00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcส talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:07 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่วิตามินดีเนี่ยนะ
00:00:07 → 00:00:10 จะช่วยให้เราแก่ช้าลงได้จริงหรอวันนี้เรา
00:00:10 → 00:00:13 มาดูกันดีกว่าครับว่าเบื้องหลังความเชื่อ
00:00:13 → 00:00:15 เนี้ยมันเป็นแค่เรื่องเล่าลือกันไปหรือ
00:00:15 → 00:00:18 ว่ามันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จริงๆมารอง
00:00:18 → 00:00:20 รับโอ้โหเรื่องทั้งหมดมันเลื่อนมาจากพาด
00:00:20 → 00:00:23 หัวข่าวที่แบบตื่นเต้นสุดๆแบบนี้เลยครับ
00:00:23 → 00:00:26 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้ววิตามินดีชะลอ
00:00:26 → 00:00:29 ความแก่ได้คือพอได้ยินแบบนี้ใครบ้างล่ะ
00:00:29 → 00:00:31 ครับจะไม่อยากรู้ต่อถูกมั้ครับแน่นอนว่า
00:00:32 → 00:00:35 แป๊บเดียวกลายเป็นกระแสไปทั่วโลกเลยแต่
00:00:35 → 00:00:37 ว่าเราก็ต้องมาตั้งคำถามกันหน่อยนะครับ
00:00:37 → 00:00:41 ว่าเอ๊เรื่องราวมันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
00:00:41 → 00:00:43 หรือว่าจริงๆแล้วมันมีรายละเอียดอะไรบาง
00:00:43 → 00:00:45 อย่างที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังพาดหัวข่าวพวก
00:00:45 → 00:00:48 นี้กันแน่นะครับโอเคครับเพื่อหาคำตอบ
00:00:48 → 00:00:50 เนี่ยเรามาเริ่มเจาะลึกกันที่ต้นตอของ
00:00:50 → 00:00:52 เรื่องทั้งหมดกันเลยดีกว่าก็คืองานวิจัย
00:00:52 → 00:00:55 ที่ทำให้เกิดพาดหัวข่าวนี้ขึ้นมานั่นเอง
00:00:55 → 00:00:57 ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าที่มาของข่าวนี้
00:00:57 → 00:01:00 เนี่ยไม่ใช่การศึกษาไกลอะไรเลยนะแต่ว่า
00:01:00 → 00:01:03 มันมาจากการศึกษาย่อยของโครงการวิจัยที่
00:01:03 → 00:01:07 ใหญ่มากๆชื่อว่า Vital ครับเขาทดลองให้
00:01:07 → 00:01:11 วิตามินดี 2,000 IU ต่อวันกับกลุ่มตัว
00:01:11 → 00:01:14 อย่างที่แบบโอ้โหมหาศาลมาก 25,000 คนเลย
00:01:14 → 00:01:17 ทีเดียวแล้วนี่แหละครับคือข้อค้นพบที่ทำ
00:01:17 → 00:01:19 เอาทุกคนต้องทึ่งเขาเจอว่าการเสริม
00:01:19 → 00:01:22 วิตามินดีเนี่ยดูเหมือนว่าจะช่วยรักษา
00:01:22 → 00:01:25 ความยาวของสิ่งที่เรียกว่าเทโลเมียเอาไว้
00:01:25 → 00:01:28 ได้ถึง 140 คู่เบสเลยนะครับซึ่งเจ้า
00:01:28 → 00:01:30 เทโลเมียเนี่ยมันเป็นเหมือนตัวชี้วัดความ
00:01:30 → 00:01:33 ชราของเซลล์ฟังดูแล้วเป็นตัวเลขที่น่า
00:01:33 → 00:01:35 ประทับใจมากๆเลยใช่มั้ยครับเดี๋ยวเรามาดู
00:01:35 → 00:01:37 กันต่อนะครับว่าเทโลเมียเนี่ยมันคืออะไร
00:01:37 → 00:01:40 กันแน่เอาล่ะครับก่อนที่เราจะไปวิเคราะห์
00:01:40 → 00:01:43 ผลลัพธ์กันต่อเนี่ยเราต้องมาทำความรู้จัก
00:01:43 → 00:01:45 กับพระเอกของเรื่องนี้กันก่อนเลยนั่นก็
00:01:45 → 00:01:48 คือเทโลเมียนี่แหละครับมันคืออะไรแล้ว
00:01:48 → 00:01:52 ทำไมมันถึงสำคัญกับความแก่ของเราขนาดนั้น
00:01:52 → 00:01:54 ลองนึกภาพตามง่ายๆเลยนะครับเทโลเมียเนี่ย
00:01:54 → 00:01:57 มันก็เหมือนกับปลอกพลาสติกแข็งๆที่อยู่
00:01:57 → 00:01:59 ตรงปลายเชือกรองเท้าอ่ะ
00:01:59 → 00:02:01 หน้าที่ของมันก็คือคอยป้องกันไม่ให้ปลาย
00:02:01 → 00:02:03 โครโมโซมของเราเนี่ยมันเสียหายหรือว่า
00:02:03 → 00:02:06 รุ่ยออกมากระบวนการมันเป็นแบบนี้ครับคือ
00:02:06 → 00:02:08 ทุกๆครั้งที่เซลล์ในร่างกายเรามันแบ่งตัว
00:02:08 → 00:02:11 ใช่มั้ครับเจ้าเทอโลเมียเนี่ยมันจะหดสั้น
00:02:11 → 00:02:13 ลงทีละนิดๆเหมือนกับนาฬิกาที่มันกำลังนับ
00:02:13 → 00:02:16 ถอยหลังเลยพอแบ่งตัวไปหลายๆครั้งเข้าจน
00:02:16 → 00:02:19 มันสั้นถึงจุดหนึเซลล์มันก็จะหยุดแบ่งตัว
00:02:19 → 00:02:22 ครับแล้วก็เข้าสู่สภาวะที่เรียกว่าเซลล์
00:02:22 → 00:02:25 ชารภาพหรือพูดง่ายๆก็คือเซลล์แก่นั่นแหละ
00:02:25 → 00:02:28 ครับทีนี้ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ
00:02:28 → 00:02:30 ไอ้เจ้าเซลล์ชราพวกนี้เนี่ยมันไม่ได้อยู่
00:02:30 → 00:02:33 เฉยๆนะแต่มันจะปล่อยสารเคมีออกมาซึ่งสาร
00:02:33 → 00:02:35 พวกนี้แหละครับที่ไปกระตุ้นให้เกิดการ
00:02:35 → 00:02:38 อักเสบในบริเวณรอบๆแล้วการอักเสบนี่แหละ
00:02:38 → 00:02:40 ครับคือหนึ่งในตัวการสำคัญเลยนะที่เร่ง
00:02:40 → 00:02:44 ให้ร่างกายของเราแก่เร็วขึ้นเอาล่ะครับพอ
00:02:44 → 00:02:46 เราเข้าใจเรื่องเทโลเมียกันแล้วเนี่ยที
00:02:46 → 00:02:49 นี้ก็ได้เวลาสวมบทเป็นนักสืบกันแล้วเราจะ
00:02:49 → 00:02:52 ย้อนกลับไปตรวจสอบไอ้ตัวเลข 140 คู่เบส
00:02:52 → 00:02:54 ที่ดูหน้าทึ่งนั้นกันอีกทีว่าจริงๆแล้ว
00:02:54 → 00:02:57 มันมีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่าคำถามถามแรก
00:02:57 → 00:03:00 เลยที่เราต้องสงสัยเลยก็คือไอ้ตัวเลข 140
00:03:00 → 00:03:03 คู่เบสที่ว่าเนี่ยมันเป็นค่าที่แม่นยำ
