00:00:00 → 00:00:02 เธอเคยได้ยินกันใช่ไหมครับว่าภายในร่าง
00:00:02 → 00:00:05 กายของนกเนี่ยมันมีสิ่งที่เรากดอยู่นะ
00:00:05 → 00:00:07 ครับวันนี้เราจะมาคุยเรื่องนี้กันนะครับ
00:00:07 → 00:00:10 ก็จะมาคุยเรื่องของกรดด่างประเด็นคร่าวๆ
00:00:10 → 00:00:12 นะครับค่ะอยากจะวาดภาพได้เห็นก่อนนะคะสี
00:00:12 → 00:00:14 รถจะคุยในวันนี้นะครับมันจะมีอยู่ประมาณ
00:00:14 → 00:00:17 3-4 ประเด็นด้วยกันนะครับเรื่องอะไร
00:00:17 → 00:00:18 เนี่ยผมอยากจะชวนไปดูนะครับว่าไอ้คิดว่า
00:00:18 → 00:00:21 กฎต่างในร่างกายมันคืออะไรนะครับแล้วก็
00:00:21 → 00:00:24 มันสำคัญกับร่างกายของเรายังไงเดี๋ยวที่
00:00:24 → 00:00:26 สองก็คือว่าเราจะไปดูว่ามันจะมีสารเคมี
00:00:26 → 00:00:30 อะไรบ้างนะครับที่จะมีผลให้ภาวะกดดันของ
00:00:30 → 00:00:33 เลือดเราเนี่ยมันเปลี่ยนไปได้อย่างที่ 3
00:00:33 → 00:00:36 นะครับผมจะชวนไปดูว่าร่างกายของเราเนี่ย
00:00:36 → 00:00:39 มีกลไกอะไรนะครับที่จะควบคุมความเป็นกรด
00:00:39 → 00:00:41 ด่างในเลือดของเราเนี่ยไม่ให้มันเปลี่ยน
00:00:41 → 00:00:44 แปลงไปมากนะครับคือทำไงที่มันจะ Smart
00:00:44 → 00:00:47 รักษาสมดุลอยู่ได้หลักๆเอาไว้ที่เกี่ยว
00:00:47 → 00:00:49 ข้องเป็นเรื่องของปอดกับไปนะครับเธอเป็น
00:00:49 → 00:00:51 เรื่องที่เราคุยกันได้บ้างแล้วนะครับก็
00:00:51 → 00:00:53 เลยคิดว่าน่าจะคุยเรื่องนี้กันแล้วสำหรับ
00:00:53 → 00:00:56 ข้อที่ 4 คือว่าเมื่อเราเข้าใจเกี่ยวกับ
00:00:56 → 00:00:59 การทำงานของร่างกายตอนที่ปกติไปแล้วเนี่ย
00:00:59 → 00:01:01 เราจะมาดูพระเต็มที่ปกติเห็นบ้างนะครับ
00:01:01 → 00:01:04 ว่ามันมีภาวะอะไรบ้างนะครับที่ทำให้สมดุล
00:01:04 → 00:01:06 ของกรดด่างในร่างกายของเราเนี่ยมันเสียไป
00:01:06 → 00:01:09 ได้โอเคเรามาเริ่มต้นหัวข้อแรกกันเลยนะ
00:01:09 → 00:01:11 ครับก็คือเราจะไม่ทำความรู้จักกับภาวะก็
00:01:12 → 00:01:15 ได้ในร่างกายคอมเป็นก่อนคำถามเบสิคนะครับ
00:01:15 → 00:01:17 คำถามพื้นฐานสุดครับถ้าได้ก็คือว่าเพราะ
00:01:17 → 00:01:20 ว่า codon อาการของมนุษย์เนี่ยมันคืออะไร
00:01:20 → 00:01:22 นะคะว่ามาสำคัญกับร่างกายของเราอย่างไรคำ
00:01:22 → 00:01:24 ตอบสำหรับคำถามนี้นะครับจริงๆมันค่อนข้าง
00:01:24 → 00:01:28 จะตรงไปตรงมามากๆเลยนะครับก็คือว่าภายใน
00:01:28 → 00:01:29 ร่างกายของมนุษย์เนี่ยมันจะมีสารเคมีต่าง
00:01:29 → 00:01:32 ๆอยู่มากมายตัวไหมครับแล้วการที่ทางกาย
00:01:32 → 00:01:34 มนุษย์เนี่ยมันสามารถทำงานได้เนี่ยเพราะ
00:01:34 → 00:01:37 ว่ามันเกิดปฏิกิริยาเคมีนะครับระหว่างสาร
00:01:37 → 00:01:41 เคมีเหล่านี้อย่างนั้นปฏิกิริยาเคมีเนี่ย
00:01:41 → 00:01:43 ไม่ว่าจะเป็นที่เกิดที่ไหนก็ตามนะครับว่า
00:01:43 → 00:01:45 จะเกิดภายในร่างกายของเราหรือว่าภายนอก
00:01:45 → 00:01:48 ร่างกายเนี่ยความเป็นกฎได้มันสามารถที่จะ
00:01:48 → 00:01:50 เปลี่ยนความเร็วของการเกิดปฏิกิริยาเคมี
00:01:50 → 00:01:53 ได้นะครับว่าคือให้เกิดขึ้นช้าลงเร็วขึ้น
00:01:53 → 00:01:56 หรือว่าหยุดริยาเคมีก็ได้นะครับทั้งนั้น
00:01:56 → 00:01:57 เมื่อร่างกายของเราเนี่ยมันมีปฏิกิริยา
00:01:57 → 00:02:00 เคมีต่างๆเกิดขึ้นภายในร่างกายได้มากมาย
00:02:00 → 00:02:02 มาสำรวจของก็ด่ามึงเคยสำคัญนะครับสำคัญ
00:02:02 → 00:02:05 กับทั้งร่างกายเลยนะครับเพราะว่าถ้ามีการ
00:02:05 → 00:02:07 เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนะครับก็จะเป็นกฎมาก
00:02:07 → 00:02:10 ไปแล้วด่าว่าไปเนี่ยมันก็จะมีผลให้
00:02:10 → 00:02:12 ปฏิกิริยาเคมีข้างกายของเราเนี่ยทำงาน
00:02:12 → 00:02:15 ต่างไปจากภาวะปกติได้ตอนนี้เรามันทำความ
00:02:15 → 00:02:17 รู้จักกับความเป็นกฎได้ซักนิดนึงนะครับ
00:02:17 → 00:02:20 สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยวิชาเคมีนะครับว่า
00:02:20 → 00:02:23 ไอ้เพราะว่ากฎได้ไม่คืออะไรนะครับโดยปกติ
00:02:23 → 00:02:26 ทั่วๆไปนะครับภาวะความเป็นคนดังในร่างกาย
00:02:26 → 00:02:28 เนี่ยหรือว่าความเป็นกฎได้ทั่วไปเนี่ยมัน
00:02:28 → 00:02:30 จะมีวัดออกมาเป็นค่านะครับค่าเนี่ยเรียก
00:02:30 → 00:02:34 ว่าค่าพีเอชนะครับเป็นตัวย่อนะครับค่า PS
00:02:34 → 00:02:36 นี้นะครับหลักๆก็คือเป็นวิธีการวัดศาลตัว
00:02:36 → 00:02:38 นึงนะคะเป็นสารที่มีชื่อเรียกว่าให้รู้
00:02:38 → 00:02:42 เช่นไอออนไว้สารตัวนี้มันมีมีในร่างกาย
00:02:42 → 00:02:45 เราเนี่ยมากน้อยแค่ไหนแค่โดยที่ไหนออนมัน
00:02:45 → 00:02:47 เป็นสารที่เธอพูดภาษาแบบง่ายๆก็คือมัน
00:02:47 → 00:02:50 เป็นตัวกรดนะครับมันมีความเป็นกรอบสูงมาก
00:02:50 → 00:02:52 ปกติเนี่ยค่าพีเอชเอเอ็มจะมีค่าได้อยู่
00:02:52 → 00:02:55 ประมาณตั้งแต่ 0 นะครับจะถึง 14 ถ้าตัว
00:02:55 → 00:02:57 เล็กๆน้อยๆนะครับคือ 0 1 2 เนี่ยจะบอก
00:02:57 → 00:03:00 ว่ามันมีความเป็นกรดที่สุขมากๆนะครับแต่
00:03:00 → 00:03:02 ละตัวเลยอ่ะเนี่ยเช่นประมาณ 13 14 จะบอก
00:03:02 → 00:03:05 ว่ามีความเป็นด่างที่สูงมากๆแล้วค่าตรงตา
00:03:05 → 00:03:08 นะครับตัวเลข 7 นะครับก็คือสำหรับสารที่
00:03:08 → 00:03:10 ไม่ได้มีความเป็นทั้งกฎและด่านะครับแช่
00:03:10 → 00:03:13 น้ำเปล่าเป็นต้นก็จะมี pH ประมาณ 7 โดย
00:03:13 → 00:03:15 ทั่วไปนะคะในร่างกายของมนุษย์เนี่ย on
00:03:15 → 00:03:17 โดยเฉพาะแบรนด์เลือกเนี่ยมันจะมีเพียง
00:03:17 → 00:03:20 ประมาณตรงกลางๆนะครับคือประมาณ 7.35 ถึง
00:03:20 → 00:03:23 7.45 บางครั้งก็แรงกดได้นิดมาข้างหน้าจะ
00:03:23 → 00:03:27 เป็นด่างนิดนะครับถ้า PH ของเลือดมันน้อย
00:03:27 → 00:03:29 กว่า 7.35 ไปนะครับเราก็ถือว่าร่างกายของ
00:03:29 → 00:03:32 เราเนี่ยเข้าสู่ภาวะที่เป็นกรดมากเกินไป
00:03:32 → 00:03:35 แล้วถ้าเลือดมันเกิน 7.45 ไปนะครับก็คือ
00:03:35 → 00:03:37 จะบอกว่าร่างกายเรามีสภาวะที่เป็นด่างมาก
00:03:37 → 00:03:41 เกินไปซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้การทำงาน
00:03:41 → 00:03:43 ต่างๆหรือว่าปฏิกิริยาเคียงต่อร่างกายของ
00:03:43 → 00:03:46 เราและมันผิดปกติไปร่างกายเราเนี่ยก็จะ
00:03:46 → 00:03:49 ยอมให้เกิดภาวะแบบนี้ไม่ได้นะครับคือโกรธ
00:03:49 → 00:03:51 มากไปรึดังมากไปเนี่ยไม่ยอมให้เกิดขึ้น
00:03:51 → 00:03:54 เมื่อเคยก็มีคนใจนะครับในร่างกายของเรา
00:03:54 → 00:03:56 เนี่ยที่จะคอยควบคุมไม่ให้เลือกเราเนี่ย
00:03:56 → 00:04:00 มันมีความเป็นกรดหรือด่างมากเกินไปผมคะ
00:04:00 → 00:04:02 เดี๋ยวจะชวนมาดูกันนิดนึงนะคะไว้คนไกลควบ
00:04:02 → 00:04:04 คุมความเป็นกรดด่างของเลือดของร่างกายเรา
00:04:04 → 00:04:11 เนี่ยมันทำงานยังไง
00:04:11 → 00:04:14 แรกส่วนนะครับผมอยากจะเห็นภาพนะครับว่า
00:04:14 → 00:04:16 ไอ้ความเป็นป๊อดด่าในเลือดของเราเนี่ยมัน
00:04:16 → 00:04:18 สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงง่ายแค่ไหนนะครับ
00:04:18 → 00:04:21 แล้วก็เป็นไปได้เร็วแค่ไหนก็อยากเจ้าจะ
00:04:21 → 00:04:23 เริ่มด้วยการให้ลองดึกภาพนะครับหรือว่า
00:04:23 → 00:04:26 ลองจินตนาการนะครับเรากลั้นหายใจนะครับนะ
00:04:26 → 00:04:29 คะนะไปนะครับ 1 2 3 4 5 6 7 8 นะ
00:04:29 → 00:04:31 ครับแล้วไปเรื่อยๆถึงประมาณซัก 20-30
00:04:31 → 00:04:34 ครั้งนะครับเพียงแค่เนี้ยความเป็นกรดได้
00:04:34 → 00:04:36 ในเรื่องของเราเนี่ยก็จะสามารถเป็นไปได้
00:04:36 → 00:04:38 แล้วนะครับเพราะว่าขอเวลาเรากลั้นหายใจ
00:04:38 → 00:04:41 เนี่ยมันจะทำให้ภาวะความเป็นกรดในเลือด
00:04:41 → 00:04:44 ของเราเนี่ยมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือถ้า
00:04:44 → 00:04:46 เราทำตรงกันข้ามนะครับก็คือบังคับให้ตัว
00:04:46 → 00:04:48 เองให้ใจเร็วขึ้นนะครับหายใจถี่ขึ้นเช่น
00:04:48 → 00:04:50 ในใจแบบข้าวออก
00:04:50 → 00:04:53 เด็กๆกันได้นะครับประมาณซัก 20-30 ครั้ง
00:04:53 → 00:04:55 นะครับอาจจะแค่ประมาณ 15 ครั้ง 20 ครั้ง
00:04:55 → 00:04:58 ก็พอนะครับความเป็นกรดด่างของเลือดเรา
00:04:58 → 00:05:00 แล้วก็เปลี่ยนไปได้แล้วเหมือนกันนะครับก็
00:05:00 → 00:05:01 เพราะตอนที่เราหายใจเร็วๆเนี่ยเราจะมี
00:05:01 → 00:05:04 ชั้นขับหรือว่าให้ใจคำว่ารักทรายเนี่ยออก
00:05:04 → 00:05:06 จากร่างกายของเราเนี่ยไปอย่างรวดเร็วนะ
00:05:06 → 00:05:07 ครับจะทำให้เลือกเรานั้นมีความเป็นด่าง
00:05:07 → 00:05:10 มากขึ้นบางคนนั้นก็จะมีอาการมือจีบขึ้นมา
00:05:10 → 00:05:12 ได้นะครับซึ่งเดี๋ยวจะรอให้ฟังเพิ่มเติม
