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าผิว
00:20:57 → 00:21:01 ของคนเราเนี่ยถ้าเราไปใช้สารเคมีหรือว่า
00:21:01 → 00:21:03 ทำให้ผิวหนังมันถูกกระทบกระเทือน
00:21:03 → 00:21:08 ต่อเนื่องนานๆหลายๆครั้งทำหลายๆครั้งมัน
00:21:08 → 00:21:12 อาจจะกลายเป็นมะเร็งเป็นอะไรขึ้นมาได้
00:21:12 → 00:21:17 เพราะฉะนั้นไม่แนะนำนะครับ
00:21:17 → 00:21:20 เขาก็มาแชร์ประสบการณ์เหมือนกันว่าเคยแบบ
00:21:20 → 00:21:23 พอเวลาเป็นเนี่ยค่ะเป็นที่เป็นหัวที่เป็น
00:21:23 → 00:21:28 ตาปลาที่หัวแม่เท้าจะหนังหนาๆมากๆไปร้าน
00:21:28 → 00:21:31 เสริมสวยทั้งร้านก็จะให้เอาเท้าเนี่ยแช่
00:21:31 → 00:21:33 น้ำอุ่นจากนั้นก็ค่อยเล็มหนังออกจนดูดี
00:21:33 → 00:21:37 ขึ้นมากเลยค่ะแล้วก็นานๆก็จะค่อยเกิดขึ้น
00:21:37 → 00:21:40 สักทีแต่มีคนบอกว่าแช่ด่างทับทิมแล้วมัน
00:21:40 → 00:21:43 ก็จะดีขึ้นจริงไหมคะอาจารย์
00:21:43 → 00:21:47 ครับเพราะว่ามันจะทำให้ไอ้ผิวหนังบริเวณ
00:21:47 → 00:21:50 ที่หนาวเนี่ยมันดูดน้ำเข้าไปและทำให้
00:21:50 → 00:21:53 บริเวณนั้นมันอ่อนนุ่มขึ้นเพราะฉะนั้นมัน
00:21:53 → 00:21:57 ก็เลยจะตัดอะไรมันก็เลยทำได้ง่ายขึ้นก็
00:21:57 → 00:21:59 นึกว่าช่างเสริมสวยเค้าเก่งและเดี๋ยวนี้
00:21:59 → 00:22:02 ขับชอบไปดูใน tiktok ค่ะอาจารย์เค้าจะมี
00:22:02 → 00:22:06 แบบเอ่อแบบตัดเล็บซอกเล็บแซะซะจนโอ้โหเจอ
00:22:06 → 00:22:08 ความรู้สึกว่าโอ๊ยทำไมเค้าเก่งจังเลยเนาะ
00:22:08 → 00:22:10 อือ
00:22:10 → 00:22:14 ต้องต้องไปที่คลินิกผิวหนังจะเห็นว่าบาง
00:22:14 → 00:22:17 คนไปทำเล็บมาแล้วก็ซอกเล็บอักเสบขึ้นมา
00:22:17 → 00:22:22 เพราะว่าถูกตัดขนลงไปเยอะอ๋อลึกไปก็ไม่
00:22:22 → 00:22:26 ได้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้ที่ผ่านมาคิด
00:22:26 → 00:22:36 ว่านั่นคือความสะอาด
00:22:36 → 00:22:39 เดี๋ยวผมขออนุญาตย้อนกลับไปที่เรื่องของ
00:22:39 → 00:22:42 การแช่น้ำนิดนึงครับสำหรับคนที่เป็นตาปลา
00:22:42 → 00:22:46 เนี่ยคือแช่เนี่ยคือจะทำให้ผิวหนังบริเวณ
00:22:46 → 00:22:50 นั้นนุ่มนิ่มขึ้นดูดน้ำก็คือมันจะสะดวก
00:22:50 → 00:22:54 ต่อการที่จะไปตัดไปขูดไปปาดมันออกใช่ไหม
00:22:54 → 00:22:56 ครับหรือว่าแค่ปล่อยมันไว้เฉยๆเนี่ยมันก็