00:03:03 → 00:03:07 จริงๆเหรอมันใช่ของจริงหรือเปล่าและนี่
00:03:07 → 00:03:11 แหละครับคือรอยร้าวแรกของหลักฐานชิ้นนี้
00:03:11 → 00:03:13 คือในงานวิจัยนี้เนี่ยเขาใช้วิธีที่เรียก
00:03:13 → 00:03:17 ว่า QPCR ในการวัดความยาวของเทโลเมีย
00:03:17 → 00:03:21 ปัญหาคืออะไรทราบมั้ครับปัญหาก็คือตัวเลข
00:03:21 → 00:03:24 140 คู่เบสที่วัดได้เนี่ยมันดันไปอยู่ใน
00:03:24 → 00:03:26 ช่วงความคลาดเคลื่อนของเครื่องมือวัดพอดี
00:03:26 → 00:03:29 เป๊ะเลยคือถ้าจะให้อธิบายง่ายๆนะครับมัน
00:03:29 → 00:03:31 ก็เหมือนกับเราใช้ไม้บรรทัดที่สเกลมันไม่
00:03:31 → 00:03:35 ละเอียดพอแล้วเราก็บอกว่าของชิ้นนึงมัน
00:03:35 → 00:03:37 ยาวขึ้นมานิดนึงทั้งที่จริงๆแล้วมันอาจจะ
00:03:37 → 00:03:39 เป็นแค่ความผิดพลาดจากการอ่านค่าของเรา
00:03:39 → 00:03:42 เองก็ได้นึกออกมั้ครับแต่เดี๋ยวก่อน
00:03:42 → 00:03:45 เดี๋ยวก่อนนะครับโอเคสมมุติสมมุติว่าตัว
00:03:45 → 00:03:49 เลข 140 คู่เบสนั่นน่ะมันเป็นของจริงและ
00:03:49 → 00:03:53 แม่นยำ 100% เลยคำถามต่อไปก็คือแล้วไอ้
00:03:53 → 00:03:55 ความเปลี่ยนแปลงที่มันน้อยนิดแค่เนี้ย
00:03:55 → 00:03:57 เนี่ยมันส่งผลอะไรกับสุขภาพของเราอย่างมี
00:03:58 → 00:04:02 ความหมายจริงๆเหรอคือข้อมูลจาก UK Biobง
00:04:02 → 00:04:05 นะครับซึ่งเป็นฐานข้อมูลสุขภาพที่ใหญ่มาก
00:04:05 → 00:04:08 ๆของอังกฤษเลยเขาชี้ว่าเทโรเมียที่สั้นลง
00:04:08 → 00:04:10 เนี่ยมันก็สัมพันธ์กับความเสี่ยงในการ
00:04:10 → 00:04:14 เสียชีวิตที่สูงขึ้นประมาณ 8% ซึ่งถึงแม้
00:04:14 → 00:04:16 ว่ามันจะมีความเชื่อมโยงกันแต่ก็ต้องบอก
00:04:16 → 00:04:18 ว่ามันเป็นตัวเลขที่ไม่สูงมากนักและที่
00:04:18 → 00:04:20 สำคัญที่สุดเลยนะครับคือนี่มันเป็นแค่
00:04:20 → 00:04:23 ความสัมพันธ์นะครับไม่ใช่สาเหตุโดยตรงและ
00:04:23 → 00:04:26 นี่ก็เป็นคำยืนยันจากตัวผู้เขียนไงงาน
00:04:26 → 00:04:29 วิเคราะห์ชิ้นสำคัญเองเลยนะครับเขาสรุป
00:04:29 → 00:04:31 เอาไว้ชัดเจนมากว่าการจะใช้ความยาวของ
00:04:31 → 00:04:33 เทโรเมียอย่างเดียวเพื่อมาทำนายสุขภาพ
00:04:33 → 00:04:36 เนี่ยมีประโยชน์ค่อนข้างจำกัดครับพูดง่าย
00:04:36 → 00:04:39 ๆก็คือมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดที่วิเศษ
00:04:39 → 00:04:42 อะไรขนาดนั้นเลยและแล้วก็มาถึงคำถามที่
00:04:42 → 00:04:44 สำคัญที่สุดครับในงานวิจัย Vital อันนี้
00:04:44 → 00:04:47 เองเนี่ยไอ้การเปลี่ยนแปลงของเทโลเมียที่
00:04:47 → 00:04:49 ว่าเนี่ยนะมันส่งผลให้คนที่เข้าร่วมการทด
00:04:49 → 00:04:52 ลองเ้ามีสุขภาพที่ดีขึ้นจริงๆหรือเปล่า
00:04:52 → 00:04:54 และคำตอบที่ชัดเจนที่สุดมันก็อยู่บนตาราง
00:04:54 → 00:04:56 นี้เลยครับนี่คือผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่
00:04:56 → 00:04:59 สำคัญๆจากงานวิจัย Vital โดยตรงเลยนะจะ
00:04:59 → 00:05:01 เห็นได้เลยว่ากลุ่มที่ได้รับวิตามินดีอ่ะ
00:05:01 → 00:05:03 ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายไม่ได้
00:05:03 → 00:05:05 ช่วยลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองแล้วก็
00:05:06 → 00:05:08 ไม่ได้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตโดยรวมเลย
00:05:08 → 00:05:10 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับสรุปง่ายๆ
00:05:10 → 00:05:13 ก็คือแม้ว่าเทโลเมียอาจจะดูดีขึ้นซึ่งอัน
00:05:13 → 00:05:15 นี้ก็ยังน่าสงสัยอยู่แต่มันไม่ได้ทำให้คน
00:05:15 → 00:05:19 สุขภาพดีขึ้นจริงๆในงานวิจัยนี้เลยครับผล
00:05:19 → 00:05:21 ลัพธ์ที่มันออกมาน่าผิดหวังแบบนี้อาจจะทำ
00:05:21 → 00:05:24 ให้หลายคนสงสัยว่าอ้าวและไอ้ความเชื่อ
00:05:24 → 00:05:26 เรื่องวิตามินดีที่ได้ยินกันมาตลอดเนี่ย
00:05:26 → 00:05:29 มันมาจากไหนกันแน่เพื่อให้เข้าใจเรื่อง
00:05:29 → 00:05:31 นี้ครับเราต้องถอยออกมามองภาพที่มันใหญ่
00:05:31 → 00:05:34 ขึ้นมาดูเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์เกี่ยว
00:05:34 → 00:05:36 กับวิตามินดีที่มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
00:05:36 → 00:05:39 ตามกาลเวลากันครับไทม์ไลน์นี้สรุปเรื่อง
00:05:39 → 00:05:41 ราวทั้งหมดได้ดีเลยครับมันเริ่มมาจากช่วง
00:05:41 → 00:05:44 ยุค 2,000 ที่มีความตื่นเต้นกันมากจากงาน
00:05:44 → 00:05:48 วิจัยเชิงสังเกตการไปจนถึงจุดพีคสุดๆในปี
00:05:48 → 00:05:51 2010 ที่มีการแนะนำให้ทานวิตามินดีใน
00:05:51 → 00:05:54 ปริมาณที่สูงมากแต่พอเข้าสู่ช่วงปี
00:05:54 → 00:05:57 2010-20 20 พอมีการทดลองทางคลินิกที่
00:05:57 → 00:06:00 มันเข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆผลลัพธ์กลับน่า
00:06:00 → 00:06:02 ผิดหวังซะงั้นจนมาถึงปัจจุบันนี้แหละครับ
00:06:02 → 00:06:05 ที่มุมมองของเราเปลี่ยนไปคือเราจะแนะนำใน
00:06:05 → 00:06:08 ปริมาณที่เหมาะสมแล้วก็เฉพาะเจาะจงกับบาง
