00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:08 >> สวัสดีครับยินดีต้อนรับสู่การเจาะลึก
00:00:08 → 00:00:11 เรื่องสุขภาพกันอีกครั้งนะครับวันนี้มี
00:00:11 → 00:00:14 เรื่องน่าสนใจมากคือหลายคนเนี่ยเอ่ออาจจะ
00:00:14 → 00:00:17 เคยลองหรือบางทีก็ยังทำอยู่พวกจำกัดคาบ
00:00:17 → 00:00:19 อ่ะครับโลกคาบคีโตอะไรพวกนี้
00:00:20 → 00:00:22 >> ใช่ค่ะเป็นที่นิยมกันมาระยะนึงเลยนะคะ
00:00:22 → 00:00:24 สำหรับการดูแลสุขภาพ
00:00:24 → 00:00:28 >> ใช่ครับคำถามคือเอ๊ะแล้วเราต้องจำกัดแบบ
00:00:28 → 00:00:31 นั้นไปตลอดเลยหรือเปล่าเปล่าวันนี้เรา
00:00:31 → 00:00:34 อยากจะมาชวนคุยเรื่องการหาเอ่อสมดุล
00:00:34 → 00:00:37 คาร์โบไฮเดรตแบบใหม่โดยเฉพาะเลยนะคือ
00:00:37 → 00:00:40 เรื่องกินขาบมื้อเย็นนี่แหละมีข้อมูลจาก
00:00:40 → 00:00:43 ประสบการณ์จริงที่แบบเฮ้ยน่าสนใจมากครับ
00:00:43 → 00:00:46 >> อื้อหือฟังดูน่าสนใจค่ะ
00:00:46 → 00:00:48 >> ข้อมูลที่เราจะคุยกันวันนี้ก็มาจากเบิด
00:00:48 → 00:00:51 ความแล้วก็มีโพสต์ที่แชร์ประสบการณ์ใน
00:00:51 → 00:00:53 เอ่อโลกออนไลน์นี่แหละครับลงรายละเอียด
00:00:53 → 00:00:57 เลยนะเป็นกรณีศึกษาจริงเลยว่าเาปรับการ
00:00:57 → 00:01:00 กินคราบยังไงแล้วสุขภาพดีขึ้น
00:01:00 → 00:01:00 >> ค่ะ
00:01:01 → 00:01:03 >> เป้าหมายเราวันนี้ก็คืออยากจะทำความเข้า
00:01:03 → 00:01:06 ใจแนวคิดเรื่อง rebalance เนี่ยแหละครับ
00:01:06 → 00:01:09 คือการปรับสมดุลขาบหลังจากที่บางคนอาจจะ
00:01:09 → 00:01:11 เคยรีซetตัวเองด้วยการขุมเข้มๆมาแล้ว
00:01:12 → 00:01:13 >> อ๋อรีตแล้วก็รีบbalanceซ
00:01:14 → 00:01:17 >> ใช่ครับมาดูกันว่าเอ๊ะการกินคาบดีๆตอน
00:01:17 → 00:01:20 มื้อเย็นเนี่ยมันส่งผลยังไงแล้วทำไมบางที
00:01:20 → 00:01:23 มันอาจจะเวิร์คสำหรับบางคนนะตามข้อมูลที่
00:01:23 → 00:01:24 เขาแชร์มา
00:01:24 → 00:01:24 >> ค่ะ
00:01:24 → 00:01:27 >> คือปกตินะครับความเชื่อเดิมๆเลยหลายคนจะ
00:01:27 → 00:01:31 แบบกังวลมากกลิ่นขาบเย็นเดี๋ยวอ้วนน้ำตาล
00:01:31 → 00:01:33 ขึ้นสูงแน่ๆ
00:01:33 → 00:01:35 >> ใช่แหละค่ะเป็นความเชื่อที่ได้ยินบ่อยมาก
00:01:35 → 00:01:38 >> แต่ข้อมูลที่เราเจอมานี่สิครับมันกลับมอง
00:01:38 → 00:01:41 อีกมุมนึงเลยเขาบอกว่าการเลือกกิน
00:01:41 → 00:01:44 คาร์โบไฮเดรตที่ดีอ่ะนะในปริมาณที่มันพอ
00:01:44 → 00:01:47 เหมาะพอดีตอนเย็นๆเนี่ยอาจจะไม่ได้แย่
00:01:47 → 00:01:49 อย่างที่เรากลัวกันก็ได้แถมอาจจะมี
00:01:49 → 00:01:50 ประโยชน์ด้วยซ้ำไป
00:01:50 → 00:01:53 >> คำว่าคาร์โบไฮเดรตที่ดีหรือ good cฟที่