00:05:12 → 00:05:15 นะครับแต่ประเด็นก็คือว่าผมอยากเห็นเฉย
00:05:15 → 00:05:17 ว่าความเป็นกรดได้ในร่างกายหรือเปลี่ยน
00:05:17 → 00:05:19 ได้ง่ายมากแล้วก็ไม่เข้าบ้านนะครับแค่ใจ
00:05:19 → 00:05:22 ขอเร็วขึ้นช้าลงนะครับแล้วการหายใจเนี่ย
00:05:22 → 00:05:25 แค่ 20 30 วินาทีเนี่ยก็มีผลให้เกิดการ
00:05:25 → 00:05:27 เปลี่ยนแปลงได้แล้วดังนั้นร่างกายของเรา
00:05:27 → 00:05:30 เนี่ยมันก็เลยต้องมีคนไกลนะครับที่จะป้อง
00:05:30 → 00:05:32 กันเพื่อให้ความเป็นกรดด่างเนี่ยมัน
00:05:32 → 00:05:34 เปลี่ยนแปลงมากเกินไปนะครับคือให้มาอยู่
00:05:34 → 00:05:37 ในภาวะสมดุลคำถามว่าคือว่าไอ้คนไกลของมัน
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยมันทำงานยังไงแต่ก่อนที่เราจะไปตอบ
00:05:40 → 00:05:42 คำถามนี้ได้นะครับเริ่มแรกสุดเนี่ยเรา
00:05:42 → 00:05:45 ต้องเริ่มที่รู้จักเกาะนะครับว่ามันมีสาร
00:05:45 → 00:05:48 เคมีมีอะไรบ้างครับหลักๆที่อยู่ในเรื่อง
00:05:48 → 00:05:50 ของเราเนี่ยที่จะมีผลต่อความเป็นกรดด่าง
00:05:50 → 00:05:53 ของเลือดเราคือถ้าสารเคมีเหล่านี้มัน
00:05:53 → 00:05:55 เปลี่ยนไปแล้วเนี่ยมันจะทำให้ความเป็นกรด
00:05:55 → 00:05:57 ด่างของเลือดเราเนี่ยมันเปลี่ยนแปลงไปได้
00:05:57 → 00:06:00 อื้อ
00:06:00 → 00:06:02 เหมาะ
00:06:02 → 00:06:05 สำหรับสารเคมีเลือกของเรานะครับที่จะมีผล
00:06:05 → 00:06:08 ให้ความเป็นกรดด่างมันเปลี่ยนไปได้เนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 จากๆเลยจะมีอยู่ 3 ตัวด้วยกันนะครับซึ่ง
00:06:11 → 00:06:13 มันเป็นชื่อทางเคมีนะครับตัวแรกเนี่ยชื่อ
00:06:13 → 00:06:15 ว่าไฮโดรเจนไอออนนะครับว่าจะเยอะว่าเป็น
00:06:16 → 00:06:18 ตัว S นะครับแล้วก็มีตัวบวกอยู่ข้างบนนะ
00:06:18 → 00:06:20 ครับสั่งทำไมตัวที่ 2 นี่ก็คือการ์ดเค้า
00:06:20 → 00:06:22 ไม่รับสายที่เราหายใจนะคะที่เรารู้จัก
00:06:22 → 00:06:26 ทั่วไปเนี่ยตัวนี้ว่าลายน้ำนะครับหรือ
00:06:26 → 00:06:28 ละลายในเลือดเนี่ยก็จะได้เป็นสารที่เป็น
00:06:28 → 00:06:30 กรดออกมานะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คือทักคำ
00:06:31 → 00:06:33 หลักทรายในเรื่องเล่าสู่ขึ้นเนี่ยเราก็จะ
00:06:33 → 00:06:36 ความเป็นกรดเนี่ยมากขึ้นสารเคมีตัวที่ 3
00:06:36 → 00:06:38 นะครับคือเป็นสารที่มีชื่อว่าไบคาร์บอเนต
00:06:38 → 00:06:40 นะครับหรือนิยมเรียกสั้นๆว่าเป็นใบขาดนะ
00:06:40 → 00:06:44 ครับก็แยกออกเป็น HC แล้วก็โอแล้วก็ค่อย 3
00:06:44 → 00:06:47 แล้วก็มีตัวเล็กค่ะหมายรอบนะครับอยู่ข้าง
00:06:47 → 00:06:49 บนนิดนึงนะครับตัวนี้เป็นสารที่เป็นด่าง
00:06:49 → 00:06:51 หลักๆก็จะชาร์จตัวนี้นะครับให้ดูเช่นนะ
00:06:51 → 00:06:53 ครับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วก็สัตว์หรือ
00:06:53 → 00:06:56 ว่าไบขาบจะเป็นกรด 2 ตัวนะครับคือ
00:06:56 → 00:06:58 ไฮโดรเจนกับคำรักซ้ายแล้วก็เป็นดาว 1 ตัว
00:06:58 → 00:07:01 คือไบขาบทิ้งอาหาร 3 เคมี 3 ตัวนี้นะครับ
00:07:01 → 00:07:04 มันชะมัดเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างกัน
00:07:04 → 00:07:07 ได้ขึ้นทำให้แปลงร่างเปลี่ยนจากตัว1ใบตัว
00:07:07 → 00:07:09 นึงแล้วก็เป็นกลับไปกลับมาได้ตรงนี้นะ
00:07:09 → 00:07:11 ครับมันอาจจะเป็นรายละเอียดสักนิดนึงนะ
00:07:11 → 00:07:13 ครับเผื่อจะไม่ต้องสนใจมากก็ได้นะครับ
00:07:13 → 00:07:15 เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะครับไม่ได้อยากให้
00:07:15 → 00:07:18 จำแค่อยากให้เห็นภาพเฉยๆนะครับคือการ์ด
00:07:18 → 00:07:20 ครับเราทรายเนี่ยมันสามารถละลายในของเหลว
00:07:20 → 00:07:23 ทำละลายในเลือดได้นะครับละลายน้ำได้แล้ว
00:07:23 → 00:07:26 มันจะได้เป็นกฎตัวนึงนะครับช่วยกดค่า
00:07:26 → 00:07:29 บริการเสร็จได้กดค่าบริการสิตัวนี้มัน
00:07:29 → 00:07:31 สามารถแตกตัวมาได้นะครับเป็นไฮโดรเจน
00:07:31 → 00:07:33 ไอออนก็ไปเข้ามาเนตได้เท่านั้นก็จะเห็น
00:07:33 → 00:07:35 ไว้ตัวคำรักทรายโดยสามารถที่จะแปลงร่าง
00:07:36 → 00:07:38 ว่าเป็นให้รถจะนอนกับใบขับได้ขณะเดียวกัน
00:07:38 → 00:07:42 อ้ะตัวปลดนะครับตัวให้ตัวจะนอนกับใบค่ะก็
00:07:42 → 00:07:44 สามารถรวมตัวกันนะครับแล้วสุดท้ายเด้อ
00:07:44 → 00:07:47 เปลี่ยนกลับไปเป็นคำรักทรายได้ซึ่งก็คือ
00:07:47 → 00:07:49 เค้ารักษาที่เราหายใจออกไปเมื่อเราเข้าใจ
00:07:49 → 00:07:51 ภาวะตรงนี้นะครับก็ทำให้เราเข้าใจกันว่า
00:07:51 → 00:07:54 ทางร่างกายเนี่ยมากขึ้นนะครับเช่นสมมติ
00:07:54 → 00:07:56 ว่าในเลือดของเรานะครับมันมีความเป็นกฎ
00:07:56 → 00:07:58 มากเกินไปก็คือมีไฮโดรเจนไอออนเนี่ยใน
00:07:58 → 00:08:01 เรื่องใดมากเกินไปเอาตั๋วให้ด้วยจะได้โอน
00:08:01 → 00:08:04 หนี้มันสามารถจะไปรวมกับใบขาวนะครับเสร็จ
00:08:04 → 00:08:06 แล้วเนี่ยก็จะเป็นออกมาเป็นคำรักทรายแล้ว
00:08:06 → 00:08:08 เราก็หายใจไม่ออกไปได้ดังนั้นการหายใจ
00:08:08 → 00:08:11 เร็วๆนะครับก็คือการขับคำรับสายออกจาก
00:08:11 → 00:08:13 ร่างกายของเราในให้เร็วขึ้นแล้วก็คือการ
00:08:13 → 00:08:16 ขับกรดออกจากร่างกายให้เร็วขึ้นและนั่นนะ
00:08:16 → 00:08:18 ครับก็คือสารเคมีหลักๆนะครับที่มีผลต่อ
00:08:18 → 00:08:21 ความเป็นกรดด่างของเลือดเราตอนนี้จะมาดู
00:08:21 → 00:08:24 อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมภาวะ
00:08:24 → 00:08:26 กระดานร่างกายกันบ้างนะครับว่ามันมีเอา
00:08:26 → 00:08:29 ไว้ว่าอะไรบ้างนะครับหลักๆก็อย่างที่ว่า
00:08:29 → 00:08:31 ไปนะคะมันจะมีสองไว้ว่าหลักเลยก็คือ
00:08:31 → 00:08:34 เรื่องของไปแล้วก็เรื่องของปอดซึ่งค่อน
00:08:34 → 00:08:36 ข้างตรงไปตรงมานะครับคือปอดก็เชิญมาที่
00:08:36 → 00:08:39 ควบคุมการหายใจถูกไหมครับแล้วก็จะคอยทำ
00:08:39 → 00:08:41 หน้าที่ขับคำรักษาซึ่งก็คือตัวกรดที่อยู่
00:08:41 → 00:08:44 ในเลือดเนี่ยออกไปถ้ากดเลือกละมากเกินไป
00:08:44 → 00:08:46 แล้วก็ให้ใจเร็วขึ้นครับเค้ารักษาไปมาก
00:08:46 → 00:08:48 ขึ้นก็จะลดความเป็นกฎในเรื่องของเราได้
00:08:48 → 00:08:51 สำหรับเขาใหญ่วะที่ 2 นะครับก็คือไปนะ
00:08:51 → 00:08:53 ครับที่เราก็คุยกันไปแล้วตอนที่เราคุย
00:08:53 → 00:08:55 เรื่องของไตว่าหน้าที่หนึ่งของตายที่
00:08:55 → 00:08:57 สำคัญเนี่ยก็คือการขับกรดออกไปขับปัสสาวะ
00:08:58 → 00:09:00 หรือว่าการเก็บตัวด่านะก็ไม่ค่อยเด่น
00:09:00 → 00:09:03 เนี่ยตอบคุณเลือกของเราแล้วการทำงานร่วม
00:09:03 → 00:09:05 กันของ 2 ออยวานนี้นะครับมันก็จะทำให้
00:09:05 → 00:09:08 ภาวะก็ได้ในร่างกายของเราในเรื่องของเรา
00:09:08 → 00:09:10 เนี่ยมันมีความสมดุลนะครับเราค่อนข้างคง
00:09:10 → 00:09:10 ที่
00:09:10 → 00:09:13 ตอนนี้ผมอยากจะชวนมาดูตัวอย่างในชีวิต
00:09:13 → 00:09:16 จริงกันบ้างนะครับสมมติว่าเราไปออกกำลัง
00:09:16 → 00:09:18 กายนะครับที่เราไปวิ่งก่อนระยะทางไกลๆนะ
00:09:18 → 00:09:20 ครับหรือว่าเราออกกำลังกายแบบเอา Squad
00:09:20 → 00:09:24 นะครับดอกเดียวขายนะครับเพื่อใช้กล้าม
00:09:24 → 00:09:27 เนื้อมัดใหญ่ที่อยู่ออกเวรหลังขากับต้นขา
00:09:27 → 00:09:30 ให้มันทำงานมากขึ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ
00:09:30 → 00:09:32 ตามเนื้อมาทำงานมากขึ้นนะครับว่าจากการ
00:09:32 → 00:09:35 วิ่งและจากกันสวรรค์ก็ตามเนี่ยมันจะทำให้
00:09:35 → 00:09:40 มีการสะสมกรดภายในคราบด้วยของเราแล้วกด
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยก็จะสามารถที่จะเข้าในเลือดนะครับทำ
00:09:42 → 00:09:43 ให้เลือกของเรานั้นมีความเป็นกรดเพิ่ม
00:09:43 → 00:09:46 ขึ้นเมื่อได้ของเรามีความปลอดเพิ่มมาก
00:09:46 → 00:09:49 ขึ้นนะครับเราเคยคุยกันไปนะครับถ้าจำกัน
00:09:49 → 00:09:53 ได้เนี่ยผมก็น้อยให้ฟังว่าในเส้นเลือดแถว
00:09:53 → 00:09:55 ๆบริเวณคอของเราเดี๋ยวมันจะมีตัว Sensor
00:09:55 → 00:09:57 อยู่นะครับที่จะวัดความเป็นกรดด่างใน
00:09:57 → 00:10:00 เลือดว่ากฎดังเหลือในมันมากน้อยแค่ไหน
00:10:00 → 00:10:02 อยู่ที่นี่มาต่อเซ็นเซอร์มันจับได้ว่ามัน
00:10:02 → 00:10:05 มีความเป็นกรดในเลือดเหนียวมากขึ้นมันก็
00:10:05 → 00:10:07 จะส่งสัญญาณขึ้นไปที่สมองเพื่อรับรู้ว่า
00:10:07 → 00:10:10 ตอนนี้เลือดมันมีความเป็นกรดสูงขึ้นแล้ว
00:10:10 → 00:10:13 สมองเนี่ยก็จะรับรู้แล้วก็จะสั่งมัดงานมา
00:10:13 → 00:10:15 ที่ปอดนะครับสั่งมาที่กล้ามเนื้อที่