00:06:08 → 00:06:11 กลุ่มคนเท่านั้นมันไม่ใช่ยาวิเศษสำหรับ
00:06:11 → 00:06:14 ทุกคนอีกต่อไปแล้วครับโอเคเมื่อเราได้
00:06:14 → 00:06:16 เห็นกันแล้วนะครับว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับ
00:06:16 → 00:06:19 การชะลอวัยด้วยวิตามินดีเนี่ยมันอาจจะไม่
00:06:19 → 00:06:21 ใช่เรื่องจริงทั้งหมดทีนี้เรามาดูกันดี
00:06:21 → 00:06:24 กว่าครับว่าแล้วอะไรล่ะที่หลักฐานทาง
00:06:24 → 00:06:26 วิทยาศาสตร์เขายืนยันจริงๆว่ามันสำคัญต่อ
00:06:26 → 00:06:30 การมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวคำพูดนี้ย้ำ
00:06:30 → 00:06:33 เตือนเราได้ดีมากๆเลยนะครับว่าการที่เรา
00:06:33 → 00:06:36 ไปหมกมุ่นกับตัวชี้วัดใหม่ๆที่มันดูน่า
00:06:36 → 00:06:38 ตื่นเต้นอย่างเทโลเมียเพียงอย่างเดียว
00:06:38 → 00:06:40 เนี่ยมันอาจจะทำให้เรามองข้ามปัจจัยพื้น
00:06:40 → 00:06:43 ฐานที่มันพิสูจน์แล้วว่าสำคัญกว่ามากๆไป
00:06:43 → 00:06:47 เลยก็ได้และนี่แหละครับคือสิ่งที่เราควร
00:06:47 → 00:06:49 จะให้ความสำคัญกันอย่างแท้จริงมันอาจจะ
00:06:49 → 00:06:52 เป็นตัวชี้วัดที่ดูน่าเบื่อที่เรารู้จัก
00:06:52 → 00:06:55 กันดีอยู่แล้วแต่สิ่งเหล่านี้ต่างหากครับ
00:06:55 → 00:06:57 ที่ได้รับการพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า
00:06:57 → 00:07:00 ว่าสามารถทำนายสุขภาพในระยะยาวได้อย่าง
00:07:00 → 00:07:03 แม่นยำไม่ว่าจะเป็นดัชนีมวลกายหรือ BMI
00:07:03 → 00:07:07 ระดับไขมันเร็วอย่าง LDL และ A4 ความดัน
00:07:07 → 00:07:09 โลหิตหรือแม้แต่ความฟิตของร่างกายจากการ
00:07:09 → 00:07:12 ออกกำลังกายครับจุดที่สำคัญที่สุดก็คือ
00:07:12 → 00:07:14 ไอ้เจ้าตัวชี้วัดพื้นฐานพวกนี้แหละครับ
00:07:14 → 00:07:17 ที่เป็นตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้
00:07:17 → 00:07:20 จริงเมื่อเราพูดถึงสุขภาพในระยะยาวการใส่
00:07:20 → 00:07:23 ใจกับสิ่งเหล่านี้เนี่ยให้ผลที่ดีกว่าการ
00:07:23 → 00:07:25 วิ่งตามหาทางรัฐที่ยังไม่มีการพิสูจน์ที่
00:07:25 → 00:07:28 ชัดเจนอย่างเทียบกันไม่ติดเลยครับสุดท้าย
00:07:28 → 00:07:31 นี้เรื่องราวของวิตามินดีก็ทิ้งคำถามที่
00:07:31 → 00:07:34 สำคัญมากๆไว้ให้เราได้คิดกันนะครับว่าใน
00:07:34 → 00:07:37 การดูแลสุขภาพเนี่ยเรากำลังไล่ตามความลับ
00:07:37 → 00:07:40 ใหม่ๆที่มันดูน่าตื่นเต้นอยู่หรือเปล่า
00:07:40 → 00:07:43 หรือว่าจริงๆแล้วเราแค่กำลังเพิกเฉยต่อคำ
00:07:43 → 00:07:45 ตอบที่มันเรียบง่ายแต่ได้ผลจริงซึ่งมันก็
00:07:45 → 00:07:49 อยู่ตรงหน้าเรามาโดยตลอดกันเนี่ยนะ
00:07:49 → 00:07:53 >> ช่วงนี้มีข่าวสุขภาพเยอะมากเลยนะคะล่าสุด
00:07:53 → 00:07:56 เนี่ยมีพาดหัวนึงน่าสนใจมากบอกว่ามีงาน
00:07:56 → 00:07:59 วิจัยใหม่บอกว่าวิตามินดีอาจจะช่วยชะลอ
00:07:59 → 00:08:01 ความแก่ได้
00:08:01 → 00:08:04 >> ครับได้ยินเหมือนกันครับพาดหัวแบบนี้ดึง
00:08:04 → 00:08:06 ดูดความสนใจได้ดีเลย
00:08:06 → 00:08:08 >> ใช่ค่ะฟังแล้วตื่นเต้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้
00:08:08 → 00:08:11 ว่าเอ๊ะมันจริงแค่ไหนกันแน่งานวิจัยเขา
00:08:11 → 00:08:14 ว่ายังไงกันแน่แล้วเราต้องเอ่อรีบไปซื้อ
00:08:14 → 00:08:16 วิตามินดีมากินเพิ่มหรือว่าต้องไปตรวจ
00:08:16 → 00:08:18 เลือดเลยมั้คะเนี่ย
00:08:18 → 00:08:21 >> เป็นคำถามที่ดีมากครับเพราะพาดหัวข่าวมัน
00:08:21 → 00:08:23 ก็อาจจะไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดเนาะ
00:08:23 → 00:08:25 ค่ะวันนี้เราเลยอยากจะมาคุยกันเรื่องนี้
00:08:25 → 00:08:28 แบบเจาะลึกกันหน่อยค่ะจะมาดูว่างานวิจัย
00:08:28 → 00:08:31 ที่เขาเชื่อมโยงวิตามินดีกับสิ่งที่เรียก
00:08:31 → 00:08:34 ว่าที่เกี่ยวกับความชราเนี่ยมันเป็นยังไง
00:08:34 → 00:08:35 กันแน่
00:08:35 → 00:08:36 >> ดีเลยครับ
00:08:36 → 00:08:38 >> ข้อมูลที่เราจะคุยกันวันนี้ก็อ้างเองมา
00:08:38 → 00:08:41 จากการวิเคราะห์งานวิจัยชิ้นสำคัญเลยนะคะ
00:08:41 → 00:08:43 มาจากวดีโอ New Vitamin D study on
00:08:43 → 00:08:46 Telomas and Aging ของช่อง Dr. Br
00:08:46 → 00:08:48 stfield บน YouTube ค่ะ
00:08:48 → 00:08:50 >> อ๋อครับช่องนี้ให้ข้อมูลน่าเชื่อถือดี
00:08:50 → 00:08:51 ครับ
00:08:51 → 00:08:54 >> ใช่ค่ะเป้าหวายของเราวันนี้ก็คืออยากจะ
00:08:54 → 00:08:57 กลั่นกรองข้อมูลจริงๆอ่ะค่ะว่างานวิจัย
00:08:57 → 00:09:00 เขาเจออะไรกันแน่มันมีผลต่อความเข้าใจ
00:09:00 → 00:09:03 เรื่องความแก่ของเรายังไงแล้วเราควรจะทำ
00:09:03 → 00:09:06 ยังไงต่อดีโดยเฉพาะเรื่องว่าต้องกิน
00:09:06 → 00:09:08 วิตามินดีเท่าไหร่ต้องตรวจเลือดมั้ยอะไร
00:09:08 → 00:09:09 แบบเนี้ยค่ะ
00:09:09 → 00:09:12 >> ครับมาทำความเข้าใจข้อเท็จจริงกันครับ
00:09:12 → 00:09:14 >> เอาล่ะค่ะงั้นเริ่มที่ตัวงานวิจัยต้น
00:09:14 → 00:09:17 เรื่องเลยนะคะข้อมูลที่ทำให้เป็นข่าว