00:01:53 → 00:01:56 พูดถึงกันในแหล่งข้อมูลนี้เอ่อหลักๆก็คือ
00:01:56 → 00:02:00 หมายถึงพวกคาฟเชิงซ้อนน่ะค่ะที่ไม่ค่อย
00:02:00 → 00:02:02 ผ่านการขัดสีหรือแปรรูปเยอะๆ
00:02:03 → 00:02:03 >> อ๋อ
00:02:03 → 00:02:06 >> แล้วก็มักจะมีใยอาหารสูงซึ่งตรงเนี้ยมัน
00:02:06 → 00:02:09 จะช่วยให้การดูดซึมน้ำตาลช้าลง
00:02:09 → 00:02:12 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับคือไม่ใช่พวกแป้งขาว
00:02:12 → 00:02:16 จั๊ะน้ำตาลขัดสีแต่เป็นพวกเอ่อข้าวกล้อง
00:02:16 → 00:02:18 มันเทศฟักทองอะไรแบบนั้นใช่มั้ยครับ
00:02:18 → 00:02:22 >> ถูกต้องค่ะแบบนั้นเลยทีนี้กลไกที่แหล่ง
00:02:22 → 00:02:25 ข้อมูลเขาสันนิษฐานไว้นะคะอันนี้น่าสนใจ
00:02:25 → 00:02:29 มากเขาบอกว่าการกินคาฟดีตอนเย็นๆเนี่ยอาจ
00:02:29 → 00:02:31 จะไปช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินตาม
00:02:31 → 00:02:34 ธรรมชาติในจังหวะเวลาที่เหมาะสมพอดี
00:02:34 → 00:02:34 >> ครับ
00:02:34 → 00:02:36 >> ซึ่งอินซูลินเนี่ยนอกจากเรื่องจัดการน้ำ
00:02:37 → 00:02:39 ตาลแล้วนะคะยังช่วยนำพาสารอาหารต่างๆไป
00:02:40 → 00:02:42 ให้เซลล์ทั่วร่างกายเราเลยรวมถึงสมองด้วย
00:02:42 → 00:02:42 ค่ะ
00:02:42 → 00:02:45 >> โหมีประโยชน์ขนาดนั้นเลยแล้วมันเอ่อไป
00:02:45 → 00:02:47 เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนตัวอื่นด้วยไหมครับ
00:02:47 → 00:02:48 หรือว่ายังไง
00:02:48 → 00:02:51 >> มีค่ะมีส่วนเกี่ยวข้องกับต่อมไทรรอยด์โดย
00:02:51 → 00:02:54 ตรงเลยค่ะแหล่งข้อมูลระบุว่าต่อมไทรรอยด์
00:02:54 → 00:02:57 ของเราเนี่ยต้องการสารอาหารหลายอย่างนะคะ
00:02:57 → 00:03:00 รวมถึงกลูโคสจากคาร์โบไฮเดรตด้วยเพื่อใช้
00:03:00 → 00:03:03 สร้างฮอร์โมนแล้วก็ทำงานให้เป็นปกติ
00:03:03 → 00:03:04 >> อื้อหือ
00:03:04 → 00:03:06 >> การที่เราไปจำกัดคาฟมากๆนานๆเนี่ยมันอาจ
00:03:06 → 00:03:09 จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของต่อมไทรรอยด์
00:03:09 → 00:03:10 ได้เหมือนกันสำหรับบางคนนะคะ
00:03:10 → 00:03:15 >> โหฟังดูซับซ้อนเหมือนกันนะเนี่ยว่าแต่พอ
00:03:15 → 00:03:19 ไทรอยด์ทำงานดีอินซูลินสมดุลมันส่งผลต่อ
00:03:19 → 00:03:20 สุขภาพโดยรวมเรายังไงบ้างครับ
00:03:20 → 00:03:23 >> ถ้ามองภาพใหญ่ขึ้นนะคะตามข้อมูลที่เขาให้
00:03:23 → 00:03:26 มาเนี่ยพอไทรอยทำงานสมดุล
00:03:26 → 00:03:29 อินซูลินทำงานได้ดีคือมันไม่ได้แกว่งขึ้น
00:03:29 → 00:03:34 ลงรุนแรงมันอาจจะส่งผลดีไปถึงการทำงานของ
00:03:34 → 00:03:37 เอ่อที่เรียกว่าตัวรับ LDL ที่ตับด้วยค่ะ
00:03:37 → 00:03:39 >> ตัวรับ LDL อันนี้คืออะไรนะครับช่วยขยาย