00:22:57 → 00:22:59 จะดีขึ้นนะคุณหมอฮะ
00:22:59 → 00:23:02 ปล่อยให้มันเฉยๆเดี๋ยวมันแห้งมันก็จะเลิก
00:23:02 → 00:23:05 มันก็จะแข็งขึ้นมาหน่อย
00:23:06 → 00:23:08 ก็คือพอแช่ปั๊บก็คือจะต้องดำเนินการ
00:23:08 → 00:23:12 สังหารเลยอ่าค่อยๆแค่ค่อยๆเล็มไป
00:23:12 → 00:23:16 ฟังดูเหมือนแทะเล็มดูเหมือนดีแต่ว่าจริงๆ
00:23:16 → 00:23:18 อาจจะไม่รู้ฟังทางบ้านถามว่าแบบนี้ค่ะ
00:23:18 → 00:23:21 แล้วถ้าเป็นตาปลาใช้วิธีนวดคลึงเลยค่ะ
00:23:21 → 00:23:24 ตุ่มเล็กๆมันจะยุบไปไหมคะอาจารย์
00:23:24 → 00:23:28 ไม่น่าจะยุบนะครับ
00:23:28 → 00:23:32 แต่ถ้าจะนวดคุณต้องนวดคลึงกับยาที่เป็น
00:23:32 → 00:23:35 กรดที่บอกอ่ะครับ
00:23:36 → 00:23:40 มันก็จะทำให้ตัวกดมันเข้าไปในเนื้อที่
00:23:40 → 00:23:43 หนังและทำให้ค่อยๆร่อนออกไปได้
00:23:43 → 00:23:48 [เพลง]
00:23:48 → 00:23:52 ก็คือไปสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่ว
00:23:52 → 00:24:00 ไปมันก็พอมีอยู่นะ
00:24:00 → 00:24:03 ครับมีคุณผู้ฟังทางบ้านสอบถามมาเพิ่มเติม
00:24:03 → 00:24:06 เหมือนกันครับว่าถ้าใส่รองเท้าที่มันนุ่ม
00:24:06 → 00:24:11 ๆอยู่ตลอดเวลาเนี่ยมันมันจะช่วยทำให้
00:24:11 → 00:24:13 อาการที่มันมีอยู่แล้วเนี่ยมันมันดีขึ้น
00:24:13 → 00:24:15 ได้บ้างไหมครับ
00:24:15 → 00:24:19 ถ้าบริเวณที่นุ่มไม่ได้ไปเสียดสีไม่ได้
00:24:19 → 00:24:24 ถูกก็จะดีขึ้น
00:24:24 → 00:24:27 ถ้าไม่ได้ถ้าไม่ได้ไปเสียดสีอะไรกับมัน
00:24:27 → 00:24:28 มากก็
00:24:28 → 00:24:34 ก็อาจจะทำเราได้อยู่บ้าง
00:24:34 → 00:24:37 เสียดสีอยู่ตามป่าก็ไม่หาย
00:24:37 → 00:24:40 เพราะฉะนั้นแสดงว่าต้นต้นตอต้นเหตุที่ควร
00:24:40 → 00:24:43 จะต้องไปให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือควรจะ
00:24:43 → 00:24:46 ต้องเป็นรองเท้าที่มันเหมาะสมกับรูปเท้า
00:24:46 → 00:24:49 ของเราไม่รัดไม่บีบไม่แน่นไม่หลวมจนเกิน
00:24:49 → 00:24:51 ไป
00:24:51 → 00:24:54 เป็นอย่างนี้มันเป็นอย่างนี้นะฮะเออได้
00:24:54 → 00:24:57 เลยได้เลยคุณหมอครับมีคุณผู้ฟังทางบ้าน
00:24:57 → 00:25:01 สอบถามมาอีกครับเรื่องของหูดฮะมีคนเคยบอก
00:25:01 → 00:25:05 ว่าวิธีการรักษาหูด 1 อย่างก็คือเอาน้ำ