00:10:15 → 00:10:17 เกี่ยวของการหายใจให้เราหายใจเนี่ยไม่
00:10:17 → 00:10:20 ขึ้นนะครับหายใจถี่ขึ้นเพื่อที่จะขับคำ
00:10:20 → 00:10:23 รักซ้ายออกไปจากร่างกายของเราซึ่งก็คือ
00:10:23 → 00:10:26 การขับกรดจากร่างกายของเราและการนั้นก็
00:10:26 → 00:10:28 คืออาการหอบเหนื่อยนะครับที่เกิดขึ้นเวลา
00:10:28 → 00:10:30 เราออกกำลังกายนะครับแต่นั้นช่วงที่เรา
00:10:30 → 00:10:32 ออกกำลังกายเสร็จแล้วยังคอร์ดอยู่ในพัก
00:10:32 → 00:10:34 นึงเนี่ยก็คือช่วงที่ร่างกายดาวเทียมจะ
00:10:34 → 00:10:37 ขับให้ความปวดที่มันค้างอยู่เนี่ยออกไป
00:10:37 → 00:10:39 เรื่อยๆเพื่อความเป็นกรดของในเลือดของเรา
00:10:39 → 00:10:42 ในว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลนะครับเข้าสู่
00:10:42 → 00:10:45 ภาวะกลางในครั้งนึงเนี่ยเราก็จะหยุดผ่อน
00:10:45 → 00:10:46 เหนื่อยนะครับประการพร้อมเนี่ยก็จะหายไป
00:10:47 → 00:10:49 เท่านี้นะครับผมเชื่อว่าหลายคนนะเพราะฟัง
00:10:49 → 00:10:51 มาถึงตรงนี้นะครับอาจารย์นึกสงสัยขึ้นมา
00:10:51 → 00:10:54 นะครับว่าได้การทำงานของปอดและก็ไปเนี่ย
00:10:54 → 00:10:57 มันต่างกันยังไงนะครับก็คือว่าปอดเนี่ยก็
00:10:57 → 00:10:59 ทำหน้าที่ควบคุมกฎได้เหมือนกันนะครับด้วย
00:10:59 → 00:11:02 การสนใจส่วนตัวตายแล้วก็ทำหน้าที่ควบคุม
00:11:02 → 00:11:05 product เหมือนกันด้วยกันขับออกรถออกทาง
00:11:05 → 00:11:08 ปัสสาวะก็ดึงตัวไปข้างในกลับเข้าในเลือด
00:11:08 → 00:11:10 สำหรับคำถามนี้นะครับจริงเราเคยต่อไปแล้ว
00:11:10 → 00:11:14 นะครับสั้นๆนะครับออกแบบย่อๆก็คือว่าการ
00:11:14 → 00:11:18 ปรับความกดดันของเลือดในจักรวาลปอดเนี่ย
00:11:18 → 00:11:21 มันจะปรับค่อนข้างเร็วเพราะว่ามันปรับ
00:11:21 → 00:11:23 ด้วยการหายใจเธอมาทำมันจะปรับเปลี่ยนการ
00:11:23 → 00:11:25 ที่ใจของเราให้เร็วขึ้นว่าช้าลงแต่ว่าเรา
00:11:25 → 00:11:28 จะหายใจเร็วขึ้นแล้วช้าลงในแค่ชั่วคราว
00:11:28 → 00:11:31 เท่านั้นจนตายในมันจะทำงานเหมือนกับทำงาน
00:11:31 → 00:11:33 ระยะยาวนะครับก็คือค่อยๆเปลี่ยนภาวะความ
00:11:33 → 00:11:36 เป็นกรดด่างอย่างช้าๆนะครับก็ค่อยๆขับสาร
00:11:36 → 00:11:39 เคมีออกไปเรื่อยๆนะครับทีละหยดทีละหยดทำ
00:11:39 → 00:11:41 ให้โกดังในเรื่องของเราเนี่ยค่อยเปลี่ยน
00:11:41 → 00:11:44 ช้านะครับแต่ว่ามันจะเปลี่ยนได้นานโดยตัว
00:11:44 → 00:11:46 ก็คือว่าปอดเนี่ยทำงานเร็วนะครับแต่ทำงาน
00:11:46 → 00:11:49 สั้นส่วนตายเนี่ยจะทำงานระยะยาวนะครับแต่
00:11:49 → 00:11:53 ทำงานช้าๆไปโอเคคิดว่าน่าจะพอเห็นภาพแล้ว
00:11:53 → 00:11:54 นะครับขาวๆนะครับว่าร่างกายของเราเดี๋ยว
00:11:54 → 00:11:57 ควบคุมความเป็นกรดด่างในเลือดของเราอย่าง
00:11:57 → 00:12:00 ไรนะครับคันนี้ผมจะชวนมาดูบ้างว่าในผมคิด
00:12:00 → 00:12:03 ผิดปกตินะครับอ่อที่ร่างกายคนเราเสีย
00:12:03 → 00:12:05 สมดุลของโกดังไปเนี่ยมันเกิดขึ้นได้ยังไง
00:12:05 → 00:12:10 นะครับ
00:12:10 → 00:12:13 คำตอบนะครับก็ค่อนข้างตรงไปตรงมานะครับ
00:12:13 → 00:12:16 ค่อนข้างง่ายๆก็คือว่าไม่ว่าจะเป็นภาวะ
00:12:16 → 00:12:18 อะไรก็ตามครับที่ทำให้การหายใจของเรา
00:12:18 → 00:12:21 เนี่ยมันเสียไปนะครับรถเปลี่ยนไปอย่างมาก
00:12:21 → 00:12:24 ๆหรือทำให้การทำงานของไตเนี่ยมันเสียไป
00:12:24 → 00:12:27 มันก็จะทำให้การควบคุมกฎดังของเลื่อน
00:12:27 → 00:12:29 เสี่ยไปได้จากนั้นคำถามนะครับก็ต้องแยก
00:12:29 → 00:12:32 หรือว่ามันมีอะไรบ้างที่ทำให้การเห็นใจ
00:12:32 → 00:12:35 ของเราในมันเปลี่ยนไปนะครับแล้วก็มันมี
00:12:35 → 00:12:37 อะไรบ้างที่ทำให้ตายของเราเนี่ยเสียหาย
00:12:37 → 00:12:40 ได้เราจะมาเริ่มจากคำถามแม่ก่อนนะครับก็
00:12:40 → 00:12:42 คือว่ามันมีภาวะอะไรบ้างที่ทำให้การหายใจ
00:12:42 → 00:12:45 ของเราเดี๋ยวมันผิดปกติไปหรือว่าเสียหาย
00:12:45 → 00:12:48 ไปได้ดังนั้นนะครับถ้ามีอุบัติเหตุนะครับ
00:12:48 → 00:12:50 หรือว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับสมองนะครับ
00:12:50 → 00:12:52 เช่นเป็นเรื่องของรถชนนะครับหัวกระแทก
00:12:52 → 00:12:54 พื้นอย่างรุนแรงแล้วมีเลือดออกในสมอง
00:12:54 → 00:12:58 เนี่ยะมันจะมีผลกระทบให้ไอ้ออกการแห่งใจ
00:12:58 → 00:13:01 ของเราเนี่ยมันช้าลงได้เสื้อชนิดมาหายใจ
00:13:01 → 00:13:04 ช้าลงจากที่สมองเสียหายเนี่ยเราก็จะหายใจ
00:13:04 → 00:13:07 น้อยลงทำให้คำรักทรายในเลือดมันข้างมาก
00:13:07 → 00:13:09 ขึ้นทำให้เลือกเราเนี่ยมีภาวะที่กดมาก
00:13:09 → 00:13:12 ขึ้นต้องหรือจากการได้รับอุบัติเหตุนะ
00:13:12 → 00:13:14 ครับสมองเราอาจจะโดนกระทบจากอย่างอื่นได้
00:13:14 → 00:13:17 เช่นเรื่องของสารเคมีนะครับโดยเฉพาะตัว
00:13:17 → 00:13:20 แอลกอฮอล์นะครับหรือว่าเราต่างๆถ้าเรา
00:13:20 → 00:13:23 ดื่มมากเกินไปห้าเดือนประมาณที่สูงมากๆจน
00:13:23 → 00:13:25 เมาเละเลยเนี่ยด้วยความที่อัลกอฮอล์นะ
00:13:25 → 00:13:27 ครับจะมีฤทธิ์ที่เขาเรียกว่าเป็นการกด
00:13:27 → 00:13:29 ระบบประสาทส่วนกลางนะคะหรือว่ากดผู้แรกกด
00:13:29 → 00:13:33 กันไว้ของสมองให้มันทำงานน้อยลงซึ่งมันก็
00:13:33 → 00:13:36 จะออกมาในรูปของความการเมานะครับเมาเยอะๆ
00:13:36 → 00:13:39 ก็คือง่วงนะครับรู้สึกมันๆแล้วก็พูดจาไม่
00:13:39 → 00:13:41 ค่อยรู้เรื่องแล้วถ้าเป็นมากๆก็ทำให้เรา
00:13:41 → 00:13:43 หลับก็ถึงขั้นที่เรียกว่าทำให้แล้วการหาย
00:13:44 → 00:13:46 ใจของเราในบ้านช้าลงด้วยดังนั้นในคนที่
00:13:46 → 00:13:49 เมาแล้วมากๆนะครับมาจนหมดสติไปเนี่ยก็จะ
00:13:49 → 00:13:52 มีความเสี่ยงที่จะพาว่าเลือดบ่มีความเป็น
00:13:52 → 00:13:55 กฎเนี่ยสูงขึ้นได้เช่นกันโดยจากนั้นนะ
00:13:55 → 00:13:57 ครับก็จะเป็นพวกสารเคมีอื่นนะครับอาจจะ
00:13:57 → 00:13:59 เป็นเรื่องของยานะฉันยานอนหลับเนี่ยมันก็
00:13:59 → 00:14:02 จะมีหรือฝากกดประสาทเหมือนกันนะครับก็ถ้า
00:14:02 → 00:14:04 คนที่กินยานอนหลับมากเกินไปนะครับเช่นกิน
00:14:04 → 00:14:06 ในลายเม็ดนะครับขออาจจะเพื่อฆ่าตัวตาย
00:14:06 → 00:14:09 แล้วก็แล้วแต่เนี่ยก็จะทำให้การหายใจของ
00:14:09 → 00:14:11 เราน้อยลงแล้วเกิดเพราะว่าเลือกเป็นกฎ
00:14:11 → 00:14:13 ขึ้นมาได้อันนั้นก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น
00:14:13 → 00:14:15 ที่สมรครับต้องเลยฉะนั้นไม่ว่าจะเป็น
00:14:15 → 00:14:18 เรื่องของคนที่ป่วยด้วยโรคของปอดนะครับ
00:14:18 → 00:14:20 เช่นพวกโลกที่ทำให้ค่าเงินเห็นใจของปอด
00:14:20 → 00:14:23 เนี่ยอ๋อมันติดแค่ตรงนะคะว่าจะเป็นพวกโรค
00:14:23 → 00:14:26 ถุงลมโป่งพองนะครับจะกระฉูดบุหรี่ที่เรา
00:14:26 → 00:14:28 ว่าที่ opd ที่เราคุยกันไปแล้วเหมือนกัน
00:14:28 → 00:14:30 นะครับตอนนี้คุยเรื่องของปอดเราคนที่มี
00:14:30 → 00:14:32 ปัญหาเรื่องของโรคคอคือนะครับเพราะว่าโรค
00:14:33 → 00:14:35 ผื่นทางเดินหายใจเล็กๆได้บ่เนี่ยก็จะติด
00:14:35 → 00:14:38 ตันทำให้คำรับทรายแล้วมันค้างอยู่ในเลือด
00:14:38 → 00:14:42 มากขึ้นได้ก็ทำให้อ๋อมีความเป็นกดเลือก
00:14:42 → 00:14:44 เราในสูงขึ้นในทางตรงกันข้ามนะครับมันจะ
00:14:44 → 00:14:47 มีภาวะบางภาวะนะครับเช่นเป็นภาวะทางจิตใจ
00:14:47 → 00:14:49 นะครับที่ทำให้เราให้จ่ายเน็ตเร็วขึ้นนะ
00:14:49 → 00:14:51 ครับหายใจมากกว่าปกติเพราะตัวอย่างเช่น
00:14:51 → 00:14:53 ภาวะที่มีชื่อเรียกทางการแพทย์นะครับว่า
00:14:53 → 00:14:55 Panic นะครับภายในการแท็กเนี่ยหรือว่า
00:14:55 → 00:14:58 ภาวะที่เหมือนกับรู้สึกวิตกกังวลระวัฒน์
00:14:58 → 00:15:00 ตัวขึ้นอย่างกะทันหันเนี่ยนะครับและก็จะ
00:15:00 → 00:15:03 ทำให้เราหายใจเร็วขึ้นได้ซึ่งในคนที่เกิด
00:15:03 → 00:15:06 อาการเนี่ยนะครับเวลาหายใจเร็วมากขึ้น
00:15:06 → 00:15:08 ด้วยเนี่ยเราก็จะขับคำรักสายออกจากเลือด
00:15:08 → 00:15:11 เนี่ยมากเกินไปหรือว่าเร็วเกินไปจนเหลือ
00:15:11 → 00:15:14 เรามีภาวะเป็นต่างชนิดพอเลือกเรามีพ่อ
00:15:14 → 00:15:16 เป็นด่าเนี่ยคนที่ตามมาเนี่ยมันจะทำให้
00:15:16 → 00:15:19 เกิดการเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่บางตัวนะ
00:15:19 → 00:15:22 ครับซึ่งเอาวันหลังจะเล่าให้ฟังแต่หลักๆ
00:15:22 → 00:15:24 ก็เป็นเรื่องของโพแทสเซียมนะครับไปเลือก
00:15:24 → 00:15:26 เนี่ยแล้วพอเกลือแร่มันเปลี่ยนแปลงมันจะ
00:15:26 → 00:15:29 มีผลกระทบให้กล้ามเนื้อในทำงานผิดปกติไป
00:15:29 → 00:15:33 จนกระทั่งอ่อนบ้านในบางคนนะครับอ่าเจอมาก