00:03:39 → 00:03:41 ความนิดนึงได้ไหมครับ
00:03:41 → 00:03:44 >> ได้ค่ะตัวรับ LDL หรือ LDL receptตorที่
00:03:44 → 00:03:47 ตับเนี่ยค่ะมันทำหน้าที่เหมือนเอ่อประตู
00:03:47 → 00:03:51 ค่ะคอยดักจับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีหรือที่
00:03:51 → 00:03:53 เราเรียกกันว่า LDL เนี่ยออกจากกระแส
00:03:53 → 00:03:54 เลือดเรา
00:03:54 → 00:03:58 >> อ๋อครับถ้าตัวรับนี้ทำงานได้ดีตับก็จะ
00:03:58 → 00:04:00 ช่วยกำจัด LDL ส่วนเกินได้มีประสิทธิภาพ
00:04:00 → 00:04:04 มากขึ้นซึ่งแหล่งข้อมูลเขาชี้ว่าการทำงาน
00:04:04 → 00:04:07 ของไทรอยด์และอินซูลินที่สมดุลเนี่ยอาจจะ
00:04:07 → 00:04:10 ส่งผลทางอ้อมทำให้ตัวรับ LDL ทำงานได้ดี
00:04:10 → 00:04:11 ขึ้นตามไปด้วยค่ะ
00:04:12 → 00:04:14 >> โหมันเชื่อมโยงกันไปหมดเลยนะครับเนี่ย
00:04:14 → 00:04:17 งั้นงั้นเราลองไปดูตัวอย่างจริงจากกรณี
00:04:17 → 00:04:19 ศึกษาที่ว่ากันดีกว่าครับเค้าทำยังไงบ้าง
00:04:19 → 00:04:20 ครับ
00:04:20 → 00:04:23 >> ค่ะในกรณีศึกษาเนี่ยนะคะเค้ากินมื้อเย็น
00:04:23 → 00:04:27 ค่อนข้างเร็วหน่อยนะประมาณ 1630 น.โหเร็ว
00:04:27 → 00:04:30 เหมือนกันนะครับใช่ครับแล้วก็เลือกกินขาบ
00:04:30 → 00:04:33 ดีปริมาณก็ไม่ได้เยอะมากตัวอย่างที่เขา้า
00:04:33 → 00:04:38 ให้มาก็เช่นขนมปังซาวอร์โดประมาณเอ่อ 50-1
00:04:39 → 00:04:43 กรัมหรือบางทีก็สลับเป็นพวกมันหวานฟักทอง
00:04:43 → 00:04:45 เผือกผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หรือข้าว
00:04:45 → 00:04:47 ไรเบอร์รี่
00:04:47 → 00:04:50 >> อืซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่ดีเลยนะคะของ
00:04:50 → 00:04:54 คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนมีใยอาหารไม่ได้แปร
00:04:54 → 00:04:55 รูปเยอะ
00:04:55 → 00:04:59 >> ใช่ได้เลยครับแล้วผลที่ตามมาคืออันนี้
00:04:59 → 00:05:02 หน้าทึ่งนะพอไปวัดระดับน้ำตาลในเลือดตอน
00:05:02 → 00:05:05 ประมาณ 17:40 หรือก็คือราวๆชั่วโมงนึง
00:05:05 → 00:05:06 หลังกินนะครับ
00:05:06 → 00:05:07 >> ค่ะชั่วโมงนึง
00:05:07 → 00:05:10 >> ระดับน้ำตาลขึ้นไปสูงสุดแค่ 117 มกต่อ
00:05:10 → 00:05:11 เดซิลเอง
00:05:11 → 00:05:16 >> อื 117 mgdl นี่ถือว่าเป็นการตอบสนองของ
00:05:16 → 00:05:19 ระดับน้ำตาลที่ค่อนข้างดีเลยนะคะไม่ได้
00:05:19 → 00:05:22 พุ่งสูงปรี๊ดอย่างที่หลายๆคนกลัวเวลาทาน
00:05:22 → 00:05:22 ขาบ
00:05:22 → 00:05:23 >> นั่นสิครับ
00:05:23 → 00:05:25 >> แสดงว่าอินซูลินก็น่าจะหลังออกมาจัดการ
00:05:25 → 00:05:27 น้ำตาลได้อย่างเหมาะสมไม่ได้เกิดการ