00:09:17 → 00:09:19 เนี่ยจริงๆมันมาจากงานวิจัยย่อยที่เป็น
00:09:19 → 00:09:22 ส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยใหญ่มากๆชื่อ
00:09:22 → 00:09:23 White Study
00:09:23 → 00:09:26 >> อ๋อ Vital Study นี่ใหญ่จริงครับศึกษาคน
00:09:26 → 00:09:27 เป็นหมื่นๆเลย
00:09:27 → 00:09:31 >> ใช่ค่ะโครงการนี้เขาศึกษาผลของวิตามินดี
00:09:31 → 00:09:33 กับโอเมก้า 3 ในผู้ใหญ่ชาวอเมริกันกว่า
00:09:34 → 00:09:37 25,000 คนทำกันนานหลายปีเลย
00:09:37 → 00:09:39 >> ครับผมแล้วงานวิจัยย่อยเรื่องเทโลเมียนี่
00:09:39 → 00:09:40 เขาทำยังไงครับ
00:09:40 → 00:09:43 >> ในส่วนย่อยที่เกี่ยวกับเทโลเมียเนี่ยเขา
00:09:43 → 00:09:45 ก็ติดตามผู้เข้าร่วมส่วนหนึ่งจากไวทไม่โถ
00:09:45 → 00:09:47 ค่ะแล้วก็วัดความยาวเทโรเมียในเม็ดเลือด
00:09:48 → 00:09:51 ขาวตอนเริ่มโครงการแล้วก็วัดซ้ำอีกทีตอน 2
00:09:51 → 00:09:53 ปีกับ 4 ปี
00:09:53 → 00:09:55 >> อืวัดกันหลายครั้งเลย
00:09:55 → 00:09:58 >> ค่ะกลุ่มตัวอย่างก็แบ่งเหมือนหลักเลยคือ
00:09:58 → 00:10:02 มีกลุ่มได้วิตามินดี 2,000 IU ต่อวัน
00:10:02 → 00:10:04 กลุ่มได้โอเมก้า 3 กลุ่มได้ทั้ง 2 อย่าง
00:10:04 → 00:10:06 แล้วก็กลุ่มที่ได้ยาหลอกค่ะ
00:10:06 → 00:10:09 >> ครับชัดเจนครับแล้วผลเป็นยังไงบ้างครับ
00:10:09 → 00:10:13 >> ผลในส่วนเทโลเมียนะคะเขาพบว่าโอเมก้า 3
00:10:13 → 00:10:16 เนี่ยดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรชัดเจนแต่ว่า
00:10:16 → 00:10:19 กลุ่มที่ได้วิตามินดี 2,000 IU ต่อวัน
00:10:19 → 00:10:22 เอ่อดูเหมือนว่าจะมีการหดสั้นลงของ
00:10:22 → 00:10:24 เทโรเมียช้ากว่ากลุ่มยาหลอกค่ะ
00:10:24 → 00:10:27 >> อ๋อช้ากว่าหรอครับต่างกันเยอะมั้ครับ
00:10:27 → 00:10:30 >> ความแตกต่างอยู่ที่ประมาณ 140 คู่เบสตลอด
00:10:30 → 00:10:33 4 ปีค่ะนี่แหละค่ะตัวเลขที่เป็นประเด็น
00:10:33 → 00:10:33 เลย
00:10:33 → 00:10:36 >> 140 คู่เบสใน 4 ปีอืม
00:10:36 → 00:10:39 >> ค่ะทำให้นักวิจัยเขาก็เลยสรุปเบื้องต้น
00:10:39 → 00:10:42 ว่าวิตามินดีอาจจะมีบทบาทในการช่วยต้าน
00:10:42 → 00:10:45 การสูญเสียเทโลเมียแล้วก็อาจจะชะลอกระบวน
00:10:45 → 00:10:46 การชราของเซลล์ได้
00:10:47 → 00:10:49 >> ครับเข้าใจแล้วครับก่อนที่เราจะไป
00:10:49 → 00:10:51 วิเคราะห์ตัวเลข 140 นี้กันต่อเราอาจจะ
00:10:51 → 00:10:54 ต้องคุยกันนิดนึงว่าไอ้เจ้าเทโลเมียเนี่ย
00:10:54 → 00:10:56 มันคืออะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับความแก่
00:10:56 → 00:10:57 ที่เราพูดถึงกัน
00:10:57 → 00:10:59 >> ดีเลยค่ะช่วยอธิบายหน่อยค่ะ
00:10:59 → 00:11:02 >> ได้ครับเทโลเมียเนี่ยถ้าจะเปรียบเทียบ
00:11:02 → 00:11:05 ง่ายๆนะครับมันก็เหมือนปลอกพลาสติกแข็ง
00:11:05 → 00:11:07 ที่อยู่ตรงปลายเชือกรองเท้าเราอ่ะนะครับ
00:11:07 → 00:11:10 >> อ๋อค่ะนึกภาพออกเลยค่ะ
00:11:10 → 00:11:13 >> ในเซลล์เราเทโรเมียก็คือส่วนปลายสุดของ
00:11:13 → 00:11:16 โครโมโซมที่เก็บ DNA ของเราหน้าที่หลักๆ
00:11:16 → 00:11:19 ของมันเลยก็คือปกป้องปลายโครโมโซมไม่ให้
00:11:19 → 00:11:22 มันเสียหายหรือว่าเอ่อไม่ให้มันไปเชื่อม
00:11:22 → 00:11:25 กับโครโมโซมแท่งอื่นผิดที่ผิดทางเวลา
00:11:25 → 00:11:26 เซลล์มันแบ่งตัว
00:11:26 → 00:11:29 >> อืมเข้าใจค่ะเป็นเหมือนเกราะป้องกัน
00:11:29 → 00:11:32 >> ใช่ครับทีนี้ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้
00:11:32 → 00:11:35 ครับคือทุกครั้งที่เซลล์ร่างกายเรามัน
00:11:35 → 00:11:37 แบ่งตัวไม่ว่าจะเพื่อเพิ่มจำนวนหรือซ่อม
00:11:37 → 00:11:40 แซมส่วนที่สึกหรอเนี่ยปลายเทโรเมียตรง
00:11:40 → 00:11:42 เนี้ยมันจะหดสั้นลงไปนิดนึง
00:11:42 → 00:11:44 >> อ้าวสั้นลงเหรอหรอคะ
00:11:44 → 00:11:47 >> ครับสั้นลงทีละนิดๆเหมือนเป็นนาฬิกานับ
00:11:47 → 00:11:50 ถอยหลังของเซลล์เลยพอแบ่งตัวไปเรื่อยๆ
00:11:50 → 00:11:53 เทโลเมียก็สั้นลงสั้นลงสั้นลงจนถึงจุดนึง
00:11:53 → 00:11:56 ที่มันสั้นมากๆเซลล์มันจะแบ่งตัวต่อไปไม่
00:11:56 → 00:11:56 ได้แล้ว
00:11:56 → 00:11:58 >> อ๋อพอสั้นก็แบ่งตัวไม่ได้
00:11:59 → 00:12:01 >> ถูกต้องครับสภาวะที่เซลล์หยุดแบ่งตัว
00:12:01 → 00:12:03 เพราะเทอโรเมียสั้นเกินไปนี่แหละครับที่
00:12:03 → 00:12:06 เราเรียกว่าภาวะเซลล์ชราภาพหรือ
00:12:06 → 00:12:08 cellลulares
00:12:08 → 00:12:11 >> เซลล์ชราภาพฟังดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ
00:12:11 → 00:12:16 >> ครับแล้วที่น่าสนใจคือเซลล์ชราภาพพวกนี้
00:12:16 → 00:12:19 มันไม่ได้แค่หยุดแบ่งตัวแล้วก็อยู่เฉยๆนะ
00:12:19 → 00:12:19 ครับ
00:12:19 → 00:12:22 >> อ้าไม่ได้อยู่นิ่งๆหรอคะเปล่าเลยครับมัน
00:12:22 → 00:12:25 ยังทำงานอยู่แต่เปลี่ยนไปสร้างแล้วก็
00:12:25 → 00:12:28 ปล่อยสารเคมีต่างๆออกมาซึ่งสารพวกนี้หลาย
00:12:28 → 00:12:31 ตัวดันไปกระตุ้นการอักเสบเรื้อรังในเนื้อ