00:15:33 → 00:15:36 ๆจะมี PR การแปลงของนิ้วขึ้นมานะครับของ
00:15:36 → 00:15:38 กล้ามเนื้อที่นิ้วเนี่ยจนเกิดอาการที่
00:15:38 → 00:15:40 เป็นอาการมือจีบเลยขึ้นมาได้ซึ่งจะให้ๆ
00:15:40 → 00:15:43 กับนิ้วมือหรือเป็นตะคริวและวิธีแก้นะ
00:15:43 → 00:15:45 ครับก็คือการหายใจเข้าไปในถุงนะครับเพราะ
00:15:45 → 00:15:48 ว่าหากระดาษในทำไมป่วยนะคะเราครอบจมูกปาก
00:15:48 → 00:15:51 เอาไว้แล้วก็หายใจเข้าไปในกรวยที่เราทำ
00:15:51 → 00:15:53 ยังไงนะเพื่อที่เราจะหายใจคำรับสายที่เรา
00:15:53 → 00:15:55 หายใจออกไปเนี่ยกลับเข้าไปครั้งหนึ่ง
00:15:55 → 00:15:57 เพื่อที่จะเพิ่มความรักทรายในเลือดแล้วก็
00:15:57 → 00:16:00 หวังว่าให้ขับรถใส่ตัวนั้นเนี่ยมันจะมามี
00:16:00 → 00:16:02 ความเป็นด่างของเลือดเนี่ยกลับเข้าสู่
00:16:02 → 00:16:05 ความเป็นจริงๆเนี่ยได้ดีขึ้นโอเคนั่นก็
00:16:05 → 00:16:08 เป็นความผิดปกติของกรดด่างในเลือดนะครับ
00:16:08 → 00:16:11 ที่เกิดขึ้นจากทางส่วนของปอดนะครับคราว
00:16:11 → 00:16:14 นี้เราจะมาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากไป
00:16:14 → 00:16:17 กันบ้างนะครับถ้าเป็นการความผิดปกตินะ
00:16:17 → 00:16:19 ครับของกดดันที่เกิดขึ้นจากทักไปนะครับ
00:16:19 → 00:16:21 ประดิษฐ์ทางการแพทย์ในจะมีคำเรียกว่าไม่
00:16:21 → 00:16:24 ตอบอะเหล็กนะครับคือง่ายขึ้นมันจะเป็นการ
00:16:24 → 00:16:26 เปลี่ยนแปลงของสารที่เป็นพวกกดดันต่างๆใน
00:16:26 → 00:16:28 ร่างกายมันเกิดการเปลี่ยนแปลงก็อย่างรวด
00:16:28 → 00:16:31 เร็วที่นี่เพื่อให้เห็นภาพของมาดูตัว
00:16:31 → 00:16:34 อย่างจริงมันน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่ายกตัว
00:16:34 → 00:16:37 อย่างเช่นนะครับเอาในกรณีที่คนที่ป่วย
00:16:37 → 00:16:39 ด้วยอากาศอะไรก็แล้วแต่นะคะหรือว่าโลก
00:16:39 → 00:16:41 อะไรก็แล้วแต่เรามีอาการอาเจียนมากๆนะ
00:16:41 → 00:16:44 ครับก็จะมีการเสียกรดนะครับเพราะว่าอย่าง
00:16:44 → 00:16:46 ที่เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้กันนะครับว่า
00:16:46 → 00:16:48 อะไรเพราะหาเราจะมีความเป็นกฎข้างสูงคือ
00:16:48 → 00:16:51 ตัวน้ำย่อยไม่เห็นเขาเป็นกฎสูงเพราะไอ้เจ
00:16:51 → 00:16:53 เราไปมากๆแล้วก็เสียพวกกดพรุ่งนี้ออกไป
00:16:53 → 00:16:56 ครับการอาเจียนนะครับก็จะทำให้เราเข้าสู่
00:16:56 → 00:16:59 ภาวะด่างในทางตรงกันข้ามนะครับในลำไส้
00:16:59 → 00:17:03 เล็กของว่ามันจะมีความเป็นด่างอ่อนๆอยู่
00:17:03 → 00:17:05 นะคะเป็นด่างเหตุผลที่จริงมันข้างๆตรงไป
00:17:05 → 00:17:08 ตรงมาก็คือเมื่อเรากินอาหารเข้าไปแล้วนะ
00:17:08 → 00:17:10 ครับผ่านกระเพาะซึ่งเป็นกฎสูงเนี่ยพ่อ
00:17:10 → 00:17:12 อ่านไม่ออกจากกระเพาะเข้าไปในลำไส้เล็ก
00:17:12 → 00:17:16 เนี่ยมันจะต้องถูกปรับให้มีค่าใกล้กับคาบ
00:17:16 → 00:17:18 ความเป็นกลางเนี่ยมากขึ้นก็คือกลับมามี
00:17:18 → 00:17:20 ความเป็นได้มากขึ้นเพราะว่าเอนไซม์ที่ใช้
00:17:20 → 00:17:22 ในการย่อยอาหารต่างๆที่ทำงานในอยู่ในลำ
00:17:22 → 00:17:25 ไส้เล็กเนี่ยมาจ้องทำงานในภาวะที่เป็น
00:17:25 → 00:17:28 กลางแล้วค่อยทางด้านนิดหน่อยนะครับร่าง
00:17:28 → 00:17:30 กายในก็จะมีการสร้างพวกสารที่เป็นด่างใน
00:17:30 → 00:17:33 ออกมานะครับนี่เวลาเราเกิดภาวะท้องเสีย
00:17:33 → 00:17:35 รุนแรงนะครับเราก็จะเสียสิ่งที่อยู่ในลำ
00:17:35 → 00:17:38 ไส้ออกไปทั้งลำไส้ใหญ่แล้วก็ไปรวมไปถึงมี
00:17:38 → 00:17:41 สารเคมีในลำไส้เล็กผลก็คือเราจะเสียด่า
00:17:41 → 00:17:44 ออกจากร่างกายทำให้เลือดของเรานะครับมี
00:17:44 → 00:17:46 ภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้นได้ซึ่งก็จะตรงข้าม
00:17:46 → 00:17:49 กับการอาเจียนที่คุยกันไปหรือปัญหานะคะ
00:17:49 → 00:17:52 อาจจะเกิดจะกันความเป็นปฏิธิไตยโดยตรงนะ
00:17:52 → 00:17:54 ครับก็อย่างที่คุยกันไปวัดไตเป็นอวัยวะ
00:17:54 → 00:17:57 ที่คอยทำหน้าที่ขับกดออกจากร่างกายคราว
00:17:57 → 00:17:59 นี้นะแต่เขาทำงานน้อยลงนะครับว่าจะเป็น
00:17:59 → 00:18:02 จัดการผู้บาดเจ็บเฉียบพลันนะครับเราเป็น
00:18:02 → 00:18:04 โรคไตเรื้อรังเนี่ยร่างกายเราก็จะเป็นการ
00:18:04 → 00:18:07 สะสมกดในเลือดเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้เกิด
00:18:07 → 00:18:10 ภาวะเลิกเป็นกฎได้อีกภาวะหนึ่งนะคะที่พบ
00:18:10 → 00:18:12 ได้บ่อยนะครับก็คือผู้ป่วยที่ช็อกนะครับ
00:18:12 → 00:18:15 จากโรคเบาหวานก็คือเป็นคนที่ผู้ป่วยเป็น
00:18:15 → 00:18:17 โรคเบาหวานอยู่แต่เดิมนะครับคุมน้ำตาลไม่
00:18:17 → 00:18:19 ดีเนี่ยทั้งน้ำตานั้นขึ้นไปสูงมากๆครับ
00:18:19 → 00:18:22 ขึ้นไปสูงแบบเจ็ดร้อยพันนึงอะไรประมาณนี้
00:18:22 → 00:18:25 นะครับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าเมื่อน้ำ
00:18:25 → 00:18:27 ตาลในเลือดเป็นสูงในเหตุผลที่นัดอันนี้
00:18:27 → 00:18:29 มันสูงนะเพราะน้ำตาได้ไม่สามารถเข้าไปใน
00:18:29 → 00:18:32 เซลล์ได้จะได้พอเซลล์เนี่ยมันขาดน้ำตาล
00:18:32 → 00:18:35 เนี่ยมันก็มีพลังงานถูกไหมครับมันก็จะไป
00:18:35 → 00:18:38 หาพลังงานทางเลือกอื่นมาใช้ซึ่งมันเคยเผา
00:18:38 → 00:18:42 ไขมันว่าใช้หนี้เวลามันเผาใครมาใช้จำนวน
00:18:42 → 00:18:44 มากๆมันจะได้สารเคมีตัวออกมาเป็นสารที่มี
00:18:44 → 00:18:47 ชื่อเรียกว่าคีโตนไอ้สารคีโตนในบ่อมี
00:18:47 → 00:18:50 ฤทธิ์เป็นกรดนะครับจะได้พอมันมีการใช้
00:18:50 → 00:18:52 แล้วก็สร้างที่ตนทั่วมากๆเพราะทำให้เกิด
00:18:52 → 00:18:55 ภาวะขอเลือกเป็นกรดได้เพราะว่าเนี่ยเป็น
00:18:55 → 00:18:57 ภาวะที่เรียกว่ามีชื่อเรียกว่าขี่ตัว R
00:18:57 → 00:19:00 ซิโดซิสนะครับซึ่งเป็นสาเหตุที่พบถ้าวัน
00:19:00 → 00:19:02 หลังถ้ามีโอกาสคุยเรื่องของภาวะช็อกจาก
00:19:02 → 00:19:04 โรคเบาหวานอย่างละเอียดนะครับผมจะมาเล่า
00:19:04 → 00:19:07 เรื่องพรุ่งนี้ให้ฟังอีกทีนึงนะครับโอเค
00:19:07 → 00:19:09 ทั้งหมดนี้นะครับคือสาเหตุที่พบได้บ่อยนะ
00:19:09 → 00:19:11 ครับที่ทำให้อ๋อความเป็นกรดด่างของเลือด
00:19:11 → 00:19:14 เราเนี่ยเปลี่ยนไปหรือว่าผิดปกติไม่ได้คำ
00:19:14 → 00:19:17 ถามถัดไปนะครับก็คือว่าแล้วเราจะรู้ได้
00:19:17 → 00:19:20 ยังไงนะครับว่าภาวะกรดด่างของเลือดเรา
00:19:20 → 00:19:22 เนี่ยตอนนี้มันเป็นยังไงคำตอบก็คือว่า
00:19:22 → 00:19:25 วิธีเรียกรู้ได้กันการเจาะเลือดเข้าไปดู
00:19:25 → 00:19:27 ได้การจอดรถแบบนี้นะครับมันจะไม่เหมือน
00:19:27 → 00:19:29 กับการเจาะเลือดที่เราเวลาเราไปตรวจพวก
00:19:29 → 00:19:31 เขาจะรอตัวน้ำตานะครับซึ่งจะจอดที่เส้น
00:19:31 → 00:19:34 เลือดดำนะครับเช่นตัวที่แบบข้อพับแถวข้อ
00:19:34 → 00:19:37 สอบเนี่ยนะครับแต่ว่าการตรวจความเป็นกฎ
00:19:37 → 00:19:39 ได้มานพตรวจจากออการจอดจากเส้นเลือดแดงนะ
00:19:39 → 00:19:42 ครับซึ่งส่วนใหญ่นิยมเจาะเวรที่จะแดงที่
00:19:42 → 00:19:44 อยู่แถวข้อมือนะครับซึ่งก็คือตัวชิ้นเอา
00:19:44 → 00:19:48 แสดงที่เราใช้คำที่ประจรกันซึ่งคนส่วน
00:19:48 → 00:19:50 ใหญ่ถ้าไม่เคยป่วยหนักๆหรือเข้าไปนอนโรง
00:19:50 → 00:19:53 พยาบาลไม่น่าจะเคยโดนตรวจแบบนี้มาเกาะน
00:19:53 → 00:19:54 และนั่นก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดนะครับผมกด
00:19:54 → 00:19:56 ด่างนะคะที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังหน่อยพี่
00:19:56 → 00:19:58 โสดนี้นะครับก็คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพนะ
00:19:58 → 00:20:01 ครับว่าให้ลดระดับก็เลือกเป็นคืออะไรนะ
00:20:01 → 00:20:03 ครับมันสำคัญกับร่างกายของเรายังไงแล้ว
00:20:04 → 00:20:06 มันร่างกายพอเราในวันนี้คนไกลที่จะคอยควบ
00:20:06 → 00:20:09 คุมความเป็นกรดด่างของเลือดแล้วสาเหตุ
00:20:09 → 00:20:11 อะไรบ้างนะคะที่พบได้บ่อยที่ทำให้ความ
00:20:11 → 00:20:14 เป็นกฎได้มาผิดปกติไปก็น่าจะครอบคลุมนะ
00:20:14 → 00:20:17 ครับสำหรับในพิโซนี้ผมก็อยากจะขอจบเรื่อง
00:20:17 → 00:20:19 ราวไว้ตรงนี้เลยนะครับแล้วก็จะจากกันไป
00:20:19 → 00:20:22 เช่นเคยนะครับถ้าใครชอบสิ่งที่เล่าให้ฟัง
00:20:22 → 00:20:24 นะครับเราอยากซับสนุนเป็นกำลังใจให้นะ
00:20:24 → 00:20:27 ครับก็อย่าลืมกด Subscribe นะครับกดไลค์
00:20:27 → 00:20:28 นะครับแล้วก็เขียนคอมเม้นให้หน่อยนะครับ
00:20:28 → 00:20:31 ก็วันนี้ผมก็ขอลาไปก่อนนะครับและเรามาเจอ
00:20:31 → 00:20:40 กันใหม่ในที่สนหน้านะครับส่วนนี้ครับอ่ะ