00:25:05 → 00:25:11 กรดหยดลงไปอีกหนึ่งความเชื่อคือใช้น้ำของ
00:25:11 → 00:25:16 ถ่านไฟฉาย 2 วิธีการนี้ถูกต้องเหมาะสม
00:25:16 → 00:25:23 หรือไม่อย่างไรฮะ
00:25:23 → 00:25:26 แต่ไม่แนะนำนะครับเพราะมันเป็นสารเคมี
00:25:26 → 00:25:33 ครับ
00:25:33 → 00:25:38 คุณหมอฮะใช้กรดน้ำกรดลงไปที่หูดเนี่ยฮะ
00:25:38 → 00:25:41 คุณหมอแนะนำไหมครับถ้าเป็นผมผมไม่ได้หมอ
00:25:41 → 00:25:46 ผมก็รู้สึกว่ามันอันตรายเกินไปครับ
00:25:46 → 00:25:51 กรดมันจะทะลุทะลวงมากน้อยขนาดไหน 2 ก็คือ
00:25:51 → 00:25:55 การที่ผิวมันโดนน้ำกรดเยอะๆเนี่ยมันอาจจะ
00:25:55 → 00:25:57 มีการเปลี่ยนแปลงได้
00:25:57 → 00:26:00 [เพลง]
00:26:00 → 00:26:04 คุณหมอครับถ้าอาการลักษณะแบบนี้เนี่ยแล้ว
00:26:04 → 00:26:09 เราพยายามที่จะไปตัดไปเล็มไปแงะของมันออก
00:26:09 → 00:26:12 มาเนี่ยถ้าอย่างในกรณีที่คนเป็นโรคเบา
00:26:12 → 00:26:12 หวานเนี่ย
00:26:12 → 00:26:17 คุณหมอแนะนำยังไงดีครับเพราะว่าอย่างที่
00:26:17 → 00:26:19 เราทราบๆกันดีว่า
00:26:19 → 00:26:22 ถ้าใครเป็นเบาหวานเนี่ยอย่าให้มีแผลเลย
00:26:22 → 00:26:24 อะไรอย่างนี้เพราะว่าอาจจะเสี่ยงต่อการ
00:26:24 → 00:26:28 โดนตัดแขนตัดขาได้ครับคุณหมอฮะถูกต้อง
00:26:28 → 00:26:31 ครับคือถึงเน้นไม่ว่าจะเป็นเบาหวานไม่
00:26:31 → 00:26:35 เป็นเบาหวานถ้าเราทำไม่ถูกวิธีมันจะกลาย
00:26:35 → 00:26:39 เป็นการเปิดทางให้สิ่งสกปรกเข้าไปในผิว
00:26:39 → 00:26:41 เราได้แล้วก็จะเกิดปัญหาเรื่องการอักเสบ
00:26:41 → 00:26:45 ติดเชื้อขึ้นมาเป็นแผลแล้วถ้าเกิดเป็นเบา
00:26:45 → 00:26:48 หวานมันก็จะทำให้แผลหายช้าหรือกลายเป็น
00:26:48 → 00:26:51 แผลเรื้อรังไปก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา
00:26:51 → 00:26:52 เลย
00:26:52 → 00:26:57 เพราะฉะนั้นควรจะพบผู้เชี่ยวชาญแล้วก็ใช้
00:26:57 → 00:27:01 ให้ผู้เชี่ยวชาญรักษาโดยใช้เทคนิคที่
00:27:01 → 00:27:05 เหมาะสมครับคือมันจะต้องมันจะต้องมีอาการ
00:27:05 → 00:27:09 หนักมากขนาดไหนถึงควรจะต้องไปพบคุณหมอ
00:27:09 → 00:27:13 หรือว่าผู้ที่มีประสบการณ์มีความรู้ใน
00:27:13 → 00:27:15 เรื่องของการจัดการทั้งหูแล้วก็เรื่องของ
00:27:15 → 00:27:18 ตาปลาครับคุณหมอฮะคือถ้ามันเป็นตาปลาที่