00:12:31 → 00:12:32 เยื่อรอบๆ
00:12:32 → 00:12:33 >> โหแย่เลยนะคะเนี่ย
00:12:33 → 00:12:37 >> ครับที่แย่กว่านั้นคือมันส่งสัญญาณไปบอก
00:12:37 → 00:12:40 เซลล์ข้างๆที่ยังดีๆอยู่ให้กลายเป็นเซลล์
00:12:40 → 00:12:41 ชราภาพตามไปด้วยได้อีก
00:12:41 → 00:12:43 >> โอ้โหเหมือนเป็นโดมิโนเลยนะคะ
00:12:43 → 00:12:46 >> ประมาณนั้นเลยครับนี่เลยเป็นกลไกสำคัญที่
00:12:46 → 00:12:49 เขาเชื่อว่ามันทำให้เกิดโรคต่างๆที่มา
00:12:49 → 00:12:51 พร้อมกับความสูงวัยไงครับ
00:12:51 → 00:12:54 >> เข้าใจแล้วค่ะมิน่าถึงสนใจเรื่องเทโลเมีย
00:12:54 → 00:12:54 กันมาก
00:12:54 → 00:12:57 >> ใช่ครับแนวคิดที่ว่าถ้าเราชะลอการหดสั้น
00:12:58 → 00:13:01 ของเทโลเมียได้หรือยืดมันออกไปได้ก็น่าจะ
00:13:01 → 00:13:04 ช่วยชะลอความแก่ได้ก็เลยได้รับความสนใจ
00:13:04 → 00:13:06 มากมีหนังสือดังชื่อ The Telemia effect
00:13:06 → 00:13:09 ของ Dr. Elิabth Blackburnn ที่ได้โบล
00:13:09 → 00:13:12 เรื่องนี้เลยนะครับเขาก็เสนอว่าไลฟ์สไตล์
00:13:12 → 00:13:14 เรานี่แหละมีผลกับความยาวเทโรเมีย
00:13:15 → 00:13:17 >> อ๋อค่ะเคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้เหมือน
00:13:17 → 00:13:20 กันค่ะงั้นกลับมาที่ผลวิจัยวิตามินดีที่
00:13:20 → 00:13:25 ว่าลดการหดสั้นได้ 140 คู่เบสใน 4 ปีตอน
00:13:25 → 00:13:28 แรกที่ได้ยินตัวเลขนี้คือก็คิดว่าเฮ้ย
00:13:28 → 00:13:29 เยอะนะ
00:13:29 → 00:13:32 >> ครับถ้าเทียบกับอัตราปกติที่สั้นลงปีละ
00:13:32 → 00:13:36 20-40 คู่เบสมันก็ดูเยอะจริงๆ
00:13:36 → 00:13:39 >> ใช่ค่ะเหมือนเซฟเวลาไปได้ 3 ปีครึ่งถึง 7
00:13:39 → 00:13:42 ปีเลยฟังดูมีความหวังมากๆเลยค่ะ
00:13:42 → 00:13:46 >> ครับตัวเลข 140 คู่เบสเมื่อเทียบกับอัตรา
00:13:46 → 00:13:50 ปกติดูเผินๆมันจะมีความหมายแต่ตรงเนี้ย
00:13:50 → 00:13:53 เราต้องดูเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งคือ
00:13:53 → 00:13:56 ความแม่นยำของวิธีวัดที่เขาใช้ในงานวิจัย
00:13:56 → 00:13:57 นี้ครับ
00:13:57 → 00:13:58 >> ความแม่นยำในการวัดหรอคะ
00:13:58 → 00:14:01 >> ใช่ครับงานวิจัยนี้เขาใช้วิธีที่เรียกว่า
00:14:01 → 00:14:03 QPCRTTR
00:14:03 → 00:14:06 ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันเยอะในการวัดความ
00:14:06 → 00:14:07 ยาว Telamia
00:14:07 → 00:14:10 >> ค่ะ QPCR TTR แล้วมันไม่แม่นหรอคะ
00:14:10 → 00:14:14 >> เอ่อคือมันสะดวกเร็วแต่ก็มีข้อจำกัด
00:14:14 → 00:14:17 เรื่องความแปรปรวนอยู่พอสมควรครับมีงาน
00:14:17 → 00:14:20 ศึกษานึงน่าสนใจมากเขาให้แลบผู้เชี่ยวชาญ
00:14:20 → 00:14:23 10 แห่งทั่วโลกลองวัด DNA ตัวอย่างเดียว
00:14:23 → 00:14:24 กันเลยนะครับ
00:14:24 → 00:14:26 >> ค่ะแล้วผลเป็นไงคะ
00:14:26 → 00:14:29 >> ผลคือค่าความยาวเทระเมียที่วัดได้จากแต่
00:14:29 → 00:14:32 ละแลบเนี่ยต่างกันได้ถึง 20% ครับ
00:14:32 → 00:14:36 >> ะ 20% เลยหรอคะทั้งที่ DNA ตัวเดียวกัน
00:14:36 → 00:14:36 เนี่ยนะ
00:14:36 → 00:14:39 >> ใช่ครับแล้วแม้แต่วัดซ้ำๆในแลบเดียวกัน
00:14:39 → 00:14:43 เองก็ยังมีความคลาดเคลื่อนได้ตั้งแต่ 1.4%
00:14:43 → 00:14:46 ถึงเกือบ 10% 9.5% % เลยครับ
00:14:46 → 00:14:50 >> โหคลาดเคลื่อนเยอะเหมือนกันนะคะเนี่ยงั้น
00:14:50 → 00:14:53 ที่มันกำลังจะบอกก็คือไอ้ความต่าง 140
00:14:53 → 00:14:56 คู่เบสเนี่ยมันอาจจะอาจจะเป็นแค่ความคลาด
00:14:56 → 00:14:58 เคลื่อนของการวัดเองไม่ใช่ผลจริงๆหรอคะ
00:14:58 → 00:15:01 >> มีความเป็นไปได้สูงมากครับคือตัวเลข 140
00:15:01 → 00:15:04 คู่เบสเนี่ยเมื่อเทียบกับความยาวเทโลเมีย
00:15:04 → 00:15:06 เฉลี่ยในเม็ดเลือดขาวซึ่งมันยาวประมาณ
00:15:06 → 00:15:10 5,000-7,000 คู่เบส 140 นี่มันแค่ประมาณ
00:15:10 → 00:15:12 2-3% เองนะครับ
00:15:12 → 00:15:14 >> อ๋อค่ะแค่ 2-3%
00:15:14 → 00:15:17 >> ซึ่งตัวเลขระดับนี้มันตกอยู่ในช่วงของ
00:15:17 → 00:15:19 ความคลาดเคลื่อนจากการวัดหรือ measurement
00:15:20 → 00:15:22 Error ที่เราคุยกันเมื่อกี้เป๊ะเลยครับ
00:15:22 → 00:15:26 ดังนั้นมันยากมากที่จะฟันธงว่า 140 คู่
00:15:26 → 00:15:29 เบสที่เห็นเนี้ยเป็นผลจากวิตามินดีจริงๆ
00:15:29 → 00:15:32 หรือเป็นแค่สัญญาณรบกวนจากวิธีวัดกันแน่
00:15:32 → 00:15:35 >> เข้าใจแล้วค่ะประเด็นเรื่องความแม่นยำนี่
00:15:35 → 00:15:40 สำคัญจริงๆแต่สมมุตินะคะสมมุติเล่นๆว่า
00:15:40 → 00:15:43 วัดแม่นเป๊ะเลย 140 คู่เบสคือของจริงคำ
00:15:43 → 00:15:47 ถามต่อมาคือแล้วมันมันมีความหมายทาง
00:15:47 → 00:15:50 ชีววิทยาหรือส่งผลต่อสุขภาพจริงๆแค่ไหนคะ
00:15:50 → 00:15:52 คือเทโรเมียยาวขึ้นนิดหน่อยแต่ถ้าไม่ได้
00:15:53 → 00:15:55 ช่วยลดโรคหัวใจไม่ได้ช่วยให้แข็งแรงขึ้น
00:15:55 → 00:15:58 หรือลดมะเร็งมันก็อาจจะไม่ได้สำคัญเท่า
00:15:58 → 00:15:59 ไหร่หรือเปล่าคะ
00:15:59 → 00:16:02 >> เป็นคำถามที่ตรงประเด็นมากครับและเป็นอีก