00:20:40 → 00:20:44 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:02 เธอเคยได้ยินกันใช่ไหมครับว่าภายในร่าง
00:00:02 → 00:00:05 กายของนกเนี่ยมันมีสิ่งที่เรากดอยู่นะ
00:00:05 → 00:00:07 ครับวันนี้เราจะมาคุยเรื่องนี้กันนะครับ
00:00:07 → 00:00:10 ก็จะมาคุยเรื่องของกรดด่างประเด็นคร่าวๆ
00:00:10 → 00:00:12 นะครับค่ะอยากจะวาดภาพได้เห็นก่อนนะคะสี
00:00:12 → 00:00:14 รถจะคุยในวันนี้นะครับมันจะมีอยู่ประมาณ
00:00:14 → 00:00:17 3-4 ประเด็นด้วยกันนะครับเรื่องอะไร
00:00:17 → 00:00:18 เนี่ยผมอยากจะชวนไปดูนะครับว่าไอ้คิดว่า
00:00:18 → 00:00:21 กฎต่างในร่างกายมันคืออะไรนะครับแล้วก็
00:00:21 → 00:00:24 มันสำคัญกับร่างกายของเรายังไงเดี๋ยวที่
00:00:24 → 00:00:26 สองก็คือว่าเราจะไปดูว่ามันจะมีสารเคมี
00:00:26 → 00:00:30 อะไรบ้างนะครับที่จะมีผลให้ภาวะกดดันของ
00:00:30 → 00:00:33 เลือดเราเนี่ยมันเปลี่ยนไปได้อย่างที่ 3
00:00:33 → 00:00:36 นะครับผมจะชวนไปดูว่าร่างกายของเราเนี่ย
00:00:36 → 00:00:39 มีกลไกอะไรนะครับที่จะควบคุมความเป็นกรด
00:00:39 → 00:00:41 ด่างในเลือดของเราเนี่ยไม่ให้มันเปลี่ยน
00:00:41 → 00:00:44 แปลงไปมากนะครับคือทำไงที่มันจะ Smart
00:00:44 → 00:00:47 รักษาสมดุลอยู่ได้หลักๆเอาไว้ที่เกี่ยว
00:00:47 → 00:00:49 ข้องเป็นเรื่องของปอดกับไปนะครับเธอเป็น
00:00:49 → 00:00:51 เรื่องที่เราคุยกันได้บ้างแล้วนะครับก็
00:00:51 → 00:00:53 เลยคิดว่าน่าจะคุยเรื่องนี้กันแล้วสำหรับ
00:00:53 → 00:00:56 ข้อที่ 4 คือว่าเมื่อเราเข้าใจเกี่ยวกับ
00:00:56 → 00:00:59 การทำงานของร่างกายตอนที่ปกติไปแล้วเนี่ย
00:00:59 → 00:01:01 เราจะมาดูพระเต็มที่ปกติเห็นบ้างนะครับ
00:01:01 → 00:01:04 ว่ามันมีภาวะอะไรบ้างนะครับที่ทำให้สมดุล
00:01:04 → 00:01:06 ของกรดด่างในร่างกายของเราเนี่ยมันเสียไป
00:01:06 → 00:01:09 ได้โอเคเรามาเริ่มต้นหัวข้อแรกกันเลยนะ
00:01:09 → 00:01:11 ครับก็คือเราจะไม่ทำความรู้จักกับภาวะก็
00:01:12 → 00:01:15 ได้ในร่างกายคอมเป็นก่อนคำถามเบสิคนะครับ
00:01:15 → 00:01:17 คำถามพื้นฐานสุดครับถ้าได้ก็คือว่าเพราะ
00:01:17 → 00:01:20 ว่า codon อาการของมนุษย์เนี่ยมันคืออะไร
00:01:20 → 00:01:22 นะคะว่ามาสำคัญกับร่างกายของเราอย่างไรคำ
00:01:22 → 00:01:24 ตอบสำหรับคำถามนี้นะครับจริงๆมันค่อนข้าง
00:01:24 → 00:01:28 จะตรงไปตรงมามากๆเลยนะครับก็คือว่าภายใน
00:01:28 → 00:01:29 ร่างกายของมนุษย์เนี่ยมันจะมีสารเคมีต่าง
00:01:29 → 00:01:32 ๆอยู่มากมายตัวไหมครับแล้วการที่ทางกาย
00:01:32 → 00:01:34 มนุษย์เนี่ยมันสามารถทำงานได้เนี่ยเพราะ
00:01:34 → 00:01:37 ว่ามันเกิดปฏิกิริยาเคมีนะครับระหว่างสาร
00:01:37 → 00:01:41 เคมีเหล่านี้อย่างนั้นปฏิกิริยาเคมีเนี่ย
00:01:41 → 00:01:43 ไม่ว่าจะเป็นที่เกิดที่ไหนก็ตามนะครับว่า
00:01:43 → 00:01:45 จะเกิดภายในร่างกายของเราหรือว่าภายนอก
00:01:45 → 00:01:48 ร่างกายเนี่ยความเป็นกฎได้มันสามารถที่จะ
00:01:48 → 00:01:50 เปลี่ยนความเร็วของการเกิดปฏิกิริยาเคมี
00:01:50 → 00:01:53 ได้นะครับว่าคือให้เกิดขึ้นช้าลงเร็วขึ้น
00:01:53 → 00:01:56 หรือว่าหยุดริยาเคมีก็ได้นะครับทั้งนั้น
00:01:56 → 00:01:57 เมื่อร่างกายของเราเนี่ยมันมีปฏิกิริยา
00:01:57 → 00:02:00 เคมีต่างๆเกิดขึ้นภายในร่างกายได้มากมาย
00:02:00 → 00:02:02 มาสำรวจของก็ด่ามึงเคยสำคัญนะครับสำคัญ
00:02:02 → 00:02:05 กับทั้งร่างกายเลยนะครับเพราะว่าถ้ามีการ
00:02:05 → 00:02:07 เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนะครับก็จะเป็นกฎมาก
00:02:07 → 00:02:10 ไปแล้วด่าว่าไปเนี่ยมันก็จะมีผลให้
00:02:10 → 00:02:12 ปฏิกิริยาเคมีข้างกายของเราเนี่ยทำงาน
00:02:12 → 00:02:15 ต่างไปจากภาวะปกติได้ตอนนี้เรามันทำความ
00:02:15 → 00:02:17 รู้จักกับความเป็นกฎได้ซักนิดนึงนะครับ
00:02:17 → 00:02:20 สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยวิชาเคมีนะครับว่า
00:02:20 → 00:02:23 ไอ้เพราะว่ากฎได้ไม่คืออะไรนะครับโดยปกติ
00:02:23 → 00:02:26 ทั่วๆไปนะครับภาวะความเป็นคนดังในร่างกาย
00:02:26 → 00:02:28 เนี่ยหรือว่าความเป็นกฎได้ทั่วไปเนี่ยมัน
00:02:28 → 00:02:30 จะมีวัดออกมาเป็นค่านะครับค่าเนี่ยเรียก
00:02:30 → 00:02:34 ว่าค่าพีเอชนะครับเป็นตัวย่อนะครับค่า PS
00:02:34 → 00:02:36 นี้นะครับหลักๆก็คือเป็นวิธีการวัดศาลตัว
00:02:36 → 00:02:38 นึงนะคะเป็นสารที่มีชื่อเรียกว่าให้รู้
00:02:38 → 00:02:42 เช่นไอออนไว้สารตัวนี้มันมีมีในร่างกาย
00:02:42 → 00:02:45 เราเนี่ยมากน้อยแค่ไหนแค่โดยที่ไหนออนมัน
00:02:45 → 00:02:47 เป็นสารที่เธอพูดภาษาแบบง่ายๆก็คือมัน
00:02:47 → 00:02:50 เป็นตัวกรดนะครับมันมีความเป็นกรอบสูงมาก
00:02:50 → 00:02:52 ปกติเนี่ยค่าพีเอชเอเอ็มจะมีค่าได้อยู่
00:02:52 → 00:02:55 ประมาณตั้งแต่ 0 นะครับจะถึง 14 ถ้าตัว
00:02:55 → 00:02:57 เล็กๆน้อยๆนะครับคือ 0 1 2 เนี่ยจะบอก
00:02:57 → 00:03:00 ว่ามันมีความเป็นกรดที่สุขมากๆนะครับแต่
00:03:00 → 00:03:02 ละตัวเลยอ่ะเนี่ยเช่นประมาณ 13 14 จะบอก
00:03:02 → 00:03:05 ว่ามีความเป็นด่างที่สูงมากๆแล้วค่าตรงตา
00:03:05 → 00:03:08 นะครับตัวเลข 7 นะครับก็คือสำหรับสารที่
00:03:08 → 00:03:10 ไม่ได้มีความเป็นทั้งกฎและด่านะครับแช่
00:03:10 → 00:03:13 น้ำเปล่าเป็นต้นก็จะมี pH ประมาณ 7 โดย
00:03:13 → 00:03:15 ทั่วไปนะคะในร่างกายของมนุษย์เนี่ย on
00:03:15 → 00:03:17 โดยเฉพาะแบรนด์เลือกเนี่ยมันจะมีเพียง
00:03:17 → 00:03:20 ประมาณตรงกลางๆนะครับคือประมาณ 7.35 ถึง
00:03:20 → 00:03:23 7.45 บางครั้งก็แรงกดได้นิดมาข้างหน้าจะ
00:03:23 → 00:03:27 เป็นด่างนิดนะครับถ้า PH ของเลือดมันน้อย
00:03:27 → 00:03:29 กว่า 7.35 ไปนะครับเราก็ถือว่าร่างกายของ
00:03:29 → 00:03:32 เราเนี่ยเข้าสู่ภาวะที่เป็นกรดมากเกินไป
00:03:32 → 00:03:35 แล้วถ้าเลือดมันเกิน 7.45 ไปนะครับก็คือ
00:03:35 → 00:03:37 จะบอกว่าร่างกายเรามีสภาวะที่เป็นด่างมาก
00:03:37 → 00:03:41 เกินไปซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้การทำงาน
00:03:41 → 00:03:43 ต่างๆหรือว่าปฏิกิริยาเคียงต่อร่างกายของ
00:03:43 → 00:03:46 เราและมันผิดปกติไปร่างกายเราเนี่ยก็จะ
00:03:46 → 00:03:49 ยอมให้เกิดภาวะแบบนี้ไม่ได้นะครับคือโกรธ
00:03:49 → 00:03:51 มากไปรึดังมากไปเนี่ยไม่ยอมให้เกิดขึ้น
00:03:51 → 00:03:54 เมื่อเคยก็มีคนใจนะครับในร่างกายของเรา
00:03:54 → 00:03:56 เนี่ยที่จะคอยควบคุมไม่ให้เลือกเราเนี่ย
00:03:56 → 00:04:00 มันมีความเป็นกรดหรือด่างมากเกินไปผมคะ
00:04:00 → 00:04:02 เดี๋ยวจะชวนมาดูกันนิดนึงนะคะไว้คนไกลควบ
00:04:02 → 00:04:04 คุมความเป็นกรดด่างของเลือดของร่างกายเรา
00:04:04 → 00:04:11 เนี่ยมันทำงานยังไง
00:04:11 → 00:04:14 แรกส่วนนะครับผมอยากจะเห็นภาพนะครับว่า
00:04:14 → 00:04:16 ไอ้ความเป็นป๊อดด่าในเลือดของเราเนี่ยมัน
00:04:16 → 00:04:18 สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงง่ายแค่ไหนนะครับ
00:04:18 → 00:04:21 แล้วก็เป็นไปได้เร็วแค่ไหนก็อยากเจ้าจะ
00:04:21 → 00:04:23 เริ่มด้วยการให้ลองดึกภาพนะครับหรือว่า
00:04:23 → 00:04:26 ลองจินตนาการนะครับเรากลั้นหายใจนะครับนะ
00:04:26 → 00:04:29 คะนะไปนะครับ 1 2 3 4 5 6 7 8 นะ
00:04:29 → 00:04:31 ครับแล้วไปเรื่อยๆถึงประมาณซัก 20-30
00:04:31 → 00:04:34 ครั้งนะครับเพียงแค่เนี้ยความเป็นกรดได้
00:04:34 → 00:04:36 ในเรื่องของเราเนี่ยก็จะสามารถเป็นไปได้
00:04:36 → 00:04:38 แล้วนะครับเพราะว่าขอเวลาเรากลั้นหายใจ
00:04:38 → 00:04:41 เนี่ยมันจะทำให้ภาวะความเป็นกรดในเลือด
00:04:41 → 00:04:44 ของเราเนี่ยมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือถ้า
00:04:44 → 00:04:46 เราทำตรงกันข้ามนะครับก็คือบังคับให้ตัว
00:04:46 → 00:04:48 เองให้ใจเร็วขึ้นนะครับหายใจถี่ขึ้นเช่น
00:04:48 → 00:04:50 ในใจแบบข้าวออก
00:04:50 → 00:04:53 เด็กๆกันได้นะครับประมาณซัก 20-30 ครั้ง
00:04:53 → 00:04:55 นะครับอาจจะแค่ประมาณ 15 ครั้ง 20 ครั้ง
00:04:55 → 00:04:58 ก็พอนะครับความเป็นกรดด่างของเลือดเรา
00:04:58 → 00:05:00 แล้วก็เปลี่ยนไปได้แล้วเหมือนกันนะครับก็
00:05:00 → 00:05:01 เพราะตอนที่เราหายใจเร็วๆเนี่ยเราจะมี
00:05:01 → 00:05:04 ชั้นขับหรือว่าให้ใจคำว่ารักทรายเนี่ยออก
00:05:04 → 00:05:06 จากร่างกายของเราเนี่ยไปอย่างรวดเร็วนะ
00:05:06 → 00:05:07 ครับจะทำให้เลือกเรานั้นมีความเป็นด่าง
00:05:07 → 00:05:10 มากขึ้นบางคนนั้นก็จะมีอาการมือจีบขึ้นมา