00:05:28 → 00:05:29 กระชากขึ้นลงรุนแรง
00:05:29 → 00:05:33 >> ใช่ครับซึ่งตามการตีความในแหล่งข้อมูลเขา
00:05:33 → 00:05:36 ก็มองว่าเออนี่เป็นสัญญาณที่ดีนะว่าร่าง
00:05:36 → 00:05:39 กายเริ่มปรับตัวกับการจัดการคาร์โบไฮเดรต
00:05:39 → 00:05:42 ได้ดีขึ้นหลังจากที่อาจจะผ่านช่วงคุมเข้ม
00:05:42 → 00:05:43 มาแล้ว
00:05:43 → 00:05:43 >> ค่ะ
00:05:43 → 00:05:47 >> ทีนี้ดีปริมาณคฟที่เขาแนะนำสำหรับช่วง
00:05:47 → 00:05:50 rebalance หรือ rebalance เนี่ยคือ
00:05:50 → 00:05:51 ประมาณเท่าไหร่ครับ
00:05:51 → 00:05:54 >> แหล่งข้อมูลเขาแนะนำว่าในช่วงreบalance
00:05:54 → 00:05:57 ปรับปรับสมดุลเนี่ยนะคะปริมาณ
00:05:57 → 00:06:00 คาร์โบไฮเดรตสุทธิหรือเนตขาบอาจจะอยู่ที่
00:06:00 → 00:06:03 ประมาณ 100-150 กรัมต่อวันค่ะ
00:06:03 → 00:06:06 >> เดี๋ยวครับคาร์โบไฮเดรตสุทธิหรือเนตขาบ
00:06:06 → 00:06:10 เนี่ยมันคืออะไรต่างจากขาบรวมยังไงครับ
00:06:10 → 00:06:13 เผื่อบางท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยคำนี้
00:06:13 → 00:06:16 >> อ๋อเป็นคำถามที่ดีมากค่ะคือเน็ตขาบนะคะ
00:06:16 → 00:06:20 คือปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดในอาหารลบ
00:06:20 → 00:06:23 ด้วยปริมาณใยอาหารหรือไฟเบอร์ค่ะ
00:06:23 → 00:06:24 >> อ๋อลบไฟเบอร์ออก
00:06:24 → 00:06:27 >> ใช่ค่ะแนวคิดก็คือใยอาหารเนี่ยมันไม่ได้
00:06:27 → 00:06:30 ถูกย่อยและดูดซึมเป็นน้ำตาลเหมือนขาบชนิด
00:06:30 → 00:06:33 อื่นๆเราก็เลยหักลบออกไปเพื่อดูปริมาณขาบ
00:06:33 → 00:06:36 ที่จะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริงๆนะ
00:06:36 → 00:06:36 ค่ะ
00:06:36 → 00:06:37 >> ครับผม
00:06:37 → 00:06:40 >> ซึ่งค่า 100-150 กรัมต่อวันเนี้ยแหล่งข้อ
00:06:40 → 00:06:43 มูลเขาเรียกว่าเป็นระดับ Moderate Good
00:06:43 → 00:06:46 C หรือคาร์โบไฮเดรตดีระดับปานกลางแล้วก็
00:06:46 → 00:06:50 แนะนำให้แบ่งกินนะคะอาจจะ 2-3 มื้อไม่ควร
00:06:50 → 00:06:52 กินรวบทีเดียวในมื้อเดียวค่ะ
00:06:52 → 00:06:55 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับขอบคุณที่อธิบายเพิ่ม
00:06:55 → 00:06:58 ครับแสดงว่าเราก็ต้องดูฉลากโภชนาการหรือ
00:06:58 → 00:07:01 อาจจะต้องหาข้อมูลเพื่อคำนวณเน็ตขาบเอา
00:07:01 → 00:07:02 เอง
00:07:02 → 00:07:04 >> ใช่ค่ะอาจจะต้องคำนวณนิดนึง
00:07:04 → 00:07:07 >> ทีนี้แนวคิดเรื่อง Reset กับReบalanceที่
00:07:07 → 00:07:09 พูดถึงเมื่อกี้นี้ดูเหมือนจะเป็นหัวใจ
00:07:09 → 00:07:13 สำคัญเลยช่วยขยายความตรงนี้หน่อยได้มั้
00:07:13 → 00:07:15 ครับว่ามันคืออะไรกันแน่