00:16:02 → 00:16:06 จุดที่ต้องคิดต่อคือก่อนอื่นต้องรู้ว่า
00:16:06 → 00:16:08 ความยาวเทโรเมียตั้งต้นของแต่ละคนเนี่ย
00:16:08 → 00:16:11 มันต่างกันเยอะมากๆอยู่แล้วนะครับคนอายุ
00:16:11 → 00:16:14 เท่ากันเพศเดียวกันอาจจะต่างกันเป็นพัน
00:16:14 → 00:16:15 1000 คู่เบสเลย
00:16:15 → 00:16:17 >> ค่ะต่างกันเยอะขนาดนั้นเลยค่ะ
00:16:17 → 00:16:20 >> ทีนี้การเปลี่ยนแปลงแค่ 140 คู่เบสเนี่ย
00:16:20 → 00:16:23 จะมีความหมายทางคลินิกมยเราอาจจะต้องไปดู
00:16:23 → 00:16:25 ข้อมูลจากการศึกษาใหญ่ๆที่เขาพยายาม
00:16:25 → 00:16:28 เชื่อมโยงความยาวเทโรเมียกับผลลัพธ์
00:16:28 → 00:16:29 สุขภาพจริงๆ
00:16:29 → 00:16:31 >> มีมั้คะการศึกษาแบบนั้น
00:16:31 → 00:16:34 >> มีครับมีการวิเคราะห์จาก UK Biงkคนเกือบ
00:16:34 → 00:16:37 ครึ่งล้านเลยเขาดูความสัมพันธ์ระหว่าง
00:16:37 → 00:16:39 ความยาวเทโลเมียกับความเสี่ยงในการเสีย
00:16:39 → 00:16:40 ชีวิต
00:16:40 → 00:16:42 >> โหครึ่งล้านคนแล้วเขาเจออะไรคะ
00:16:43 → 00:16:46 >> เขาพบว่าทุกๆ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหรือ
00:16:46 → 00:16:50 SD ของความยาวเทโลเมียที่สั้นลงเนี่ยมัน
00:16:50 → 00:16:52 สัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเสียชีวิตโดย
00:16:52 → 00:16:54 รวมที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8% ครับ
00:16:55 → 00:16:58 >> 8% ฟังดูเหมือนจะไม่เยอะเท่าไหร่แต่ก็มี
00:16:58 → 00:16:59 ความสัมพันธ์นะคะ
00:16:59 → 00:17:02 >> ครับพอเจาะลึกคนไปก็เจอว่าเทโลเมียสั้น
00:17:02 → 00:17:05 เนี่ยสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากโรคระบบ
00:17:05 → 00:17:08 ทางเดินหายใจระบบย่อยอาหารที่เพิ่มขึ้น
00:17:08 → 00:17:11 แต่ที่น่าสนใจคือไม่ค่อยเจอความสัมพันธ์
00:17:11 → 00:17:14 ชัดเจนกับการเสียชีวิตจากมะเร็งหรือโรค
00:17:14 → 00:17:15 ทางระบบประสาทเท่าไหร่
00:17:15 → 00:17:17 >> อ้าวไม่เกี่ยวกับมะเร็งหรอคะ
00:17:17 → 00:17:20 >> ไม่ชัดเจนครับแต่ปัญหาคือเราไม่สามารถ
00:17:20 → 00:17:23 แปลงไอ้ความเสี่ยง 8% ต่อ 1 SD เนี่ยออก
00:17:23 → 00:17:27 มาเป็นจำนวนคู่เบสที่แน่นอนในง่ายๆค่า SD
00:17:27 → 00:17:30 มันกว้างมากเราเรียงตอบไม่ได้ชัดๆครับว่า
00:17:30 → 00:17:33 การเปลี่ยนแปลงแค่ 140 คู่เบสมันจะส่งผล
00:17:33 → 00:17:35 ต่อความเสี่ยงโรคหรือการเสียชีวิตอย่างมี
00:17:35 → 00:17:37 นัยยะสำคัญทางคลินิกหรือเปล่า
00:17:37 → 00:17:40 >> อืมยังสรุปไม่ได้ชัดเจนนะคะ
00:17:40 → 00:17:43 >> ใช่ครับและที่สำคัญที่สุดเลยต้องย้ำเสมอ
00:17:43 → 00:17:46 ว่าการศึกษาแบบ UK Biงค์เนี่ยมันเป็นแค่
00:17:46 → 00:17:49 การศึกษาเชิงสังเกตการมันบอกได้แค่ความ
00:17:49 → 00:17:52 สัมพันธ์นะครับไม่ได้บอกความเป็นเหตุเป็น
00:17:52 → 00:17:52 ผล
00:17:52 → 00:17:55 >> อ๋อค่ะแค่เห็นว่ามันไปด้วยกันแต่ไม่ได้
00:17:55 → 00:17:57 แปลว่าอันนึงทำให้อีกอันเกิด
00:17:57 → 00:18:01 >> ถูกต้องครับคนที่เทโลเมียสั้นอาจจะเสีย
00:18:01 → 00:18:04 ชีวิตง่ายขึ้นไม่ได้แปลว่าเทโรเมียสั้น
00:18:04 → 00:18:07 เป็นสาเหตุโดยตรงมันอาจจะเป็นแค่ตัวบ่ง
00:18:07 → 00:18:11 ชี้ถึงสภาวะอื่นเช่นร่างกายมีความเครียด
00:18:11 → 00:18:12 สะสม
00:18:12 → 00:18:15 ไขกระโดกทำงานหนักหรือมีการอักเสบเรื้อ
00:18:15 → 00:18:18 รังซึ่งไอ้สภาวะอื่นพวกนั้นต่างหากที่
00:18:18 → 00:18:21 เป็นสาเหตุจริงๆเข้าใจแล้วค่ะตัวเทโรเมีย
00:18:21 → 00:18:23 เองอาจจะไม่ใช่ตัวการหลัก
00:18:23 → 00:18:27 >> ครับผู้เขียนงานวิเคราะห์ UK Biงค์เองเขา
00:18:27 → 00:18:30 ก็สรุปไว้อย่างระมัดระวังนะครับว่าความ
00:18:30 → 00:18:32 สามารถในการทำนายโรคของความยาวเทโลเมีย
00:18:32 → 00:18:35 เนี่ยค่อนข้างจำกัดแล้วผลกระทบต่อความ
00:18:35 → 00:18:38 เสี่ยงที่เห็นก็ถือว่าไม่มากนัก
00:18:38 → 00:18:42 >> โหชัดเจนขึ้นเยอะเลยค่ะสรุปคือทั้งเรื่อง
00:18:42 → 00:18:44 ความแม่นยำในการหวัดทั้งเรื่องความหมาย
00:18:44 → 00:18:48 ทางชีวภาพของผลต่าง 140 คู่เบสเนี่ยมัน
00:18:48 → 00:18:50 ยังคลุมเครือมากๆเลยนะคะ
00:18:50 → 00:18:51 >> ใช่เลยครับ
00:18:51 → 00:18:54 >> ทีนี้เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นไปอีกไหนงาน
00:18:54 → 00:18:56 วิจัยย่อยเรื่องเทโลเมียนี้มันเป็นส่วน
00:18:56 → 00:18:59 หนึ่งของ Vital Study แล้วเนี่ยลองย้อน
00:18:59 → 00:19:02 กลับไปดูผลลัพธ์หลักๆของ Vital โดยตรงเลย
00:19:02 → 00:19:06 ดีมั้ยคะว่าในกลุ่มใหญ่ 25,000 คนเนี่ย
00:19:06 → 00:19:09 การให้วิตามินดี 2,000 อายุต่อวันมันช่วย
00:19:09 → 00:19:12 ลดความเสี่ยงโรคสำคัญอย่างโรคหัวใจมะเร็ง
00:19:12 → 00:19:13 ได้จริงคะ
00:19:13 → 00:19:16 >> เป็นการเชื่อมโยงที่ดีมากครับเพราะสุด
00:19:16 → 00:19:19 ท้ายสิ่งที่เราอยากรู้จริงๆก็คือผลลัพธ์