00:05:10 → 00:05:12 ได้นะครับซึ่งเดี๋ยวจะรอให้ฟังเพิ่มเติม
00:05:12 → 00:05:15 นะครับแต่ประเด็นก็คือว่าผมอยากเห็นเฉย
00:05:15 → 00:05:17 ว่าความเป็นกรดได้ในร่างกายหรือเปลี่ยน
00:05:17 → 00:05:19 ได้ง่ายมากแล้วก็ไม่เข้าบ้านนะครับแค่ใจ
00:05:19 → 00:05:22 ขอเร็วขึ้นช้าลงนะครับแล้วการหายใจเนี่ย
00:05:22 → 00:05:25 แค่ 20 30 วินาทีเนี่ยก็มีผลให้เกิดการ
00:05:25 → 00:05:27 เปลี่ยนแปลงได้แล้วดังนั้นร่างกายของเรา
00:05:27 → 00:05:30 เนี่ยมันก็เลยต้องมีคนไกลนะครับที่จะป้อง
00:05:30 → 00:05:32 กันเพื่อให้ความเป็นกรดด่างเนี่ยมัน
00:05:32 → 00:05:34 เปลี่ยนแปลงมากเกินไปนะครับคือให้มาอยู่
00:05:34 → 00:05:37 ในภาวะสมดุลคำถามว่าคือว่าไอ้คนไกลของมัน
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยมันทำงานยังไงแต่ก่อนที่เราจะไปตอบ
00:05:40 → 00:05:42 คำถามนี้ได้นะครับเริ่มแรกสุดเนี่ยเรา
00:05:42 → 00:05:45 ต้องเริ่มที่รู้จักเกาะนะครับว่ามันมีสาร
00:05:45 → 00:05:48 เคมีมีอะไรบ้างครับหลักๆที่อยู่ในเรื่อง
00:05:48 → 00:05:50 ของเราเนี่ยที่จะมีผลต่อความเป็นกรดด่าง
00:05:50 → 00:05:53 ของเลือดเราคือถ้าสารเคมีเหล่านี้มัน
00:05:53 → 00:05:55 เปลี่ยนไปแล้วเนี่ยมันจะทำให้ความเป็นกรด
00:05:55 → 00:05:57 ด่างของเลือดเราเนี่ยมันเปลี่ยนแปลงไปได้
00:05:57 → 00:06:00 อื้อ
00:06:00 → 00:06:02 เหมาะ
00:06:02 → 00:06:05 สำหรับสารเคมีเลือกของเรานะครับที่จะมีผล
00:06:05 → 00:06:08 ให้ความเป็นกรดด่างมันเปลี่ยนไปได้เนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 จากๆเลยจะมีอยู่ 3 ตัวด้วยกันนะครับซึ่ง
00:06:11 → 00:06:13 มันเป็นชื่อทางเคมีนะครับตัวแรกเนี่ยชื่อ
00:06:13 → 00:06:15 ว่าไฮโดรเจนไอออนนะครับว่าจะเยอะว่าเป็น
00:06:16 → 00:06:18 ตัว S นะครับแล้วก็มีตัวบวกอยู่ข้างบนนะ
00:06:18 → 00:06:20 ครับสั่งทำไมตัวที่ 2 นี่ก็คือการ์ดเค้า
00:06:20 → 00:06:22 ไม่รับสายที่เราหายใจนะคะที่เรารู้จัก
00:06:22 → 00:06:26 ทั่วไปเนี่ยตัวนี้ว่าลายน้ำนะครับหรือ
00:06:26 → 00:06:28 ละลายในเลือดเนี่ยก็จะได้เป็นสารที่เป็น
00:06:28 → 00:06:30 กรดออกมานะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คือทักคำ
00:06:31 → 00:06:33 หลักทรายในเรื่องเล่าสู่ขึ้นเนี่ยเราก็จะ
00:06:33 → 00:06:36 ความเป็นกรดเนี่ยมากขึ้นสารเคมีตัวที่ 3
00:06:36 → 00:06:38 นะครับคือเป็นสารที่มีชื่อว่าไบคาร์บอเนต
00:06:38 → 00:06:40 นะครับหรือนิยมเรียกสั้นๆว่าเป็นใบขาดนะ
00:06:40 → 00:06:44 ครับก็แยกออกเป็น HC แล้วก็โอแล้วก็ค่อย 3
00:06:44 → 00:06:47 แล้วก็มีตัวเล็กค่ะหมายรอบนะครับอยู่ข้าง
00:06:47 → 00:06:49 บนนิดนึงนะครับตัวนี้เป็นสารที่เป็นด่าง
00:06:49 → 00:06:51 หลักๆก็จะชาร์จตัวนี้นะครับให้ดูเช่นนะ
00:06:51 → 00:06:53 ครับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้วก็สัตว์หรือ
00:06:53 → 00:06:56 ว่าไบขาบจะเป็นกรด 2 ตัวนะครับคือ
00:06:56 → 00:06:58 ไฮโดรเจนกับคำรักซ้ายแล้วก็เป็นดาว 1 ตัว
00:06:58 → 00:07:01 คือไบขาบทิ้งอาหาร 3 เคมี 3 ตัวนี้นะครับ
00:07:01 → 00:07:04 มันชะมัดเปลี่ยนกลับไปกลับมาระหว่างกัน
00:07:04 → 00:07:07 ได้ขึ้นทำให้แปลงร่างเปลี่ยนจากตัว1ใบตัว
00:07:07 → 00:07:09 นึงแล้วก็เป็นกลับไปกลับมาได้ตรงนี้นะ
00:07:09 → 00:07:11 ครับมันอาจจะเป็นรายละเอียดสักนิดนึงนะ
00:07:11 → 00:07:13 ครับเผื่อจะไม่ต้องสนใจมากก็ได้นะครับ
00:07:13 → 00:07:15 เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะครับไม่ได้อยากให้
00:07:15 → 00:07:18 จำแค่อยากให้เห็นภาพเฉยๆนะครับคือการ์ด
00:07:18 → 00:07:20 ครับเราทรายเนี่ยมันสามารถละลายในของเหลว
00:07:20 → 00:07:23 ทำละลายในเลือดได้นะครับละลายน้ำได้แล้ว
00:07:23 → 00:07:26 มันจะได้เป็นกฎตัวนึงนะครับช่วยกดค่า
00:07:26 → 00:07:29 บริการเสร็จได้กดค่าบริการสิตัวนี้มัน
00:07:29 → 00:07:31 สามารถแตกตัวมาได้นะครับเป็นไฮโดรเจน
00:07:31 → 00:07:33 ไอออนก็ไปเข้ามาเนตได้เท่านั้นก็จะเห็น
00:07:33 → 00:07:35 ไว้ตัวคำรักทรายโดยสามารถที่จะแปลงร่าง
00:07:36 → 00:07:38 ว่าเป็นให้รถจะนอนกับใบขับได้ขณะเดียวกัน
00:07:38 → 00:07:42 อ้ะตัวปลดนะครับตัวให้ตัวจะนอนกับใบค่ะก็
00:07:42 → 00:07:44 สามารถรวมตัวกันนะครับแล้วสุดท้ายเด้อ
00:07:44 → 00:07:47 เปลี่ยนกลับไปเป็นคำรักทรายได้ซึ่งก็คือ
00:07:47 → 00:07:49 เค้ารักษาที่เราหายใจออกไปเมื่อเราเข้าใจ
00:07:49 → 00:07:51 ภาวะตรงนี้นะครับก็ทำให้เราเข้าใจกันว่า
00:07:51 → 00:07:54 ทางร่างกายเนี่ยมากขึ้นนะครับเช่นสมมติ
00:07:54 → 00:07:56 ว่าในเลือดของเรานะครับมันมีความเป็นกฎ
00:07:56 → 00:07:58 มากเกินไปก็คือมีไฮโดรเจนไอออนเนี่ยใน
00:07:58 → 00:08:01 เรื่องใดมากเกินไปเอาตั๋วให้ด้วยจะได้โอน
00:08:01 → 00:08:04 หนี้มันสามารถจะไปรวมกับใบขาวนะครับเสร็จ
00:08:04 → 00:08:06 แล้วเนี่ยก็จะเป็นออกมาเป็นคำรักทรายแล้ว
00:08:06 → 00:08:08 เราก็หายใจไม่ออกไปได้ดังนั้นการหายใจ
00:08:08 → 00:08:11 เร็วๆนะครับก็คือการขับคำรับสายออกจาก
00:08:11 → 00:08:13 ร่างกายของเราในให้เร็วขึ้นแล้วก็คือการ
00:08:13 → 00:08:16 ขับกรดออกจากร่างกายให้เร็วขึ้นและนั่นนะ
00:08:16 → 00:08:18 ครับก็คือสารเคมีหลักๆนะครับที่มีผลต่อ
00:08:18 → 00:08:21 ความเป็นกรดด่างของเลือดเราตอนนี้จะมาดู
00:08:21 → 00:08:24 อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมภาวะ
00:08:24 → 00:08:26 กระดานร่างกายกันบ้างนะครับว่ามันมีเอา
00:08:26 → 00:08:29 ไว้ว่าอะไรบ้างนะครับหลักๆก็อย่างที่ว่า
00:08:29 → 00:08:31 ไปนะคะมันจะมีสองไว้ว่าหลักเลยก็คือ
00:08:31 → 00:08:34 เรื่องของไปแล้วก็เรื่องของปอดซึ่งค่อน
00:08:34 → 00:08:36 ข้างตรงไปตรงมานะครับคือปอดก็เชิญมาที่
00:08:36 → 00:08:39 ควบคุมการหายใจถูกไหมครับแล้วก็จะคอยทำ
00:08:39 → 00:08:41 หน้าที่ขับคำรักษาซึ่งก็คือตัวกรดที่อยู่
00:08:41 → 00:08:44 ในเลือดเนี่ยออกไปถ้ากดเลือกละมากเกินไป
00:08:44 → 00:08:46 แล้วก็ให้ใจเร็วขึ้นครับเค้ารักษาไปมาก
00:08:46 → 00:08:48 ขึ้นก็จะลดความเป็นกฎในเรื่องของเราได้
00:08:48 → 00:08:51 สำหรับเขาใหญ่วะที่ 2 นะครับก็คือไปนะ
00:08:51 → 00:08:53 ครับที่เราก็คุยกันไปแล้วตอนที่เราคุย
00:08:53 → 00:08:55 เรื่องของไตว่าหน้าที่หนึ่งของตายที่
00:08:55 → 00:08:57 สำคัญเนี่ยก็คือการขับกรดออกไปขับปัสสาวะ
00:08:58 → 00:09:00 หรือว่าการเก็บตัวด่านะก็ไม่ค่อยเด่น
00:09:00 → 00:09:03 เนี่ยตอบคุณเลือกของเราแล้วการทำงานร่วม
00:09:03 → 00:09:05 กันของ 2 ออยวานนี้นะครับมันก็จะทำให้
00:09:05 → 00:09:08 ภาวะก็ได้ในร่างกายของเราในเรื่องของเรา
00:09:08 → 00:09:10 เนี่ยมันมีความสมดุลนะครับเราค่อนข้างคง
00:09:10 → 00:09:10 ที่
00:09:10 → 00:09:13 ตอนนี้ผมอยากจะชวนมาดูตัวอย่างในชีวิต
00:09:13 → 00:09:16 จริงกันบ้างนะครับสมมติว่าเราไปออกกำลัง
00:09:16 → 00:09:18 กายนะครับที่เราไปวิ่งก่อนระยะทางไกลๆนะ
00:09:18 → 00:09:20 ครับหรือว่าเราออกกำลังกายแบบเอา Squad
00:09:20 → 00:09:24 นะครับดอกเดียวขายนะครับเพื่อใช้กล้าม
00:09:24 → 00:09:27 เนื้อมัดใหญ่ที่อยู่ออกเวรหลังขากับต้นขา
00:09:27 → 00:09:30 ให้มันทำงานมากขึ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ
00:09:30 → 00:09:32 ตามเนื้อมาทำงานมากขึ้นนะครับว่าจากการ
00:09:32 → 00:09:35 วิ่งและจากกันสวรรค์ก็ตามเนี่ยมันจะทำให้
00:09:35 → 00:09:40 มีการสะสมกรดภายในคราบด้วยของเราแล้วกด
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยก็จะสามารถที่จะเข้าในเลือดนะครับทำ
00:09:42 → 00:09:43 ให้เลือกของเรานั้นมีความเป็นกรดเพิ่ม
00:09:43 → 00:09:46 ขึ้นเมื่อได้ของเรามีความปลอดเพิ่มมาก
00:09:46 → 00:09:49 ขึ้นนะครับเราเคยคุยกันไปนะครับถ้าจำกัน
00:09:49 → 00:09:53 ได้เนี่ยผมก็น้อยให้ฟังว่าในเส้นเลือดแถว
00:09:53 → 00:09:55 ๆบริเวณคอของเราเดี๋ยวมันจะมีตัว Sensor
00:09:55 → 00:09:57 อยู่นะครับที่จะวัดความเป็นกรดด่างใน
00:09:57 → 00:10:00 เลือดว่ากฎดังเหลือในมันมากน้อยแค่ไหน
00:10:00 → 00:10:02 อยู่ที่นี่มาต่อเซ็นเซอร์มันจับได้ว่ามัน
00:10:02 → 00:10:05 มีความเป็นกรดในเลือดเหนียวมากขึ้นมันก็
00:10:05 → 00:10:07 จะส่งสัญญาณขึ้นไปที่สมองเพื่อรับรู้ว่า
00:10:07 → 00:10:10 ตอนนี้เลือดมันมีความเป็นกรดสูงขึ้นแล้ว
00:10:10 → 00:10:13 สมองเนี่ยก็จะรับรู้แล้วก็จะสั่งมัดงานมา