00:27:18 → 00:27:23 เราไม่ได้รู้สึกเจ็บมากแล้วเราเปลี่ยนรอง
00:27:23 → 00:27:26 เท้าแล้วมันก็ดูบางลงพอรับได้ไม่เจ็บมาก
00:27:26 → 00:27:30 ก็ไม่เป็นปัญหาแต่ส่วนใหญ่และถ้ามันหนา
00:27:30 → 00:27:32 ขึ้นมาเรื่อยๆและมีการอักเสบร่วมด้วย
00:27:32 → 00:27:36 เนี่ยควรจะไปรับการรักษาครับก็คือว่าถ้า
00:27:36 → 00:27:39 คุณเจ็บจนรำคาญนั่นเองก็ควรไปพบแพทย์แต่
00:27:39 → 00:27:43 ว่าถ้าเกิดเจ็บแล้วแบบไม่ได้รำคาญถ้าแบบ
00:27:43 → 00:27:45 ปรับเปลี่ยนรองเท้าก็อาจจะดีที่คุณหมอบอก
00:27:45 → 00:27:49 ว่าก็หายได้ใช่ไหมคะใช่หรือว่าแล้วก็อาจ
00:27:49 → 00:27:53 จะซื้อตัวยาทาตามาช่วยทำให้มันบางลงในขณะ
00:27:53 → 00:27:56 ที่เปลี่ยนรองเท้าด้วยมันก็จะบางได้เร็ว
00:27:56 → 00:27:58 ขึ้นอาการก็ดีขึ้น
00:27:58 → 00:28:01 อาจารย์คะคุณผู้ฟังทางบ้านรบกวนถามแบบนี้
00:28:01 → 00:28:06 มาค่ะว่ากดไซริ๊กเนี่ยค่ะมีทั้ง 25% และ
00:28:06 → 00:28:09 45% เนี่ยค่ะเราใช้แบบไหนอ่ะคะอาจารย์
00:28:09 → 00:28:13 ปกติแล้วถ้าโหดเอ้ยไม่ใช่หุ่นไอ้ตาปลาที่
00:28:13 → 00:28:17 หนามากเนี่ยเราจะใช้สัก 40% ขึ้นไป
00:28:17 → 00:28:19 ก็ใช้ 40% นะคะ
00:28:19 → 00:28:23 ตามปลาที่ไม่หนามากใช้ประมาณ 40%
00:28:23 → 00:28:26 แต่ถ้าเป็นหูดก็คือต้องไปรักษาไวรัสใช่
00:28:26 → 00:28:29 ไหมคะอาจารย์ควรไปพบก็จะมีวิธีการรักษา
00:28:30 → 00:28:32 หลายวิธี
00:28:32 → 00:28:36 การทายาก็เป็นอย่างนึงการใช้
00:28:36 → 00:28:43 ก็สามารถที่จะรักษาหูดได้เหมือนกัน
00:28:43 → 00:28:47 คุณหมอสมมุติว่าเป็นเป็นหุ่นแบบขนาดใหญ่
00:28:47 → 00:28:50 อะไรอย่างนี้เราก็ทายาแล้วไม่ดีขึ้นอะไร
00:28:50 → 00:28:54 ก็อาจจะต้องใช้วิธีการที่ไฟฟ้าหรือว่าใช้
00:28:54 → 00:28:58 เลเซอร์
00:28:58 → 00:29:05 เราสามารถทำได้เองไหมหรือว่าเรา
00:29:05 → 00:29:18 ใช้เครื่องมือคุณบ้านคุณเป็นแฟนกัน
00:29:18 → 00:29:21 สามารถไปพบแพทย์เพื่อที่จะใช้วิธีการจี้
00:29:21 → 00:29:24 ไฟฟ้าหรือว่าก็เลเซอร์อย่างนี้ได้ใช่ไหม
00:29:24 → 00:29:26 คุณหมอฮะ
00:29:26 → 00:29:30 คือจะอยู่ที่ดุลย์พินิจของแพทย์แพทย์อาจ
00:29:30 → 00:29:33 จะเริ่มต้นให้ลองใช้ยาทาก่อนถ้าใช้ยาทา
00:29:33 → 00:29:37 แล้วตอบสนองได้ดีก็จบที่ยาทา
00:29:37 → 00:29:41 แต่ถ้าไม่ดีเลยอาจจะต้องพิจารณาใช้วิธี