00:19:19 → 00:19:22 ทางสุขภาพที่จับต้องได้ใช่ไหมครับไม่ใช่
00:19:22 → 00:19:23 แค่ตัวเลขในแลบ
00:19:23 → 00:19:27 >> ใช่เลยค่ะแล้วผลหลักว่ายังไงคะ
00:19:27 → 00:19:30 >> เอ่อผลลัพธ์หลักของ Vital Study ที่ตี
00:19:30 → 00:19:33 พิมพ์ไปแล้วนะครับพบว่าการเสริมวิตามินดี
00:19:33 → 00:19:36 2,000 อายต่อวันเป็นเวลาเฉลี่ย 5 ปีกว่า
00:19:36 → 00:19:39 ๆเนี่ยไม่ได้ช่วยลดการเกิดมะเร็งชีวิตลุก
00:19:39 → 00:19:42 รามโดยรวมหรือการเกิดโรคหัวใจขัดเลือดโรค
00:19:42 → 00:19:45 หลอดเลือดสมองหรือการเสียชีวิตจากโรคหัว
00:19:45 → 00:19:48 ใจอย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติเลยครับเมื่อ
00:19:48 → 00:19:49 เทียบกับกลุ่มที่ได้ยาหลอก
00:19:49 → 00:19:52 >> ะไม่ได้ช่วยลดเลยหรอคะ
00:19:52 → 00:19:55 >> ใช่ครับแม้จะมีวิเคราะห์ย่อยที่ดูเหมือน
00:19:55 → 00:19:57 จะลดการเสียชีวิตจากมะเร็งได้นิดหน่อยแต่
00:19:57 → 00:20:00 ทางสถิติแล้วก็ถือว่าไม่มีนัยยะสำคัญอยู่
00:20:00 → 00:20:00 ดีครับ
00:20:00 → 00:20:04 >> โอ้โหอันนี้คือชัดเลยนะคะว่าต่อให้ผล
00:20:04 → 00:20:07 เทโลเมีย 140 คู่เบสเป็นเรื่องจริงซึ่งก็
00:20:07 → 00:20:10 ยังน่าสงสัยมันก็ไม่ได้แปรออกมาเป็นการ
00:20:10 → 00:20:12 ป้องกันโรคหรือทำให้อายุยืนขึ้นอย่างชัด
00:20:13 → 00:20:14 เจนในคนกลุ่มใหญ่เลย
00:20:14 → 00:20:18 >> ถูกต้องครับผลจากไวทและการศึกษาใหญ่ๆช่วง
00:20:18 → 00:20:20 หลังๆเนี่ยทำให้มุมมองเรื่องการเสริม
00:20:20 → 00:20:23 วิตามินดีเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังต่างๆ
00:20:23 → 00:20:25 มันเปลี่ยนไปพอสมควรเลยครับ
00:20:25 → 00:20:26 >> เปลี่ยนไปเยอะมั้คะ
00:20:26 → 00:20:29 >> ครับถ้าย้อนไปสัก 10-15 ปีก่อนช่วงนั้นจะ
00:20:29 → 00:20:31 ตื่นตัวเรื่องวิตามินดีกันมาก
00:20:31 → 00:20:34 >> ใช่ค่ะจำได้ว่าฮิตกันมากต้องตรวจเลือด
00:20:34 → 00:20:36 ต้องกินเสริม
00:20:36 → 00:20:39 >> ครับเพราะตอนนั้นมีงานวิจัยเชิงสังเกตการ
00:20:39 → 00:20:41 เยอะที่บอกว่าคนที่วิตามินดีต่ำเสี่ยง
00:20:42 → 00:20:45 เป็นโรคเยอะแยะไปหมดตั้งแต่กระดูกหัวใจ
00:20:45 → 00:20:49 มะเร็งเบาหวานภูมิแพ้ตัวเองประกอบกับกลัว
00:20:49 → 00:20:51 ว่าคนส่วนใหญ่จะขาดวิตามินดีกัน
00:20:51 → 00:20:52 >> ค่ะ
00:20:52 → 00:20:55 >> ทำให้องค์กรอย่าง society ตอนนั้นถึงกับ
00:20:55 → 00:20:57 ออกแนวทางแนะนำให้เสริมวิตามินดีค่อนข้าง
00:20:57 → 00:21:01 สูงเลยอาจจะถึง 1,000-2,000 IU ต่อวัน
00:21:01 → 00:21:03 แล้วก็สนับสนุนให้ตรวจเลือดเช็คระดับกัน
00:21:03 → 00:21:06 เยอะมากการใช้วิตามินดีเสริมเลยบูมสุดๆ
00:21:06 → 00:21:08 >> อืแล้วตอนนี้ล่ะคะ
00:21:08 → 00:21:12 >> แต่พอเวลาถ่ายไปมีผลการศึกษาแบบ RCT ที่
00:21:12 → 00:21:15 น่าเชื่อถือกว่าออกมาเยอะขึ้นผลส่วนใหญ่
00:21:15 → 00:21:19 กลับไม่เป็นอย่างที่คาดครับ RCT ใหญ่ๆรวม
00:21:19 → 00:21:22 ถึง vial เนี่ยไม่เจอประโยชน์ชัดเจนของ
00:21:22 → 00:21:25 การเสริมวิตามินดีในการป้องกันโรคหัวใจ
00:21:25 → 00:21:28 มะเร็งการหกล้มหรือการเสียชีวิตในคนทั่ว
00:21:28 → 00:21:29 ไป
00:21:29 → 00:21:31 >> อ้าวกลายเป็นว่าไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่
00:21:31 → 00:21:34 >> ครับผมแล้วนอกจากประโยชน์จะไม่ชัดในคน
00:21:34 → 00:21:37 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเรายังเริ่มเห็นข้อมูล
00:21:37 → 00:21:40 เรื่องโทษของการได้วิตามินดีสูงๆด้วยซ้ำ
00:21:40 → 00:21:43 >> มีโทษด้วยเหรอคะนึกว่ามีแต่ประโยชน์
00:21:43 → 00:21:46 >> มีการศึกษา RCT ที่แคนาดาครับเขาเทียบการ
00:21:46 → 00:21:51 ให้วิตามินดี 3 ขนาดคือ 400 4,000 แล้ว
00:21:51 → 00:21:55 ก็ 10,000 IU ต่อวันดูผลต่อกระดูกปรากฏ
00:21:55 → 00:21:58 ว่ากลุ่มที่ได้ขนาดสูงคือ 4,000 กับ
00:21:58 → 00:22:00 10,000 IU เนี่ยความหนาแน่นกระดูกตรง
00:22:00 → 00:22:03 ปลายแขนลดลงมากกว่ากลุ่มที่ได้ 400 IU
00:22:03 → 00:22:03 ซะอีกครับ
00:22:03 → 00:22:07 >> เฮ้ยจริงหรอคะได้เยอะกับกระดูกบางลง
00:22:07 → 00:22:11 >> ใช่ครับลดลง 2.4% กับ 3.5% 5% ตามลำดับ
00:22:11 → 00:22:14 เลยนี่เป็นข้อควรระวังว่าการเสริมเยอะๆ
00:22:14 → 00:22:17 อาจจะไม่ได้ดีเสมอไปมันต่างจากที่ร่างกาย
00:22:17 → 00:22:20 สร้างเองจากแดดซึ่งมีกลไกายควบคุมการ
00:22:20 → 00:22:23 เสริมมากไปอาจจะไปกวนสมดุลแคลเซียมจนส่ง
00:22:23 → 00:22:24 ผลเสียต่อกระดูกได้
00:22:24 → 00:22:26 >> โอ้โหข้อมูลใหม่เลยนะคะเนี่ย
00:22:26 → 00:22:29 >> ครับด้วยข้อมูลใหม่ๆทั้งเรื่องประโยชน์
00:22:29 → 00:22:32 ที่ไม่ชัดความเสี่ยงจากขนาดสูงแล้วก็
00:22:32 → 00:22:34 เรื่องภาวะขาดที่อาจจะไม่ได้ระบาดรุนแรง
00:22:34 → 00:22:37 อย่างที่เคยคิดทำให้แนวปฏิบัติล่าสุดของ
00:22:37 → 00:22:40 Endocine Society ปี 2024 เนี่ยปรับ
00:22:40 → 00:22:42 เปลี่ยนไปพอสมควรเลยครับ