00:10:13 → 00:10:15 ที่ปอดนะครับสั่งมาที่กล้ามเนื้อที่
00:10:15 → 00:10:17 เกี่ยวของการหายใจให้เราหายใจเนี่ยไม่
00:10:17 → 00:10:20 ขึ้นนะครับหายใจถี่ขึ้นเพื่อที่จะขับคำ
00:10:20 → 00:10:23 รักซ้ายออกไปจากร่างกายของเราซึ่งก็คือ
00:10:23 → 00:10:26 การขับกรดจากร่างกายของเราและการนั้นก็
00:10:26 → 00:10:28 คืออาการหอบเหนื่อยนะครับที่เกิดขึ้นเวลา
00:10:28 → 00:10:30 เราออกกำลังกายนะครับแต่นั้นช่วงที่เรา
00:10:30 → 00:10:32 ออกกำลังกายเสร็จแล้วยังคอร์ดอยู่ในพัก
00:10:32 → 00:10:34 นึงเนี่ยก็คือช่วงที่ร่างกายดาวเทียมจะ
00:10:34 → 00:10:37 ขับให้ความปวดที่มันค้างอยู่เนี่ยออกไป
00:10:37 → 00:10:39 เรื่อยๆเพื่อความเป็นกรดของในเลือดของเรา
00:10:39 → 00:10:42 ในว่าเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลนะครับเข้าสู่
00:10:42 → 00:10:45 ภาวะกลางในครั้งนึงเนี่ยเราก็จะหยุดผ่อน
00:10:45 → 00:10:46 เหนื่อยนะครับประการพร้อมเนี่ยก็จะหายไป
00:10:47 → 00:10:49 เท่านี้นะครับผมเชื่อว่าหลายคนนะเพราะฟัง
00:10:49 → 00:10:51 มาถึงตรงนี้นะครับอาจารย์นึกสงสัยขึ้นมา
00:10:51 → 00:10:54 นะครับว่าได้การทำงานของปอดและก็ไปเนี่ย
00:10:54 → 00:10:57 มันต่างกันยังไงนะครับก็คือว่าปอดเนี่ยก็
00:10:57 → 00:10:59 ทำหน้าที่ควบคุมกฎได้เหมือนกันนะครับด้วย
00:10:59 → 00:11:02 การสนใจส่วนตัวตายแล้วก็ทำหน้าที่ควบคุม
00:11:02 → 00:11:05 product เหมือนกันด้วยกันขับออกรถออกทาง
00:11:05 → 00:11:08 ปัสสาวะก็ดึงตัวไปข้างในกลับเข้าในเลือด
00:11:08 → 00:11:10 สำหรับคำถามนี้นะครับจริงเราเคยต่อไปแล้ว
00:11:10 → 00:11:14 นะครับสั้นๆนะครับออกแบบย่อๆก็คือว่าการ
00:11:14 → 00:11:18 ปรับความกดดันของเลือดในจักรวาลปอดเนี่ย
00:11:18 → 00:11:21 มันจะปรับค่อนข้างเร็วเพราะว่ามันปรับ
00:11:21 → 00:11:23 ด้วยการหายใจเธอมาทำมันจะปรับเปลี่ยนการ
00:11:23 → 00:11:25 ที่ใจของเราให้เร็วขึ้นว่าช้าลงแต่ว่าเรา
00:11:25 → 00:11:28 จะหายใจเร็วขึ้นแล้วช้าลงในแค่ชั่วคราว
00:11:28 → 00:11:31 เท่านั้นจนตายในมันจะทำงานเหมือนกับทำงาน
00:11:31 → 00:11:33 ระยะยาวนะครับก็คือค่อยๆเปลี่ยนภาวะความ
00:11:33 → 00:11:36 เป็นกรดด่างอย่างช้าๆนะครับก็ค่อยๆขับสาร
00:11:36 → 00:11:39 เคมีออกไปเรื่อยๆนะครับทีละหยดทีละหยดทำ
00:11:39 → 00:11:41 ให้โกดังในเรื่องของเราเนี่ยค่อยเปลี่ยน
00:11:41 → 00:11:44 ช้านะครับแต่ว่ามันจะเปลี่ยนได้นานโดยตัว
00:11:44 → 00:11:46 ก็คือว่าปอดเนี่ยทำงานเร็วนะครับแต่ทำงาน
00:11:46 → 00:11:49 สั้นส่วนตายเนี่ยจะทำงานระยะยาวนะครับแต่
00:11:49 → 00:11:53 ทำงานช้าๆไปโอเคคิดว่าน่าจะพอเห็นภาพแล้ว
00:11:53 → 00:11:54 นะครับขาวๆนะครับว่าร่างกายของเราเดี๋ยว
00:11:54 → 00:11:57 ควบคุมความเป็นกรดด่างในเลือดของเราอย่าง
00:11:57 → 00:12:00 ไรนะครับคันนี้ผมจะชวนมาดูบ้างว่าในผมคิด
00:12:00 → 00:12:03 ผิดปกตินะครับอ่อที่ร่างกายคนเราเสีย
00:12:03 → 00:12:05 สมดุลของโกดังไปเนี่ยมันเกิดขึ้นได้ยังไง
00:12:05 → 00:12:10 นะครับ
00:12:10 → 00:12:13 คำตอบนะครับก็ค่อนข้างตรงไปตรงมานะครับ
00:12:13 → 00:12:16 ค่อนข้างง่ายๆก็คือว่าไม่ว่าจะเป็นภาวะ
00:12:16 → 00:12:18 อะไรก็ตามครับที่ทำให้การหายใจของเรา
00:12:18 → 00:12:21 เนี่ยมันเสียไปนะครับรถเปลี่ยนไปอย่างมาก
00:12:21 → 00:12:24 ๆหรือทำให้การทำงานของไตเนี่ยมันเสียไป
00:12:24 → 00:12:27 มันก็จะทำให้การควบคุมกฎดังของเลื่อน
00:12:27 → 00:12:29 เสี่ยไปได้จากนั้นคำถามนะครับก็ต้องแยก
00:12:29 → 00:12:32 หรือว่ามันมีอะไรบ้างที่ทำให้การเห็นใจ
00:12:32 → 00:12:35 ของเราในมันเปลี่ยนไปนะครับแล้วก็มันมี
00:12:35 → 00:12:37 อะไรบ้างที่ทำให้ตายของเราเนี่ยเสียหาย
00:12:37 → 00:12:40 ได้เราจะมาเริ่มจากคำถามแม่ก่อนนะครับก็
00:12:40 → 00:12:42 คือว่ามันมีภาวะอะไรบ้างที่ทำให้การหายใจ
00:12:42 → 00:12:45 ของเราเดี๋ยวมันผิดปกติไปหรือว่าเสียหาย
00:12:45 → 00:12:48 ไปได้ดังนั้นนะครับถ้ามีอุบัติเหตุนะครับ
00:12:48 → 00:12:50 หรือว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับสมองนะครับ
00:12:50 → 00:12:52 เช่นเป็นเรื่องของรถชนนะครับหัวกระแทก
00:12:52 → 00:12:54 พื้นอย่างรุนแรงแล้วมีเลือดออกในสมอง
00:12:54 → 00:12:58 เนี่ยะมันจะมีผลกระทบให้ไอ้ออกการแห่งใจ
00:12:58 → 00:13:01 ของเราเนี่ยมันช้าลงได้เสื้อชนิดมาหายใจ
00:13:01 → 00:13:04 ช้าลงจากที่สมองเสียหายเนี่ยเราก็จะหายใจ
00:13:04 → 00:13:07 น้อยลงทำให้คำรักทรายในเลือดมันข้างมาก
00:13:07 → 00:13:09 ขึ้นทำให้เลือกเราเนี่ยมีภาวะที่กดมาก
00:13:09 → 00:13:12 ขึ้นต้องหรือจากการได้รับอุบัติเหตุนะ
00:13:12 → 00:13:14 ครับสมองเราอาจจะโดนกระทบจากอย่างอื่นได้
00:13:14 → 00:13:17 เช่นเรื่องของสารเคมีนะครับโดยเฉพาะตัว
00:13:17 → 00:13:20 แอลกอฮอล์นะครับหรือว่าเราต่างๆถ้าเรา
00:13:20 → 00:13:23 ดื่มมากเกินไปห้าเดือนประมาณที่สูงมากๆจน
00:13:23 → 00:13:25 เมาเละเลยเนี่ยด้วยความที่อัลกอฮอล์นะ
00:13:25 → 00:13:27 ครับจะมีฤทธิ์ที่เขาเรียกว่าเป็นการกด
00:13:27 → 00:13:29 ระบบประสาทส่วนกลางนะคะหรือว่ากดผู้แรกกด
00:13:29 → 00:13:33 กันไว้ของสมองให้มันทำงานน้อยลงซึ่งมันก็
00:13:33 → 00:13:36 จะออกมาในรูปของความการเมานะครับเมาเยอะๆ
00:13:36 → 00:13:39 ก็คือง่วงนะครับรู้สึกมันๆแล้วก็พูดจาไม่
00:13:39 → 00:13:41 ค่อยรู้เรื่องแล้วถ้าเป็นมากๆก็ทำให้เรา
00:13:41 → 00:13:43 หลับก็ถึงขั้นที่เรียกว่าทำให้แล้วการหาย
00:13:44 → 00:13:46 ใจของเราในบ้านช้าลงด้วยดังนั้นในคนที่
00:13:46 → 00:13:49 เมาแล้วมากๆนะครับมาจนหมดสติไปเนี่ยก็จะ
00:13:49 → 00:13:52 มีความเสี่ยงที่จะพาว่าเลือดบ่มีความเป็น
00:13:52 → 00:13:55 กฎเนี่ยสูงขึ้นได้เช่นกันโดยจากนั้นนะ
00:13:55 → 00:13:57 ครับก็จะเป็นพวกสารเคมีอื่นนะครับอาจจะ
00:13:57 → 00:13:59 เป็นเรื่องของยานะฉันยานอนหลับเนี่ยมันก็
00:13:59 → 00:14:02 จะมีหรือฝากกดประสาทเหมือนกันนะครับก็ถ้า
00:14:02 → 00:14:04 คนที่กินยานอนหลับมากเกินไปนะครับเช่นกิน
00:14:04 → 00:14:06 ในลายเม็ดนะครับขออาจจะเพื่อฆ่าตัวตาย
00:14:06 → 00:14:09 แล้วก็แล้วแต่เนี่ยก็จะทำให้การหายใจของ
00:14:09 → 00:14:11 เราน้อยลงแล้วเกิดเพราะว่าเลือกเป็นกฎ
00:14:11 → 00:14:13 ขึ้นมาได้อันนั้นก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น
00:14:13 → 00:14:15 ที่สมรครับต้องเลยฉะนั้นไม่ว่าจะเป็น
00:14:15 → 00:14:18 เรื่องของคนที่ป่วยด้วยโรคของปอดนะครับ
00:14:18 → 00:14:20 เช่นพวกโลกที่ทำให้ค่าเงินเห็นใจของปอด
00:14:20 → 00:14:23 เนี่ยอ๋อมันติดแค่ตรงนะคะว่าจะเป็นพวกโรค
00:14:23 → 00:14:26 ถุงลมโป่งพองนะครับจะกระฉูดบุหรี่ที่เรา
00:14:26 → 00:14:28 ว่าที่ opd ที่เราคุยกันไปแล้วเหมือนกัน
00:14:28 → 00:14:30 นะครับตอนนี้คุยเรื่องของปอดเราคนที่มี
00:14:30 → 00:14:32 ปัญหาเรื่องของโรคคอคือนะครับเพราะว่าโรค
00:14:33 → 00:14:35 ผื่นทางเดินหายใจเล็กๆได้บ่เนี่ยก็จะติด
00:14:35 → 00:14:38 ตันทำให้คำรับทรายแล้วมันค้างอยู่ในเลือด
00:14:38 → 00:14:42 มากขึ้นได้ก็ทำให้อ๋อมีความเป็นกดเลือก
00:14:42 → 00:14:44 เราในสูงขึ้นในทางตรงกันข้ามนะครับมันจะ
00:14:44 → 00:14:47 มีภาวะบางภาวะนะครับเช่นเป็นภาวะทางจิตใจ
00:14:47 → 00:14:49 นะครับที่ทำให้เราให้จ่ายเน็ตเร็วขึ้นนะ
00:14:49 → 00:14:51 ครับหายใจมากกว่าปกติเพราะตัวอย่างเช่น
00:14:51 → 00:14:53 ภาวะที่มีชื่อเรียกทางการแพทย์นะครับว่า
00:14:53 → 00:14:55 Panic นะครับภายในการแท็กเนี่ยหรือว่า
00:14:55 → 00:14:58 ภาวะที่เหมือนกับรู้สึกวิตกกังวลระวัฒน์
00:14:58 → 00:15:00 ตัวขึ้นอย่างกะทันหันเนี่ยนะครับและก็จะ
00:15:00 → 00:15:03 ทำให้เราหายใจเร็วขึ้นได้ซึ่งในคนที่เกิด
00:15:03 → 00:15:06 อาการเนี่ยนะครับเวลาหายใจเร็วมากขึ้น
00:15:06 → 00:15:08 ด้วยเนี่ยเราก็จะขับคำรักสายออกจากเลือด
00:15:08 → 00:15:11 เนี่ยมากเกินไปหรือว่าเร็วเกินไปจนเหลือ
00:15:11 → 00:15:14 เรามีภาวะเป็นต่างชนิดพอเลือกเรามีพ่อ
00:15:14 → 00:15:16 เป็นด่าเนี่ยคนที่ตามมาเนี่ยมันจะทำให้
00:15:16 → 00:15:19 เกิดการเปลี่ยนแปลงของเกลือแร่บางตัวนะ
00:15:19 → 00:15:22 ครับซึ่งเอาวันหลังจะเล่าให้ฟังแต่หลักๆ
00:15:22 → 00:15:24 ก็เป็นเรื่องของโพแทสเซียมนะครับไปเลือก
00:15:24 → 00:15:26 เนี่ยแล้วพอเกลือแร่มันเปลี่ยนแปลงมันจะ
00:15:26 → 00:15:29 มีผลกระทบให้กล้ามเนื้อในทำงานผิดปกติไป
00:15:29 → 00:15:33 จนกระทั่งอ่อนบ้านในบางคนนะครับอ่าเจอมาก