00:29:41 → 00:29:44 การที่รุนแรงมากขึ้นโดยการจี้ไฟฟ้าหรือ
00:29:44 → 00:29:48 ว่าจี้เลเซอร์แต่ยังไงก็ตามทั้ง 2 วิธี
00:29:48 → 00:29:51 นี้มันก็จะทำให้เกิดแผลขึ้นแน่นอน
00:29:51 → 00:29:55 เพราะมันเป็นการทำลายทำลายล้างโดยตรง
00:29:55 → 00:29:57 จะหายขาด
00:29:57 → 00:30:01 แผลหลังจากที่ทำอีกจะเป็นเรื่องใหญ่
00:30:01 → 00:30:06 ครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิดเริ่มเป็นเริ่มรีบ
00:30:06 → 00:30:09 รักษามันก็หายได้เร็วไม่ได้เป็นมากจน
00:30:09 → 00:30:14 กระทั่งจะต้องไปทำอะไรที่รุนแรง
00:30:14 → 00:30:16 ต่อเนื่องจากคำถามที่พี่หยกถามค้างไว้
00:30:16 → 00:30:18 เมื่อสักครู่ฮะไอ้การใช้วิธีการจี้ไฟฟ้า
00:30:18 → 00:30:21 หรือว่าแม้กระทั่งเลเซอร์เนี่ยมันจะทำให้
00:30:21 → 00:30:23 หายขาดได้เลยไหมครับคุณหมอเพราะว่าอันนี้
00:30:24 → 00:30:31 น่าจะเป็นยาแรงสุดๆแล้วล่ะมั้งฮะคุณหมอฮะ
00:30:31 → 00:30:35 ว่าถ้าเกิดเราสามารถทำลายมันจนกระทั่ง
00:30:35 → 00:30:38 เชื้อโรคเนื่องจากหูดเนี่ยมันเป็นเชื้อ
00:30:38 → 00:30:39 โรค
00:30:39 → 00:30:42 ถ้าเราทำลายจนกระทั่งเชื้อโรคมันน้อยหรือ
00:30:42 → 00:30:46 ว่าหายไปเลยก็คือหายขาด
00:30:46 → 00:30:49 แต่ถ้าเราทำลายไปแล้วมันยังมีเชื้อโรคที่
00:30:49 → 00:30:52 หลงเหลืออยู่น้ำมันเพิ่มจำนวนมากขึ้นมัน
00:30:52 → 00:30:55 ก็สามารถทำให้หูดกลับขึ้นมาได้เหมือนกัน
00:30:56 → 00:30:58 นี่พอดีมีคุณผู้ฟังทางบ้านแชร์แบบนี้เลย
00:30:58 → 00:31:01 ค่ะอาจารย์คือเป็นหูดอ่ะค่ะเป็นจี้ออก
00:31:01 → 00:31:04 แล้วเสียเงินไปตั้ง 20,000 กว่าแต่ต่อมา
00:31:04 → 00:31:06 ก็เป็นที่เดิมอีกแล้วก็ยังเป็นแผลเป็น
00:31:06 → 00:31:10 อยู่ยังไงก็ไม่หายคุณหมอมีคำแนะนำกับคุณ
00:31:10 → 00:31:14 ผู้ฟังท่านนี้ยังไงบ้างไหมครับคือถ้ามัน
00:31:14 → 00:31:26 กลับมาเป็นอีกยังไงก็ต้องจี้ออกครับ
00:31:26 → 00:31:27 [เพลง]
00:31:27 → 00:31:29 อย่างคุณผู้ฟังท่านนี้ที่บอกว่าเป็นหูด
00:31:29 → 00:31:31 แล้วไปจี้หมดเงินไป 20,000 กว่าบาทเนี่ย
00:31:31 → 00:31:34 คือแสดงว่าไอ้เชื้อโรคที่มันอยู่ตรง
00:31:34 → 00:31:38 บริเวณนั้นเนี่ยคือมันยังมีคงอยู่มันยัง
00:31:38 → 00:31:40 ไม่ตายหรือว่ามันเป็นเพราะว่าเราอาจจะไม่