00:22:42 → 00:22:43 >> ปรับยังไงบ้างคะ
00:22:43 → 00:22:46 >> ที่สำคัญเลยคือตอนนี้เขาไม่แนะนำให้ตรวจ
00:22:46 → 00:22:48 เลือดวัดระดับวิตามินดีเป็นประจำในคนทั่ว
00:22:48 → 00:22:51 ไปที่ไม่มีอาการหรือความเสี่ยงเฉพาะแล้ว
00:22:51 → 00:22:51 ครับ
00:22:51 → 00:22:54 >> อ้าวไม่แนะนำให้ตรวจแล้วหรอคะ
00:22:54 → 00:22:56 >> ครับเพราะเขายอมรับว่ายังไม่แน่ใจว่า
00:22:56 → 00:23:00 ระดับที่อสมอมสมๆๆสุดสูงๆที่สุดคือเท่า
00:23:00 → 00:23:02 ไหร่กันแน่แล้วตรวจไปก็อาจจะไม่ได้
00:23:02 → 00:23:05 เปลี่ยนการรักษาที่มีประโยชน์ชัดเจน
00:23:05 → 00:23:07 >> แล้วเรื่องการเสริมล่ะคะยังแนะนำอยู่มั้ย
00:23:08 → 00:23:10 >> ยังแนะนำในบางกลุ่มครับเช่นเด็กวัยรุ่น
00:23:10 → 00:23:13 หญิงตั้งท้องคนที่มีความเสี่ยงโรคกระดูก
00:23:13 → 00:23:16 หรือผู้สูงอายุมากๆเกิน 75 ปีอาจจะ
00:23:17 → 00:23:19 ต้องการสูงกว่าปกตินิดหน่อยแต่สำหรับผู้
00:23:19 → 00:23:22 ใหญ่ทั่วไปที่สุขภาพดีอายุไม่ถึง 70
00:23:22 → 00:23:24 เนี่ยคำแนะนำกลับมาอยู่ที่ประมาณ 600 IU
00:23:24 → 00:23:28 ต่อวันและ 800 IU ถ้าอายุ 70 ขึ้นไปซึ่ง
00:23:28 → 00:23:30 เป็นระดับที่เน้นความปลอดภัยกับสุขภาพ
00:23:30 → 00:23:31 กระดูกเป็นหลักครับ
00:23:31 → 00:23:34 >> อ๋อคือลดลงจากที่เคยแนะนำเยอะเลยนะคะกลับ
00:23:34 → 00:23:36 มาที่ระดับพื้นฐาน
00:23:36 → 00:23:39 >> ใช่ครับเน้นความปลอดภัยและเพียงพอมากกว่า
00:23:39 → 00:23:42 จะเน้นระดับในเลือดสูงๆเหมือนแต่ก่อน
00:23:42 → 00:23:45 >> เป็นภาพรวมที่ชัดเจนมากเลยค่ะแสดงว่าความ
00:23:45 → 00:23:47 เข้าใจเรื่องวิตามินดีเนี่ยมันเปลี่ยนไป
00:23:47 → 00:23:49 เรื่อยๆตามหลักฐานใหม่ๆจริงๆนะคะ
00:23:49 → 00:23:52 >> ถูกต้องครับวิทยาศาสตร์ก็เป็นแบบนี้แหละ
00:23:52 → 00:23:52 ครับ
00:23:52 → 00:23:55 >> งั้นถ้าจะให้เราสรุปบทเรียนสำคัญจากที่
00:23:55 → 00:23:57 เราคุยกันวันนี้เรื่องงานวิจัยเทโลเมีย
00:23:57 → 00:24:00 กับวิตามินดีสรุปว่ายังไงดีคะ
00:24:00 → 00:24:02 >> อืมสรุปได้หลายอย่างเลยนะครับ
00:24:03 → 00:24:05 >> อย่างแรกเลยหนูคิดว่าคือต้องระวังผ้าทั่ว
00:24:05 → 00:24:08 ข่าวที่ฟังดูน่าตื่นเต้นอย่างวิตามินดี
00:24:08 → 00:24:10 ชะลอความแก่เนี่ยอาจจะไม่ได้สะท้อนความ
00:24:10 → 00:24:14 จริงทั้งหมดผลเรื่องเทโลเมียเองก็ยังเอ่อ
00:24:15 → 00:24:17 ไม่แน่นอนมากๆทั้งเรื่องการวัดทั้งเรื่อง
00:24:17 → 00:24:18 ความหมาย
00:24:18 → 00:24:21 >> เห็นด้วยครับพาดหัวขาวมักจะง่ายกว่าความ
00:24:21 → 00:24:22 เป็นจริงเสมอ
00:24:22 → 00:24:25 >> ใช่ค่ะอย่างที่ 2 คือผลในห้องแลบอย่าง
00:24:25 → 00:24:28 ความยาวเทโลเมียไม่ได้แปลว่าจะส่งผลต่อ
00:24:28 → 00:24:31 สุขภาพจริงๆเสมอไปต้องดูผลทางคลินิกด้วย
00:24:31 → 00:24:35 ซึ่งกรณีนี้ VAL ก็ชี้ว่าวิตามินดีไม่ได้
00:24:35 → 00:24:36 ช่วยลดโรคหลักๆ
00:24:36 → 00:24:38 >> ครับผลลัพธ์ทางคลินิกสำคัญที่สุด
00:24:38 → 00:24:42 >> และสุดท้ายที่ได้จากการคุยวันนี้คือมัน
00:24:42 → 00:24:45 เตือนใจได้ดีว่าไม่ใช่ทุกการตรวจหรือทุก
00:24:45 → 00:24:49 อาหารเสริมที่ฮิตๆกันจะมีประโยชน์เสมอไป
00:24:49 → 00:24:52 นะคะโดยเฉพาะยุคนี้ที่ข้อมูลสุขภาพเยอะ
00:24:52 → 00:24:56 มากคลินิกชะลอวัยก็เยอะบางทีการกลับไปใส่
00:24:56 → 00:24:59 ใจพื้นฐานสุขภาพที่พิสูจน์แล้วว่าสำคัญ
00:24:59 → 00:25:03 อย่างน้ำหนักไขมันความดันการออกกำลังกาย
00:25:03 → 00:25:05 น่าจะคุ้มค่ากว่าการไล่ตามเทรนด์ใหม่ๆที่
00:25:05 → 00:25:07 ยังไม่ชัดเจนนะคะ
00:25:07 → 00:25:09 >> เห็นด้วยอย่างยิ่งครับสำหรับวิตามินดีตอน
00:25:10 → 00:25:13 นี้คือเน้นแค่ให้เพียงพอตามคำแนะนำล่าสุด
00:25:13 → 00:25:16 ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้จากอาหารแสงแดดอยู่แล้ว
00:25:16 → 00:25:18 เสริมบ้างถ้าจำเป็นในบางกลุ่มแต่ไม่ต้อง
00:25:18 → 00:25:21 เยอะเกินไปและไม่ต้องตรวจเลือดพร่ำเพครับ
00:25:21 → 00:25:23 โฟกัสปัจจัยพื้นฐานดีที่สุด
00:25:23 → 00:25:27 >> ชัดเจนค่ะสรุปว่าหลักฐานเรื่องวิตามินดี
00:25:27 → 00:25:31 ชะลอวัยผ่านเทโรเมียโดยตรงเนี่ยยังดูเอ่อ
00:25:31 → 00:25:34 ห่างไกลแล้วก็ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ในตอนนี้
00:25:34 → 00:25:35 >> ครับณตอนนี้เป็นอย่างงั้นครับ
00:25:35 → 00:25:38 >> แต่แน่นอนว่าเรื่องความชรามันก็ยังซับ
00:25:38 → 00:25:41 ซ้อนนะคะส่งผลกับเราหลายด้านเออน่าสนใจ
00:25:41 → 00:25:45 ว่าในแหล่งข้อมูลที่เราดูวันนี้เค้ามี
00:25:45 → 00:25:47 ทิ้นท้ายไว้เหมือนกันนะคะเกี่ยวกับปัญหา
00:25:47 → 00:25:51 อีกอย่างที่คนมักจะมองข้ามแต่กลับเร่งให้
00:25:51 → 00:25:53 สมองเราแก่เร็วขึ้นได้มาก
00:25:53 → 00:25:55 >> อ๋อเหรอครับเรื่องอะไรครับ
00:25:56 → 00:25:58 >> อันนี้อาจจะต้องเก็บไว้คุยกันต่อในโอกาส
00:25:58 → 00:26:02 หน้าแล้วล่ะค่ะน่าสนใจมากๆเลยค่ะ
00:26:02 → 00:26:19 [เพลง]