00:15:33 → 00:15:36 ๆจะมี PR การแปลงของนิ้วขึ้นมานะครับของ
00:15:36 → 00:15:38 กล้ามเนื้อที่นิ้วเนี่ยจนเกิดอาการที่
00:15:38 → 00:15:40 เป็นอาการมือจีบเลยขึ้นมาได้ซึ่งจะให้ๆ
00:15:40 → 00:15:43 กับนิ้วมือหรือเป็นตะคริวและวิธีแก้นะ
00:15:43 → 00:15:45 ครับก็คือการหายใจเข้าไปในถุงนะครับเพราะ
00:15:45 → 00:15:48 ว่าหากระดาษในทำไมป่วยนะคะเราครอบจมูกปาก
00:15:48 → 00:15:51 เอาไว้แล้วก็หายใจเข้าไปในกรวยที่เราทำ
00:15:51 → 00:15:53 ยังไงนะเพื่อที่เราจะหายใจคำรับสายที่เรา
00:15:53 → 00:15:55 หายใจออกไปเนี่ยกลับเข้าไปครั้งหนึ่ง
00:15:55 → 00:15:57 เพื่อที่จะเพิ่มความรักทรายในเลือดแล้วก็
00:15:57 → 00:16:00 หวังว่าให้ขับรถใส่ตัวนั้นเนี่ยมันจะมามี
00:16:00 → 00:16:02 ความเป็นด่างของเลือดเนี่ยกลับเข้าสู่
00:16:02 → 00:16:05 ความเป็นจริงๆเนี่ยได้ดีขึ้นโอเคนั่นก็
00:16:05 → 00:16:08 เป็นความผิดปกติของกรดด่างในเลือดนะครับ
00:16:08 → 00:16:11 ที่เกิดขึ้นจากทางส่วนของปอดนะครับคราว
00:16:11 → 00:16:14 นี้เราจะมาดูความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากไป
00:16:14 → 00:16:17 กันบ้างนะครับถ้าเป็นการความผิดปกตินะ
00:16:17 → 00:16:19 ครับของกดดันที่เกิดขึ้นจากทักไปนะครับ
00:16:19 → 00:16:21 ประดิษฐ์ทางการแพทย์ในจะมีคำเรียกว่าไม่
00:16:21 → 00:16:24 ตอบอะเหล็กนะครับคือง่ายขึ้นมันจะเป็นการ
00:16:24 → 00:16:26 เปลี่ยนแปลงของสารที่เป็นพวกกดดันต่างๆใน
00:16:26 → 00:16:28 ร่างกายมันเกิดการเปลี่ยนแปลงก็อย่างรวด
00:16:28 → 00:16:31 เร็วที่นี่เพื่อให้เห็นภาพของมาดูตัว
00:16:31 → 00:16:34 อย่างจริงมันน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่ายกตัว
00:16:34 → 00:16:37 อย่างเช่นนะครับเอาในกรณีที่คนที่ป่วย
00:16:37 → 00:16:39 ด้วยอากาศอะไรก็แล้วแต่นะคะหรือว่าโลก
00:16:39 → 00:16:41 อะไรก็แล้วแต่เรามีอาการอาเจียนมากๆนะ
00:16:41 → 00:16:44 ครับก็จะมีการเสียกรดนะครับเพราะว่าอย่าง
00:16:44 → 00:16:46 ที่เราเชื่อว่าหลายๆคนรู้กันนะครับว่า
00:16:46 → 00:16:48 อะไรเพราะหาเราจะมีความเป็นกฎข้างสูงคือ
00:16:48 → 00:16:51 ตัวน้ำย่อยไม่เห็นเขาเป็นกฎสูงเพราะไอ้เจ
00:16:51 → 00:16:53 เราไปมากๆแล้วก็เสียพวกกดพรุ่งนี้ออกไป
00:16:53 → 00:16:56 ครับการอาเจียนนะครับก็จะทำให้เราเข้าสู่
00:16:56 → 00:16:59 ภาวะด่างในทางตรงกันข้ามนะครับในลำไส้
00:16:59 → 00:17:03 เล็กของว่ามันจะมีความเป็นด่างอ่อนๆอยู่
00:17:03 → 00:17:05 นะคะเป็นด่างเหตุผลที่จริงมันข้างๆตรงไป
00:17:05 → 00:17:08 ตรงมาก็คือเมื่อเรากินอาหารเข้าไปแล้วนะ
00:17:08 → 00:17:10 ครับผ่านกระเพาะซึ่งเป็นกฎสูงเนี่ยพ่อ
00:17:10 → 00:17:12 อ่านไม่ออกจากกระเพาะเข้าไปในลำไส้เล็ก
00:17:12 → 00:17:16 เนี่ยมันจะต้องถูกปรับให้มีค่าใกล้กับคาบ
00:17:16 → 00:17:18 ความเป็นกลางเนี่ยมากขึ้นก็คือกลับมามี
00:17:18 → 00:17:20 ความเป็นได้มากขึ้นเพราะว่าเอนไซม์ที่ใช้
00:17:20 → 00:17:22 ในการย่อยอาหารต่างๆที่ทำงานในอยู่ในลำ
00:17:22 → 00:17:25 ไส้เล็กเนี่ยมาจ้องทำงานในภาวะที่เป็น
00:17:25 → 00:17:28 กลางแล้วค่อยทางด้านนิดหน่อยนะครับร่าง
00:17:28 → 00:17:30 กายในก็จะมีการสร้างพวกสารที่เป็นด่างใน
00:17:30 → 00:17:33 ออกมานะครับนี่เวลาเราเกิดภาวะท้องเสีย
00:17:33 → 00:17:35 รุนแรงนะครับเราก็จะเสียสิ่งที่อยู่ในลำ
00:17:35 → 00:17:38 ไส้ออกไปทั้งลำไส้ใหญ่แล้วก็ไปรวมไปถึงมี
00:17:38 → 00:17:41 สารเคมีในลำไส้เล็กผลก็คือเราจะเสียด่า
00:17:41 → 00:17:44 ออกจากร่างกายทำให้เลือดของเรานะครับมี
00:17:44 → 00:17:46 ภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้นได้ซึ่งก็จะตรงข้าม
00:17:46 → 00:17:49 กับการอาเจียนที่คุยกันไปหรือปัญหานะคะ
00:17:49 → 00:17:52 อาจจะเกิดจะกันความเป็นปฏิธิไตยโดยตรงนะ
00:17:52 → 00:17:54 ครับก็อย่างที่คุยกันไปวัดไตเป็นอวัยวะ
00:17:54 → 00:17:57 ที่คอยทำหน้าที่ขับกดออกจากร่างกายคราว
00:17:57 → 00:17:59 นี้นะแต่เขาทำงานน้อยลงนะครับว่าจะเป็น
00:17:59 → 00:18:02 จัดการผู้บาดเจ็บเฉียบพลันนะครับเราเป็น
00:18:02 → 00:18:04 โรคไตเรื้อรังเนี่ยร่างกายเราก็จะเป็นการ
00:18:04 → 00:18:07 สะสมกดในเลือดเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้เกิด
00:18:07 → 00:18:10 ภาวะเลิกเป็นกฎได้อีกภาวะหนึ่งนะคะที่พบ
00:18:10 → 00:18:12 ได้บ่อยนะครับก็คือผู้ป่วยที่ช็อกนะครับ
00:18:12 → 00:18:15 จากโรคเบาหวานก็คือเป็นคนที่ผู้ป่วยเป็น
00:18:15 → 00:18:17 โรคเบาหวานอยู่แต่เดิมนะครับคุมน้ำตาลไม่
00:18:17 → 00:18:19 ดีเนี่ยทั้งน้ำตานั้นขึ้นไปสูงมากๆครับ
00:18:19 → 00:18:22 ขึ้นไปสูงแบบเจ็ดร้อยพันนึงอะไรประมาณนี้
00:18:22 → 00:18:25 นะครับสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าเมื่อน้ำ
00:18:25 → 00:18:27 ตาลในเลือดเป็นสูงในเหตุผลที่นัดอันนี้
00:18:27 → 00:18:29 มันสูงนะเพราะน้ำตาได้ไม่สามารถเข้าไปใน
00:18:29 → 00:18:32 เซลล์ได้จะได้พอเซลล์เนี่ยมันขาดน้ำตาล
00:18:32 → 00:18:35 เนี่ยมันก็มีพลังงานถูกไหมครับมันก็จะไป
00:18:35 → 00:18:38 หาพลังงานทางเลือกอื่นมาใช้ซึ่งมันเคยเผา
00:18:38 → 00:18:42 ไขมันว่าใช้หนี้เวลามันเผาใครมาใช้จำนวน
00:18:42 → 00:18:44 มากๆมันจะได้สารเคมีตัวออกมาเป็นสารที่มี
00:18:44 → 00:18:47 ชื่อเรียกว่าคีโตนไอ้สารคีโตนในบ่อมี
00:18:47 → 00:18:50 ฤทธิ์เป็นกรดนะครับจะได้พอมันมีการใช้
00:18:50 → 00:18:52 แล้วก็สร้างที่ตนทั่วมากๆเพราะทำให้เกิด
00:18:52 → 00:18:55 ภาวะขอเลือกเป็นกรดได้เพราะว่าเนี่ยเป็น
00:18:55 → 00:18:57 ภาวะที่เรียกว่ามีชื่อเรียกว่าขี่ตัว R
00:18:57 → 00:19:00 ซิโดซิสนะครับซึ่งเป็นสาเหตุที่พบถ้าวัน
00:19:00 → 00:19:02 หลังถ้ามีโอกาสคุยเรื่องของภาวะช็อกจาก
00:19:02 → 00:19:04 โรคเบาหวานอย่างละเอียดนะครับผมจะมาเล่า
00:19:04 → 00:19:07 เรื่องพรุ่งนี้ให้ฟังอีกทีนึงนะครับโอเค
00:19:07 → 00:19:09 ทั้งหมดนี้นะครับคือสาเหตุที่พบได้บ่อยนะ
00:19:09 → 00:19:11 ครับที่ทำให้อ๋อความเป็นกรดด่างของเลือด
00:19:11 → 00:19:14 เราเนี่ยเปลี่ยนไปหรือว่าผิดปกติไม่ได้คำ
00:19:14 → 00:19:17 ถามถัดไปนะครับก็คือว่าแล้วเราจะรู้ได้
00:19:17 → 00:19:20 ยังไงนะครับว่าภาวะกรดด่างของเลือดเรา
00:19:20 → 00:19:22 เนี่ยตอนนี้มันเป็นยังไงคำตอบก็คือว่า
00:19:22 → 00:19:25 วิธีเรียกรู้ได้กันการเจาะเลือดเข้าไปดู
00:19:25 → 00:19:27 ได้การจอดรถแบบนี้นะครับมันจะไม่เหมือน
00:19:27 → 00:19:29 กับการเจาะเลือดที่เราเวลาเราไปตรวจพวก
00:19:29 → 00:19:31 เขาจะรอตัวน้ำตานะครับซึ่งจะจอดที่เส้น
00:19:31 → 00:19:34 เลือดดำนะครับเช่นตัวที่แบบข้อพับแถวข้อ
00:19:34 → 00:19:37 สอบเนี่ยนะครับแต่ว่าการตรวจความเป็นกฎ
00:19:37 → 00:19:39 ได้มานพตรวจจากออการจอดจากเส้นเลือดแดงนะ
00:19:39 → 00:19:42 ครับซึ่งส่วนใหญ่นิยมเจาะเวรที่จะแดงที่
00:19:42 → 00:19:44 อยู่แถวข้อมือนะครับซึ่งก็คือตัวชิ้นเอา
00:19:44 → 00:19:48 แสดงที่เราใช้คำที่ประจรกันซึ่งคนส่วน
00:19:48 → 00:19:50 ใหญ่ถ้าไม่เคยป่วยหนักๆหรือเข้าไปนอนโรง
00:19:50 → 00:19:53 พยาบาลไม่น่าจะเคยโดนตรวจแบบนี้มาเกาะน
00:19:53 → 00:19:54 และนั่นก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดนะครับผมกด
00:19:54 → 00:19:56 ด่างนะคะที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังหน่อยพี่
00:19:56 → 00:19:58 โสดนี้นะครับก็คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพนะ
00:19:58 → 00:20:01 ครับว่าให้ลดระดับก็เลือกเป็นคืออะไรนะ
00:20:01 → 00:20:03 ครับมันสำคัญกับร่างกายของเรายังไงแล้ว
00:20:04 → 00:20:06 มันร่างกายพอเราในวันนี้คนไกลที่จะคอยควบ
00:20:06 → 00:20:09 คุมความเป็นกรดด่างของเลือดแล้วสาเหตุ
00:20:09 → 00:20:11 อะไรบ้างนะคะที่พบได้บ่อยที่ทำให้ความ
00:20:11 → 00:20:14 เป็นกฎได้มาผิดปกติไปก็น่าจะครอบคลุมนะ
00:20:14 → 00:20:17 ครับสำหรับในพิโซนี้ผมก็อยากจะขอจบเรื่อง
00:20:17 → 00:20:19 ราวไว้ตรงนี้เลยนะครับแล้วก็จะจากกันไป
00:20:19 → 00:20:22 เช่นเคยนะครับถ้าใครชอบสิ่งที่เล่าให้ฟัง
00:20:22 → 00:20:24 นะครับเราอยากซับสนุนเป็นกำลังใจให้นะ
00:20:24 → 00:20:27 ครับก็อย่าลืมกด Subscribe นะครับกดไลค์
00:20:27 → 00:20:28 นะครับแล้วก็เขียนคอมเม้นให้หน่อยนะครับ
00:20:28 → 00:20:31 ก็วันนี้ผมก็ขอลาไปก่อนนะครับและเรามาเจอ
00:20:31 → 00:20:40 กันใหม่ในที่สนหน้านะครับส่วนนี้ครับอ่ะ
00:20:40 → 00:20:44 [เพลง]