00:31:40 → 00:31:44 ได้รักษาความสะอาดอย่างดีนะคุณหมอฮะต้อง
00:31:44 → 00:31:46 เพิ่มความสะอาดตรงนั้นอะไรอย่างนี้
00:31:46 → 00:31:50 ผมฟังไปผมก็กลัวเหมือนกันนะคุณหมอนะ
00:31:50 → 00:31:54 ถ้าสมมุติว่ามันเกิดขึ้นบนตรงบริเวณแผล
00:31:54 → 00:31:58 ที่เคยทำมาเนี่ยแสดงว่าผิวข้างเคียงเนี่ย
00:31:58 → 00:32:00 มันก็ยังมีเชื้อโรคอยู่เลยทำให้มันกลับมา
00:32:00 → 00:32:01 ได้
00:32:01 → 00:32:04 แต่ถ้าสมมุติว่าทำไปแล้วมันมีที่อื่นด้วย
00:32:04 → 00:32:07 เนี่ยอาจจะต้องสงสัยว่าที่เราต้องเปลี่ยน
00:32:07 → 00:32:09 รองเท้าอะไรด้วยเพราะว่าเชื้อมันอาจจะ
00:32:09 → 00:32:12 อยู่ที่รองเท้าแล้วเรายังกลับไปใส่รอง
00:32:12 → 00:32:15 เท้าเดิมๆอยู่มันก็กลับขึ้นมานั่นแหละได้
00:32:15 → 00:32:17 [เพลง]
00:32:17 → 00:32:20 มันเป็นอย่างนี้มันเป็นอย่างนี้โอ้น่า
00:32:20 → 00:32:32 กลัวเหมือนกันนะ
00:32:32 → 00:32:35 คุณหมอครับเอ่อน่าจะเป็นช่วงท้ายๆแล้ว
00:32:36 → 00:32:39 ครับผมครับอยากจะให้คุณหมอช่วยย้ำช่วย
00:32:39 → 00:32:43 เตือนนิดนึงครับว่าวิธีการรวมทั้งการ
00:32:43 → 00:32:46 ปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อที่จะทำให้เรา
00:32:46 → 00:32:51 เนี่ยทางไกลจากภาวะอากาศเป็นตาปลาฮะคุณ
00:32:51 → 00:32:52 หมอฮะ
00:32:52 → 00:32:56 หนูก็คือถ้าอาการเริ่มเห็นชัดมากขึ้น
00:32:56 → 00:32:59 เครื่องมีอาการของตาเปล่าให้พิจารณา
00:32:59 → 00:33:02 เปลี่ยนรองเท้า
00:33:02 → 00:33:07 แล้วก็อาจจะไปหาซื้อยาที่ใช้รักษาตาปลามา
00:33:07 → 00:33:12 ช่วยทำให้มันบางลงไปได้เร็วขึ้นถ้าไม่ไม่
00:33:12 → 00:33:17 แนะนำให้คงใช้รองเท้าต่อไปแล้วก็ใช้นู่น
00:33:17 → 00:33:18 ใช้นี่
00:33:18 → 00:33:22 ตราบใดถ้ามันยังมีการกดมีการเสียดสีอยู่
00:33:22 → 00:33:25 มันก็จะกลับมา
00:33:25 → 00:33:30 นี่คือวิธีการไม่ไม่ง่ายไม่ยากแต่ว่าหลาย
00:33:30 → 00:33:32 คนก็อาจจะรู้สึกว่าเสียดายเหมือนกันนะถ้า
00:33:32 → 00:33:34 จะต้องเปลี่ยนรองเท้าบางทีแบบสีนั้นรุ่น
00:33:34 → 00:33:38 นั้นแบบโอ้โหฉันชอบฉันรู้สึกว่าโอ้โหอยู่
00:33:38 → 00:33:40 กับเจ้าพ่อรองเท้านะอาจารย์คนซื้อรองเท้า
00:33:40 → 00:33:45 แพงก็ไม่ธรรมดาที่ต้องเสียหาย