00:07:15 → 00:07:18 >> ได้เลยค่ะอันนี้เป็นเหมือนกรอบความคิด
00:07:18 → 00:07:21 หรือเฟมวิร์คที่มีประโยชน์มากๆเลยนะคะใน
00:07:21 → 00:07:23 การมองเรื่องการปรับเปลี่ยนการกินของเรา
00:07:23 → 00:07:24 ครับ
00:07:24 → 00:07:27 >> รีตเนี่ยก็คือช่วงแรกที่เราอาจจะต้องคุม
00:07:27 → 00:07:30 คาร์โบไฮเดรตอย่างเข้มงวดหน่อยเช่นกินแบบ
00:07:30 → 00:07:33 โลคคราบหรือคีโตจุดประสงค์หลักๆเลยก็คือ
00:07:33 → 00:07:36 เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เรามีอยู่ตอนแรก
00:07:36 → 00:07:39 เช่นอาจจะลดภาวะดื้ออินซูลินลดน้ำหนัก
00:07:39 → 00:07:41 หรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้มันนิ่งๆ
00:07:42 → 00:07:42 ก่อน
00:07:42 → 00:07:43 >> อือฮึ
00:07:43 → 00:07:46 >> rebalance ก็คือช่วงถัดมาค่ะหลังจากที่
00:07:46 → 00:07:49 สุขภาพโดยรวมเราดีขึ้นแล้วร่างกายเริ่ม
00:07:49 → 00:07:51 ตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้นก็ถึงเวลาที่
00:07:52 → 00:07:54 เราจะปรับเข้าสู่สมดุดุลในระยะยาวซึ่งอาจ
00:07:55 → 00:07:57 จะไม่จำเป็นต้องคุมเข้มเท่าช่วงรีเซตอีก
00:07:57 → 00:07:59 ต่อไปแล้วเป็นการหาจุดที่มันเหมาะสมกับ
00:07:59 → 00:08:02 ร่างกายเราณเวลานั้นค่ะ
00:08:02 → 00:08:05 >> อ๋อเหมือนกับว่าเป็นการปรับเกียร์ให้เข้า
00:08:05 → 00:08:08 กับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ว่าต้อง
00:08:08 → 00:08:11 เหยียบคั้นเร่งคือคุมเข้มไปตลอดเวลา
00:08:11 → 00:08:14 >> ใช่เลยค่ะประเด็นสำคัญคือความยืดหยุ่นไม่
00:08:14 → 00:08:16 จำเป็นต้องติดอยู่กับวิธีการกินแบบช่วง
00:08:16 → 00:08:19 รีเซตไปตลอดชีวิตพอร่างกายเราดีขึ้นแล้ว
00:08:19 → 00:08:21 ก็ควรหาจุดสมดุลใหม่
00:08:21 → 00:08:22 >> ครับ
00:08:22 → 00:08:25 >> แหล่งข้อมูลเยังให้ข้อสังเกตด้วยนะคะว่า
00:08:25 → 00:08:28 แนวทางการกินในช่วงรีบซเนี่ยมักจะมีความ
00:08:28 → 00:08:31 คล้ายคลึงกับอาหารแนวเมดิเตอรเรเนียนที่
00:08:31 → 00:08:33 จะเน้นความสมดุลของสารอาหารหลากหลายทั้ง
00:08:33 → 00:08:36 โปรตีนไขมันดีแล้วก็คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
00:08:36 → 00:08:37 ด้วยค่ะ
00:08:37 → 00:08:40 >> น่าสนใจมากครับแล้วในกรณีศึกษาที่ว่า
00:08:40 → 00:08:43 เนี่ยครับทำไมผู้เขียนถึงตัดสินใจเปลี่ยน
00:08:43 → 00:08:46 จาก low car ที่เขาทำมาตั้ง 3 ปีน่ะมา
00:08:46 → 00:08:49 เป็น moderate good c นะครับทั้งๆที่ก็
00:08:49 → 00:08:52 ดูเหมือนว่า low cฟมันก็ได้ผลดีในการแก้
00:08:52 → 00:08:54 ปัญหาหาเดิมๆของเขาแล้วใช่มั้แหละครับ
00:08:54 → 00:08:56 >> อันนี้เป็นคำถามสำคัญเลยค่ะเหตุผลหลักๆ
00:08:56 → 00:08:59 ที่ผู้เขียนเขาให้ไว้นะคะคือถึงแม้ว่าโลค
00:08:59 → 00:09:02 จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องภาวะดื้ออินซูลินน้ำ
00:09:02 → 00:09:05 หนักเกินหรือลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ดี
00:09:05 → 00:09:06 มากๆก็ตาม
00:09:06 → 00:09:06 >> ครับ
00:09:06 → 00:09:09 >> แต่พอทำไปสักระยะหนึ่งแล้วร่างกายมันเข้า
00:09:09 → 00:09:12 ที่แล้วนะคะเขาเริ่มมองว่าเออร่างกายอาจ
00:09:12 → 00:09:15 จะต้องการกลูโคสโดยตรงจากคาร์โบไฮเดรต
00:09:15 → 00:09:18 บ้างในปริมาณที่มันเหมาะสมนะเพื่อไปช่วย
00:09:18 → 00:09:21 สนับสนุนการทำงานของฮอร์โมนบางตัวเช่น
00:09:21 → 00:09:23 ไทรรอยด์แล้วก็คอร์ดิซอลหรือฮอร์โมนความ
00:09:23 → 00:09:26 เครียดให้มันทำงานได้อย่างสมดุลมากขึ้น
00:09:26 → 00:09:29 >> อ๋อหมายความว่าฮอร์โมนพวกนี้จริงๆแล้วมัน
00:09:29 → 00:09:32 ก็ยังต้องการกลูโคสอยู่บ้าง
00:09:32 → 00:09:35 >> ใช่ค่ะแล้วผู้เขียนเขาก็ไม่อยากให้ร่าง
00:09:35 → 00:09:38 กายต้องพึ่งพากระบวนการเอ่อที่เรียกว่า
00:09:38 → 00:09:41 กลูโคนิโอเจนesมากจนเกินไปในระยะยาวนะค่ะ
00:09:41 → 00:09:47 >> อ๋อกลูโคอะไรนะครับชื่อยาวจังช่วยอธิบาย
00:09:47 → 00:09:48 ศัพท์คำนี้หน่อยได้มั้ครับ
00:09:48 → 00:09:50 >> กลูโคนิโจนes
00:09:50 → 00:09:53 ค่ะชื่นนิดนึงนะคะมันคือกระบวนการที่ร่าง
00:09:53 → 00:09:57 กายเราสร้างกลูโคสหรือน้ำตาลขึ้นมาเองจาก
00:09:57 → 00:09:59 สารอาหารที่ไม่ใช่คาร์โบไฮเดรตค่ะเช่นอาจ
00:09:59 → 00:10:01 จะจากโปรตีนหรือไขมันบางส่วน
00:10:01 → 00:10:03 >> อ่อสร้างน้ำตาลเอง
00:10:03 → 00:10:06 >> ใช่ค่ะซึ่งจริงๆมันเป็นกระบวนการปกติที่
00:10:06 → 00:10:08 เกิดขึ้นอยู่แล้วนะคะโดยเฉพาะเวลาเราอด
00:10:08 → 00:10:11 อาหารนานๆหรือว่ากินขาบต่ำมากๆ
00:10:11 → 00:10:11 >> ครับ
00:10:11 → 00:10:14 >> แต่ผู้เขียนในกรณีศึกษานี้เขามองว่าการ
00:10:14 → 00:10:17 ต้องพึ่งพากระบวนการนี้มากไปตลอดเวลาอาจ
00:10:17 → 00:10:20 จะไม่ใช่ภาวะที่สมดุลที่สุดสำหรับร่างกาย
00:10:20 → 00:10:23 ในระยะยาวเขาเลยเลือกที่จะเติม
00:10:23 → 00:10:26 คาร์โบไดเอตเข้าไปในปริมาณปานกลางเพื่อ
00:10:26 → 00:10:29 ให้ร่างกายได้กลูโคสโดยตรงไปใช้บ้างค่ะ
00:10:29 → 00:10:32 >> อ๋อพอเข้าใจภาพรวมแล้วครับเป็นการมองถึง
00:10:32 → 00:10:35 ความสมดุลในระยะยาวจริงๆนะครับเนี่ย
00:10:35 → 00:10:38 >> แต่ต้องย้ำนะคะอันนี้สำคัญมากว่านี่เป็น
00:10:38 → 00:10:41 การตัดสินใจส่วนบุคคลของผู้เขียนเองนะคะ
00:10:41 → 00:10:44 จากการที่เขาสังเกตแล้วก็ประเมินร่างกาย
00:10:44 → 00:10:46 ของตัวเองณจุดนั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคน
00:10:46 → 00:10:49 ที่ทำโลคอยู่จะต้องเปลี่ยนมาเป็น moderate
00:10:49 → 00:10:51 cup เหมือนกันหมดนะคะ
00:10:51 → 00:10:52 >> ครับ
00:10:52 → 00:10:54 >> มันขึ้นอยู่กับเป้าหมายสภาพร่างกายแล้วก็
00:10:54 → 00:10:57 การตอบสนองของแต่ละคนจริงๆค่ะเข้าใจเลย
00:10:57 → 00:11:01 ครับเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆทีนี้มีอีก
00:11:01 → 00:11:04 ประเด็นนึงที่ผมว่าน่าสนใจจากแหล่งข้อมูล
00:11:04 → 00:11:07 คือมุมมองของผู้เขียนเกี่ยวกับอาหารคลีน
00:11:07 → 00:11:10 นะครับเขาดูไม่ค่อยยึดติดกับภาพจำเดิม
00:11:10 → 00:11:13 เท่าไหร่เลยใช่ครับเขาเล่าประมาณว่าไม่
00:11:13 → 00:11:16 ได้เคร่งครัดกับนิยามคำว่าคลีนแบบที่ต้อง
00:11:16 → 00:11:19 จืดชืดหรือว่าต้องเลี่ยงไขมันสุดสุดไปเลย
00:11:19 → 00:11:20 >> ค่ะ
00:11:20 → 00:11:23 >> ตัวอย่างอาหารที่เขาชอบแล้วก็ยังกินอยู่
00:11:23 → 00:11:27 ก็มีทั้งแบบเนื้อติดมันไก่ต้มติดหนังต้ม
00:11:27 → 00:11:30 ยำขาหมูหรือแม้แต่กะเพราตับไก่อะไรแบบนี้
00:11:30 → 00:11:30 เลยนะครับ
00:11:30 → 00:11:34 >> โหซังดูอร่อยเลยนะคะซึ่งมันก็สะท้อนว่า
00:11:34 → 00:11:36 การกินเพื่อสุขภาพในมุมมองของเขาเนี่ยคือ
00:11:36 → 00:11:40 การเลือกวัตถุดิบที่ดีปรุงแต่งน้อยแต่ก็
00:11:40 → 00:11:42 ยังมีความหลากหลายแล้วก็อร่อยได้
00:11:42 → 00:11:43 >> ใช่ๆ
00:11:43 → 00:11:45 >> ไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่กับเอ่อ
00:11:45 → 00:11:48 อกไก่ต้มพับลวกตลอดไปอะไรแบบนั้นค่ะ
00:11:48 → 00:11:51 >> ทำให้เห็นภาพเลยครับว่าการรีบanceซเนี่ย
00:11:51 → 00:11:53 มันไม่ใช่แค่เรื่องปริมาณขาบอย่างเดียว
00:11:53 → 00:11:56 แต่ยังรวมถึงทัศนคติที่เรามีต่ออาหารโดย
00:11:56 → 00:11:59 รวมด้วยที่มันมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
00:11:59 → 00:12:02 >> ถูกต้องเลยค่ะมันคือการหาจุดที่ลงตัวทั้ง
00:12:02 → 00:12:04 ทางร่างกายแล้วก็ทางจิตใจด้วย
00:12:04 → 00:12:07 >> โอเคงั้นเรามาลองสรุปประเด็นสำคัญๆคัญจาก
00:12:08 → 00:12:09 การเจาะลึกข้อมูลในวันนี้กันหน่อยดีกว่า
00:12:10 → 00:12:13 ครับข้อแรกเลยที่ผมจับได้คือการกินคาบดี
00:12:13 → 00:12:16 ในมื้อเย็นในปริมาณที่เหมาะสมเนี่ยอาจจะ
00:12:16 → 00:12:18 ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ่ะค่ะ
00:12:18 → 00:12:20 >> และสำหรับบางคนอาจจะเป็นทางเลือกที่เป็น
00:12:20 → 00:12:23 ไปได้ในช่วง balance เพื่อช่วยเรื่อง
00:12:23 → 00:12:25 สมดุลฮอร์โมนแล้วก็การตอบสนองของอินซูลิน
00:12:25 → 00:12:26 ด้วย
00:12:26 → 00:12:29 >> ใช่ค่ะแล้วก็กรอบความคิดเรื่องรีetกับ
00:12:29 → 00:12:32 rebalance อันเนี้ก็มีประโยชน์มากเลยนะ
00:12:32 → 00:12:35 คะช่วยให้เรามองว่าการปรับการกินเนี่ยมัน
00:12:35 → 00:12:37 เป็นกระบวนการที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตาม
00:12:37 → 00:12:40 สภาพร่างกายเราไม่ใช่กดตายตัวที่ต้องยึด
00:12:40 → 00:12:41 ติดไปตลอด
00:12:41 → 00:12:45 >> ครับผมส่วนปริมาณที่แนะนำในแหล่งข้อมูล
00:12:45 → 00:12:48 สำหรับช่วง rebalance ก็คือเน็ตประมาณ
00:12:48 → 00:12:52 100-150 กรัมต่อวันหรือ Moderate Good
00:12:52 → 00:12:52 C ครับ
00:12:52 → 00:12:53 >> ค่ะ
00:12:53 → 00:12:55 >> แต่ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่าอันนี้เป็นแค่
00:12:55 → 00:12:58 แนวทางกว้างๆนะครับตัวเลขที่เหมาะสมจริงๆ
00:12:58 → 00:13:00 ของแต่ละคนอาจจะต่างกันไป
00:13:00 → 00:13:03 >> ใช่เลยค่ะและที่สำคัญที่สุดก็คือความยืด
00:13:03 → 00:13:06 หยุ่นการไม่สุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งการฟัง
00:13:06 → 00:13:09 เสียงร่างกายตัวเองแล้วก็การเปิดรับความ
00:13:09 → 00:13:12 รู้ใหม่ๆอยู่เสมอเพื่อนำมาปรับใช้ให้
00:13:12 → 00:13:15 เหมาะกับเรามากที่สุดณเวลานั้นๆค่ะ
00:13:15 → 00:13:18 >> โหการเดินทางสู่สุขภาพที่ดีนี่มันเฉพาะ
00:13:18 → 00:13:19 ตัวจริงๆนะครับ
00:13:19 → 00:13:22 >> แน่นอนค่ะแล้วก็มีคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ
00:13:22 → 00:13:24 เกิดขึ้นจากเรื่องที่เราคุยกันวันนี้นะคะ
00:13:24 → 00:13:27 คือหลังจากได้ฟังแนวคิดแล้วก็กรณีศึกษา
00:13:27 → 00:13:30 นี้แล้วเนี่ยลองกลับไปพิจารณาสัญญาณจาก
00:13:30 → 00:13:34 ร่างกายตัวเองดูมั้ยคะว่ามีอะไรที่อาจจะ
00:13:34 → 00:13:37 กำลังบอกเราว่าถึงเวลาต้องทบทวนหรืออาจจะ
00:13:37 → 00:13:40 ถึงเวลารีบาalanceซรูปแบบการกินที่เรา
00:13:40 → 00:13:41 เป็นอยู่ตอนนี้แล้วหรือยัง
00:13:41 → 00:13:44 >> โหเป็นคำถามที่น่าคิดตามมากเลยครับ
00:13:44 → 00:13:47 >> ใช่ค่ะการตั้งคำถามกับตัวเองแบบนี้แล้วก็
00:13:47 → 00:13:49 ถ้าไม่แน่ใจนะคะการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
00:13:49 → 00:13:52 อย่างคุณหมอหรือนักโภชนาการเพื่อหาแนวทาง
00:13:52 → 00:13:55 เฉพาะบุคคลก็อาจจะเป็นก้าวต่อไปที่ดีมากๆ
00:13:55 → 00:13:57 เลยค่ะเพื่อสร้างสุขภาพที่ยั่งยืนในแบบ
00:13:57 → 00:14:04 ฉบับของเราเองค่ะ
00:14:04 → 00:14:17 [เพลง]